คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : MKML ตอน 04 ::: Luhan's plan (2)
[Fic] My Kris, My Lay
Fiction by 2nd Admin
ตอนที่ 4
.
.
.
ที่ห้องอัดรายการวาไรตี้โชว์ยอดฮิตของจีน หลังการซักซ้อมและท่องสคริปต์ของทั้งพิธีกรและแขกรับเชิญกลุ่มใหญ่ ผู้กำกับก็สั่งเดินกล้องในเวลาสิบโมงเช้าของวันนั้น เริ่มต้นที่การแสดงโชว์สุดเท่ห์ของสิบสองสมาชิก EXO กับสองเพลงเปิดตัวในอัลบั้มซึ่งจะใช้ตอนเปิดและปิดรายการ ตามด้วยโชว์พิเศษในเพลงแร็พที่ดวลกันระหว่างสองแร็พเปอร์และสองเมนเต้นจากทั้งฝั่งเอ็มและฝั่งเค ก่อนที่จะเข้าสู่ช่วงแนะนำตัว เด็กหนุ่มสิบสองคนในธีมชุดสีขาวที่ยืนเรียงกันจนเกือบเต็มพื้นทีเวทีทำให้ทั้งห้องอัดดูสว่างไสวและคึกคัก แค่เริ่มต้นของการแนะนำตัว หัวหน้าวงฝั่งจีนก็เรียกเสียงกรี๊ดนำคะแนนไปก่อนด้วยประโยคแนะนำตัวสุดเท่ที่ทำเอาสมาชิกคนอื่นๆ ต้องอมยิ้ม ก่อนจะช่วยรุ่นน้องจากฝั่งเคที่ตัวสูงพอๆ กัน แนะนำตัวแบบแพ็คคู่ เรียกเสียงกรีดร้องจากบรรดาแฟนคลับที่ชื่นชอบ ‘คริสยอล’ ได้อีกระลอก
“บางทีนายน่าจะมายืนตรงนี้นะ” ลู่หานกระซิบบอกรุ่นน้องผิวเข้มที่ยืนอยู่ข้างๆ แล้วเพยิดหน้าไปอีกข้างของตัวเอง ตรงที่เลย์ยืนอยู่ “แนะนำตัวเป็นคู่กับเลย์ สร้างกระแสแข่งกับคู่โน้นไง”
ไคยิ้มแล้วก้มลงกระซิบบ้าง
“งั้นผมว่าเราจับคู่กันเองดีกว่า ‘ไคลู่’ น่าจะดังกว่านะ”
แอนตี้แฟน ‘ไคลู่’ ยิ้มแยกเขี้ยวแทนคำตอบ อยากจะซัดเด็กตัวโตๆ ซักป้าบแต่ก็ต้องอดใจไว้ ...คนเยอะนะลู่หาน ...คนเยอะ
หลังจากแนะนำตัวและพูดคุยกันกับพิธีกรพอหอมปากหอมคอแล้ว ก็เป็นช่วงของการเล่นเกมส์ อุปกรณ์ขนาดใหญ่ที่ทางทีมงานยกออกมาทำให้หนุ่มๆ ฮือฮาด้วยความตื่นเต้น แน่นอนล่ะว่าส่วนใหญ่จะชอบเกมส์ที่ท้าทายแบบนี้ แต่ก็ยังมีบางคนที่ขี้ตกใจเอามากๆ พอชานยอลทำพลาดจนเกิดเสียงดังและประกายไฟ ร่างสูงใหญ่ของรุ่นน้องก็กระโดดไปหลบอยู่ข้างหลังรุ่นพี่เมนเต้นด้วยกัน เสียงหัวเราะคิกคักของร่างโปร่งบางทำให้คริสซึ่งยืนห่างออกมาต้องหันไปมอง
