ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [KrisLay] มายชิง ~☆❤

    ลำดับตอนที่ #5 : มายชิง ตอน 05 ::: เจ็บนะ

    • อัปเดตล่าสุด 10 ธ.ค. 56



    [Fic] มายชิง
    ตอนที่ 5: เจ็บนะ
    Fiction by 2nd Admin

     

     

    .

     

    .

     

    .



    “รังแกคริส เราจะเอาคืน!

     

     

    ฉึก!

     

     

    “อ๊ากกกกกก!

     

     

    เสียงร้องดังลั่นทำให้ทุกคนในห้องหันมามอง อาจารย์ต้องหยุดบทเรียนที่กำลังสอนแล้วเงยหน้าขึ้นมองหนึ่งในสองแฝดที่ยกเท้าข้างหนึ่งขึ้นบนเก้าอี้ สีหน้าบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวด

    “เป็นอะไรน่ะแดรยง?”

    “เท้าผม! อะไรทิ่มก็ไม่รู้ครับ!”

    อาจารย์หนุ่มวางหนังสือลงแล้วตั้งใจจะเข้าไปดูอาการลูกศิษย์ ขณะที่นักเรียนคนอื่นๆ ก็ชะเง้อชะแง้ข้ามโต๊ะมาดูกันใหญ่ คริสเองก็หันไปมอง แต่เพราะไม่อยากสนใจก็เลยกำลังจะหันกลับ แต่หางตากลับแว่บเห็นก้อนขาวๆ กลมๆ ที่คุ้นตาผลุบๆ โผล่ๆ อยู่หลังขาโต๊ะของแฝดคนโตผู้เคราะห์ร้าย ด้วยความสังหรณ์ใจจึงรีบก้มดูใต้ลิ้นชักโต๊ะตัวเอง แล้วก็ต้องตกใจเมื่อไม่เห็นเจ้าตัวเล็กอยู่ในนั้น ยิ่งหันกลับไปมองอีกทีแล้วเห็นดินสอไม้แท่งเล็กที่ตกอยู่ใต้โต๊ะของต้าหลง คริสก็ยิ่งแน่ใจ

     

    ...ชิง!

     

    “ไหนครูดูซิ อะไรทิ่มถึงได้โวยวายขนาดนั้น”

    “ดินสอผมเองครับ!” คริสอาศัยจังหวะที่รีบก้มลงไปเก็บดินสอนั้นฉวยเอาก้อนนุ่มนิ่มไว้ด้วยมืออีกข้างแล้วซ่อนไว้ข้างหลัง ทันก่อนที่อาจารย์จะเดินมาถึงโต๊ะพอดี “ฉันคงทำหล่น โทษทีนะต้าหลง”

    แต่ไหล่กว้างกลับถูกกระชากจากแฝดผู้น้องในทันที

    “ทำหล่นหรือตั้งใจวะ! เจ็บขนาดนี้นี่นายคิดจะแกล้งพี่ฉันรึไง!”

    “อย่าโวยวายน่าโซรยง อี้ฟานเค้าคงไม่ได้ตั้งใจ”

    “แต่พี่ผมเจ็บนะครับอาจารย์”

    “แค่ดินสอหล่นใส่เท้าจะเจ็บซักแค่ไหน อย่าทำเป็นเรื่องใหญ่นักเลย” อาจารย์โบกมือไล่ลูกศิษย์คนอื่นๆ ที่เข้ามามุงให้กลับไปนั่งที่ก่อนจะเดินกลับไปหน้าห้อง ถูกปรามไปแบบนั้น สองแฝดยังจะพูดอะไรได้ ได้แต่เข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันใส่คริสเพราะแน่ใจว่าที่แฝดผู้พี่เจ็บตัวนั้นไม่ใช่เหตุบังเอิญแน่ แต่คริสก็ไม่ได้สนใจคนทั้งคู่ ร่างนิ่มที่ขยับยุกยิกอยู่ในอุ้งมือนี่ต่างหากที่สำคัญ

     

     

