ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [KrisLay] เขียวหวานน่ารัก~♡

    ลำดับตอนที่ #3 : เขียวหวานน่ารัก ~ 03 ~

    • อัปเดตล่าสุด 8 ส.ค. 58



    [Fic] เขียวหวานน่ารัก~

    ตอนที่ 3

    Fiction by 2nd Admin

       

    .

    .

    .


                “เค้าว่าเจอกันโดยบังเอิญสามครั้งน่ะเป็นพรหมลิขิต อาจจะกลายเป็นรักแท้ก็ได้น้า~

                “เค้าน่ะใคร?”

                “ฮี่ๆๆ” ลู่หานจิ้มนิ้วเข้าที่แก้มตัวเองแล้วยิ้มแฉ่ง แทนคำตอบว่าต้นตอความเชื่อนั้นมาจากกูรูท่านไหน ตอนนี้เขานั่งเล่นอยู่บนเตียงของอี้ชิง ส่วนเจ้าของห้องก็นั่งอยู่ที่โต๊ะเขียนหนังสือ เปิดสมุดที่จะทำการบ้านค้างไว้ ปากกาก็อยู่ในมือแล้วแต่ยังไม่ลงมือทำอะไรซักอย่างก็เพราะมัวแต่เล่าเรื่องที่เจอคนดังกวนประสาทเมื่อเย็นนี้ให้เพื่อนฟัง แต่ดูเหมือนว่าลู่หานจะเห็นเป็นเรื่องสนุกมากกว่าจะชวนให้หัวเสีย “คิดดูนะ เมื่อวานนี้แค่วันเดียว นายได้เจอกับหมอนั่นตั้งสามครั้งแบบบังเอิ๊ญบังเอิญ ครั้งแรกก็พ่นน้ำใส่หน้า ครั้งที่สองก็ทำแกงหกเลอะเสื้อ แล้วครั้งที่สาม... ครั้งที่สามนี่แค่เดินชนใช่มั้ย? เอาเถอะ ถือว่าเป็นเรื่องบังเอิญเหมือนกัน ดูสิ แต่ละครั้ง ธรรมดาซะที่ไหน จะมีใครในมหาลัยนี้โชคดีเท่านายอีกล่ะ”

                “นายเรียกสิ่งที่ฉันเจอว่าโชคดีงั้นเหรอ?”

                “แน่น๊อน อย่าลืมสิ หมอนั่นน่ะป๊อบนะ ทั้งหล่อ รวย เล่นกีฬาก็เก่ง แถมยังเป็นเด็กนอกอีก สาวๆ ทั้งมหาลัยอยากมีโอกาสได้ใกล้ชิดแบบตัวต่อตัวกับเค้าอย่างนายมากแค่ไหน แล้วนายเองก็ต้องทำข่าวให้จงแดไม่ใช่รึไง เจอกันบ่อยๆ แบบนี้เดี๋ยวก็ได้จังหวะเหมาะๆ ขอสัมภาษณ์เองแหละ”

                “ฉันกลัวจะโมโหจนความดันขึ้นตายซะก่อนน่ะสิ” คนตัวเล็กว่าพลางทำหน้ามุ่ย ยกมือขึ้นกอดอกฉับ ลู่หานที่นั่งท้าวคางมองเพื่อนสนิทอยู่บนเตียงก็ได้แต่อมยิ้ม ปกติแล้วจางอี้ชิงไม่ใช่คนขี้โมโหง่าย เวลาอยู่กับเขา ต่อให้แหย่แรงแค่ไหนก็ไม่เคยโกรธ ตื่นตูมง่ายก็จริงแต่ไม่ใช่คนขี้โวยวาย ถึงจะไม่มีเพื่อนเยอะนักแต่ก็ไม่ใช่ว่าชอบสร้างศัตรู เขาไม่เคยเห็นอี้ชิงต่อว่าใครลับหลังมาก่อน ดูเหมือนเรื่องของคนดังจะกวนใจเพื่อนเขามากทีเดียว ถึงได้ดูหัวเสียจนผิดวิสัยแบบนี้ แต่ก็น่าสนุกดีออก เวลาที่มีใครซักคนเข้ามาวิ่งวนอยู่ในความคิดเนี่ย มันดีออกน้า~...

                “เออ ว่าแต่นายเถอะ ตกลงแฟนนายเป็นใครกันแน่?”

                “ห..ห๊ะ? แฟน? แฟนใคร?”

                “ก็แฟนนายไง” จู่ๆ หัวข้อสนทนาก็เปลี่ยนเป็นเรื่องของตัวเอง อี้ชิงคงคิดจะลักไก่กัน แต่ลู่หานก็สั่นหัวดิก

                “แฟนอะไร? ไม่มี๊”

                “อย่ามาโกหก ฉันรู้นะว่านาย...”