ไคกำลังกอดเอวบางแล้วซ่อนใบหน้าลงกับช่วงไหล่เล็กเพื่อซ่อนความเขิน มือเรียวสวยของคนพี่ลูบหัวน้องชายต่างสัญชาติ ทั้งขำทั้งเอ็นดู
ภาพที่ควรจะน่ารักในสายตาแฟนคลับกลับทำให้คริสต้องมือสั่น ช่วงขายาวขยับโดยไม่รู้ตัว ใจคิดไปว่าเขาตรงเข้ากระชากร่างที่สูงพอๆ กันให้ออกห่างจากเลย์ แต่ในความเป็นจริงเขายังยืนอยู่ที่เดิม คริสเบือนหน้าหนีจากภาพนั้น
เขาคือลีดเดอร์ ...คือตุ้ยจางของ EXO-M ข้อนี้สำคัญยิ่งกว่า
โดยแทบไม่ปรายสายตาไปทางฝั่งที่เมนเต้นทั้งสองยืนอยู่ คริสสามารถควบคุมตัวเองให้อยู่ในสภาวะปกติ และทำตัวร่าเริงตลอดจนกระทั่งการถ่ายทำสิ้นสุดลงในตอนเย็นจนได้
ตารางานที่แน่นเอี้ยดตั้งแต่เช้าจนถึงเย็นกลายเป็นเรื่องปกติของบรรดาเด็กหนุ่มไปแล้ว ไม่ได้ทานอาหารครบสามมื้อแต่ก็ยังมีของทานเล่นมาช่วยเสริมระหว่างวัน แล้วค่อยมาจัดหนักเอาตอนมื้อเย็นทีเดียว วันนี้ก็เช่นกัน พี่ผู้จัดการจองห้องในร้านอาหารจีนซึ่งอยู่ในโรงแรมไว้ให้พวกเขา เมื่อกลับถึงที่พักและเปลี่ยนเสื้อผ้ากันเรียบร้อยแล้ว หนุ่มๆ ก็ทยอยกันลงมาที่ห้องอาหาร
ตอนที่มักเน่ทั้งสองเดินมาถึง พี่ลู่หานก็นั่งยิ้มร่ารออยู่แล้ว
“เซฮุน~~ มานั่งนี่สิ” มือเล็กๆ น่ารักกวักเรียกแล้วร่างสูงโปร่งก็แทบจะลอยไปหา เซฮุนนั่งลงข้างๆ รุ่นพี่คนโปรดแล้วเอียงคอลงซบแทนคำทักทาย
ส่วนอีกคนที่เดินมาด้วยกันก็ได้แต่ยิ้มแล้วส่ายหน้า โต๊ะอาหารที่นี่เป็นแบบยาวที่นั่งได้ครบทั้งสิบสองสมาชิกและพี่ผู้จัดการอีกสี่คน (พี่สไตลิสต์อยู่ด้านนอก) ไม่มีใครซักคนที่จองที่ให้พี่น้องคนโปรด จะมีก็แค่คนน่ารักเนี่ยแหละ แล้วก็ลำเอียงจองให้เฉพาะมักเน่ขี้อ้อนเสียด้วยนะ กับเขาที่เดินมาด้วยกันก็ทำเป็นมองไม่เห็นเสียอย่างนั้น
มีสิทธิพิเศษเสมอเลยนะคิมจงอิน
“จงอินมานั่งนี่ก็ได้นะ” เสียงเรียกมาจากเลย์ฮยองที่นั่งอยู่อีกข้างของลู่หาน ตรงนั้นยังมีที่ว่างอีกสองที่ ไคยิ้มให้กับความใจดีของรุ่นพี่แล้วนั่งลงข้างๆ ด้วยความเต็มใจ
