คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #11 : Seem Sweet - 10 (100%)
Chapter 10
ถึงเวลาที่ชานยอลควรจะถอนตัวและหัวใจออกมาอย่างจริงจังเสียที
ประตูห้องน้ำถูกเปิดออกมาพร้อมด้วยร่างสูงใหญ่ของคนที่อยู่ในห้วงความคิดเดินหน้าบึ้งเข้ามา ดวงตาคมที่ใช้มองมีแววกรุ่นด้วยความโกรธ ชานยอลเบือนหน้าหลบสายตาเขาไม่อยากให้คริสเห็นความอ่อนแอของตัวเองในเวลานี้
“นอนกับฉันมันน่าเสียใจมากหรือไง”
คำถามประชดประชันไม่ได้รับคำตอบเมื่อชานยอลยังคงทำราวกับอีกฝ่ายเป็นอากาศธาตุไร้ตัวตน เขาไม่อยากจะต่อความยาวให้ทะเลาะกันไปมากกว่านี้ ร่างที่บอบช้ำถูกประคองให้ลุกขึ้นยืนโดยมีอีกฝ่ายซ้อนอยู่ด้านหลัง มือหนาจับคางมนบังคับให้จ้องมองเงาในกระจก
“แต่ถึงจะไม่ชอบยังไงเธอก็ปฎิเสธความจริงไม่ได้หรอก ว่าเราเป็นอะไรกัน”
คริสกระชากสาบเสื้อคลุมของชานยอลออกเผยให้เห็นรอยแดงที่เขาตีตราแสดงความเป็นเจ้าของไว้ เขาไม่เคยตอกย้ำสถานะระหว่างเรา ไม่อยากบังคับชานยอลแต่ในเมื่ออีกฝ่ายเอาแต่ทำร้ายจิตใจกันเขาเองก็ควรจะปกป้องหัวใจตัวเองบ้าง
“แค่ร่างกายเท่านั้นที่ฉันให้ได้ ถือเป็นการตอบแทนสิ่งที่นายทำให้แล้วกัน”
ทันทีที่พูดจบร่างแบบบางก็ถูกกระชากให้หันไปเผชิญหน้ากับคนที่ยืนซ้อนอยู่ด้านหลังทันที แววตาที่มีแววคุกรุ่นอยู่แล้วยิ่งเหมือนลุกเป็นไฟ ชานยอลรู้ภายใต้ความโกรธนั้นมันมีแววตัดพ้อเจืออยู่แต่เขาก็เลือกที่จะไม่สนใจมัน ยิ่งมีเยื่อใยรังแต่จะทำร้ายกันไปเปล่าๆ
“แค่ร่างกายงั้นหรือ หึ งั้นก็ตอบแทนให้มันคุ้มค่าหน่อยเป็นไง”
ใบหน้าหล่อจัดก้มลงขบเม้มซ้ำรอยเดิมตามซอกคอขาว กระชากสาบเสื้อคลุมออกอย่างแรงดันร่างแบบบางติดขอบอ่างล้างหน้า มือหนาล้วงผ่านชายเสื้อคลุมเข้าไปลูบไล้ต้นขาเนียนอย่างจาบจ้วง เขาไล่จูบขึ้นมาจากต้นคอหอมกรุ่นฉกชิงกลีบปากช้ำบดขยี้รุนแรงแต่คนตัวบางก็ยังคงนิ่งเฉย ไม่ได้หลบหรือตอบรับจนเขาหงุดหงิด
ชานยอลปล่อยให้คนตัวโตทำตามใจ เขารู้ว่าควรจะใช้วิธีไหนรับมือกับคริสที่กำลังโมโหและมันก็ได้ผลเมื่อร่างสูงใหญ่หยุดชะงักและผละกายออกไป
“พอใจแล้วใช่มั้ย”
“ถ้าเธออยากจะทำตัวเป็นคนไร้หัวใจแบบนี้ งั้นต่อไปฉันก็จะไม่สนแล้วว่าเธอจะรู้สึกยังไง”
ทิ้งคำพูดและสายตาเย็นชาไว้ก่อนที่ร่างสูงใหญ่จะหันจากไป ร่างบางเกาะขอบอ่างไว้พยุงกายไม่ให้ทรุดลงไปยกยิ้มหยันตัวเองราวคนโง่ นี่มันคือสิ่งที่เขาต้องการไม่ใช่หรือไง แล้วจะร้องไห้คร่ำครวญเพื่ออะไรกันปาร์คชานยอล
หลังจากชำระล้างร่างกายอันบอบช้ำเรียบร้อยแล้วชานยอลก็ค่อยๆประคองตัวออกจากห้องน้ำด้วยความลำบาก ทุกย่างก้าวสะเทือนจนความเจ็บร้าวแล่นริ้วขึ้นมา ไม่เคยเลยที่คริสจะทำรุนแรงกับเขาขนาดนี้ ทันทีที่เปิดประตูห้องน้ำออกไปก็พบแบคฮยอนยืนรออยู่ด้วยสีหน้ากังวล ร่างเล็กของคนสนิทรีบเข้ามาช่วยพยุงพาเขาไปส่งถึงเตียงนอน
สิ่งที่ชานยอลรับรู้ตอนนี้คืออาการปวดร้าวไปทั้งร่างราวกับจะแตกเป็นเสี่ยงพร้อมกับอาการไข้ที่รุมเร้าซ้ำยังรู้สึกถึงกลิ่นคาวเลือดตรงมุมปากคาดว่าริมฝีปากคงปริแตกตอนโดนคริสกัด เขานั่งพิงหัวเตียงโดยมีแบคฮยอนช่วยจัดหมอนให้
“คุณชานยอลเป็นยังไงบ้าง”
แบคฮยอนกุมมือเจ้านายไว้ถามอย่างห่วงใย สภาพของชานยอลในตอนนี้เขารู้ซึ้งดีว่าอีกฝ่ายผ่านความเจ็บปวดมาขนาดไหน ทั้งที่ปกติแล้วนายใหญ่ไม่เคยกระทำรุนแรงแบบนี้กับชานยอลมาก่อนครั้งนี้คงจะโกรธมากจริงๆ
