คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : ตอนที่1 เปิดม่าน!
“ทำเหี้ยไร…เอาเคินมา!” เสียงยานคางออกมาจากปากคนที่จะฟุบแหล่ไม่ฟุบแหล่ น้ำเสียงโถมความรำคาญมาไม่ยั้ง มือคว้าสะเปะสะปะจะเอาแก้วที่มีน้ำเหลืองๆอยู่คืนมาจากเขาให้ได้ ทำเอาคู่สนทนาแทบจะเสยหน้ากวนตีนนี่ให้ฟุบไปซะ คออ่อนแล้วแดกเยอะมันใช่ไหม!
“พอ พอเลยมึง พอ หยุด” คนเป็นเพื่อนรีบเอาแก้วเหล้าส่งคืนพนักงานที่เดินผ่านมา แต่คิดว่าคนดื้อรั้นแบบมันจะยอมง่ายๆเหรอ
“น้อง…เอามา2เลย สั่งเพิ่…อุ”
“ปิ่น ไม่ต้อง กลับไปทำงานไป” พอลูกเจ้าของร้านอย่างเขาเอ่ยปากสั่ง พนักงานสาวจึงทำได้แต่เดินเงอะๆงะๆกลับไปทำงานของเธอต่อ เพลิงหันไปมองเพื่อนเวรที่ฟุบไปแล้วอย่างเซ็งๆ หยิบบีบีสีแสบจี๊ดๆ(ที่มันเผลอวางแหมะอยู่บนโต๊ะ)ขึ้นมากดดูเบอร์โทรล่าสุด
‘เด็กเวร’
“ใครสอนมึงเมมเบอร์โทรศัพท์วะไอสัส”เพลิงเปรยขึ้น มองเพื่อนที่ไปเฝ้าพระอินทร์เรียบร้อยแล้วก็นึกขำ
‘ก็คงจะเบอร์นี้มั้ง’
ว่าแล้วก็โทรเลยละกัน
[ไรพี่]
ปลายสายรับเร็วจนน่าตกใจ เพลิงรีบเรียบเรียงคำพูดทันที
“เอ้อ กูเพลิงนะ…”
[อ้าวพี่เพลิง มีอะไรวะ ทำไมพี่เอสไม่โทรอ่ะ ให้พี่โทรมาแทนทำไม!]
“เห้ย ใจเย็นๆ แม่งเมา หลับไปแล้ว มารับมันได้หรือเปล่า กูไม่สะดวกไปส่งมัน”
[ที่เดิม?]
“เยส”
เสียงปลายสายเงียบไปสักพัก แล้วพอเริ่มพูดอีกรอบดูเหมือนน้ำเสียงจะเบาลง
[ได้ เดี๋ยวผมไป ไม่เกินสิบห้านาที]
ต้นกล้า
“ขอบคุณนะพี่ หวัดดีครับ” ผมขอบคุณพี่เพลิง ก่อนจะรับตัวต้นเหตุที่ยังหลับไม่รู้เรื่องยัดเข้ารถฝั่งข้างๆคนขับ ถึงจะหลับ แต่ปากเหมือนจะก่นด่าใครสักคนอยู่เบาๆ ขอไม่ฟังดีกว่ามั้ง
ผมขับรถไปเรื่อยๆบนถนนที่รถเริ่มน้อยลง มุ่งเข้าสู่ตัวคอนโดที่คุ้นเคย เห้ย ใบขับขี่อะไรนั่นไม่มีหรอก เรื่องแบบนี้ผมไม่สน
ผมวนรถเข้าจอด ดับเครื่องแล้วเอื้อมมือไปจับไหล่คนข้างตัวแล้วเขย่าๆ
พี่เอสดันตัวเองให้ลุกขึ้นอย่างมึนๆ มือขยี้ผมสีดำจนยุ่ง ปรือตามองผมก่อนจะเอื้อมมือมาตบหัวทรงรองทรงของผม
“เจ็บ! พอได้ละ ลุกๆ ถึงบ้านละ”
“กูจะนอนนน”
ผมถอนหายใจเบาๆ ลงจากฝั่งคนขับแล้วอ้อมมาประคองคนเรื่องมากน่าถีบให้ลุกขึ้น ครั้งนี้เหมือนจะว่าง่าย เมื่อพี่เอสยอมให้ผมพาดแขนเขาเข้ากับหลังของผม พวกเราเดินแบบไม่ค่อยจะเหมือนการเดินแบบคนธรรมดานักเข้าไปในลิฟท์ เมื่อลิฟท์จอดชั้นหก แล้วก็แยกย้ายกันเข้าห้อง อาบน้ำนอน
ถุย…แบบนั้นก็เสียโอกา…ลำบากแย่สิครับ
ผมประคองพี่เอสให้เดินผ่านห้องของพี่เขาแล้วมาหยุดอยู่หน้าห้องของผมแทน ทำไมน่ะหรือ ก็จะได้เอา…จะได้ดูแลกันสะดวกๆไงครับ อีกอย่างคีย์การ์ดพี่เขาอยู่ไหนผมเองก็ไม่รู้ มาอยู่ห้องผมนี่แหละเนอะไม่ยุ่งยากดี
-------------------------------------------
เมื่อเข้ามาภายในห้องนอนเรียบร้อย ผมก็จัดการทุ่มพี่เอสลงกับเตียงทันที(ไม่เคยมีโอกาสได้ทำ) คนใต้ร่างด่าพ่อผมก่อนจะถีบให้ผมออกไปไกลๆ พร้อมกับตะโกนว่า ‘อย่าให้กูมีแรงนะสัส!’ ผมยิ้มเย็น ก่อนจะจัดการปลดเข็มขัดและกระดุมเสื้อเชิ้ตของคนที่ยังดิ้นพยศอยู่แบบไม่ยอมง่ายๆ
“ปล่อยกู!!”
