ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [KrisLay] มายชิง ~☆❤

    ลำดับตอนที่ #4 : มายชิง ตอน 04 ::: โรงเรียนของคริส

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 998
      10
      8 ธ.ค. 56


    [Fic] มายชิง

    ตอนที่ 4: โรงเรียนของคริส

    Fiction by 2nd Admin

     

     

    .

     

    .

     

    .

     

     

    “คริสสส! สายแล้ว สายแล้ววว!

    “แอ๊บอึง อะเอ็ดแอ๊ว”

    ขณะที่เจ้าตัวเล็กกระโดดเร่งเหยงๆ อยู่บนโต๊ะหัวเตียง คริสก็กำลังวุ่นวายกับการยัดชายเสื้อเชิ้ตเข้าไปในกางเกงนักเรียน คาดเข็มขัดทับเรียบร้อยก็ทิ้งตัวลงนั่ง ดึงถุงเท้าที่ใช้ปากคาบไว้มาใส่ทีละข้างอย่างรีบร้อน ทั้งหมดนี้ใช้เวลาไม่ถึงสามนาที แต่เสียงเล็กๆ ก็ยังคอยเร่งอยู่ตลอดจนเด็กหนุ่มลนลาน

    “เสร็จยางงงงง?”

    “เสร็จแล้วนี่ไง” คริสลุกขึ้นยืนอีกครั้ง ก้าวยาวๆ เพียงก้าวเดียวก็ดึงประตูตู้เย็นให้เปิดได้ คว้ากล่องนมขึ้นมาเปิดฝาแล้วยกขึ้นดื่มเข้าไปหลายอึกใหญ่ ก่อนจะปิดตู้เย็นแล้วหันมาทางหัวเตียง คว้าเจ้าตัวจ้อยที่ยื่นสองแขนออกมารอพร้อมซอยเท้ายิกๆ ขึ้นมาใส่กระเป๋าเสื้อ “เกาะแน่นๆ นะ ฉันต้องวิ่ง”

    “ซิ่งเลยยยยย!

     

                    คริสออกวิ่งตั้งแต่หน้าประตูห้องลงบันไดหอพักมา แล้วยังวิ่งเรื่อยๆ ไปจนถึงสถานีรถไฟใต้ดิน ปกติโรงเรียนเข้าแปดโมงเช้า คริสตื่นหกโมงครึ่ง อาบน้ำแต่งตัวแล้วออกจากบ้านตอนเจ็ดโมง เดินทางไปโรงเรียนแบบไม่รีบร้อนก็ใช้เวลาประมาณสี่สิบห้านาที ยังไงก็ทันอยู่แล้ว วันนี้คริสตื่นเร็วกว่าปกติถึงสิบห้านาทีด้วยซ้ำ แต่ที่ต้องรีบร้อนมากกว่าทุกวันก็เพราะอาจารย์นัดให้ส่งรายงานตอนเจ็ดโมงครึ่ง ถ้าช้ากว่านั้นจะโดนหักคะแนนครึ่งนึง คริสไม่ใช่เด็กเรียนดีอะไร คะแนนเก็บแค่ครึ่งคะแนนก็มีผลกับเกรดปลายภาคของเขาแล้ว

     

    ถึงหน้าโรงเรียนคริสก็มองนาฬิกาข้อมืออีกครั้ง เจ็ดโมงสิบแปดนาที เขายังพอมีเวลา แต่ถ้าวิ่งตัดสนามฟุตบอลไปจนถึงตึกเรียนทางปีกซ้ายก็จะเร็วกว่า

    “ยังไหวมั้ยชิง?” ถามทั้งที่ตัวเองก็หอบ เจ้าตัวเล็กค่อยๆ โผล่หัวออกมาจากกระเป๋าแล้วโคลงหัวด๊อกแด๊ก

    “งือออ เวียนหัวชะมัด แต่ยังไหว” เพราะกลิ้งขลุกๆ อยู่แต่ในกระเป๋า ไม่ได้โผล่ออกมาสูดอากาศข้างนอกเลย เจ้าตัวเล็กก็เลยมีบ่นบ้าง