                “เฮ้ยเดี๋ยวก่อน มีไลน์เข้ามา” เสียงสัญญาณสั้นๆ นั้นช่วยชีวิตไว้ได้ทันก่อนที่อี้ชิงจะกระโจนมาคาดคั้นความจริงเอากับเพื่อนที่นั่งลอยหน้าอยู่บนเตียง มองลู่หานที่หยิบสมาร์ทโฟนขึ้นมาจิ้มๆ ดูแป๊บนึงก็ฉีกยิ้ม ดวงตาซุกซนดั่งลูกกวางนั้นเป็นประกายวิบวับ ก่อนจะรีบกระโดดลงจากเตียงเขาแล้ววิ่งไปที่ประตูห้อง “เอาไว้คุยกันทีหลังนะ ฉันกลับห้องก่อน”

                “เดี๋ยวดิ!

                “ฝันดีนะ อย่าลืมฝันหวานถึงคนหล่อล่ะ”

                “อ.. ไอ้กวางบ้า!” อี้ชิงคว้าหมอนบนเตียงขึ้นมาแต่ก็ไม่ทันเมื่อเพื่อนสนิทรีบออกจากห้องโดยไม่ลืมที่จะปิดประตูให้ เขาถอนหายใจเซ็งๆ หมอนที่ตั้งใจจะปาใส่หลังเพื่อนก็เปลี่ยนเป็นเอามากอดไว้แทน ใบหน้าน่ารักที่ลู่หานชอบชมนักหนานั้นมุ่ยตุ้ยเมื่อนึกถึงใบหน้าหล่อเหลาของพ่อคนดัง

     

                เรื่องอะไรจะต้องฝันถึงคนขี้เก๊กแบบนั้น ถ้าฝันถึงหมอนั่นจริง คงเป็นฝันร้ายอย่างสุดๆ แน่ๆ

     

    .

     

    .

     

    .

     

                “รูปเจ๋งๆ ทั้งนั้นเลยนี่นา ยอดไลค์เพจเราต้องพุ่งกระฉูดแน่ ทำดีมากเลยอี้ชิง” ประธานชมรมหนังสือพิมพ์ออนไลน์ดูจะพอใจกับรูปล็อตใหม่ที่อี้ชิงโหลดใส่ธัมพ์ไดร์ฟมาให้ในเช้านี้เป็นพิเศษ ก็แหงล่ะ เกือบสองอาทิตย์ตั้งแต่ลงข่าวนักเรียนแลกเปลี่ยนในเวบเพจ ก็เพิ่งจะมีล็อตนี้เองที่ได้เห็นหน้าหล่อๆ นั้นเต็มๆ ซ้ำดวงตาคู่คมนั้นยังจ้องตรงมาราวกับจงใจให้ถ่าย คิมจงแดขยับแว่นสายตาที่สวมขณะกดนิ้วเลือกรูปที่จะอัพโหลดลงในเวบอย่างกะตือรือร้น ขนาดเขายังต้องยอมรับว่ารุ่นพี่คนนี้มีสเน่ห์มากๆ ถ้าสาวๆ ได้เห็นรูปในเวบจะต้องหลงมองจนหน้าจอละลายแน่

                อี้ชิงนั่งอยู่ที่ฝั่งตรงข้ามของโต๊ะ เหลือบตามองลู่หานที่นั่งหลบมุมก้มหน้าก้มตาอ่านไลน์แล้วยิ้มอยู่คนเดียวตรงมุมห้องแล้วก็อดจะจิ๊ปากเบาๆ ไม่ได้ ตอนนี้จงแดกำลังอารมณ์ดี ว่าจะลองให้ลู่หานลองเลียบๆ เคียงๆ ถามเรื่องเปลี่ยนงานให้หน่อย แต่เพื่อนรักดันติดแชทเสียได้ สงสัยเขาคงต้องลองเสี่ยงคุยเองเสียแล้ว

                “นี่จงแด คือว่า เรื่องสัมภาษณ์น่ะ...”

                “เออจริงด้วย ฉันประกาศไปแล้วนะว่าเราจะเอาบทสัมภาษณ์แบบเอ็กซ์คลูซีฟมาลงเพจในวันจันทร์หน้า เพราะงั้น นายต้องส่งงานฉันภายในวันอาทิตย์นี้”

                “ว.. ว่าไงนะ?”