“ไปอาบน้ำ”
“ไม่! กูจะนอน! ปล่อยดิสัส!!”
“นี่ห้องผมนะพี่ เตียงก็เตียงผม ไปอาบน้ำ”
“แล้วจะเอากูมาอยู่ห้องมึงทำห่าอะไรวะ!! อุ้มกูกลับห้องดิ! กูเดินไม่ไหวแล้วเนี่ย!”
และเหมือนพี่เอสจะเริ่มสร่างเมาเพราะเสียงโวยวายของตัวเอง เพราะดูจากการที่พยายามจะลุกขึ้นมาต่อยผม แต่ก็หันไปด่าโคมไฟหัวเตียงแทน ผมถอนหายใจแรง ก่อนจะเดินไปประคอง(อีกแล้ว)คนที่ดิ้นไปดิ้นมาอย่างไม่มีเหตุผลอยู่บนเตียง เดินพาร่างอุ่นๆแต่เหม็นเหล้าเข้าไปในห้องน้ำ แล้วจัดการเปิดฝักบัวให้น้ำเย็นๆสาดลงผิวกายของพี่เอสจนเปียก หวังให้คนคออ่อนแต่เสือกแดกเยอะสร่างเมาเต็มตา พี่เอสสบถคำหยาบดังๆ และผล็อยหลับไปอีกครั้งทั้งๆอย่างนั้น
ผมไม่ได้ใจร้ายนะ แต่ต้องใช้วิธีนี้แหละพี่แม่งถึงจะหาย ไม่งั้นก็พยศยันเช้า
พอผมจัดการเปลี่ยนเสื้อผ้าให้พี่เอสเรียบร้อย ก็ส่งเข้านอนพร้อมห่มผ้าให้อย่างดีเสมือนลูกในไส้ ผมยิ้ม เมื่อใบหน้าที่ปกติจะทำหน้ากวนตีนหาเรื่องอยู่ตลอดเวลา ตอนนี้สีหน้าดูมีความสุขเหมือนเด็กที่ฝันว่าได้เจอนางฟ้าฟันน้ำนม
เมื่อแน่ใจว่าอีกคนหลับไปแล้ว ผมจึงเดินไปที่โต๊ะหนังสือและหยิบกล่องปฐมพยาบาลใต้โต๊ะขึ้นมา จัดการทำแผลบนหางคิ้วข้างซ้ายของตัวเอง แผลที่ได้มาสดๆร้อนๆเมื่อวาน ผลจากการไปกวนตีนใครบางคนเข้า ก็คนมันร้อน ขี้เกียจลงไปเซเว่นซื้อไอติมนี่หว่าครับ
กว่าจะทำแผลและนั่งทำการบ้านของโรงเรียนนิดๆหน่อยๆเสร็จเรียบร้อยก็ปาไปห้าทุ่มยี่สิบ เป็นเวลาที่ตาผมพร้อมที่จะปิดได้ตลอดเวลา ฝืนไปก็ไม่ได้อะไรขึ้นมานอกจากความง่วง ผมเลยโดดขึ้นเตียงทันที มองคนที่หลับสนิทสบายตลอดคืนแล้วก็หมั่นเขี้ยวขึ้นมา จัดการรวบเอวที่ก็ไม่ได้บางมากนักของพี่เอสเข้ามากอด คนโดนกอดส่งเสียงในลำคออย่างรำคาญ ตีนถีบเข้าที่ล่างท้องน้อยผมโดยอัตโนมัติ ผมที่หลบทันทำให้จุดยุทธศาสตร์อยู่รอดไปได้อย่างเฉียดฉิว
ในขณะเดียวกัน ฝ่ายทำร้ายร่างกายก็หันหลังใส่ ตัดเยื่อใยอย่างไม่ใยดี
“เล่นตัว”
เมื่อผมพูดประโยคนั้นจบ ก็รู้สึกถึงแรงหยิกที่น่องตัวเองอย่างแรง
“ใครเล่นตัวกับมึง! กูไม่เสียซิงให้เด็กที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะอย่างมึงหรอกนะ!”
