คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #10 : Seem Sweet - 9 { past sweet }
Chapter 9
นับตั้งแต่ที่ชานยอลเลือกจะอยู่กับคริสก็เท่ากับเขาเป็นคนของแก๊งมังกรเต็มตัวแล้ว เขารู้ว่าที่อู๋ฟงยังไว้ชีวิตตนก็จะใช้เป็นเครื่องมือต่อรองให้คริสยังทำงานให้เท่านั้น ซองเอกสารที่บรรจุรูปถ่ายและประวัติของบุคคลใหญ่โตจะถูกนำมาสอดไว้ใต้ประตู หากเขียนจ่าหน้าซองถึงใครนั่นหมายถึงเจ้าของชื่อจะต้องออกไปเก็บงานตามคำสั่งของนายใหญ่ แต่ไม่ว่าหน้าซองนั้นจะเป็นชื่อใครคนที่ออกไปทำงานก็เป็นคริสเสมอ
ไม่ว่าอย่างไรผู้ชายคนนั้นก็ยังปกป้องชานยอลอยู่ดี
“ง่วงก็ไปนอนเถอะ”
อี้ชิงที่มาอยู่เป็นเพื่อนชานยอลในระหว่างที่คริสออกไปทำงานนอกบ้านบอก เขาพอจะรู้เรื่องที่เกิดขึ้นกับครอบครัวชานยอลเพราะเป็นนายน้อยของแก๊งเสือขาว เพียงแต่ที่ผ่านมาพวกเขาไม่เคยสนใจฐานะของกัน ความเป็นเพื่อนต่างหากที่สำคัญ
“ยังหรอก นายนั่นแหละกลับบ้านได้แล้ว มันดึกมากแล้วนะ”ชานยอลไม่อยากให้ใครทำเหมือนเขาเป็นเด็กน้อยที่ต้องพึงพาคนอื่นอีกต่อไป เขาไม่ได้อ่อนแอขนาดต้องมีคนคอยดูแลตลอดเวลา
“ไล่เหรอ ไม่กลับหรอก”
“อะไรเนี่ย เจ้าของบ้านไล่แล้วยังไม่ไปอีก”คำพูดกับการกระทำเจ้าของบ้านดูจะขัดกันไปสักหน่อย เพราะชานยอลกำลังยิ้มน้อยๆ ซึ้งใจกับความเป็นห่วงของเพื่อน เขารู้ว่าอี้ชิงเป็นห่วงไม่อยากให้ตัวเองอยู่ตามลำพัง
“ยิ้มได้สักทีนะ ยิ้มให้เจ้านั่นมันบ้าง มันจะเหี่ยวตายอยู่แล้ว”อี้ชิงรู้สถานการณ์ระหว่างคริสกับชานยอลดีว่าย่ำแย่ขนาดไหน ในขณะที่ชานยอลเศร้าคริสมันเศร้ากว่า ชานยอลร้องไห้มันก็แอบร้อง ถ้าเห็นว่าชานยอลยิ้มได้ เจ้านั่นคงยิ้มได้บ้าง
“ฉัน...ฉันไม่รู้ว่าควรจะทำตัวยังไงตอนอยู่กับเขา”ชานยอลไม่รู้จริงๆ ว่าสิ่งที่เขาควรรู้สึกกับคริสมันคืออะไรกันแน่ ความสับสนทำให้เขาเลือกที่จะแสดงออกด้วยความเฉยชา
“อย่าใช้สมองสิ ใช้หัวใจ ทำตามเสียงของมัน”
เสียงเปิดประตูดังขึ้นก่อนที่ชานยอลจะได้เอ่ยคำพูดใดอีก เป็นคริสที่เดินเข้ามา ทันทีที่สบตากันใบหน้านั้นก็ไม่เคยลืมที่จะส่งยิ้มอบอุ่นให้อย่างเคย ชานยอลเองเสียอีกที่ทำเป็นมองไม่เห็นและลุกขึ้นจากโซฟาเข้าห้องนอนไปทันที
“กลับมาแล้วเหรอ”
เสียงอี้ชิงที่เอ่ยทักดึงสายตาของคริสให้กลับมาจากประตูห้องนอน ดวงตาคมรีบปรับเป็นปกติก่อนพยักหน้าตอบรับเพื่อนสนิทอย่างเหนื่อยอ่อน
“ขอบใจมากนะที่มาอยู่เป็นเพื่อนชานยอล”
“ชานยอลมันก็เพื่อนฉันเหมือนกัน”แม้มีคำมากมายที่อี้ชิงอยากจะบอกเพื่อนรัก แต่เขาคิดว่าบางทีมันอาจเป็นเรื่องของคนสองคนที่ต้องค่อยๆ ปรับความเข้าใจกันเอง คนนอกอย่างจางอี้ชิงไม่สมควรเข้าไปยุ่งเกี่ยว