“เดี๋ยวผมบริการตักอาหารให้” เขาบอกพร้อมรอยยิ้มกว้าง ไม่ทันได้สังเกตว่ามีใครอีกคนยืนอยู่ด้านหลัง ก่อนจะนั่งลงตรงที่ว่างข้างเขาโดยไม่เอ่ยทักทายอะไร
สมาชิกมาครบแล้วอาหารก็ถูกยกมาเสริฟ เซ็ตอาหารถูกแบ่งออกเป็นสี่เพื่อความทั่วถึงโดยไม่ต้องหมุนสำรับไปมาให้วุ่นวาย แต่กระนั้นเด็กนิสัยดีก็ยังคีบของอร่อยมาใส่ถ้วยให้รุ่นพี่
“ฮยองทานนี่สิ อร่อยมากเลย”
“ขอบใจ”
“ไก่ผัดซอสนี่ก็อร่อยนะ”
“อี้ชิงไม่ทานเผ็ด”
“จริงด้วยสิ ผมลืมไปเลย งั้นเอาใหม่นะ” ไคไม่ได้สนใจ หรือรู้อยู่แล้วก็เลยไม่ได้หันไปมองที่มาของเสียงที่ขัดขึ้นเมื่อครู่ แต่คนที่นั่งถัดจากเลย์ไปอีกนั่นล่ะ ที่ชะโงกหน้ามามอง
ลู่หานยิ้มสนุกเมื่อเห็นใบหน้าตีขรึมของร่างสูงใหญ่ที่นั่งถัดจากไค เอ่ยแซวรุ่นน้องเสียงดังกะว่าให้ได้ยินกันทั้งโต๊ะ
“ไม่ได้เรื่องเลยจงอินเนี่ย ไหนบอกว่าสนิทกันนักหนา”
คนถูกแซวก็ยื่นหน้ามายิ้มรับ เสียงดังตอบไม่แพ้กัน
“ผมก็แค่ลืมไปบ้าง แต่ถ้าเป็นเรื่องของเสี่ยวลู่เนี่ย ผมจำได้หมดไม่เคยลืมเลยนะ”
หน้ายิ้มๆ ก็ยังยิ้ม แต่มือมันคันๆ อยากจะซัดใครซักป้าบ ลู่หานต้องวางตะเกียบลงคืนถ้วยก่อนจะทำมันหักคามือเสียก่อน
“อี้ชิงทานผักมากๆ หน่อย” หัวหน้าฝั่งจีนยังดูแลสมาชิกคนสำคัญเหมือนเป็นหน้าที่ เขาเลื่อนถ้วยใบเล็กๆ ที่ใส่ซุปผักมาตรงหน้าเลย์ แน่นอนว่ามันต้องผ่านหน้าไคไปก่อน เด็กหนุ่มมองดูซุปในถ้วยแล้วก็เบะปากตามประสาคนไม่ชอบทานผัก
“เยอะไปรึเปล่าฮยอง นี่มันผักอย่างเดียวเลยนะ”
“อี้ชิงไม่ค่อยแข็งแรง หมอถึงให้ทานผักกับผลไม้มากๆ นายไม่ได้อยู่ใกล้เขาจะรู้อะไร”
ไคนิ่งไปเล็กน้อย ก่อนจะยิ้มแล้วตอบ
“ก็เพราะไม่ค่อยได้อยู่ใกล้ๆ น่ะสิครับ มีโอกาสก็เลยต้องดูแล ฮยองทานเนื้อสัตว์บ้างนะจะได้มีแรง มานี่ผมคีบให้” ไม่ต้องรอให้คนพี่อนุญาต ไคก็กุลีกุจอคีบชิ้นเนื้อใส่ถ้วยข้าวให้
คริสยังจับตะเกียบในมือไว้มั่น ใบหน้าหล่อเหลาแม้จะไม่ยิ้มแต่ก็ไม่ได้แสดงความรู้สึกใดๆ ออกมา
.
.
.
