คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : MKML ตอน 03 ::: Luhan's plan (1)
[Fic] My Kris, My Lay
Fiction by 2nd Admin
ตอนที่ 3
.
.
.
“......”
“หวัดดี”
“...หวัดดี”
“คนจีนเหรอ?”
“อ.. อื้ม”
“ดีจัง ฉันชื่ออี้ชิงนะ จางอี้ชิงจากฉางซา นายล่ะ?”
“...ฉัน ...อู๋อี้ฟาน”
“หือ? อู๋ฟาน?”
“......”
“อู๋ฟานเหรอ? ชื่อเท่จัง”
“......”
“มองอะไร? คุ้นหน้าฉันเหรอ?”
“อี้ชิง...”
“หือ?”
“จางอี้ชิง...”
“ฮะๆๆๆ อะไร? กลัวลืมรึไง?”
...ไม่ลืมหรอก ...ฉันไม่มีวันลืมนาย
...ไม่มีวัน
.
.
.
“ยังไม่ง่วงอีกเหรอเสี่ยวลู่?”
เที่ยงคืนกว่าแล้วตอนที่เลย์มองนาฬิกาครั้งสุดท้าย เขาปิดสมุดจดบันทึกแล้วเอี้ยวตัวไปวางมันไว้บนโต๊ะหัวเตียง ก่อนจะหันกลับมาหารูมเมทรุ่นพี่ที่ตอนนี้กำลังสนอกสนใจกับเจ้ารูบิคทรงประหลาด ของเล่นใหม่ที่เจ้าตัวเพิ่งได้มาจากรายการวาไรตี้โชว์ที่ไปอัดเทปมาวันนี้
“แป๊บนะ เกือบได้ละ” ลู่หานบอกแล้วแตะปลายลิ้นที่มุมปาก เรียวนิ้วทั้งสิบช่วยกันหมุนลูกบิดหลากสีนั้นอย่างคล่องแคล่ว แววตาขี้เล่นปนความอยากเอาชนะทำให้ใบหน้าน่ารักยิ่งดูน่าเอ็นดู เลย์มองเพลินๆ ได้ไม่ถึงครึ่งนาที คนเป็นพี่ก็ยืดตัวขึ้นแล้วตะโกนอย่างตื่นเต้น “เย้! สำเร็จ!”
ร่างสูงโปร่งกระโดดข้ามฝั่งจากเตียงตัวเองมานั่งอยู่บนเตียงรุ่นน้องคนโปรดด้วยท่าทางลิงโลด
“อี้ชิงดูสิ! เค้าเก่งมั้ย”
“เก่งสิ เสี่ยวลู่เก่งที่สุดอยู่แล้ว”
“ใช่มั้ยล่ะ” คนน่ารักถือโอกาสล้มตัวลงนอนหนุนตัก มองรูบิคที่มีตัวหนังสือ EXO เขียนอยู่ชัดเจนแล้วก็ชูมันขึ้นสูงๆ “เหลือเชื่อเลยนะที่วันนี้ได้เจออาจารย์หวังด้วย เค้าก็เพิ่งรู้ตัวว่าตัวเองเล่นคิวบิคมือเดียวได้ โอกาสแบบนี้หาไม่ได้ง่ายๆ เลยนะ”
“อื้ม” คนเป็นน้องพยักหน้าแล้วยิ้ม เอนหลังลงพิงหมอนแบบสบายๆ ท่าทางคืนนี้ลู่หานคงไม่ยอมนอนง่ายๆ ก็อัดรายการวันนี้น่ะ มีแต่เรื่องสนุกๆ ให้จอมซนทำ ถึงการถ่ายทำจะยาวต่อเนื่องมาจนถึงช่วงหัวค่ำ แต่ตุ๊กตาแบตเต็มอย่างลู่หานก็ดูจะยังไม่หมดแรงง่ายๆ
แต่ยังไงพรุ่งนี้ก็ต้องรีบออกเดินทางแต่เช้ามืดด้วยนี่นะ
เสียงเคาะประตูดังขึ้นสองสามครั้ง ยังไม่ทันที่ลู่หานจะบอกว่าไม่ได้ล็อค บานประตูก็เปิดออกก่อนแล้ว ร่างสูงใหญ่ที่เดินอาดๆ เข้ามาอย่างถือวิสาสะทำให้คนน่ารักถึงกับเซ็ง
“จะเข้าห้องคนอื่น ไม่ต้องรอให้เจ้าของห้องอนุญาตก่อนเลยเหรอตุ้ยจาง?”
