คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #14 : Seem sweet - 13
Chapter 13
หลังจากเจรจาการค้าเรียบร้อยคริสก็รีบเดินทางกลับเกาหลีทันที เวลาชานยอลไม่ได้อยู่ในสายตามันทำให้เขารู้สึกกังวลคอยแต่จะเป็นห่วงว่าอีกฝ่ายอยู่ที่ไหน ทำอะไร ทั้งที่คิดถึงขนาดนั้นแต่ตอนอยู่กวางโจวเขากลับต้องหักใจไม่รับสายจากชานยอลเพราะคนของอู๋ฟงคอยสอดส่องความเคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลา เขาต้องแสดงให้เห็นว่าชานยอลไม่ได้มีความสำคัญ ไม่ได้มีอิทธิพลต่อหัวใจของเขาแล้วอู๋ฟงถึงจะยอมเชื่อใจให้เขาทำงานใหญ่ชิ้นนี้
นี่จึงเป็นสาเหตที่เขาต้องทำตัวหมางเมินกับชานยอล เพราะไม่ใช่แค่กวางโจวเท่านั้นที่มีคนคอยรายงานความเคลื่อนไหวของเขาให้อู๋ฟงรับรู้ที่เกาหลีก็มีสายของอู๋ฟงอยู่เช่นกัน และอีกเหตุผลหนึ่งที่เขากันชานยอลออกจากงานนี้เพราะหากเกิดพลาดพลั้งขึ้นมาคนที่เขาเป็นห่วงที่สุดจะได้ไม่พลอยเดือดร้อนไปด้วย เขาไม่อยากให้ชานยอลต้องพัวพันกับงานผิดกฎหมายแบบนี้
แต่หลังจากเห็นสภาพห้องทำงานพร้อมกับคำรายงานจากแบคฮยอนก็ทำให้เดาได้ว่าชานยอลคงจะรู้เรื่องที่เขาปิดบังไว้แล้ว ดวงตาคมตวัดมองเด็กคนโปรดของชานยอลอย่างอยากจะฆ่าทิ้งให้ตายเสียเดี๋ยวนี้ไม่รู้กี่ครั้งกี่หนที่มันปล่อยชานยอลให้หลุดรอดสายตา
“แกได้รายงานเรื่องนี้ให้เจ้านายแกรู้รึเปล่า”กดเสียงถามอย่างเยียบเย็น
“เปล่าครับ ผมบอกแล้วว่าไม่เคยคิดทำร้ายคุณชานยอล”แบคฮยอนตอบเสียงเบาด้วยเพราะหวั่นเกรงกับท่าทางกดดันของนายใหญ่
คริสหรี่ตาลงอย่างพยายามจับผิด ใช่ เขารู้มานานแล้วว่าแบคฮยอนคือสายที่นายท่านส่งมา หลังจากสืบและเค้นความจริงถึงรู้ว่าเจ้านี่ไม่ได้เต็มใจสักเท่าไหร่แต่ถูกนายท่านข่มขู่เดิมทีคิดว่าจะแค่ไล่ออกไปให้จบเรื่อง แต่ก็เปลี่ยนใจตลบหลังอู๋ฟงแทนเพราะหากไล่แบคฮยอนออกนายท่านก็จะส่งสายคนใหม่เข้ามาอยู่ดี ชานยอลที่ไม่รู้เรื่องนี้เอ็นดูมันเหมือนน้องชายเขาไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่เพราะถึงจะทำให้แบคฮยอนมาอยู่ฝ่ายตัวเองได้แล้วแต่ก็ยังระแวงอยู่ดี ถึงมันจะแสดงให้เห็นว่ารักและเคารพชานยอลขนาดไหนแต่เขาก็ไม่วางใจที่จะให้ตัวอันตรายอยู่ใกล้ๆ คนสำคัญของตัวเอง
