ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [KrisLay] เขียวหวานน่ารัก~♡

    ลำดับตอนที่ #20 : เขียวหวานน่ารัก ~ 20 ~

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.66K
      48
      8 พ.ค. 60


    [Fic] เขียวหวานน่ารัก~

    ตอนที่ 20

    Fiction by 2nd Admin 

    .

    .

    .

     

                จางอี้ชิงยืนเหวออยู่หน้าประตูห้องพักซึ่งเปิดอ้าอย่างเชื้อเชิญ หลังจากที่เจ้าของห้องเพิ่งจะเสียบคีย์การ์ดแล้วเดินนำเข้าไปก่อนหน้า ตาคู่ใสกระพริบปริบขณะที่สองมือเล็กกำสายสะพายเป้ไว้มั่น ทว่าสองเท้ากลับก้าวไม่ออก เขาพอจะนึกออกว่าคนรวยๆ ที่มีทั้งรถลีมูซีนพร้อมคนขับและมอเตอร์ไซค์ราคาแพงคงไม่พักหอพักราคาถูกใกล้มหาวิทยาลัยอย่างเขาแน่ อย่างน้อยๆ ก็ต้องหอพักในตัวเมืองอย่างที่พวกนักศึกษารวยๆ พักกัน แต่นี่มัน... เกินกว่าที่คิดไว้มาก 

                “ไม่เห็นบอกกันเลยว่าอยู่คอนโดฯ”

                “ก็นายไม่ได้ถาม” คนถูกย้อนได้แต่บุ้ยปาก ก็แหงล่ะ ใครจะไปคิด ตอนที่เลี้ยวรถเข้ามาจอดก็มัวแต่อึ้งจนลืมถาม ก็นี่มันคอนโดมิเนียมหรูใกล้ตัวเมืองที่ลู่หานเคยชี้ให้ดูตอนที่นั่งรถผ่าน แถมยังแอบไปส่องราคามาจนรู้ว่าแพงหูฉี่ พอได้เข้ามาเห็นการตกแต่งด้านในแล้วก็สมควรอยู่หรอก ขนาดแค่เดินเข้ามาในโถงล็อบบี้ยังมีแต่พนักงานคอยค้อมศีรษะให้จนตัวเกร็งไปหมด กว่าจะขึ้นลิฟท์มาได้ก็เล่นเอาต้องระบายลมหายใจทิ้งไปเฮือกใหญ่ สวยอยู่หรอกแต่น่าอึดอัดชะมัด พวกคนรวยๆ เค้าอยู่กันเข้าไปได้ยังไงนะ

                อี้ชิงนึกว่าคริสคงแวะมาหาใคร แต่พอมาถึงหน้าห้องพักแล้วคริสหยิบคีย์การ์ดขึ้นมาถึงรู้ว่าไม่ใช่ ทันทีที่ประตูห้องถูกเปิดก็เหมือนมีแสงสว่างจ้าสะท้อนเข้าตาจนเดินต่อไม่ถูก นี่ถ้าเฟอร์นิเจอร์แพงๆ ในห้องนั้นมีกลิ่นมันคงเตะเข้าจมูกเขาจนหน้าหงายไปแล้วกระมัง ขนาดพื้นห้องยังมันปลาบจนแทบไม่กล้าเหยียบ นี่มันห้องพักของนักศึกษาแลกเปลี่ยนที่มาอยู่แค่ชั่วคราวจริงๆ น่ะหรือ?

                “นี่เช่าใช่หรือเปล่า?”

                “ซื้อ”

                “ซื้อ? มาอยู่แค่สองเดือนนายซื้อห้องแพงๆ ขนาดนี้เลย?”

                “ก็ซื้อเอาไว้ เผื่อนึกอยากอยู่ที่นี่ยาวๆ”

                “สิ้นเปลืองชะมัด”

                “ตกลงจะเข้ามาไหม?” มาถึงนี่แล้วจะให้เปลี่ยนใจหนีกลับ พรุ่งนี้คิมจงแดคงตามไปลากตัวเขาถึงหอพักแน่ ถอนหายใจอีกครั้งแล้วคนตัวเล็กก็ค่อยก้าวเท้าผ่านประตูห้องเข้าไปอย่างระมัดระวัง ไม่ใช่อะไรนะ กลัวทำพื้นสวยๆ เลอะจะแย่ เห็นคริสถอดรองเท้าผ้าใบออกแล้วเปลี่ยนเป็นรองเท้าแตะก็ทำตามบ้าง

                “นายอยู่ที่นี่คนเดียวเหรอ?”

