คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : มายชิง ตอน 02 ::: คริส
[Fic] มายชิง
ตอนที่ 2: คริส
Fiction by 2nd Admin
.
.
.
คืนวันนั้นเป็นวันคริสมาสต์ หิมะนอกหน้าต่างกำลังโปรยปราย แต่พวกเราสามคนแสนจะอบอุ่นอยู่บนพรมผืนหนาหน้าเตาผิงในห้องนั่งเล่น ข้างๆ กันนั้นมีต้นคริสมาสต์ต้นเล็กๆ ที่ประดับไฟสวยงามซึ่งคุณพ่อเตรียมไว้ให้ตั้งแต่เมื่อเย็นวาน เด็กชายในวัยสิบสามปีที่ถูกผ้าปิดตาไว้กำลังรอคอยของขวัญของเขาอย่างตื่นเต้น เสียงกระเง้ากระงอดขอแกะผ้าที่ผูกตาออกเร็วๆ ทำให้ผู้ใหญ่ทั้งสองหัวเราะอย่างเอ็นดู เขายังไม่รู้ตัวเมื่อของบางอย่างถูกวางลงตรงหน้า ก่อนจะลืมตาขึ้นช้าๆ เมื่อผู้เป็นมารดาแกะผ้าผูกตาออกให้
“ว้าว! น่ารักจังเลยฮะ คุณพ่อคุณแม่”
หนุ่มน้อยเบิ่งตากว้างมองเจ้าตัวขนปุยสีขาวที่อยู่ในกรงอย่างตื่นเต้น มันกระโดดไปมาคงเพราะไม่คุ้นเคยกับสถานที่และคนแปลกหน้าที่กำลังจ้องมอง หนุ่มน้อยต้องเอียงตัวไปทางซ้ายทีทางขวาทีเพื่อจะมองมันให้ชัดๆ อย่างสนอกสนใจ แต่กรงเล็กๆ นี้ก็เป็นอุปสรรคมากอยู่
“ผมอุ้มมันได้มั้ยฮะ?”
“ได้สิลูก” ผู้เป็นพ่อต้องรอให้สมาชิกใหม่สงบลงก่อนถึงได้เปิดกรงออก แล้วค่อยๆ กอบอุ้มมันขึ้นมาแล้วส่งต่อให้ลูกชายซึ่งแบสองมือออกรอรับอยู่ เด็กชายรับเอาสิ่งมีชีวิตที่ขดตัวจนกลมลงบนอุ้งมืออย่างทะนุถนอม ท่าทางของมันยังดูตื่นๆ เขาจ้องตาใสแจ๋วของมันแล้วยิ้ม
“สวัสดี ฉันชื่ออู๋อี้ฟานนะ คุณแม่เรียกฉันว่าคริส นายจะเรียกฉันเหมือนที่คุณแม่เรียกก็ได้” เด็กชายทักทายเพื่อนใหม่อย่างใจดี ขนาดของมันไม่ใหญ่ไปกว่าฝ่ามือเขาเลย เด็กน้อยเคยเห็นมันในหนังสือ มันคือกระต่ายพันธุ์ที่เล็กที่สุด ตัวของมันเล็กนิดเดียว มีขนปุยสีขาวสะอาดน่าสัมผัส เขาใช้นิ้วหัวแม่มือลูบขนมันเบาๆ ก่อนจะหันไปบอกผู้เป็นแม่อย่างตื่นเต้น
“ตัวมันนิ่มมากเลยฮะ”
“ลูกชอบหรือเปล่าจ๊ะ?”
“ชอบมากฮะ ชอบที่สุดเลย ขอบคุณคุณพ่อคุณแม่มากนะฮะ”
เห็นรอยยิ้มของเด็กชาย ผู้เป็นพ่อก็ยิ้มตามแล้วโอบไหล่ภรรยาเอาไว้ มืออีกข้างลูบผมสีอ่อนของลูกชายอย่างเอ็นดู
“ต่อไปนี้มันเป็นเพื่อนของลูกแล้ว ดูแลมันให้ดีๆ นะ”
“ฮะ ผมจะดูแลอย่างดีที่สุดเลย” เด็กชายรับปากอย่างแข็งขัน ดึงมือเข้ามาแล้วแนบแก้มลงสัมผัสขนนุ่มของกระต่ายตัวจ้อยอย่างหลงรัก เจ้าตัวเล็กที่เริ่มคุ้นชินแล้วก็เอาหัวถูไถตอบให้เด็กน้อยหัวเราะคิกคักอย่างมีความสุข เขาดึงมือออกแล้วจ้องหน้ามันอีกครั้ง จมูกเล็กๆ ที่มีขนสามเส้นนั้นขยับฟุดฟิด หูยาวกระดิกน้อยๆ ยามจ้องหน้าเขาตอบ
“คุณพ่อฮะ ทำไมหูกับจมูกมันสีชมพูล่ะฮะ?”
