คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : - STEP LOVE :: แปลกแปลก :: 100%
:: แปลกแปลก ::
ดวงตากลมโตที่โผล่พ้นหมอนอิงใบเล็กกำลังกลิ้งไปมาตามการเคลื่อนไหวของหลานชายตัวโต พอเห็นว่าอีกฝ่ายทำท่าจะหันมาก็แสร้งทำเป็นจับจ้องไปทางทีวีจอใหญ่เบื้องหน้าและพออีกฝ่ายเผลอก็เหลือบไปมองอีกครั้ง ก่อนจะฟุบหน้าลงกับหมอนในอ้อมกอดแล้วถูไถใบหน้าไปมาอย่างต้องการระบายความรู้สึกหงุดหงิดภายในใจ
บ้าที่สุด ไอ้นิตยสารนั่นบ้า บ้า บ้า
ตั้งแต่นิตยสารเล่มนั้นวางแผงก็มีคนมากมายพูดถึงนายแบบที่ถ่ายงานร่วมกับชานยอลจนกลายเป็นประเด็นฮอตในขณะนี้ไปแล้ว แม้จะเห็นเพียงเสี้ยวหน้าแต่ต่างก็ลงความเห็นกันว่านายแบบปริศนาคนนี้จะต้องหล่อมากเป็นแน่ ทั้งหุ่นที่สูงใหญ่กับกล้ามเนื้อที่เปลือยเด่นหราบนหน้าหนังสือก็ได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก ทำให้ทั้งบรรดาค่ายหนังและสำนักพิมพ์ต่างติดต่อเข้ามาที่บริษัทเพื่ออยากได้ตัวไปร่วมงานด้วย
เชอะ เขาไม่เห็นว่าน้องฟ่านฟ่านจะหล่อตรงไหนเลย น้องฟ่านฟ่านของชานยอลน่ารักต่างหาก แก้มตุ่ยๆ ปากบวมๆ น่ารักจะตายคนพวกนั้นอะตาไม่ดีแน่เลย
“เป็นอะไรครับ”คนที่เห็นว่าคุณอามีท่าทางแปลกๆ เดินมานั่งเบียดกายบนโซฟาตัวเดียวกัน เอียงหน้าลงถามใบหน้าน้อยที่ซุกอยู่กับหมอนอย่างเป็นห่วง
“งุ้ยย! ตกใจหมดเลย”
ชานยอลที่ไม่ทันตั้งตัวเงยหน้ามาเจอหลานพอดีถึงกับผงะถอยหลังแทบตกลงไปบนพื้นดีที่ท่อนแขนแกร่งคว้าตัวเอาไว้ได้ทันเสียก่อน พอเห็นใบหน้าหลานที่อยู่ใกล้ชัดๆ อาการ ‘แปลกๆ’บางอย่างก็กลับมากำเริบอีกครั้งจนเผลอเอาหมอนที่อยู่ในมือขึ้นปิดใบหน้านั้นไว้อย่างไม่ตั้งใจ
ฟุบ!
“อาทำอะไรเนี่ย”คริสถามอย่างไม่เข้าใจและพยายามจะรั้งหมอนลงแต่มือน้อยก็ไม่ยอมให้ทำง่ายๆ
“ไม่รู้ๆ”ชานยอลก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเขาทำบ้าอะไร เพียงแค่มันยังไม่พร้อมที่จะมองหน้าอีกฝ่ายตอนนี้
แง เกิดอะไรขึ้นกับปาร์คชานยอลเนี่ย
“เอาหมอนลงก่อนสิ ปิดจมูกแบบนี้ผมจะหายใจไม่ออกแล้ว”
คริสพยายามเกลี่ยมกล่อมทั้งที่ไม่รู้ว่าคุณอาเป็นอะไรหรือจะแกล้งอะไรเขาอีก
“ไม่เอา ดึกแล้วน้องฟ่านฟ่านไปนอนเลย พรุ่งนี้ต้องไปเรียนแต่เช้านะ”ชานยอลส่ายหน้าจนเส้นผมปลิวแม้อีกคนจะมองไม่เห็นก็ตาม
“ก็ได้ๆ งั้นกู๊ดไนท์นะครับ”เพราะรู้ว่าถึงอย่างไรก็ไม่มีวันชนะคุณอาจอมเอาแต่ใจคนนี้คริสเลยยอมแพ้แบบงงๆ และลุกขึ้นจากโซฟาหมุนตัวจะเดินเข้าห้องนอนตัวเอง แต่ก็ถูกคนที่ถือหมอนปิดหน้าตัวเองเรียกไว้เสียก่อน
ฟุบ!