คริสเดินไปส่งอี้ชิงถึงหน้าประตูแล้วจึงเดินเข้าไปในห้องนอน เตียงหลังเล็กคับแคบเกินกว่าจะนอนเบียดกันสองคนได้เขาจึงปูฟูกนอนบนพื้นข้างๆแทน คริสกระชับผ้าห่มให้คนที่นอนหันหลังให้อย่างแผ่วเบา รู้สึกผิดอยู่ไม่น้อยที่ไม่สามารถมอบสิ่งที่ดีกว่านี้ให้คนตัวเล็กได้ เพราะนับจากวันที่เขาประกาศว่าจะรับผิดชอบชีวิตของชานยอลและย้ายออกมาอยู่ด้วยกัน อู๋ฟงก็อาณัติบัตรเครดิตและยึดสมุดบัญชีไปหมด
‘ในเมื่ออยากจะเลี้ยงดูลูกไอ้คนทรยศแกก็ต้องทำงานแลกเงิน ฉันไม่ยอมให้เอาเงินฉันไปให้มันหรอกนะ’
งานที่ว่าคือการสังหารคนเขาไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธ ใช่ว่าคริสจะกลัวงานหนักถึงแม้เขาจะถูกเลี้ยงดูมาในครอบครัวมีฐานะแต่ก็เป็นลูกผู้ชายพอไม่กลัวความลำบาก แต่อู๋ฟงไม่ให้โอกาสเขาเลือกคริสไม่มีสิทธิ์ไปทำงานเหมือนคนอื่น งานของเขาคือรับคำสั่งจากอู๋ฟงเท่านั้น เงินที่ได้เมื่อแบ่งไว้สำหรับค่าใช้จ่ายในการเข้ามหาวิทยาลัยของชานยอลแล้วก็เหลือไม่มากนัก ความเป็นอยู่ของชานยอลจึงไม่สุขสบายเท่าเมื่อก่อน เขาหยิบกระเป๋าสตางค์ของชานยอลที่ใส่ไว้ในลิ้นชักออกมา ควักเงินที่ได้ในวันนี้ใส่กระเป๋าไว้ให้ใช้
“ฉันไม่อยากได้เงินนั่น”
คนที่นอนหันหลังให้ในทีแรกลุกขึ้นนั่งและหันกลับมาดึงกระเป๋าสตางค์ออกจากมือของคริสและหยิบเงินออกวางไว้บนตู้ข้างเตียง เจ้าของเงินหน้าสลดลงทันทีแต่ก็พยายามฝืนยิ้มสู้ เขารู้ว่าชานยอลไม่อยากใช้เงินที่ได้มาจากการฆ่าคน
“ตั้งแต่พรุ่งนี้ ฉันจะไปคุมคาสิโนกับไนต์คลับให้นายใหญ่ จะเอาเงินจากตรงนั้นใช้แทนนะ ฉันจะขึ้นเป็นหัวหน้าสาขาให้ได้นายใหญ่จะได้ไม่ส่งงานมาให้พวกเราอีก”
คริสคุกเข่าลงกับพื้นข้างเตียงกุมมือเล็กไว้ อู๋ฟงยื่นข้อเสนอว่าหากเขาก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งหัวหน้าสาขาได้จะไม่สั่งให้เขากับชานยอลต้องลงมือสังหารใครอีก เขาจึงตอบรับไป ยิ่งคริสก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งสูงก็จะมีอำนาจมากพอจะปกป้องชานยอลได้ ในเมื่อหนีไม่พ้นเขาก็จะสู้ให้ถึงที่สุด
ดวงตากลมมองสีหน้ามุ่งมั่นของคนที่กอบกุมมือตัวเองอยู่ด้วยความรู้สึกสับสนในใจ ถ้าไม่นับเรื่องที่คริสฆ่าพ่อของเขาทุกอย่างที่อีกฝ่ายทำให้ ไม่ว่าจะการดูแล ความใส่ใจล้วนเหมือนเดิมไม่เคยเปลี่ยน แต่สิ่งที่เปลี่ยนไปคือหัวใจของชานยอล เขาดึงมือออกจากการกอบกุม หันหลังให้และล้มตัวลงนอนไม่ตอบรับคำบอกเล่านั้น ไม่อยากฟัง ไม่อยากมอง ไม่อยากจะใจอ่อนไปมากกว่านี้
คนถูกเมินไม่ได้โกรธแต่อย่างใด เขากำลังพยายามเคยชินกับท่าทางที่เปลี่ยนไปของชานยอล ขอแค่ยังอยู่ด้วยกันคริสเชื่อว่าสักวันหนึ่งเขาอาจจะได้ชานยอลคนเดิมกลับมา
แม้ไม่รู้ว่าวันนั้นมันจะอีกนานแค่ไหน เขาก็พร้อมจะรอ
•*´¨`*•.¸¸.•*´¨`*•.¸¸.•*´¨`*•.¸¸.•*´¨`*•.¸¸.•