คนเจ็บคลี่ยิ้มอ่อนยกมือขึ้นลูบกลุ่มผมสีเข้มของคนสนิทอย่างเอ็นดู ทำราวกับปกติดีเพราะไม่อยากให้ใครต้องเป็นห่วง
“ฉันไม่เป็นไร นายใหญ่ละ”
“เขาทำขนาดนี้แล้วยังจะถามหาอีก”แบคฮยอนอดจะบ่นพึมพำเบาไม่ได้ “เขาออกไปข้างนอกแล้ว”
“งั้นหรือ”ชานยอลพยักหน้ารับรู้เพียงนิด
“เดี๋ยวผมจะไปหยิบยากับหาอะไรร้อนๆให้ทานนะครับ”
รอจนแบคฮยอนออกไปแล้วชานยอลจึงเอนตัวลงนอนด้วยหัวใจวูบหวิวอาจเป็นเพราะกำลังป่วยทำให้เขารู้สึกอ่อนแอก็เป็นได้ เปลือกตาบางปิดลงพยายามปัดความรู้สึกที่ก่อกวนจิตใจทิ้ง แต่ภาพแผ่นหลังกว้างที่เดินจากไปก็ยังตามติดเขาแม้ในยามหลับฝัน
•*´¨`*•.¸¸.•*´¨`*•.¸¸.•*´¨`*•.¸¸.•*´¨`*•.¸¸.•
“ไม่กลับบ้านตั้งหลายวันแบบนี้จะดีเหรอ”
น้ำเสียงหยอกเย้าของลู่หานดังขึ้นพร้อมกับกระป๋องเบียร์ในมือคริสที่ถูกดึงออกไป เกือบหนึ่งอาทิตย์แล้วที่เขามาคลุกอยู่ในห้องเล็กที่เคยอยู่กับชานยอล หลังจากย้ายไปอยู่คฤหาสน์หลังใหญ่เขาก็ซื้อห้องนี้เก็บไว้เพราะมันเป็นสถานที่แห่งความทรงจำระหว่างพวกเขา
“แม้แต่เธอก็ยังจะผลักไสฉันหรือไง”
ลู่หานหัวเราะกับคำพูดน้อยใจของอีกฝ่าย เขานั่งลงขยับเข้าไปใกล้รั้งคนตัวโตให้ซบใบหน้าลงที่แผ่นอกบาง ลูบกลุ่มผมสีสว่างอย่างเบามือ
“ใครจะกล้าทำแบบนั้นกับนายใหญ่ของแก๊งมังกรกัน”
ดวงตาคมปิดลงนึกถึงคนที่กล้าทำเช่นนั้น ถึงร่างกายจะยังอยู่กับเขาแต่หัวใจของชานยอลก็พยายามผลักไสกันออกไปให้ไกล ทำร้ายจิตใจเขาโดยบอกว่าไปนอนกับคนอื่นมา เรื่องนี้คริสไม่เชื่อ วันนั้นที่เขาโกรธมันเป็นเพียงแค่อารมณ์โมโหชั่ววูบทั้งนั้นแต่ลึกลงไปในใจเขายังคงเชื่อใจชานยอลเสมอ
เขาเองก็อยากให้ชานยอลเชื่อใจเขาในทุกเรื่องเช่นกัน ไม่งั้นเรื่องราวมันคงไม่เป็นแบบทุกวันนี้
“ลู่หาน ฉันเหนื่อยเหลือเกิน”
ความอ่อนแอที่ถูกเก็บกักไว้มานานถูกเผยออกมาอย่างไม่คิดปิดบังหัวใจที่ฝืนเข้มแข็งมันกำลังจะหมดแรงลง ลู่หานมองคนในอ้อมกอดอย่างสงสารในตอนนี้ไม่เหลือภาพนายใหญ่ที่คนต่างเกรงกลัวมีเพียงผู้ชายธรรมดาคนหนึ่งที่หัวใจบอบช้ำสาหัส บาดแผลในหัวใจคริสมันเรื้อรังมานานถึงเวลาที่ควรจะได้รับการรักษาเสียที
ลู่หานจะปลดปล่อยอู๋อี้ฟ่านจากความทรมานนี้เอง
•*´¨`*•.¸¸.•*´¨`*•.¸¸.•*´¨`*•.¸¸.•*´¨`*•.¸¸.•
รูปถ่ายหลายใบถูกส่งให้พร้อมกับคำรายงานจากคนสนิทที่ทำเกินหน้าที่ แบคฮยอนแอบสะกดรอยตามคริสมาหลายวันจึงรู้ว่าที่นายใหญ่หายไปไม่กลับบ้านนั้นออกไปอยู่กับลู่หานพี่ชายของโอเซฮุน โดยทั้งคู่ใช้ห้องเช่าเก่าของพวกเขาเป็นรังรัก บางครั้งก็มีพาไปทานอาหารหรือเที่ยวบ้าง ชานยอลมองรูปภาพประกอบที่ตรงตามคำบอกเล่าทุกอย่าง
“กับคนอื่นๆ แค่คืนเดียวก็จบ ไม่เคยมีพาไปทานข้าวหรือสานสัมพันธ์ต่อแบบนี้”
ถึงแม้คริสจะมีความสัมพันธ์กับคนอื่นแต่ก็เป็นความสัมพันธ์ฉาบฉวยเพียงข้ามคืนแต่ครั้งนี้มันแปลกไป คริสไม่เคยออกไปค้างนอกบ้านโดยทิ้งเขาไว้แบบนี้ แต่นี่ไม่กลับบ้านมาเกือบอาทิตย์แล้ว นับเป็นครั้งแรกที่พวกเขาไม่เจอหน้ากันนานขนาดนี้
“นายใหญ่ทำกับคุณเกินไปแล้วนะครับ”แบคฮยอนว่าอย่างเป็นเดือดเป็นร้อนแทนเจ้านาย
“ฉันก็ไม่เห็นว่าคริสจะทำอะไรผิด การที่เขาจะมีใครสักคนมันก็เป็นเรื่องดีนี่น่า”
