ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Seem sweet [ Krisyeol + Sehun x Luhan ]

    ลำดับตอนที่ #13 : Seem sweet - 12

    • อัปเดตล่าสุด 7 พ.ค. 57





    Chapter 12


    สามวันแล้วที่คริสกับลู่หานเดินทางไปกวางโจว ชานยอลไม่ได้รับการติดต่อจากคริสเลยพอเป็นฝ่ายโทรไปหาก่อนก็กลายเป็นคุณเลขาฯส่วนตัวเป็นคนรับสาย สอบถามได้ความว่านายใหญ่ปลอดภัยสบายดีก็วางใจก่อนจะตัดสายและไม่ติดต่อกลับไปอีกเลย เขาเริ่มจะชินกับความเหิ่นห่างแบบนี้ขึ้นทุกวัน

     

    นอกเหนือจากงานที่โรงพยาบาลแล้วชานยอลก็ใช้เวลาว่างหมดไปกับงานอดิเรกที่ชื่นชอบอย่างเช่นวาดรูป ฟังเพลง เล่นดนตรีไม่ใช่การใช้เวลาทุกนาทีไปกับคริสเพราะเมื่อก่อนเขาคิดว่าจะให้เวลาคริสมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ในตอนที่ยังอยู่ด้วยกันแต่ดูเหมือนว่าฝ่ายนั้นคงไม่ต้องการมันอีกแล้ว

     

    ร่างโปร่งเดินคิดอะไรเรื่อยเปื่อยมาตลอดทางที่ผ่านโถงทางเดินชั้นสอง มือบางกำลังจะหมุนลูกบิดประตูเข้าห้องนอนตัวเองแต่สายตาก็สะดุดเข้ากับพ่อบ้านที่ยืนเก้กังอยู่หน้าห้องทำงานของคริสเสียก่อน ดวงตาโตหรี่ลงเมื่อนึกบางเรื่องขึ้นมาได้จึงก้าวขาตรงไปทางห้องนั้นทันที

     

    “ประตูล็อคเหรอ”เอ่ยถามพ่อบ้านออกไปเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายพยายามหมุนลูกบิดแต่ไม่สามารถเปิดประตูได้

     

    “ครับคุณชานยอล อาทิตย์นี้ยังไม่ได้ทำความสะอาดเลย สงสัยนายใหญ่เผลอล็อคประตูก่อนไป”

     

    พ่อบ้านที่มีหน้าที่ทำความสะอาดรายงาน ชานยอลจึงบอกให้ไปทำความสะอาดที่อื่นแทนไม่ต้องทำห้องนี้แล้ว ปกติประตูห้องทำงานไม่เคยถูกล็อคเขาไม่คิดว่าคริสจะเผลอลืมหรอกคาดว่าฝ่ายนั้นคงจงใจมากกว่า รอจนพ่อบ้านเดินพ้นกรอบสายตาไปแล้วชานยอลจึงหมุนตัวเดินกลับไปหยิบของบางอย่างที่จะใช้แทนลูกกุญแจในห้องตัวเองออกมา

     

    ปลายกระบอกปืนสีดำสนิทที่ต่อกับวัตถุเก็บเสียงถูกจ่อไปทางลูกบิดประตูห้องทำงานของนายใหญ่ เพียงลั่นไกสองสามครั้งและใช้มือกระแทกลงไปบนลูกบิดอีกนิดชานยอลก็สามารถเปิดประตูเข้าไปด้านในได้ ดวงตาสวยกวาดมองกองเอกสารบนโต๊ะจับพลิกดูไม่เห็นมีอะไรน่าสงสัยจึงละความสนใจไปทางตู้เก็บหนังสือด้านหลังแทน

     

    สิ่งที่จงแดบอกยังคงรบกวนจิตใจของเขาอยู่ แม้จะพยายามปฏิเสธแก้ตัวแทนคริสแต่อีกใจเขาก็นึกกลัวว่ามันจะเป็นความจริง สมุดบัญชีที่เคยเป็นหน้าที่ชานยอลคอยดูแลถูกเปิดออก เขากวาดสายตาดูรายรับในช่วงสองสามเดือนหลังมานี้ที่มียอดเงินจำนวนมากถูกโอนเข้าโดยไม่มีแหล่งที่มาแน่ชัดแล้วรู้สึกใจไม่ดี

     

    ยอดเงินมันมากเกินไป มากกว่ารายได้ทั้งปีที่คริสบริหารธุรกิจในเครือตระกูลอู๋ด้วยซ้ำ

     

    สมุดบัญชีถูกเก็บไว้ที่เดิมใกล้กันมีแฟ้มเอกสารที่ชานยอลไม่คุ้นตาตั้งอยู่ เขาจึงรีบหยิบมาเปิดดูถึงพบรายการสินค้ามูลค่าสูงแต่ไม่ระบุว่าคืออะไรถูกขนย้ายเข้าออกในโกดังเก็บของที่ปูซานเป็นจำนวนมาก นิ้วเรียวกวาดดูรายละเอียดจนมาสะดุดบรรทัดสุดท้าย

     

    จะมีสินค้าล็อตใหญ่ถูกส่งเข้าโกดังคืนนี้

     

    ชานยอลจะยังไม่เชื่ออะไรทั้งนั้นหากยังไม่เห็นด้วยตาตัวเอง เขาไม่เชื่อว่าคริสจะยอมร่วมมือกับนายท่านค้าอาวุธเถื่อนในเมื่อพวกเขาเพียรพยายามมาหลายปีเพื่อให้หลุดพ้นจากอำนาจของอู๋ฟงแล้วคริสจะยอมกลับไปอยู่ใต้เงามืดนั่นอีกอย่างนั้นหรือ

     

                                                     •*´¨`*•.¸¸.•*´¨`*•.¸¸.•*´¨`*•.¸¸.•*´¨`*•.¸¸.•

     