ชานยอลเริ่มจะชินกับชีวิตที่เปลี่ยนแปลงไปของตนเอง ไม่มีลูกน้องหรือคนรับใช้เขาทำกับข้าวทำความสะอาดบ้านด้วยตัวเอง ไปไหนมาไหนด้วยรถไฟและเรียนรู้ที่จะใช้ชีวิตให้เป็น หลังจากวันที่คริสบอกว่าจะรับงานจากนายใหญ่ก็กลับบ้านดึกดื่นทุกคืนบางวันก็เกือบเช้า อี้ชิง คยองซูและจงแดก็จะคอยผลัดเปลี่ยนกันมาอยู่เป็นเพื่อนแต่ตอนนี้ชานยอลยื่นคำเด็ดขาดแล้วว่าอยู่คนเดียวได้เพราะไม่อยากรบกวนใครอีก
มื้อเช้าในวันหยุดผ่านไปอย่างเรียบง่ายพร้อมกับเสียงพูดคุยที่น้อยยิ่งกว่าน้อยและส่วนมากจะเป็นคริสที่เริ่มบทสนทนาขึ้นก่อนโดยที่ชานยอลก็เพียงตอบรับคำต่อคำเท่านั้น คริสกลับเข้าไปในห้องนอนอีกครั้งคงเพราะเมื่อคืนกลับดึกเลยนอนไม่เต็มอิ่ม ส่วนชานยอลก็หยิบตระกร้าผ้าเพื่อนำไปซัก เสื้อผ้าถูกแยกออกใส่เครื่องซักแต่ความชื้นบนเสื้อเชิ้ตสีดำที่คริสใส่เมื่อคืนก็ทำให้เขาแปลกใจจนต้องจับพลิกดู และเมื่อมองเห็นเลือดแดงฉานบนฝ่ามือก็ต้องตกใจ
คริสบาดเจ็บ
เขาวิ่งเข้ามาที่ห้องนอน คริสนั่งอยู่บนฟูกชานยอลจึงเข้าไปทรุดตัวลงข้างๆ ตวัดสายตามองใบหน้าหล่อจัดที่มีท่าทีงุนงงก่อนจะลงมือปลดกระดุมเสื้อของอีกฝ่ายออก จึงพบรอยแผลช้ำม่วงขนาดใหญ่หลายแห่ง รวมทั้งสีข้างมีผ้าพันแผลที่พันไว้ลวกๆมีรอยเลือดซึมออกมา ชานยอลเม้มปากเป็นเส้นตรงเมื่อได้เห็นว่าอีกคนบาดเจ็บก่อนจะลุกขึ้นไปหยิบกล่องยากลับมาเงียบๆ
คริสเองก็นั่งเงียบมองชานยอลทำแผลให้โดยไม่พูดอะไร อดจะดีใจไม่ได้จริงๆที่ชานยอลยังเป็นห่วงกันอยู่ เขารู้ว่าชานยอลไม่ชอบให้บาดเจ็บแต่มันเลี่ยงไม่ได้ ตอนนี้เขาต้องทำให้ทุกคนเลือกเขาเป็นหัวหน้าสาขา การลงมือต่อสู้ให้ทุกคนเห็นในความสามารถจึงเป็นสิ่งจำเป็น มือเล็กขยับทำแผลให้อย่างคล่องแคล่ว ดวงตากลมโตไม่ยอมเงยขึ้นมองกันจนกระทั่งหยาดน้ำใสไหลออกมาคริสถึงได้รู้ว่าชานยอลกำลังกลั้นน้ำตาเอาไว้
ยิ่งเห็นบาดแผลมากมายชานยอลก็ยิ่งไม่อาจกลั้นน้ำตาได้ ทั้งที่คิดว่าจะไม่สนใจ ไม่ยินดียินร้ายอะไรกับผู้ชายคนนี้แต่เมื่อเห็นอีกฝ่ายเจ็บหัวใจเขาก็ยังเจ็บ เมื่อพันผ้าปิดบาดแผลให้ใหม่จนเสร็จมือเล็กก็ถูกคนเจ็บกุมไว้ ชานยอลหันหน้าหนีไปอีกทางแต่คริสก็ไม่ยอมให้ทำแบบนั้น มืออีกข้างจับคางมนไว้ขืนให้สบตากันจนได้
ในสายตาคู่นั้นที่มองมา ชานยอลเห็นความรู้สึกผิดฉายชัด คำขอโทษอยู่ในแววตาแต่ลึกๆกลับเจือด้วยความยินดี เขาพลาดสินะที่เผยความเป็นห่วงออกมาจนอีกคนจับได้ ก้านนิ้วยาวเกลี่ยน้ำตาที่ข้างแก้มออกให้อย่างแผ่วเบา ใบหน้าหล่อจัดส่งยิ้มบางให้อย่างเคย
“ไม่เจ็บหรอก”
คำพูดเหมือนปลอบเด็กกลับยิ่งทำให้น้ำตาไหลทะลักออกมา ชานยอลรู้ว่าบาดแผลเหล่านี้เกิดขึ้นเพราะอะไร หนทางที่จะก้าวขึ้นเป็นหัวหน้าสาขาภายในแก๊งยากลำบากขนาดไหนเขารู้ดี แต่คริสก็เลือกเส้นทางที่เต็มไปด้วยอันตรายนี้เพื่อเขา