ดวงตาคู่สวยมองรูปถ่ายในมืออีกครั้งใบหน้าของคริสดูผ่อนคลายยามเมื่ออยู่กับลู่หาน หากคริสเจอคนที่สามารถทำให้เขามีความสุขได้ชานยอลก็จะหมดห่วงเสียที พวกเขาใช้หัวใจที่อ่อนแอประคับประคองกันมาแต่ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานเท่าไหร่มันก็ไม่สามารถรักษาบาดแผลที่กรีดลึกของกันได้ ดังนั้นถ้าจะมีใครที่สามารถรักษาหัวใจดวงนั้นของคริส ชานยอลก็ยินดีเพราะรู้ว่าตัวเองไม่สามารถมอบความสุขที่แท้จริงให้กับเขาได้
“คุณชานยอล!”แบคฮยอนไม่เข้าใจเจ้านายตัวเองเลย ทำไมถึงไม่เดือดร้อนสักนิดที่กำลังจะโดนแย่งของรักไป...หรือว่าแท้จริงแล้วชานยอลไม่เคยรักคริส
“นายคงเหนื่อยแล้ว ไปพักผ่อนเถอะ”ชานยอลบอกอย่างใจดีและจบบทสนทนาเพียงเท่านั้นโดยการหยิบแฟ้มเอกสารขึ้นมาอ่าน
เมื่อแบคฮยอนออกไปแล้วชานยอลจึงวางแฟ้มที่แสร้งทำเป็นอ่านเมื่อครู่ลง หยิบรูปถ่ายที่ถูกวางบนโต๊ะทิ้งลงถังขยะอย่างไม่ไยดีก่อนที่เปลือกตาบางจะปิดอย่างเหนื่อยล้า หลายวันมานี้เขาพักผ่อนไม่เพียงพอเท่าไหร่เพราะยังคงรอคริสกลับบ้านเช่นเคย
มันเป็นความเคยชินตั้งแต่สมัยที่อยู่ด้วยกันสองคน ตอนนั้นคริสต้องออกไปทำงานกว่าจะกลับก็ดึกดื่นเพื่อหาเงินมาเป็นค่าใช้จ่ายทั้งของตัวเองและของเขา ชานยอลรอคอยอย่างกังวลทุกคืนกลัวว่าอีกฝ่ายจะเกิดอันตรายหรือไปต่อสู้กับใครจนได้รับบาดเจ็บกลับมา
เสียงเคาะประตูดังขึ้นเรียกดึงสติชานยอลให้ออกจากความทรงจำในอดีต เด็กรับใช้เข้ามารายงานด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนักจนเขาแปลกใจ
“นายใหญ่กลับมาแล้วครับ เรียกทุกคนให้ไปประชุมที่ห้องโถง”
ชานยอลพยักหน้ารับและลุกเดินออกจากห้องทำงานลงไปยังห้องโถงใหญ่ด้านล่าง บรรดาลูกน้องทุกคนในคฤหาสน์ยืนเรียงกันอย่างสงบ ด้านหน้าโต๊ะประธานคริสกำลังยืนรออยู่ ชานยอลเดินเข้าไปใกล้แต่ก็ต้องชะงักฝีเท้าเมื่อมีร่างเล็กของใครคนหนึ่งก้าวเข้ามายืนเคียงข้างนายใหญ่แทนตำแหน่งที่เคยเป็นของเขา
“มากันครบแล้ว ฉันจะประกาศให้ทุกคนรับรู้ไว้ ต่อไปนี้คุณลู่หานจะมาเป็นเลขาฯส่วนตัวของฉัน คำสั่งของลู่หานก็เหมือนคำสั่งของฉัน เข้าใจมั้ย”
คำพูดของนายใหญ่ทำให้ชานยอลเงยหน้ามองทันทีแต่อีกฝ่ายไม่คิดจะสบตาด้วย มีเพียงแค่ลู่หานเท่านั้นที่ส่งยิ้มมุมปากให้ คริสสั่งให้พ่อบ้านจัดห้องให้ลู่หานไว้เผื่อเจ้าตัวอาจจะมาค้างที่นี่เป็นครั้งคราว หลังจากที่ลูกน้องทุกคนตอบรับและทำความเคารพเลขาฯคนใหม่เรียบร้อยก็ถูกสั่งให้แยกย้ายกันออกไป ทั้งห้องโถงจึงเหลือเพียงแค่ชานยอล คริสและลู่หานเท่านั้น
“ต่อไปนี้งานในส่วนของเธอก็ให้ลู่หานเป็นคนดูแลรวมทั้งเรื่องบัญชีด้วย เธอดูแลแค่งานในบ้านกับโรงพยาบาลไป”คริสหันหน้ามาคุยกันจริงจังเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ชานยอลก้าวเข้ามาในห้องนี้
“ขอคุยเป็นการส่วนตัวหน่อยได้มั้ย”ชานยอลเอ่ยออกมาพลางปลายตาไปทางลู่หานบอกเป็นนัยว่าเขาต้องการคุยกับคริสเพียงลำพังเท่านั้น
“ว่ามาสิ ฉันไม่มีความลับกับลู่หานอยู่แล้ว”คริสตอบพลางทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟารอฟังว่าชานยอลจะพูดอะไร
ถึงนายใหญ่จะพูดแบบนั้นแต่ชานยอลก็ยังคงเงียบยืนยันความต้องการว่าอยากจะคุยกันเพียงสองคน หากแต่เขาก็หยิ่งเกินกว่าจะเอ่ยปากซ้ำ พวกเขายืนประสานสายตากันอยู่ชั่วครู่จนในที่สุดลู่หานก็เอ่ยขึ้นทำลายความเงียบ