    ฟ้ามืดแล้วกว่าที่ชานยอลจะขับรถมาถึงปูซาน รถยุโรปคันหรูถูกจอดในที่ลับตาห่างจากตัวโกดังสินค้าของตระกูลอู๋ไม่ไกลนัก หลังจากดับเครื่องยนต์แล้วร่างโปร่งลังเลชั่วครู่ก่อนจะตัดสินใจเปิดคอนโซลหน้ารถออกเพื่อหยิบอาวุธปืนที่บรรจุลูกกระสุนพร้อมแล้วมาเหน็บไว้ที่เอวด้านหลังแล้วจึงก้าวลงจากรถ

     

    โกดังเก็บของแห่งนี้อยู่ติดกับท่าเรือพอดี ชานยอลมองผ่านรั้วเหล็กรอบนอกเข้าไปเห็นฮวางจื่อเทาและชเวมินโฮคนสนิทของนายท่านยืนกำกับงานให้ลูกน้องขนลังไม้ขนาดใหญ่เข้าไปเก็บด้านใน เขาจะต้องรู้ให้ได้ว่าภายในนั้นบรรจุอะไรไว้ ร่างโปร่งเคลื่อนไหวตัวไปตามเงามืดหลบหลีกยามเฝ้าประตูมาทางรั้วด้านข้างที่ไร้ผู้คนแล้วปีนข้ามไปอย่างคล่องแคล่ว

     

    จากจุดที่ชานยอลหลบอยู่ใกล้พอที่จะทำให้เขามองเห็นสิ่งที่อยู่ภายในลังไม้นั่น ดวงตากลมเบิ่งกว้างอย่างไม่อยากเชื่อเมื่อสิ่งที่จื่อเทาหยิบขึ้นมาสำรวจเป็นอาวุธปืนอานุภาพสูงในกล่องยังมีอาวุธร้ายแรงอีกหลายอย่างนอนเรียงกันอยู่ ท่อนขาเรียวแทบไร้แรงทรงกายเมื่อเห็นความเป็นจริงตรงหน้าว่าคริสค้าอาวุธเถื่อนจริงอย่างที่จงแดบอกไว้

     

    แกร๊ก!

     

    เสียงฝีเท้าที่ก้าวเข้ามาใกล้ทำให้ชานยอลหมุนตัวกลับไปอย่างรวดเร็วหากแต่ก็ช้าไปเสียแล้วเมื่อถูกปลายกระบอกปืนสีเงินสามกระบอกเล็งตรงมาที่ตัวเขาเรียบร้อยแล้ว ลูกน้องของมินโฮแสยะยิ้มก่อนจะปลดอาวุธในมือของเขาไปและบังคับให้เดินออกจากที่กำบังตรงไปทางที่จื่อเทากับหัวหน้ามันยืนอยู่

     

    “มีคนบุกรุกครับหัวหน้า”มันรายงานอย่างเอาหน้า

     

    ชานยอลยืนหน้านิ่งกวาดสายตามองชเวมินโฮที่ยิ้มร้ายอย่างไม่เกรงกลัว ผิดจากจื่อเทาที่มีสีหน้าตกใจอย่างปิดไม่มิดร่างสูงของเด็กหนุ่มจะก้าวเข้ามาหาเขาแต่ก็ถูกมินโฮขวางไว้

     

    “นายท่านสั่งให้ปิดปากทุกคนที่เข้ามาในนี้โดยไม่ได้รับอนุญาต”ชเวมินโฮเอ่ยอย่างตื่นเต้นราวกับรอเวลานี้มานาน ชานยอลรู้ว่านายท่านอยากจะเขี่ยเขาออกไปจากชีวิตของคริสมากขนาดไหน

     

    “แต่นี่คุณชานยอล...”จื่อเทาแย้งแต่ก็พูดได้ไม่เต็มเสียงนักเพราะคำสั่งของนายท่านนั้นถือว่าเด็ดขาดใครก็ขัดไม่ได้

     

    “แล้วไง หรือนายจะขัดคำสั่งนายท่าน”

     

    “อย่างน้อยก็ต้องรายงานนายใหญ่ก่อน”

     

    ตัวต้นเหตุอย่างชานยอลที่ยืนนิ่งฟังอยู่นานเห็นจื่อเทาทำตัวไม่ถูกแล้วก็ไม่อยากให้เด็กหนุ่มลำบากใจไปมากกว่านี้จึงอาศัยจังหวะที่มินโฮเผลอพุ่งเข้าล็อคคอแล้วหยิบมีดพกจ่อเข้าที่ลำคอ หากขยับมือเพียงนิดปลายคมกริบของใบมีดก็จะกรีดลงตัดเส้นเลือดใหญ่ทันที

     

    “แก!

     

    “วางปืนลง ไม่งั้นฉันปาดคอหัวหน้าพวกนาย”

     

    ชานยอลสั่งและกดปลายมีดลงบนลำคอของอีกฝ่ายอย่างบอกให้รู้ว่าเอาจริง มินโฮเลยสั่งให้ลูกน้องรีบวางปืนลง ร่างโปร่งลากให้เดินไปตามที่เขาบังคับและย่อตัวลงหยิบปืนบนพื้นเป็นจังหวะเดียวกับที่อีกฝ่ายสะบัดตัวหลุดจากการเกาะกุม เขาจึงยิงใส่ที่ต้นแขนขวาหนึ่งนัดก่อนจะรีบวิ่งเข้าไปหลบหลังตู้คอนเทรนเนอร์อย่างรวดเร็วเมื่อบรรดาลูกน้องต่างกรูกันเข้ามา

     

    “เก็บมันให้ได้”มินโฮสั่งเสียงดัง

     

    ร่างโปร่งพยายามลัดเลาะไปตามตู้สินค้าที่เรียงรายกันทำให้พอจะเป็นเกราะกำบังกระสุนได้บ้าง จนกระทั่งถูกแรงฉุดจนเซเข้าไปในมุมอับ มือบางยกปลายกระบอกปืนจ่อไปทางร่างสูงผอมที่สวมหมวกดำปกปิดใบหน้าเกือบครึ่งอย่างระวังตัว