“กู๊ดไนท์คิสครับ จุ๊บ”
หมอนใบเดิมถูกแปะลงบนใบหน้าหล่ออีกครั้งก่อนที่คุณอาจะประทับริมฝีปากคิสเขาผ่านปุยนุ่นของหมอนและรีบวิ่งดุกดิกเข้าห้องนอนตัวเองไป คริสมองตามพร้อมกับส่ายหน้าและอมยิ้มกับความน่ารักของอีกฝ่าย
คนที่ไม่โตน่ะใครกันแน่น้า
ทันทีที่ประตูห้องปิดลงชานยอลก็พุ่งตัวขึ้นบนเตียงคว้าเอานิตยสารที่แอบไว้ใต้หมอนออกมากางดูอีกครั้ง ภาพของคริสที่ทาบทับลงบนตัวเขาโดยที่ใบหน้าซบลงที่ซอกคอแม้จะมองเห็นเพียงแค่ปลายจมูกโด่งแหลมกับริมฝีปากหยักได้รูปมันกลับทำให้ภายในท้องของชานยอลหวิวๆเหมือนตอนเล่นรถไฟเหาะ พอพลิกไปอีกหน้าเป็นคริสโอบเอวและยืนซ้อนหลังเขาเอาไว้ ใบหน้าหลานชายซบลงที่ลาดไหล่เปลือย อยู่ๆก็รู้สึกร้อนวูบที่แก้มขึ้นมาเสียอย่างนั้น ยิ่งพลิกหน้าต่อๆไปชานยอลก็ยิ่งดิ้นไปมาบนเตียงบางครั้งก็คว้าผ้าห่มมาปิดบังใบหน้าไว้ครึ่งหนึ่งก่อนจะเหลือบตาขึ้นมองรูปถ่ายบนหน้ากระดาษ
โง้ยย มัน มัน มัน อีกแล้ว >////<
ร่างเล็กโดดลงจากเตียงให้อยู่ห่างจากนิตยสารต้นเหตุมากที่สุดทำราวกับมันเป็นระเบิดเวลาแสนอันตรายที่เขาต้องหาที่กำบังเพื่อหลบภัย ก่อนจะค่อยๆ คืบคลานตัวเองเข้าไปใกล้อีกครั้ง มือน้อยแง้มหน้าสุดท้ายอย่างช้าๆ พลางปิดตาข้างหนึ่งลงก่อนจะเหล่มองรูปที่ทำให้หัวใจเขาเต้นแรงขึ้นอย่างควบคุมไม่ได้ พอหน้านั้นถูกเปิดกางเต็มที่ชานยอลก็พุ่งตัวลงซุกหน้ากับหมอนใบโตข่วนเล็บลงแรงๆอย่างกับแมวน้อยเวลาหมั่นเขี้ยวต้องการหาที่ระบาย
ตอนถ่ายแบบไม่เห็นจะรู้สึกแบบนี้เลยแต่พอเห็นรูปทำไมมัน ‘ แปลกๆ’ แบบนี้ง่า
ก็แค่สเปเชี่ยลคิสเอง จุ๊บๆ กับเด็กไม่เห็นน่าแปลกตรงไหนเลย
น้องฟ่านฟ่านยังเป็นเด็กอยู่เลย แค่อาจุ๊บๆ ด้วยไม่แปลกหรอกเนอะ
.
.
ในเมื่อนอนคิดมาแปดตลบแล้วว่าเรื่องจุ๊บกับน้องฟ่านฟ่านไม่ใช่เรื่องแปลกชานยอลจึงพยายามกลับมาทำตัวปกติเหมือนเดิม เช้านี้เขายังคงเข้ามาเพื่อปลุกหลานชายในห้องเช่นเคยและไม่ลืมที่จะทำสิ่งที่เหมือนกลายเป็นกิจวัตรประจำวันไปแล้ว นั่นคือการแสดงความรักของคุณอาสุดหล่อคนนี้โดยการจุ๊บแก้มน้องฟ่านฟ่านทุกเช้า
ใบหน้าน่ารักโน้มลงใกล้แก้มบวมยามหลับของเจ้าหลานตัวโตแต่พอคนที่หลับอยู่พลิกตัวนอนหงายก็ถึงกับสะดุดกึกอย่างกะทันหัน ดวงตากลมเผลอมองริมฝีปากหยักที่เผยอขึ้นเล็กน้อยแล้วความรู้สึกร้อนวูบวาบบนใบหน้าก็แล่นขึ้นมาเล่นงาน ด้วยความตกใจทำให้เขารีบวิ่งไปหลบอยู่ตรงกรอบประตูห้องและค่อยๆ โผล่ดวงตาออกมามองคนที่ยังคงดำดิ่งอยู่ในความฝัน
ก็บอกว่ามันไม่ใช่เรื่องแปลกไง แล้วทำไมไม่กล้ามอร์นิ่งคิสอ่า...