                “เห็นคนอื่นไหมล่ะ”

                “แล้วคุณลุงล่ะ?”

                “ลุงไหน?”

                “ก็คุณลุงพ่อบ้านที่แต่งตัวเต็มยศแล้วก็มีผู้ติดตามเหมือนในการ์ตูนไง”

                “อ้อ คุณเฮนรี่ ฉันให้กลับไปแล้ว รถลีมูซีนกับคนขับก็ด้วย” อี้ชิงพยักหน้าช้าๆ มิน่าล่ะ หลังจากวันนั้นก็ไม่เห็นรถคันใหญ่อีกเลย จะว่าไป คุณพ่อบ้านกับผู้ติดตามเยอะแยะขนาดนั้นเหมาะกับคฤหาสน์หลังใหญ่มากกว่า ถ้ามาอยู่ในห้องเดียวกันแบบนี้ ถึงจะกว้างขวางสมราคาก็เถอะ แต่ยังไงก็คงน่าอึดอัดอยู่ดี

                เดินตามเจ้าของห้องเข้ามาด้านในจนถึงห้องแรกซึ่งน่าจะเป็นห้องรับแขกกึ่งห้องนั่งเล่น มีโซฟาสีแดงเข้มตัวใหญ่อยู่ตรงกลางซึ่งคนตัวเล็กมองแล้วว่าน่าจะเหมาะ ลองเอานิ้วจิ้มๆ เบาะก็รู้สึกว่านุ่มดีถึงได้ปลดสายสะพายเป้จากหลังแล้ววางลง

                “ฉันนอนโซฟานี่ก็ได้”

                “ไม่ได้” แต่เจ้าของห้องสวนตอบทันควัน อี้ชิงขมวดคิ้วฉับ โซฟานี่มันแพงจนสละมาให้เขานอนต่างเตียงไม่ได้เลยสินะ

                “ขี้งก แล้วจะให้นอนกับพื้นรึไง”

                “จะนอนพื้นทำไม ห้องนอนก็มี” คนตัวเล็กหรี่ตาไม่ไว้ใจตอนที่เจ้าของห้องเดินนำเข้าไปด้านในกระทั่งมาหยุดหน้าประตูบานหนึ่ง

                “นี่ห้องนอนฉัน” แล้วไง? ยิ้มทำไม? อย่าบอกนะว่าจะให้นอนห้องเดียวกัน? แค่คิดอี้ชิงก็สั่นหน้าแล้วหันหลังขวับ

                “ฉันกลับไปอยู่หอพักดีกว่า”

                “เดี๋ยวสิ” แต่ต้นแขนก็ถูกคว้าให้ต้องหันกลับ อี้ชิงโก่งตัวหนีอัตโนมัติเหมือนกลัวว่าจะถูกดึงเข้าไปในห้อง ดิ้นรนจนได้ยินเสียงจิ๊กจั๊กสุดท้ายมือใหญ่ก็วางลงเหนือศีรษะ บังคับให้เขาต้องหันไปมองประตูอีกบานซึ่งอยู่ทางขวามือใกล้กันนั้น “นี่ห้องนาย”

                “ห้องฉันเหรอ?” ชี้นิ้วใส่หน้าตัวเองแล้วย้อนถามเพื่อความแน่ใจ ถึงจะเป็นคนต้นคิดให้เขาต้องระเห็จมาอยู่ที่นี่ก็เถอะ แต่อี้ชิงก็ไม่หวังว่าอีกฝ่ายจะต้อนรับอย่างดีหรือเตรียมห้องไว้ให้ ยิ่งห้องพักหรูๆ แบบนี้ด้วยแล้ว แค่โซฟาซักตัวเขาก็นอนได้ ไม่บ่นหรอก จะแบ่งห้องให้คนที่มาอยู่แค่ชั่วคราวให้วุ่นวายไปทำไมกัน

