ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Seem sweet [ Krisyeol + Sehun x Luhan ]

    ลำดับตอนที่ #12 : Seem Sweet - 11

    • อัปเดตล่าสุด 16 เม.ย. 57




    Chapter 11



    “เสี่ยวลู่ พี่ไม่เห็นต้องเข้าไปใกล้ชิดนายใหญ่เกินจำเป็นขนาดนั้นเลย”

     

    เซฮุนไม่เห็นด้วยเลยสักนิดที่ลู่หานเข้าไปเป็นเลขาฯส่วนตัวให้นายใหญ่และยังทำท่าจะเป็นอะไรที่มากกว่านั้น แม้จะรู้ว่าพี่ชายเก่งและสามารถเอาตัวรอดได้แต่เขาก็อดห่วงไม่ได้อยู่ดี คริสไม่ใช่คนที่พวกเขาจะท้าทายได้ง่ายๆ ภายใต้คราบชายหนุ่มรักสนุกจะต้องซ่อนคมดาบแสนอันตรายเอาไว้อย่างแน่นอน หากไม่มีเขี้ยวเล็บมากพอคงจะไม่สามารถยืนอยู่บนตำแหน่งนี้และยังทำให้หัวหน้าสาขาต่างๆสยบอยู่แทบเท้าได้

     

    นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ พวกเขาไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่าม เหตุผลที่เขากลับมาเกาหลีนั่นคือมาโค่นล้มอำนาจของพวกตระกูลอู๋แต่เขาจะไม่ใช้วิธีแบบที่สองพ่อลูกนั่นทำหรอกนะ เขาวางแผนที่จะขุดรากถอนโคนอำนาจทั้งหมดของอู๋ฟงทั้งในเกาหลีและจีนให้สิ้นซากไป นายท่านจะต้องรับผิดชอบการตายของพ่อเขา

     

    ลู่หานหันมาเลิกคิ้วมองน้องชายแสร้งทำราวกับสงสัยเต็มประดา ร่างเล็กขยับเข้าใกล้สัมผัสโครงหน้าคมสันอย่างเอ็นดู กลีบปากบางเหยียดยิ้มก่อนจะเอ่ยคำถามที่ทำให้เซฮุนหาคำตอบไม่ได้

     

    “หวงฉัน...หรือเป็นห่วงชานยอลละ”

     

    จากที่เพียงแค่ทำตามคำสั่งของอู๋ฟงที่ให้เซฮุนแยกชานยอลออกมาจากคริส กลายเป็นว่าน้องชายของเขากลับเอาตัวเองเข้าไปเกี่ยวพันกับสองคนนั้นแทน เขาดูออกว่าเซฮุนให้ความสนใจชานยอลมากขนาดไหน จะด้วยเพียงเพราะความสงสัยใคร่รู้ในตัวชานยอลหรือเพราะลุ่มหลงชอบพอ เขาก็ไม่ยอมทั้งนั้น

     

    ลู่หานจะไม่ยอมให้ใครมาแย่งชิงความรักของเขาไปได้

     

    คำถามของพี่ชายกำลังก่อความสับสนขึ้นภายในหัวใจชายหนุ่ม แรกเริ่มเขาพยายามเข้าหาชานยอลเพราะต้องการหลอกล่อให้ฝ่ายนั้นตกหลุมพรางเพื่อใช้เป็นเครื่องมือทำร้ายคริสและยังเพื่อสร้างผลงานให้นายท่านพอใจอีกด้วย แต่ยิ่งได้อยู่ใกล้ ได้สัมผัสตัวตนที่ชานยอลเผลอเผยมันออกมา ความรู้สึกของเขาก็เริ่มเปลี่ยนไป เขาสนใจอยากรู้จักตัวตนของชานยอล อยากจะมองเข้าไปให้ถึงแก่นแท้ภายใต้ความเย็นชานั้น

     

    ความรู้สึกที่กำลังก่อตัวขึ้นในตอนนี้เขาควรเรียกมันว่าอย่างไรดี

     