แบคฮยอนยังคงทำหน้าที่เป็นสายลับให้นายท่านเพื่อไม่ให้ฝ่ายนั้นสงสัยแต่จะรายงานเฉพาะเรื่องที่เขาสั่งเท่านั้น อย่างเรื่องที่เขากำลังมีปัญหาห่างเหินกับชานยอล ที่ต้องแสดงละครจริงจังแบบนั้นเพื่อให้คนในแก๊งลือกันไปให้ถึงหูนายท่านแล้วยิ่งตบด้วยคำพูดของแบคฮยอนแล้วมันจะได้น่าเชื่อถือขึ้นอีกจนทำให้อู๋ฟงเชื่อสนิทใจ
หลังจากไล่แบคฮยอนออกจากห้องไปลู่หานก็เข้ามาด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนัก เขาพยายามโทรติดต่อชานยอลที่หายออกจากบ้านไปแต่พบว่าอีกฝ่ายไม่ได้พกโทรศัพท์ไปด้วย ลู่หานจึงโทรหาเซฮุนที่เขาสั่งให้คอยดูแลชานยอลระหว่างที่พวกเขาไม่อยู่
“ชานยอลไปที่ปูซาน โดนคนของอู๋ฟงยิงบาดเจ็บ ตอนนี้เซฮุนกำลังพากลับโซล”
อารมณ์ของเขาพุ่งขึ้นทันทีที่ได้ยินว่าชานยอลโดนยิง เขาพาลจะระดมลูกน้องทั้งหมดไปถล่มคนที่มันบังอาจมาทำร้ายชานยอลแต่ลู่หานก็มาห้ามไว้เสียก่อน พูดเตือนสติให้เขาอดทนหากเขาใช้อารมณ์ตอนนี้ทุกสิ่งทุกอย่างที่พยายามมาจะสูญเปล่า คริสพยายามสงบอารมณ์ลงแม้ในใจจะคอยแต่ห่วงพะวงถึงก็ตาม
เป็นความผิดเขาเองที่ดูแลชายยอลไม่ดี
“ฉันว่าให้ชางมินรับตัวชานยอลไปดูแลสักพักจะปลอดภัยกว่า”ลู่หานเสนอ
“ไม่มีทาง ฉันดูแลชานยอลได้”ถ้าชางมินได้ตัวชานยอลไปเขาคงจะไม่ได้พบหน้ากันอีกแน่
“นึกถึงความปลอดภัยของชานยอลเป็นอันดับแรกสิ คนของอู๋ฟงตามล่าตัวชานยอลกันแทบพลิกแผ่นดิน และเพื่อไม่ให้อู๋ฟงสงสัยนายต้องให้ความร่วมมือด้วย สั่งลูกน้องให้ช่วยตามตัวชานยอล แล้วเดี๋ยวฉันจะจัดการเปลี่ยนคำสั่งทีหลังเอง”
คริสยังคงลังเล ที่ลู่หานพูดมามันก็ถูกแต่เขาก็ยังกลัวว่าจะเสียชานยอลไป กลัวว่าอีกฝ่ายจะไม่กลับมาหากัน
“ไว้จบเรื่องแล้วค่อยไปเคลียร์กับชานยอลก็ยังไม่สาย พอรู้ความจริงทั้งหมดเขาจะต้องให้อภัยนายแน่”ลู่หานเสียงอ่อนลง รู้ว่าน้องชายตัวโตกังวลอะไร ทั้งสงสารและโมโหไปพร้อมกัน ถ้าเพียงแค่คริสยอมพูด ‘เรื่องนั้น’ ก็คงไม่ต้องมานั่งทรมานใจแบบนี้