หัวค่ำวันนั้นในห้องพัก ลู่หานอยู่รอจนเลย์อาบน้ำเสร็จ เขาถึงบอกว่าจะไปนอนกับเซฮุน แล้วจะให้ไคมานอนด้วย เจ้าของห้องอีกคนก็ไม่ได้ว่าอะไร ไม่รู้ด้วยซ้ำว่านั่นเป็นหนึ่งในแผนสนุกๆ ที่น่ารักคนรองวางไว้
พอเคาะประตูห้องน้องเล็กสองสามครั้งก็มีคนมาเปิด แต่ไม่ใช่คนที่ลู่หานอยากเห็นหน้าเท่าไหร่นัก
“ว่าไงครับ? จะมาชวนผมไปเล่นอะไร?” ไคท้าวแขนกับกรอบประตู ยืนยิ้มกวนขวางทางอยู่อย่างนั้นทั้งที่รู้ว่าคนน่ารักบุกมาถึงห้องเพราะอะไร
“นายไปนอนห้องโน้นกับอี้ชิง ฉันจะนอนกับเซฮุน”
“ได้ไงล่ะ? นี่ห้องผมนะ”
“แล้วไง? ก็ฉันจะนอนกับเซฮุน” ลู่หานกอดอกแล้วเชิดหน้า ท่าทางเอาแต่ใจได้น่ารักจนรุ่นน้องผิวเข้มก้องกัดปากกลั้นยิ้ม เผลอแป๊บเดียวจอมซนก็ผลักแขนเขาแล้วพุ่งตัวเข้าไปในห้องจนได้
“แล้วเซฮุนอยู่ไหน?”
“อาบน้ำอยู่”
ลู่หานพยักหน้าไปงั้น มองสองเตียงแล้วก็เลือกที่จะกระโดดขึ้นเตียงที่ดูแล้วยังไม่น่ามีการใช้งาน
ไคเดินตามเข้ามาในห้อง ยืนกอดอกทิ้งตัวพิงผนัง มองคนน่ารักกลิ้งไปกลิ้งมาอยู่บนเตียงนั้น
“สนุกอยู่คนเดียวเลยนะครับเสี่ยวลู่”
“สนุกอะไร?” คงไม่ได้นึกอยากจะลงมานอนกลิ้งเล่นบนเตียงด้วยกันหรอกนะ
“ก็แล้ววางแผนอะไรอยู่ล่ะ มีแผนอะไรสนุกๆ ไม่เห็นเล่าให้ผมฟังมั่งเลย”
ลู่หานลุกขึ้นนั่ง กอดอกมองหน้ารุ่นน้องด้วยท่าทางไม่ยอมกัน
“ไม่มีแผนอะไรทั้งนั้นแหละ”
“ไม่เชื่อ”
“ไม่มี! บอกว่าไม่มีก็ไม่มีสิ!”
ไคย้ายตัวเองมานั่งบนเตียงเดียวกัน ยื่นหน้าเข้าไปใกล้คนปากแข็งแล้วหรี่ตาเหมือนจะจับผิด
“ตั้งแต่มาถึงนี่ผมก็รู้สึกแปลกๆ เหมือนถูกเขม่นตลอดเวลาเลย อย่าบอกนะว่าเสี่ยวลู่ไม่รู้เรื่องน่ะ”
“ก็... ไม่รู้!” ลู่หานขยับหนี พอถูกไล่ต้อนมากๆ ก็นั่งหันหลังให้เสียรู้แล้วรู้รอด
ไคส่ายหน้ายิ้มๆ ข้ามฝั่งเตียงมานั่งจ้องตาคนน่ารัก
“เอางี้ ถ้าเสี่ยวลู่ยอมบอก ผมอาจจะใจดี ช่วยเป็นเพื่อนเล่นให้แผนของเสี่ยวลู่สำเร็จเร็วขึ้นก็ได้นะ”
จอมซนเงยหน้าขวับ มองหน้าหล่อๆ เข้มๆ ของรุ่นน้องแล้วก็บุ้ยปากกรอกตาอย่างใช้ความคิด ก่อนที่ริมฝีปากน่ารักจะคลี่ยิ้มถูกใจ
“แต่ว่า!” มาชะงักเอาก็ตอนที่ไคยกนิ้วชี้ขึ้นมาตรงหน้า “ต้องมีรางวัลตอบแทนให้ผมนะ”
รุ่นน้องยิ้มจนตาคู่สวยเป็นประกาย และนั่นก็ทำเอาเสี่ยวลู่แทบจะขยับถอยหนีด้วยความไม่ไว้ใจ
.
.
.
