ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Seem sweet [ Krisyeol + Sehun x Luhan ]

    ลำดับตอนที่ #15 : Seem sweet - 14

    • อัปเดตล่าสุด 6 เม.ย. 58


     

    Chapter 14


     



    ท่าเรือปูซานที่ในตอนค่ำเกิดความวุ่นวายจากการปะทะระหว่างตำรวจกับกลุ่มผู้มีอิทธิพลรายใหญ่ และเป็นไปอย่างที่คริสนึกกังวลไว้ว่าคนอย่างอู๋ฟงคงไม่ถูกจับกุมโดยง่าย เขาพาหัวหน้าใหญ่ของแก๊งมังกรหลบหนีมาจนถึงท่าเรือที่เตรียมสปี๊ดโบ๊ทขนาดกลางรอไว้อยู่แล้ว

     

    “คนอื่นแยกกันไปอีกลำหนึ่ง ส่วนลำนี้ฉันจะไปกับ ลูกชาย สองคน”อู๋ฟงสั่งลูกน้องที่ตามมาคุ้มกัน

     

    คริสหันไปส่งสัญญานให้จื่อเทาตามประกบพวกที่เหลือแทน ส่วนตัวเองก็กระโดดขึ้นเรือตามอู๋ฟงไป เขาเข้าไปห้องบังคับเรือเพื่อขับออกจากท่า จุดหมายตามแผนสำรองที่อู๋ฟงวางไว้คือหนีข้ามไปญี่ปุ่น คริสบังคับทิศทางเรือออกนอกเส้นทางมาได้สักพักจนหันกลับไปไม่เห็นแผ่นดินเขาถึงดับเครื่องปล่อยให้เรือหรูลอยลำอยู่บนน้ำทะเลอย่างอิสระแล้วจึงออกเดินไปทางหัวเรือที่อู๋ฟงยืนรับลมอยู่

     

    “ฉันภูมิใจนะที่เลี้ยงแกให้โตมาเก่งกาจและฉลาดได้แบบนี้”อู๋ฟงพูดพร้อมหันกลับมามองคนที่เขาเรียกว่าลูกชายอย่างไม่มีท่าทีแปลกใจที่อีกฝ่ายดับเครื่องเรือกลางทะเลแบบนี้

     

    จากคำพูดนั้นคริสเดาได้ว่าอู๋ฟงคงรู้แล้วที่ตำรวจบุกจับในวันนี้เป็นฝีมือเขา ไม่เพียงแค่ที่ปูซานแต่คฤหาสน์ที่จีนก็ถูกตำรวจเข้าบุกจับของผิดกฏหมายไว้หมดแล้วเช่นกัน

     

    “ผมก็ต้องขอบคุณเหมือนกันที่อุตส่าห์เลี้ยงผมมา”เป็นคำพูดที่ออกมาจากใจจริงของคริส ถึงแม้อู๋ฟงจะไม่ได้มอบความรัก ความอบอุ่นให้แต่ก็ไม่เคยปล่อยเขาอดอยาก ให้เขาได้กินอิ่มทุกมื้อ ให้การศึกษาที่ดี มันเป็นสายใยบางๆ ที่ทำให้เขายังผูกพันธ์กับผู้ชายคนนี้ ถึงแม้จะรู้ว่าคนที่ตนเรียกว่าพ่อมาตลอดคือคนฆ่าผู้ให้กำเนิดตัวเองก็ตาม

     

    “ฮึๆ งั้นวันนี้เรามาเปิดอกคุยกับตามประสา พ่อลูก ดีกว่า”ร่างสูงสง่าของชายที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมาหลายสิบปีเดินไปนั่งลงบนลังไม้ขนาดใหญ่ที่คริสเพิ่งสังเกตุเห็นว่ามันถูกตั้งไว้ตรงนี้ด้วย นิ้วเรียวเคาะลงบนลังไม้อย่างรื่นรมย์ราวกับคุณพ่อที่พาลูกชายมาเที่ยวพักร้อน

     

    คริสเองก็เดินไปพิงราวกั้นด้วยท่วงท่าสบายๆ เช่นกัน ไม่ว่ามันจะจบแบบไหนก็ไม่อยากให้มันค้างคาถึงอย่างไรก็ใช้ชีวิตเป็นพ่อลูกกันมายี่สิบกว่าปี

