ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [KrisLay] หวานใจ >///<

    ลำดับตอนที่ #2 : หวานใจ ตอน 02 ::: คุณคนใจดี

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.81K
      11
      20 ก.ค. 56


    [Fic] หวานใจ >///<
    ตอน 02: คุณคนใจดี

    Fiction by 2nd Admin





    .

     

    .

     

    .

     

     

    “ให้พี่มีนายเถอะ... นะ...”

     

    กลีบปากอิ่มขบเม้มกันเองจนเป็นเส้นตรง ร่างเล็กยังก้มหน้านิ่งจนคริสนึกหวั่นในคำตอบ เขาไม่ได้อยากฝืนใจน้อง แต่เขาเองก็ไม่เคยต้องอดทนต่อความต้องการมากขนาดนี้ ยิ่งอี้ชิงหวานมากคริสยิ่งใจจะขาด ปลายจมูกโด่งยังคลอเคลียพวงแก้มขาวนุ่มอย่างออดอ้อน กระซิบเสียงพร่ำเรียกชื่อคนรักซ้ำๆ หวังให้คนตัวเล็กเห็นใจเขาบ้าง

     

    มือเล็กที่ทาบบนอกเริ่มสั่นน้อยๆ เมื่อคริสประคองดวงหน้าหวานให้เงยขึ้นสบตาแล้วแนบจูบบนริมฝีปาก อกเสื้อก็ถูกขยำจนยับย่น ร่างเล็กไม่อาจปฏิเสธเมื่อความอ่อนโยนทาบทับไปจนทั่วกลีบปาก คริสทะนุถนอมคนรักในทุกลมหายใจ หมายจะปัดเป่าทุกความกลัวที่เป็นสิ่งกีดขวาง ริมฝีปากได้รูปจึงละเลียดแผ่วเบา ไม่เร่งเร้าหากแต่ยิ่งอ่อนหวานจนร่างเล็กที่เคยเกร็งสั่นเริ่มอ่อนระทวยลง กับอก มืออุ่นเลื่อนไล้ผ่านกลุ่มผมนุ่มเข้าประคองต้นคอขาวเพื่อกดจูบให้ยิ่งลึก ซึ้งและหนักหน่วงขึ้นตามแรงอารมณ์ เมื่ออี้ชิงไม่ได้ต่อต้าน มือเล็กที่ปัดป่ายอยู่เพียงแผ่นอกเพราะไม่รู้ที่วางก็ถูกคริสยกขึ้นให้ โอบกอดรอบคอไว้ แล้วรั้งเอวบางเข้าหาให้สองร่างยิ่งแนบชิด

     

    คริสส่งเสียงครางเบาๆ พลางขบเม้มกลีบปากล่างอย่างอ้อนวอน คนตัวอ่อนก็ยอมเปิดทางให้โดยง่าย

     

    เรียวลิ้นที่สอดแทรกใช่เพียงตักตวงแต่ความหวาน หากแต่ยังทิ้งความอุ่นซ่านให้คนตัวเล็กได้โหยหา ลิ้นเล็กโต้ตอบอย่างเงอะงะเมื่อถูกล่อหลอกให้พัวพัน เด็กดีของคริสยังไม่ประสา ทั้งขวยอายและเขินขลาด แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังอ่อนนุ่มหอมหวาน ราวกับครีมเค้กรสละเมียดที่ทำให้คนใจเย็นนึกอยากจะมักมาก ละเลียดชิมไม่รู้จักอิ่ม จูบอุ่นหวานที่ถูกป้อนจึงยืดเยื้ออยู่เนิ่นนานจนร่างโปร่งบางเริ่มหอบหนัก คริสจึงยอมถอยออกเพียงเล็กน้อย จ้องมองดวงหน้าหวานที่ขึ้นสีอย่างน่ารักแล้วก็อดจุมพิตเบาๆ ด้วยความเอ็นดูไม่ได้

     

    “...คนเก่ง” กระซิบชมเบาๆ ผ่านริมฝีปากที่กลับมาแนบชิดอีกครั้ง แล้วคริสก็รับเอาทุกความหวานให้กรุ่นซ่านอยู่ในอกด้วยจูบที่ยิ่งร้อนแรง ความต้องการค่อยๆ ถูกปลดปล่อยเพื่อไม่ให้คนตัวเล็กต้องอึดอัดนัก แต่มันก็ชัดเจนจนอี้ชิงน่าจะรู้สึกได้

     

    หัวใจดวงน้อยๆ ยิ่งถี่รั่วเมื่อรู้สึกได้ถึงอารมณ์ที่หนักหน่วง อี้ชิงเผลอครางเสียงเบาเมื่อริมฝีปากอุ่นละจาก ละเลียดไล้ผ่านผิวแก้มไปยังซอกคอขาว ความอุ่นชื้นกับลมหายใจผะผ่าวที่รินรดทั่วผิวคอทำให้ร่างขาวบางเริ่มสั่น สะท้าน ไม่ทันได้รู้ตัว เสื้อยืดตัวบางก็ถูกดึงออก แล้วทั้งร่างก็ถูกจับให้เอนลงบนพื้นโซฟา ผิวกายขาวบริสุทธิ์ราวหิมะแรกสะท้านไอเย็นจนหนาวสั่น แต่ริมฝีปากอุ่นของร่างที่ตามมาทาบทับก็ป้อนความหวานจนอุ่นซ่านไปทั้งเนื้อ ตัว อี้ชิงยอมรับความร้อนแรงที่ถ่ายทอดความต้องการของร่างสูงอย่างชัดเจน แต่เมื่อฝ่ามืออุ่นร้อนลูบไล้ไปจนทั่วผิวหน้าท้อง ลามเลยมาจนถึงแผ่นอก ร่างเล็กก็สะท้านสั่นอย่างไร้เดียงสา