ได้ยินเสียงเคาะประตูสองสามครั้งแล้วเลย์ก็เดาเอาเองว่าเป็นใคร เขาปิดสมุดจดบันทึกแล้วเดินไปเปิดประตูแบบไม่รีบร้อนนัก
“เข้ามาสิจง...” แต่ร่างสูงใหญ่ที่ยืนอยู่หลังบานประตูทำให้เจ้าตัวอดแปลกใจไม่ได้ “...ตุ้ยจาง”
คริสตีหน้าขรึมเมื่อได้ยินชื่อของใครอีกคนหลุดออกมาจากปากเล็กๆ นั้นเพียงครึ่งคำ เมื่อกี้ตอนยืนอยู่หน้าห้องยังทำใจตั้งนานกว่าจะกล้าเคาะประตู ก็หัวใจเจ้ากรรมมันดันเต้นหนักจนมือไม้สั่น มาเหี่ยวเป็นลูกโป่งถูกปล่อยลมก็ตอนที่ได้ยินชื่อคนอื่นนี่แหละ
“ไม่ยักรู้ว่ารอใครอยู่”
“ลู่หานย้ายไปนอนกับเซฮุนน่ะ บอกว่าจงอินจะมานอนห้องนี้แทน ฉันก็เลยนึกว่า... แล้วนี่ตุ้ยจางมีอะไรรึเปล่า?”
เจ้าของห้องอธิบายตาใสก่อนจะเอียงคอถามกลับ คริสก็รู้หรอกนะว่ามันเป็นเรื่องบังเอิญ แต่ก็...
“อันที่จริง...”
“ฮยอง!” แต่เสียงทุ้มห้าวที่ดังขึ้นก็สะกัดคำพูดเขาไว้ “อ้าว คริสฮยองก็อยู่ที่นี่ด้วย”
ไคยิ้มให้รุ่นพี่ทั้งสอง ก่อนจะขอทางเลย์ฮยองที่ชะโงกหน้าออกมามองแล้วหิ้วถุงพลาสติกสองสามใบเดินเข้าห้องอย่างถือวิสาสะ
“หอบอะไรมาเยอะแยะน่ะ?” เจ้าของห้องถามเมื่อเห็นรุ่นน้องกองถุงทั้งหมดไว้บนโต๊ะ ก่อนจะเทของข้างในออกมา
“อ้อ ขนมน่ะครับ เสี่ยวลู่พาผมลงไปซื้อที่มินิมาร์ทข้างล่างมา ผมเลยซื้อมาฝากฮยองด้วย”
คริสกรอกตาแล้วพ่นลมหายใจเบาๆ ไคเป็นเด็กตัวโต และกำลังจะโตได้ต่อไปเรื่อยๆ ก็เลยต้องทานเยอะเป็นธรรมดา อาหารเย็นชุดใหญ่ที่ห้องอาหารนั่นอาจจะไม่อยู่ท้องก็เลยต้องไปหาขนมมาเติมเพิ่ม แต่ไม่ต้องเผื่อแผ่มาให้รุ่นพี่ตัวบางๆ ก็ได้มั้ง
ร่างสูงใหญ่เดินตามเข้ามาในห้องแล้วปิดประตูให้ เห็นเลย์สนอกสนใจขนมพวกนั้นนักหนาเขาก็เข้ามาดูบ้าง คริสหยิบมันฝรั่งทอดกรอบขึ้นมาห่อหนึ่งก่อนจะย่นจมูกแล้วทิ้งมันกลับลงบนโต๊ะ ยืนกอดอกมองมันเหมือนพวกหนอนที่บ่อนทำลายแปลงดอกไม้งามของเขา
“มีแต่ขนมห่อทั้งนั้น”
“ฮยองชอบน่ะครับ”
นึกว่ามีแค่นายคนเดียวรึไงที่รู้! คริสนึกอยากจะแค่นยิ้มใส่แล้วบอกเจ้าเด็กนี่ให้รู้เสียบ้างว่าเขารู้จักเลย์ดีกว่าแค่ไหน
“กินของไม่มีประโยชน์พวกนี้มากๆ ร่างกายนายจะยิ่งแย่ ผงชูรสทำให้ขี้ลืมนายไม่รู้รึไง?”