    คริสไม่มีสมาธิที่จะตั้งใจเรียนอีกเลยตลอดชั่วโมงเช้าที่เหลือ ใจจดจ่ออยู่แต่กับสิ่งมีชีวิตตัวเล็กๆ ที่อยู่ใต้ลิ้นชักโต๊ะ นึกระแวงจนต้องคอยก้มลงไปมองทุกสิบนาทีว่าเจ้าตัวเล็กยังอยู่ที่เดิมมั้ย เป็นครั้งแรกที่ชิงน้อยทำให้คริสใจหายขนาดนี้ และแม้ว่าชิงจะไม่หนีไปไหนอีกตลอดชั่วโมงเช้า แต่คริสก็ยังทำใจไม่ให้เป็นกังวลไม่ได้อยู่ดี

     

    ทันทีที่พออาจารย์บอกเลิกคลาส คริสก็คว้าเจ้าตัวเล็กใส่กระเป๋าเสื้อแล้วรีบวิ่งลงมาที่สนามฟุตบอล ข้างสนามนั้นมีพุ่มไม้เตี้ยที่เขาชอบมานั่งหลบมุมสำหรับมื้อกลางวันทั้งของตัวเองและชิงน้อย พอหย่อนตัวลงนั่งและหันมองซ้ายมองขวาจนแน่ใจว่าปลอดภัยจากสายตาคู่อื่นดีแล้ว คริสถึงอุ้มเอาเจ้าตัวนิ่มออกมา จับให้นั่งลงบนกลางฝ่ามือแล้วยกมือขึ้นในระดับสายตา ถามด้วยน้ำเสียงเข้มงวด

    “ทำไมถึงทำอะไรแบบนั้น มันอันตรายมากนะ”

    พอถูกดุเจ้าตัวเล็กก็หน้ามุ่ย ยกมือขึ้นกอดอกฉับ

    “ก็พวกนั้นแกล้งคริส เราบอกแล้วว่าจะเอาคืน”

    “แต่นายปีนลงไปจากโต๊ะแล้วเอาดินสอไปทิ่มเค้าแบบนั้น เกิดใครเห็นหรือจับได้ขึ้นมาจะว่ายังไง?”

    “เราไม่กลัว!”

    “แต่ฉันกลัว กลัวมากด้วย ถ้ามีใครมาทำร้ายนายฉันจะทำยังไง ฉันมีนายคนเดียวนะชิง” น้ำเสียงสั่นเพราะใจยังสั่นไม่หาย ชิงไม่รู้หรอกว่าคริสตกใจแค่ไหนที่เห็นชิงไปอยู่ตรงนั้น อยู่ไกลจากสายตา ไกลจากการปกป้องคุ้มครองของเขา ชิงช่างไม่กลัวอะไรบ้างเลย คนตัวเล็กไม่รู้หรอกว่าโลกภายนอกนั้นน่ากลัวแค่ไหน ถ้ามีใครเห็นเข้า คริสไม่รู้ว่าจะมีใครรักและเอ็นดูชิงเท่าเขามั้ย ชิงอาจจะกลายเป็นตัวประหลาด และถูกใครต่อใครรังแกเหมือนอย่างเขาก็ได้ แค่คิดว่าถ้าเป็นอย่างนั้นจริง คริสก็เจ็บไปทั้งอกแล้ว

     

    เจ้าของใบหูสีชมพูมองหน้าเด็กหนุ่มแล้วก็บุ้ยปาก ไม่เข้าใจทำไมคริสต้องโกรธ แต่ชิงก็รู้สึกไม่ดีเวลาเห็นคริสไม่สบายใจ เขาชอบเห็นคริสยิ้ม แต่คนพวกนั้นทำให้คริสไม่ยิ้ม ชิงไม่ชอบเลย ทำคริสเจ็บเขาก็เอาคืน ชิงแอบดีแล้ว เจ้าตัวโกงนั่นมองไม่เห็นแน่ๆ คริสไม่เห็นต้องโกรธเลย

    “ไม่มีใครทำอะไรเราได้หรอกน่า”

    คริสส่ายหน้าแล้วถอนหายใจหนัก ชิงไม่เข้าใจว่าเขาทั้งรักทั้งหวงแหนมากแค่ไหน เขายอมให้ใครต่อใครรังแก แต่จะไม่ยอมให้ใครแตะต้องชิงน้อยของเขาเป็นเด็ดขาด เด็กหนุ่มดึงร่างเล็กนิ่มเข้ามากอดแนบแก้ม บอกเสียงอ่อน