     

    “แกวางแผนโค่นล้มฉันตั้งแต่เมื่อไหร่”คนอายุมากกว่าเปิดประโยคถาม

     

    “ผมรู้ตัวว่าไม่ใช่ลูกคุณก่อนแม่จะเสียไม่กี่วัน...แอบเห็นตอนแม่เขียนไดอารี่พอดี แต่ตอนนั้นก็ยังไม่คิดว่าจะต้องแก้แค้นหรือโค่นอำนาจคุณหรอกนะ เพราะผมอยู่ในฐานะลูกชายคนเดียวของคุณถึงยังไงแก๊งมังกรก็ต้องตกเป็นของผมอยู่ดี”คริสเริ่มเล่าเรื่องราวโดยทอดสายตาไปบนผืนน้ำที่มืดสนิทราวกับกำลังรำลึกถึงอดีตที่ผ่านมา

     

    “งั้นเพราะเจ้าเด็กนั่นสินะแกถึงเริ่มคิดจะล้มฉัน”เป็นสิ่งที่เขานึกกังวลไว้ตั้งแต่แรกอยู่แล้ว ความรักมักจะทำให้คนอ่อนแอ เขาอยากสร้างคริสให้เติบโตอย่างแข็งแกร่งถึงได้พยายามกำจัดปาร์คชานยอลออกไปจากชีวิตลูกชาย แต่ก็ไม่เคยสำเร็จเลยสักครั้ง

     

    “จะว่าแบบนั้นก็ใช่ ถ้าคุณไม่ทำลายตระกูลปาร์ค ไม่คิดทำร้ายชานยอล ผมอาจจะยังเป็นลูกชายที่ดีรอจนกว่าคุณจะจากโลกนี้ไปแบบสงบ”คริสเค้นรอยยิ้มข่มขื่นให้กับเหตุการณ์ที่เปลี่ยนแปลงความสัมพันธ์ระหว่างเขากับชานยอล



     

    “คุณรีบตามชานยอลไปเถอะ ทางนี้ผมจะจัดการให้เอง”คริสบอกหัวหน้าปาร์คอย่างเร่งรีบ เขาจงใจใช้วิธีวางเพลิงทำลายหลักฐานทั้งหมดเพื่อจะได้ปล่อยหัวหน้าปาร์คไปโดยไม่มีใครรู้

     

    “ขอบคุณสำหรับทุกอย่างนะครับนายน้อย แต่ผมเห็นแก่ตัวโดยการหนีไปแล้วให้คุณรับโทษไม่ได้หรอก”ชายวัยกลางคนพูดออกมาอย่างไม่คิดหวาดกลัวต่อความตาย เขารู้ว่าคริสพยายามช่วยเหลือครอบครัวเขามามากแล้ว ไม่อยากทำให้เด็กหนุ่มเดือดร้อนไปมากกว่านี้ “แต่ถ้าจะเมตตาจริงๆ หลังจากผมตายไปแล้ว ฝากคุณช่วยดูแลชานยอลด้วย"

     

    “ไม่ต้องห่วง ผมไม่มีทางปล่อยให้ชานยอลเป็นอันตรายอยู่แล้ว คุณก็ด้วยรีบไปเถอะ”

     

    “ผมหนีไม่ได้ตลอดหรอก ชานยอลเองก็เหมือนกัน ถ้านายน้อยอยากปกป้องชานยอลจริงๆ คุณจะต้องแข็งแกร่งกว่าอู๋ฟงให้ได้”พูดออกไปด้วยมั่นใจว่าเด็กหนุ่มตรงหน้าจะยอมทำทุกอย่างเพื่อรักษาดวงใจของเขาได้อย่างแน่นอน

     

    “จะให้ผมโค่นอำนาจนายใหญ่หรือ”

     