คริสไม่รู้จะปลอบอย่างไรให้คนตรงหน้าหยุดร้อง เพราะยิ่งเขาพูดก็เหมือนชานยอลจะร้องไห้หนักขึ้น เขาจะคิดเข้าข้างตัวเองได้มั้ยนะว่าชานยอลไม่ได้เย็นชากับเขาจริงๆ เพียงแค่ภายนอกแสร้งแสดงออกมาแต่ภายในจิตใจยังคงเป็นชานยอลคนเดิมของเขา คำถามมากมายคริสไม่สามารถเปล่งออกไปเป็นคำพูดได้และคิดว่าชานยอลคงจะไม่ตอบเช่นกันเขาจึงเลือกที่จะใช้การกระทำถามและเป็นสิ่งยืนยันคำตอบแทน มือใหญ่ลูบวนที่ข้างแก้มเนียนอย่างอ่อนโยนก่อนจะก้มลงแตะกลีบปากสีสดอย่างแผ่วเบา ไม่มีการรุกล้ำใดๆเหมือนรอคอยคำตอบจากอีกฝ่าย
........................คัท........................
ความสัมพันธ์ที่เริ่มต้นใหม่ในวันนี้มันก้ำกึ่งอยู่ระหว่างคำว่ารักกับความเหงา เหงาที่ถึงแม้จะอยู่ข้างกันแต่ก็เหมือนห่างไกลเหลือเกิน
คงจะมีสักวันที่ความเหงาจางหายไปแต่รักยังคงอยู่
•*´¨`*•.¸¸.•*´¨`*•.¸¸.•*´¨`*•.¸¸.•*´¨`*•.¸¸.•
ถึงแม้ความสัมพันธ์จะก้าวผ่านคำว่าเพื่อนกันมาแล้วหากแต่คริสก็รู้ว่ามันยังคงไม่ไปไกลอย่างที่เขาหวัง ร่างกายของชานยอลไม่ได้ปฏิเสธเขาแต่หัวใจต่างหากที่ไม่ยินยอม ทุกครั้งที่กอดกันเขาสัมผัสได้เพียงร่างกายแต่ไม่เคยได้โอบกอดหัวใจของอีกฝ่ายเลย ยิ่งตอนนี้คริสก้าวขึ้นมาคุมไนต์คลับหลายแห่งในย่านคังนัมทำให้ไม่ค่อยมีเวลาความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ยิ่งเหมือนถอยห่างกันออกไปไกลทุกที
“พอแล้วน่า เหล้านะเว้ยไม่ใช่น้ำเปล่า”อี้ชิงปรามเพื่อนที่ยกแก้วแอลกอฮอร์ขึ้นซดอย่างกับน้ำ เดาได้ไม่ยากว่าเรื่องกลุ้มใจของคริสก็คงหนีไม่พ้นเรื่องเดิมๆ เรื่องของชานยอล
“แกรู้ใช่มั้ยว่าฉันรักชานยอล...แต่เขาไม่รักฉันแล้ว”เป็นครั้งแรกที่คริสพูดความรู้สึกที่มีต่อชานยอลให้คนอื่นรับรู้ เขาเก็บคำนี้ไว้กับตัวมาตลอดไม่แม้แต่จะกล้าเอ่ยกับชานยอล
อี้ชิงทั้งสงสารเพื่อนและสงสารตัวเอง รู้สิ เขารู้ว่าคริสรักชานยอลขนาดไหน เขาถึงไม่มีสิทธิ์จะคิดไปไกลเกินกว่านี้ ได้แต่เตือนตัวเองให้ถอยลงมาอยู่ในฐานะเพื่อนสนิทที่อีกคนไว้ใจเท่านั้น ในขณะที่คริสกำลังทรมานเพราะชานยอล เขาเองก็ปวดใจไม่แพ้กันหรอก
ปล่อยให้คริสดื่มจนไม่ได้สติแล้วอี้ชิงถึงเรียกฮวางจื่อเทาเด็กหนุ่มที่คริสรับไว้เป็นลูกน้องตอนเริ่มคุมไนต์คลับแรกๆให้มาช่วยกันพยุงร่างสูงใหญ่ไปส่งที่รถ เขาพาคริสกลับมาที่ห้องเช่าหลังเล็กของเจ้าตัว ประคองกันมาอย่างทุลักทุเลกว่าจะถึงหน้าห้อง เขาล้วงหยิบกุญแจไขเข้าไปอย่างเงียบกริบเพราะคิดว่าป่านนี้ชานยอลคงหลับแล้ว
ไฟภายในห้องนั่งเล่นถูกเปิดสว่างก่อนที่อี้ชิงจะปล่อยร่างเพื่อนลงบนโซฟาหน้าทีวี เขาย่อตัวลงนั่งข้างๆให้ใบหน้าหล่อจัดอยู่ระดับสายตา เห็นสีหน้าอมทุกข์ของคริสแล้วก็อดจะสงสารไม่ได้จริงๆ อี้ชิงลูบกลุ่มผมสีสว่างอย่างต้องการปลอบโยน เขายอมรับความผิดหวังตั้งแต่แรกที่รู้ตัวว่าเผลอใจไปกับเพื่อนคนนี้ เพราะเขารู้ว่าหัวใจคริสเป็นของชานยอลมาตั้งนานแล้ว เพียงแค่ทั้งคู่รอเวลาอยู่เท่านั้น ถ้าไม่ติดว่าเกิดเรื่องขึ้นกับครอบครัวของชานยอลเสียก่อน ทั้งสองคนคงเป็นคู่รักที่มีความสุขที่สุดเลยก็ว่าได้
“ชานยอล เอ่อ คริสมันเมามาก...”