    “ทนอีกนิดนะ เดี๋ยวก็ถึงแล้ว” คริสกระชับสายสะพายกระเป๋า เอามืออีกข้างกุมกระเป๋าเสื้อไว้เพื่อลดแรงกระแทกให้เจ้าตัวนิ่มอย่างที่ทำมาตลอดทาง ก่อนจะออกวิ่งอีกครั้ง

     

    วิ่งตัดสนามหญ้ามาจนถึงตึกเรียนใช้เวลาไม่ถึงห้านาที คริสไม่เสียเวลายืนหอบ รีบวิ่งขึ้นบันไดตรงไปยังชั้นสองซึ่งเป็นชั้นของห้องพักอาจารย์ทันที เขาไม่ทันมองว่ามีเด็กนักเรียนกลุ่มหนึ่งยืนคุยกันอยู่ตรงทางขึ้นลงบันได เขารีบเกินกว่าจะสนใจว่ามีเสียงซุบซิบและเสียงหัวเราะ และขายาวๆ ที่ยื่นออกมาตอนที่เขากำลังจะถึงบันไดขั้นสุดท้าย

     

     

    ปึ้ก!

     

     

    “เฮ้ย!

     

     

    พลั่ก!

     

     

    เพราะไม่ทันระวัง ทันทีที่ขาสะดุดเข้ากับสิ่งกีดขวาง ร่างสูงโปร่งก็ถลาล้มลงไปกับพื้นเสียงดังตึง สำนึกในเสี้ยววินาทีนั้นยังสั่งให้มือกุมอกเสื้อไว้มั่น ลำตัวจึงกระแทกเข้ากับพื้นอย่างจัง แว่นตาหลุดกระเด็นไปไกล

     

    “ฮ่าๆๆ แถวนี้มีกบให้จับด้วยรึไง อี้ฟาน”

     

    ตลกตายล่ะ! คริสหันควับไปมองคนที่กำลังเอามือปัดขากางเกงตัวเองด้วยท่าทางยียวน มีเสียงหัวเราะจากกองหนุนอีกสองสามคนที่ยืนอยู่ด้วยกัน เด็กหนุ่มยันตัวเองให้ลุกขึ้นยืนแล้วจ้องหน้าคนกลุ่มนั้น

    “นายขัดขาฉัน”

    “อุบัติเหตุต่างหาก นายตาไม่ดีเอง เรายืนอยู่ตรงนี้กันตั้งหลายคน” อีกสองคนในกลุ่มนั้นพยักหน้าเข้าข้าง ทุกคนที่ยืนตรงนั้นล้วนเป็นเพื่อนร่วมห้องของคริส แต่ไม่มีใครอยู่ข้างเขาซักคน

     

    คริสไม่ชอบคนพวกนี้เลย ไม่อยากนับเป็นเพื่อนด้วยซ้ำ เหมือนกับที่ไม่เคยมีใครคิดว่าเขาเป็นเพื่อน ตั้งแต่ย้ายมาอยู่เกาหลี เส้นผมกับดวงตาสีอ่อนทำให้เขาแปลกแยกจากเด็กคนอื่นๆ สำเนียงพูดแปร่งหูทำให้ได้ยินเพียงเสียงหัวเราะที่ตอบกลับทุกครั้งที่พยายามจะสื่อสารกับใคร คริสกลายเป็นเด็กนิ่งเงียบ ไม่พูดไม่จา ไม่หัวเราะกับใคร และเมื่อโตขึ้นในวัยมัธยม บุคลิกเหล่านั้นก็ทำให้เขากลายเป็นตัวประหลาดในสายตาใครๆ ไม่มีใครอยากยุ่งกับเขา คนที่เข้ามายุ่งด้วยก็เหมือนแบบกลุ่มนี้ คอยหาเรื่องกลั้นแกล้งเขาต่างๆ นานา คริสไม่อยากตอบโต้ ไม่ใช่เพราะกลัว แต่มันไม่มีประโยชน์อะไร ไม่ว่าชนะหรือแพ้ คนพวกนี้ก็ไม่เห็นเขาเป็นพวกเดียวกันอยู่ดี

     

    “มองอะไร? หรือจะเอา?” คนที่มีใบหน้าเหมือนกันกับคนที่เอาขาขัดเขาอย่างจงใจเมื่อครู่ปรี่เข้ามากระชากคอเสื้อเขาด้วยท่าทางหาเรื่อง คริสไม่ได้มีท่าทีหวาดกลัวเลย มือข้างที่ไม่ได้กุมกระเป๋าเสื้อนั้นกำแน่น เขาไม่ยอมให้ใครมาทำร้ายเอาฝ่ายเดียวแน่ๆ!