                “ก็นายขอเวลาฉันแค่อาทิตย์เดียวไม่ใช่หรือไง” อี้ชิงต้องรีบงับปากเมื่อดวงตาเรียวเล็กมองลอดแว่นมาหาเขาพลางเลิกคิ้วคล้ายจะถามย้ำ เห็นตัวเล็กๆ หน้าเนิร์ดๆ แบบนี้แต่จงแดน่ะจริงจังเอาเรื่องอยู่ ถ้าจะคุยเรื่องงาน อี้ชิงต้องระมัดระวังทุกคำพูดทีเดียว คิดแล้วอี้ชิงก็ฉีกยิ้มอ่อน ตะล่อมเสียงนุ่ม

                “จงแด คือช่วงนี้ฉันต้องทำรายงานเยอะมาก แล้วอาทิตย์หน้าก็มีสอบเก็บคะแนนด้วย ไม่มีเวลาไปนั่งเฝ้าหมอ... เอ่อ คริสน่ะ ฉันไม่มีเวลาไปนั่งเฝ้าเค้าทุกวัน ถ้ายังไงนายให้...”

                “ไม่ได้ นายรับงานนี้ไปแล้วก็ต้องจัดการให้เรียบร้อย” พูดยังไม่ทันจบก็ถูกตัดบทเสียแล้ว ประธานชมรมเขาฉลาดจะตาย แค่เห็นอี้ชิงอ้าปากก็เดาเรื่องได้หมดแล้วมั้ง ส่งสายตาไปขอความช่วยเหลือจากลู่หานซึ่งตอนนี้ยอมทิ้งหน้าจอสมาร์ทโฟนแล้วหันมาสนใจเรื่องของเพื่อนขึ้นมาบ้าง แต่ก็ทำได้แค่ยักไหล่อย่างช่วยไม่ได้ สุดท้ายอี้ชิงก็เลยได้แต่โอด

                “จงแด... นายก็รู้ว่าฉันเก่งแต่ถ่ายภาพ”

                “ฉันถึงให้นายลองทำอย่างอื่นบ้างไง อีกอย่าง สมาชิกคนอื่นๆ ก็มีงานกันหมดแล้ว ลู่หานก็ต้องทำข่าวกิจกรรมในมหาลัยทุกวัน งานยุ่งแบบนั้นไม่มีเวลาไปช่วยนายหรอก”

                “แต่ฉัน...”

                “ถ้านายไม่อยากทำงานนี้จริงๆ ก็มีทางเลือกอีกทาง” แค่หนึ่งนิ้วของจงแดที่ชูขึ้นก็ทำให้อี้ชิงมีความหวัง ยืดตัวขึ้นแล้วรอฟังอย่างกะตือรือร้น “ฉันจะทำแทนนายเอง”

                “จริงนะ?”

                “จริงสิ เอาเบอร์โทรรุ่นพี่มา หรือไลน์ก็ได้”

                “ว.. ว่าไงนะ?”

                “ฉันไม่ใช่ตากล้องอย่างนายนะ ไม่ต้องไปนั่งเฝ้าเค้าทั้งวัน แค่งานสัมภาษณ์น่ะ คุยโทรศัพท์หรือไลน์เอาก็ได้ ถ้านายอยากให้ฉันทำแทนก็เอาเบอร์รุ่นพี่มา” จงแดบอกหน้าตาเฉยแล้วก้มลงสนใจกับการอัพรูปต่อ ปล่อยให้อี้ชิงยิ้มค้าง นี่ประธานชมรมเขาไม่รู้จริงๆ หรือว่าแกล้งโง่ คนดังที่เข้าถึงตัวยากขนาดนั้น จะแค่เบอร์โทรศัพท์หรือบทสัมภาษณ์มันก็ยากพอกันทั้งนั้นแหละ นึกว่าจะมีทางรอดแล้วเชียว อี้ชิงได้แต่ครางเสียงทดท้อแต่จงแดหาได้เห็นใจไม่

                “เลือกเอาแล้วกันว่าจะสัมภาษณ์เอง หรือไปขอเบอร์เค้ามาให้ฉัน”

     

    .

     

    .

     

    .

     

                “นี่ๆๆ พวกเธอดูสิ รุ่นพี่คริสรูปนี้หล่อมากเลยอ่ะ”

                “อร๊ายยย ดูตาเค้าสิ เหมือนกำลังจ้องมาที่ฉันเลย ฮือออ ฉันจะละลาย”

                “อยากจะกดไลค์ซักร้อยครั้งเลยอ่ะเธอ”

                “รูปนี้ก็หล่อนะ รูปนี้ก็ด้วย ฮืออออ เลือกไม่ถูกเลย”

                “หล่อมากเลยอ่ะ ทำไงดี ทำไงดี”

                “อร๊ายยยยย”

     

                เป๊าะ!