ชานยอลมองคนที่หลับอยู่อย่างครุ่นคิดก่อนจะค่อยๆ ย่องไปสะกิดปลายเท้าเพื่อปลุกให้น้องฟ่านฟ่านตื่น
จึก ๆ
นิ่ง
“น้องฟ่านฟ่านตื่นได้แล้ว”
“อือ”
คนที่ถูกปลุกขยับตัวเล็กน้อยแต่ก็ยังไม่ยอมลืมตาขึ้นมาชานยอลจึงต้องเดินไปใกล้อีก ทรุดตัวลงนั่งข้างๆ เอื้อมมือไปจะเขย่าเด็กตัวโตให้ตื่นแต่ดันเหลือบไปเห็นริมฝีปากหยักได้รูปที่คล้ายกำลังท้าทายความกล้าของเขาอยู่ในตอนนี้
ก่อนหน้านี้ก็เคยจุ๊บกันไม่เห็นจะรู้สึกแปลกเลย งั้นต้องลองอีกครั้ง
คิดได้แบบนั้นใบหน้าน้อยก็เลื่อนเข้าไปใกล้คนที่ยังนอนหลับ เป้าหมายคือกลีบปากที่เม้มปิดสนิท ชานยอลก้มลงใกล้ยิ่งขึ้นกลั้นลมหายใจไม่ให้เป่ารดบนจมูกโด่งขณะริมฝีปากกำลังจะประทับลงไป ดวงตาง่วงงุนของเจ้าหลานชายก็เปิดขึ้นเสียก่อน
“อาจะทำอะไรน่ะ”
ความงัวเงียหายไปเป็นปลิดทิ้งเมื่อลืมตาขึ้นมาเจอใบหน้าน่ารักของคุณอาตัวแสบอยู่ใกล้เสียจนแทบใช้ลมหายใจเดียวกัน เท่านั้นยังไม่พอกลีบปากสีสดนั่นยังคลอเคลียอยู่ใกล้กับปากเขาเสียจนเกือบจะสัมผัสแตะกัน
“ก็...มอร์นิ่งคิสไง”ชานยอลตอบหน้าซื่อ
“ไม่ใช่ตรงนี้เหรอ”
คริสที่ตอนนี้ขยับตัวขึ้นมานั่งพิงหัวเตียงชี้ไปที่ข้างแก้มตัวเอง เขาจำใจต้องชินกับการที่ชานยอลแอบย่องมาขโมยหอมแก้มทุกเช้า อันที่จริงมันก็ไม่เรียกว่าแอบหรอกทำอย่างเปิดเผยเสียมากกว่า ตอนเด็กเขาก็หอมแก้มกลับตลอดนะแต่โตขึ้นมามันก็มีเหตุผลที่ทำให้เขาไม่ค่อยจะทำสักเท่าไหร่
“ไม่เอาแล้ว จะคิสตรงนี้”
นิ้วมือเล็กจิ้มให้ดูว่า ‘ตรงนี้’ คือตรงไหน คริสก็เลิกคิ้วขึ้นอย่างแปลกใจกับความคิดแผลงๆ ของคุณอาตัวยุ่ง
“ไม่ได้”
คราวนี้ขอดื้อสักที อยู่ๆ มาขอจูบปากกันได้ไง เกิดมันเคลิ้มขึ้นมาหยุดไม่อยู่นี่คนลำบากจะไม่ใช่เขา นี่ห่วงสวัสดิภาพความปลอดภัยของคุณอาล้วนๆ เลยนะถึงไม่ยอม
“ทำไมไม่ได้”
“ให้แค่ตรงนี้”คริสชี้ไปที่ข้างแก้มของตัวเองอีกครั้งแต่ดูเหมือนจะเป็นคำตอบที่ไม่ค่อยน่าพอใจสักเท่าไหร่
“ไม่เอา จะคิสที่ปาก”