“ก็เคาะแล้วไง” คริสบอกหน้าตาเฉย มองลู่หานเหมือนเป็นอากาศธาตุตอนที่เจ้าของห้องอีกคนส่งยิ้มมาให้เงียบๆ รอยบุ๋มน่ารักนั่นมักจะทำให้เขายิ้มตอบโดยไม่รู้ตัวเสมอ แต่ไม่ใช่คราวนี้ เพราะพอร่างสูงไล่สายตาไปหยุดที่ตักเล็กๆ ที่คนรองใช้หนุนหัวต่างหมอน เรียวคิ้วแสนเท่ก็ต้องกระตุกด้วยความหมั่นไส้ปนอิจฉา
ทำไมมีแต่ลู่หานที่ทำแบบนี้ได้นะ...!
“ฉันมาเอาไดร์เป่าผม” เขาบอกแล้วเบือนหน้าไปอีกทาง รู้อยู่แล้วว่ามันอยู่ตรงไหนตั้งแต่ก่อนที่ลู่หานจะบอก
“อยู่บนโต๊ะโน่นแน่ะ”
“ใช้แล้วไม่รู้จักเอาไปคืน ทีหลังจะไม่ให้ยืม”
“ขอโทษนะตุ้ยจาง ฉันว่าจะเอาไปคืนเองแต่ก็ลืม”
“.....?” คริสชะงักแล้วหันมาเลิกคิ้ว ก็คนที่บอกแก้ตัวน่ะไม่ใช่จอมแสบ กลับเป็นเลย์ที่ยิ้มน้อยๆ อย่างเกรงใจ ส่วนคนที่เขาคาดโทษอยู่เมื่อครู่ก็กำลังกลั้นหัวเราะจนตัวงอ
“เค้าเอามาเป่าผมให้อี้ชิง น้องเพิ่งหายป่วย จะให้นอนทั้งที่หัวเปียกได้ยังไง”
ดูนะ พอเห็นเขาเหวอหน่อยก็มาทำเป็นตีสีหน้าจริงจังข่ม
ใช่สิ! ตลอดช่วงอาทิตย์ที่ผ่านมานี่ เขาถูกเล่นงานด้วยประโยคเดิมซ้ำๆ กันไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง ‘...อี้ชิงไม่สบาย ...น้องไม่สบาย ...ไม่สบาย’ ตอกย้ำความผิดที่ว่าเขามันสะเพร่าจนทำให้สมาชิกคนสำคัญเกือบจะต้องจมน้ำจนไข้ขึ้น คริสขมวดหัวคิ้วแล้วเสมองไปทางอื่นเมื่อนึกคำพูดไม่ออก ซักพักก็หันกลับมา ยกมือขึ้นกอดอกแล้วดุคนที่นอนยิ้มสะใจเสียงงวด
“แล้วนายไปนอนหนุนตักน้องทำไม อี้ชิงเจ็บเอวอยู่นะ”
“...ไม่เห็นจะเกี่ยวเลย” ถึงจะเถียงแบบนั้นแต่ลู่หานก็รีบเด้งตัวลุกขึ้นนั่ง กอดอกมองคนขี้เก๊กด้วยความหมั่นไส้ อิจฉาเค้าแล้วก็มาทำเป็นดุ อย่างนี้มันต้องเอาคืนกันบ้าง!