     

                ตกใจกับเสียงวี้ดว้ายจนหัวดินสอกดหักคามือเลยทีเดียว อี้ชิงหันควับไปมองกลุ่มสาวๆ ที่นั่งแถวหลังในห้องเลคเชอร์ เห็นพวกเธอกำลังยื้อแย่งไอแพ็ดกันก็พอจะเดาได้ว่าคงกำลังแทะโลมรูปคนดังที่จงแดเพิ่งอัพโหลดลงในเวบเพจของชมรมเมื่อเช้านี้แน่ๆ ลำพังแค่คอมเม้นท์ถึงความหล่อกันอย่างเดียวเสียงก็ดังจะแย่ นี่ถึงขนาดกรี๊ดกร๊าดกันเลย ถึงตอนนี้อาจารย์จะยังไม่เข้ามาในห้องก็เถอะ แต่ทำไมไม่รู้จักเกรงใจคนอื่นกันบ้างนะ อี้ชิงย่นจมูกพลางบุ้ยปาก คิดดูแล้วก็ไม่ยุติธรรมเลย รูปจะออกมาดีแค่ไหนคนก็ชมกันแต่นายแบบ จะชมฝีมือการถ่ายภาพของตากล้องบ้างก็ไม่มี

                หันกลับมาแล้วคนตัวเล็กก็ถอนหายใจพลางยกมือขึ้นท้าวคาง มืออีกข้างก็ยังขีดเขียนสมุดเลคเชอร์ไปเรื่อยเปื่อย เขายังคิดไม่ออกเลยว่าจะไปเอาเบอร์มือถือของคริสมาให้จงแดได้ยังไง จะเข้าไปขอตรงๆ คนขี้เก๊กแบบนั้นก็ต้องไม่ให้แน่ แต่ถ้าเอาเบอร์ไปไม่ได้ เขาก็ต้องสัมภาษณ์หมอนั่นเอง ยิ่งเป็นไปไม่ได้เข้าไปใหญ่ แค่คุยกันดีๆ ให้เกินสามคำยังยากเลยมั้ง

                ...แต่เดี๋ยวก่อน เสียงกรี๊ดกร๊าดที่ดังมาอีกระลอกทำให้อี้ชิงนึกอะไรขึ้นได้ หมอนั่นถูกสาวๆ รุมล้อมอยู่ทุกวัน ต้องแอบแจกเบอร์โทรใครเอาไว้บ้างล่ะ

                “นี่พวกเธอ” ไวเท่าความคิด เขาหันควับกลับไปหากลุ่มสาวๆ หลังห้องในทันที “มีใครมีเบอร์รุ่นพี่คริสบ้างมั้ย?”

    บรรดาแฟนคลับต้องรู้แน่ๆ ถ้าเป็นอย่างที่คิด เขาจะได้ไม่ต้องไปขอกับเจ้าตัว เรื่องจะง่ายขึ้นเยอะเลย แต่พอสาวๆ เงยหน้าขึ้นจากไอแพ็ดมามองเขาแล้วก็มองหน้ากันเอง คำตอบที่ได้ก็ทำให้อี้ชิงถึงกับเซ็ง

                “เบอร์รุ่นพี่น่ะเหรอ จะไปมีได้ยังไงล่ะ แค่คุยด้วยซักคำเค้ายังไม่เคยเลย”

                “ทำไมรุ่นพี่เค้าถึงหยิ่งนักก็ไม่รู้เนอะ วันก่อนฉันอุตส่าห์ซื้อขนมไปให้ เค้าก็ไม่ยอมรับ”

                “แหม คนหล่อเค้าก็ต้องถือตัวเป็นธรรมดา เข้าถึงยากแบบนี้แหละเท่ดี ทำหน้าเย็นชา ดูแบ้ดบอยดีออก เน้อ~

                “นั่นสิเน้อ~

    อี้ชิงพยักหน้าแล้วยิ้มแหยก่อนจะหันหลังกลับ ปล่อยพวกเธอเม้าท์กันต่อตามที่สบายใจดีกว่า เพราะดูเหมือนความคลั่งไคล้ของพวกหล่อนจะไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาของเขาเท่าไหร่ บางทีคงมีคนอื่นที่รู้ แต่อี้ชิงจะรู้ได้ยังไงว่าเป็นใคร เขาไม่ใช่ประเภทที่จะเดินท่อมๆ เข้าไปถามคนที่ไม่รู้จักกันแบบนั้นซะด้วย คิดแล้วก็ได้แต่ปลง ถอนหายใจยาวเหยียดพลางยกมือขึ้นท้าวคางจนแก้มล้น

     

                ยังไงก็ต้องไปถามเอากับเจ้าตัวอยู่ดีสินะ

     

    .

     

    .