ไม่พูดเปล่าร่างโปร่งบางกระโดดขึ้นมานั่งคร่อมบนตักของคริสไว้ ทำเอาทั้งหลานชายตัวโตตัวเล็กถึงกับสะดุ้ง มือน้อยประคองใบหน้าเขาพยายามขืนบังคับให้หันมารับจูบยามเช้าแต่คริสก็ใช้มือปิดปากตัวเองไว้ป้องกันการรุกรานจากคนตัวเล็ก มืออีกข้างก็ประคองเอวคอดบังคับให้อยู่เฉยไม่ให้ขยับเขยื้อนมากไปจนบางอย่างมันฮึดฮัดขึ้นมา
เดี๋ยวปั๊ดจับปล้ำให้สิ้นเรื่องเสียนี่
ได้แต่คิดไปงั้นแหละ เพราะตอนนี้คนที่จะโดนปลุกปล้ำน่ะเขามากกว่า ชานยอลแกะมือเขาออกจากปากตัวเองได้สำเร็จแล้ว ตอนนี้ใบหน้าของคุณอากำลังยื่นปากเข้ามาใกล้ คริสรีบพลิกจับข้อมือเล็กทั้งสองข้างไว้และพยายามดันตัวคนที่นั่งคร่อมบนตักให้ออกห่าง
เข้ามาใกล้ก็จะโดนปาก ขยับออกไปก็จะโดน...อย่างอื่น
นี่ชานยอลเกิดมาเพื่อทดสอบความอดทนของเขาใช่มั้ย!
“น้องฟ่านฟ่านดื้อ ทำไมไม่ให้อาจุ๊บ”
คุณอาจอมเอาแต่ใจเริ่มจะแผลงฤทธิ์ ดวงตากลมหรี่ลงกับริมฝีปากยื่นยาวและท่าเชิ่ดหน้านี่ใช่เลย ปาร์คชานยอลกำลังจะงอน
“ตรงนี้เขาไว้ทำกับแฟน”ก็มันจริงมั้ยละ จูบที่ปากเขาเก็บไว้ทำกับแฟนกันทั้งนั้น นอกจากธรรมเนียมตะวันตกที่มีคิสปากกันบ้าง แต่พอดีเขาเป็นเอเชียละนะไม่นิยมคิสที่ปากเพื่อเป็นการทักทายกับคนอื่นหรอก
ถ้าเป็นแฟน...จะจูบจนปากช้ำเขาก็ไม่ว่า แต่ดูเหมือนคุณอาคงไม่เข้าใจความหมายในสิ่งที่เขาพูด เฮ้อ
“ไม่สน อาต้องได้จุ๊บน้องฟ่านฟ่านก่อนคนอื่น”
ชานยอลลืมเรื่องอาการแปลกๆก่อนหน้านี้ไปหมดแล้ว ตอนนี้สิ่งที่เขาคิดมีเรื่องเดียวคือต้องจุ๊บน้องฟ่านฟ่านให้ได้ เขาไม่ยอมหรอก เขาต้องได้จุ๊บน้องฟ่านฟ่านคนแรก ชานยอลดิ้นยุกยิกอยู่บนตัวหลานชายไปมาอย่างไม่ยอมแพ้
“อา....อย่าดิ้น”
คริสะกดเสียงลงต่ำจากการถูกปลุกเร้า(?)โดยไม่ได้ตั้งใจนี้ เขาอยากจะบ้าตาย ทำไมปาร์คชานยอลชอบมาขย่มบนตัวเขานัก เดี๋ยวเถอะ สักวันได้ขึ้นแน่โพสิชั่นนี้แต่ยังไม่ใช่ตอนนี้ครับคุณอา
“จะจุ๊บปากๆ”
จุ๊บ~
คนตัวบางอาศัยจังหวะตอนที่หลานเผลอโถมกายลงทั้งตัว ประกบริมฝีปากลงบนเป้าหมายที่เล็งไว้อย่างแม่นยำ กดจูบลงไปหนักๆ ตามแรงโถมก่อนจะดิ้นคลุกคลักและถอนตัวขึ้นมายิ้มโชว์ฟันขาวให้กับคนที่โดนขโมยจูบไปจนได้
“สำเร็จ อาออกไปเตรียมอาหารเช้ารอนะ รีบตามมาละ”