“มันจะได้ไม่เหมือนตัวอื่น ลูกจะได้จำได้ว่ามันคือกระต่ายของลูกยังไงล่ะ”
“เอ... แล้วผมจะเรียกมันว่าอะไรดี?”
เด็กชายทำหน้ายุ่ง ชายหนุ่มก็หัวเราะเบาๆ แล้วหันไปยิ้มให้ภรรยา
“มันเป็นของลูก ลูกก็ตั้งชื่อให้มันสิจ๊ะ”
เขาทำท่าครุ่นคิด เอียงคอมองเจ้าตัวจ้อยในอุ้งมือแล้วก็ดูเหมือนว่ากระต่ายน้อยจะเอียงคอจ้องตอบเขาเช่นกัน ประกายตาสวยใสน่ารักน่ามองทำให้หนุ่มน้อยนึกถึงความสวยงามบางอย่าง
“อืม... ดวงดาว ตานายใสแจ๋วเหมือนดาวบนฟ้าเลย คุณพ่อฮะ คำว่าดาว ภาษาจีนออกเสียงว่า ‘ชิง’ ใช่มั้ยฮะ?”
“ใช่ครับ”
“งั้นต่อไปนี้ ฉันจะเรียกนายว่าชิงนะ” เด็กน้อยดึงกระต่ายขาวตัวนิ่มเข้ามาแนบแก้มอีกครั้งอย่างแสนรัก ยิ้มกว้างเมื่อรู้สึกถึงขนนุ่มที่คลอเคลียตอบ
“ฉันรักนายนะ ชิงน้อยของฉัน”
นั่นเป็นของขวัญคริสมาสต์ชิ้นสุดท้ายที่เด็กชายได้รับจากคุณพ่อคุณแม่ ก่อนที่อุบัติเหตุทางรถยนต์จะพรากทุกความสุขไปจากเขา เพียงหนึ่งสัปดาห์หลังจากนั้น เด็กชายพบว่าตัวเองยืนอยู่ท่ามกลางกลุ่มญาติทางฝ่ายมารดาที่คุ้นหน้าบ้างไม่คุ้นบ้าง เบื้องหน้าของเขาคือกล่องไม้อย่างดีขนาดใหญ่ที่ถูกตกแต่งด้วยช่อดอกไม้สวยงาม เด็กชายอยู่ในชุดสูทสีดำอย่างสุภาพ กอดกรงใบเล็กๆ ไว้ตลอดเวลาที่บาทหลวงอ่านบทสวดให้คุณพ่อกับคุณแม่ของเขาที่นอนอยู่ในกล่องทั้งสองใบนั้นฟัง เด็กชายได้ยินจากใครต่อใครที่อยู่ในที่นั้นว่าเขาเองก็ควรจะมีกล่องของตัวเองอีกใบ หากตอนที่ปะทะกับรถบรรทุกคันใหญ่นั้นคุณพ่อไม่หักหลบเพื่อจะปกป้องเขาซึ่งนั่งเล่นกับชิงน้อยอยู่ที่เบาะหลัง เด็กชายไม่พูดคุยกับใคร ไม่ตอบคำถาม ได้แต่ยืนนิ่งและมองจ้องไปที่กล่องทั้งสองใบนั้นราวกับประสาทรับรู้ที่เหลือได้ถูกตัดขาดไปทั้งหมด
จนเมื่อกล่องไม้ถูกย้ายลงไปในหลุมดิน ใครบางคนเขย่าแขนของเขาเบาๆ เพื่อให้เดินเข้าไปใกล้และโยนดอกไม้ในมือลงไปในหลุมนั้น เสียงใครต่อใครต่างเอ่ยคำลาคุณพ่อกับคุณแม่ของเขา มีเสียงสะอื้นเบาๆ ปะปน แต่เด็กชายยังคงนิ่งเงียบ ดวงตาของเขาเหม่อลอย ไม่ได้ยินแม้กระทั่งเสียงสะอื้นไห้ของตัวเองด้วยซ้ำ