     

    แต่ก่อนที่เหตุการณ์จะรุนแรงไปมากกว่านั้น เสียงหนึ่งก็ดังแทรกขึ้น

    “นี่หน้าห้องพักอาจารย์นะ เสี่ยวหลง

    หนึ่งในสองแฝดผู้โด่งดังของโรงเรียนนานาชาติแห่งเดียวในแถบนี้ค่อยปล่อยมือจากคอเสื้อคริส ยักไหล่แล้วแค่นยิ้มให้เด็กหนุ่มที่เข้ามาทีหลัง

    “ฉันก็ไม่ได้ทำอะไรนี่”

    “นายถอยออกมาห่างๆ อี้ฟานเค้าหน่อยดีกว่า” แฝดคนน้องก้าวถอยหลังไปเพียงหนึ่งก้าว แสร้งค้อมศีรษะรับคำด้วยท่าทางนอบน้อม

    “ได้อยู่แล้ว ท่านประธานนักเรียน”

     

    เด็กหนุ่มผู้มีผิวกายขาวสะอาด รูปร่างสมส่วน ใบหน้าหล่อเหลาดูสุภาพทว่าเข้มงวดจริงจังคนนี้ ควบตำแหน่งหัวหน้าห้องและประธานนักเรียนชั้นปีสาม เขามองหน้าทั้งสองฝ่ายซึ่งล้วนแต่เป็นเพื่อนร่วมห้อง ก่อนจะเอ่ยเสียงเข้มขัดกับนัยน์ตาที่อ่อนโยน

    “ดูแลน้องนายด้วยต้าหลง อย่าให้ฉันเห็นพวกนายเข้าใกล้เค้าเหมือนจะหาเรื่องอีก”

    แฝดคนพี่หัวเราะหึ เอ่ยทิ้งท้ายก่อนจะกอดคอน้องชายเดินนำเพื่อนอีกสองคนลงบันไดไป

     

    “นายเองก็ดูแลแฟนให้ดีๆ ก็แล้วกัน คิมจุนมยอน

     

     

    หัวหน้าห้องของคริสไม่ต่อคำใด รอจนกลุ่มนั้นเดินลงบันไดหายไปแล้วถึงได้เดินไปเก็บแว่นสายตามาคืนเจ้าของ

    “เป็นอะไรมั้ยอี้ฟาน?”

    คริสเอ่ยคำขอบใจก่อนจะรับแว่นมาปัดฝุ่นแล้วสวมไว้ตามเดิม โชคดีที่เลนส์ไม่แตก มีแค่รอยถลอกเล็กๆ ที่กรอบแว่นเท่านั้น

    “ฉันโอเค”

    “ฉันว่าวันหลังนายน่าจะ...”

    “เฮ้ย! ไม่ทันละ! โทษทีนะจุนมยอน ฉันต้องรีบไปส่งรายงาน”

    หัวหน้าห้องยกมือค้าง พูดไม่ทันจบคริสก็รีบวิ่งไปทางห้องพักอาจารย์ที่อยู่เกือบสุดทางเดินโน่นแล้ว คิมจุนมยอนจึงได้แต่ถอนหายใจพร้อมรอยยิ้มบาง
     

     

     

     


     

    “ทันพอดีนะ”