“คุณชานยอลคงอยากคุยกับอี้ฟ่านตามลำพัง ฉันเหนื่อยแล้วขอตัวไปพักผ่อนก่อนแล้วกัน”
ใบหน้าน่ารักราวกับตุ๊กตาส่งยิ้มให้ก่อนจะเดินขึ้นบันไดไป ชานยอลมองตามแผ่นหลังบางอย่างครุ่นคิดก่อนจะหันกลับมามองเจ้าของใบหน้าหล่อจัดที่เรียบเฉย ไม่มีรอยยิ้มบางเหมือนอย่างเคย
“ฉันเคยบอกแล้วว่าไม่ไว้ใจครอบครัวนี้ นายจะถูกใจลู่หานนั่นเป็นเรื่องส่วนตัวแต่ก็ไม่ควรให้เข้ามาเกี่ยวกับเรื่องงาน”
ถ้าเป็นคนอื่นที่ไม่ใช่ลู่หานไม่ใช่คนของตระกูลโอเขาจะไม่คัดค้านเลย แค่ลำพังคริสให้ความไว้วางใจโอเซฮุนเขาก็ไม่เห็นด้วยแล้วแต่นี่ถึงขนาดเอาลู่หานมาทำงานใกล้ชิดซ้ำยังให้อำนาจเต็มที่ นายใหญ่คิดอะไรอยู่กันแน่ทั้งที่รู้ว่าสองคนนี้อาจเป็นตัวอันตรายสำหรับพวกเรายังจะพามาไว้ใกล้ตัวอีก
“แต่ฉันเชื่อใจลู่หาน อย่างน้อยเขาก็ไม่เคยทำร้ายจิตใจฉัน”...เหมือนที่เธอพยายามทำอยู่ตลอดเวลา คริสต่อประโยคสุดท้ายเพียงในใจ หลายวันมานี้เขาคิดทบทวนดูแล้วทำให้ตัดสินใจอะไรได้ง่ายขึ้น หัวใจเขามันทนรับการถูกทำร้ายอีกต่อไปไม่ไหวแล้ว
“แยกเรื่องส่วนตัวกับเรื่องงานออกจากกันได้มั้ย”ทุกครั้งหากต้องตัดสินใจเรื่องสำคัญคริสจะปรึกษาชานยอลก่อนเสมอ แต่คราวนี้กับทำอะไรโดยไม่บอกกล่าว เขาไม่รู้ว่าคริสกำลังประชดกันหรือจริงจังกับลู่หานกันแน่ถึงได้ให้เข้ามาทำหน้าที่สำคัญขนาดนี้
“ฉันกำลังทำอยู่นี่ไง เธอก็อยู่ในที่ของตัวเองไปไม่ต้องยุ่งเกี่ยวกับงานในแก๊งอีก ทำหน้าที่ ‘เมีย’ ที่ดีก็พอแล้ว”
ใบหน้าสวยร้อนวาบทันทีเมื่อได้ยินคำเรียกนั้น เขาได้แต่ยืนอึ้งมองแผ่นหลังเจ้าของประโยคเมื่อครู่ที่เดินจากไป คริสไม่เคยใช้คำพูดแบบนี้กับเขามาก่อน เพียงเวลาไม่กี่วันที่ไม่ได้เจอกันทำไมถึงเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้นะ ชานยอลทิ้งตังลงนั่งบนโซฟาข่มความรู้สึกภายในที่ตีขึ้นมา
“แบบนี้แล้วยังว่าไม่เกินไปอีกหรือเปล่า ถึงกับพากันเข้าบ้านไม่ไว้หน้าคุณเลย คุณเลิกยอมเขาสักทีได้มั้ย”
แบคฮยอนที่ยืนมองเหตุการณ์ทุกอย่างอยู่ตลอดก้าวเข้ามาหาเจ้านายตัวเอง ทั้งสงสารและโกรธแทนที่นายใหญ่ไม่ไว้หน้าชานยอลกล้าเอาคนอื่นเข้าบ้านมาเหมือนข้ามหัวเจ้านายเขาไม่พอยังให้รับผิดชอบงานต่างๆแทนอีกด้วย นี่นายใหญ่คิดจะยกลู่หานมาแทนที่ชานยอลหรือไง
“แล้วฉันจะทำอะไรได้”
ชานยอลรู้สึกได้ว่าครั้งนี้มันไม่เหมือนที่ผ่านมา ถึงคริสจะออกไปหาเศษหาเลยบ้างแต่เขาก็รู้ว่าอีกฝ่ายทำไปเพราะประชดกันเท่านั้นแต่กับลู่หานมันไม่ใช่ มันพิเศษกว่านั้น แค่พากันไปที่ห้องเช่าเดิมที่เขาเคยอยู่ชานยอลก็รู้ได้ว่าคริสให้ความสำคัญกับอีกฝ่ายขนาดไหน เพราะสถานที่นั้นมันเป็นเหมือนความทรงจำของพวกเขาสองคนแต่คริสกลับพาคนอื่นไป
หรือบางทีเขาอาจจะกำลังสร้างความทรงจำใหม่เพื่อลบเรื่องในอดีตที่มันไม่น่าจดจำก็เป็นได้
•*´¨`*•.¸¸.•*´¨`*•.¸¸.•*´¨`*•.¸¸.•*´¨`*•.¸¸.•
ตั้งแต่มีลู่หานเข้ามาความสัมพันธ์ของคริสกับชานยอลก็ดูเหมือนจะห่างเหินกันไปทุกที แม้ในทุกคืนคริสจะเข้ามานอนกับชานยอลเหมือนเดิมแต่มันก็หลังจากที่อีกฝ่ายคลุกอยู่ในห้องลู่หานจนเวลาล่วงเลยเข้าวันใหม่แล้วทุกครั้งถึงจะย่างกายเข้ามาสอดตัวเข้าผ้าห่มผืนเดียวกับเขา ท่อนแขนแกร่งสอดเข้าโอบกอดเอวบางกระชับตัวเข้ามานอนใกล้ให้ความอบอุ่นแบบที่ทำมาตลอดหลายปี