     

    ทั้งที่อ้อมกอดของคริสนั้นทั้งอบอุ่นและอ่อนโยน ความอ่อนหวานที่ได้รับอิ่มล้นอยู่ในใจจนทำให้อี้ชิงเกือบจะลืมสิ้นทุกความ กลัว แต่เมื่อความต้องการที่เร่าร้อนเข้าถาโถม ร่างกายที่ไร้เดียงสากลับทำให้หัวใจดวงน้อยๆ ที่เคยฟูฟ่องเริ่มสั่น กระทั่งริมฝีปากหวานผละจาก แล้วไล่จูบไปตามแผ่นอกขาวบาง ความรู้สึกที่ถูกปัดทิ้งไปก่อนหน้าก็กลับมาอีกครั้ง

     

    อี้ชิงหายใจแรงขึ้นจนกลายเป็นหอบ สำลักอากาศเหมือนคนกำลังจมน้ำ ทั้งที่ลืมตาแต่ภาพตรงหน้ากลับพร่าเลือนจนมองไม่เห็นร่างสูงที่คอยยึด เหนี่ยวไว้ เมื่อตุ่มไตสีหวานถูกความชื้นล่วงล้ำ ความกลัวก็ผลักดันจนแผ่นหลังบางหยัดขึ้นสุดตัว อี้ชิงร้องเรียกชื่อคนรักด้วยความตกใจ

     

    “ฮึก! ...พี่คริส! ...พี่คริส!

     

    “อี้ชิง!” คริสรีบสอดแขนรับร่างโปร่งบางที่ผวาลุกขึ้นเข้ามากอดไว้ แผ่นหลังเปลือยเปล่าชื้นชุ่มไปด้วยเหงื่อจนร่างสูงใจหาย ยิ่งช่วงไหล่กว้างต้องเปียกชื้นเพราะหยาดน้ำตากับเสียงสะอื้นหนักที่ดังข้าง หูแล้วคริสก็ยิ่งร้อนรน “เป็นอะไรไป! ...อี้ชิงพี่อยู่นี่ บอกพี่สิ!

    “ฮึก... ผมกลัว ...พี่คริส ผมกลัว”

     

    ร่างสูงพรูลมหายใจแล้วกอดร่างโปร่งบางให้ยิ่งแนบอก อารมณ์เร่าร้อนเมื่อครู่หายไปหมดตั้งแต่ที่น้องผวาเข้าหา เขานึกว่าความอ่อนโยนจะช่วยทำให้ร่างเล็กคลายความกลัวที่อยู่ในใจออกไปได้ บ้าง แต่คริสลืมไปว่าอี้ชิงยังไร้เดียงสา บริสุทธิ์และเปราะบางราวแก้วใสที่มีแต่จะต้องถนอม อารมณ์หวามไหวเพราะความต้องการอาจเร่งเร้าให้อี้ชิงยิ่งสับสน เขาเองที่เป็นคนผลักดันให้อี้ชิงยิ่งหวาดกลัวมากถึงเพียงนี้

     

    คริสหลับตาลงช้าๆ ลูบปลอบแผ่นหลังบางแล้วกระซิบถ้อยคำซ้ำๆ ให้ร่างเล็กได้รับรู้ว่าเขายังอยู่ตรงนี้ใกล้ๆ ไม่ได้ห่าง เสียงสะอื้นถึงค่อยจางลง คริสประคองไหล่บางให้ถอยออกแล้วหยิบเสื้อขึ้นมาสวมให้ เกลี่ยปลายนิ้วเช็ดคราบน้ำตาให้อย่างทะนุถนอม ดวงตาสวยที่วาววามด้วยน้ำตายังจ้องมองเขาไม่ละไปไหน คริสทำได้เพียงยิ้มบางๆ แล้วลูบผมคนตรงหน้า ก่อนที่ร่างเล็กจะเป็นฝ่ายโผเข้ากอดเขาไว้จนแน่น

    “ผมขอโทษ... ฮึก.. พี่คริส ผมขอโทษ...”

    “ไม่เป็นไรนะคนเก่ง ...ไม่ต้องร้องไห้”

    “พี่คริส... ฮึก.. อย่าโกรธผมนะ...”