คนน่ารักจุดยิ้มที่มุมปาก ก่อนจะลอยหน้าลอยตาถาม
“เออนี่ตุ้ยจาง แล้วพรุ่งนี้จะได้เจอพวกนั้นก่อนไปอัดรายการมั้ย?” ลู่หานหมายถึงหกสมาชิกฝั่งเคที่มีตารางต้องบินมาจีนเพื่ออัดรายการวาไรตี้โชว์ด้วยกันในอีกเมืองหนึ่ง นั่นคือเหตุผลที่พวกเขาเองก็ต้องออกเดินทางแต่เช้าเพื่อไปสมทบที่นั่น
“พี่ผู้จัดการบอกว่าพรุ่งนี้ลงเครื่องแล้วให้ไปที่โรงแรมก่อน แล้วค่อยออกไปพร้อมกัน”
“อ้อ... งั้นก็คงได้เจอกันแป๊บนึง”
“ถามทำไม?”
“ก็จะได้มีเวลาคุยกันก่อนไปอัดรายการไง เห็นอี้ชิงบ่นๆ ว่าคิดถึงจงอิน” ลู่หานยิ้มหน้าแป้น ทำตาใสสุดชีวิตตามประสาคนรักน้องที่ทนเห็นน้องทรมานด้วยความคิดถึงไม่ได้
แต่คริสไม่ยิ้มด้วย
“นอนกันได้แล้ว เดี๋ยวพรุ่งนี้ตื่นสาย”
เขาบอกเสียงห้วนแล้วเดินไปที่ประตู ก่อนจะชะงักแล้วหันกลับมา เดินกลับไปหยิบไดร์เป่าผมบนโต๊ะแล้วรีบเดินออกจากห้องโดยไม่บอกราตรีสวัสดิ์ซักคำ ลู่หานแทบจะกลั้นเสียงหัวเราะรอให้บานประตูปิดไม่ไหว
คนน่ารักหัวเราะจนตัวงอ กลิ้งไปกลิ้งมาอยู่บนเตียง เลย์มองแล้วก็เอียงหน้าด้วยความไม่เข้าใจ ยื่นมือไปสะกิดแขนรูมเมทรุ่นพี่เบาๆ
“เสี่ยวลู่”
“หือ?”
“ฉันบอกว่าคิดถึงจงอินตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?”
“ก็... แหะๆ”
.
.
.
เพราะเป็นรายการที่ต้องถ่ายทำในอีกเมืองหนึ่ง หกสมาชิกฝั่งจีนจึงต้องตื่นขึ้นมาเตรียมตัวกันตั้งแต่ฟ้ายังไม่สางเพื่อขึ้นเครื่องบินไฟล์ทแรกในตอนเช้ามืด พวกเขามาถึงโรงแรมที่พักในฉางซาตั้งแต่ก่อนแปดโมงเช้า ตอนนั้นอีกหกสมาชิกพี่น้องจากฝั่งเกาหลีก็ยังมาไม่ถึง แต่พี่เมเนเจอร์บอกให้พวกเขาเปลี่ยนเสื้อผ้าทันทีที่เก็บของเสร็จ พวกเขาต้องหล่อพร้อมตั้งแต่ที่โรงแรมเพื่อประหยัดเวลาเมื่อไปถึงสถานที่อัดรายการ เนื่องจากจำนวนสมาชิกที่ค่อนข้างมาก อาจเป็นปัญหากับกองถ่ายได้
ลู่หานวิ่งเข้าห้องนั้นออกห้องนี้ในชั้นที่พักของพวกเขาอย่างกระตือรือร้น ถึงคริสกับซิ่วหมินจะพยายามห้ามหลายครั้ง แต่เขาก็อ้างว่าถ้าอยู่เฉยๆ จะทำให้ง่วง สุดท้ายวิธีเดียวที่จะทำให้ตุ๊กตาแบตเต็มอย่างลู่หานยอมอยู่นิ่งๆ ก็คือพาเลย์มาที่ห้องคริสให้พี่สไตลิสต์แต่งตัวให้ คนหวงน้องชายถึงต้องตามมานั่งเฝ้าแบบไม่ยอมลุกไปซนที่ไหนอีก จนได้ยินว่าสมาชิกจากเกาหลีมาถึงห้องพักแล้วนั่นแหละ ลู่หานถึงเป็นคนแรกที่วิ่งออกมาจากห้องเพื่อมาต้อนรับน้องๆ
เมื่อได้เห็นคนน่ารักมายืนยิ้มร่าอยู่กลางทางเดิน ร่างสูงโปร่งที่เดินรั้งท้ายก็รีบแทรกกายขึ้นมายืนด้านหน้าพร้อมรอยยิ้มกว้าง
“ฮยอง~!”