“ก็ได้”เมื่อนึกถึงความปลอดภัยของชานยอลแล้วก็ได้แต่จำยอม
คริสไม่มั่นใจว่าชานยอลจะให้อภัยกันมั้ย เพราะเขาปกปิดเรื่องลู่หานมาหลายปีทั้งเขาและลู่หานต่างก็รู้อยู่นานแล้วว่าเป็นพี่น้องกัน เขาได้อ่านไดอารี่ของแม่ตั้งแต่ท่านยังไม่จากไปแต่ก็เก็บเงียบเอาไว้เพราะถ้าอู๋ฟงรู้ว่าเขารู้ตัวว่าไม่ใช่ลูกจะต้องกำจัดเขาแน่นอน พวกเขาสองพี่น้องแอบติดต่อและวางแผนเพื่อจะล้มล้างอู๋ฟงให้ได้โดยที่ไม่ได้บอกคนอื่น มีคนต้องสละชีวิตเพื่อครอบครัวของพวกเขามามากแล้ว พวกเขาจึงไม่อยากลากใครให้เข้ามาเสี่ยงอีก
เขาไม่นึกว่าชานยอลจะได้อ่านไดอารี่เล่มนั้นด้วย เขาได้ยินที่อู๋ฟงคุยกับชานยอลเมื่อแปดปีก่อน เห็นชานยอลลังเลแต่ก็ยอมเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับเพื่อปกป้องเขา ในตอนนั้นเขาคิดว่าชานยอลคงสงสารเขาเรื่องนี้จึงยังไม่ทิ้งกันไปเลยแกล้งทำเป็นไม่รู้เรื่องนี้มาตลอด
ถึงจะน่าสมเพชที่ใช้ความสงสารเหนี่ยวรั้งชานยอลไว้คริสก็ไม่สน
“นายช่วยจัดการให้ฉันได้ไปเยี่ยมชานยอลทีได้มั้ย ฉันอยากเห็นกับตาว่าเขาปลอดภัยดี”
•*´¨`*•.¸¸.•*´¨`*•.¸¸.•*´¨`*•.¸¸.•*´¨`*•.¸¸.•
“อย่าไป”
คนที่แอบย่องเข้ามากลางดึกไม่ได้เตรียมตัวเตรียมใจสำหรับการเผชิญหน้ากันแบบนี้มาก่อน เขาแค่อยากจะมาแอบมองอีกฝ่ายเงียบๆ และกลับออกไปโดยไม่ให้รู้ตัวเท่านั้น เพราะยังไม่รู้ว่าจะแก้ตัวหรืออธิบายเรื่องทั้งหมดกับคนตรงหน้าอย่างไรดี คริสจึงได้แต่ยืนเงียบรอฟังว่าชานยอลจะพูดอะไร แต่ระหว่างพวกเขาก็ยังคงถูกความเงียบปกคลุม
ดวงตาคู่สวยที่คริสชอบนักหนาฉายแววสับสนไม่แน่ใจอยู่ในความมืดสลัว เหมือนชานยอลกำลังต่อสู้กับความคิดของตัวเองอยู่ แต่ถึงจะเป็นแบบนั้นมือบางก็ไม่คิดจะปล่อยจากเขา ราวกับกลัวว่าคริสจะหนีหายไปไหน
หัวใจของคริสเต้นระรัวไปพร้อมกับจังหวะเข็มนาฬิกาที่หมุนไป
คริสรู้ว่าชานยอลรู้แผนการทุกอย่างของชางมินหมดแล้ว ถึงจะดูงี่เง่าแต่เขาก็อยากจะลองใจว่าชานยอลจะเลือกเขาโดยการบอกแผนการทั้งหมดหรือไม่ จะเหมือนกันกับเขาหรือเปล่าที่ยอมหันหลังให้คนทั้งโลกเพียงเพื่อชานยอลคนเดียว
