ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [KrisLay] เขียวหวานน่ารัก~♡

    ลำดับตอนที่ #14 : เขียวหวานน่ารัก ~ 14 ~

    • อัปเดตล่าสุด 14 ส.ค. 59



    [Fic] เขียวหวานน่ารัก~

    ตอนที่ 14

    Fiction by 2nd Admin

    .

    .

    .

     

    “ซื่อบื้อเนี่ยนะ?”

    “อื้อ”

    “แน่ใจนะว่ารุ่นพี่เค้าพูดคำนี้ ไม่ใช่คำหวานๆ อย่างเช่น... ใสซื่อ บริสุทธิ์ อะไรแบบนั้น?”

    “แค่นั้นแหละ เต็มๆ สองหูฉันนี่เลย”

    “จู่ๆ ก็พูดออกมาแบบนั้นเลย? แล้วบริบทล่ะ มีประโยคอะไรซับซ้อนที่ต้องตีความมั้ย?”

    คิมจงแดเคยคิดว่าตัวเองน่าจะรุ่งหากเลือกเรียนในสาขาจิตวิทยาแทนที่จะเป็นสังคมศาสตร์ ก็เพราะจางอี้ชิงนี่แหละ ตัวอย่างการวิเคราะห์ซึ่งนั่งอยู่ตรงหน้าเขาในตอนนี้ช่างเป็นคนที่มองง่ายเสียจริง คิดยังไงรู้สึกอะไรก็แสดงออกมาหมด อย่างเช่นในตอนนี้ อาการงับปากแล้วกรอกตาไปมาบอกให้รู้ว่าสมาชิกคนสำคัญยังบอกเล่าข้อความที่ได้รับมาจากรุ่นพี่คนดังไม่หมด และพอจงแดลองคาดคั้นดูอีกนิด...

    “มันก็... ไม่น่าจะเกี่ยว” นั่นไงล่ะ มีจริงๆ ด้วย จงแดขยับแว่นสายตาแล้วกระเถิบเก้าอี้เข้าหาจนลำตัวชิดไปกับขอบโต๊ะอย่างกะตือรือร้น

    “ลองพูดมาซิ”

    “ก็... เรื่องขวดน้ำ”

    “ยังไง?”

    “บอกว่าขวดน้ำมีเยอะแยะ แต่เค้าอยากแย่งของฉัน”

    “.....”

    “.....”

    “...แค่นั้น?”

    “อือ ก็แค่นั้นแหละ”

    หนุ่มแว่นเหลือบตามองลู่หานซึ่งนั่งลุ้นเงียบๆ อยู่ตรงมุมห้อง พอฝ่ายนั้นยักไหล่ไม่เก็ท เขาเองก็ต้องถอนหายใจเบาๆ เมื่อคืนที่คุยทางโทรศัพท์กันตั้งนานก็ไม่ได้อะไรเลยแบบนี้แหละ ถึงได้ต้องหาข้ออ้างลากให้มาเข้าชมรมในวันหยุดเพื่อคาดคั้นกันต่อหน้า จงแดยังเชื่อว่าคนหน้าตาดีอย่างรุ่นพี่ไม่มีทางพูดเรื่องแฟนแบบห้วนๆ เช่นนี้แน่ หรือบางทีเขาอาจจะคิดผิด เด็กหนุ่มยืดตัวขึ้นช้าๆ พลางบุ้ยปากอย่างใช้ความคิด บางทีเซ้นส์ด้านจิตวิทยาของเขาอาจจะยังไม่ดีนัก รุ่นพี่อาจจะไม่จริงจังกับเรื่องแฟนหลอกๆ จนต้องสรรหาคำพูดสวยๆ มาตอบคำถามพวกแฟนคลับก็ได้มั้ง แต่ยังไงก็คงปล่อยให้สกู๊ปแรกในฐานะคู่รักคนดังกร่อยไม่ได้

    “เอาเป็นว่าฉันจะลองหาคำที่มันสวยๆ ไม่สิ เอาเป็นหวานๆ น่ารักๆ ไปลงสกู๊ปแล้วกันนะ”

    “ไม่เหมาะกับหมอนั่นหรอก” อี้ชิงเบะปากเพราะไม่รู้ว่าจงแดยังมีไม้เด็ด กระทั่งประธานคนเก่งหันหน้าจอมือถือให้ดู