     

    .

     

                เที่ยงพอดีตอนที่อาจารย์บอกเลิกคลาส อี้ชิงส่งข้อความบอกลู่หานว่าจะไปรอที่แคนทีนแล้วก็เดินออกมาจากห้องเลคเชอร์ตามหลังคนอื่นๆ แต่เลี้ยวออกไปทางบันไดข้างของตึกคณะฯ แทนที่จะเป็นด้านหน้า เพราะทางนี้เป็นทางลัดที่จะไปแคนทีนโดยไม่ต้องเดินตัดสนามฟุตบอล เพียงแต่ต้องเดินอ้อมหลังตึกคณะอื่นไปเท่านั้น

                ปกติแล้วนักศึกษาคนอื่นๆ จะไม่ชอบเดินผ่านทางนี้เพราะไม่มีวิวสวยงามให้ดูซักเท่าไหร่ ดังนั้นเมื่อมีใครคนหนึ่งนั่งอยู่ที่ขั้นบันไดหลังตึกคณะบริหารตามลำพัง จึงเป็นที่สะดุดตานัก ยิ่งรูปร่างสูงใหญ่และเส้นผมสีสว่าง แม้เพียงหางตาอี้ชิงยังรู้สึกคุ้นจนต้องเดินถอยกลับมามองให้ชัด พอรู้ว่าเป็นใครก็ถึงกับกรอกตามองบน ให้ตายเถอะ หมอนี่มีร่างอวตารอยู่ทุกที่ในมหาวิทยาลัยเลยรึไงนะ ไปที่ไหนก็เจอ

                คริสคนดังกำลังก้มหน้าก้มตากับสมาร์ทโฟนในมือจนไม่เห็นว่าเขาเดินผ่าน เรียวคิ้วบางเลิกขึ้นน้อยๆ เมื่อจู่ๆ แผนการณ์ที่จะได้เบอร์โทรคนดังก็ผุดขึ้นในหัว ดวงหน้าน่ารักค่อยระบายรอยยิ้มที่น้อยคนนักจะได้เห็น ก่อนจะเดินเข้าไปทักทายคนตัวโตกว่าด้วยน้ำเสียงสดใส

                “คุณชายอี้ฟาน~” ฝ่ายนั้นเงยหน้าขึ้นมาในทันที เห็นหน้าเขาแล้วก็ทำคิ้วขมวด ตอบกลับเสียงห้วน

                “ใครให้เรียกแบบนั้น”

                “ก็ชื่อจริงนายไม่ใช่เหรอ” แต่คนตัวเล็กหาได้ถือสา เดินลั้ลลาเข้าไปนั่งข้างๆ บนขั้นบันไดแล้วชวนคุย “ว่าแต่ มานั่งทำอะไรตรงนี้อ่ะ เที่ยงแล้วนะ ไม่ไปกินข้าวเหรอ?”

                คนหล่อถอนหายใจเบาๆ วางมือถือลงบนกระเป๋าข้างตัวแล้วเอนหลัง ท้าวศอกกับขั้นบันไดในท่าสบาย

                “ยังอ่ะ ตอนนี้คนคงเยอะ”

                “จริงด้วยสิเนอะ ที่แคนทีนน่ะคนเยอะจะตาย ฉันว่าไปกินข้าวตอนใกล้ๆ บ่ายก็ดีเหมือนกันนะ จะได้ไม่ต้องไปต่อแถว” นี่ก็ตีเนียนเข้าข้างอย่างไม่มีข้อสงสัย เห็นอีกฝ่ายเลิกคิ้วแล้วปรายตามามอง อี้ชิงก็ยิ้มสู้ ทำตัวเป็นมิตรอย่างที่สุด

                ทว่าพอลับหลังดวงตาคมดุ อี้ชิงก็แอบมองสมาร์ทโฟนเครื่องสวยที่ถูกวางทิ้งไว้ ถ้าจู่ๆ เขาเอ่ยปากขอเบอร์ออกไปคงจะดูประดักประเดิด นึกชื่นชมความฉลาดของตัวเองเหลือเกินที่ทำให้เขาคิดวิธีที่แนบเนียนกว่านั้นได้

                “นี่ ขอยืมโทรศัพท์หน่อยสิ”

                “เอาไปทำไม?”