พอเงยหน้าขึ้นมาอี้ชิงก็ถึงกับสะดุ้งเมื่อเห็นว่าชานยอลยืนมองอยู่ก่อนแล้ว เขารีบปาดน้ำตาออกและลุกพรวดขึ้นก่อนจะเอ่ยขอตัวกลับบ้านแต่คำพูดของชานยอลก็รั้งเขาเอาไว้
“งั้นก็ฝากดูแลด้วยแล้วกัน”ชานยอลพูดแล้วทำท่าจะปิดประตูลง
“แต่คนที่มันอยากให้ดูแลน่ะคือนาย ชานยอลอย่าใจร้ายกับคริสนักเลย มันรักนายขนาดไหนไม่รู้หรือไง”อี้ชิงพูดออกมาในที่สุด ทั้งที่คิดว่าจะไม่ยุ่งเรื่องส่วนตัวของสองคนนี้แท้ๆ
“ฉันก็ไม่อยากทำให้เขาเจ็บ แต่ฉันให้สิ่งที่เขาต้องการไม่ได้ เพราะฉะนั้นอี้ชิงนายช่วยรักเขาแทนในส่วนของฉันด้วย”ชานยอลสังเกตมาตลอดแม้พวกเขาจะสนิทกันแต่เขาก็รู้สึกได้ว่าอี้ชิงมีใจให้คริสเกินกว่าเพื่อน แต่เขาก็ทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น
“พูดอะไรน่ะชานยอล”อี้ชิงถามอย่างตกใจที่ดูเหมือนชานยอลจะล่วงรู้ว่าเขาคิดอย่างไรกับคริส
“ฉันขอโทษที่ในตอนนี้ฉันยังต้องอยู่กับเขา แต่สักวันที่ฉันไม่อยู่ รับปากได้มั้ยอี้ชิงว่านายจะดูแลคริส จะรักเขาให้มาก”
“บ้าไปแล้วเหรอชานยอล ฟังนะ ใช่ ฉันอาจจะชอบ...เขา แต่คนที่คริสรักมีแต่นายคนเดียว เขาอยากได้ความจากรักนาย ไม่มีใครมาแทนที่ได้ทั้งนั้น ถ้านายรู้สึกผิดกับฉันก็ต้องรักเขาให้มาก ส่วนฉันจะเป็นแค่จางอี้ชิงเพื่อนรักของพวกนายเท่านั้น”
อี้ชิงพูดจบและขอตัวกลับไป ภายในห้องนั่งเล่นจึงเหลือแค่ชานยอลและคริสที่เมาหลับไปแล้ว ร่างโปร่งบางเดินอ้อมไปทิ้งตัวลงข้างๆ นั่งที่เดียวกับอี้ชิงเมื่อสักครู่ นึกถึงสิ่งที่เพื่อนพูด หากไม่มีเรื่องบ้าๆพวกนั้น ชานยอลคงเป็นคนที่โชคดีที่สุดในโลกที่ได้รับความรักจากผู้ชายคนนี้
.............