     

    “ผิดหวังหรือไงที่ไม่ใช่คริส”โอเซฮุนประชดหยอกเมื่อเห็นสีหน้าผิดหวังเล็กน้อยของชานยอลตอนที่เขาถอดหมวกออก

     

    “นายก็รู้เห็นกับงานนี้ด้วยเหรอ”ชานยอลไม่ต่อความให้ยืดยาว ดวงตากลมหรี่มองและจ่อปืนตรงตำแหน่งหัวใจของอีกฝ่าย

     

    “ผมมาช่วยคุณต่างหาก นี่อะไรตอบแทนด้วยการเอาปืนมาจ่อผมงี้ เกิดมันลั่นขึ้นมานัดเดียวจอดเลยนะ”เซฮุนพูดอย่างไม่สบอารมณ์นิดหน่อยที่ถูกเข้าใจผิด ชานยอลทำหน้าเหมือนไม่เชื่อถือคำพูดของเขาสักเท่าไหร่แต่ก็ยอมลดปืนลง

     

    “แล้วนายรู้ได้ไงว่าฉันอยู่ที่นี่”ชานยอลถามเพราะมันคงไม่ใช่ความบังเอิญที่เซฮุนจะมาเดินกินลมอยู่ที่ปูซานแล้วเข้ามาช่วยเข้าไว้

     

    ผมตามคุณมาตั้งแต่ออกจากบ้าน ก่อนไปนายใหญ่สั่งให้ผมคอยดูแลคุณทุกฝีก้าว เดี๋ยวผมจะล่อมันไปอีกทาง คุณรีบออกไปที่รถให้ได้นะ”

     

    ถ้าไปถึงรถเมื่อไหร่ก็เหมือนปลอดภัยไปครึ่งทาง เซฮุนกำปืนในมือแน่นพลางชะโงกหน้าออกไปมองว่าพวกลูกน้องของนายท่านตามมาเจอหรือยังชานยอลเองก็หันไปมองเช่นกัน และเพราะความคับแคบของซอกหลืบนี้ทำให้เมื่อหันกลับมาใบหน้าของพวกเขาจึงอยู่ใกล้ยิ่งกว่าใกล้ เซฮุนแอบอมยิ้มเมื่อเห็นว่าชานยอลรีบเบือนหน้าหนีไปทางอื่นทันที

     

    “ไม่ ถ้าไปก็ต้องไปด้วยกัน”ชานยอลปฏิเสธเสียงแข็ง เขายังไม่ใจร้ายพอจะทิ้งเซฮุนไว้คนเดียว เพราะที่นี่มีคนของนายท่านเต็มไปหมด ทิ้งเซฮุนไว้ก็เหมือนยัดเยียดความตายให้

     

    “เป็นห่วงผมด้วยเหรอ”น้ำเสียงกึ่งยินดีกึ่งหยอกล้อทำให้ชานยอลรีบเบือนหน้าหนี

     

    “ฉันไม่อยากเห็นพี่ชายสุดที่รักของนายร้องไห้เป็นบ้าเป็นบอถ้ารู้ว่าน้องชายตายต่างหาก”คนปากแข็งรีบแก้ตัว “เลิกพูดมากสักที รีบออกไปจากที่นี่กันได้แล้ว”

     

    เซฮุนไหวไหล่แต่ก็ยอมทำตามที่ชานยอลสั่ง ฝ่ามือหนายังไม่ยอมปล่อยมือเรียวของอีกฝ่ายตอนพาออกจากที่ซ่อนลัดเลาะไปตามมุมอับเพื่อให้รอดพ้นจากสายตาคนของนายท่าน

     

    ปัง ปัง ปัง!!!

     

    เสียงปืนรัวดังขึ้นเซฮุนรีบฉุดชานยอลให้พ้นจากวีถีกระสุน พวกมันคงเห็นเขาสองคนแล้ว ชานยอลและเซฮุนเล็งปืนไปทางชายชุดดำสองคนที่เป็นคนรัวปืนเมื่อกี้อย่างแม่นยำ

     

    “ไปเร็ว!

     

    เซฮุนยิงคุมหลังให้ชานยอลรีบวิ่งนำไปก่อนจนมาถึงประตูรั้วแต่กลับถูกชายสี่คนส่องกระบอกปืนล้อมพวกเขาไว้อยู่ ชานยอลและเซฮุนยืนหลังชนกันเล็งปืนไปทางพวกที่ล้อมพวกเขา ทั้งสองฝ่ายต่างก็คุมเชิงกันอยู่

     

    “วางปืนลงซะ”หนึ่งในสี่ตะโกนสั่ง ชานยอลกับเซฮุนปรายหางตามองกันก่อนจะค่อยๆ ลดปืนลง แต่มีหรือคนที่ถูกฝึกฝนมาอย่างดีแบบชานยอลจะยอมพ่ายแพ้ง่ายๆ ทันทีที่ปล่อยมือจากปืนก็รีบสะบัดมีดสั้นที่พกไว้ใส่คนที่สั่งอย่างรวดเร็วก่อนจะหยิบปืนขึ้นยิงใส่ลูกน้องที่ยังคงตั้งตัวไม่ทัน เซฮุนเองก็ยกปืนขึ้นยิงรัวใส่สมุนที่มาใหม่ ทั้งคู่กระโดดข้ามรั้วโดยมีลูกกระสุนกระหน่ำมาทางพวกเขาเหมือนสายฝน จำนวนชายชุดดำก็เพิ่มมากขึ้นเหมือนดาหน้ากันมาทุกสารทิศ

     