“เซฮุน~”
คู่พี่น้องที่ไม่ได้เจอหน้ากันนานทำท่าจะโผเข้าหากันด้วยความคิดถึง แต่ร่างสูงใหญ่ของสมาชิกฝั่งเคอีกคนก็ก้าวมาดักหน้าแล้วล็อคคอเซฮุนไว้ (อันที่จริงก็แค่กอดคอนั่นแหละ แต่กล้ามแขนท่อนใหญ่จนน่ากลัวว่ามักเน่ร่างบางกว่าอาจจะหายใจไม่ออกได้)
“หวัดดีครับเสี่ยวลู่”
“ลามปาม!” คนน่ารักตวาดกลับ ที่ยิ้มร่าอยู่เมื่อครู่เปลี่ยนเป็นบึ้งตึงในทันที “กล้าดียังไงมาเรียกชื่อฉันเฉยๆ! นายต้องเรียกฉันว่า ‘พี่’ สิ!”
คนถูกดุยังยิ้มรับ นอกจากผิวกายคมเข้มแล้ว รอยยิ้มกว้างแบบนี้แหละที่ใครต่อใครก็มองเหมือนกันว่ามันช่างสว่างไสวและมีเสน่ห์เป็นที่สุด คงมีแต่ลู่หานที่ออกจะหมั่นไส้
ไคยักไหล่แล้วส่งยิ้มกวน
“ทีเซฮุนยังเรียกได้เลย”
“เซฮุนเรียกได้ คนอื่นก็เรียกได้ แต่นายห้าม!”
“ว้า... มีสิทธิพิเศษเสมอเลยผมเนี่ย” รุ่นน้องเกาท้ายทอยแล้วทำปากยื่น นัยน์ตาแพรวพราวคู่นั้นยังไม่หยุดล้อเล่น ลู่หานเห็นแล้วนึกอยากจะเอานิ้วจิ้มนัก
“เลิกแหย่ฮยองซักทีน่า จงอิน” เซฮุนบอกเสียงอ่อนแล้วเอาศอกกระทุ้งช่วงท้องเพื่อนร่วมวงสองสามทีให้ปล่อยเขาเป็นอิสระ ก่อนจะถลาเข้าไปเกาะแขนรุ่นพี่ที่ตัวเล็กกว่าไว้ เอียงคอซบลงตรงไหล่อย่างออดอ้อน “คิดถึงผมมั้ย~?”
“คิดถึงสิ อยู่ที่นี่ไม่มีใครเล่นด้วยเลย เปาจื่อชอบขัดใจฉันอยู่เรื่อย จื่อเต๋าก็ชอบใช้กำลัง”
“ผมก็เหมือนกัน คิดถึงเสี่ยวลู่ที่สุดเลย~”
เห็นสองพี่น้องกอดกันตัวกลม คนที่เหมือนจะเป็นส่วนเกินก็เลยเบะปาก
“เฮ้ออออ จะมีใครคิดถึงผมมั่งมั้ยเนี่ย...?” น้ำเสียงเหมือนน้อยใจ แต่ประกายวิบวับในแววตาขี้เล่นนั่นก็บอกว่าไม่ใช่แน่ๆ
ลู่หานย่นจมูกใส่ด้วยความหมั่นไส้!