    ดวงตาที่มักจะเต็มไปด้วยรอยยิ้มมองหน้าพี่ชายอย่างรู้สึกผิด วงแขนกว้างดึงตัวร่างเล็กนั้นเข้ามากอดไว้แนบอกพยายามซ่อนแววตาสับสนของตัวเองเอาไว้ก่อนที่จะเอ่ยคำพูดที่ไม่รู้ว่าเป็นการย้ำเตือนตัวเองหรืออีกฝ่ายกันแน่ออกไป

     

    “ผมไม่ห่วงคนอื่นมากไปกว่าเสี่ยวลู่หรอก”

     

    •*´¨`*•.¸¸.•*´¨`*•.¸¸.•*´¨`*•.¸¸.•*´¨`*•.¸¸.•

     

    ร้านกาแฟข้างโรงพยาบาลเป็นสถานที่นัดพบของเพื่อนเก่าสามคนที่ต่างก็งานยุ่งจนไม่มีเวลาได้มาเจอกันบ่อยนัก วันนี้ไม่รู้นึกยังไงร้อยตำรวจเอกหมาดๆอย่างคิมจงแดถึงมาหาชานยอลแถมยังลากทนายมือดีอย่างโดคยองซูมาได้ สายงานของจงแดกับคยองซูต้องมีการทำงานร่วมกันบ้างทั้งสองจึงได้เจอกันบ่อยกว่าชานยอลและคริส

     

    “ช่วงนี้คริสมันเป็นไงบ้างอะ”

     

    จงแดถามพลางก้มลงดื่มช็อคโกแลตปั่นในแก้วทำทีเหมือนถามสารทุกข์สุขดิบทั่วไป ส่วนคยองซูก็แสร้งมองออกไปนอกกระจกร้าน เพียงเท่านั้นชานยอลก็รู้แล้วว่าเพื่อนทั้งสองจะต้องมีเรื่อปิดบังอย่างแน่นอน

     

    “มีเรื่องอะไรกันแน่ผู้กอง”ชานยอลถามเย้าแต่ก็แฝงไปด้วยแววคาดคั้นต้องการคำตอบ

     

    ผู้กองหนุ่มพยายามสบตากับคุณทนายแต่ฝ่ายนั้นเหมือนจะบอกผ่านดวงตากลมโตว่าไม่ขอเกี่ยวด้วยให้จัดการเอง จงแดทำสีหน้าลำบากใจก่อนจะหันมามองชานยอลเหมือนพยายามคิดว่าควรจะพูดอย่างไรดี

     

    “งั้นฉันพูดตรงๆเลยแล้วกัน...ช่วงนี้คริสมันทำอะไรนายรู้บ้างรึเปล่า”จงแดสวมมาดผู้กองพูดจาอย่างจริงจัง

     

    “ฉันว่ามันตรงได้มากกว่านี้นะ”เขาเอ่ยอีกครั้งเพราะดูเหมือนเพื่อนจะยังไม่กล้าเข้าประเด็นจริงๆ

     

    “เออๆ ก็ได้ วันนี้ฉันขอพูดในฐานะเพื่อนนะ สายของฉันได้กลิ่นว่าแก๊งมังกร....ค้าอาวุธเถื่อน”

     

    เกิดความเงียบขึ้นทันทีเมื่อจงแดพูดจบ เบื้องหลังแก๊งมังกรในสมัยที่นายท่านยังดูแลงานทุกอย่างอยู่ที่เกาหลีนั้นมีธุรกิจผิดกฏหมายจริง แต่ด้วยอิทธิพลมากมายทำให้ตำรวจไม่สามารถทำอะไรอู๋ฟงได้ แต่พอนายท่านย้ายไปดูแลงานที่จีนและคริสได้ขึ้นเป็นนายใหญ่แทนเขาก็สั่งกวาดล้างไม่ให้ลูกน้องทำเรื่องผิดกฎหมายอีก เรื่องนี้จงแดที่เป็นตำรวจเองก็รู้ระหว่างเพื่อนจึงยังไม่ได้ยืนอยู่คนละฝั่งของกฎหมาย