“นานๆ ที คงไม่เป็นไรหรอกมั้งครับ เมื่อกี้ตอนอยู่ในร้านอาหารฮยองก็ไม่ค่อยได้ทานอะไร โอ๊ะ! ห่อนี้น่ากินจัง” เจ้าเด็กผิวเข้มยังมีหน้ามาออกรับแทน แล้วก็งุงิกับกองขนมกันอยู่สองคน คริสที่ตอนนี้หน้าตึงเต็มที่แล้วถึงต้องเดินเลี่ยงไปหาที่นั่งตรงปลายเตียงแทน
ริมฝีปากหนาขยับบ่นให้เจ้าตัวได้ยินคนเดียวไปเรื่อยเปื่อย เบื้องหลังเขาคือสองคนพี่น้องเมนเต้นที่แกะห่อขนมแล้วชักชวนกันกินแบบน่ารักน่าชัง (แม้ว่าคริสจะค่อนไปทางชังมากกว่า) ทำไมเขาต้องมานั่งทนอยู่ในสภาพแบบนี้ด้วยนะ เห็นลู่หานเดินออกมาจากห้องก็เห็นว่าเป็นโอกาส นานๆ ครั้งจะได้คุยกับเลย์ตามลำพัง ก็ดันมีเจ้ารุ่นน้องจอมพริ้วนี่มานั่งขวางคออยู่อีก ท่าทางจะไล่ไม่ได้ง่ายๆ เสียด้วย คริสย่นหัวคิ้วอย่างไม่สบอารมณ์อยู่คนเดียวเงียบๆ
กระทั่งนิ้วเรียวสวยยื่นมันฝรั่งทอดแผ่นหนึ่งมาให้ถึงปาก
“ชิมหน่อยมั้ย?” คริสหันมองเจ้าของมือที่ส่งยิ้มจนเห็นรอยบุ๋มที่ข้างแก้มแล้วก็ใจอ่อนยวบ จับมือขาวนุ่มของอีกฝ่ายไว้แล้วส่งขนมเข้าปากตัวเอง ไม่ลืมที่จะคงใบหน้าเครียดตึงไว้ ถึงในใจมันจะโครมครามแค่ไหนก็เถอะ
“ฉันก็ไม่ได้กินขนมพวกนี้บ่อยๆ ขอแค่วันนี้วันเดียวนะ?” คนตัวขาวยังออดอ้อนพร้อมยกนิ้วอย่างน่ารัก คริสคลายสีหน้าด้วยอ่อนใจ ให้เก๊กขรึมแค่ไหนก็ต้องยอมใจอ่อนให้คนช่างเอาใจจนได้
มือใหญ่กำรวบทั้งนิ้วและมือที่เล็กกว่าไว้ก่อนจะพยักหน้าอย่างจนใจ
“...ฉันรู้”
เด็กหนุ่มยังเคี้ยวขนมตุ้ยๆ ขณะที่แอบมองรุ่นพี่ทั้งสอง ไคยิ้มเมื่อนึกถึงรุ่นพี่อีกคนที่ป่านนี้คงนั่งงุ่นง่านอยู่ในห้อง อยากรู้นักว่าคนน่ารักจะทำหน้ายังไง ถ้าได้รู้ว่าแผนที่ตัวเองวางไว้มันพังเละไม่เป็นท่า แถมยังกลายเป็นเปิดโอกาสให้สองคนได้งอนง้อกันแบบนี้อีก เด็กกำลังโตหัวเราะหึหึ พอฮยองทั้งสองหันมามองเขาก็หยิบขนมในถุงขึ้นมาหนึ่งชิ้น
“ดูเหมือนมือฮยองจะไม่ว่าง ผมป้อนให้มั้ย?”