    “ขอบคุณครับ” คริสค้อมศีรษะให้อาจารย์แล้วเดินออกมาจากห้อง เด็กหนุ่มพรูลมหายใจอย่างโล่งอกก่อนจะนึกขึ้นได้ว่ามีอีกเรื่องที่ยังต้องห่วง คริสรีบตรงไปยังห้องเรียนแล้วนั่งประจำที่ของตน เพิ่งจะเจ็ดโมงครึ่ง นักเรียนคนอื่นๆ ยังวิ่งเล่นกันอยู่ข้างนอก ไม่มีใครอยากเข้าห้องก่อนถึงเวลาเรียนหรอก คริสมองจนแน่ใจแล้วว่าไม่มีคนอื่นอยู่ในห้องด้วยถึงค่อยๆ ล้วงมือเข้าไปกอบเอาร่างนุ่มนิ่มออกมาจากกระเป๋าเสื้อ

     

    “เป็นไรมั้ย? เจ็บตรงไหนรึเปล่า?” ถามพลางมองสำรวจทั่งทั้งร่างเล็กจ้อยที่นั่งโงนเงนอยู่บนฝ่ามือของเขาด้วยความเป็นห่วง เมื่อครู่ตอนหกล้มชิงจะตกใจมั้ย ถูกกระแทกตรงไหนบ้างรึเปล่า

    “งือออ มึนหัวนิดหน่อย” ชิงน้อยดึงหูยาวของตัวเองลงมาปิดสองข้างแก้มก่อนจะเอนตัวลงพิงหัวกับนิ้วโป้งคริสไว้ เท่าที่ดูก็ไม่มีอาการบาดเจ็บที่ตรงไหน แต่ผาดโผนจนหมดแรงแบบนี้คงต้องปล่อยให้อยู่นิ่งๆ ซักพัก คริสลูบนิ้วกับใบหูนิ่มสีชมพูเบาๆ อยากให้เจ้าตัวเล็กรู้สึกสบายขึ้น ตอนนั้นเองที่ชิงน้อยลุกพรวดขึ้นนั่ง มองที่หลังมืออีกข้างของเขาแล้วก็ทำตาโต “คริสมีแผลนี่!

    เด็กหนุ่มเองก็เพิ่งจะรู้สึกแสบๆ พอวางชิงน้อยลงบนโต๊ะแล้วคว่ำมือดูก็พบแผลถลอกที่หลังมือ มีคราบเลือดซิบๆ

    “สงสัยตอนที่หกล้มเมื่อกี้” เพราะคริสมัวแต่ห่วงว่าเจ้าตัวเล็กในกระเป๋าจะโดนลูกหลงถึงได้ไม่ทันระวัง หลังมือคงครูดไปกับพื้นตอนที่ล้มลง

     

    ชิงน้อยรีบคลานเข้ามาใกล้ วางสองมือเล็กแปะลงใกล้ๆ กับรอยแผลนั้นเบาๆ มองแผลแล้วก็มองหน้าเขา ทำตาละห้อย

    “เจ็บมั้ย?”

    เจ็บแน่ๆ ล่ะ แต่ถ้าเขาเจ็บแค่นี้แล้วชิงน้อยปลอดภัย คริสก็ยอม เพราะถ้าชิงน้อยเป็นอะไรไป คริสคงเจ็บมากกว่านี้หลายเท่านัก

    “นิดหน่อยน่ะ เดี๋ยวก็หาย”

    “พวกนั้นนิสัยไม่ได้เลย แกล้งคริส”

    “ช่างเค้าเถอะ ฉันชินแล้วล่ะ”

    “แต่เราโกรธ เราจะเอาคืน!” เจ้าตัวเล็กทำท่าขึงขัง ยกสองแขนขึ้นไพล่กันบนอกหน้าตาจริงจัง แต่คริสกลับหัวเราะ แกล้งจิ้มนิ้วกับพุงนิ่มเบาๆ จนชิงน้อยหน้ามุ่ย

    “ตัวแค่นี้จะไปทำอะไรเค้าได้ หืม?”