ก่อกวนหัวใจคนอื่นเสร็จก็ลุกหนีไปอย่างรวดเร็วโดยที่คริสคว้าตัวเอาไว้ไม่ทัน เขาแตะริมฝีปากตัวเองตรงที่ยังรู้สึกได้ถึงความนุ่มหยุ่นเมื่อครู่ รสหวานนุ่มที่ทำเอาเขาเกือบเผลอตอบรับกลับไปมากกว่าการแตะสัมผัสบนกลีบปากที่คนตัวเล็กนั่นเรียกว่าจุ๊บเสียแล้ว
คุณอาครับ ถ้ายังไม่หยุดยั่วกันแบบนี้ผมจะไม่ทนแล้วนะ
.•*´¨`*•.¸¸.•*´¨`*•.¸¸.•*´¨`*•.¸¸.•*´¨`*•.¸¸.•
“มันเป็นใครวะ อย่าให้เจอตัวนะจะวูซูใส่ให้หน้าหงายเลย”
“แค่กๆ”
คำพูดของเพื่อนรักหน้าแพนด้าทำเอาคริสสำลักน้ำที่ดื่มเข้าไปทันที พวกเขาสามคนสหายหน้าเดิมรวมตัวกันอยู่หลังตึกคณะเพื่อเคลียร์รายงานที่ต้องส่งพรุ่งนี้ แต่ก็มีหนึ่งตัวที่กินแรงเขากับเซฮุนโดยการนั่งดูนิตยสารเล่มใหม่ที่ชานยอลขึ้นปกอย่างอารมณ์เสีย เขาเอียงตัวหลบไม่อยากจะสบกับดวงตาที่ดำคล้ำนั่น กำลังคิดว่าจะรักษาใบหน้าหล่อๆของตัวเองไว้ได้นานแค่ไหนกัน
“คริสมึงไม่รู้เหรอว่าไอ้นายแบบหน้าปลวกนี่มันเป็นใคร มันกล้ามาจับมาลูบพี่ชานยอลของกู กูจะฆ่ามันนน” บอกเลยว่าฮวังจื่อเทาดิ้นมากครับ ดาราในดวงใจถ่ายแบบสุดหวิวคู่กับไอ้หน้าปลวกที่ไหนก็ไม่รู้ หัวใจดวงนี้เจ็บเหลือเกิน
“มึงรู้ได้ไงวะว่าเขาหน้าปลวก มันไม่เห็นหน้าสักหน่อย” ขอแก้ข่าวให้ตัวเองสักนิดเถอะ คริสมั่นใจว่าเวลาเขาส่องกระจกหน้าตาเขาไม่ได้เหมือนแมลงตัวเล็กที่ชอบแทะฝาบ้านเลยนะ
“กูรู้ว่ามันคือปลวก มันกัดกร่อนทำลายความรักของกูกับพี่ชานยอล ตกลงมึงรู้มั้ยว่ามันเป็นใคร”
คริสส่ายหน้าหัวแทบหลุด อย่าว่างั้นงี้เลย เขายังไม่อยากเอาใบหน้าไปรับฝ่าเท้ามันหรอก เก็บแก้มนิ่มๆไว้ให้ชานยอลหอมยังจะดีเสียกว่า
“ยอดไผ่ที่มึงแดรกเข้าไปคงไม่ได้ไปช่วยเสริมสร้างเซลล์สมองเลยสินะ” เซฮุนที่นั่งก้มหน้าจดจ่ออยู่กับรายงานเงยหน้าขึ้นในที่สุด ใบหน้าขาวส่ายอย่างเอือมระอา เหลือบมองเพื่อนจากชิงเต่าแล้วถอนหายใจเบาๆ คือมันมองแวบเดียวก็รู้แล้วป่ะว่าไอ้นายแบบที่ซุกไซ้พี่ชานยอลในหนังสือนั่นน่ะคือไอ้คริสคนที่นั่งอยู่ตรงข้ามมึงเนี่ย
“ยอดไผ่ช่วยสร้างเซลล์สมองได้เหรอวะ”คือไม่ได้อยากขัดนะ คริสสงสัยจริงๆ
“กูประชด!”