    “ฆ่าผมแล้วทำให้อู๋ฟงวางใจในตัวคุณ และสักวันคุณต้องขึ้นมายิ่งใหญ่เพื่อกางปีกป้องปกคุ้มครองคนที่คุณรัก”หัวหน้าปาร์คคุกเข่าลงตรงหน้าเด็กหนุ่มอย่างอ้อนวอน เขายอมแลกชีวิตตัวเองเพื่อปูทางให้คริสได้รับความไว้วางใจจากอู๋ฟง มือหยาบจับที่ปลายกระบอกปืนของอีกฝ่ายให้เล็งที่ตำแหน่งตัวใจตัวเอง

     

    “ผม...ทำไม่ได้ ผมฆ่าคุณไม่ได้”คริสกระซิบเสียงแผ่ว ถ้าเขาฆ่าพ่อของชานยอล เขาจะยังสามารถมองใบหน้าน่ารักนั้นได้อย่างสนิทใจหรือ

     

    “คุณต้องแข็งแกร่ง ไม่ใช่แค่เพื่อชานยอล แต่เพื่ออีกหลายชีวิตที่ต้องจบลงด้วยน้ำมืออู๋ฟง จำเอาไว้นายน้อย คุณไม่ได้ต่อสู้เพียงลำพัง คำตอบทุกอย่างคุณจะรู้เองเมื่อเจอชานยอลอีกครั้ง”คนสูงวัยกว่าหมายถึงไดอารี่ที่บันทึกความลับของคนรุ่นก่อนเอาไว้

     

    “ไม่ได้ ผมทำไม่ได้จริงๆ”

     

    “นายน้อย....”หัวหน้าปาร์คเองก็เข้าใจในความลำบากใจของเด็กหนุ่ม จึงเอื้อมมือไปเกี่ยวไกปืนให้กระสุนตัดผ่านขั้วหัวใจด้วยตัวเอง

     

    ปัง!

     

     

    “แปลว่าแกไม่ได้ลงมือฆ่าหัวหน้าปาร์คสินะ ฉันก็คิดไว้อยู่แล้วละ แล้วทำไมถึงไม่บอกเด็กนั่นไปละว่าไม่ได้ฆ่าพ่อมัน กลัวเด็กนั่นโทษตัวเองว่าพ่อยอมตายแทนงั้นสิ”อู๋ฟงถามพลางคาดเดา

     

    คริสเงียบไม่ตอบคำถามนั้น ที่อู๋ฟงพูดมาส่วนหนึ่งก็ถูกแต่อีกเหตุผลหนึ่งเป็นเพราะชานยอลไม่เชื่อใจกันตั้งแต่แรก ในเมื่อเจ้าตัวคิดว่าเขาลงมือฆ่าหัวหน้าปาร์ค หากเขาพูดไปก็เหมือนกับการแก้ตัวโยนเรื่องทั้งหมดให้คนตายไปแล้ว ชานยอลจะเชื่ออย่างสนิทใจงั้นหรือ

     

    “หึๆ ลูกชายฉันนี่งมงายในความรักเสียจริง เขารักนายขนาดนี้ แล้วนายละเคยทำอะไรเพื่อเขาบ้างมั้ย ปาร์คชานยอล




    ทันทีที่ลังไม้ถูกเปิดออก คริสก็ได้สบเข้ากับแววตาที่เต็มไปด้วยความรู้สึกผิดของคนที่นั่งขดตัวอยู่ในนั้น ชานยอลไม่ได้โดนมัดแต่แขนขาคล้ายไร้เรี่ยวแรง เดาว่าคงโดนยาที่ทำให้ตัวชาถึงได้อยู่นิ่งเฉยแบบนั้นทั้งที่ยังมีสติ เมื่อกวาดตาดูจนทั่วแล้วว่าชานยอลไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆ นอกจากขยับตัวไม่ได้และมีผ้าปิดปากไว้เท่านั้นคริสจึงเบือนหน้าหนีสายตาที่พยายามสื่อความรู้สึกมากมาย

     

    เขาไม่ต้องการอีกแล้ว ไม่ต้องการได้รับความสงสารหรือความรู้สึกผิดของชานยอลอีกต่อไป

    หัวใจของเขาเจ็บจนทนรับมันอีกไม่ไหว

     

    “ต้องการอะไร”คริสถามเสียงเรียบข่มกลั้นความหวั่นไหวไว้ภายใน ที่อู๋ฟงจับเป็นชานยอลมาแบบนี้คงเพราะต้องการใช้ต่อรองกับเขา