                “คือจะโทรบอกเพื่อนว่าไปกินข้าวช้าหน่อย พอดีของฉันแบตหมดน่ะ” คริสมองหน้าเขาแล้วนิ่ง อี้ชิงก็มองตอบแล้วยิ้มตาใส นานทีเดียวกว่าอีกฝ่ายจะหยิบมือถือขึ้นมาแล้วยื่นให้

                “อ่ะ”

                “ขอบใจนะ” คนมีแผนยิ้มกว้างด้วยความดีใจ แทบจะกระโดดลุกขึ้นเต้นเลยด้วยซ้ำ แค่เขากดเบอร์ตัวเองลงไปแล้วกดปุ่มโทรออก เบอร์โทรของคริสก็จะไปโชว์อยู่ในเครื่องเขา แล้วเขาก็จะเอามันไปให้จงแด เพียงเท่านี้ก็หมดภาระกับคนดังซักที แผนแนบเนียนจนอยากจะปรบมือให้ตัวเองดังๆ เลยจริงๆ

                นิ้วเล็กบรรจงจิ้มหมายเลขที่ตัวเองจำได้ขึ้นใจลงไป มัวแต่กระหยิ่มยิ้มย่องในใจจนเผลอหัวเราะออกมา พอรู้ตัวก็รีบเอามือปิดปาก แอบชำเลืองมองคนที่นั่งข้างๆ ก็เห็นว่ากำลังจ้องหน้าเขาอย่างเอาจริงเอาจัง

                “ม.. มองอะไร?” นึกระแวงว่าตัวเองเผลอดี๊ด๊าจนมีพิรุธให้คนตัวโตจับได้หรือเปล่า แต่อีกฝ่ายกลับชี้นิ้วที่ข้างแก้มตัวเอง

                “นายมีตรงนี้ด้วย” ตำแหน่งเดียวกับรอยบุ๋มบนข้างแก้มที่อี้ชิงมีมาตั้งแต่เกิด หมอนี่เพิ่งเห็นคงเพราะนั่งข้างกัน อี้ชิงลอบพรูลมหายใจเบาๆ อย่างโล่งอก

                “ไม่เคยเห็นลักยิ้มรึไง” เห็นว่าอีกฝ่ายยังจ้องไม่วางตา ถึงขนาดตั้งศอกวางคางอย่างจริงจังแล้วอี้ชิงก็เลยเอี้ยวตัวหันหลังให้ มองหน้าจอแล้วก็ทวนเลขในใจอีกครั้งก่อนจะกดนิ้วที่ปุ่มสีเขียวเพื่อโทรออก โชคดีที่เขามักจะปิดเสียงเรียกเข้าไว้ตลอดเวลาที่อยู่ในมหาวิทยาลัย ตอนนี้เจ้ามือถือเครื่องจ้อยก็เลยได้แต่สั่นครืดๆ อยู่ในกระเป๋ากางเกง แก้มขาวป่องออกเมื่ออี้ชิงพยายามกลั้นขำจนกลายเป็นอมยิ้ม แผนการณ์ใกล้สำเร็จแล้ว แต่เมื่อชำเลืองมองเห็นว่าเจ้าของมือถือยังนั่งจ้องอยู่ใกล้ๆ ก็เลยแกล้งทำเป็นยกโทรศัพท์ขึ้นแนบหู

                “เอ่อ เสี่ยวลู่เหรอ นี่ฉันเองนะ พอดีโทรศัพท์แบตหมดก็เลยขอยืมเครื่องคนอื่นน่ะ จะบอกว่าฉันยังไม่ได้ไปที่แคนทีนนะ อาจจะไปซักเที่ยงครึ่งอ่ะ นายไม่ต้องรีบมาก็ได้ โอเคนะ บ๊ายบาย”

                กดปุ่มสีแดงเพื่อวางสายเสร็จก็เป็นอันปิดจ๊อบ อี้ชิงยกกำปั้นขึ้นศอกลมเบาๆ แล้วขยับปากร้อง เยส! แบบไม่มีเสียงก่อนจะแสร้งตีสีหน้าปกติแล้วหันกลับมาหาคริส ยิ้มน้อยๆ ตอนที่คืนโทรศัพท์ให้เจ้าของพร้อมเอ่ยคำขอบคุณ ทำตัวสงบเสงี่ยมทั้งที่ในใจกำลังลิงโลดว่าจะต้องรีบไปหาจงแดที่ห้องชมรมเสียเดี๋ยวนี้เลย

                “นี่เบอร์เพื่อนนายเหรอ?” ดูหมือนคริสจะกดเรียกเบอร์ที่โทรออกล่าสุดขึ้นมาอีกครั้ง อี้ชิงมองตัวเลขบนหน้าจอที่อีกฝ่ายโชว์ให้ดูแล้วก็พยักหน้า

                “ช.. ใช่สิ” ยิ้มรับหน้าชื่นแต่ในใจก็เริ่มตุ๊มๆ ต่อมๆ กระชับสายสะพายเป้เข้ากับหลังในท่าเตรียมพร้อม ต้องรีบเผ่นก่อนที่หมอนี่จะสงสัย แต่ทว่า...