“เดี๋ยว มึงหมายความว่าไง ไอ้หน้าปลวกนี่เกี่ยวอะไรกับยอดไผ่”จื่อเทาผู้ที่ไม่สนใจจะรับรู้อะไรทั้งนั้นนอกจากตามล่าหาไอ้หน้าปลวกหันไปถามเพื่อนรักตัวขาว มองหน้ามันปริบๆ อย่างแสนซื่อ
เซฮุนถอนหายใจออกมาแรงๆ ยอดไผ่มันใช่ประเด็นที่สำคัญเหรอวะ คือเขาผิดเองใช่มั้ยที่ยกเรื่องยอดไผ่ขึ้นมาพูด ดังนั้นเขาจึงต้องค่อยๆ พยายามอธิบายกับเพื่อนชาวจีนที่สกิลภาษาเกาหลีระดับต่ำเตี้ยเรี่ยดินคนนี้อย่างใจเย็นใหม่อีกครั้ง
“กูหมายถึงมึงนี่ไม่ฉลาดเลย ดูไม่ออกเหรอไงว่าไอ้นายแบบคนนี้น่ะก็คือไอ้....”
“แดรกชานมมั้ยเซฮุนกูเลี้ยง”
คริสเบรกความฉลาดของโอเซฮุนด้วยของโปรดมัน ขอร้องเหอะ มึงช่วยคายยอดไผ่ที่ทำให้เซลล์สมองมึงทำงานดีอย่างนี้ออกมาเถอะ อย่าจำกูได้ อย่าบอกจื่อเทาด้วย ไม่งั้นยอดหน้ากูคงไม่ปลอดภัยจากฝ่าเท้ามันเป็นแน่ เป็นหลานใช่ว่าไอ้จื่อมันจะฟัง
“ขอแก้วใหญ่สอง”เซฮุนยกยิ้มร้าย ความฉลาดนี่ทำให้ได้กินฟรี ทำงานต่อสบายใจละ
“อะไรกันวะ ตกลงว่าไง”คนที่ยังไม่รู้เรื่องราวมองเพื่อนสองคนสลับกันไปมา
“เออน่า เรื่องของผู้ใหญ่ไว้โตก่อนจะเล่าให้ฟัง”
คริสบอกปัดและลุกขึ้นจากโต๊ะเพื่อเดินไปซื้อชานมมาถวายโอเซฮุน แต่รถทรงสปอร์ตสีดำคันหนึ่งก็ตรงเข้ามาจอดบริเวณที่พวกเขานั่งกันอยู่เสียก่อน ร่างเล็กที่ลงมาจากฝั่งคนขับทำให้คริสมองอย่างแปลกใจ แต่ก็เดินตรงเข้าไปทักทายอย่างสนิทสนม
“อาลู่ มาทำอะไรที่มหา’ลัยผมครับ”
ลู่หานถอดแว่นกันแดดสีชาออกยิ้มรับเด็กตัวโต
“อามีธุระจะคุยกับคริสนิดหน่อยน่ะ ขอเวลาสักครู่ได้มั้ย”
ถึงจะแปลกใจแต่ก็พยักหน้ารับ คริสจึงหันไปบอกเพื่อนอีกสองคนที่นั่งอยู่ด้านหลัง
“พวกมึงเดี๋ยวกูมานะ”
“มีสาวมาหานี่ทิ้งเพื่อนเหรอวะ”
“เออ แต่อย่าลืมชานมกูละ”
แต่ละคน เพลียจะอธิบาย คริสหันกลับมาเพื่อจะบอกลู่หานว่าพร้อมแล้ว แต่ดูเหมือนอาลู่จะไม่พร้อมสักเท่าไหร่ ดวงตาสุกใสมองผ่านเขาไปทางด้านหลัง คริสเลยมองตามไปบ้าง
“นั่นเพื่อนคริสเหรอ”ลู่หานเงยหน้าถามด้วยสายตาที่เรียกว่าเป็นประกายระยิบ
“ครับ เพื่อนสนิทตั้งแต่มัทธยม”
พอได้คำตอบลู่หานก็เดินเลยผ่านเขาไปทางเพื่อนรักสองคนทันที ใบหน้าหวานภายใต้ชุดสูทสีดำยิ้มอย่างนักธุรกิจก่อนจะถือวิสาสะนั่งลงบนม้านั่งตรงข้ามเซฮุนและจื่อเทา ควักเอานามบัตรออกมายื่นให้
“สวัสดี ฉันเป็นประธานค่าย LHe พวกเธอสองคนสนใจอยากมาออดิชั่นมั้ย รับรองว่าผ่านแน่ๆฉันมองใครไว้ไม่เคยพลาด”อย่างชานยอลเองก็เป็นลู่หานที่ลากตัวเพื่อนเข้ามาวงการจนโด่งดังประสบความสำเร็จอย่างทุกวันนี้