    พวกเขาวิ่งมาจนถึงรถของชานยอลที่จอดหลบมุมไว้ เซฮุนเปิดประตูรถฝั่งคนขับขึ้นนั่งชานยอลจึงส่งกุญแจให้ส่วนตัวเองเปิดกระจกรถออกไปยิงสกัดพวกที่ตามมา จนมั่นใจว่าเซฮุนขับรถหนีพวกมันหลุดแล้วถึงหมุนตัวกลับมานั่งพิงเบาะดีๆ เซฮุนที่นั่งขับรถอยู่เหลือบตามองอย่างทึ่งกับความสามารถด้านการต่อสู้ของชานยอลที่เขาไม่เคยรู้มาก่อน

     

    “อึ่ก”

     

    เสียงหอบหายใจดังออกมาพร้อมกับรถที่ผ่อนความเร็วลง ชานยอลใช้มือขวากุมบริเวณหัวไหล่ที่รู้สึกเจ็บแปล๊บตั้งแต่ก่อนขึ้นรถพยายามไม่ให้เซฮุนเห็นเลือดที่ซึมออกมาตามร่องนิ้ว เขาคงพลาดถูกยิงตอนปีนข้ามรั้วนั่น

     

    “ชานยอล คุณถูกยิง!?”เซฮุนเริ่มสังเกตุเห็นใบหน้าสวยซีดเผือดเนื่องจากเสียเลือดจึงเลี้ยวรถจอดข้างทางก่อนจะแกะมือบางออกเพื่อดูบาดแผล 

     

    “เสียงดังทำไม ฉันไม่ได้เป็นอะไรมากสักหน่อย”คนเจ็บเอ็ดให้

     

    “ไม่มากอะไรกัน เลือดไหลเยอะขนาดนี้ ผมจะพาไปโรงพยาบาล”เซฮุนทำท่าจะหักพวกมาลัยกลับทางเดิมแต่ชานยอลห้ามไว้เสียก่อน

     

    “จะบ้าเหรอไง ถ้าไปโรงพยาบาลตอนนี้คนของนายท่านจะได้แห่มาเป่าหัวน่ะสิ แผลแค่นี้ฉันไม่ตายง่ายๆหรอก หลังรถมีกล่องยาแค่ห้ามเลือดไว้ก่อนก็พอ เราต้องรีบกลับเข้าโซล”

     

    เซฮุนเดินไปหยิบกล่องยาจากหลังรถมาให้ สมเป็นรถคุณหมอจริงๆมีของพวกนี้อยู่ด้วย ร่างสูงผอมกลับเข้ามาในตัวรถอีกครั้งเห็นชานยอลเอนตัวพิงเบาะหลับตาแน่นด้วยความเจ็บจึงเอื้อมมือไปหมายจะดูบาดแผลแต่คนเจ็บกลับร้องเสียงเข้มขึ้นเสียก่อน

     

    “จะทำอะไร”ชานยอลหันควับมาจับเสื้อตัวเองไว้ไม่ให้ถูกอีกฝ่ายปลดกระดุมออก

     

    “จะล้างแผลให้”เซฮุนตอบพยายามกลั้นขำกับท่าทีหวงตัวนั่น

     

    “ไม่ต้อง ฉันทำเองได้”บดจะดื้อคนอย่างปาร์คชานยอลก็ดื้อได้สุดๆ จนเซฮุนถึงกับถอนหายใจ

     

    “เลิกดื้อสักที คุณจะทำแผลเองได้ยังไง อยู่เฉยๆเถอะน่า ไม่ต้องอายหรอก”ทีแบบนี้มาทำหวงตัวทีเมื่อก่อนละทั้งจูบทั้งยั่วปั่นหัวเขาจนแทบบ้า

     

    ใบหน้าสวยหันควับมาอย่างเอาเรื่องแต่เพราะขยับตัวแรงไปทำให้สะเทือนบาดแผล ฟันขาวกัดริมฝีปากไว้อย่างเจ็บปวดพยายามไม่เปล่งเสียงร้องออกมาแต่ก็ไม่สามารถปิดบังสีหน้าได้

     

    “โอเคๆ ไม่พูดแล้ว ได้โปรดอยู่เฉยๆ ผมขออนุญาติทำแผลให้นะครับคุณชานยอล”เมื่อเห็นคนตรงหน้าเจ็บปวด เซฮุนก็รู้สึกไม่ดีจึงยอมอ่อนข้อพูดจาอย่างสุภาพเพื่อให้ชานยอลยอมให้เขาทำแผลให้แต่โดยดี

     

    ชานยอลเองก็หมดแรงจะแผลงฤทธิ์เอนหลังพิงเบาะตามเดิมยอมให้เซฮุนทำแผล ดวงตาคู่สวยปิดลงอย่างอ่อนล้า แต่สติสัมปัชชัญญะยังรับรู้ตามสัญชาตญาณที่ต้องตื่นตัวอยู่เสมอ จนเซฮุนทำแผลให้เสร็จเรียบร้อยก็หยิบผ้าห่มจากเบาะหลังมาคลุมให้

     

    “นอนพักเถอะ ผมจะขับรถพาคุณกลับโซลเอง”ร่างสูงผอมบอกอย่างอ่อนโยนเพราะรู้ว่าชานยอลยังคงฝืนตัวเองไม่ให้หลับสนิท

     

    “อื้ม”ไม่รู้เพราะเสียเลือดมากจนเหนื่อยล้าหรือเพราะชานยอลเชื่อใจผู้ชายคนนี้ เขาจึงปล่อยตัวเองให้หลับสนิทอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อนหากไม่มีคริสอยู่ด้วย

     

    นี่เขาเชื่อในตัวโอเซฮุนเทียบเท่ากับคริสเลยหรือ

                                
                                                      •*´¨`*•.¸¸.•*´¨`*•.¸¸.•*´¨`*•.¸¸.•*´¨`*•.¸¸.•

     

    หลังจากฟังลูกน้องคนสนิทอย่างฮวางจื่อเทารายงานเรื่องของชานยอลแล้วนายใหญ่ก็ยังคงนิ่ง ภายในห้องทำงานของสำนักงานใหญ่ตกอยู่ในความเงียบสนิท จื่อเทาและมินโฮคงไม่ทันสังเกตเห็นว่าภายใต้ท่าทีเยือกเย็นนี้ฝ่ามือใหญ่แอบกำแน่นด้วยความโกรธเพียงใด