ผมยิ้มให้คนที่กำลังหันหลังให้ผมอยู่ ตัดสินใจลองเสี่ยงที่จะกอดอีกที และพูดประโยคที่ชาตินี้ผมเองก็ไม่เคยคิดว่าจะได้พูดกับใคร
“ก็ไม่ได้จะเอาซิง”
“……….”
“จะเอาหัวใจ”
“เอ่า ปากมึงไปโดนห่าอะไรมาอีกวะ คิ้วมึงก็ยังไม่หาย ฮ่าๆๆๆ!” คงกลายเป็นคำที่มันใช้ทักผมไปแล้วมั้งครับ ไม่เคยจะทักกูดีๆเลยใช่ไหม
“เสือกน่ะไอ้ไป๋” แล้วผมก็สามารถทักมันด้วยคำเพราะๆแบบนี้ด้วย
“อ้าว ไอ้ห่า นี่กูเป็นห่วงมึงนะ นิสัย” มันเดินออกมาด้วยเมื่อรู้ว่าผมกำลังจะไปกินข้าวที่โรงอาหาร พวกผมเดินคุยกันตลอดทางจนถึงที่หมาย ถอดรองเท้าวางจองที่นั่งไว้แล้วแยกย้ายกันไปซื้อกับข้าวตามปกติ ผมซื้อข้าวเสร็จก่อนมัน(ที่ยังโปรยคำหวานใส่ป้าร้านข้าวหมกไก่ให้เพิ่มข้าวให้เยอะๆ) ผมเลยหยิบไอโฟนรุ่นล่าสุดขึ้นมากดเข้าโปรแกรมแชทที่เป็นที่นิยม กดส่งข้อความไปให้คนบางคนที่ป่านนี้คงถึงมหา’ลัยแล้ว
(คิดถึงจัง)
สักพัก คำว่าReadตัวเล็กๆก็โผล่ขึ้นมา พร้อมๆกับเสียงตื๊อดึ่งที่ดังขึ้น
( olo )
(แดกข้าวแล้วเข้าแถวได้ละ)
(เพลงเด็กดียังไม่ขึ้นเลยอ่ะ)
(เรื่องของมึง อย่างมึงต้องเพลงเด็กเปรตถึงจะถูก)
(ตั้งใจเรียน เด็กเหี้ย)
แค่นี้ก็ทำให้ผมมีความสุขไปทั้งวันแล้วล่ะครับ
-----------------------------------------------------------------
“เอาบีบีกูไปเล่นหาพ่อง! ไอโฟนมึงไม่มีไลน์ให้เล่นรึไง!” ท่ามกลางสนามบาสในมหา’ลัย เสียงหงุดหงิดของใครบางคนก็ดังขึ้นข้างๆหูอาร์ต พร้อมๆกับแรงหวดลงมาที่หัว คนแอบเอาบีบีเพื่อนมาเล่นถึงกับสะดุ้งกับเสียงแปดล้านเดซิเบลของเจ้าของเครื่อง
“ดูห่าอะไรของมึง…หือ”คนหงุดหงิดรู้สึกจะลุกเป็นไฟเมื่อเห็นหน้าจอแสดงการสนทนาเมื่อกี๊โชว์หราอยู่ตรงหน้า
“โอ้ยยยย!! เชี่ย! มึงทำแบบนี้กับกูทำไมวะเหี้ยอาร์ต! มึงก็รู้ว่าแม่งเกาะกูอย่างกับปลิง! มึงไปตอบมันอย่างนั้นทำไม! ‘ตั้งใจเรียน’ห่าอะไรวะ! แม่งเอ๊ย!” คนอารมณ์ร้อนเริ่มอยากเขวี้ยงบีบีทิ้ง ติดที่ว่ายังผ่อนไม่หมด
“โว้ว มึงใจเย็นๆนะ กูขอโทษละกัน นึกว่าเป็นแค่รุ่นน้องร่วมคอนโดธรรมดา สงสัยจะมากกว่านั้น”คนชอบแกล้งดันแว่นสายตากรอบหนาขึ้น จัดทรงผมที่เพิ่งโดนตบจนชี้โด่เด่ให้เข้าทรง มองเพื่อนอีกคนอย่างนึกตลกในท่าทีของมัน ใช่สิ ไอ้เอสเวลาตื่นตูมน่ะน่าดูอย่าบอกใคร
“ถุย! กูเคยเล่าให้มึงฟังไปแล้วสัส! เสียใจด้วย ไม่ได้เป็นเชี่ยไรทั้งนั้นแหละว่ะ!”เอสรีบยัดบีบีใส่กระเป๋ากางเกงอย่างเร็ว บอกตัวเองว่าควรจะเลิกเอาไอ้เด็กเห็บเหานี่มารังควาญความคิดตัวเองได้แล้ว
“แล้วถ้ามึงมาเอาของกูไปตอบมันอีกนะ กูซัดมึงแน่ แม่งน่ารำคาญจะตาย!”