     

    เสียงพูดคุยที่หน้าห้องบอกให้รู้ว่ากำลังมีคนเข้ามา คริสรีบกอบเอาเจ้าตัวนิ่มไว้ในอุ้งมือแล้วอุ้มไปซ่อนไว้ในลิ้นชักใต้โต๊ะก่อนที่นักเรียนคนอื่นๆ จะทยอยกันเข้าห้อง

     

    ลิ้นชักใต้โต๊ะเป็นเหมือนสนามเด็กเล่นของชิงน้อยก็ว่าได้ คริสจัดหนังสือและอุปกรณ์การเรียนให้ชิดเอาไว้ฝั่งนึง พื้นที่อีกครึ่งปูผ้าขนหนูรองไว้ให้ชิงกลิ้งเล่น มีตลับเล็กๆ ที่เจ้าตัวเล็กเปิดเองได้ใส่ลูกกวาดไว้เป็นเสบียง แล้วก็มีของเล่นชิ้นเล็กชิ้นน้อยที่เจ้าตัวเลือกมาเก็บไว้เองทั้งนั้น คริสมักจะเปิดเพลงจากมือถือให้เล่นผ่านหูฟัง เอาไว้ให้ชิงฟังแก้เหงา (และกลบเสียงอาจารย์ที่ชิงคงไม่ได้อยากจะฟังด้วย) ทุกๆ วันเจ้าตัวเล็กจะใช้ชีวิตอยู่ในลิ้นชักได้หลายชั่วโมงโดยไม่ซนหรืองอแงรบกวนให้คริสต้องเสียสมาธิในการเรียนเลย

     

    แต่วันนี้ชิงน้อยไม่ยอมอยู่นิ่งๆ เหมือนทุกวัน แอบชะโงกหน้าออกมาดูจนแน่ใจแล้วว่าคริสกำลังตั้งใจเรียน เจ้าตัวเล็กก็แอบหยิบดินสอไม้แท่งสั้นที่เหลาจนแหลมและวางอยู่ข้างกองหนังสือขึ้นมาเสียบไว้ที่หลังเสื้อ ก่อนจะค่อยๆ คลานออกจากลิ้นชักแล้วไต่ลงมาตามขาโต๊ะจนกระทั่งถึงพื้น หลบอยู่หลังขาโต๊ะแป๊บนึงเพราะอาจารย์เดินผ่านมาพอดี ระหว่างนั้นก็เล็งตำแหน่งเป้าหมายไปด้วย ชิงน้อยมาโรงเรียนกับคริสทุกวัน จำได้หมดแหละว่าใครนั่งตรงไหนบ้าง ศัตรูก็อยู่แค่โต๊ะเยื้องไปข้างหลังคริสนี่เอง พออาจารย์เดินพ้นไปแล้วเจ้าตัวเล็กถึงได้ออกมาจากที่ซ่อน รีบวิ่งข้ามฝั่งไปหลบหลังขาโต๊ะอีกตัวที่เล็งไว้ ดึงดินสอออกมาจากหลังเสื้อแล้วถือไว้ในท่าเตรียมพร้อม ดวงตาสุกใสที่คริสชอบนักหนาเป็นประกายมาดร้ายยามเล็งเป้าหมายที่รองเท้าผ้าใบที่กำลังส่ายไปมาอยู่ตรงหน้า


    “รังแกคริส เราจะเอาคืน!

     

     

    ฉึก!

     

     

    “อ๊ากกกกกก!

     

     

     

     

     

     

     

     

     




     

     

    TBC.

     

     

     (รูปวาดประกอบน่ารักๆ ฝีมือน้องหนูเล็ก twitter @nuleksj ขอบคุณนะคะ ^^)

     

     

    คนรอง: นี่ดูชัคกี้มากไปแน่ๆ เลย ชิงน้อยเริ่มเข้าโหมดโหด แหะๆๆ ^^”

    ตอนที่เอาดินสอเสียบหลังเสื้อนี่มุ่งมั่นมากนะ แมนมาก ช่างกลสุดๆ อาวุธคือดินสอ ฮะๆๆ (แต่โหดอ่ะ = =’)

     

    ปอลอ แขกรับเชิญเป็นสองแฝดเทสตี้ มาฉากแรกก็แรงเลย คอยดูกันต่อไป

     

    เจอกันใหม่ตอนหน้าค่ะ ^^



    (ลงเรื่องเมื่อ 13 พ.ย. 56)

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×