คริสรีบปล่อยมือเล็กทั้งสองให้เป็นอิสระ หันไปคว้าถุงขนมแล้วยัดใส่มือเลย์แทนทันที
“ฮยอง คืนนี้ผมนอนด้วยนะ”
“ไม่ได้” เสียงที่ตอบไม่ใช่ของเจ้าของห้อง ทั้งไคและเลย์ต่างหันมามองหัวหน้าฝั่งจีนด้วยความแปลกใจ “พี่ผู้จัดการบอกยกเลิกห้องที่จองไว้ไปห้องนึง ตอนนี้เฉินก็เลยไปนอนกับซิ่วหมินแล้วก็เทา ส่วนฉัน...”
“เรานอนกันสามคนก็ได้นี่ครับ” ไครีบบอกเมื่อเข้าใจความหมายของอีกฝ่าย “คริสฮยองตัวใหญ่ นอนเตียงเดี่ยวไปเลย เดี๋ยวผมกับอี้ชิงฮยองนอนเบียดกันก็ได้”
คริสไม่ได้ตอบ เขาแค่มองไคด้วยสายตานิ่งๆ ซักพักเด็กหนุ่มก็รู้สึกได้เองว่าช้อยส์แรกคงไม่ถูกใจเท่าไหร่
“เอ่อ... หรือเรานอนเบียดกัน แล้วให้อี้ชิงฮยองนอนคนเดียวดี?”
คริสตบตักแล้วลุกพรวดขึ้นทันที
“ไม่ต้องทั้งสองอย่างนั่นล่ะ ฉันไปนอนกับพี่ผู้จัดการก็ได้” ร่างสูงบอกแล้วหันหลัง ตั้งท่าว่าจะออกไปทางประตู แต่มือเล็กๆ ก็คว้าชายเสื้อเขาไว้
“ตุ้ยจาง... คือ...” เลย์เม้มปากแน่น แววตาลังเลเหมือนมีเรื่องจะพูดแต่ก็ไม่กล้า คริสเองก็ยืนรอโดยไม่ขยับไปไหน แต่จนแล้วจนรอดก็ยังไม่มีคำพูดใดๆ หลุดออกมาจากริมฝีปากน่ารักนั้น
ไคสลับสายตาไปมามองรุ่นพี่ทั้งสองพลางเคาะนิ้วกับปลายคาง นึกถึงคนน่ารักว่าถ้าได้มาอยู่ในสถานการณ์แบบนี้จะสนุกแค่ไหนแล้วเขาก็แอบอมยิ้มเงียบๆ ครู่เดียวก็ลุกขึ้น
“โอเค! ผมว่าผมไปขอนอนเบียดกับเซฮุนที่ห้องโน้นดีกว่า” ไคส่งยิ้มให้รุ่นพี่เมนเต้นด้วยกันก่อนจะเดินออกจากห้อง ไม่ลืมที่จะหันมายักคิ้วให้ลีดเดอร์ฝั่งจีนก่อนจะปิดประตูด้วย
“ฝันดีนะครับฮยอง~”
เลย์คลายมือจากชายเสื้ออีกฝ่ายแล้วถอยกลับมานั่งบนเตียงตัวเอง พอคริสมองเขาก็แค่ยิ้มๆ แต่นิ้วชี้ที่เกาข้างแก้มขาวแล้วก็ท่าทางหลบสายตาแบบนั้น คริสก็รู้ว่าเลย์มีอะไรในใจ
“ถ้าไม่สบายใจ นายน่าจะเรียกน้องไว้นะ ฉันไปนอนกับพี่ผู้จัดการก็ได้” ปากก็พูดไปอย่างนั้น แต่ในใจน่ะลุ้นแทบแย่ เลย์ไม่รู้หรอกว่าเขาดีใจแค่ไหนที่ตัวเองถูกรั้งไว้แทนที่จะเป็นไค
“อันที่จริง... ฉันก็กะจะให้จงอินนอนที่นี่ด้วยกัน แต่ไม่ทันได้บอก”
คริสหันหลังขวับพอได้ยินอย่างนั้น ประตูห้องอยู่ห่างจากเขาเพียงไม่กี่ก้าวตอนที่เลย์พูดต่อ
“ความจริง... ให้จงอินนอนเตียงนั้น แล้ว... ตุ้ยจางมานอนเบียดกับฉันก็ได้”
ร่างสูงใหญ่ชะงักกึก หน้าตึงๆ เมื่อครู่เปลี่ยนเป็นกัดปากกลั้นยิ้ม ในใจน่ะเต้นโครมคราม คิดจะหันหลังกลับแต่ก็ยังลังเลอยากจะเดินไปให้ถึงประตู
เดินออกไปตามจงอินกลับมาตอนนี้ทันมั้ย?