                แต่คริสเปิดประตูห้องแล้วผายมือซ้ำยังยกคิ้วอย่างเชิญชวนให้เข้าไปสำรวจด้วยตัวเอง อี้ชิงถึงตัดสินใจย่องเข้าไปดู เตียงห้าฟุตกับผ้าปูสีฟ้าอ่อนนั้นถูกใจว่าที่เจ้าของห้องคนใหม่ไม่น้อย ไม่รวมตู้เสื้อผ้าแบบฝังผนังกับโต๊ะเขียนหนังสือพับเก็บได้ ไหนจะชั้นลอยดีไซน์เก๋สำหรับวางของอีก เฟอร์นิเจอร์ราคาแพงสมกับความหรูของห้องพักทั้งนั้น เห็นแบบนี้แล้วอี้ชิงยิ่งไม่แน่ใจใหญ่

                “ห้องฉันแน่เหรอ? ไม่ใช่ว่านายเตรียมไว้พาสาวมานอนค้างหรอกนะ?”

                “ถ้าฉันพาใครมาก็ให้นอนห้องฉันไม่ดีกว่าหรือไง” ปากดีเสียจนคนฟังต้องเบะปาก จริงหรือไม่จริงไม่รู้แหละ แต่อย่าพามาตอนที่เขาอยู่ด้วยก็แล้วกัน ยังไม่อยากเป็นตากุ้งยิงหรอกนะ

                “พออยู่ได้หรือเปล่า? อยากได้อะไรเพิ่มไหม?”

                “นี่ก็ใหญ่กว่าห้องฉันตั้งเยอะ ว่าแต่ นายคงไม่คิดค่าเช่าหรือหารค่าน้ำค่าไฟฉันหรอกนะ”

                “ใครกันแน่ที่ขี้งก”

                “ไม่ได้หรอก ก็นายไม่ได้บอกว่าให้อยู่ฟรีนี่ ห้องใหญ่ขนาดนี้ใช้ไฟเยอะแน่ๆ ฉันไม่มีปัญญาจ่ายหรอกนะ” คริสยิ้มตอนที่เดินเข้ามาใกล้ มือใหญ่ที่ยื่นมาชวนให้นึกระแวงจนคนตัวเล็กต้องเอียงแก้มหลบ ทว่ามีเพียงปอยผมที่ถูกนิ้วเรียวเกี่ยวม้วนเล่น ความใกล้ชิดที่ควรจะคุ้นเคยแต่กลับไม่ทำให้ใจดวงเล็กเต้นเบาลงได้เลย กลับยิ่งสั่นไหวเมื่อได้ยินเสียงทุ้มกระซิบใกล้ใบหู

                “บอกแล้วไงว่าฉันจะดูแลนายเอง ตราบเท่าที่เราเป็นแฟนกัน จะไปไหนกินอะไร หรือแม้แต่อยู่ที่ไหน ฉันดูแลนายได้” ประกายวาววับในดวงตาคมนั้นร้ายกาจเสียจนคนที่จ้องตอบไม่อาจเลี่ยงหลบ ตาคู่ใสมองสบแล้วกระพริบปริบอย่างกังขา กลีบปากอิ่มขบเม้มกันน้อยๆ ก่อนจะเอ่ยย้ำคำมั่นนั้นอย่างลังเล

                “หมายถึง... นายจ่ายให้หมดใช่ป่ะ?” พลันริมฝีปากได้รูปกลับคลายยิ้ม สีหน้าและแววตาเล่ห์ร้ายที่มีก่อนหน้ากลายเป็นดูไม่สบอารมณ์ ได้ยินเสียงคำรามครื่อในลำคอเหมือนขัดใจก่อนที่มือใหญ่จะเลื่อนขึ้นสูง อี้ชิงแทบหน้าหงายเมื่อถูกปลายนิ้วเรียวจิ้มหน้าผากเอาแรงๆ

                “คงงั้นแหละมั้ง”

                คนตัวเล็กโอดเสียงแต่ดูเหมือนคริสไม่ฟัง เดินนำออกมาจากห้องแล้วแนะนำห้องต่างๆ ที่เหลือแบบรวดเดียวจบ