มันเป็นอารมณ์ความรู้สึกล้วนๆ ที่สั่งให้ชานยอลฉุดรั้งคริสเอาไว้โดยที่เขาเองก็ยังไม่รู้ว่าจะพูดอะไรกับอีกฝ่าย เขาไม่สงสัยว่าคริสเข้ามาได้อย่างไรเพราะชานยอลมั่นใจว่าต่อให้เขาหลบซ่อนเร้นอยู่ที่ไหนผู้ชายคนนี้ก็จะตามมาหาเขาจนเจอ
“ถ้าไม่มีอะไร ฉันขอตัว”หลังจากปล่อยให้ความเงียบเป็นตัวกั้นระหว่างพวกเขาโดยไม่มีทีท่าว่าชานยอลจะเปิดปากพูดอะไร คริสจึงเป็นฝ่ายยอมแพ้และเอ่ยออกมาก่อน เขาแกะมือบางที่เกาะกุมไว้อย่างนุ่มนวล นึกสมเพชตัวเองที่หวังอะไรลมๆ แล้งๆ
หัวใจดวงน้อยไหววูบทันทีที่อีกคนหันกลับทิ้งเขาไว้เบื้องหลัง
“จะทิ้งกันไว้ที่นี่เหรอ”น้ำเสียงเบาหวิวเปล่งออกไปทำให้ร่างสูงใหญ่ชะงักกึกอยู่ที่ประตูระเบียง กลีบปากอิ่มถูกขบกัดด้วยฟันตัวเองด้วยความกระดากอายที่ถามออกไปแบบนั้น ทั้งที่ผ่านมาคริสพันธนาการชานยอลไว้กับตัวเองมาตลอดแต่ทำไมครั้งนี้กลับปล่อยเขาทิ้งไว้แบบนี้
“อยากจะไปด้วยกันหรือเปล่าละ”คริสตอบกลับมาเป็นคำถามแทน
คำพูดที่ราวกับให้อิสระแก่ชานยอลในการเลือกเหมือนคริสคลายบ่วงโซ่ที่รัดตรึงเขาทั้งสองคนออกแต่กลับไม่ทำให้เขารู้สึกดีขึ้นมาเลย
“เลิกได้มั้ย อาวุธเถื่อน”ชานยอลเองก็ตอบไม่ตรงคำถามเช่นเดียวกัน แต่คริสก็เข้าใจว่าชานยอลกำลังให้เขาเลือก
“ต่อรอง?”ใบหน้าหล่อจัดหันกลับมาเลิกคิ้วใส่คนป่วยที่แววตากลับมาเยือกเย็นดังเดิมแล้ว
“ถ้านายเลิกยุ่งเกี่ยวกับอาวุธเถื่อนของนายท่านฉันจะกลับไปอยู่ด้วยกัน...ตามสัญญา”ใช่ ชานยอลก็เพียงแค่ต้องการรักษาสัญญาเท่านั้น แค่เพียงเท่านั้น ได้แต่ย้ำตัวเองอยู่ในใจ
คนฟังเยียดริมฝีปากเป็นรอยยิ้มเย็นราวกับเยาะหยันในสิ่งที่ได้ฟัง แต่มีเพียงเจ้าตัวเท่านั้นที่รู้ว่ารอยยิ้มนั้นมันเพื่อตอกย้ำตัวเขาเอง ดวงตาคมปิดลงเพื่อสะกดกลั้นอารมณ์ทุกอย่าง สูดหายใจเข้าลึกเมื่อคิดว่าตัดสินใจดีแล้ว
“งั้นเธอก็อยู่ที่นี่แหละดีแล้ว”พูดจบก็กระโดดลงจากระเบียงไปโดยไม่หันหลังกลับมาอีก แต่หากคนข้างหลังจะได้ทันสังเกต แววตาคมกล้าเมื่อครู่นี้คงจะได้เห็นว่ามันเต็มไปด้วยความรวดร้าวเพียงใด