    “...สัญญากับฉัน ทีหลังอย่าทำอะไรแบบนี้อีก อย่าทำให้ฉันเป็นห่วง”

    “คริสก็สัญญาสิว่าจะไม่ให้ใครมารังแก เราไม่อยากเห็นคริสเจ็บ มันเจ็บ... ตรงนี้”

    นิ้วเล็กๆ จิ้มลงบนอกตัวเองอย่างไร้เดียงสา แค่เห็นใบหน้าน่ารักม่อยลง คริสก็ใจอ่อนไปถึงไหน ชิงจะดื้อจะอวดดียังไงก็เป็นเพราะเขาทั้งนั้น คริสผิดเองที่ดูแลตัวเองไม่ได้ ทำให้ชิงน้อยต้องเป็นห่วงแบบนี้ เด็กหนุ่มแตะริมฝีปากเหนือพุงนิ่มแล้วแนบแก้มคลอเคลียกับร่างเล็กอย่างแสนรัก

    “ขอโทษนะ ฉันจะไม่ยอมให้ใครมารังแกฝ่ายเดียวอีกแล้ว ฉันสัญญา” เสียงใสรับคำแล้วแปะมือลงข้างแก้มเขา พอคริสเคลียแก้มไปมาก็ได้ยินเสียงหัวเราะคิกคัก เจ้าตัวเล็กของเขาบ้าจี้ แต่เสียงหัวเราะสดใสก็ทำให้คริสยิ้มออก แขนเล็กๆ ที่กางออกนั้นให้ความรู้สึกเหมือนชิงน้อยกำลังกอดเขา

     

    ถ้าชิงน้อยจะตัวโตกว่านี้... คริสคงกอดตอบได้เต็มอ้อมแขน ...คงดีไม่น้อยเลย  

     

     

    จ๊อกกก~

     

     

    “เสียงอะไรน่ะ?” เด็กหนุ่มถอนใบหน้าแล้วทำตาโตใส่เจ้าตัวเล็กที่ดึงหูข้างหนึ่งลงมาปิดแก้มแดงๆ ไว้ มืออีกข้างลูบวนบนพุงกลมแล้วหัวเราะเก้อ

    “แหะๆๆ หิวแล้วอ่ะ”

    คริสเองก็หัวเราะตาม ล้วงมือหยิบผ้าเช็ดหน้าจากกระเป๋ากางเกงขึ้นมาแล้วปูลงบนพื้นสนามหญ้า ก่อนจะวางเจ้าตัวเล็กลง แกะลูกกวาดสีหวานออกจากห่อแล้วก็ยื่นให้ เจ้าตัวเล็กก็โจนเข้าใส่แล้วกอดลูกกวาดไว้ ก่อนจะแลบลิ้นเลียอย่างมีความสุข คริสมองเจ้าตัวเล็กที่เพลิดเพลินกับของกินแล้วก็นึกถึงมื้อกลางวันของตัวเอง ปกติเขาจะซื้อนมกับขนมปังจากแคนทีนแล้วออกมานั่งกินที่นี่ แต่เพราะเมื่อครู่ร้อนใจมากก็เลยไม่ได้แวะที่ไหน ตอนนี้คงต้องรอให้ชิงน้อยอิ่มก่อนแล้วค่อยไปหาอะไรใส่ท้องตัวเองบ้าง

     

     

    “อยู่ที่นี่จริงๆ ด้วย” เสียงนั้นมาพร้อมกับรอยยิ้มอย่างเป็นมิตรของคนที่ช่วยคริสจากการหาเรื่องของสองแฝดเมื่อเช้า พอเห็นหัวหน้าห้องเดินตรงเข้ามา เด็กหนุ่มก็ขยับเบี่ยงตัวให้บังร่างเล็กจ้อยไว้ แต่ก็เพียงเล็กน้อยเพราะไม่อยากให้ผิดสังเกตุนัก คิมจุนมยอนเห็นแบบนั้นก็นึกว่าคริสขยับที่ให้ ถึงได้นั่งลงข้างๆ “ฉันไปหานายที่แคนทีนแล้วไม่เจอ นึกขึ้นได้ว่านายชอบออกมากินข้างนอก”