“ค่ายเดียวกับพี่ชานยอลเหรอครับ แล้วผมจะได้ถ่ายแบบกับพี่ชานยอลเหมือนไอ้หน้าปลวกนี่รึเปล่า”จื่อเทาถามอย่างตื่นเต้น หน้านี่ยิ้มจนตาปิด เชื่อว่าคงจิตนาการไปไกลถึงตอนกำลังโพสท่าคู่กับชานยอลแล้ว
“ก็คิดว่าคงมีโอกาสนะ ถ้าสนใจก็เอานามบัตรฉันไปแล้วเข้ามาออดิชั่นได้เลย" ลู่หานตอบอย่างใจดี
“โอเคครับ พี่ชานยอลอยู่บนฟ้าต่อไปนะ จื่อจะปีนตามไป”
“เธอก็ด้วย”ลู่หานหันไปทางเด็กอีกคนหนึ่งที่ไม่มีท่าทางสนใจเขาเลยสักนิด พอพูดด้วยใบหน้าขาวจึงเงยหน้าขึ้นมองและส่งยิ้มให้
“ผมไม่สนใจหรอกครับ แม่บอกว่าไม่ให้เชื่อคนแปลกหน้า”
เหมือนโดนเอารองเท้าฟาดใส่หน้ายังไงไม่รู้ ลู่หานสะอึกไปกับคำพูดเฉือดนิ่มๆ ของเด็กตรงหน้า เด็กนี่มันซื่อหัวอ่อนเชื่อคำสั่งสอนของแม่หรือมันกวนทีนเขาอยู่ฟ่ะ
“เดี๋ยวเจอกันบ่อยๆ ก็ไม่แปลกหน้าแล้ว รับนามบัตรไปแล้วกัน ถ้าเปลี่ยนใจก็ติดต่อมานะ”
เสร็จธุระกับเด็กสองคนแล้วลู่หานก็ลุกขึ้นเดินกลับไปหาคริสที่ยืนรออยู่ เรียกให้เด็กตัวโตตามขึ้นรถเพื่อไปหาที่นั่งคุยกันเป็นการส่วนตัว คริสจึงแนะนำให้ไปร้านกาแฟหลังมหาวิทยาลัยเพราะคนไม่วุ่นวายนัก
“อาลู่มีธุระอะไรกับผมเหรอครับ”คริสถามขึ้นหลังจากพนักงานมาเสิร์ฟเครื่องดื่มให้พวกเขาทั้งสองคน
“อาเคยบอกว่าขอให้คริสถ่ายแบบให้แค่ครั้งเดียว แต่หลังจากนิตยสารเล่มนั้นวางแผงไปคนต่างก็สนใจตามหาตัวเธอกันให้วุ่น มีงานติดต่อเข้ามาจนที่บริษัทรับโทรศัพท์กันไม่ทันแล้ว นี่ขนาดไม่ค่อยเห็นหน้านะ คิดดูว่าถ้าคริสเข้าวงการเต็มตัวจะดังขนาดไหน อาอยากให้คริสลองคิดดูเรื่องการเข้ามาเป็นศิลปินในบริษัทอา รับรองว่าจะให้รับงานไม่เยอะไม่ให้กระทบกับการเรียนเลย”
ลู่หานเองก็ไม่คิดว่ากระแสการตอบรับนายแบบหนุ่มปริศนาจะมากมายขนาดนี้ ด้วยหน้าตาของคริสเองร่วมทั้งงานแรกที่รับคู่กับชานยอลเป็นการปูเส้นทางในวงการให้ทอดยาวไปยังความสำเร็จในวันหน้า เขาเสียดายหากคริสจะปล่อยโอกาสนี้หลุดลอยไป เคยพูดกับชานยอลแล้วแต่รายนั้นก็ยังดื้อรั้นเหมือนเดิมเลยคิดว่าควรจะมาคุยกับคริสอย่างจริงจังเสียเอง
“แต่คุณอาคงไม่ยอม”
ถึงคริสจะไม่ได้ถนัดงานด้านนี้เป็นพิเศษแต่ไม่ได้หมายความว่าจะไม่ชอบเอาเสียเลย เขาเองอยากทำงานพิเศษมานานแล้ว เคยแอบทำแต่ชานยอลก็สั่งห้าม บอกให้เรียนอย่างเดียว เขาอยากจะแบ่งเบาภาระของคุณอาบ้าง ข้อเสนอของลู่หานก็น่าสนใจไม่น้อย ถ้าหากยอมเข้าวงการมีรายได้เป็นของตัวเองชานยอลก็จะไม่ต้องเหนื่อยรับงานจนแทบไม่มีเวลาพักผ่อนอีก
“ลองตัดสินใจดูนะ ส่วนเรื่องชานยอลอาเชื่อว่าคริสคงมีวิธีรับมือ”
•*´¨`*•.¸¸.•*´¨`*•.¸¸.•*´¨`*•.¸¸.•*´¨`*•.¸¸.•.