     

              ครืดดด!

     

                “โอ๊ะ ใครโทรมา”

                เพราะคิดว่าอาจจะเป็นลู่หานโทรมาตาม ก็เลยรีบร้อนล้วงมือถือจากกระเป๋าขึ้นมาดู แต่พอมองหน้าจอแล้วเห็นเบอร์แปลกๆ ที่ไม่ได้บันทึกไว้ก็พึมพัมด้วยความสงสัย

                “เบอร์ใครเนี่ย ไม่เห็นคุ้นเลย”

                “ไหนว่าแบตหมดไง”

    เออจริง! อี้ชิงถึงกับสะดุ้ง หันมาทำตาโตใส่คนที่เพิ่งเตือนให้รู้ว่าเขาไม่ควรหยิบมือถือขึ้นมาตอนนี้ ริมฝีปากได้รูปเหยียดยิ้มร้ายแบบที่อี้ชิงมองแล้วต้องขยาด พอมองเลยไปยังสมาร์ทโฟนเครื่องหรูที่แกว่งไปมาอยู่ในมือเจ้าของ หน้าจอแสดงสัญญาณกำลังโทรออก และเบอร์ที่โชว์อยู่นั้นก็เป็นเบอร์ของเขาเอง

                “เฮ้ย!

                “อยากได้เบอร์ฉันทำไมไม่บอกกันดีๆ ล่ะเขียวหวาน” อี้ชิงอ้าปากค้าง มองหน้าคนหล่อแล้วก็มองหน้าจอสมาร์ทโฟนอีกครั้ง ก่อนจะก้มลงมองมือถือที่กำลังสั่นครืดๆ ของตัวเอง เขารีบเก็บมันลงกระเป๋าแล้วสั่นหัวดิก ปัดสองมือปฏิเสธเป็นพัลวัน

                “คือ... ไม่ใช่อย่างที่นายคิดนะ คือ... คือฉันจำเป็นจริงๆ เอ่อ... ช่างเถอะ ฉันไปก่อนดีกว่า” ลุกพรวดขึ้นแล้วตั้งใจจะวิ่งหนีแต่ก็ไม่ทัน เมื่อหลังเป้ถูกมือใหญ่คว้าหมับแล้วดึงไว้

                “เดี๋ยวก่อนสิ จะรีบไปไหน?”

                “ก็ไปแคนทีนไง หิวข้าวแล้ว” เสียงเย็นๆ ทำเอาเสียวสันหลังวาบ อี้ชิงพยายามดิ้นรนเพื่อจะเป็นอิสระแต่ก็ไม่สามารถ คริสใช้แค่มือเดียวด้วยซ้ำในขณะที่เขาต้องออกแรงสุดตัว แรงเยอะอะไรขนาดนี้ “คิดว่าฉันจะปล่อยนายไปง่ายๆ รึไง”

    ออกแรงฮึดอีกกี่ครั้งก็ดิ้นไม่หลุด จะสละเป้ทิ้งตรงนี้ก็ไม่ได้ เมื่อหนีไม่รอดอี้ชิงร้องครางออกมาในที่สุด ยกสองมือขึ้นปิดหน้าแล้วกระทืบเท้าปังๆ ด้วยความเจ็บใจ อีกนิดเดียวก็จะสำเร็จแล้วแท้ๆ ดันทำแผนแตกเองซะได้ อยากจะร้องไห้จริงๆ เชียว!

     

    เหลียวหลังแล้วแอบแหวกนิ้วมองคนที่ดึงเป้ไม่ยอมปล่อย สู้แรงยื้อไม่ได้ก็เลยต้องถอยกลับมานั่งที่เดิมในที่สุด ช้อนตาขึ้นมองคนตัวโตข้างๆ พอไม่เห็นแววปราณีก็ก้มหลบ บีบแขนบีบขาเสียจนตัวเล็กจ้อย

    “ฉันขอโทษก็ได้ที่โกหก” อีกฝ่ายไม่หือไม่อือ จ้องหน้าเขาไม่วางตา น่ากลัวเสียจนอี้ชิงต้องยกมือไหว้ “แต่ฉันจำเป็นจริงๆ นะ แค่เบอร์โทรเอง นายปล่อยฉันไปเถอะ”

    “นายได้เบอร์มือถือฉันไปแล้ว เกิดเอาไปขายต่อหรือไปแจกใคร ฉันก็แย่น่ะสิ”

    “ฉันจะทำอย่างนั้นเพื่อ?”