ชานยอลพลิกตัวกลับไปมองคนที่สวมกอดเขาไว้ คริสกำลังหลับสนิทใบหน้าหล่อจัดมีร่องรอยความอ่อนล้า ชานยอลไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับงานในแก๊งอีกเลยจึงไม่รู้ว่าช่วงนี้คริสทำอะไรบ้าง ลู่หานเป็นคนดูแลงานทั้งหมดที่เขาเคยทำเท่าที่รู้มาฝ่ายนั้นเป็นคนฉลาดทำงานละเอียดรอบคอบดีทุกอย่างกลายเป็นทั้งเลขาฯและที่ปรึกษาของนายใหญ่ จากที่เมื่อก่อนคริสจะปรึกษาเรื่องงานกับเขากลายเป็นเดี๋ยวนี้แม้แต่จะร่วมฟังยังไม่ได้ ชานยอลเคยบังเอิญเข้าไปในจังหวะที่คริสและลู่หานหารือเรื่องงานกันอยู่ทั้งสองคนหยุดบทสนทนาทันทีเมื่อเห็นเขา
ความรู้สึกที่ว่ากายอยู่ใกล้กันแต่หัวใจกลับห่างไกลที่เขาพยายามยัดเยียดให้คริส มันเหมือนกำลังย้อนกลับมาทำร้ายตัวเอง
ไม่ใช่เพียงแค่คริสหรอกที่ต้องตัดใจจากเขาให้ได้ ตัวชานยอลเองก็ต้องพยายามตัดใจเหมือนกัน เขามันก็แค่คนเห็นแก่ตัวใช้คำสัญญาสิบปีนั่นมาอ้างเพื่อตอบแทนสิ่งที่คริสทำให้แต่ความจริงแล้วตัวเขาก็ยังอ่อนแอเกินกว่าจะอยู่ได้โดยไม่มีผู้ชายคนนี้ต่างหาก เขาให้เวลาทั้งตัวเองและคริสที่จะค่อยๆตัดใจจากกันเพื่อรอวันที่ต่างก็ต้องยืนอยู่เพียงลำพัง
มันไม่มีทางไหนเลยอี้ฟ่านที่เราจะอยู่ด้วยกันได้ ฉันลืมเรื่องนั้นไม่ได้จริงๆ
ในทุกครั้งที่ชานยอลรู้สึกมีความสุขหรือแม้ยามที่ถูกคริสกอดภาพใบหน้ากับแววตาของพ่อในวันนั้นจะเด่นขึ้นมาในห้วงความทรงจำแล้วอย่างนี้จะให้เขาทำลืมแล้วใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันไปตลอดได้อย่างไร หัวใจเขาเหมือนถูกมีดทิ่มแทงอยู่ตลอด ทุกครั้งที่มีความสุขคมมีดก็จะกรีดลึกลงมันทรมานจนเขาอยากให้เรื่องทุกอย่างมันจบลงสักที
เรื่องมากมายที่ตีกันยุ่งในจิตใจทำให้ไม่อาจข่มตาหลับได้ลง ชานยอลนอนคิดอะไรเรื่อยเปื่อยจนฟ้าสางถึงค่อยๆขยับตัวออกจากอ้อมอกร่างสูงใหญ่อย่างแผ่วเบาเพราะไม่อยากทำให้อีกฝ่ายตื่น กระชับผ้าห่มให้คนที่ยังนอนหลับก่อนจะลุกไปชำระร่างกายในห้องน้ำเพื่อลงไปเตรียมอาหารเช้าในครัว
พอย้ายเข้ามาอยู่ที่คฤหาสน์หลังนี้ชานยอลก็ไม่ค่อยได้ลงมือเข้าครัวเองนักปล่อยให้เป็นหน้าที่ของพ่อครัวคอยจัดการ แต่ในเมื่อวันนี้นอนไม่หลับแล้วเลยอยากจะทำมื้อเช้าเองสักหน่อย เขาหันไปสั่งให้พ่อบ้านช่วยเป็นลูกมือเตรียมวัตถุดิบส่วนตัวเองก็ทำเพียงแค่ปรุงรสชาติลงไป ไม่นานข้าวต้มกุ้งก็ส่งกลิ่นหอมพร้อมสำหรับเตรียมขึ้นโต๊ะอาหาร
“วันนี้คุณชานยอลลงมือเองนายใหญ่คงทานเยอะแน่ๆ”เป็นที่รู้กันดีว่าหากคุณชานยอลเข้าครัวเมื่อไหร่นายใหญ่ของบ้านจะเจริญอาหารขึ้นมาทันที พ่อครัวฝีมือดีขนาดไหนก็ทำรสชาติไม่ถูกปากเท่าคุณชานยอล
“เตรียมจัดโต๊ะเถอะ เดี๋ยวฉันจะขึ้นไปปลุกนายใหญ่”ชานยอลเพียงส่งยิ้มบางกับคำพูดนั้น ก่อนจะถอดผ้ากันเปื้อนออกจากตัวแต่ยังไม่ทันได้ก้าวออกจากครัวสมาชิกใหม่ของบ้านก็เดินเข้ามาเสียก่อน
“หื้มมม ถึงกับเข้าครัวมัดใจนายใหญ่เลยเหรอ”
ลู่หานเดินยิ้มเข้ามาในครัวเอ่ยทักอย่างอารมณ์ดี แต่ชานยอลไม่ได้อยากจะยิ้มกลับสักเท่าไหร่กับคำพูดที่ไม่ค่อยเข้าหูนั่น เจ้าของใบหน้าน่ารักราวตุ๊กตาเดินไปที่หม้อข้าวต้มจับทัพพีคนดูอย่างสนใจ
“ถ้าหิวก็เชิญคุณทานก่อนได้เลย ฉันจะขึ้นไปปลุกนายใหญ่”
“วันนี้นายใหญ่ต้องไปพบลูกค้าตอนเช้า รีบปลุกเขาหน่อยแล้วกัน เมื่อคืนฉันก็บอกแล้วว่าให้รีบกลับไปนอน...”