     

    “มินโฮทำถูกต้องแล้วใครฝืนคำสั่งนายท่านเข้าไปที่โกดังจะไม่ได้รับการยกเว้นทั้งนั้น จื่อเทาสั่งคนของเราให้จับตัวชานยอลกลับมาให้ได้ ถ้าจับแบบมีลมหายใจไม่ได้ก็ฆ่าทิ้งซะ”

     

    คำสั่งของนายใหญ่เรียกให้ลูกน้องคนสนิทเงยหน้ามองอย่างไม่อยากเชื่อหูผิดกับชเวมินโฮที่ยิ้มอย่างพอใจ หลังจากกำชับจื่อเทาให้ช่วยเหลือมินโฮอย่างเต็มที่แล้วก็โบกมือไล่ทั้งสองออกไป เขามาไกลขนาดนี้แล้วอีกเพียงไม่กี่ก้าวก็จะสำเร็จจะล้มเหลวไม่ได้เด็ดขาด

     

    “ลู่หาน แน่ใจนะว่าจะไม่มีอะไรผิดพลาด”คริสถามย้ำอีกครั้งด้วยน้ำเสียงเข้ม ท่าทีเยือกเย็นภายนอกผิดกับความร้อนรุ่มภายในลิบลับ

     

    ร่างเล็กเดินเข้ามาใกล้ลูบกลุ่มผมสีสว่างเบาๆอย่างต้องการปลอบโยนและดับไฟโทสะภายในใจอีกฝ่ายให้เบาบางลง เขารู้ว่านายใหญ่ต้องการอะไรจึงจัดการทุกอย่างให้แล้ว

     

    “ไม่ต้องห่วง ทุกอย่างเรียบร้อยดี”

     

                                                         •*´¨`*•.¸¸.•*´¨`*•.¸¸.•*´¨`*•.¸¸.•*´¨`*•.¸¸.•

     

    .

    ขอโทษ...อย่าเป็นอะไรไปนะ

     

    น้ำเสียงคุ้นหูดังแว่วมาท่ามกลางความมืดมิดอันหนาวเหน็บ ชานยอลพยายามเพ่งมองหาที่มาของต้นเสียงนั้นหากแต่เขาก็ไม่สามารถมองเห็นสิ่งใดรอบกาย มันมืดมิดเสียจนไม่แน่ใจว่าตัวเองลืมตาหรือหลับตาอยู่กันแน่แต่เขาก็ยังไม่ละความพยายามที่จะเดินตามเสียงที่คล้ายกำลังกลั้นสะอื้นนั้นต่อไป เพราะเขามั่นใจ เขาจำได้ เสียงนี้เป็นของใคร

     

    “...ฟ่าน”

     

    ริมฝีปากแห้งผากขยับเบาๆก่อนที่จะปรือตาขึ้นมองเพดานห้องไม่คุ้นตาแม้จะมีสายน้ำเกลือกับเครื่องมือแพทย์ตั้งอยู่ด้วยแต่ชานยอลก็รู้สึกว่ามันน่าจะเป็นห้องนอนภายในบ้านของใครสักคนมากกว่าจะเป็นห้องผู้ป่วยในโรงพยายาล ร่างโปร่งพยายามขยับตัวยันกายขึ้นแต่ความเจ็บที่ไหลซ้ายก็เล่นงานจนเผลอร้องออกมา

     

    “รู้สึกตัวแล้วเหรอ”

     

    น้ำเสียงโล่งอกของโอเซฮุนดังขึ้นที่ข้างเตียงทำให้ชานยอลเพิ่งรู้ว่าไม่ได้อยู่ในห้องนี้ตามลำพัง ร่างสูงผอมเข้ามาช่วยประคองเขานั่งพิงหัวเตียงก่อนจะหยิบแก้วน้ำส่งให้ดื่ม

     

    “คุณเสียเลือดมากหลับไปสามวันเต็มๆ”สามวันที่เซฮุนรู้สึกใจคอไม่ดีได้แต่นั่งเฝ้ามองว่าร่างโปร่งนี้จะลืมตาตื่นขึ้นมาตอนไหน

     

    “นี่ที่ไหน”ชานยอลพยายามทบทวนเหตุการณ์ตั้งแต่ไปถึงปูซานจนถูกยิงแล้วเผลอหมดสติไป

     

    “คนของแก๊งมังกรตามหาตัวคุณกันทุกพื้นที่ ผมก็เลยต้องพาคุณมารักษาตัวที่ที่ปลอดภัยแทน...”เซฮุนตอบเสียงเบาแต่ก็เรียกดวงตาสวยให้ตวัดมองทันที

     

    “ฉันจะกลับบ้าน”ชานยอลดึงสายน้ำเกลือออกจากข้อมือก่อนที่เซฮุนจะห้ามไว้ได้ทัน เขาหายไปแบบนี้ไม่รู้ว่าคริสจะอาละวาดอย่างไรบ้าง ร่างโปร่งพยายามฝืนลุกขึ้นแต่ก็ถูกร่างสูงผอมกดลงให้นั่งบนเตียงตามเดิม

     

    “คุณกลับไปที่นั่นไม่ได้แล้ว ไม่ใช่แค่อู๋ฟงเท่านั้นที่ตามล่าตัวคุณ อู๋อี้ฟ่านก็สั่งให้ลูกน้องทั้งหมดตามเก็บคุณด้วย”เซฮุนเองก็ไม่อยากจะเชื่อเหมือนกันเมื่อได้ยินเรื่องนี้จากลู่หาน เห็นคริสแสดงออกว่ารักมากมายขนาดไหนแล้วทำไมถึงสั่งฆ่าได้ง่ายดายเพียงเพราะชานยอลไปรู้ความลับเรื่องค้าของผิดกฎหมายเข้า

     