“จริงเหรอวะ แต่ดูมันดีใจมากเลยนะโว้ย มึงแม่งจะใจร้ายเกินไปละ”น้ำเสียงอาร์ตดูอ่อยๆแบบปิดไม่มิด ลึกสุดใจเขาก็สงสารไอ้เด็กต้นกล้านั่นเหมือนกัน
“ช่างแม่ง” ตอบพร้อมๆกับเดินไปหยิบลูกบาสมาหมุนควงบนนิ้ว
“เออ แล้วไอ้โครงงานของภาวิดานี่เอาไง ให้ไอ้เซ้งกับไอเต้อทำเนื้อหา มึงมาชวยกูทำ โยนๆข้อมูลมาก็ได้ ก๊อปวางแปปเดียวเอง”
อาร์ตแอบเบะปาก พลางคิดในใจว่ามึงสรุปเอาเองแบบนี้จะถามกูทำไม คนตัวขาวพยักหน้าเออๆออๆไปตามน้ำ เพราะยังไงเขาก็ขี้เกียจเถียงกับไอ้เพื่อนใจร้อนนี่อยู่แล้ว เผลอๆโดนมันต่อยปากแตกนี่ไม่น่าจะคุ้ม
--------------------------------------------------------------
ครบร้อยเปอร์เซ็นจ้าาา
เป็นยังไงกันบ้าง รับรู้ความสัมพันธ์ของอิคู่นี้หรือยังเอ่ย
ยังคงงงๆกันอยู่ใช่เปล่า(รวมทั้งอีฟ้าด้วย)แต่ยังไม่เฉลยหรอกจ้าา
ลองเดาๆกันไปก่อน ฟ้าว่าหลายคนคงทายถูกแบบโป๊ะเช๊ะ
แน่นอนว่าอีคู่นี้นี่ความหยาบความเถื่อนมันจัดเต็มแน่นอน
(โดนแบนแบบจัดเต็ม555555) พี่เอสของเรามีสำนวนที่ตรงกับนิสัยมากค่ะ
ประมาณว่ากินปูนร้อนท้อง ตีตนไปก่อนไข้ หมาหวงก้าง แต่ละสำนวนดีๆทั้งนั้น
และถึงจะเป็นคนใจร้อน ขี้หงุดหงิด ชอบใช้กำลัง แต่ที่จริงแล้วน่ะ
จริงใจและเกลียดการโกหกเป็นที่สุดนะเออ ส่วนอีต้นกล้านี่ก็น่าจะ
หาเหาใส่หัวหรือแกว่งตีนหามีด คือเลือกไม่ถูกเลยจริงๆจ้าาา
ป.ล.สำหรับคนที่อ่านผ่านแอพเด็กดี หรืออ่านในมือถือจ้า
การเว้นบรรทัดอาจจะดูงงๆ เพราะบางทีก็อยากให้ดูสมจริงไม่น่าเบื่อ
ถ้าอยากอ่านแบบไม่งง ฟ้าแนะนำให้อ่านในคอมฯ โน๊ตบุ๊ค ไอแพด แท็บเล็ต
หรืออื่นๆที่หน้าจอใหญ่ๆหน่อยจ้า555555 ขออภัยในความไม่สะดวกค่ะ
วันนี้ฟ้าไปแล้วเด้อ ยังไงก็เม้นให้เค้าหน่อยเต๊อะ
รักเด้อ
ความคิดเห็น