    “พี่จะโกรธนายได้ยังไงกัน” มือใหญ่จับปลายคางมนให้ดวงหน้าหวานเงยขึ้นสบตา “นายยังไม่พร้อม พี่ผิดเองที่วู่วาม อย่าร้องเลยนะ”

     

    อี้ชิงหลับตายามที่ริมฝีอุ่นประทับจูบแผ่วเบาบนหน้าผาก คริ สยิ้มปลอบแล้วกอดเขาไว้ในอ้อมแขน อี้ชิงแนบใบหน้าลงกับอกกว้าง ฟังเสียงทุ้มของหัวใจที่เต้นหนักหน่วงแล้วผ่อนลมหายใจช้าๆ ความสับสนมากมายถูกปัดเป่าเพียงแค่พี่คริสกอดเขาเอาไว้นิ่งๆ แบบนี้ เสียงสะอื้นค่อยๆ จางหายพร้อมกับจังหวะลมหายใจที่เป็นปกติ

     

    อี้ชิงเผลอหลับไปในอ้อมแขนที่แสนอบอุ่นของคนรัก

     

     

     

     

    นานกว่าชั่วโมงร่างเล็กถึงขยับตัวอีกครั้ง เปลือกตาบางกระพริบช้าๆ ก่อนจะเปิดทางให้ดวงตาคู่สวย ผนังกว้างของห้องนั่งเล่นคือสิ่งแรกที่อี้ชิงเห็น

     

    อาการปวดหัวอ่อนๆ เตือนให้คนตัวขาวนึกอายกับเหตุการณ์ก่อนหน้า พี่คริสอ่อนโยนขนาดนั้นแต่จู่ๆ เขาก็ร้องไห้ขึ้นมา ฟูมฟายจนพอใจแล้วก็มาเผลอหลับ ทำตัวเป็นเด็กขี้แย ป่านนี้พี่คริสคงเบื่อแล้วก็เลยทิ้งเขาไว้คนเดียวในห้อง พอคิดอย่างนั้นน้ำตาก็เอ่อคลอขึ้นมาอีก

     

    แต่พอขยับตัวจะลุกขึ้นอี้ชิงถึงได้รู้ว่ามีมือใหญ่วางอยู่บนผม พอเงยหน้าขึ้นก็เห็นเจ้าของมือกำลังหลับสนิทอยู่บนโซฟาตัวเดียวกัน และเป็นเจ้าของตักกว้างที่เขากำลังหนุนอยู่ด้วย

     

    อี้ชิงค่อยๆ ดันตัวเองให้ลุกขึ้นเพราะไม่อยากรบกวนคนหลับ มองสีหน้าอ่อนล้าของคนรักแล้วก็อดจะรู้สึกผิดไม่ได้ พี่คริสหลับทั้งที่ยังปลอบเขาไว้ นั่งหลับอยู่แบบนี้คงจะเมื่อยแย่ อี้ชิงยังมีแก่ใจมาคิดว่าพี่จะทิ้ง

     

    “...ขอโทษนะครับ”

     

    ยืดตัวขึ้นแตะจูบไถ่โทษที่แนวคางคนรักแล้วอี้ชิงก็เอนตัวลงซบกับต้นแขนใหญ่ ทั้งที่ไม่มีใครเห็นแต่แก้มขาวก็อดจะร้อนผ่าวด้วยความอายไม่ได้ ชักจะเก่งกล้าขึ้นทุกวันแล้วนะจางอี้ชิง

     

    “คิดจะลักหลับพี่รึไง?” ได้ยินเสียงคนที่ตัวเองคิดว่ายังหลับร่างขาวก็สะดุ้ง พอขยับจะถอยออกก็ติดแขนยาวที่ยกขึ้นโอบไหล่แล้วดึงตัวเขาให้อิงซบลงไปกับอก

     

    “อยู่อย่างนี้ซักพักเถอะ” คริสบอกทั้งที่ยังไม่ลืมตา ศีรษะได้รูปเอนไปกับพนักโซฟาเหมือนยังไม่อยากตื่น อี้ชิงเงยหน้าขึ้นมองแนวคางคนรักเงียบๆ แล้วก็แนบแก้มลงกับอกกว้างตามคำขอ เสียงทุ้มของจังหวะหัวใจที่เต้นอย่างสม่ำเสมอทำให้หัวใจดวงน้อยที่ปั่นป่วน รู้สึกสงบลง อี้ชิงหลับตาลงช้าๆ เรียวปากอิ่มแย้มยิ้มน้อยๆ อย่างน่ารัก ...ถ้าได้อยู่กับพี่คริสอย่างนี้ทุกวันก็คงดี

     

     

    นานหลายนาทีกว่าที่ร่างขาวจะขยับยุกยิกอีกครั้ง ขาสองข้างที่ซ้อนทับกันไว้บนโซฟาเริ่มชาหนึบ คนน่ารักเคลียแก้มกับอกกว้างเบาๆ แทนการสะกิด ก่อนจะเงยหน้าขึ้นถามแนวคางได้รูปที่เริ่มครึ้มเพราะไรหนวด

    “พี่คริสหิวรึยังครับ? ผมทำอะไรให้ทาน”

    ได้ยินเสียงสูดลมหายใจแล้วปล่อยออกหนักๆ ก่อนจมูกโด่งจะจมหายเข้าไปในกลุ่มผมสีน้ำตาลเข้ม คริสถึงลืมตาขึ้นช้าๆ เลื่อนมือที่โอบไหล่ขึ้นเกลี่ยข้อนิ้วกับพวงแก้มนุ่มเบาๆ

    “ทำอะไรง่ายๆ ก็พอนะ พี่ไม่อยากให้เราเหนื่อย”

    อี้ชิงยิ้มรับ แตะปลายนิ้วกับข้างแก้มคนรักเบาๆ

    “พี่คริสไปล้างหน้าล้างตานะครับ จะได้สดชื่น”

     

     

     