     

    มุมปากของผู้มากด้วยวัยที่สุดในที่นี้ยกขึ้นคล้ายกำลังขบขัน ร่างสูงสง่าย่อตัวลงดึงผ้าที่ปิดปากชานยอลออกและหยิบมีดพกคมกริบจ่อลำคอขาวไว้พร้อมส่งยิ้มราวกับยั่วยุไปให้ลูกชายที่ยืนกำมือแน่น

     

    “เป็นไงละปาร์คชานยอล...ซาบซึ้งใจจนน้ำตาแทบไหลเลยมั้ย”

     

    ชานยอลไม่ได้สนใจอู๋ฟงเลยสักนิดแม้ปลายมีดที่จ่อลำคอพร้อมจะดับลมหายใจของเขาทุกเมื่อ สายตาของเขายังคงทอดมองผู้ชายที่ทุ่มเทให้เขาทั้งชีวิตอย่างคริส ความรักที่คริสมีให้มันยิ่งใหญ่และมากมายจนความรู้สึกของชานยอลยังเทียบไม่ได้ เขารังเกียจตัวเองเหลือเกินที่ไม่เชื่อใจจนสร้างความเจ็บปวดให้กันเรื่อยมา

     

    “เดิมทีฉันตั้งใจจะมอบปาร์คชานยอลให้แกเป็นรางวัลที่ช่วงนี้ทำผลงานให้ฉันได้ดีมาตลอด แต่ตอนนี้คงต้องใช้เป็นตัวประกันแทนเสียแล้ว ตอนนี้ตำรวจสากลคงกำลังกระจายกันตามล่าฉันอยู่ และเพื่อความไม่ประมาทแกเลยอาสาประกบฉันเอาไว้ แผนของแกรัดกุมมากอี้ฟ่าน แต่มันพลาดตรงไหนรู้มั้ย”หัวหน้าใหญ่ของแก๊งมาเฟียยกยิ้มมุมปากราวกับกำลังสอนการบ้านลูกชายตัวน้อย

     

    “....”

     

    “มันพลาดตรงที่แกไม่ใจแข็งพอจะฆ่าฉันยังไงละ”เหมือนที่ฉันก็ฆ่าแกไม่ลงเหมือนกัน อู๋ฟงได้แต่ต่อคำพูดนั้นในใจ ถ้าหากว่าคริสงมงายเพราะความรัก ตัวเขาเองก็เช่นกัน แต่มันต่างกันตรงที่รักของคริสเลือกจะปกป้อง ในขณะที่เขาเลือกจะทำร้ายทำลายหัวใจตัวเอง

     

    ก่อนจะรู้ความจริง เขาดีใจมากที่คริสเกิดมาเป็นสายใยระหว่างเขาและหญิงที่รัก ถึงแม้จะไม่ใช่คนดีนักแต่เขาก็สัญญากับตัวเองว่าจะเป็นพ่อดีที่ให้ลูก มอบความรักเท่าที่พ่อคนหนึ่งจะสามารถให้ลูกน้อยได้ ต่อเมื่อล่วงรู้ความจริงว่าอีกฝ่ายไม่ใช่สายเลือดความรักความผูกพันที่ให้ไปก็ไม่สามารถเรียกคืนกลับมาได้อีกแล้ว ความรู้สึกมันจึงเป็นทั้งรักทั้งเกลียด ทั้งผูกพันทั้งเหินห่าง

     

    และคริสเองก็คงรู้สึกไม่ต่างกัน มีหรือที่เขาจะไม่รู้ความรู้สึกของคนที่อยู่ในฐานะลูกชายมายี่สิบกว่าปี

    ถึงภายนอกจะแข็งกร้าว แต่ข้างในกลับอ่อนโยน

    เป็นลูกชายที่เขาภูมิใจ

     

    “ใช่ ผมตั้งใจจะจับเป็นคุณ”คริสตอบเสียงเรียบ อู๋ฟงพูดถูกทุกอย่าง  เขาไม่ใจเหี้ยมพอจะลงมือสังหารคนที่เลี้ยงดูมาได้

     