ขอบใจนะชานยอลที่ช่วยให้การตัดสินใจเรื่องสุดท้ายง่ายขึ้น
•*´¨`*•.¸¸.•*´¨`*•.¸¸.•*´¨`*•.¸¸.•*´¨`*•.¸¸.•
ไม่รู้ว่านานเท่าไรที่ชานยอลยังคงนั่งจ้องมองไปทางระเบียงห้องที่คริสหันหลังทิ้งเขาไว้ แสงตะวันที่ส่องผ่านตามรอยแยกของผ้าม่านราวกับจะต้อนรับอรุณแห่งอิสรภาพที่ชานยอลได้รับจากชายคนนั้น
อิสรภาพที่เขาเฝ้ารอ มันมาถึงแล้วแต่หัวใจกลับยังถูกจองจำไว้
มันจบแล้ว คำพูดของคริสยังวนเวียนอยู่ในสมองที่อ่อนล้าของชานยอล คริสปล่อยชานยอลให้เป็นอิสระแล้ว ต่อจากนี้เขาจะได้เริ่มต้นชีวิตใหม่...ตามลำพัง
เสียงพูดคุยกันดังแว่วมาให้ได้ยินตอนที่ชานยอลเปิดประตูออกจากห้องนอน เป็นเซฮุนกับลู่หานที่กำลังยื้อยุดกันเบาๆ หน้าห้องของเซฮุน แต่เมื่อทั้งสองหันมาเห็นร่างโปร่งจึงหยุดบทสนทนาที่ชานยอลไม่ได้ใส่ใจฟังตั้งแต่แรก เขากำลังนึกอยากเจอลู่หานอยู่พอดี
“ขอเวลาสักครู่สิ”ชานยอลบอกลู่หานและเดินนำเข้าห้องนอนตัวเองโดยไม่สนใจสายตาสงสัยของเซฮุน
“มีอะไรละคุณชานยอล หรืออยากให้ฉันแนะนำวิธีใช้ชีวิตแบบอิสระกันละหื้ม?”คนถูกเชิญทิ้งตัวลงนั่งบนเตียงอย่างถือวิสาสะและเอ่ยประโยคยียวนจนเจ้าของห้องหันกลับมามองด้วยสายตาเยียบเย็น
ชานยอลไม่คิดว่าลู่หานจะรู้เรื่องระหว่างเขากับคริสเร็วขนาดนี้ และดูท่าอีกฝ่ายคงจะรู้อะไรไม่น้อยเลยทีเดียว แต่ชานยอลไม่สนใจจะนั่งคิดหาเหตุผลว่าทำไมคริสถึงเล่าเรื่องของพวกเขาให้ลู่หานฟังเพราะตอนนี้เขามีเรื่องสำคัญกว่านั้นที่ต้องพูด
“มีเรื่องหนึ่ง คุณจำเป็นต้องรู้”ชานยอลกัดริมฝีปากอย่างชั่งใจก่อนจะเอ่ยออกมาหลังจากที่เขาคิดเรื่องนี้มาเป็นอย่างดีแล้ว มันอาจเป็นทางเดียวที่จะช่วยคริสได้ “คริสเป็นน้องชายแท้ๆ ของคุณ”