    หายเข้าไปในห้องนอนเพียงครู่เดียว คริสก็กลับออกมาพร้อมใบหน้าที่ยังหล่อเหลาเหมือนเดิม แต่ดูสดชื่นต่างจากตอนที่เพิ่งตื่นนอนนิดหน่อย ร่างสูงยืนกอดอกพิงกรอบประตูห้องครัว มองร่างโปร่งบางที่ง่วนอยู่กับอาหารมื้อเย็นแล้วทำจมูกฟุดฟิด

    “ทำอะไร หอมน่าทานเชียว”

    จัดเส้นสปาเก็ตตี้ที่ลวกแล้วใส่จานเสร็จก็ราดด้วยซอสสำเร็จรูปที่เอามาปรุงรส เพิ่มอีกนิดหน่อย อาหารง่ายๆ ของอี้ชิงก็เสร็จลงในเวลาอันรวดเร็ว คนเก่งหันมายิ้มหวานให้แฟน

    “เสร็จพอดีเลยครับ สปาเก็ตตี้ไก่สับในซอสมะเขือเทศ”

    “มา พี่ช่วย” ส่วน ที่เหลือก็แค่ยกออกไปที่ห้องนั่งเล่น จริงๆ แล้วหน้าห้องครัวก็มีโต๊ะอาหาร แต่คริสชอบทานในห้องนั่งเล่นมากกว่า เพราะโซฟายาวในห้องนั้นบังคับให้คนตัวเล็กต้องมานั่งข้างๆ กัน คริสชอบเวลาที่ทานอาหารแล้วมีอี้ชิงอยู่ข้างๆ จะได้อ้อนง่ายๆ หน่อย

     

    “อร่อยมั้ยครับ?” พอม้วนเส้นสปาเก็ตตี้เข้าปากไปคำแรก อี้ชิงก็ถามอย่างลุ้นๆ คริสปรายตามองพ่อครัวที่น่ารักที่สุดในโลกแล้วก็แสร้งทำหน้าบอกไม่ถูก

    “อืม... ไม่อ่ะ มันจืดๆ”

    “จืดเหรอครับ?” อี้ชิงรีบหยิบช้อนขึ้นมาแตะน้ำซอสในจานตัวเอง ชิมด้วยปลายลิ้นก่อนจะโคลงหัว “...ก็ไม่นี่”

    “ไม่รู้สิ พี่ว่าจานนี้มันจืดๆ ยังไงไม่รู้”

    ทำมาพร้อมกัน รสชาติจะต่างกันได้ยังไง ถึงจะสงสัยอย่างนั้นแต่อี้ชิงก็ยังตักซอสในจานของคริสมาชิมบ้าง

    “รสชาติก็เหมือนกันนี่ครับ”

    “จริงเหรอ?”

    “พี่คริสลองทานจานนี้ดูก็ได้”

    ร่างสูงลอบยิ้มเมื่อกระต่ายตัวน้อยเดินเข้ากัปดักที่เขาวางไว้อย่างละม่อม พออี้ชิงม้วนเส้นสปาเก็ตตี้ขึ้นมาแล้วส่งส้อมให้ คริสก็จับมือขาวนิ่มไว้แล้วส่งปลายส้อมเข้าปากตัวเอง ตาคมหวานเยิ้มเป็นน้ำเชื่อมตอนที่มองหน้าคนป้อนไปด้วย

    “จานนี้หวานกว่าตั้งเยอะ”

    “พี่คริสอ่ะ” ยังมีหน้ามายิ้มเจ้าเล่ห์ อี้ชิงเลยเหวี่ยงค้อนเข้าให้เบาๆ

     

    แต่คนตัวโตไม่รู้จักสำนึก อาหารเย็นของตัวเองอยู่ตรงหน้าแท้ๆ คริสกลับหันทั้งตัวเข้าหาคนตัวเล็กกว่า ยื่นหน้ายื่นตายิ้มอ้อนจนน่าหมั่นไส้

    “ป้อนหน่อยสิ”

    “ไหนว่าไม่อยากให้ผมเหนื่อย”

    “แค่ป้อนพี่ไม่เหนื่อยหรอก เดี๋ยวพี่ป้อนนายบ้างก็ได้” คริสกุลีกุจอม้วนเส้นสปาเก็ตตี้จะป้อนให้ พออี้ชิงจะทานเองก็ไม่ยอม ตื๊อจนน้องต้องตามใจ แต่ป้อนดีๆ ก็ไม่ได้ คนตัวโตยังแกล้งให้มุมปากเล็กต้องเลอะซอส พออี้ชิงบ่นเขาก็หัวเราะ

     

    “พี่เช็ดให้เอามั้ย?” แววตาเจ้าเล่ห์กับหน้าหล่อๆ ที่ยื่นมาใกล้ ถึงจะใสซื่อแค่ไหนอี้ชิงก็รู้ว่าไม่ได้จะใช้มือหรือทิชชู่เช็ดให้แน่ๆ แต่คนขี้โกงยื่นหน้าเข้ามาจนแทบติด คนตัวเล็กถึงต้องรีบยกหลังมือขึ้นปิดปากตัวเองไว้

     

    ตาคู่สวยหรี่มองเขาอย่างไม่ไว้ใจ แต่คริสกลับยิ้มเอ็นดู อยู่ด้วยกันมากๆ อี้ชิงก็เริ่มจะตามเขาทัน แต่อดีตเพลย์บอยอย่างคริสมีหรือจะหมดมุกง่ายๆ