    “เหมาะสิ ฉันมีภาพประกอบ” รูปที่โชว์นั้นทำเอาอี้ชิงถึงกับอ้าปากค้าง เคยแต่ถ่ายรูปคนอื่น ไม่เคยคิดว่าตัวเองจะถูกแอบถ่ายโดยไม่รู้ตัวแบบนี้ โมเม้นท์ที่คริสโน้มตัวลงแล้วยิ้มให้เขาซึ่งถือขวดน้ำอยู่ในมือ สมาชิกอื่นที่คอยสอดแนมอยู่แถวนั้นคงส่งมาให้แน่ๆ

    “ไหนๆ ขอดูบ้าง ...โหยยย น่ารักอ่ะ รุ่นพี่ยิ้มเจ้าชู้ชะมัด แก้มตัวแดงด้วยนะอี้ชิง” คนในรูปทำหน้าเนือยใส่ อากาศในโรงยิมฯร้อนจะตาย มันก็ต้องมีแดงกันบ้างล่ะ

    “ฉันคิดแคปชั่นไว้แล้วด้วยนะ รุ่นพี่คนดังโชว์หวาน อ้อนขอน้ำจากแฟน นายว่าดีป่ะ?”

    “ธรรมดาไปรึเปล่า เอาเป็นแบบ กำลังใจจากคนข้างสนามกับน้ำเย็นๆ ซักขวด แบบไหนจะชื่นใจกว่ากันนะ?”

    “เออๆๆ เอาแบบที่นายว่าก็ได้ ฉันจะโพสต์ทั้งรูปทั้งแคปชั่นลงไปในสกู๊ปด้วยกันเลย ดีมั้ยอี้ชิง?”

    “เอาที่พวกนายสบายใจเลย” คิดกันเองเสร็จสรรพแล้วยังมีหน้ามาถาม แบบนี้ไม่ต้องเรียกให้เข้ามาวันหยุดก็ได้มั้ง ไม่มีเขาก็คงทำกันเองได้แหละ อี้ชิงยกมือขึ้นท้าวคางอย่างเซ็งๆ

    “นี่ จะว่าไป นายกับรุ่นพี่ก็ดูเคมีเข้ากันดีนะ อยู่ด้วยกันแล้วน่ารักดี แต่ระวังหน่อยล่ะอี้ชิง อย่าเผลอไปตกหลุมรักรุ่นพี่เค้าเข้าจริงๆ เชียว”

    “ทำไมล่ะ? ถ้าสองคนนี้ชอบกันจริงๆ ก็ดีนะ เราว่าน่ารักดีออก”

    “เสี่ยวลู่!

    “ก็มันจริงนี่นา”

    “จะว่าน่ารักก็ใช่ แต่อย่าลืมสิว่ารุ่นพี่จะอยู่ที่นี่อีกแค่เดือนกว่าๆ เกิดอี้ชิงชอบเค้าขึ้นมาจริงๆ ล่ะก็ อกหักแน่” ลู่หานห่อปากเป็นรูปตัวโอ หันมาสบตากับเขาแล้วยิ้มเหมือนคำพูดของจงแดยังไม่ทำให้หมดสนุกง่ายๆ อี้ชิงก็ได้แต่เบะปาก อยากจะบอกจงแดเหลือเกินว่าต่อให้ไม่พูด เขาก็ไม่มีทางไปหลงคลั่งไคล้คนที่ดีแต่หล่อไปวันๆ แบบแฟนคลับบ้าคลั่งพวกนั้นแน่ แค่นึกก็ขนลุกแล้ว

    “เออนี่ลู่หาน ไหนๆ ก็เลิกเล่นมือถือแล้ว มาช่วยฉันทำงานหน่อย อี้ชิงถ่ายรูปการซ้อมของทีมบาสมาเยอะแยะเลย นายมาเลือกแล้วใส่แคปชั่นให้ที”

    “โห ท่านประธาน ใช้กันคุ้มเลยนะ วันหยุดแท้ๆ ยังเรียกให้มาทำงานอีก”

    “อย่าบ่นนักเลยน่า ชมรมเราเรทติ้งดีขนาดนี้ เดี๋ยวเงินสนับสนุนของมหาลัยออกแล้วฉันพาไปเลี้ยง”

    “จริงนะ? อย่างนี้ค่อยหายเหนื่อยหน่อย”