เสียงกุกกักที่ดังมาจากห้องนั่งเล่นทำให้คริสรู้ว่าเจ้าของห้องอีกคนคงกลับมาแล้ว ดวงตาคมเหลือบมองนาฬิกาข้างหัวเตียงบ่งบอกเวลาตีสาม เขาลุกขึ้นจากที่นอนตัวเองเปิดประตูห้องออกไปดูเห็นคุณอาล้มตัวลงบนโซฟาอย่างอ่อนเพลีย ดวงตากลมปรือปรอยจนปิดลงในที่สุด คริสยืนดูอยู่สักครู่เห็นคนตัวเล็กผ่อนลมหายใจเข้าออกสม่ำเสมอจึงรู้ว่าคงหลับไปแล้ว
ฝีเท้ายาวเดินอย่างแผ่วเบาเข้าไปใกล้โซฟาตัวนั้น ทรุดตัวลงชันขาใกล้ๆ เห็นขอบตาดำคล้ำกับสีหน้าเหน็ดเหนื่อยของชานยอลแล้วก็อดจะรู้สึกปวดใจไม่ได้ ตั้งแต่พ่อแม่ของเขาเสียไปชานยอลก็ดูแลเขาเป็นอย่างดีมาตลอด ทำหน้าที่เป็นทั้งพ่อแม่ไม่เคยให้เขาลำบากทั้งที่จริงแล้วคนตัวเล็กนี่ก็เป็นแค่เด็กวัยรุ่นคนหนึ่งแต่กลับยอมเสียสละเวลาเที่ยวเล่นช่วงชีวิตที่ควรจะสนุกสนานกับเพื่อนๆ เพื่อเขา
คริสช้อนตัวร่างแบบบางขึ้นแนบอก ใบหน้าน้อยซุกเข้าหาความอบอุ่นเหมือนลูกแมว เขาพาคุณอาตัวเล็กเข้าไปส่งถึงห้องนอนวางลงบนเตียงอย่างเบามือและช่วยถอดเสื้อคลุมตัวนอกออกให้ ชานยอลปรือตาขึ้นมองพอเห็นว่าเป็นใครก็ยกยิ้มบางส่งให้
“ยังไม่นอนอีกเหรอ น้องฟ่านฟ่าน”เสียงงัวเงียเอ่ยถามทั้งที่สติกว่าครึ่งจมดิ่งสู่ความฝันไปแล้ว
“อาทำงานจนดึกจะให้ผมหลับอย่างสบายใจได้ไง”
ชานยอลปรือตาขึ้นมอง มือน้อยยกขึ้นลูบศีรษะหลานรักอย่างเอ็นดู อยากจะพูดคุย อยากจะเล่นด้วยเหมือนเคยแต่ร่างกายก็เหนื่อยล้าจนเกินกว่าจะฝืน ดวงตากลมปิดลงอีกครั้งโดยที่มือเล็กเลื่อนมากุมฝ่ามือใหญ่ของหลานไว้อย่างรักใคร่
คริสยิ้มให้กับการกระทำนั้นของคนเป็นอา เขายกมือที่กุมกันไว้ขึ้นมาแนบริมฝีปากก่อนจะเลื่อนไปจูบกลุ่มผมนิ่มเพื่อส่งคุณอาที่รักเขาสู่ห้วงนิทรา
“น้องฟ่านฟ่านของอาโตแล้วนะ ถึงเวลาที่ผมจะเป็นฝ่ายดูแลอาบ้างแล้ว”
TBC
TALK
ชื่อตอนกับเนื้อหาที่เกี่ยวกันมั้ย 55555555
Duck-
ความคิดเห็น