“ทำไมล่ะ? กลัวฉันนอนดิ้นเหรอ?”
“ไม่ใช่อย่างนั้น” คริสหันกลับมาแล้วนั่งลงบนเตียง ข้างๆ ร่างโปร่งบาง “หลังนายไม่ค่อยดี ฉันก็อยากให้นอนสบายๆ”
เขาหมายความตามที่พูดจริงๆ เพราะถ้าข้ามเรื่องนี้ไปได้ เขาก็พร้อมจะให้อีกฝ่ายมานอนเบียดเตียงเดียวหมอนเดียว ...ให้ทุกคืนเลยก็ได้
“ตุ้ยจางใจดีจัง”
กับนายคนเดียวเท่านั้น... คริสรู้ว่าเขาทำแบบนี้ได้เพราะอีกฝ่ายคือจางอี้ชิง ถ้าเป็นคนอื่นเขาคงบอกได้เต็มปาก ว่าเป็นไปโดยหน้าที่ แต่กับคนนี้... ไม่ใช่
เขาอิจฉาไค เด็กคนนั้นทำอะไรได้ทุกอย่างที่ใจคิด อยากจะเอาใจหรือแสดงออกว่าคิดถึง ว่าเป็นห่วงมากแค่ไหนก็ได้ ...เขาเองก็อยากทำแบบนั้น แต่...
“...นอนเถอะ” คริสแตะหลังมือกับข้างแก้มเนียนใสเบาๆ ก่อนจะลุกขึ้นแล้วเดินไปปิดไฟ ตอนที่เดินกลับมาที่เตียง เลย์ก็ล้มตัวลงนอนแล้ว
“ราตรีสวัสดิ์ตุ้ยจาง”
“ราตรีสวัสดิ์...” คริสบอกทั้งที่ยังนอนลืมตา มองดวงหน้าขาวละมุนที่แนบลงกับหมอนตอนที่อีกฝ่ายเอียงใบหน้ามาทางเขา ก่อนจะหลับพริ้มอย่างเป็นสุข ร่างสูงจึงได้หลับตาลงบ้าง
.
.
.
คืนนั้นคริสฝัน... ฝันว่าเขานั่งอยู่บนอีกเตียงหนึ่ง เอื้อมมือไปดึงผ้าห่มให้กับร่างโปร่งบางที่ค่อยๆ เอนตัวลงนอน ก่อนจะแนบริมฝีปากลงตรงกลางหว่างคิ้วแสนน่ารัก ...บอกราตรีสวัสดิ์ด้วยจูบแสนหวาน ก่อนจะล้มตัวลงนอนเคียงข้างกัน
ช่างเป็นฝันที่ดีเสียจนใบหน้าหล่อเหลาระบายยิ้มทั้งที่หลับตา หลุดละเมอออกมาโดยที่เจ้าตัวไม่รู้
“...ราตรีสวัสดิ์ ...ที่รัก”
TBC.
เค้าใจร้ายกับพี่คริสเกินไปมั้ยอ่ะ? ฮะๆๆๆ
ช่วงนี้คนอ่านต้องมีความสุขมากๆ แน่เลย แอดมินกระท่อมสลับกันมาลงฟิคแบบต่อเนื่อง ฮะๆๆๆ
จะเป็นอย่างนี้ได้นานมั้ย :P
เจอกันใหม่ตอนหน้าค่ะ ^^
ความคิดเห็น