     

    “นายสงสัยว่าคริสทำเหรอ”

     

    “ฉันก็ไม่อยากคิดแบบนั้นหรอกนะ แต่มันมีการส่งของกันที่ท่าเรือปูซาน จะไม่มีสาขาในเกาหลีร่วมมือด้วยได้ยังไง...ฉันไม่อยากจับเพื่อนตัวเองนายรู้ใช่มั้ย ช่วยเตือนมันหน่อยแล้วกัน ทางผู้ใหญ่ร่วมมือกับผู้มีอิทธิพลเพ่งเล็งเรื่องนี้อยู่”เขาไม่อยากให้สักวันหนึ่งตัวเองต้องเป็นคนส่งเพื่อนรักเข้ารับโทษของกฎหมาย

     

    “ผู้มีอิทธิพลนี่หมายถึงอี้ชิงรึเปล่า”ชานยอลลองเดา เพราะคนที่จะกล้าเป็นศัตรูกับแก๊งมังกรก็คงหนีไม่พ้นแก๊งเสือขาว

     

    คยองซูหันหน้าเข้าสู่วงสนทนาเป็นครั้งแรกสบตากับจงแดอย่างกระอักกระอ่วนใจ พวกเขาเองก็วางตัวไม่ถูกทั้งเรื่องเพื่อนทั้งเรื่องงาน หลายครั้งที่เคยคิดกับจงแดเล่นๆว่าถ้าย้อนเวลากลับไปได้จะไม่เลือกเรียนเป็นทนายกับตำรวจกันแบบนี้ จะได้ไม่ต้องมาปวดหัวกับเพื่อนที่เป็นมาเฟียทั้งสองคน

     

    “พวกฉันก็ลำบากใจวะชานยอล คริสก็เพื่อน อี้ชิงก็เพื่อน ไม่ว่าจะช่วยฝ่ายไหนก็ต้องทำร้ายเพื่อน เพราะงั้นช่วยบอกให้คริสมันเลิกเถอะ เรื่องผิดกฎหมายน่ะ เมื่อก่อนมันก็ไม่ทำนี่หว่า แล้วทำไมตอนนี้ถึงทำ”เพราะไม่มีใครแล้วนอกจากเขาที่จงแดจะระบายเรื่องพวกนี้ได้ คยองซูจึงรับรู้ทุกอย่างมาเต็มๆและร่วมหนักใจกับไอ้ผู้กองมาตลอด

     

    ชานยอลไม่ได้นึกโกรธอี้ชิงที่ทำแบบนี้เพราะอี้ชิงมีสิทธิ์ที่จะแก้แค้นในสิ่งที่แก๊งมังกรเคยทำกับตระกูลจาง เขาอยากจะช่วยหาหลักฐานเอาผิดอู๋ฟงที่ทำธุรกิจมืดในประเทศจีนด้วยซ้ำ แต่สิ่งที่เขาไม่อยากเชื่อคือคริสจะร่วมมือกับนายใหญ่ทำเรื่องผิดกฎหมายแบบนี้

     

    “ฉันจะลองถามเขาดู”

     

    •*´¨`*•.¸¸.•*´¨`*•.¸¸.•*´¨`*•.¸¸.•*´¨`*•.¸¸.•

     

    เป็นเวลาเย็นแล้วกว่าที่ชานยอลจะกลับถึงบ้าน หลังจากสอบถามเด็กรับใช้ได้ความว่านายใหญ่อยู่ในห้องทำงานก็มุ่งหน้าตรงไปทันที เขาครุ่นคิดเรื่องที่จงแดบอกมาตลอดทางถ้าเป็นเมื่อก่อนชานยอลคงกล้าพูดอย่างเต็มปากว่าคริสไม่มีทางทำเรื่องแบบนั้นแน่ แต่หลายอย่างที่เกิดขึ้นในช่วงนี้ทำให้เขาไม่มั่นใจ เรื่องที่คริสกันเขาออกจากงานในแก๊งรบกวนจิตใจทำให้อดจะสงสัยไม่ได้ว่าอีกฝ่ายมีเรื่องปิดบังกันอยู่