                “ห้องน้ำมีสองห้อง ข้างนอกนี่กับในห้องนอนฉัน นายจะใช้ที่ไหนก็ได้ ห้องนั่งเล่นมีโฮมเธียเตอร์ชุดใหญ่ ถ้าเบื่อๆ จะไปเปิดหนังดูเล่นก็ได้ ถ้าอยากทำอาหาร ห้องครัวมีอุปกรณ์ครบทุกอย่าง อาหารแห้งก็พอมี แต่ของสดต้องออกไปซื้อ มีซุปเปอร์มาร์เก็ตอยู่ใกล้ๆ อ้อ แม่บ้านจะเข้ามาทำความสะอาดอาทิตย์ละสามครั้ง เสื้อผ้าที่จะซักนายเอาใส่ตะกร้าไว้แล้วกัน มีอะไรจะถามอีกไหม?”

                “แล้ว... ฉันจะเข้าห้องได้ยังไง?”

                “นี่คีย์การ์ด” ใบเดียวกับที่คริสใช้ตอนเปิดประตูห้อง พอชูขึ้นให้เห็นอี้ชิงก็ยื่นมือไปคว้า แต่ในทันทีคริสก็ชักมือกลับ “มีใบเดียว อยู่กับฉัน”

                “เอ๊า!”

                “นายพูดเอง ฉันอยู่ที่นี่แค่สองเดือนไม่เห็นต้องสิ้นเปลือง ถ้าอย่างนั้นก็ไม่ต้องทำเพิ่มแล้วกัน”

                “แล้วฉันจะเข้าออกห้องได้ยังไง?”

                “นั่นสินะ” คริสพยักหน้าช้าๆ ยกมือขึ้นลูบคางพลางตีสีหน้าว่าครุ่นคิด ใจเย็นเสียจนคนตัวเล็กต้องซอยเท้าอย่างเร่งเร้า “เอาอย่างนี้ นายก็ทำตัวติดกับฉัน ไปไหนไปด้วยกัน แค่นี้ก็หมดปัญหาแล้ว”          

                “ว.. ว่าไงนะ?!”

                “คนเป็นแฟนกันก็ต้องอยู่ด้วยกันตลอดเวลาอยู่แล้วนี่ จริงไหม?”

                คนตัวเล็กร้องห๊าแบบไม่มีเสียง อ้าปากจะเถียงแต่คริสก็ยิ้มปิดท้ายก่อนจะเดินหายเข้าไปในห้องตัวเอง ปล่อยให้เขายืนเคว้งอยู่ตรงนั้น นี่คิดจะแกล้งกันใช่ไหม แฟนกันจริงๆ ก็ไม่ใช่ ทุกวันนี้ที่ต้องไปกลับด้วยกันก็อึดอัดจะแย่ พอจะหาทางเลี่ยงก็ดันมาปิดทางรอดของเขาเสียอีก ทำคีย์การ์ดอีกซักใบมันต้องใช้เงินเท่าไหร่กัน! กวาดตามองไปรอบๆ ห้องที่เขาต้องใช้ชีวิตอยู่ตามลำพังกับคนดังอย่างคริสแล้วอี้ชิงก็โอดครวญอย่างสิ้นหวัง ก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาแดงที่นุ่มก้นกว่าโซฟาที่หอพักนัก แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ช่วยให้สบายใจขึ้นได้เลย

                เป็นห่วงตัวเองเหลือเกินแล้วตอนนี้ จะอยู่รอดจนครบสองเดือนไหมเนี่ย จางอี้ชิง

      

    .

    .

    .

     

                [ถ่ายรูปห้องนอนมาให้ดูบ้างสิ] จางอี้ชิงเบะปากทั้งที่รู้ว่าปลายสายคงไม่เห็น

                หลังจากจัดเสื้อผ้าซึ่งมีอยู่เพียงไม่กี่ชิ้นเข้าตู้ใบใหญ่ จัดหนังสือกับอุปกรณ์การเรียนไว้บนชั้นและโต๊ะเขียนหนังสือเรียบร้อยดีแล้ว อี้ชิงก็ย่องไปอาบน้ำแล้วกลับมานอนกลิ้งบนเตียงใหม่ ห้องกว้างขวาง ทุกอย่างสะดวกสบาย แต่บรรยากาศมันเงียบเหงาเมื่อไม่มีรูมเมทที่คุ้นเคยอยู่ด้วยกัน อี้ชิงเริ่มจะคิดถึงลู่หานก็พอดีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นก่อน นึกดีใจว่าเพื่อนรักคงคิดเหมือนกันแต่ที่ไหนได้ แทนที่จะถามสารทุกข์สุกดิบ ลู่หานกลับสนใจแต่ที่พักใหม่ของเขา ถามโน่นนี่จนน่าหงุดหงิดนัก