เรื่องราวของรุ่นก่อนมันซับซ้อนอย่างไรชานยอลไม่อาจรู้ เขาไม่แน่ใจว่าลู่หานจะรู้เรื่องหรือไม่ที่แม่ของตัวเองเป็นใคร จากที่เคยได้อ่านไดอารี่ของนายหญิงดูเหมือนว่าเธอจะไม่อยากเปิดเผยตัวให้ลูกชายคนโตรู้ มันคงทรมานไม่น้อยสำหรับเด็กคนหนึ่งที่แม่ถูกบังคับให้แต่งงานกับคนที่ฆ่าพ่อตัวเอง ชานยอลจึงไม่มั่นใจว่าลู่หานจะรู้หรือไม่ว่าคริสเป็นน้องและไม่ใช่เพียงน้องชายร่วมมารดา ทั้งสองเป็นพี่น้องสายเลือดเดียวกันแท้ๆ เสียด้วยซ้ำ
“แล้วไง?”ลู่หานเลิกคิ้วถามแสร้งทำสีหน้าใสซื่อราวกับไม่เข้าใจสิ่งที่อีกคนต้องการสื่อ
“อย่าทำร้ายเขาได้มั้ย”น้ำเสียงที่เปล่งออกมาไม่ใช่ชานยอลที่แสนเย็นชาที่มักจะพูดคุยกับใครด้วยโทนเสียงไร้อารมณ์ แต่ตอนนี้มันเต็มไปด้วยคำวิงวอน
ลู่หายยกยิ้มหยันให้กับคนที่เย่อหยิ่งเย็นชามาโดยตลอด เขาไม่ได้เกลียดชานยอลแต่ลึกๆ ภายในใจก็อดจะเคืองร่างโปร่งตรงหน้านี้ไม่ได้ เพราะในฐานะของ ‘พี่ชาย’ เข้าต้องไม่ชอบใจเป็นธรรมดาที่เห็นน้องชายเสียใจ ไม่ว่าน้องแท้น้องเทียม หึ
“ฉันไม่เคยทำร้ายเขา ไม่เคยและไม่มีวันจะทำ แต่รู้มั้ยชานยอลว่าอะไรที่ทำร้ายอี้ฟ่านอยู่ตลอดเวลา”ดวงตากลมโตหรี่ลงมองร่างโปร่งอย่างเย็นชา “...ความไม่เชื่อใจของคุณไงที่ทำร้ายเขา”
•*´¨`*•.¸¸.•*´¨`*•.¸¸.•*´¨`*•.¸¸.•*´¨`*•.¸¸.•
ผ่านมาเป็นสัปดาห์แล้วหลังจากที่ชานยอลได้คุยกับลู่หานครั้งนั้น ถึงจะไม่เข้าใจในความหมายที่ลู่หานกล่าวหา แต่อย่างน้อยเขาก็สบายใจไปเปราะหนึ่งว่าลู่หานจะไม่ทำร้ายคริส ตอนนี้ทั้งชางมิน อี้ชิง เซฮุนและลู่หานเข้าออกบ้านหลังนี้กันเป็นว่าเล่น ทุกครั้งที่พวกนั้นมาจะเข้าไปคุยกันเงียบๆ อยู่ในห้อง เหมือนกำลังปรึกษาวางแผนอะไรกันอยู่ อย่างวันนี้หลังจากเงียบหายเข้าไปประชุมกันหลายชั่วโมงทุกคนก็แยกย้ายกันออกจากบ้านไป
“จะบ้าหรือไง ฉันไม่ยอมหรอกนะ! แบบนั้นมันเสี่ยงเกินไป”
เสียงของลู่หานดังมาจากชานหน้าบ้านตอนที่ชานยอลกำลังจะออกไปเดินรับลมด้านนอก เขาลังเลว่าจะเดินผ่านคนที่ยืนคุยโทรศัพท์อยู่ออกไปหรือหันกลับขึ้นห้องตัวเองตามเดิมดี แต่ชื่อของปลายสายที่หลุดออกมาจากริมฝีปากเล็กนั่นก็ชะงักฝีเท้าของเขาให้หยุดนิ่งรอฟังอย่างไร้มารยาท
“อย่าทำเหมือนชีวิตตัวเองไม่มีค่าได้มั้ย ฉันไม่รับฝาก รักกันมากก็กลับมาดูแลกันเองสิ ฟ่าน....อี้ฟ่าน!”