หลังจากวันที่อี้ชิงมาส่งคริสที่ห้องก็หายเงียบไปเกือบหนึ่งอาทิตย์แล้วที่ไม่มาโรงเรียน ไม่มีใครติดต่อได้ พวกเขาไม่กล้าไปหาอี้ชิงที่บ้านตระกูลจาง ชานยอลถามจากคริสเพราะคิดว่าอี้ชิงอาจจะติดต่อมาบ้างแต่อีกฝ่ายก็เอาแต่ส่ายหน้า โต๊ะหินในสวนข้างโรงเรียนที่เคยมีเสียงพูดคุยกันของกลุ่มเพื่อนเงียบลงไปจนน่าหดหู่
“อาทิตย์หน้าจะสอบแล้ว อี้ชิงมันหายไปไหนของมันเนี่ย เกิดเรื่องอะไรขึ้นรึเปล่ามันไม่เคยหายไปแบบนี้”จงแดวางหนังสือลงและถามโพล่งขึ้นมากลางวง อาทิตย์หน้าพวกเขาก็จะสำเร็จการศึกษาชั้นมัทธยมแล้วมีโปรแกรมมากมายที่อยากชวนเพื่อนไปฉลองแต่รู้สึกบรรยากาศมันไม่รื่นรมย์เอาเสียเลย
ชานยอลเองก็รู้สึกกังวลพาลคิดไปว่าที่อี้ชิงหายไปอาจเป็นเพราะเรื่องคืนนั้นรึเปล่า เสียงของคยองซูที่วิ่งหน้าตื่นเข้ามาเรียกความสนใจจากพวกเขาทั้งสามให้หลุดออกจากความคิดของตนเอง
“อี้ชิง มันมาลาออก”
“อะไรนะ”
ชานยอลและจงแดถามพร้อมกันอย่างตกใจและลุกพรวดขึ้น มีเพียงคริสที่ยังนั่งนิ่งราวกับไม่แปลกใจกับสิ่งที่ได้ยิน ชานยอลปรายตามองเพียงนิดก่อนจะวิ่งตามเพื่อนสองคนไปทางห้องปกครองเห็นอี้ชิงกำลังเดินออกมาพร้อมด้วยซองเอกสารในมือ
“แกจะไปไหน ลาออกทำไม”
จงแดถามขึ้นก่อนเป็นคนแรกตอนที่พวกเราย้ายมาคุยกันบนดาดฟ้าของโรงเรียน ชานยอลยืนเงียบฟังอี้ชิงเล่าว่าต้องย้ายไปอยู่อเมริกากับครอบครัวกระทันหันจึงไม่ได้บอกพวกเราก่อน รอจนทั้งสามคนล่ำลากันเสร็จเขาจึงขอคุยกับอี้ชิงเป็นการส่วนตัว โดยที่จงแดและคยองซูไปรออยู่ด้านหน้าประตูทางเข้า
“เพราะเรื่องฉันกับคริสรึเปล่านายถึงจะไป”
อี้ชิงยิ้มอย่างใจดีให้ก่อนจะขยี้หัวชานยอลเบาๆ ถึงแม้จะอายุเท่ากันแต่ด้วยความตัวเล็กจนเรียกได้ว่าบอบบางของเพื่อนคนนี้ทำให้อี้ชิงรวมทั้งเพื่อนคนอื่นเอ็นดูชานยอลราวกับเป็นน้องน้อยของกลุ่ม
“ไม่เกี่ยวเลย อย่าคิดมากดิ เพราะเรื่องครอบครัวต่างหาก”
“แล้วเมื่อไหร่นายจะกลับมา”
“คงอีกหลายปี ฉันต้องรีบไปขึ้นเครื่องแล้วละ”
อี้ชิงบอกพลางมองดูนาฬิกาข้อมือ แต่เมื่อหันจากไปได้ไม่กี่ก้าวก็หยุดชะงักฝีเท้ากลับไปมองเพื่อนรักที่เขาแสนห่วงด้านหลังก่อนจะเข้าไปสวมกอดไว้
“ชานยอล ไม่ว่าวันข้างหน้าจะมีอะไรเปลี่ยนแปลงไป แต่นายก็จะเป็นเพื่อนที่ฉันรักเสมอนะ”
ชานยอลไม่เข้าใจความหมายในสิ่งที่อี้ชิงพูดจนกระทั่งตอนเย็นที่เขากับคริสเดินกลับบ้านและผ่านแผงหนังสือพิมพ์พาดหัวข่าวเกี่ยวกับธุรกิจของครอบครัวจางที่ถูกตระกูลอู๋เทคโอเวอร์ไป เขาจึงเค้นถามความจริงจากคริสจนรู้ว่าเป็นฝีมืออีกฝ่าย
“นายใหญ่สั่งมา ถ้าฉันจัดการตระกูลจางได้ถือเป็นผลงานชิ้นโตจะได้เลื่อนขึ้นเป็นหัวหน้าสาขาตะวันตก”