                “อยากเห็นก็มาดูเองสิ”

                [โธ่ คอนโดฯรุ่นพี่ไม่ใช่สวนสาธารณะนะ จะได้เดินดุ่มๆ เข้าไปได้ เค้าไม่ชวนเราก็ไม่กล้าไปหรอก]

                “ทีผลักไสให้เรามายังทำได้เลย”

                [ยังไม่หายงอนอีกหรือไง? เอาน่า เดี๋ยวเราเลี้ยงขนม แต่ตอนนี้ขอดูห้องหน่อยนะ อยากรู้ว่าจะสวยสมราคาหรือเปล่า]

                “ขี้เกียจถ่ายอ่ะ”

                [งั้นเดี๋ยวเราวิดีโอคอลไป แป๊บนึงนะ] เล่นแง่ขนาดนี้แต่ลู่หานก็ยังไม่หมดความพยายาม กดตัดสายไปแป๊บเดียวก็โทรเข้ามาใหม่ทางไลน์ในโทรศัพท์อีกเครื่องพร้อมคำขอให้เปิดกล้อง อี้ชิงถอนหายใจเนือยๆ แต่สุดท้ายก็ยอมกดรับ ลุกขึ้นจากเตียงแล้วใช้กล้องหลังถ่ายไปรอบๆ ห้องให้เพื่อนเห็นชัดๆ

                [ว้าววว~ ห้องสวยชะมัด สีฟ้าแบบที่ตัวชอบเลย ว่าแต่ เราเพิ่งจะคุยกันเมื่อเช้า นี่ไม่ทันข้ามวันรุ่นพี่ก็เตรียมห้องให้ตัวได้เร็วขนาดนี้เลย?]

                “ไม่รู้สิ เตรียมไว้ก่อนแล้วมั้ง เผื่อหลอกสาวมานอนค้างด้วย”

                [โหยยย ทั้งหล่อทั้งรวยขนาดนั้น ไม่ต้องหลอกก็มีคนอยากตามไปค้างด้วยจะแย่ ว่าแต่ ขอดูข้างนอกด้วยได้ป่ะ?]

                “ไม่รู้หมอนั่นอยู่หรือเปล่า แป๊บนะ” จะว่าไป ตั้งแต่มาถึงก็ได้แต่จัดของอยู่ในห้อง ยังไม่ได้สำรวจข้างนอกเลย อยากรู้เหมือนกันว่าห้องพักในคอนโดมิเนียมหรูๆ แบบนี้จะมีอะไรน่าสนใจบ้าง แต่ถ้าเจ้าของห้องอยู่ด้วยคงเดินเพ่นพ่านไม่สะดวก อี้ชิงจึงแง้มประตูออกไปแล้วแอบมองอย่างเงียบๆ อยู่เพียงครู่ เห็นว่าไม่มีเงาร่างสูงใหญ่อยู่แถวนั้นถึงได้ย่องออกมาจากห้อง ไม่ลืมที่จะยกโทรศัพท์ขึ้นถ่ายให้เพื่อนได้เห็นรอบๆ ห้องพักไปพร้อมๆ กัน