ชานยอลไม่ได้ยืนฟังต่อจนจบประโยคเขาเดินออกจากครัวขึ้นบันไดตรงกลับไปทางห้องนอนตัวเอง ไม่ใช่ครั้งแรกที่ลู่หานพูดจายั่วยุเขาแบบนี้มันแทบจะเป็นเรื่องปกติทุกครั้งที่เจอหน้ากันไปเสียแล้ว ที่บอกว่าเตรียมห้องไว้เผื่อลู่หานมาค้างเป็นบางครั้งนั้นไม่จริงเลยเพราะตั้งแต่ที่ลู่หานก้าวเข้ามาในบ้านหลังนี้ก็ไม่มีคืนไหนเลยที่ไม่กลับมานอนค้างพร้อมนายใหญ่
เด็กรับใช้ในบ้านต่างก็ซุบซิบสงสัยความสัมพันธ์ของสองคนนั้น แต่ในเมื่อคริสไม่พูดอะไรให้มันชัดเจนเขาจะทำอะไรได้ นายใหญ่ก็ยังคงทำตัวปกติพวกเขาทั้งสองก็ยังคงเป็นเหมือนเดิมเพียงแค่มีลู่หานเพิ่มขึ้นมาอีกคน ชานยอลก็ไม่รู้ว่าที่อยู่กันสามคนแบบนี้มันอยู่ในฐานะอะไรกันแน่
มือเล็กเปิดประตูเข้าห้องนอนในตอนที่คริสเพิ่งออกมาจากห้องน้ำพอดี ร่างสูงใหญ่มีเพียงผ้าเช็ดตัวพันช่วงเอวไว้ หยดน้ำตามแผ่นอกกว้างบ่งบอกว่าเขาอาบน้ำเรียบร้อยแล้ว ชานยอลจึงเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้าเพื่อหยิบสูทออกมาเตรียมไว้ให้
“ไปไหนมา”ปกติตอนเช้าชานยอลจะรอช่วยเขาแต่งตัวก่อนถึงจะลงไปข้างล่างพร้อมกัน แต่วันนี้ตื่นมากลับไม่พบอีกคนที่ควรจะนอนรออยู่ข้างๆ
“ลงไปทำอาหารเช้า”
ร่างโปร่งตอบพลางส่งเสื้อเชิ้ตให้หลังจากคริสสวมกางเกงเรียบร้อยแล้ว นิ้วมือเรียวช่วยติดกระดุมให้อย่างคล่องแคล่วก่อนจะหยิบเนคไทมาบรรจงผูกให้ คริสมองคนที่ปรนนิบัติตนอย่างพอใจตั้งแต่เถียงกันเรื่องลู่หานเขาก็ไม่ค่อยมีเวลาอยู่กับชานยอลมากนักเลยไม่ได้หยิบยกเรื่องเก่ามาพูดให้ทะเลาะกันอีก
“ทำเองให้เหนื่อยทำไม”
มือหนารวบฝ่ามือเล็กมากุมไว้ ช่วงก่อนที่จะได้ขึ้นเป็นนายใหญ่เขาปล่อยให้ชานยอลลำบากต้องทำงานบ้านด้วยตัวเอง มือที่เคยนุ่มนิ่มไม่เคยแตะงานหนักต้องหยาบกร้านขึ้นจนเขารู้สึกผิด พอได้เข้าบริหารธุรกิจในเครือตระกูลอู๋จนประสบความสำเร็จทำให้ฐานะทางการเงินดีขึ้นมาเขาจึงพาชานยอลย้ายจากห้องเช่าเก่าคืนความสุขสบายแบบที่ชานยอลเคยได้รับตอนเป็นคุณหนูปาร์คอีกครั้ง
“นานๆทีก็อยากเอาใจบ้างไม่ได้หรือไง”ใบหน้าหวานเงยขึ้นสบตากับคนตัวโต เขาเห็นว่าพักนี้คริสดูซูบลงไปเลยอยากทำอาหารให้อีกฝ่ายได้ทานเยอะๆ
“ถ้าอยากเอาใจฉัน แค่ยิ้มให้กันบ่อยๆก็พอ”ไม่มีอะไรที่จะทำให้คริสพอใจได้เท่าการเห็นรอยยิ้มของชานยอล ถึงชานยอลจะพยายามตีสีหน้าเย็นชาขนาดไหนแต่ในบางครั้งที่เจ้าตัวเผลอก็จะเผยแววอมทุกข์และปวดร้าวออกมา เขาได้เห็นยิ่งเจ็บกว่าที่ไม่สามารถช่วยลบความเจ็บปวดให้อีกฝ่ายได้
“มีคนที่เขายิ้มให้นายอยู่ตลอดเวลาแล้วนี่”
ชานยอลดึงมือออกจากการเกาะกุม จัดเสื้อสูทให้อีกฝ่ายจนเรียบร้อยก็หันหลังจะเดินออกจากห้องแต่กลับถูกคนตัวโตรวบเอวเข้าไปกอดจากด้านหลัง ใบหน้าหล่อจัดเกยคางไว้บนไหล่อย่างออดอ้อนจมูกโด่งฝังลงข้างแก้มเนียนสูดกลิ่นหอมอ่อนๆจนใบหน้าสวยพยายามหันหนี
“หมายถึงลู่หานเหรอ อย่าไม่ชอบเขาเลยนะ”
คนถูกกอดแทบอยากจะสะบัดมืออีกฝ่ายออกเมื่อได้ยินคำพูดที่เหมือนกับเขาเป็นตัวร้ายใจแคบคิดไม่ดีกับคนอื่น กลีบปากอิ่มขบกันแน่นข่มกลั้นอารมณ์ที่ช่วงหลังมานี้รู้สึกจะขึ้นลงบ่อยจนเขาแทบจะควบคุมไม่ได้ เสียงประตูห้องนอนถูกเคาะตามมารยาทสองสามครั้งยังไม่ทันที่เจ้าของห้องจะได้เอ่ยปากอนุญาต คนที่เป็นหัวข้อสนทนาก็เดินยิ้มร่าเข้ามาแล้ว