    “ไม่มีทาง คริสไม่ทำแบบนั้นหรอก ฉันจะไปหาเขา”ไม่ว่าจะยังไงคริสก็ยังเป็นคนที่ชานยอลเชื่อใจมากที่สุด

     

    “เมื่อไหร่จะตาสว่างสักทีปาร์คชานยอล”

     

    ประตูห้องนอนถูกเปิดออกพร้อมกับการมาของคนสองคนที่ทำให้ชานยอลนิ่งอึ้งไปอย่างจับต้นชนปลายไม่ถูก คนแรกคือจางอี้ชิงส่วนอีกคนคือพี่ชายที่ขาดการติดต่อกันไปหลายปี...ชิมชางมิน

     

    “พี่ชางมิน...นี่มันเรื่องอะไรกัน”ชานยอลมองชายสามคนในห้องสลับไปมา โอเซฮุน จางอี้ชิงและชิมชางมิน สิ่งที่เขานึกกังวลมันเป็นจริงงั้นหรือ

     

    ชางมินเปิดปากเล่าเรื่องราวทั้งหมดตั้งแต่พ่อของเขากับหัวหน้าโอพ่อของเซฮุนร่วมมือกันหักหลังอู๋ฟงเพื่อยึดอำนาจภายในแก๊งและธุรกิจต่างๆที่ถูกอู๋ฟงฮุบไปทั้งหมดคืนให้แก่ทายาทของหลี่จิ้งเหอ แต่แผนการทั้งหมดก็ถูกอู๋ฟงจับได้เสียก่อนทั้งพ่อของเขาและหัวหน้าโอจึงต้องจบชีวิตลง ชางมิน เซฮุนและลู่หานจึงมาสานต่อเจตนารมณ์ของทั้งสองโดยมีแก๊งเสือขาวคอยช่วยเหลือตั้งแต่รุ่นหัวหน้าแก๊งคนก่อนซึ่งเป็นเพื่อนรักกับหลี่จิ้งเหอจนมาถึงอี้ชิงที่สะสมความแค้นเรื่องคริสเล่นงานธุรกิจตระกูลจาง

     

    โอเซฮุนที่ถูกอู๋ฟงเรียกตัวเข้ามาทำงานในแก๊งมังกรก็พยายามทำให้ทั้งอู๋ฟงและคริสไว้ใจเพื่อคอยรวบรวมหลักฐานการทำผิดกฎหมายของสองพ่อลูกแต่อู๋ฟงก็ยังไม่ยอมเปิดเผยเรื่องธุรกิจผิดกฏหมายต่างๆให้รู้ ลู่หานจึงออกโรงแฝงตัวเข้าไปใกล้ชิดกับคริสเองและก็สำเร็จ ลู่หานได้รับการไว้วางใจจากคริสเป็นอย่างมากจนรู้เรื่องทุกอย่างและตอนนี้ก็มีหลักฐานมากพอจะเอาผิดทางกฎหมายแก๊งมังกรแล้ว

     

    “ลูกของท่านจิ้งเหอคือลู่หานงั้นเหรอ”อะไรหลายๆอย่างทำให้ชานยอลเข้าใจมาตลอดว่าหากจะมีสักคนระหว่างลู่หานกับเซฮุนที่เป็นเสี่ยวซือ เด็กคนนั้นน่าจะเป็นเซฮุนมากกว่า

     

    “พ่อจงใจตั้งชื่อผมให้คล้ายกับเสี่ยวซือชื่อเก่าของพี่ลู่หานและยังปลอมปีเกิดเพื่อให้พี่ลู่หานไม่ตกเป็นเป้าสงสัยของอู๋ฟง”มันเป็นความตั้งใจของพ่อเขาเองที่ยอมเสียสละให้ลูกชายแท้ๆตกอยู่ในความเสี่ยงแทนลูกชายของเจ้านายที่มีพระคุณ

     

    “เมื่อก่อนคริสมันอาจจะทำเรื่องเลวร้ายเพื่อปกป้องนาย แต่ตอนนี้มันทำผิดเพราะหลงในอำนาจและเงินทองแบบอู๋ฟง”อี้ชิงตบบ่าเพื่อนเบาๆเขาเองก็ไม่อยากจะพูดจาให้ชานยอลต้องเสียใจ แต่ในเมื่อคริสมันเปลี่ยนไปแล้วเขาก็อยากให้ชานยอลยอมรับความจริงข้อนี้

     

    คำพูดของอี้ชิงทำให้ชานยอลสะท้านในอก สาเหตุหนึ่งที่ทำให้เขายังยอมอยู่กับคริสเพราะฝ่ายนั้นแสดงจุดยืนมาตลอดว่าทำทุกอย่างเพื่อเขา ตลอดหลายปีที่ผ่านมาก็พยายามสร้างฐานอำนาจภายในแก๊งเพื่อทัดทานอำนาจของอู๋ฟงแล้วทำไมกลับกลายเป็นแบบนี้ไปได้ 

     

    “รักเขามากขนาดนั้นเลยเหรอ ทั้งที่เขาสังหารพ่อเธอและยังจะฆ่าเธออีก แต่ชานยอลก็ยังจะไปหาเขา”ชางมินอาจไม่เข้าใจในเรื่องของความรักดีพอ ไม่เข้าใจชานยอล แต่พอเห็นสีหน้าปวดร้าวของน้องแล้วก็อดจะสงสารไม่ได้จึงเข้าไปกอดปลอบลูบศีรษะเบาๆ ทั้งสงสารและเสียใจที่น้องเป็นแบบนี้เพราะศัตรูอย่างอู๋อี้ฟ่าน

     

    “ฉันขอโทษ...พี่ชางมิน ฉันขอโทษ”

     