ตอนนี้สมาชิกคนอื่นๆ ออกมารวมตัวกันตรงทางเดินหมดแล้ว บางคนทักทายกันแล้วก็แยกย้ายเข้าห้องพัก แต่บางส่วนก็ยังจับกลุ่มคุยกันอยู่ ลู่หานหันไปมองกลุ่มของแพคฮยอนก่อนจะหันกลับมาส่งยิ้มเจ้าเล่ห์ให้รุ่นน้องผิวเข้ม
“อะไรนะ? จงอินคิดถึงใครนะ?”
“....?!”
“อ๋อออ! นี่อี้ชิง แถวนี้มีคนคิดถึงนายแน่ะ” ส่งเสียงดังอย่างจงใจให้ได้ยินกันทั่ว แถมยังไม่พูดเปล่า ลู่หานเดินไปดึงแขนเมนเต้นฝั่งตัวเองออกมาจากกลุ่มของแพคฮยอน (แน่นอนว่ามีคริสกับชานยอลยืนอยู่ด้วย) ก่อนจะดันส่ง ยัดเยียดร่างโปร่งบางให้เข้าไปยืนชิดกับไค “นี่ไงจงอิน คนที่นายคิดถึงน่ะ”
ทั้งคู่มองหน้ากัน แลกสายตางงๆ กันอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่คนหัวไวจะรีบยิ้มรับ
“...ฮยอง! สบายดีหรือครับ?”
“อ.. อื้ม” เลย์พยักหน้าอยู่กับอก เพราะตอนนี้ทั้งตัวโดนรุ่นน้องดึงเข้าไปกอดไว้แล้ว (จริงๆ แล้วก็แค่กอดคออีกเหมือนกัน แต่วงแขนของไคมันทำให้คนตัวบางๆ หายเข้าไปในอ้อมกอดได้ง่ายไปนิด)
“อี้ชิงบ่นคิดถึงนายทุกวันเลยนะ”
“จริงหรือครับ? แหม... ผมนี่แย่จัง น่าจะโทรหาฮยองบ่อยๆ”
“ม.. ไม่เป็นไร ฉันก็ไม่ได้...”
“ฮึ่ม..” เสียงกระแอมทุ้มต่ำในคอจนฟังคล้ายเสียงคำรามดังขัดขึ้นพร้อมกับร่างสูงใหญ่ที่ยืนห่างออกไปไม่กี่ก้าว เรียกทุกสายตาให้หันไปมอง “อีกครึ่งชั่วโมงจะออกจากโรงแรม พี่ผู้จัดการบอกให้ฝั่งเคไปเตรียมตัว ฉันว่าพวกนายน่าจะไปกันได้แล้วนะ”
ไคกับเซฮุนพยักหน้ารับเงียบๆ
คริสปรายตามองมือใหญ่ที่ยังวางอยู่บนลาดไหล่บางแว่บหนึ่ง ก่อนจะเดินเข้าห้องตัวเองไป ไม่มีใครสังเกตสายตานั้นนอกจากลู่หาน จอมวางแผนจุดยิ้มแสนซนบนใบหน้าน่ารัก
เรื่องสนุกกำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว
TBC.
ตอนที่สามมันยาวค่ะ เลยตัดออกมาครึ่งนึงก่อน เดี๋ยวอีกซักพักจะเอาที่เหลือมาต่อให้นะคะ
หายไปทำมาหากินเสียนาน ฟิคขาดช่วงเลยทีเดียว ขออภัยอย่างแรง แหะๆๆ ^^"
เม้นท์ (และบ่น - -' ) ตามสะดวก แต่อย่ารุนแรงกะเค้านักน้า...~ ^^"
ความคิดเห็น