“โอ๊ะ ไม่อยากจะขัดจังหวะหรอกนะ แต่พอดีลูกค้าที่นัดไว้โทรมาตามแล้ว คงต้องไปแล้วละอี้ฟ่าน”
คนตัวเล็กยังคงไม่ขยับออกจากห้องไปเมื่อพูดจบ เจ้าของใบหน้าตุ๊กตายืนกดดันนิ่งด้วยรอยยิ้มจนคริสต้องยอมปล่อยมือจากชานยอลเดินนำออกจากห้องไป ลู่หานยังคงส่งยิ้มมาให้ก่อนจะหมุนตัวเดินตามหลังนายใหญ่แต่ยังไม่ทันพ้นขอบประตูก็ชะงักฝีเท้าและหันกลับมาเหมือนนึกอะไรได้
“ข้าวต้มอร่อยมาก เสียดายอี้ฟ่านคงไม่ได้ทานแล้วละ”
เจ้าของห้องยืนมองแผ่นหลังบางที่เดินลับตาไป คำพูดลู่หานอาจจะฟังดูธรรมดาแต่ชานยอลดูออกว่าภายใต้ใบหน้ายิ้มแย้มและคำพูดยั่วเย้าแบบเด็กๆนั่นแฝงไว้ด้วยความมั่นใจว่าตนเองอยู่เหนือกว่า และเขาก็รู้สึกว่ามันเป็นแบบนั้นจริงๆ ลู่หานเป็นคนที่เขาอ่านไม่ออกว่ากำลังคิดอะไรอยู่
เดาไม่ออกเลยว่าเบื้องหลังใบหน้าราวตุ๊กตาไร้พิษภัยนั่นซ่อนตัวตนที่แท้จริงแบบไหนไว้กันแน่
โต๊ะอาหารสำหรับมื้อเช้าถูกจัดให้เหลือเพียงที่เดียวเมื่อนายใหญ่และเลขาฯคนโปรดรีบออกจากบ้านไป ชานยอลเดินไปนั่งบนเก้าอี้ยังไม่ทันจะได้แตะช้อนลูกน้องก็เดินนำหัวหน้าสาขาตะวันออกเข้ามา เขาเลิกคิ้วขึ้นมองเป็นเชิงถามถึงธุระ อีกฝ่ายจึงยื่นแฟ้มรายงานประจำเดือนของสาขาตะวันออกให้
“นายใหญ่กับคุณเลขาฯออกไปแล้ว”ชานยอลบอกคิดว่าอีกฝ่ายคงตั้งใจมาหาคริสหรือไม่ก็ลู่หานเพราะแค่ส่งรายงานไม่เห็นจำเป็นต้องมาถึงที่นี่ด้วยตัวเอง
“ครับ ผมทราบ”เพราะรู้ยังไงละเขาถึงเข้ามาส่งรายงานด้วยตัวเอง
เซฮุนถือวิสาสะนั่งลงบนเก้าอี้ตรงข้ามมองใบหน้าสวยของคนด้านหน้าอย่างใช้ความคิด ตั้งแต่เกิดเรื่องชวนใจเต้นขึ้นวันนั้นเขาก็ไม่ได้พบหน้าชานยอลอีกเลยเหมือนอีกฝ่ายจงใจหลบหน้ากัน จากคำพูดและน้ำตาในคืนนั้นมันทำให้เขาพอจะรู้ว่าชานยอลเองก็มีความรู้สึกลึกซึ้งกับนายใหญ่อยู่ไม่น้อย มันจึงทำให้เขาอดห่วงสภาพจิตใจของอีกฝ่ายไม่ได้ที่ตอนนี้ลู่หานกำลังขึ้นมาแทนที่ปาร์คชานยอล
และอาจจะแทนที่แม้แต่ตำแหน่งคนสำคัญของนายใหญ่ด้วย
“ถ้าจะแค่มานั่งจ้องหน้า ทีหลังฉันจะให้คนส่งรูปไปให้จะได้ไม่ต้องลำบากขับรถมาถึงนี่”ชานยอลเอ่ยออกมาในที่สุดเมื่อคนตรงหน้าไม่พูดจาอะไรเอาแต่มองหน้าเขาอยู่ได้
“นี่ไม่คิดจะเขินสักหน่อยเหรอ”เซฮุนแทบอยากจะหัวเราะออกมาดังๆ กับคำพูดยียวนของปาร์คชานยอลที่เขาเพิ่งเคยได้ยิน นี่เขามั่นใจในหน้าตาของตัวเองระดับหนึ่งนะ ไม่ว่าจะสาวใหญ่หนุ่มน้อยที่ไหนถูกมองตรงๆ แบบนี้ได้มีอาการเขินม้วนหน้าแดงกันเป็นแถว แล้วปาร์คชานยอลคืออะไรยังทำนิ่งเฉยจนเขาหมดความมั่นใจ
เจ้าของดวงหน้าสวยหวานยกยิ้มมุมปากก่อนจะโน้มตัวเข้ามาใกล้กับใบหน้าของเซฮุน นิ้วเรียวไล้ไปตามสันกรามอย่างอ้อยอิ่งและยังมองเขาด้วยสายตาหวานเชื่อม เซฮุนรู้สึกได้ถึงจังหวะหัวใจที่เต้นผิดไปเมื่อสายตาคมเผลอมองกลีบปากสีสดที่เขาเคยได้สัมผัส และยิ่งใบหน้าคล้ายเด็กผู้หญิงนั่นเลื่อนเข้ามาใกล้จนได้กลิ่นน้ำหอมจางๆ เขาก็รู้สึกได้เลยว่าเลือดทั้งหมดในกายคงวิ่งมารวมตัวกันบนใบหน้าเป็นแน่ แต่ก่อนที่สมองจะขาวโพลนเสียงกระซิบอย่างยั่วเย้าข้างหูก็ฉุดดึงสติทั้งหมดของเขาให้กลับมา
“แบบนี้หรือเปล่าที่เรียกว่าเขิน”
ชานยอลถอยตัวกลับไปนั่งพิงพนักเก้าอี้ของตัวเองอย่างผู้ชนะ ใบหน้าสวยที่เคยเรียบเฉยเปื้อนไปด้วยรอยยิ้มสะใจที่สามารถกลั่นแกล้งคนได้ และหากเซฮุนไม่ได้หูฟาดเหมือนจะได้ยินเสียงหัวเราะเบาๆ ของอีกฝ่ายด้วย