    อ้อมกอดและน้ำเสียงตัดพ้อของพี่ชายทลายความเข้มแข็งทั้งหมดที่ชานยอลพยายามสร้างขึ้นมาตลอดหลายปี คำถามนั้นที่เขากลัว ไม่กล้าแม้แต่จะถามตัวเอง ไม่กล้าจะยอมรับ พยายามหาข้อแก้ตัวต่างๆยกขึ้นมาหลอกตัวเองว่าไม่ได้รักแล้ว ทั้งที่จริงหัวใจเรียกร้องหาแต่คนๆนั้นอยู่ตลอดเวลา

     

    และหากถามว่าชานยอลรักอู๋อี้ฟ่านมากขนาดไหน คำตอบคือมาก...มันมากจนเขาแทบไม่เชื่อว่าตัวเองจะสามารถรักใครได้ขนาดนี้

     

    ทั้งที่พ่อต้องจบชีวิตลงด้วยฝีมือคนๆนั้นแต่ชานยอลก็ยังคงรัก ถึงเขาจะไม่แสดงออกหรือเอ่ยปากแต่ทุกครั้งที่คริสเสเพลนอกลู่นอกทางไปกับคนอื่นแต่คงไม่มีใครรู้ว่าเขาร่ำไห้อยู่ในใจ เวลาเห็นคริสเจ็บปวดเพราะความเย็นชาของเขาเจ้าตัวคงไม่รู้ว่าเป็นชานยอลคนนี้ที่มันทรมานกว่าหลายเท่า ทั้งๆที่รัก รักจนแทบบ้าแต่กลับแสดงออกไปไม่ได้ มอบความรักนี้ให้ไม่ได้ ต้องเก็บมันไว้ ฝังมันไว้ในหัวใจมานานหลายปี วันนี้กลับถูกพี่ชายสะกิดมันขึ้นมากำแพงน้ำแข็งที่เคยปิดกั้นมันพังลงไม่เหลือชิ้นดี

     

    “เปิดตามองความเป็นจริงได้แล้วชานยอล”

     

     

    ทุกคนปล่อยให้ชานยอลได้มีเวลาพักผ่อนตามลำพังภายในห้องนอน ที่นี่เป็นเซฟเฮาส์ของอี้ชิงที่อยู่แถบชานเมืองเป็นสถานที่ที่ชางมินเห็นว่าปลอดภัยสุดแล้วสำหรับเขาในตอนนี้ ร่างโปร่งยืนพิงกรอบหน้าต่างมองลงไปยังสนามเบื้องล่างมีลูกน้องของแก๊งเสือขาวเฝ้ายามอยู่หลายคน

     

    พี่ชางมินสั่งห้ามเด็ดขาดไม่ให้เขากลับไปหาคริส ด้วยเหตุผลด้านความปลอดภัยบวกกับเรื่องความสัมพันธ์ของเขากับคริสที่พี่ชายอยากให้ยุติลงสักที ว่ากันตามจริงมันก็ควรจะเป็นแบบนั้นแต่สัญญาที่เคยให้ไว้กับคริสยังดังก้องอยู่ในหัวใจ ดวงตาคู่สวยปิดลงอย่างสับสน

     

    ถ้าวันหนึ่งฉันไม่เหมือนเดิม เธอจะยังอยู่ข้างๆ กันแบบนี้มั้ย

    ไม่ว่านายจะเปลี่ยนไปยังไง นายก็ยังคงเป็นอู๋อี้ฟ่านคนสำคัญของฉันเสมอ

     

    น้ำเสียงที่คล้ายเด็กกลัวโดนทิ้งของคริสในตอนนั้นชานยอลยังจำได้ดีและคำตอบในวันนั้นเขาก็ไม่เคยคิดจะเปลี่ยนใจ แต่คำพูดของพี่ชางมินที่บอกไว้ก่อนจะกลับไปก็ทำให้เขาคิดไม่ตก

     

    พี่เล่าทุกอย่างให้ฟังแล้ว ถ้าชานยอลยังเลือกจะปกป้องคริสด้วยการบอกเขา พวกเราทั้งหมดที่นี่ก็คงต้องตาย

     

    แกร๊ก

     

    เสียงเคาะประตูดังขึ้นและถูกเปิดเข้ามาหลังจากได้ยินคำอนุญาต ชานยอลหันไปมองผู้มาใหม่สีหน้าบึงตึงขึ้นทันที ชางมินกับอี้ชิงมีงานที่ต้องทำจึงเข้าตัวเมืองไปแล้วเหลือไว้แต่โอเซฮุนที่บอกจะอยู่ดูแลเขาทั้งที่เขาปฎิเสธแต่เจ้าตัวก็ไม่ยอมฟัง ดึงดันจะอยู่เฝ้าที่นี่ให้ได้

     

    “เมื่อตอนเย็นเห็นคุณทานข้าวไปนิดเดียว ผมเลยเอานมมาให้”

     

    เซฮุนบอกพลางวางแก้วนมไว้บนโต๊ะข้างเตียง ชานยอลปรายตามองเพียงนิดก่อนจะหันกลับไปมองด้านนอกหน้าต่างต่อไม่สนใจอีกคนด้านหลัง เขาเกือบจะมอบความไว้วางใจให้ผู้ชายคนนี้เกือบจะหลงเชื่อไปสิ่งที่อีกฝ่ายทำดีแต่สุดท้ายแล้วมันก็เป็นเพียงเรื่องเสแสร้งโกหกทั้งนั้น โอเซฮุนเข้ามาใกล้ชิดเขาเพียงเพื่อบรรลุเป้าหมายเท่านั้น เขาไม่ชอบใจที่ถูกทำเหมือนเป็นตัวตลก

     

    “ในเมื่อความจริงก็เปิดเผยแล้ว นายก็ไม่จำเป็นต้องเสแสร้งทำดีกับฉันอีก โอเซฮุน”น้ำเสียงเยือบเย็นเหมือนตอนพูดคุยกันครั้งแรกทำให้เซฮุนใจไม่ดี เขามั่นใจว่าพักหลังมานี้ชานยอลเปิดใจให้เขามากขึ้นแต่แล้วทุกอย่างก็พังลงเพราะตัวเขาเอง เขาผิดเองที่หลอกชานยอลมาตั้งแต่ต้น