    บอกพลางยื่นขนมปังกับนมหนึ่งกล่องให้ ของจุนมยอนเองก็มีเหมือนกัน คริสเลยรับมาแล้วเอ่ยคำขอบใจ ใช้เพียงหางตามองเจ้าตัวเล็กที่กอดลูกกวาดไว้แล้วถัดก้นถอยหลังให้พ้นจากระยะสายตาของเพื่อนร่วมห้องเขา

    “หาฉันมีอะไร?”

    “เมื่อเช้าอาจารย์เรียกฉันไปคุย บอกว่าเดือนหน้าจะมีตัวแทนจากไฮสคูลในต่างประเทศเดินทางมาเยี่ยมชมโรงเรียนเรา แล้วก็มีกิจกรรมร่วมกันเล็กๆ น้อยๆ ฉันรับผิดชอบดูแลการจัดแข่งขันกีฬานัดพิเศษ ก็มีแค่ฟุตบอลกับบาสเก็ตบอลเท่านั้นแหละ”

    “แล้วเกี่ยวอะไรกับฉัน?” คริสยกกล่องนมขึ้นดื่มขณะทอดสายตาออกไปยังสนามฟุตบอลเบื้องหน้าที่มีรุ่นน้องหกถึงเจ็ดคนกำลังวิ่งไล่ลูกฟุตบอลอยู่ เหมือนว่าเกมส์พับครึ่งสนามแบบเด็กๆ นั้นน่าสนใจว่าเรื่องที่กำลังฟัง จุนมยอนมองเพื่อนแล้วก็ยิ้มก่อนจะว่าต่อ

    “เมื่อเช้าฉันเห็นนายวิ่งตัดสนามฟุตบอลมาจากหน้าโรงเรียน ใช้เวลาไม่ถึงห้านาที ก็เลยว่าจะมาชวน เผื่อนายสนใจอยากเป็นตัวแทนโรงเรียนลงแข่งบาสเก็ตบอล”

    คริสชะงักมือที่กำลังจะส่งขนมปังเข้าปาก แต่ก็แค่แป๊บเดียวเท่านั้น ก่อนที่เขาจะกัดมันเข้าไปเต็มคำแล้วเคี้ยวเอาๆ

    “คงไม่ล่ะ ฉันไม่ชอบเล่นกีฬา”

    “แต่นายตัวสูงแล้วก็วิ่งเร็วมาก ฉันว่าน่าจะเป็นประโยชน์กับทีมนะ เล่นไม่เป็นก็ไม่เป็นไร ของแบบนี้มันฝึกกันได้ เรายังมีเวลาอีกตั้งเดือน”

    “แต่ฉันไม่ชอบเล่น ขอโทษนะ นายไปหาคนอื่นเถอะ”

    คริสแสดงออกอย่างชัดเจนว่าไม่สนใจ แต่จุนมยอนก็ยังไม่ละความพยายาม ถึงคริสจะชอบทำสีหน้าอยู่อารมณ์เดียวจนบางทีก็เดาไม่ถูกว่าคิดอะไร แต่เขาค่อนข้างมั่นใจว่าร่างสูงไม่ใช่พวกที่ทำตัวลึกลับเพื่อเรียกร้องความสนใจ ตรงกันข้าม คริสออกจะไม่ชอบทำตัวเป็นจุดเด่นด้วยซ้ำ นั่นอาจจะเป็นเหตุผลที่เค้าไม่ยอมรับปากไปร่วมทีม

     

    “คิดดูให้ดีก่อนแล้วค่อยตอบก็ได้” จุนมยอนตบไหล่เพื่อนเบาๆ แล้วลุกขึ้น คริสเพิ่งสังเกตว่าหัวหน้าห้องยังไม่ได้แตะห่อขนมปังกับกล่องนมด้วยซ้ำ “ฉันยังต้องหาเพื่อนร่วมทีมอีกสองสามคน ถ้าเปลี่ยนใจก็มาบอกแล้วกัน”

     

     

    .

     

    .

     

    .