     

    แกร๊ก

     

    ลูกบิดประตูถูกหมุนเปิดออกโดยที่ชานยอลไม่ได้เคาะขออนุญาตก่อน ภาพเบื้องหลังบานประตูทำให้ชานยอลนึกอยากจะเป็นคนมีมารยาทกว่านี้ไม่เปิดประตูเข้ามาโดยพลการ คริสกำลังกอดลู่หานอย่างแนบแน่นมือหนาลูบแผ่นหลังบางเบาๆ ความอ่อนโยนที่คริสเคยมอบให้ชานยอลเพียงคนเดียวในวันนี้มีใครอีกคนได้รับมันเช่นกัน

     

    “..ขอโทษที”ในที่สุดชานยอลก็เป็นฝ่ายเปิดปากพูดขึ้นก่อนภายใต้สถานการณ์อันน่าอึดอัดนี้

     

    คริสคลายอ้อมกอดออกทำท่าจะเดินเข้ามาหาชานยอลแต่ก็ถูกลู่หานรั้งแขนไว้ เพราะลู่หานหันหลังให้อยู่เขาจึงไม่สามารถเห็นได้ว่าฝ่ายนั้นใช้สายตาแบบไหนมองถึงทำให้คริสยอมหยุดได้ ยิ่งได้เห็นว่าร่างสูงเกรงใจลู่หานขนาดไหนก็เหมือนตอกย้ำให้ชานยอลได้รู้ถึงความสำคัญของลู่หานที่มีต่อคริส

     

    “มีอะไรชานยอล”เจ้าของห้องทำงานเอ่ยถามขึ้น

     

    “ไม่มี”

     

    เหมือนว่าสิ่งที่ชานยอลต้องการพูดคุยกับอีกฝ่ายจะถูกความรู้สึกบางอย่างในจิตใจก่อกวนจนลืมไปเสียสนิท ร่างโปร่งหมุนตัวกลับเตรียมจะออกจากห้องไปไม่อยากอยู่ขัดจังหวะสองคนนั้น แต่คริสก็เรียกเอาไว้เสียก่อน

     

    “ทีหลัง...ถ้าไม่มีธุระก็อย่าเข้ามาในนี้อีก”

     

    “เข้าใจแล้ว”

     

    ชานยอลตอบโดยที่ไม่ได้หันกลับไปมอง เขาก้าวออกจากห้องทำงานนี้ไปอย่างรวดเร็วกลัวว่าหากอยู่ต่อหน้าคริสอีกสักเสี้ยววินาทีอาจจะเผลอแสดงความรู้สึกที่แท้จริงภายในใจออกมา เมื่อถึงห้องนอนตัวเองน้ำตาที่กลั้นไว้ก็ไหลออกมาอย่างควบคุมไม่ได้ มือบางยกกุมอกด้านซ้ายที่คล้ายกำลังถูกบีบรัดรุนแรง

     

    “เธออยากให้มันเป็นแบบนี้เองไม่ใช่หรือไง แล้วจะเสียใจทำไมปาร์คชานยอล”

     

    กลีบปากอิ่มพึมพำเบาๆพร้อมเหยียดยิ้มสมเพชตัวเอง เขาพยายามทำตัวเฉยชาเพื่อให้คริสตัดใจให้ได้ ไม่ออกตัวเป็นเจ้าของเพื่อเว้นที่ไว้เผื่อใครสักคนจะเข้ามาซึ่งในวันนี้เขาทำมันสำเร็จแล้วก็ควรจะดีใจไม่ใช่หรือ

     

    อู๋อี้ฟ่านสามารถอยู่ได้โดยไม่จำเป็นต้องมีปาร์คชานยอลคนนี้แล้ว

     

    แกร๊ก!