    “คิดว่าคนอย่างฉันจะยอมให้จับง่ายๆ งั้นหรือ?”ถามพร้อมรอยยิ้มขัน คนอย่างอู๋ฟงไม่มีวันยอมเข้าไปนอนความวันตายอยู่ในคุกเด็ดขาด

     

    “ก็คิดว่าไม่ ถ้าจับไม่ได้ อย่างมากก็ตายไปด้วยกัน”ถึงเขาจะไม่อยากลงมือฆ่าอู๋ฟง แต่ก็ไม่อาจปล่อยให้ชายคนนี้รอดกลับไปทำร้ายคนที่เป็นดั่งหัวใจของเขาอย่างชานยอลได้ และด้วยความผิดความแค้นทั้งหมดที่ได้ทำกับพ่อแม่และพี่ชายของเขา ตัวเลือกสุดท้ายที่คริสจะทำคือยอมตายไปพร้อมกับอู๋ฟงเสียให้บุญคุณความแค้นทั้งหมดมันจบลงตรงนี้

     

    “ฟ่าน...ไม่”ชานยอลที่ได้ฟังถึงกับหัวใจไหววูบเมื่อรู้ว่าคริสตั้งใจจะทำอะไร เสียงที่เปล่งออกไปเอ่ยห้ามก็แผ่วเบาเหลือเกินสำหรับคนที่โดนฤทธิ์ยาจนแทบขยับปากไม่ได้

     

    “หึๆ ดี งั้นเรามาตายไปพร้อมกันสามคนเลยดีมั้ย?”อู๋ฟงหัวเราะออกมาอย่างขบขัน ละมือที่ถือมีดจ่อคอชานยอลและหยิบรีโหมดควบคุมอันเล็กออกมาให้อีกสองชีวิตบนเรือเห็น ไม่ต้องบอกแต่ทั้งสองคนก็คงรู้ว่าที่อยู่ในมือของเขาคืออะไร

     

    รีโหมดควบคุมระเบิด

     

    “ไม่ คุณจะทำอะไร ปล่อยชานยอลไป เรื่องนี้มันเป็นเรื่องระหว่างผมกับคุณ คนอื่นไม่เกี่ยว”คริสที่รักษาท่าทางสงบได้จนถึงเมื่อครู่รีบตะโกนห้ามอย่างเริ่มควบคุมอารมณ์ไม่อยู่

     

    อู๋ฟงยิ้มด้วยอารมณ์สุนทรีเหลือเกินในรอบหลายปีมานี้ มองดูลูกชายที่ทำท่าร้อนรนที ก้มมองคนที่เขาเกลียดชังอย่างชานยอลที เขาเกลียดเด็กนี่ หากไม่มีมันคริสก็คงจะยังเป็นลูกชายที่ดีของเขาสืบทอดตำแหน่งหัวหน้าและนำพาให้แก๊งมังกรยิ่งใหญ่ แต่เพราะมีมันคริสถึงทิ้งทุกสิ่งอย่าง ไม่สน ไม่มองอะไรทั้งสิ้น ทั้งชีวิตและหัวใจทุ่มเทให้กับเด็กนี่เพียงอย่างเดียว

     

    “ฉัน...ไม่...ไป”ชานยอลพูดอย่างเด็ดเดี่ยวแม้จะอ่อนแรงเต็มที จะไม่ยอมทิ้งคริสไปไหนอีกแล้ว

     

    คริสไม่ฟังคำนั้น ใบหน้าหล่อจัดมองคนที่อยู่ในฐานะพ่ออย่างวอนขอเป็นครั้งแรก

     

    “พอๆ เลิกมาเล่นบทโศกต่อหน้าฉันเสียที มีเรือเล็กอยู่ท้ายเรือ ฉันให้เวลาสองนาทีแกรีบพามันไปก่อนที่ฉันจะเปลี่ยนใจ”อู๋ฟงผละจากตัวชานยอลไปยืนรับลมที่หัวเรือแทน ในมือยังคงหมุนรีโหมดควบคุมเล่นอย่างสบายอารมณ์

     

    ทั้งคริสและชานยอลต่างขมวดคิ้วมองอย่างไม่เข้าใจว่าเหตุใดถึงยอมปล่อยพวกเขาไปง่ายๆ แบบนี้

     