“แม่มดชัดๆ”เซฮุนพึมพำเบาๆ หากแต่เขาไม่โกรธเลยสักนิด การโดนแกล้งแต่แลกมาด้วยเสียงหัวเราะของปาร์คชานยอลถือว่าคุ้มค่าแล้ว
“บอกธุระของนายมาได้แล้ว”
เรื่องคืนนั้นมันเป็นเพียงอารมณ์ชั่ววูบที่อยากลองเปิดหัวใจให้คนอื่นก้าวเข้ามาแต่สุดท้ายเขากลับทรยศคริสไม่ได้ หลังจากที่เผยความอ่อนแอให้เซฮุนได้เห็น เขาก็คิดว่าไม่ควรจะเอาตัวเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับผู้ชายคนนี้มากนัก ชานยอลปล่อยให้อีกฝ่ายก้าวเข้ามาใกล้ความเป็นส่วนตัวของเขามากเกินไป ไม่อยากจะยอมรับนักว่าเวลาอยู่ด้วยโอเซฮุนทำให้เขารู้สึกผ่อนคลายจนเผลอแสดงตัวตนที่แท้จริงออกมาบ่อยครั้งซึ่งเขาไม่ชอบใจนักกับเรื่องนี้ ชานยอลไม่ต้องการให้ใครผ่านเข้ามาล่วงรู้จิตใจของตัวเองทั้งนั้น
“เรื่องพี่ชายผมกับนายใหญ่”เซฮุนตัดสินใจพูดออกไปและพยายามจับสังเกตว่าภายใต้ใบหน้าเรียบเฉยนั่นปกปิดความรู้สึกอะไรไว้หรือไม่
“ทำไม”ชานยอลคิดเอาไว้ไม่ผิดว่าธุระของเซฮุนคือเรื่องนี้
“ช่วยห้ามนายใหญ่ไม่ให้ยุ่งกับพี่ชายผมได้มั้ย”เซฮุนรู้ว่าชานยอลมีความสำคัญภายในใจของนายใหญ่ขนาดไหนจึงไม่อยากให้ลู่หานตกเป็นของเล่น ซึ่งเขาเตือนพี่ชายตัวเองแล้วแต่บดลู่หานจะดื้อก็ไม่ฟังใครเหมือนกัน ในเมื่อพูดกับคนของเขาไม่ได้จึงต้องแบกหน้ามาขอร้องชานยอลซึ่งมันอาจจะฟังดูตลกไปเสียหน่อยที่ทำแบบนี้
“ทำไมละ ถ้าพี่ชายนายได้เป็นคนรักของนายใหญ่ ไม่ดีหรือ”ชานยอลพูดราวกับตัวเองไม่ได้มีความเกี่ยวข้องอะไรกับคริส
“นายใหญ่มีคุณอยู่แล้ว ผมไม่อยากให้พี่ชายต้องเสียใจ”เซฮุนพูดออกมาตรงๆ โดยไม่อ้อมค้อมอีกต่อไป
“ฉันกับคริสไม่ได้เป็นอะไรกันและเมื่อถึงเวลาฉันจะไปจากเขาเอง”
เกิดความเงียบขึ้นปกคลุมภายในห้องทำงานแห่งนี้หลังจากจบคำพูดของชานยอล สองคนที่นั่งเผชิญหน้ากันอยู่เหมือนต่างปล่อยให้อีกฝ่ายได้ใช้เวลาอยู่กับความคิดของตนเองสักครู่ เรื่องนี้ชานยอลไม่เคยพูดกับใครแต่ครั้งนี้เพื่อความสบายใจของอีกฝ่ายที่จะวางใจปล่อยเรื่องลู่หานกับคริสเขาจึงต้องพูด
“คุณ...”เซฮุนแทบจะหาเสียงของตัวเองไม่เจอ เขาไม่เข้าใจ ไม่เข้าใจเลยจริงๆ ทั้งคริสและชานยอลถ้าไม่ได้เป็นอะไรกันแล้วสิ่งที่สองคนนั้นแสดงต่อกันมันหมายความว่าอย่างไร
“คริสไม่ใช่คนเลวร้ายหรอกนะ ถ้าหากเขากับพี่ชายนายจะคบกันจริงๆ ฉันเชื่อว่าคริสจะดูแลลู่หานได้ดี”ชานยอลไม่ได้โกหก เขารู้จักคริสดียิ่งกว่าใครผู้ชายคนนั้นจะทำให้คนที่รักรู้สึกอบอุ่นปลอดภัยได้แน่นอน
“แล้วคุณ...จะไม่เป็นอะไรหรือ”เซฮุนไม่ปฏิเสธว่ารู้สึกเป็นห่วงคนๆ นี้ กังวลว่าอีกฝ่ายจะเจ็บปวดหากต้องเป็นฝ่ายถอยออกมา
ชานยอลยิ้มให้กับคำถามนั้นเป็นรอยยิ้มที่มาจากใจจริงซึ่งมันนานมากแล้วเหมือนกันที่เขาไม่ได้ยิ้มให้ใครแบบนี้นับตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ที่เปลี่ยนแปลงชีวิตเขา จากที่เคยเป็นคนยิ้มง่ายชานยอลก็ค่อยๆ ลืมมันหรือแม้แต่เสียงหัวเราะของตัวเองเขาก็ไม่ได้ยินมานานแล้ว
“ถ้าลู่หานคนทำให้คริสมีความสุขได้ฉันก็ยินดี
....แต่หากเขาหรือนายทรยศทำร้ายคริสเมื่อไหร่ ฉันไม่ปล่อยไว้แน่”
TBC
เรื่องนี้จริงๆแล้วโรแมนติกน้าาา ไม่เศร้าๆๆๆ ><
ความรู้สึกของตัวละครแต่ละตัวจะค่อยๆเผยออกมานะ เราไม่ปล่อยให้งงค้างเต่งแน่ๆ ฮาาา
เรื่องนี้มีประมาณ 15 ตอนจบ ฮึ๊บอีกนิดจะเฉลยทุกอย่างแล้ว ฮึ๊บนะะะ
Matesoul my
ความคิดเห็น