ต้นคริสมาสต์ในห้องนั่งเล่นที่คุณพ่อตัดมาแต่งให้เมื่ออาทิตย์ก่อน ตอนนี้มันเฉาไปแล้ว ไม่มีไฟประดับ ไม่มีกล่องของขวัญ ไม่เหลือความอบอุ่นของเตาผิงอีก แม้ว่าจะมีคนอยู่ที่นั่นมากมาย คนเหล่านั้นพูดถึงตัวเลขอะไรก็ไม่รู้ เด็กชายไม่ได้สนใจฟัง มีชื่อของเขาอยู่ในนั้น แต่ก็ไม่รู้ว่าเรื่องดีหรือร้าย ไม่มีใครมองมาทางเขา เด็กชายไม่ได้รับความสนใจหรือปลอบโยนใดๆ ในฐานะผู้สูญเสีย แต่ก็ช่างเถอะ เขาก็ไม่ได้อยากให้คนพวกนั้นสนใจอยู่แล้ว เขาเดินออกจากห้องนั่งเล่นมาเงียบๆ ก่อนจะลากขาอย่างเชื่องช้ากลับไปที่ห้องตัวเอง
กรงเล็กถูกวางลงบนเตียงพร้อมๆ กับที่เด็กชายทรุดกายลงนั่งบนพื้นข้างเตียง เขาเปิดกรงออกแล้วช้อนเอากระต่ายน้อยขึ้นมาไว้ในอุ้งมือ น้ำใสกลิ้งลงจากตาเป็นหยดแรกเมื่อขนนุ่มสัมผัสผิวแก้มเย็นเยียบของเด็กชาย
“ชิง...” หลังจากนั้นมันก็ไหลออกมาไม่ขาดสาย เป็นหยาดน้ำตาที่ไม่เคยมีใครได้เห็นตั้งแต่ที่เขาถูกพาตัวออกมาจากโรงพยาบาล ชื่อของกระต่ายตัวน้อยเป็นเสียงแรกที่เขาเปล่งหลังจากอาการช็อคทำให้สื่อสารกับใครไม่ได้ไปหลายวัน เด็กชายกอดเจ้าตัวนิ่มแนบแก้ม สะอื้นหนักอย่างไร้คนปลอบโยน
“ฉันไม่เหลือใครแล้ว นายอย่าทิ้งฉันนะ อยู่กับฉัน.. ฮึก ..นะ”
.
.
.
“ชิง...”
“อืออ...”
“ชิง... ฮึก ...อย่าทิ้งฉันนะ”
“หืมม...?” เจ้าตัวเล็กงัวเงียลุกขึ้นนั่ง มือข้างหนึ่งขยี้ตาขณะที่อีกข้างวางแปะลงบนบนผิวแก้มของเด็กหนุ่มแล้วเขย่าเบาๆ คนตัวโตพูดอะไรก็ไม่รู้ทั้งที่ยังหลับตา เขากำลังหลับอยู่ยังสะดุ้งตื่นเลย
“คริส ละเมอเหรอ?”
เด็กหนุ่มขยับตัวเล็กน้อยเมื่อรู้สึกว่าถูกปลุก พอลืมตาตื่นขึ้นแล้วเห็นสิ่งมีชีวิตตัวเล็กๆ ที่นั่งจ้องหน้าอยู่ คริสก็ผวาลุกขึ้นนั่งแล้วคว้าร่างจ้อยเข้ามากอดแนบแก้ม
“ชิง!” ยังใจหายกับภาพในอดีตที่ฉายอย่างชัดเจนอยู่ในหัวเมื่อครู่ คริสกอดชิงน้อยไว้จนตั้งสติได้ว่ามันเป็นแค่ความฝัน ก่อนจะผ่อนลมหายใจอย่างโล่งอก เจ้าตัวเล็กขยับยุกยิกเมื่อรู้สึกผิดปกติ ลูบมือทั้งสองข้างกับข้างแก้มของเด็กหนุ่มไปมา
“นายร้องไห้ด้วย ทำไมร้องไห้ล่ะ ฝันร้ายเหรอ?” คริสไม่ได้ตอบ เอาแต่เคลียแก้มกับร่างนิ่มแล้วพร่ำเสียงซ้ำๆ
“ชิง อย่าไปไหนนะ อย่าทิ้งฉัน นายต้องอยู่กับฉันนะ”
“อื้อ ไม่ไปไหนหรอก” พอชิงน้อยรับปากคริสก็ดึงมือออกห่างแล้วจ้องตาใสแจ๋วที่มองเขาไม่กระพริบ “ฝันร้ายใช่มั้ย?”