    “หึ ฉันก็ยังไม่อยากตายตอนนี้นักหรอก ระเบิดมันเป็นทางเลือกสุดท้ายของฉัน พวกแกเลือกเอาแล้วกัน จะตายพร้อมกันบนเรือนี้ หรือแยกย้ายกันหนีไปละ เหลืออีกหนึ่งนาที”อู๋ฟงเร่ง เขาได้ยินเสียงเรือแว่วมาไกลๆ อีกไม่นานตำรวจคงตามมาถึง

     

    คริสไม่รอช้า ตอนนี้ชีวิตของชานยอลสำคัญที่สุด เขารีบช้อนร่างไร้เรี่ยวแรงขึ้นแนบอก ก่อนจะเดินไปทางท้ายเรือใบหน้าหล่อจัดหันไปมองอู๋ฟงอีกครั้ง นี่อาจเป็นครั้งสุดท้ายที่สองพ่อลูกจะได้สบตากัน

     

    “ขอบคุณ....พ่อ”

     

    คริสพูดเสียงเบาแต่ก็หนักแน่น คำกระซิบลอยมาตามสายลมให้ผู้ฟังได้ยกยิ้มมุมปาก ใบหน้าเคร่งขรึมหันไปรับลมของราตรีที่โหมพัดจนเส้นผมปลิว หันหลังให้แก่คนที่เคยเป็นลูกชาย

     

    ถือเป็นของขวัญชิ้นสุดท้ายที่พ่อให้...อู๋อี้ฟ่าน

     

    •*´¨`*•.¸¸.•*´¨`*•.¸¸.•*´¨`*•.¸¸.•*´¨`*•.¸¸.•

     

    เป็นเรือแคนูขนาดสองคนที่คริสพาชานยอลพาออกมาจากเรือแม่ เขาต้องจับชานยอลนั่งพิงอกไว้เพราะอีกฝ่ายไม่สามารถทรงตัวได้ด้วยตัวเองเนื่องจากฤทธิ์ยายังไม่หมด เมื่อคิดว่าพายมาได้ไกลจากรัศมีเรือของอู๋ฟงเขาถึงได้หยุด ใช้โทรศัพท์เปิดสัญญานดาวเทียมและใช้ไฟฉายในโทรศัพท์ส่องขึ้นฟ้าหวังให้พวกที่ตามมาสมทบได้เห็น

     

    “ชานยอล รออยู่นี่ เดี๋ยวจะมีคนมาช่วย”คริสบอกทำท่าจะผละออกไปแต่มือไร้เรี่ยวแรงของชานยอลก็พยายามฝืนเพื่อยืดแขนของเขาไว้

     

    “อย่า..ไป”ชานยอลเอ่ยอย่างยากลำบาก ใช้ดวงตาคู่สวยอ้อนวอนแต่ก็เหมือนคืนนั้นที่คริสตัดสินใจเด็ดขาดและไม่ยอมใจอ่อนให้กัน

     

    “ฉันต้องไป”คริสแกะมือบางออกและทิ้งตัวลงน้ำเกาะขอบเรือเอาไว้ มือหนาเกลี่ยปอยผมที่ปรกใบหน้าสวยที่เขาหลงใหลอย่างแผ่วเบา อาจจะได้มองเป็นครั้งสุดท้าย “เราเป็นอิสระต่อกันแล้วนะชานยอล ฉันปล่อยเธอแล้ว และก็ปลดปล่อยตัวเองด้วย ที่ผ่านมาฉันอาจจะยึดติดเกินไป พันธนาการเธอไว้กับตัวเอง เคยคิดว่าขอแค่ให้ชานยอลยังอยู่ด้วยกันสักวันหัวใจของเธอก็จะเป็นของฉันอีก แต่เปล่าเลย แปดปีที่ผ่านมาฉันไม่เคยสัมผัสถึงหัวใจของเธอ”

     

    “ขอโทษ...ฉันรั...อี้อ”ก่อนที่ชานยอลจะพูดคำที่เก็บไว้ในใจมาเนิ่นนานออกไปก็ถูกริมฝีปากหยักทาบทับลงมาให้กลืนกินคำนั้นกลับไป

     