     

    เสียงเปิดประตูห้องทำให้ชานยอลรีบเช็ดน้ำตาออกก่อนจะพยายามปรับสีหน้าให้เป็นปกติแล้วหันไปมองคนที่เดินเข้ามาด้วยสายตาแปลกใจ เพราะนี่มันยังไม่ถึงเวลาที่คริสควรจะกลับเข้ามานอนในห้องนี้และเหมือนว่าร่างสูงจะเดาออกว่าชานยอลคิดอะไรจึงเฉลยความสงสัยของเขา

     

    “พรุ่งนี้ฉันกับลู่หานจะไปกวางโจวสักสามสี่วัน”

     

    ชานยอลพยักหน้ารับรู้ก่อนจะเดินไปเปิดตู้เพื่อหยิบกระเป๋าเดินทางออกมา จัดการเตรียมเสื้อผ้าของอีกฝ่ายใส่กระเป๋าให้อย่างรู้หน้าที่ตามด้วยของใช้จำเป็น ร่างโปร่งเดินเข้าออกระหว่างห้องตัวเองกับห้องของคริสหลังจากได้ของครบแล้วก็นั่งลงกับพื้นเพื่อพับเสื้อผ้าให้เป็นระเบียบโดยการกระทำทั้งหมดอยู่ในสายตาของร่างสูงตลอดเวลา

     

    “จะไม่บอกใช่มั้ยว่าไปทำอะไร จะได้ไม่ถาม”จากคำพูดของอีกฝ่ายก็พอจะรู้ได้ว่าคริสตั้งใจจะไปกับลู่หานไม่ได้ต้องการให้เขาไปด้วย

     

    “ไปประชุมลูกค้ากับนายท่าน”

     

    มือบางที่กำลังพับเสื้อสูทอยู่ชะงักกึกแต่ก็รีบแสร้งทำเป็นพับต่อไม่เผยพิรุธใดๆอีก ถ้าเป็นเมื่อก่อนเขาคงจะถามออกไปตรงๆแต่ในตอนนี้ทุกอย่างมันเปลี่ยนไปแล้วรวมทั้งตัวคริสด้วย เขาไม่แน่ใจว่าหากเค้นถามความจริงกับคริสเรื่องอาวุธเถื่อนอีกฝ่ายจะยอมพูดความจริงมั้ยและตัวเขาเองจะรับได้กับคำตอบหรือเปล่า

     

    “งั้นก็ไปอาบน้ำแล้วรีบพักผ่อนเถอะ”

     

    หลังจากจัดกระเป๋าเสร็จเรียบร้อยชานยอลก็เตรียมผ้าเช็ดตัวยื่นให้คนที่เอนกายนั่งพิงหัวเตียงมองเขาอย่างเงียบๆมาพักใหญ่ แต่แทนที่อีกฝ่ายจะรับผ้าไปกลับฉุดแขนเขาจนเสียหลักล้มลงสู่อ้อมกอดอุ่น ชานยอลพยายามขืนตัวขึ้นแต่วงแขนแกร่งกลับคลายออกเพียงนิดให้เขานั่งลงบนตักได้อย่างถนัด

     

    “จะไม่ได้เจอกันตั้งหลายวัน ฉันคงคิดถึงมาก”

     

    คำหวานมาพร้อมกับฝ่ามือหนาที่สัมผัสข้างแก้มเนียนอย่างนุ่มนวล ดวงตาคมเข้มที่ทอดมองมาบ่งบอกว่าไม่ได้เพียงแสแสร้งแกล้งพูด จมูกโด่งโน้มลงฝังบนแก้มนุ่มไล่เรื่อยสูดดมความหอมตามลำคอขาวผ่อง นิ้วยาวปลดกระดุมเม็ดบนออกเกี่ยวปกเสื้อให้เปิดกว้างเพื่อพรมจูบลงบนไหล่บางแต่ก่อนที่ริมฝีปากร้อนจะไล่ลงต่ำกว่านั้นชานยอลก็ผลักอีกฝ่ายออกจากตัวเสียก่อน