     

     

    “คริส บาสเก็ตบอลคืออะไร?” ไม่มีใครบนรถไฟฟ้าใต้ดินที่ได้ยินเสียงเล็กถามเจื้อยแจ้วนอกจากเจ้าของกระเป๋าเสื้อ เพราะคริสเลือกตู้โดยสารที่ไม่ค่อยมีคนหนาแน่น และยืนหลบมุมเพื่อไม่ให้เป็นที่สังเกตุ เวลาไปไหนมาไหนเขามักจะเสียบหูฟังมือถือเอาไว้ด้วย เผื่อว่าใครที่เห็นเขากำลังพูดคนเดียวจะได้เข้าใจว่ากำลังคุยโทรศัพท์

    “ก็ถือเกมส์ที่มีคนสิบสองคนจากสองทีม แย่งลูกบอลสีส้มๆ มาโยนลงห่วงไง ใครทำคะแนนได้มากกว่าก็ชนะไป”

    “อืมมม เหมือนที่คริสเปิดดูในทีวีบ่อยๆ ใช่มั้ย?”

    “ใช่ นั่นล่ะ”

    “คริสเคยบอกว่าชอบนี่นา ทำไมหัวหน้าห้องชวนแล้วถึงไม่เอาล่ะ?”

    นึกถึงกีฬาโปรดที่คุณพ่อสอนให้เล่นตั้งแต่เด็กๆ แล้วเด็กหนุ่มก็ยิ้มบาง เขามีความสุขที่สุดตอนที่ได้จับลูกบาสฯ แต่นั่นก็ต้องตอนที่ได้เล่นกับเพื่อนๆ หรือคนที่ถูกใจเท่านั้น นิ้วมือใหญ่ลูบใบหูนิ่มที่โผล่พ้นขอบกระเป๋าออกมาเบาๆ ยิ้มเมื่อนึกถึงเสียงหัวเราะของตัวเองในตอนนั้น

    “บาสเก็ตบอลน่ะเป็นกีฬาที่ต้องใช้ทีมเวิร์ค ที่แปลว่าความสามัคคีน่ะ คนในทีมต้องรู้จักรู้ใจแล้วก็ร่วมมือกัน ถึงจะเอาชนะทีมคู่แข่งได้ แต่ทั้งโรงเรียนฉันไม่สนิทกับใครซักคน”

    “กับหัวหน้าห้องไง”

    “นั่นยังไม่เรียกว่าสนิทหรอก” ถึงจะรู้สึกได้ว่ารอยยิ้มของจุนมยอนนั้นจริงใจ หัวหน้าห้องของเขาเป็นคนเดียวที่คริสพูดคุยด้วยมากที่สุด จุนมยอนไม่เคยมองเขาเป็นตัวประหลาดเหมือนคนอื่นๆ ไม่เคยหาเรื่องกลั้นแกล้งซ้ำยังคอยช่วยเหลือด้วยซ้ำ แต่ถึงอย่างนั้นเด็กหนุ่มก็ยังเห็นเพื่อนร่วมห้องคนนี้เป็นคนอื่นอยู่ดี

    “แต่เราอยากเห็นคริสเล่นบาสฯนี่นา ต้องสนุกมากๆ แน่เลย”

    คริสหัวเราะเบาๆ ไม่ว่าเรื่องอะไรชิงน้อยก็เห็นเป็นเรื่องสนุกได้ทั้งนั้น

    “อะไรสนุก? ฉันที่ลงไปเล่นในสนาม หรือนายที่นั่งดูอยู่ข้างๆ สนามกันแน่ที่สนุก?”