คนฟังแทบจะทรุดตัวลงไป การคงอยู่ของเขาทำให้เสียทั้งพ่อและเพื่อนแล้วต่อไปเขายังต้องแลกกับอะไรอีกเพียงเพื่อให้ตัวเองมีชีวิตอยู่ต่อ ชานยอลไม่โกรธคริสเพราะรู้ว่าอีกฝ่ายก็คงเสียใจอยู่ไม่แพ้กันที่ต้องทำร้ายเพื่อนรักแบบนี้ เขาสวมกอดร่างสูงใหญ่เอาไว้ด้วยอยากจะแบ่งเบาความผิดภายในใจ
ไม่ว่าความผิดบาปใดๆที่คริสได้ก่อขึ้น ชานยอลจะขอรับมันไว้ครึ่งหนึ่ง
•*´¨`*•.¸¸.•*´¨`*•.¸¸.•*´¨`*•.¸¸.•*´¨`*•.¸¸.•
ความเป็นอยู่ของพวกเขาดีขึ้นมากหลังจากที่คริสได้ขึ้นเป็นหัวหน้าสาขาตะวันตกแต่ชานยอลก็ยังไม่อยากย้ายออกจากห้องเช่าหลังเล็กนี้อยู่ดี เขากำลังศึกษาอยู่คณะแพทย์ที่มหาวิทยาลัยดังแห่งหนึ่งต้องใช้เงินจำนวนมากเป็นค่าเทอมจึงไม่อยากเสียเงินฟุ่มเฟื่อยไปกับเรื่องไม่จำเป็น ส่วนคริสเรียนบริหารและยังต้องทำงานไปด้วยทำให้ไม่ค่อยได้เข้าเรียนมากนักอาศัยที่ว่าหัวดีจึงสอบผ่านวิชาต่างๆมาได้ จงแดเข้าเรียนตำรวจส่วนคยองซูเรียนนิติศาสตร์อีกมหาวิทยาลัยหนึ่งทำให้นานครั้งกว่าจะนัดเจอกันที ส่วนอี้ชิงก็หายเงียบไปไม่ได้ส่งข่าวมาอีกเลย
“ไปกันเถอะ”คริสจูงมือชานยอลออกจากห้องพัก ใบหน้าหวานหม่นหมองลงอย่างเห็นได้ชัดแต่ก็พยายามสีตีหน้าเรียบเฉยไว้
จุดหมายปลายทางที่พวกเขาจะไปคือสุสานแถบชานเมืองเพื่อร่วมไว้อาลัยให้แก่หัวหน้าโอที่จากไปด้วยน้ำมือของคริส หลายวันก่อนนายใหญ่เรียกเขาไปพบเพื่อสั่งให้จัดการกับหัวหน้าโอที่ต้องสงสัยว่าแอบร่วมมือกับแก๊งเสือขาวทรยศแก๊งมังกรและเมื่อเขาสืบความมาก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ
นายใหญ่จะวางมือจากธุรกิจที่เกาหลีให้เขาขึ้นดูแลต่อแต่มีข้อแลกเปลี่ยนว่าต้องกำจัดหัวหน้าโอทิ้งเสียก่อน เขาอ่านเกมส์ทั้งหมดออก ทั้งที่งานนี้ไม่จำเป็นต้องให้เขาลงมือก็ได้แต่นายใหญ่เพียงแค่อยากจะทดสอบว่าควรจะไว้ใจให้เขารั้งตำแหน่งนี้หรือเปล่า
เขาจำเป็นที่จะต้องทำให้นายใหญ่ไว้ใจเพื่อแผนการที่วางไว้ในอนาคต
ชานยอลยืนเงียบหน้าหลุมฝังศพของผู้ใหญ่ที่เคารพ อู๋ฟงโหดเหี้ยมเกินไปแล้วคงรู้ว่าพี่ชายของคริสอยู่ในความดูแลของหัวหน้าโอ จึงต้องการวางทางให้สองพี่น้องบาดหมางกันเ แล้วตัวเองก็เพียงแค่นั่งดูอยู่เบื้องหลัง
ท่ามกลางกลุ่มผู้มาไว้อาลัยซึ่งเป็นคนสำคัญของแก๊งและเหล่าลูกน้องที่ยืนรักษาความปลอดภัย ดวงตากลมโตเหลือบไปเห็นเงาร่างคุ้นตาของใครบางคนยืนอยู่พลันความยินดีก็เกิดขึ้นในใจ ชานยอลรอจังหวะที่คริสหันไปคุยกับหัวหน้าสาขาคนอื่นๆถอยออกมาอย่างเงียบเชียบ
ร่างโปร่งบางหันซ้ายขวามองหาคนที่ต้องการก่อนจะถูกฉุดให้เข้าไปในมุมอับปลอดสายตาผู้คน ชานยอลหันไปมองผู้ชายตรงหน้าเต็มตา ความคิดถึง ห่วงหาเรียกม่านน้ำตาเอ่อล้นออกมา
“พี่ชางมิน ฮึก ขอบคุณที่พี่ยังมีชีวิตอยู่”