     

    ตั้งแต่มีลู่หานเข้ามาพวกเขาก็ไม่ได้มีสัมพันธ์ใกล้ชิดกันอีกเลยถึงแม้จะอดคิดไม่ได้ว่าคริสคงกำลังมีความสุขกับลู่หานแต่มันก็ถือเป็นเรื่องดีที่พวกเขาจะจบความสัมพันธ์แบบนี้ระหว่างกัน และในเมื่อถอนตัวออกมาแล้วเขาก็ไม่อยากจะถอยกลับไปสู่วังวนเดิมๆอีก เมื่อตัดสินใจจะก้าวออกมาก็ต้องเดินหน้าต่อไป ใบหน้าสวยแสร้งทำเป็นนิ่งเรียบเอ่ยคำพูดตัดรอนออกไป

     

    “แบบนี้ก็ดี ต่อไปจะได้ชิน”

     

    ได้ผลตามคาดคริสปล่อยมือออกจากเขาทันที ดวงตาคมแฝงแววดุกร้าวสีหน้ากระด้างเย็นชาในแบบที่ใครต่อใครมักหวาดกลัวแต่ไม่เคยทำให้ชานยอลรู้สึกแบบนั้นได้เลย เพราะเขามั่นใจมาตลอดไม่ว่าคริสจะทำเรื่องเลวร้ายขนาดไหนก็จะไม่มีวันทำร้ายตนแน่นอน เขาเองก็เช่นกันอาจจะเป็นคนทำร้ายจิตใจคริสที่สุดแต่จะไม่มีวันหันปลายกระบอกปืนใส่อีกฝ่ายเป็นอันขาด

     

    “เธอจะพูดดีกับฉันแบบคนอื่นบ้างไม่ได้หรือไง”เสียงห้าวเอ่ยออกมาด้วยโทสะไม่ถึงกับตวาดแต่ก็พอจะรู้ได้ว่าอารมณ์ภายในคุกรุ่นเพียงใด

     

    “ใครทำให้สบายใจนายก็ไปอยู่กับเขาสิ จะมาอยู่กับฉันทำไม”คนอื่นที่คริสพูดถึงคงไม่พ้นลู่หาน ร่างโปร่งขยับตัวจะลุกจากตักกว้างแต่อีกฝ่ายก็รั้งข้อมือไว้ไม่ให้เขาหนีไปไหน

     

    “ที่ทำตัวแบบนี้เพราะอยากจะให้ฉันรีบปล่อยเธอไปงั้นสิ ไม่มีทางหรอกชานยอล ต่อให้เธอเหยียบขยี้หัวใจฉันขนาดไหนก็จะไม่ปล่อยเธอไปเด็ดขาด”ตราบใดที่คริสยังมีชีวิต ตราบใดที่หัวใจยังเต้นเขาจะไม่ยอมเสียชานยอลไป

     

    “นายก็รู้ว่าห้ามฉันไม่ได้หรอก พอครบกำหนดตามสัญญาเมื่อไหร่ยังไงฉันก็จะไป”ในที่สุดชานยอลก็พูดเรื่องที่รู้ว่าแสนเปราะบางระหว่างกันออกไป ตลอดเวลาที่อยู่ร่วมกันมาไม่มีสักครั้งที่เขาจะเอ่ยถึงมันเพราะเมื่อนึกถึงปลายทางของสัญญานี้ไม่ใช่มีแค่คริสคนเดียวหรอกที่จะเสียใจเขาเองก็คงปางตายเช่นกัน

     

    มือแกร่งบีบข้อมือเล็กแน่นอย่างลืมตัวขบสันกรามข่มโทสะในใจ พยายามกดน้ำเสียงให้ต่ำราบควบคุมไม่ให้มันสั่นแต่ก็รู้ว่าคงทำได้ไม่ดีนัก เขามักจะอ่อนไหวง่ายกับเรื่องของชานยอลเสมอ

     

    “เธอคิดจะไปจากฉันอยู่ตลอดเวลาเลยหรือ”