    “จะรู้เหรอ ไม่อย่างนั้นนายจะอยากได้เบอร์ฉันไปทำไม หรือว่า... จะเอาไว้แอบโทรหาเอง?” รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ที่มุมปากนั่นทำเอาคนตัวเล็กขนลุกซู่ แล้วยังยื่นหน้าเข้ามาใกล้ๆ อีก

    “จ.. จะบ้ารึไง!

    “งั้นก็บอกมาสิ ว่าอยากได้เบอร์ฉันไปทำไม” คริสปล่อยมือจากเป้เขาแล้วไพล่อกอย่างวางท่า ท่าทางจริงจังอย่างกับตำรวจไต่สวนผู้ต้องหาคดีลักทรัพย์ก็ไม่ปาน นี่แค่หลอกเอาเบอร์มือถือเองนะเนี่ย

    “คือ...” กัดปากอิ่มๆ อย่างชั่งใจอยู่เป็นครู่ถึงค่อยบอกเสียงอ่อย “นายช่วยให้สัมภาษณ์ฉันหน่อยได้มั้ยอ่ะ แค่ไม่กี่คำถามเอง ถ้านายรับปากนะ ฉันจะลบเบอร์นี่ทิ้งจากเครื่องทันทีเลย นะๆๆ?”

    “นายตอบไม่ตรงคำถาม ฉันถามว่าทำไมถึงอยากได้เบอร์ฉัน” จะทำเสียงเข้มข่มกันทำไมนักหนาเนี่ย แค่นี้ก็กลัวจะแย่ อี้ชิงล่ะอยากจะลุกขึ้นร้องกรี๊ดนัก

    “ก็เพราะว่านายน่ะเล่นตัว ไม่ยอมให้สัมภาษณ์ซักที ฉันก็เลยต้องเอาเบอร์นายไปให้คิมจงแด ให้เขาสัมภาษณ์นายเองไง”

    “ฉันเคยบอกตอนไหนว่าจะไม่ให้นายสัมภาษณ์”

    “เอ๊า!

    “นายยังไม่เคยเอ่ยปากถามฉันซักคำ”

    “ก็...!” อ้าปากจะเถียง แต่พอนึกย้อนไปว่าเขายังไม่มีโอกาสได้พูดคุยกับคนดังจริงจัง เรื่องสัมภาษณ์ หมอนี่ก็แอบได้ยินเองด้วยซ้ำ อี้ชิงก็เลยเถียงไม่ออก “ก็จริง...”

    “ซื่อบื้อจริงๆ เลย” นี่ก็ปากไวจนน่าให้โล่ ปากเสียขนาดนี้ พวกสาวๆ ยังกรี๊ดกันเข้าไปได้ยังไงนะ หรือว่ามีแค่เขาคนเดียวที่โดนแขวะ? แต่ช่างเถอะ ในเมื่อมาถึงขั้นนี้แล้ว หน้ามึนขอซึ่งๆ หน้าไปเลยแล้วกัน

    “งั้นนายให้ฉันสัมภาษณ์นะ แล้วฉันสัญญาว่าจะไม่มารบกวนนายอีกเลย นะๆๆ?”

    “อยากสัมภาษณ์ฉันจริงๆ?”

    “อื้อ” อี้ชิงพยักหน้ารัวเร็ว กระพริบตาวิ้งๆ หมายว่าน่ารักนักหนา เอาเถอะ ก็น่ารักอยู่ อย่างน้อยคนที่มองก็คงคิดแบบนั้นถึงได้พยักหน้าในที่สุด

    “ก็ได้” อี้ชิงเกือบจะลุกขึ้นกระโดดด้วยความดีใจ อุตส่าห์คิดหาวิธีตั้งนาน บทจะง่ายก็ง่ายเสียแบบนี้ “แต่มีข้อแม้นะ”

    “อ้าว” นั่นไง ว่าแล้ว คนดังน่ะเรื่องมากจะตาย ไม่มีอะไรง่ายหรอก

    “นายต้องจัดการเรื่องบางอย่างให้ฉัน”

    “เห...?” รอยยิ้มเจ้าเล่ห์นั้นไม่น่าไว้ใจเอาเสียเลย อี้ชิงเริ่มจะระแวงซะแล้ว หมอนี่อยากให้เขาทำอะไรกันแน่นะ?

     

     

     

     

     

     

     

     ทู บี คอนตินิว...

     

     

     

    คนรอง: ชอบบบบบบบบบบ >< ชอบความซื่อของนาง เขียนไปขำไป ฮะๆๆๆ

    หวังว่าคนอ่านจะชอบเหมือนกันนะฮะ ^^

    ตอนต่อไป เปิดตัวแฟน(?)ลู่หานกันดีกว่า คึๆๆ

     

    เจอกันใหม่ตอนหน้าจ้า ^^


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×