    มองเพื่อนรักกุลีกุจอช่วยจงแดทำงาน อี้ชิงซึ่งไม่มีอะไรทำก็อมลมเล่นจนแก้มป่อง ก่อนจะเป่าออกมาตอนที่แนบแก้มลงบนแขนซึ่งเหยียดยาวไปบนโต๊ะอย่างเกียจคร้าน เหลือบตามองตัวเลขดิจิตอลบนนาฬิกาข้อมือแล้วก็คิดว่ายังพอมีเวลาเหลือ ของีบเสียหน่อยก่อนไปทำงานพิเศษแล้วกัน แต่ยังไม่ทันได้หลับตา เสียงเรียกเข้าโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้น เขาหยิบขึ้นมาดูและเพียงแค่เห็นเบอร์ที่โชว์บนหน้าจอก็พลันรู้สึกหงุดหงิดจนต้องนิ่วหน้า

    “ไม่รับเหรอ?” เพื่อนสนิทถามเมื่อเห็นเขาเอาแต่จ้องเจ้าโทรศัพท์เครื่องจิ๋วอยู่อย่างนั้น ทำท่าว่าจะผละงานมาดูเลยด้วยซ้ำ อี้ชิงเลยต้องรีบกดรับก่อนที่ลู่หานจะหวังดีมาช่วยรับให้

    “มีอะไร?” เขาถามเสียงห้วนโดยไม่คิดจะทักทาย ปลายสายก็เช่นกัน

    [อยู่ไหน?]

    “มหาลัย”

    [วันนี้มีเรียนด้วย?]

    “มาช่วยงานชมรมน่ะ นายมีอะไร?”

    [วันนี้ฉันว่าง ไปเดทกัน]

    “ห๊ะ? เดท?”

    “เดท?!” สองเสียงที่ทวนประสานทวนนั้นมาจากอีกสองคนที่อยู่ในห้องด้วย พออี้ชิงปรายตามอง ทั้งคู่ก็กลบเกลื่อนอาการหูผึ่งด้วยการโบกมือยิ้มๆ ว่าไม่มีอะไรแล้วเพยิดหน้าให้คุยโทรศัพท์ต่อ

    “เดทอะไร ทำไมต้องเดท?

    [เป็นแฟนกันก็ต้องไปเที่ยวด้วยกัน กินข้าว ดูหนัง มีเวลาอยู่ด้วยกันสองต่อสองบ้างสิ]

    “ฉันเป็นแค่แฟนหลอกๆ ไม่ต้องอยู่กับนายสองต่อสองก็ได้”

    “สองต่อสอง...” คราวนี้คนแอบฟังหันมากระซิบใส่กันเบาๆ ประกายตาลุกวาวด้วยความอยากรู้จนต้องวางมือจากงานที่กำลังทำแล้วเงี่ยหูฟังให้ถนัด

    [แต่ฉันเบื่อ อยากออกไปเดินเล่น เกิดใครเห็นฉันไปคนเดียวจะว่ายังไง]

    “นายก็หาอะไรทำไปสิ ไม่เห็นต้องออกไปข้างนอกเลย อีกอย่างนะ ฉันต้องไปทำงานพิเศษ ไม่ว่างไปเดินเล่นด้วยหรอก”

    “เราไปทำแทนให้ ตัวไปเดทเถอะ” จู่ๆ ลู่หานก็โพล่งขึ้นพร้อมยกมือไม้เสนอตัวอย่างกะตือรือร้น พออี้ชิงหรี่ตาใส่ถึงได้ยิ้มแหะ “ไม่ได้แอบฟังนะ ก็ตัวคุยเสียงดังเองนี่นา”

    [ทีนี้ว่างหรือยัง?]

    “แต่ฉัน...”

    [อยู่ที่ชมรมใช่มั้ย? อีกครึ่งชั่วโมงเจอกัน ฉันไปรับ]

    “เฮ้ยเดี๋ยว ฉันยังไม่ได้...!” ปลายสายชิงวางไปก่อนที่เขาจะได้ทันหาข้ออ้างอื่นด้วยซ้ำ อี้ชิงได้แต่มองหน้าจอโทรศัพท์แล้วร้องฮึ้ยฮ้ายด้วยความหงุดหงิด “เอาแต่ใจตัวเองชะมัด!