“...อื้ม”
“บอกแล้วว่าไม่ให้ฝันเหมือนกัน” เจ้าตัวเล็กทำปากบู้ คิดเอาจริงจังว่าเป็นเพราะที่คริสอยากเห็นความฝันของเขาแน่ๆ
“นายฝันแบบนี้ทุกคืนเลยเหรอ?”
“เปล่าหรอก ฉันแค่ฝันถึงนาย”
คริสผ่อนลมหายใจ ลูบปลายนิ้วกับใบหูนุ่มสีชมพูอย่างทะนุถนอม ตอนที่ชิงน้อยยังเป็นแค่กระต่าย เขาก็ชอบทำแบบนี้ มันทำให้จิตใจที่สับสนและว้าวุ่นของเขาสงบลงได้ ทุกครั้งที่คิดถึงคุณพ่อคุณแม่ ชิงน้อยที่อยู่ตรงนี้ทำให้เขานึกถึงช่วงเวลาที่มีความสุขเหล่านั้น ...และยังคงยิ้มได้ ตั้งแต่ที่ย้ายมาอยู่เกาหลีใต้เมื่อห้าปีก่อน คริสขอย้ายออกมาอยู่หอพักตามลำพังแทนที่จะเข้าไปอาศัยอยู่กับญาติทางฝ่ายคุณพ่อที่อยากจะรับดูแลเขา แต่ก็ยังยอมรับความช่วยเหลือในเรื่องค่าเทอมและความเป็นอยู่ ตั้งใจไว้ว่าถ้าจบไฮสคูลเมื่อไหร่ก็จะทำงานพิเศษหาเงินใช้เอง คริสไม่อยากให้ใครเข้ามาเกี่ยวข้องในชีวิตอีก เขาอยู่ตัวคนเดียวได้โดยไม่รู้สึกเหงา ขอแค่มีชิงน้อยคนเดียว แค่นั้นก็เพียงพอแล้ว
“ชิง... สัญญากับฉัน อย่าไปไหนนะ อย่าทิ้งฉันไว้คนเดียว”
“รู้แล้วล่ะน่า...” เจ้าตัวเล็กทำหน้าเหมือนรำคาญ ยกกำปั้นขึ้นขยี้ตาแล้วบ่นงอแง “นอนได้รึยัง ง่วงแล้วนะ พรุ่งนี้คริสบอกจะพาเราไปเที่ยวไง”
คริสยิ้มแล้ววางเจ้าตัวเล็กกลับลงบนหมอน ห่มผ้าให้เหมือนเดิมแล้วก็เอนตัวลงนอนข้างๆ ร่างเล็กจ้อยยังขยับไปมาเพื่อจะจัดตัวเองให้นอนในท่าที่สบายที่สุด แต่พอหันมาเห็นว่าเด็กหนุ่มยังนอนยิ้มลืมตาโพลง ใบหน้าน่ารักก็ขมวดฉับ ขยับตัวเข้ามาใกล้แล้วเอื้อมมือไปแปะมือลงบนเปลือกตาอีกฝ่าย
“หลับตาซักทีสิ”
“อย่าไปไหนนะ”
“ไม่ไปไหนหรอก สัญญาแล้วไง” เด็กหนุ่มยิ้มบางอย่างพอใจ ก่อนที่รอยยิ้มนั้นจะค่อยๆ จางลง พร้อมเสียงลมหายใจที่ผ่อนเข้าออกอย่างสม่ำเสมอ คริสหลับไปแล้ว แต่เจ้าตัวเล็กที่บ่นว่าง่วงยังลืมตาใสแจ๋ว เลื่อนมือเล็กจ้อยลงมาลูบผิวแก้มของเด็กหนุ่มเบาๆ
“เราจะอยู่กับคริส อย่าฝันร้ายอีกนะ”
“อืม...”
TBC.
คนรอง: กะว่าจะเขียนแค่ตอนละสั้นๆ แบบนี้นะคะ คงไม่ยาวมาก จะได้ไม่มีปัญหาเรื่องเขียนยังไม่จบแล้วเอามาลงแบบที่ผ่านๆ มา อ่านกันเล่นๆ เพลินๆ นะคะ ^^
ปอลอ ลงทีละน้อยๆ ให้สมกับอี้ชิงตัวน้อยๆ > <
ความคิดเห็น