    “คำขอโทษฉันรับไว้ อันที่จริงฉันไม่เคยโกรธเลยไม่ว่าเธอจะเข้าใจกันผิด หรือทำร้ายหัวใจกันขนาดไหน แต่คำนั้น...ฉันไม่ขอรับไว้นะ ฉันทรมานอยู่กับความสงสารของเธอมามากแล้วและไม่อยากจะได้รับความรู้สึกผิดอีก อย่าหล่อเลี้ยงหัวใจฉันด้วยความรู้สึกเหล่านั้น”

     

    “ไม่...ใช่”ชานยอลน้ำตาไหลพราก เข้าใจความรู้สึกของคริสตลอดหลายปีมานี้แล้ว คำว่ารัก รักที่ออกจากหัวใจ ความรู้สึกที่ไม่ว่าจะพยายามเท่าไหร่ที่จะมอบให้แต่อีกฝ่ายกลับไม่ยอมรับมันไป สร้างกำแพงกีดกันเอาไว้ ชานยอลเคยทำแบบนั้นกับคริส มองเห็น รับรู้ แต่ไม่ยอมสัมผัสความรักของอีกฝ่าย  

     

    ปัง ปัง ปัง

     

    ครืนนนนนน

     

    “ฉันต้องไปแล้ว ดูแลตัวเองด้วยนะ”เสียงปะทะที่ดังมาจากเรือของอู๋ฟงและเสียงเรือที่ตามมาสมทบดังขึ้นเร่งให้คริสรีบผละจากเรือเล็กว่ายน้ำกลับไปตามทางเดิม

     

    ชานยอลนอนมองแผ่นหลังของคนที่ละทิ้งตนเองไปด้วยความเป็นห่วง พยายามขยับตัวเท่าไหร่ก็ไม่เป็นผล เสียงปืนยังดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง เรือที่มาใหม่ประกบเรือของอู๋ฟงไว้ดูชุลมุนวุ่นวายเมื่อตำรวจหลายนายกระโดดขึ้นเรือของอู๋ฟง แสงไฟสว่างจ้าสาดส่องมาจากเรืออีกลำที่แล่นมาใกล้จนต้องหยีตา  

     

    ตู๊มมมมมมม!!!!!

     

    เสียงระเบิดดังสนั่นลั่นท้องน้ำยามราตรี ที่มาคือเรือของอู๋ฟง ชานยอลเบิ่งตากว้างอยากตกใจ พยายามตะเกียดตะกายทั้งที่ร่างกายไม่อำนวย คริสกลับไปที่นั่น อาจจะอยู่บนเรือนั้น แรงระเบิดก่อให้เกิดคลื่นขนาดใหญ่ซัดจนเรือเล็กของชานยอลพลิกคว่ำ ร่างโปร่งร่วงหล่นสู่สายน้ำเย็นจัด สิ่งที่เข้าสู่ร่างกายแทนอากาศคือน้ำเย็น นำพาสติให้ใกล้หมดลงทุกขณะ หากแต่มโนสุดท้ายก่อนทุกอย่างจะดับวูบลงยังคงมีแต่ใบหน้าของผู้ชายที่รักเขาสุดหัวใจ

     

    ฟ่าน...ฉันรักนาย

     

     

     

     

     

     

    TBC

    จริงๆ 80% มันต้องยาวกว่านี้สินะ แต่มันจำเป็นต้องตัดจบตอนจริงๆงิ

    ฉากบู๊ ไม่มี แฮ่ ตอนนี้อยากสะท้อนให้เห็นว่าไม่มีใครเลวร้ายไปเสียทุกเรื่องและไม่มีใครจะดีพร้อมไปหมดทุกอย่าง

    ทุกคนมีทั้งด้านดีและร้ายอยู่ในตัว อยู่ที่น้ำหนักฝั่งไหนมันมากกว่าและเลือกจะแสดงด้านไหนออกมาเท่านั้น

    ตอนต่อไป จะหวานหวานละ กำลังพิมพ์อยู่

    คือคอมพัง คีย์บอร์ดหลุดกระจุย นี่ยกคอมออฟฟิตกลับมาเพื่องานนี้ จะรีบเข็นเรื่องนี้ให้จบไวๆนะค่ะ


     
    Matesoul my
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×