     

    คริสดึงมือขาวที่บดบังใบหน้าหวานออก คราบซอสที่มุมปากน่ารักไม่มีแล้ว สีแดงเข้มย้ายไปอยู่บนหลังมือนิ่มแทน ร่างสูงยิ้มพราวตอนที่จรดริมฝีปากลงบนมือคนรัก จุมพิตเบาๆ แล้วไล้ปลายลิ้นเกี่ยวเก็บรอยตำหนิบนมือขาวให้ ทำเอาเจ้าของมือถึงกับร้อนผ่าวไปทั้งหน้า สบสายตาเจ้าชู้ได้ไม่นานอี้ชิงก็ต้องก้มหลบ แก้มขาวที่ขึ้นสีนั้นน่ารักเสียจนคริสอยากจะฝังจมูกให้ชื่นใจซักฟอด แต่ก็ต้องห้ามใจตัวเองไว้

     

     

     

    กว่ามื้อเย็นแสนหวานจะผ่านไปก็เล่นเอาอี้ชิงต้องรับมือกับลูกอ้อนคนตัวโตเสียจน เหนื่อย มองนาฬิกาก็เห็นว่าเย็นมากแล้ว เขาควรจะกลับบ้าน ถึงจะถูกตื๊อให้อยู่ต่อเท่าไหร่แต่เด็กดีก็ไม่ควรกลับบ้านค่ำมืดนัก

    “งั้นเดี๋ยวพี่ไปส่ง ขออาบน้ำก่อน”

     

    อี้ชิงเก็บจานไปล้างและทำความสะอาดห้องครัวระหว่างที่คนตัวสูงหายเข้าไปในห้อง ตอนที่เสียงกริ่งประตูหน้าดัง คริสก็ยังไม่ออกมา อี้ชิงถึงต้องเดินไปเปิดประตูให้ คนที่เอาของมาส่งในเวลาเย็นย่ำแบบนี้แต่งตัวสุภาพเหมือนพนักงานในห้างหรูๆ เขาถามหาคริสแต่พออี้ชิงบอกว่าอยู่ในห้อง เขาก็เลยให้อี้ชิงลงชื่อรับของไว้แทน

     

    อี้ชิงเอียงคอมองกล่องกำมะหยี่สีน้ำเงินที่เพิ่งรับมาแล้วกระพริบตาปริบ ดูท่าว่าในกล่องจะเป็นของราคาแพง วางทิ้งไว้แถวนี้คงไม่ดี ถ้ายังไงบอกพี่คริสไว้ก่อนดีกว่า

     

    “พี่คริสครับ มีคนเอาของมาส่ง” คนตัวขาวยืนอยู่เพียงหน้าห้อง ไม่ กล้าเคาะประตูด้วยซ้ำ เขาไม่เคยเข้าไปในห้องนอนพี่คริส ไม่ใช่ว่าเจ้าของห้องห้าม แต่อี้ชิงคิดเอาเองว่ามันไม่สมควร (ยิ่งในฐานะแฟนยิ่งไม่สมควรใหญ่)

    “เข้ามาเถอะ พี่ไม่ได้ล็อคประตู”

    แต่คราวนี้ดูท่าว่าจะต้องละเมิดกฎตัวเองบ้าง อี้ชิงมองกล่องมีค่าในมือแล้วก็เปิดประตูเข้าไป เยี่ยมหน้าเข้าไปส่อง พอได้ยินเสียงน้ำไหลเบาๆ ก็รู้ว่าคริสยังอยู่ในห้องน้ำ คนตัวเล็กถอนหายใจก่อนจะก้าวเข้าไปในห้อง

     

    สายตาใคร่รู้กวาดมองไปรอบๆ ห้องนอนของคริสมีของตกแต่งน้อยชิ้น แต่เป็นโทนสีที่เข้ากับสีครีมของผนังทำให้ห้องดูสว่าง ที่กลางห้องมีเตียงขนาดห้าฟุตปูด้วยผ้าปูสีขาวสะอาดกับหมอนและผ้านวมเข้าชุด สีน้ำตาลเข้ม ทุกอย่างดูเรียบง่ายแต่บ่งบอกถึงรสนิยมเจ้าของห้อง คริสไม่ใช่คนติดหรูเลย ออกจะเป็นคนอบอุ่นเสียด้วยซ้ำ

     

    อบอุ่น... นึกถึงอ้อมแขนที่ชอบรวบกอดแล้วดึงตัวเขาไปซุกไว้กับอก แก้มขาวก็ร้อนผ่าวจนอี้ชิงต้องยกมือขึ้นตีแก้มตัวเองเบาๆ ไม่ใช่เวลาจะมานึกถึงเรื่องแบบนั้นเสียหน่อย

     

     

    หันซ้ายหันขวาก่อนจะเดินไปทางโต๊ะเขียนหนังสือที่อยู่ริมหน้าต่าง

    “ผมวางไว้บนโต๊ะนะครับ”