    แต่ดูเหมือนคนที่แอบฟังจะไม่คิดแบบนั้น พอปะติดปะต่อเรื่องราวกันเองได้ก็หันไปทำตาโตใส่กัน คุยฟุ้งว่าวันนี้ต้องมีข่าวใหญ่ให้ลงแน่ ไม่ได้สนใจคนที่กำลังหัวเสียเลยซักนิด และพอครึ่งชั่วโมงเป๊ะหลังจากนั้น ไม่ต้องรอให้ใครโทรมาตามเลยด้วยซ้ำ ทั้งจงแดและลู่หานก็ช่วยกันคะยั้นคะยอกึ่งบังคับพาตัวอี้ชิงออกจากห้องชมรมมาที่หน้าอาคารกิจกรรมจนได้

    เจ้าของมอเตอร์ไซค์คันงามเพิ่งวาดขาลงจากรถและกำลังถอดหมวกกันน็อคออกตอนที่พวกเขามาถึง เพียงสะบัดศีรษะเบาๆ สองสามครั้ง เส้นผมสีสว่างก็พริ้วไสวก่อนจะตกลงมาเป็นทรงสวยงามเพียงใช้มือเสยมันลวกๆ ราวกับไม่เคยถูกหมวกทรงกลมนั่นทำร้ายมาก่อน เห็นแล้วก็อดอิจฉาปนหมั่นไส้ในความสมบูรณ์แบบจรดปลายเส้นผมไม่ได้เลยจริงๆ

    “หวัดดีครับรุ่นพี่” สองแสบเอ่ยคำทักก่อนและคนที่กำลังมองนาฬิกาข้อมือก็หันมา แค่สบตากันอี้ชิงยังนึกหงุดหงิดจนต้องมุ่ยหน้าใส่ แต่คริสกลับยิ้ม

    “ตรงเวลาดีนี่” เพื่อนทั้งสองแข่งกันฉีกยิ้มกว้าง ไม่คิดจะพูดจาเอาหน้าให้คนดังพอใจหรอก แต่แกล้งผลักไสจนตัวเขาถลาไปข้างหน้า แทบจะชนเข้ากับอกกว้างถ้ายั้งตัวเองไว้ไม่ทัน

    “วันนี้รุ่นพี่หล่อจังนะครับ” สอพลอนัก! อี้ชิงหันไปค้อนใส่ประธานชมรมตัวเองด้วยนึกหมั่นไส้ จะหล่ออะไรกันนักหนา ก็แค่ไม่ใช่เครื่องแบบนักศึกษาเหมือนทุกวัน ใต้เสื้อหนังราคาแพงนั้น คนตัวสูงสวมเพียงเสื้อยืดพอดีตัวกับกางเกงยีนส์สีดำ อาจจะเด่นขึ้นอีกนิดด้วยรองเท้าบู้ทสีน้ำตาลเข้ม โอเคแหละ ไม่ใช่ทุกคนที่แต่งตัวแบบนี้แล้วจะดูดีเหมือนนายแบบตามปกหนังสือแฟชั่น แต่ไม่เห็นต้องอวยกันจนออกนอกหน้าแบบนี้เลยนี่

    “ตะลึงจนก้าวขาไม่ออกเลยหรือไง?” เสียงทุ้มที่กระซิบข้างหูนั้นทำเอาคนที่กำลังส่งสายตาขู่เพื่อนถึงกับสะดุ้ง เพียงหันมาพบว่าใบหน้าหล่อนั้นโน้มมาใกล้จนปลายจมูกทั้งคู่แทบจะชนกัน อี้ชิงก็ย่นคอหนี  

    “ม.. ไม่ใช่อย่างนั้นซักหน่อย!” หลับหูหลับตาเถียงได้แค่นั้นแล้วก็ต้องงับปากเมื่อหมวกกันน็อคสีฟ้าใบเดิมสวมลงบนหัว แหย่เขาได้ก็ดูอารมณ์ดีจนหุบยิ้มไม่อยู่เลยสินะ อี้ชิงได้แต่ฮึดฮัดตอนที่มือใหญ่ลงล็อคที่สายรัดใต้คางแล้วดึงแขนเขาให้ตามไปที่รถ

    “เดทให้สนุกนะอี้ชิง”

    “ฝากเพื่อนด้วยนะฮะรุ่นพี่” สองเพื่อนยังมีหน้ามายิ้มส่งแล้วโบกมือหยอยๆ มีความสุขกันมากสินะ มองสีหน้าเขาบ้างมั้ยเนี่ย อี้ชิงล่ะคันไม้คันมืออยากจะเดินกลับไปหยิกเสียคนละทีสองทีให้ร้องโอยนัก

    “ไม่บ๊ายบายผู้ปกครองหน่อยหรือไง” แต่คนที่คร่อมรถรออยู่นั้นคงอยากโดนมากกว่า อี้ชิงแยกเขี้ยวใส่ก่อนจะแกล้งกระชากเสื้อหนังแรงๆ ตอนที่ปีนขึ้นนั่งซ้อนหลัง

    “ฉันไม่ใช่เด็กอนุบาลที่เพิ่งไปโรงเรียนวันแรกนะ!