ชานยอลพูดเสียงอู้อี้โผเข้ากอดพี่ชายไว้แน่น ตั้งแต่วันที่พ่อจากไปเขาก็ไม่ได้ยินข่าวคราวของพี่ชายคนนี้อีกเลย คริสเองก็บอกว่าไม่รู้เหมือนว่าพี่ชางมินหายไปเฉยๆ จนชานยอลอดคิดไม่ได้ว่าอาจจะถูกนายใหญ่สั่งเก็บไปแล้ว
“ขอโทษที่มาช้า พี่หนีการตามล่าของอู๋ฟงหาทางติดต่อชานยอลไม่ได้เลย”
ชางมินลูบหลังน้องอย่างปลอบโยน พอคุณลุงจากไปเขาก็โดนไล่ล่าเช่นกันจนได้รับความช่วยเหลือจากหัวหน้าแก๊งเสือขาวที่มีความสัมพันธ์อันดีกับคุณลุง เขาพยายามสืบข่าวจนรู้ว่าชานยอลยังปลอดภัยดีแต่การจะหาทางติดต่อน้องที่อยู่ในความดูแลของคริสได้นั้นช่างยากเย็น วันนี้พอรู้ว่าคนในแก๊งจะมาร่วมไว้อาลัยงานศพของหัวหน้าโอจึงลองเสี่ยงมา
“ไม่ต้องกลัวนะ พี่จะพาชานยอลหนีเอง นายน้อยขังเธอไว้ใช่มั้ย”
รอยยิ้มของชานยอลหายไปทันทีเมื่อได้ยิน เขาผละตัวออกจากอ้อมอกของพี่ชายมองอีกฝ่ายด้วยความละอาย
“เปล่า ฉัน..เต็มใจอยู่กับเขาเอง”
“อะไรนะ ชานยอลพี่รู้ว่าเธอกับนายน้อยสนิทกันมาก แต่ตอนนี้มันไม่เหมือนเดิมแล้ว เขาฆ่าพ่อของเธอนะ”ชางมินเขย่าตัวน้องชายเตือนสติ
ชานยอลกัดปากแน่น สิ่งที่ชางมินพูดกระแทกลงกลางใจตอกย้ำความเป็นจริงที่ชานยอลพยายามจะลืม
“ฉันทิ้งเขาไม่ได้จริงๆ”
“ชานยอล ตอนนี้พี่ร่วมมือกับแก๊งเสือขาวเพื่อจะล้มตระกูลอู๋แก้แค้นให้คุณลุงให้ได้ ถ้าเธอยังเลือกอยู่กับเขาก็เท่ากับเป็นศัตรูกับพี่ เธอยังจะเลือกเขามากกว่าหนีไปกับพี่รึเปล่า”คนเป็นพี่ทั้งรู้สึกผิดหวังและเสียใจ เขาสู้อุตส่าห์เป็นห่วงมาตลอดรีบหาหนทางจะช่วยน้อง แต่หารู้ไม่เลยว่าเป็นน้องตัวเองต่างหากที่เต็มใจอยู่กับศัตรู
“พี่ชางมิน...”
“จะไปกับพี่มั้ย”
ความรู้สึกสองอย่างต่อสู้กันอยู่ในใจ ชางมินเป็นญาติคนเดียวที่ชานยอลเหลืออยู่เขาสมควรจะไปกับพี่ชายถึงจะถูกต้อง แต่เมื่อนึกถึงเรื่องราวมากมายที่คริสทำเพื่อเขา ชานยอลก็ไม่สามารถตัดใจทิ้งอีกฝ่ายได้เลยจริงๆ
“ฉันขอโทษ ขอโทษ”
เขาพึมพำออกไปทั้งน้ำตา มือแกร่งที่จับต้นแขนเล็กไว้ปล่อยออกจนชานยอลผวารีบคว้ามือพี่ชายมากุมไว้แต่อีกฝ่ายก็สะบัดออก มองเขาราวกับเป็นคนอื่น
“พี่ไม่คิดเลยว่าเธอจะทำตัวน่ารังเกียจขนาดนี้ พ่อตายเพราะฝีมือเขาก็ไม่สน ทำไมถึงปล่อยให้ความรักความหลงมันบังตาเธอได้นะชานยอล พี่ผิดหวังในตัวเธอจริงๆ”
ชานยอลทรุดตัวลงกับพื้นได้แต่พึมพำขอโทษมองตามแผ่นหลังพี่ชายที่เดินจากไป เขาไม่โกรธเลยที่ถูกต่อว่า มันจริงอย่างที่พี่ชางมินพูดทุกอย่าง เขามันทำตัวน่ารังเกียจ พยายามหาเหตุผลมากมายมาอ้างกับตัวเอง แต่แท้จริงแล้วเหตุผลที่เขายอมอยู่กับคริสมันเป็นเพราะคำเดียว
ชานยอลยังคงรักอู๋อี้ฟ่าน
Talk
วิธีอ่านคัทซีนก็เหมือนเดิมน้าา
ตอนหน้าจะพากลับปัจจุบันละ
อย่าลืมช่วยเม้นหรือสกรีมแท็ก #seemsweet เป็นกำลังใจด้วยนะคะ
Matesoul my
ความคิดเห็น