                เสียงอุทานด้วยความตื่นเต้นของลู่หานนั้นดังไม่เบาเลย อี้ชิงต้องคอยปรามด้วยกลัวว่าเจ้าของห้องอาจได้ยินเข้า แต่ก็นั่นแหละ สไตล์การแต่งห้องแบบนี้เพื่อนตัวซนคงชอบ เฟอร์นิเจอร์ทุกชิ้นเป็นสีเข้มตัดกับสีผนังห้องโทนอ่อน ของตกแต่งน้อยชิ้น ดูเรียบง่ายสบายตาทว่าหรูหรานัก ทั้งที่ดูเหมือนเจ้าของห้องจะไม่ค่อยใช้เวลาอยู่ในที่พักซักเท่าไหร่ แต่ข้าวของเครื่องใช้นั้นครบครัน ขนาดของใช้ในห้องน้ำยังมีพร้อมชนิดที่ว่าอี้ชิงไม่ต้องซื้อใหม่ ทุกอย่างดูสะดวกสบายเสียจนไม่อยากจะเชื่อว่าคนซื้อซื้อไว้เพื่อพักอยู่แค่ชั่วคราวเลยจริงๆ

                “ทำอะไรน่ะ?”

                อี้ชิงร้องอุ้ยสะดุ้งตัวโหยง กลับหลังหันไปทางต้นเสียงพลางดึงมือข้างที่ถือโทรศัพท์ไปซ่อนไว้ข้างหลังอัตโนมัติ

                “เปล๊า” เสียงสูงมีพิรุธจนน่ากลัวว่าอีกฝ่ายจะรู้ทัน อี้ชิงเอี้ยวตัวน้อยๆ ตอนที่คริสชำเลืองมองมือที่ซ่อนอยู่ข้างหลัง แต่สุดท้ายก็ทำเป็นไม่สนใจ เดินเลยเขาไปทางห้องนั่งเล่น คนตัวเล็กถอนหายใจแล้วรีบกดตัดสายเพื่อนรักก่อนจะเก็บโทรศัพท์ลงกระเป๋า จะเดินกลับเข้าห้องตอนนี้คงไม่เนียนนัก เลยต้องทำเป็นอยากรู้แก้เก้อ เดินตามเจ้าของห้องเข้าไปในห้องนั่งเล่นด้วย

                “ทำอะไรอ่ะ?”

                “ยังไม่ง่วง เลยว่าจะหาหนังดู ดูด้วยกันไหม?” คริสหยิบดีวีดีแผ่นหนึ่งออกมาจากตู้แล้วหันหน้าปกให้อี้ชิงดู หนังแอ็คชั่นฟอร์มยักษ์เรื่องล่าสุดที่เพิ่งหลุดจากโปรแกรมในโรง น่าสนใจแต่อี้ชิงก็ส่ายหน้า

                “ไม่เอาอ่ะ ขี้เกียจอ่านซับไตเติ้ล”

                “ฉันสั่งซื้อแผ่นที่มีเสียงพากย์มา ถ้าดูด้วยกันก็จะเปิดให้ จะดูไหม?” มองแผ่นดีวีดีสลับกับหน้าคนถือที่เลิกคิ้วน้อยๆ อย่างชั่งใจ ตอนนี้เพิ่งจะสองทุ่ม ถึงกลับเข้าห้องไปก็ไม่มีอะไรทำอยู่ดี คงได้นอนกลิ้งไปกลิ้งมาจนกว่าจะหลับ เผลอๆ จะหลับยากเพราะแปลกที่ไปอีก ถ้าอย่างนั้นก็สู้ดูหนังสนุกๆ ฆ่าเวลาดีกว่า

                “ก็ได้” ตอบรับง่ายๆ แล้วอี้ชิงก็โดดขึ้นนั่งกลางโซฟาระหว่างที่รอให้คริสเปิดเครื่องเล่นและใส่แผ่น กระทั่งเจ้าของห้องเสร็จธุระแล้วถือรีโมทเดินมานั่งลงข้างกันถึงได้แอบกระเถิบก้นออกมาหน่อย ย่นจมูกอย่างติติงเจ้าของห้อง ที่ว่างก็เยอะแยะทำไม่ต้องมาเบียดกันด้วยก็ไม่รู้