    ค่อยๆ วางกล่องกำมะหยี่ลงบนโต๊ะแล้วอี้ชิงก็ถอยออกมา แต่สายตาที่วาดมองไปเรื่อยเปื่อยกลับสะดุดเข้ากับชั้นหนังสือที่ตั้งอยู่ ข้างโต๊ะ หนังสือเล่มหนาๆ เรียงตัวอย่างเป็นระเบียบอยู่เกือบเต็มความยาวของชั้น อี้ชิงเอียงคอมองตัวหนังสือที่อยู่บนสันปกแต่ละเล่มแล้วก็ขมวดคิ้ว ...ภาษาอังกฤษทั้งนั้น

     

    มีเพียงเล่มเดียวที่วางซ้อนอยู่เหนือเล่มอื่น อาจเป็นเพราะเจ้าของห้องชอบหยิบมันมาอ่านบ่อยๆ มันถึงไปอยู่ตรงนั้นแทนที่จะเรียงอยู่เหมือนเล่มอื่นๆ บางทีอี้ชิงก็อยากรู้เรื่องของพี่คริสบ้าง อย่างเช่นว่าคนตัวสูงชอบอ่านหนังสืออะไร แอบมองบานประตูห้องน้ำที่ยังปิดสนิทแล้วมือเล็กก็ค่อยหยิบหนังสือเล่มนั้น ขึ้นมาพลิกดู ดูเหมือนจะเป็นหนังสือปรัชญาที่เข้าใจยาก บางมุมของพี่คริสก็ดูจริงจังอยู่เหมือนกัน อี้ชิงยิ้มกับหน้าหนังสือที่เปิดพลิกไปเรื่อยเปื่อย จนกระทั่งกระดาษแผ่นหนึ่งร่วงจากหนังสือลงพื้น เขารีบเก็บมันขึ้นมา แต่พอเห็นชัดๆ ว่าคืออะไร ตาคู่สวยก็จ้องค้างอยู่อย่างนั้น

     

    กระดาษแผ่นเล็กนั่นคือที่คั่นหนังสือที่มีรูปวาดด้วยดินสอสี รูปขนมเค้กสีหวานที่อี้ชิงเป็นคนวาดตอนที่นั่งอยู่ในร้านเค้กร้านโปรด ร่างสูงเลือกหยิบมันไปตอนที่เจอกันวันแรก

     

    “เห็นว่าเอาไปทำบุญ แมสคอตน่ารักฉันเลยอยากช่วย”

     

    ตอนนั้นอี้ชิงยังไม่รู้ว่ารุ่นพี่ใจดีคนนั้นเป็นเพลย์บอยตัวเอ้ ที่คั่นหนังสือทำมือก๊อกแก๊กแบบนี้มันไม่ได้มีค่าอะไร คิดว่าพี่คริสคงวางทิ้งไว้ที่ไหนจนลืมไปแล้วด้วยซ้ำ ไม่คิดว่าจะเก็บเอาไว้อย่างดีแบบนี้

     

    “แอบสำรวจห้องคนอื่นเหรอ?” เสียง ทุ้มมาพร้อมกับสองแขนที่สอดเข้ากอดเอวเล็กไว้ คริสที่เพิ่งอาบน้ำเสร็จยังอยู่ในชุดคลุมตัวหนา กลิ่นสะอาดของสบู่กับหยดน้ำที่เกาะพราวตามเส้นผมและผิวกายทำให้ร่างสูงยิ่งมีสเน่ห์ อี้ชิงหันเพียงใบหน้ามามองคนที่กอดซ้อนหลัง

    “พี่คริสยังเก็บไว้อีกเหรอครับ?”

    “ของที่เกี่ยวกับนาย พี่ไม่เคยทิ้ง” คริสจับมือเล็กให้พลิกดูด้านหลังของที่คั่นหนังสือ มีวันที่ที่เขียนด้วยลายมือหวัดๆ เอาไว้ “นี่วันแรกที่เราเจอกัน ยังมีอีกนะ”

     

    คริสยอมสละแขนที่กอดเอวบางเพียงข้างเดียวเพื่อเอื้อมไปหยิบอัลบั้มรูปที่อยู่บน โต๊ะ ในนั้นมีรูปที่เขาถ่ายไว้ตั้งแต่ตอนเด็กๆ แล้วก็รูปที่ถ่ายกับครอบครัว คริสบอกว่าเขาจะเก็บเฉพาะรูปที่สำคัญๆ ไว้ในอัลบั้มนี้เท่านั้น จึงมีรูปถ่ายไม่มาก คริสพลิกไปที่หน้าสุดท้ายของอัลบั้ม กระดาษโน้ตที่มีลายมือคุ้นตาทำให้หัวใจดวงน้อยๆ ยิ่งเต้นแรง

     

    ขนมเค้กสำหรับคุณคนใจดี แทนเงินทอนค่าที่คั่นหนังสือเมื่อวานนี้ครับ

     

    ที่ด้านหลังมีวันที่เขียนไว้เช่นกัน

    “นี่ของขวัญจากแฟนชิ้นแรก วันนั้นพี่กินเค้กคนเดียวจนพุงกางเลยนะ พอเช้ามาเพื่อนด่ากันระงม หาว่ากินไม่แบ่ง ฮะๆๆๆ”

    “พี่คริส...”