     

    “ผมยอมรับว่าตอนแรกที่พยายามใกล้ชิดคุณเพราะความจำเป็น เพราะเรื่องงาน แต่ตอนนี้ผมอยากดูแลคุณเพราะความเต็มใจ”

     

    ร่างโปร่งหัวเราะหยันในลำคอและหันกลับมา สายตาเย็นชาที่เลือนหายไปแล้วกลับมาอีกครั้ง เซฮุนไม่ชอบเลยสายตาที่ราวกับจะปิดกั้นตัวเองจากคนทั้งโลกแบบนี้

     

    “คิดว่าฉันจะเชื่องั้นเหรอ? จำไว้นะโอเซฮุน ความไว้ใจเมื่อมันถูกทำลายไปแล้วก็ยากจะที่เรียกกลับคืน”

     

    “ยากแค่ไหนผมก็จะพยายามเรียกมันกลับมาให้ได้”

     

    เซฮุนพูดจบแล้วก็ออกจากห้องไปไม่อยู่รบกวนคนป่วยต่อ ชานยอลมองแก้วนมอีกครั้งแต่ก็ไม่สนใจจะยกมันขึ้นดื่มและเขาก็มั่นใจว่าโอเซฮุนจะไม่มีผลกระทบต่อจิตใจของเขาอีก ร่างโปร่งสอดตัวลงใต้ผ้าห่มผืนหนานอนลืมตาในห้องที่มีเพียงแสงไฟจากด้านนอกส่องเข้ามาเล็กน้อย ในสมองมีเรื่องมากมายให้ครุ่นคิดจนไม่อาจข่มตาให้หลับลงได้

     

    ทั้งเรื่องระหว่างเขากับคริส แล้วไหนจะยังเรื่องลู่หานอีก ลู่หานใกล้ชิดคริสเพราะต้องการล้วงข้อมูลแต่คริสถลำลึกไปกับลู่หานขนาดไหนแล้วเขายังเดาไม่ออก มีเพียงแค่ชานยอลเท่านั้นที่รู้ว่าทั้งสองเป็นพี่น้องกันเขาจะจัดการกับเรื่องนี้ยังไงดี

     

    อีกไม่กี่ชั่วโมงก็จะเช้าแล้วในตอนที่ชานยอลเกือบเคลิ้มหลับแต่เพราะเสียงจากระเบียงห้องทำให้สติเขาตื่นตัวอีกครั้ง ฝีเท้าที่พยายามเดินให้แผ่วเบาก้าวเข้ามาใกล้ มือบางสอดเข้าใต้หมอนกำปืนไว้อย่างช้าๆเพื่อไม่ให้ใครคนนั้นรู้ตัว แต่กลิ่นน้ำหอมที่ลอยมาในขณะที่อีกฝ่ายเข้ามาใกล้ก็ชะงักมือไม่ให้เขาส่องปลายกระบอกปืนยิงออกไป

     

    กลิ่นน้ำหอมของคริส

     

    ชานยอลปรือตาขึ้นมองเห็นเงาร่างสูงใหญ่ที่จำได้ดีก็มั่นใจว่าคนที่บุกเข้ามาในห้องเขาจะต้องเป็นคริสอย่างแน่นอน ไม่รู้อะไรดลใจให้เขาปิดตาลงแสร้งทำเป็นหลับ แต่ก็ยังรับรู้ได้ว่าคริสเดินมาย่อตัวลงข้างเตียง มือหนาอังที่หน้าผากและข้างแก้มของเขาเหมือนจะวัดไข้ ทั้งที่สัมผัสแตะต้องเนื้อตัวกันเป็นปกติแต่ทำไมเวลานี้ชานยอลกลับรู้สึกว่าหัวใจของเขาเต้นแรงอย่างไม่เป็นจังหวะ

     

    เขาไม่ได้กลัวว่าคริสจะมาทำร้าย ไม่เลยสักนิด

     

    “ทำไมซูบลงขนาดนี้ เห็นแล้วฉันปวดใจมากรู้รึเปล่า”

     

    เสียงห้าวพึมพำเบาๆแต่ความเงียบสงัดรอบด้านก็ทำให้ชานยอลได้ยินมันชัด ความกังวลห่วงใยที่เจือมาก็ชัดเจนเช่นกัน ไม่มีคำพูดใดอีก คริสทำเพียงแค่นั่งเงียบมองเขาอยู่ข้างเตียงเท่านั้น แม้ร่างกายจะไม่ได้สัมผัสกันแต่น่าแปลกที่ชานยอลกลับรู้สึกถึงความอบอุ่นที่แผ่ซ่านออกมาจากผู้ชายคนนี้

     

    ผ่านไปสักยี่สิบนาทีได้ร่างสูงใหญ่ถึงขยับตัว ชานยอลยังคงนอนหลับตาอยู่เหมือนเดิม ลมหายใจอุ่นร้อนเป่ารดใบหน้าตามมาด้วยริมฝีปากหยักที่กดจูบลงข้างขยับแผ่วเบาก่อนที่อีกฝ่ายจะยืดตัวขึ้นเต็มความสูง ชานยอลรู้ว่าคริสจะไปแล้วแต่เขายังไม่อยากให้อีกฝ่ายจากไป

     

    ดวงตาสวยเปิดขึ้นมองแผ่นหลังที่กำลังจะไกลออกไป และโดยไม่ทันห้ามตัวเองมือบางก็ยื่นออกไปคว้าท่อนแขนแกร่งของอีกฝ่ายไว้เรียบร้อยแล้ว คริสหันกลับมาอย่างตกใจ สองสายตาประสานกันผ่านความมืด

     

    “อย่าไป”

     

     

    TBC

     

     

    TALK

     

    หวานยังงง ใกล้ละ ใกล้หวานแล้วจริงจริ๊งงงงงงงงงง

    ฮึ๊บอีกนิดนะ


     


















    Matesoul my
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×