ลู่หานพยายามตะโกนเรียกทั้งที่อีกฝ่ายตัดสายไปแล้ว เกิดอะไรขึ้นกับคริสกันแน่ ไม่รอให้ได้สงสัยนานชานยอลก็เดินเข้าไปหาคนที่กำลังทำหน้าเครียดอย่างที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน
“คริสเป็นอะไร”ชานยอลถามอย่างร้อนรน
คนถูกถามตวัดสายตามามองอย่างไม่พอใจ ยอมรับว่าตอนนี้ลู่หานกำลังพาล เขาคิดว่าชานยอลนั่นแหละเป็นต้นเหตุที่ทำให้คริสตัดสินใจทำเรื่องเสี่ยงตายแบบนี้
“ยินดีด้วยนะ คุณปาร์คชานยอล อีกไม่นานฆาตรกรที่ฆ่าพ่อคุณกำลังจะได้รับโทษที่คุณพยายามยัดเยียดให้เขาแล้ว หึ”ลู่หานพูดออกมาและสะบัดหน้าเดินไปทำท่าจะเปิดประตูขึ้นรถ แต่ชานยอลก็เข้ามาคว้าท่อนแขนไว้เสียก่อน ลู่หานสะบัดแขนออกจากการเกาะกุมของอีกฝ่ายด้วยอารมณ์คุกรุ่น
“หมายความว่ายังไง”ชานยอลเองก็เริ่มไม่พอใจกับคำพูดเสียดแทงของอีกฝ่ายแล้วเช่นกัน
“ฉันกับอี้ฟ่านร่วมมือกับตำรวจสากลเพื่อตลบหลังจับอู๋ฟงเรื่องธุรกิจมืดและอาวุธเถื่อนพวกเขาจะนัดแลกเปลี่ยนสินค้ากับลูกค้ารายใหญ่ที่ปูซานคืนนี้ แผนการทุกอย่างเป็นไปได้ด้วยดีและเพื่อกันความผิดพลาด อี้ฟ่านเสนอตัวจะประกบอู๋ฟงด้วยตัวเอง แล้วถ้าเขารอดจากการบุกจับของตำรวจได้ คุณคิดว่าคนฉลาดอย่างอู๋ฟงจะสงสัยใครเป็นอันดับแรกถ้าไม่ใช่คนใกล้ตัวอย่างอี้ฟ่าน เท่ากับตอนนี้อี้ฟ่านเหยียบเท้าเข้าสู่ความตายไปแล้วครึ่งหนึ่ง”ลู่หานพูดรัวออกมาด้วยอารมณ์
ชานยอลนิ่งอึ้งไปด้วยไม่เคยรู้มาก่อนว่าคริสวางแผนการนี้กับลู่หาน
“อี้ฟ่านไม่ได้อยากเป็นฮีโร่เสียสละตัวเองหรอก แต่ที่เขาเลือกทำแบบนี้เหตุผลเดียวที่ฉันนึกออกคือ...เขาไม่มีกำลังใจจะมีชีวิตอยู่ต่อแล้วยังไงละ สมใจคุณหรือยัง ทรมานใจจนเขาทนไม่ไหว น้องชายของฉันมันโง่บูชาความรักจนไม่ห่วงชีวิตตัวเอง เขาห่วงก็แค่คุณรู้ไว้ซะด้วย เขายอมที่จะตายไปพร้อมอู๋ฟงเพื่อที่จะได้มั่นใจว่าคุณจะมีชีวิตอยู่อย่างปลอดภัย เพราะฉะนั้นคุณก็มีชีวิตอยู่อย่างมีความสุขต่อไปนะ”ลู่หานระบายสิ่งที่เก็บกักไว้ในใจออกมาทั้งหมดก่อนจะเปิดประตูขึ้นรถและขับออกไปอย่างเร็ว
คนที่เพิ่งรับรู้ความจริงไม่มีเวลาให้ได้คิดนาน ชานยอลรีบกลับขึ้นไปหยิบกุญแจรถในห้องและวิ่งไปโรงรถเพื่อขับรถออกจากบ้านโดยไม่สนใจเสียงห้ามของการ์ดที่ชางมินส่งมาคอยรักษาความปลอดภัย ในใจของชานยอลตอนนี้มีแต่เรื่องของคริส
ไม่เอาแล้ว ความแค้นอะไรชานยอลก็จะไม่สนใจ
เขายอมหมดแล้วทุกอย่าง ขออย่างเดียวให้คริสปลอดภัย
TBC 14 Coming soon
แก้ตัวอักษรไม่ได้อ่า แปลกๆ มั้ย
สั้นไปนิด คือมันต้องตัด
ขอเม้นโหน่ยยยยยยยย หรืออย่าลืมแท็ก #seemsweet น้า ช่วยกันๆๆ ฮี่ๆ
ตอนหน้ามาไวแน่นอน ไม่รอจนรากงอกแล้ว เม้นมา งานเดิน เอิ๊กกก
Matesoul my
ความคิดเห็น