     

    ใบหน้าสวยหันหนีไม่อยากสบกับแววตาคมที่เต็มไปด้วยความตัดพ้อระคนเจ็บช้ำ เขาจะไม่ใจอ่อนอีกบางทีคริสคงแค่สับสน กับเขามันอาจจะเหลือเพียงความผูกพันที่มีมายาวนานส่วนความรู้สึกอื่นมันคงเปลี่ยนไปแล้ว...ตั้งแต่มีลู่หานก้าวเข้ามา

     

    “นายก็รู้ว่าเรื่องของเรามันไม่มีทางเป็นไปได้ นายเลือกที่จะทำให้เราเป็นแบบนี้เอง”ชานยอลพูดเสียงเบาราวกับว่าถ้ายิ่งพูดดังจะยิ่งไปกระทบจิตใจของคนฟังเข้า

     

    เจ้าของใบหน้าหล่อจัดหัวเราะในลำคอเบาๆเรียกให้ชานยอลหันกลับมามอง แม้กลีบปากหยักจะเหยียดยิ้มแต่ดวงตาสีเข้มกลับไม่ได้บ่งบอกถึงความสุขเลย คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันอย่างไม่เข้าใจว่าอีกฝ่ายกำลังหัวเราะเรื่องอะไรกันแน่

     

    “เธอต่างหาก...ที่เลือกจะทำให้เราเป็นแบบนี้”

     

    ร่างสูงใหญ่ลุกขึ้นจากเตียงเดินออกจากห้องไปโดยทิ้งความสงสัยข้องใจไว้กับคนเบื้องหลัง ชานยอลไม่เข้าใจสิ่งที่คริสพูด หมายความว่ายังไงที่บอกว่าเขาเป็นคนทำ เขาคือคนที่วิ่งกลับมาหากัน คือคนที่ตัดสินใจจะก้าวผ่านความเป็นเพื่อน

     

    ปาร์คชานยอลคนที่เลือกผู้ชายชื่ออู๋อี้ฟ่านน่ะหรือที่ทำให้ความสัมพันธ์ของพวกเราเป็นแบบนี้

     

     

     

    TBC




     

     

    TALK

    เหมือนจะสั้นไปหน่อย กะแต่ละตอนไม่ถูก จะอัพนานแล้วแต่นั่งพรูฟคำแล้วเวปเอ๋อหายหมดเลย เลยเพิ่งเข้ามาอัพงิ อาจจะมีคำผิดบ้าง ขอโทษที่มาช้าน้า

    ฮึ๊บอีกนิดนะ ใกล้จะหวานละ ใกล้ละ

    เรื่องนี้มันไม่เศร้าจริงๆน้า ในความมึนตึงมันก็มีความรักของคริสยอลอยู่ ฮี่ๆ

    ถ้าไม่ผ่านความเจ็บปวด ไม่ผ่านความสูญเสียก็อาจจะไม่รู้ซึ้งถึงคุณค่าของความรัก

    เรื่องนี้อาจจะพุ่งไปทางความรันทดรักของคริสกับชานยอล แต่ ถ้าพวกเขาผ่านมันไปได้ เท่ากับได้พิสูจน์ใจกันว่ามันคงต่อกันขนาดไหนและก็จะรู้ซึ้งว่ากว่าจะได้ความรักมาครอบครองมันยากลำบากเพียงใด พวกเขาก็จะไม่มีทางปล่อยมันไปง่ายๆ

    แต่ถ้าผ่านไปไม่ได้ก็เท่ากับพวกเขาไม่มั่นคงในรักของกันพอ ถ้าไม่มั่นคงอยู่ด้วยกันไปในวันข้างหน้าก็อาจโลเลเปลี่ยนใจไปรักคนอื่นได้ง่ายๆ

    นี่ไม่ได้สปอยน้า ฮี่ๆๆ เป็นแง่คิดของฟิคเรื่องนี้เจ๋ยๆ







    Matesoul my
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×