    ร่างสูงยิ้มให้กับแววตาหวานเชื่อมของคนรัก ก่อนจะแนบจูบที่ข้างขมับขาว

    “เพราะนายคือคนสำคัญ ของทุกชิ้นที่เกี่ยวกับถึงนายเป็นของสำคัญ ตั้งแต่วันแรกที่เราเจอกัน ...ทุกช่วงเวลาที่มีนาย สำคัญสำหรับพี่เสมอ”

     

    คริสวางคางกับลาดไหล่เล็กแล้วหมุนร่างโปร่งบางให้หันไปทางโต๊ะเขียนหนังสือที่มีกล่องกำมะหยี่สีน้ำเงินวางอยู่

    “อยากรู้มั้ย ในกล่องนั่นมีอะไร”

    คนในอ้อมแขนกระพริบตาปริบ เขารู้แต่ว่าน่าจะเป็นของสำคัญ แต่ไม่กล้าอยากรู้หรอกว่ามันคืออะไร

    “เปิดดูสิ”

    “ผมเปิดได้เหรอครับ?”

    คริสพยักหน้าแล้วยื่นมือไปหยิบกล่องนั้นมาวางลงบนฝ่ามือเล็ก มองเรียวนิ้วที่ค่อยๆ เปิดฝากล่องขึ้นจนเห็นของข้างในแล้วเขาก็ยิ้ม อี้ชิงหันมามองหน้าเขาด้วยแววตาน่าเอ็นดูจนคริสต้องฝังจมูกกับข้างแก้มขาวที่เปื้อนลักยิ้มด้วยความรัก ก่อนจะหยิบของหนึ่งในสองชิ้นที่อยู่ในกล่องนั้นขึ้นมา

     

    สร้อยคอสีเงินที่มีจี้ห้อยเป็นรูปไม้กางเขน มีเถาวัลย์เส้นเล็กๆ พันเกี่ยวไว้ ถูกคล้องลงบนลำคอขาว แล้วคริสก็แนบจูบแผ่วเบาทาบทับ

     

    “สุขสันต์วันครบรอบสองเดือน”

     

    อี้ชิงเบิกตากว้าง เขาลืมไปเสียสนิทว่าวันนี้เป็นวันสำคัญ อย่าว่าแต่วันนี้เลย เมื่อหนึ่งเดือนก่อนหน้า วันที่ครบรอบเดือนแรก เขาก็จำไม่ได้ด้วยซ้ำ พี่คริสนี่แหละที่ให้ของขวัญชิ้นแรกกับเขา คีย์การ์ดของห้องนี้ที่สั่งทำพิเศษ เป็นรูปกระต่ายสีขาวกับชิ้นเค้กที่มีสตอเบอรี่ด้วย เจ้าตัวอวดนักหนาว่ามีแค่คู่เดียวในโลก การ์ดใบนึงของพี่คริส การ์ดอีกใบเป็นของแฟน

     

    พี่คริสจำรายละเอียดทุกๆ อย่างที่เป็นเรื่องของเราได้ เก็บของเล็กๆ น้อยๆ ที่เป็นความทรงจำดีๆ ไว้ อี้ชิงไม่รู้ว่าเพลย์บอยเป็นคนชอบเอาใจใส่แบบนี้เหมือนกันทุกคนรึเปล่า แต่เท่าที่พี่คริสทำให้ อี้ชิงก็คิดว่าเขาได้รับความรักมากมายเกินไปด้วยซ้ำ

     

    “พี่คริส ผม...”

    “สวมให้พี่บ้างสิ” คริสหยิบสร้อยอีกเส้นขึ้นมาแล้ววางลงบนฝ่ามือขาว แทนที่กล่องกำมะหยี่ที่เขาย้ายไปวางไว้บนโต๊ะ รูปแบบของสร้อยเหมือนกัน แต่ตรงจี้เป็นเพียงรูปไม้กางเขนเรียบๆ “นึกว่าจะเสร็จไม่ทันวันนี้ซะแล้ว พี่สั่งให้เขาทำแบบพิเศษ จะได้มีแค่สองเส้นในโลก จริงๆ อยากให้เหมือนกันนะ แต่ของนายมีเถาวัลย์แล้วดูอ่อนหวานกว่า เพราะอี้ชิงของพี่น่ะหวาน”

     

    คริสโน้มคอลงเล็กน้อยตอนที่คนตัวเล็กคล้องสร้อยให้ เรียวนิ้วขาวไล้ไปตามสายสร้อยสีเงินแล้วดวงตาคู่สวยก็แวววาวไปด้วยน้ำใส คริสประคองดวงหน้าหวานไว้ด้วยสองมือ แนบจูบหวานละมุนให้คนรักก่อนที่น้ำตาหยดแรกจะกลิ้งผ่านแก้มขาว

     

    “ขอบคุณนะครับ ...ขอบคุณมาก”

    “พี่ต่างหากที่ต้องขอบคุณ ...ขอบคุณที่อี้ชิงอยู่กับพี่นะ”

     

     

     

     

    อนาคตเป็นสิ่งไม่แน่นอน และอี้ชิงก็ไม่กล้าคาดหวังว่าพี่คริสจะรักเขาตลอดไป

     

    ครั้งหนึ่งที่คนตัวสูงก้าวมายืนตรงหน้า อี้ชิงยังไม่เชื่อว่าเขาจะรักคนๆ นั้นได้ โชคชะตาเล่นตลกให้คนที่ไม่มีความมั่นใจอย่างเขาต้องมาเจอกับคนที่แตกต่างกัน แทบจะทุกอย่าง ...แต่อ้อมกอดจากใครคนนั้นกลับกลายเป็นของขวัญที่ดีที่สุด