    “ก็ต้องตอนที่คริสลงไปเล่นอยู่แล้ว เราก็อยากเล่นกับคริสนะ คริสสอนเราเล่นสิ เราจะได้เล่นด้วยกันไง”

    “หือ? ลูกบาสฯน่ะใหญ่กว่าตัวนายเป็นสิบเท่าได้มั้ง”

    “ฮื่ออ แต่เราแข็งแรงนะ เราแบกไหว นะๆๆ เล่นบาสฯกันเถอะ” มองเจ้าตัวเล็กที่กระโดดเหยงๆ อยู่ในกระเป๋าแล้วคริสก็ยิ่งขำ ชิงน้อยเก่งกล้าเกินตัวไปเสียทุกเรื่องจริงๆ แต่เมื่อความคิดหนึ่งแว่บเข้ามาในหัว เสียงหัวเราะก็เหลือเพียงรอยยิ้มบาง

     

    ถ้าชิงน้อยตัวโตกว่านี้ได้ก็ดีสิ คริสจะได้พาไปไหนมาไหนโดยไม่ต้องให้อยู่แค่ในกระเป๋า จะได้พูดคุยกันโดยไม่ต้องหลบๆ ซ่อนๆ แบบนี้ เด็กหนุ่มได้แต่คิดแล้วก็ถอนหายใจเบาๆ

     

    “ไว้ให้นายโตกว่านี้ก่อน แล้วฉันค่อยพาไปเล่นก็แล้วกัน”

    “จริงนะ? งั้นตอนนี้คริสเล่นให้เราดูก่อนสิ นะๆๆ?”

    คริสแสร้งทำเมินหน้าหนีอย่างเล่นตัว

    “ไม่”

    “น่า.. นะๆๆ?”

    “ไม่เอาอ่ะ”

    “น้าาา~?”

    “ม่ายยยย”

    “โห... คริสอ่ะ” เก็กหน้านิ่งได้ไม่นานก็หลุดขำ เมื่อมือเล็กดึงอกเสื้อเขาแรงๆ เพื่อเรียกร้องความสนใจ แต่คริสก็ยังทำใจแข็ง อยากจะรู้นักว่าเจ้าตัวเล็กจะอ้อนได้นานแค่ไหน “นะๆๆๆ”

    “ไม่ๆๆๆ”

    “คริสอ้ะ”

    “ฮะๆๆๆ”

    “คริสสส~ น้าาา~?”

     

    คนตัวสูงไม่ยอมรับปากซักที เจ้าตัวเล็กก็ยิ่งแผดเสียงงอแง ทว่าไม่มีใครในตู้โดยสารนั้นที่ได้ยินเสียงเล็กๆ หรือคิดจะสนใจเด็กหนุ่มที่เอาแต่หัวเราะเสียงดัง คริสเหมือนมีโลกของตัวเองไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน โลกที่มีแค่เขา กับชิงตัวน้อย

     

    เพราะฉันคนเดียวที่ได้ยินเสียงนาย และนายคนเดียว... ที่ได้ยินเสียงหัวเราะของฉัน

     

     

     

     

     

     







     

    TBC.

     
     

     

     (ขอบคุณแฟนอาร์ตน่ารักๆ จากน้องหนูเล็ก Twitter @nuleksk ค่ะ ^^)



    คนรอง
    : จริงๆ แล้วเรื่องนี้เขียนแบบไม่มีพล็อต นึกอะไรได้ก็เขียนเลย นี่เขียนตอนนี้แล้วยังไม่รู้เลยว่าตอนหน้าจะเขียนอะไร ฮ่าๆๆๆ (ซะงั้น?)

     

    เห็นมีคนชอบเรื่องนี้ก็ดีใจค่ะ อยากให้มีคนอ่านเยอะๆ เหมือนกัน (รู้สึกดี มีคนชมว่าเป็นฟิคโลกสวย~) ยังไงก็ไปชวนเพื่อนๆ มาอ่านด้วยนะ ^^

     

    ปอลอ เผื่อมีใครไม่คุ้นเคยกับพี่แฝด Tasty ขอแนะนำตัวละครนิดนึง สองแฝดเป็นลูกครึ่งจีน-เกาหลีค่ะ เค้าจะมีทั้งชื่อจีนกับชื่อเกาหลี แฝดพี่ชื่อต้าหลง ชื่อเกาหลี แด-รยง ส่วนแฝดน้องซึ่งเสี่ยวหลง ชื่อเกาหลี โซ-รยง อาจารย์ที่โรงเรียนจะเรียกด้วยชื่อเกาหลี ส่วนเพื่อนๆ จะเรียกชื่อจีนกันค่ะ ไม่สับสนเนอะ ^^

     

    เจอกันใหม่ตอนหน้าค่ะ ^^

     

     


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×