    เห็นคริสนั่งไขว้ขาคว้าหมอนอิงมาวางรองบนตัก ตัวเองก็คว้าอีกใบมากอดบ้าง ยกขาขึ้นขัดสมาธิบนโซฟาตัวแพง ทำตัวตามสบายยิ่งกว่าเจ้าของห้องเสียอีก พอหนังเริ่มฉายก็จดจ่อสายตาอยู่กับจอแอลอีดีขนาดใหญ่ที่แขวนอยู่บนผนังห้อง จนมาสะดุ้งเอาตอนที่ได้ยินเสียงสัญญาณสั้นๆ จากกระเป๋ากางเกง อี้ชิงรีบล้วงมือหาโทรศัพท์มือถือเป็นพัลวันเพราะเข้าใจว่าเป็นเพื่อนรักโทรมา แต่พอเห็นหน้าจอถึงรู้ว่าไม่ใช่ แค่ข้อความทางไลน์ ไม่ใช่โทรหาด้วยซ้ำ ชื่อที่เห็นนั้นสร้างความแปลกใจได้เพียงชั่วครู่ก่อนที่คิ้วบางจะขมวดมุ่นเมื่อได้อ่านข้อความ

                “มีอะไรหรือเปล่า?” คนข้างๆ ถามคงเพราะเห็นเขาตีหน้ายุ่งใส่โทรศัพท์ อี้ชิงเลยตวัดสายตาใส่ให้รู้ว่าความขุ่นเคืองนั้นมีสาเหตุมาจากใคร

                “จงแดไลน์มาบอกให้เช็คกระทู้ล่าสุดในเวบเพจของชมรม วันนี้ไม่มีสกู๊ปตอบคำถามแต่มีข่าวอื่นที่ใหญ่กว่า”

                “แล้วไม่อ่านเหรอ?” อี้ชิงเบ้ปาก เก็บโทรศัพท์มือถือลงกระเป๋าตามเดิม

                “ไม่อ่านก็รู้ คงไม่พ้นเรื่องที่ฉันย้ายมาอยู่กับนายหรอก”

                “ข่าวใหญ่จริงๆ ด้วย”

                “แหงล่ะ แล้วพรุ่งนี้คงมีข่าวใหญ่กว่า เช่นว่าแฟนโนเนมของรุ่นพี่คนดังถูกจับขังในห้องน้ำ หรือไม่ก็โดนจับแก้ผ้าแล้วทิ้งให้ตากลมบนดาดฟ้า” คนดังพยักหน้าช้าๆ คล้ายจะรู้ตัวว่าถูกประชด

                “เป็นเพราะฉันสินะ?”

                “หรือไม่ใช่ล่ะ?” คริสหัวเราะหึ

                “ก็ดี”

                “อะไรนะ?”

                “ฉันว่าก็ดี” แฟนโนเนมขมวดคิ้วฉับ เข้าใจว่าอีกฝ่ายเยาะเย้ยกัน แต่คริสกลับยื่นหน้ามาใกล้ตอนที่บอกเสียงเบา “ตอนฉันไม่อยู่ นายจะได้มีเรื่องไว้ให้คิดถึง”

                คำพูดคำจายังไม่พาให้ใจสั่นได้เท่ารอยยิ้ม ยิ่งดวงหน้าหล่อเหลาเคลื่อนเข้าหามากเท่าไหร่ อี้ชิงก็เอนทั้งหน้าทั้งตัวหนีอย่างไม่ยอมให้ใกล้กัน ดวงตาพราวระยับช่างร้ายกาจอย่างไม่น่าไว้ใจ ร้ายเสียจนคนที่มองสบจำต้องเลี่ยงสายตาหนี ทว่าริมฝีปากสีเข้มที่เผยอออกน้อยๆ นั้นกลับมีพิษสงร้ายยิ่งกว่า แค่นึกได้ว่ามันเคยรังแกเขาไว้อย่างไร แก้มใสก็ร้อนผ่าวราวกับจะระเบิดได้ ริมฝีปากอิ่มเม้มเข้าหากันโดยไม่รู้ตัว ระแวงแค่ไหนก็ทำได้เพียงยกหมอนอิงที่กอดอยู่ขึ้นมากั้นราวกับว่ามันจะช่วยป้องกันอะไรได้

                “ห.. หันไปดูหนังโน่นสิ!” หลับหูหลับตาสั่งทั้งที่หมอนยังปิดหน้า ได้ยินชัดว่าอีกฝ่ายหัวเราะออกมาก่อนจะถอนหายใจเบาๆ อี้ชิงล่ะอยากจะลุกหนีไปจากตรงนี้นัก หน้าร้อนตัวร้อนไปหมดแล้ว ถ้ารู้ว่าจะโดนแกล้งแบบนี้คงไม่ออกมาจากห้องแน่ หนังสนุกแค่ไหนก็ไม่อยากดูแล้วจริงๆ!