     

    อี้ชิงเคยก้าวข้ามความกลัวมาได้แล้วครั้งหนึ่ง และครั้งนี้... เขาอยากให้คริสเป็นคนจูงมือ พาเขาข้ามผ่านความกลัวนั้นไปอีกครั้ง

     

     

     

     

     

    ร่างโปร่งบางดันตัวเองออกจากอ้อมกอดคนรัก ใช้หลังมือปาดน้ำตาแล้วยิ้มน้อยๆ

    “วันนี้พี่คริสไปส่งผมนะครับ แต่คราวหน้าไม่ต้องไปรับไปส่งผมแล้ว”

    สีหน้าของคริสเปลี่ยนไปในทันที จู่ๆ แฟนพูดแบบนี้มันน่าใจหาย

    “โกรธอะไรพี่รึเปล่า?”

    แต่คนตัวเล็กส่ายหน้าจนผมปลิว ยิ้มหวานเปลี่ยนเป็นเอียงอาย แก้มขาวที่แต้มรอยบุ๋มเรื่อสีแดงน่ารัก อี้ชิงหลบตาคนมองตอนที่บอกเสียงเบา

    “ก็อีกหน่อย... เราก็ออกจากบ้านพร้อมกัน ...แล้วก็กลับบ้านด้วยกัน”

    ปกติคริสเป็นคนฉลาดนะ แต่พอได้ยินที่น้องพูดแล้วก็ต้องทวนประโยคเดิมซ้ำๆ อยู่ในหัว กว่าจะแน่ใจว่าไม่ได้กำลังคิดเข้าข้างตัวเอง

    “หมายความว่า... อี้ชิงยอมย้ายมาอยู่กับพี่แล้วใช่มั้ย?” ถามย้ำอย่างตื่นเต้น พอน้องพยักหน้าน้อยๆ คริสก็แทบกระโดด “จริงๆ นะ? เยส! พี่ดีใจที่สุด!

    “แต่ ว่า...” ใบหน้าหวานยังดูไม่ค่อยสบายใจเท่าไหร่ ริมฝีปากอิ่มเม้มเข้าหากัน อี้ชิงมองหน้าเขาแล้วก็หลบสายตา ร่างสูงต้องประคองดวงหน้าหวานให้เงยขึ้นเพื่อสบนัยน์ตาคู่สวยให้ถนัด

    “พี่ รู้...” คริสรู้ว่าน้องลำบากใจเรื่องอะไร น้องยังไม่พร้อม หลังจากนี้เขาเองอาจจะยิ่งทรมานเพราะได้อยู่ใกล้คนที่รักทุกวันแต่ทำอะไรไม่ ได้

     

    แต่ช่างเถอะ ขอแค่ได้เห็นหน้าอี้ชิงทุกวัน ให้อดอยากจนขาดใจตายคริสก็ยอม!

     

    “ไม่เป็นไรนะ พี่รอได้ จะอีกกี่เดือนกี่ปี พี่ก็รอได้”

    คนตัวเล็กถึงยิ้มออก โผเข้าหาอกอุ่นๆ ให้คนรักได้กอดเอาไว้แน่นๆ

     

    “พี่รักเรามากนะ”

    ถึงไม่บอกก็รู้ เสียงหัวใจพี่คริสมันรัวกระหน่ำจนอี้ชิงที่ซบอยู่กับอกยังได้ยินขนาดนี้ คนตัวขาวที่ตอนนี้หน้าแดงจัดยิ่งไม่ยอมเงยหน้า บอกกลับได้แค่เสียงเบาๆ อยากได้ยินก็ตั้งใจฟังเอาหน่อยละกัน

     

    “ผมก็... รักพี่คริสมากที่สุดเหมือนกัน”

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     




     




    จบนะ ^^

     

     

     

     

     

     

     

     

    2nd Admin: ว่ากันไปตามเสียงโหวตเนาะ ^^

    เหนื่อยนะ เอาจริงๆ  บทหวานๆ นี่เหนื่อยมาก (แต่เอ็นซีเหนื่อยกว่า ฮะๆๆ)

    ตอน สองนี่เป็นอะไรที่ไม่ได้พล็อตไว้แต่แรกนะคะ บอกตามตรง ที่ตั้งใจคือจัดเอ็นซีไว้เล็กๆ น้อยๆ แต่ผู้มีอิทธิพลบอกว่าเนื้อเรื่องมันหวานๆ น่ารักๆ ใส่เอ็นซีแล้วดูไม่เหมาะสม (เสียงโหวตส่วนใหญ่ก็ว่าอย่างนั้น) ก็เลยจัดตอนจบแบบนี้มาให้ ^^

     

    ชอบไม่ชอบก็บอกกันบ้างน้า~ ถ้าฟีดแบคดีจะได้เขียนแนวหวานๆ แบบนี้ออกมาให้อ่านกันอีก

     

    ส่วนคนที่เลือกอีกข้อไว้ อยากให้พี่คริสกินน้องแบบเนียนๆ ก็ไม่ต้องเสียใจไปนะคะ อาจจะมีข่าวดีเร็วๆ นี้ (ถ้าผ่านเซ็นเซอร์แล้วอ่ะนะ)   

     

    ขอบคุณสำหรับการติดตามนะคะ ^^


     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×