     

                แต่ที่อี้ชิงไม่เห็นคือแววตาแสนเอ็นดูของคนที่เฝ้ามองอยู่เงียบๆ แม้ไม่เห็นดวงหน้าเพราะถูกหมอนอิงบดบัง แต่ผิวกายระเรื่อแดงนั้นไม่อาจซ่อนเร้น กระทั่งเวลาผ่านไปเพียงไม่ถึงครึ่งชั่วโมง คริสเริ่มรู้สึกว่าหมอนอิงที่คนตัวเล็กวางตั้งกั้นไว้ตรงช่วงไหล่นั้นเอนลงน้อยๆ จึงแอบชะโงกมองจนได้เห็นว่าคนที่เงียบไปนานนั้นหลับไปแล้ว หนุ่มหล่อยิ้มบางพลางส่ายหน้า ขยับกายเข้าไปใกล้ก่อนจะค่อยๆ สอดมือรองแล้วดึงหมอนออก ให้หัวกลมๆ ซบลงบนไหล่กว้างของตนแทน กลิ่นหอมจางๆ นั้นไม่อาจละเลยได้ แชมพูที่คริสเลือกซื้อมากับมือนั้นหอมกว่าที่คิดไว้นัก อดไม่ได้เลยที่จะฝังจมูกลงบนกลุ่มผมนุ่มเพื่อสูดดมให้ชื่นใจ หนังสนุกเพียงไหนก็ไม่อาจดึงความสนใจและสายตาของคริสจากร่างเล็กที่อิงซบอยู่ได้ อดคิดไม่ได้เลยว่าหากตื่นขึ้นมาแล้วพบว่าตัวเองนอนเกยไหล่เขาอยู่แบบนี้จะโวยวายแก้เขินไปถึงไหน ความน่าเอ็นดูเหล่านี้เองที่ทำให้คริสหุบยิ้มไม่ได้เลย คงมีเพียงเวลานี้ที่เขาจะแอบสัมผัสแก้มนุ่มได้ดั่งใจ แต่ก็เพียงข้อนิ้วแผ่วเบา คริสไม่อยากล่วงเกินแม้ยามที่อีกฝ่ายไม่รู้ตัว ใช่เพราะความเป็นสุภาพบุรุษใดๆ แต่เพราะอยากเห็นใบหน้าเขินอายของคนตัวเล็กมากกว่า หลับอยู่แบบนี้ถึงจะถูกขโมยหอมก็อดเห็นแก้มแดงๆ แย่เลยสิ

                คนตัวสูงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา สไลด์นิ้วเปิดหน้าจอแล้วเลือกแอพพลิเคชั่นยอดฮิตก่อนจะกดปุ่มถ่ายรูปในมุมที่ต่ำกว่าใบหน้าตัวเองลงไป พิมพ์ข้อความใดๆ จนเสร็จสิ้นแล้วจึงเปลี่ยนมาที่อีกแอพพลิเคชั่นเพื่อส่งข้อความหารุ่นน้องอีกคน

     

                คิมจงแด ถ้าอยากเพิ่มความขลังของกระทู้ก็แคปรูปล่าสุดในไอจีฉันไปโพสต์ด้วยแล้วกัน

     

    .

    .

    .


     #เขียวหวานน่ารัก #หลับยังน่ารัก #ฝันดีนะครับ

     

     

     

     


    ทู บี คอนตินิว...

     

     

     

     

    คนรอง: ทำไมรู้สึกเหมือนเวิ่น = =”

    ตอนนี้สั้นๆ หน่อยนะคะ เพราะจะตัดและยกฉากต่อไปไว้ตอนหน้า ไม่งั้นรอกันเบื่อแย่

    ป.ล. ขอบคุณภาพอีดิทเนียนๆ จากยัยบู้บี้ Apathy.Lily  ><  

    เจอกันใหม่ตอนหน้าค่ะ ^^

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×