     

    จงแดยังยิ้มส่งกระทั่งท้ายรถมอเตอร์ไซค์คันโตนั้นไกลตา ถึงได้หันมาเอาศอกสะกิดเพื่อนสนิทของอี้ชิงที่ยังตั้งกล้องมือถือเก็บภาพอย่างต่อเนื่อง

    “อย่าลืมส่งงานด้วยล่ะ สมาชิกดีเด่น”


     



     

    “มาเดินห้างเนี่ยนะ?”

    จากมหาวิทยาลัยเพียงสิบห้านาทีด้วยความเร็วของรถมอเตอร์ไซค์ คริสพาเขามาถึงห้างสรรพสินค้าชื่อดังที่สุดในย่านนั้น และอยู่ใกล้มหาวิทยาลัยที่สุดด้วย อี้ชิงหันมองซ้ายขวาตลอดสองข้างทางที่เดินผ่าน เขาเคยมาที่นี่แค่ครั้งเดียวเมื่อปีก่อน ร้านรวงต่างๆ จะยังอยู่ที่เดิมของมันหรือเปล่าไม่รู้ แต่ที่แน่ๆ คือคนเยอะกว่าที่มาคราวนั้นมาก ยิ่งวันนี้เป็นวันเสาร์ด้วยแล้ว คนที่มาเดินเล่นส่วนใหญ่ก็เป็นวัยรุ่นวัยเรียนด้วยกันทั้งนั้น ดูสายตาพวกสาวๆ ที่เดินสวนกันนั่นสิ รูปร่างสูงโปร่งราวกับนายแบบ ใบหน้าหล่อเหลากับเส้นผมสีสว่างเหมือนหลุดออกมาจากหนังสือการ์ตูนยังไงยังงั้น ไม่มีส่วนไหนที่ไม่เด่นสะดุดตาใครเลยซักนิด ไหนว่าไม่ชอบให้ใครมาคอยมอง คิดยังไงถึงได้มาที่นี่นะ

    “ก็เดินเล่น ซื้อของ กินข้าว ดูหนัง ที่เดียวครบ หรือนายอยากไปที่อื่น?” อี้ชิงสั่นหน้า

    “ไม่อ่ะ ปกติวันหยุดฉันทำงานพิเศษ ไม่ค่อยได้ออกไปเที่ยวไหนหรอก” จะซื้อของใช้ก็ไปแค่มินิมาร์ทใกล้หอพัก หรือถ้าพอจะมีเวลาว่างไปเดินเล่นที่ไหนบ้าง อี้ชิงไม่เคยคิดจะมาที่นี่เลยด้วยซ้ำ อยากออกไปดูวิวธรรมชาติสวยๆ ข้างนอกนั่นให้ไกลจากตึกรามพวกนี้มากกว่า

    “งั้นคราวหน้าจะพาไปเที่ยวไกลๆ อยากไปไหนก็บอก”

    “เลือกได้ด้วย?”

    “ได้สิ ให้ฉันเลือกเองเดี๋ยวนายก็หาว่ามัดมือชกอีก” อี้ชิงอมยิ้มเมื่อนึกถึงที่เที่ยวสวยๆ ที่เคยเห็นตามหน้านิตยสาร ถ้าได้ไปจริงๆ ก็คงดี จะถ่ายรูปเก็บไว้เยอะๆ เลย แต่เดี๋ยวก่อนนะ นั่นหมายความว่าเขาต้องโดดงานมาเดทหลอกๆ กับหมอนี่อีกน่ะสิ

    “นี่ อันที่จริงฉันว่า... โอ๊ะ แป๊บนะ” ข้อความที่เพิ่งถูกส่งเข้ามาในมือถือนั้นทำให้อี้ชิงหยุดพูดและต้องหยุดเดินไปด้วย คนที่เดินเลยไปแล้วสองสามก้าวเพิ่งรู้ตัวถึงได้หันกลับมาถาม

    “ทำอะไร?”

    “ตอบข้อความน่ะสิ เสี่ยวลู่ถามว่าในล็อคเกอร์มีเครื่องแบบหรือเปล่า” โชคดีที่อี้ชิงมักจะเก็บเครื่องแบบไว้ที่ร้านที่ทำงานพิเศษ เพื่อนสนิทก็เลยไม่ต้องเทียวไปเทียวมากลับไปเอาเสื้อผ้าที่หอพัก แค่ให้ไปทำงานแทนก็เกรงใจจะแย่ จริงอยู่ว่าลู่หานเคยทำงานด้วยกันที่นั่น ทุกคนในร้านรวมทั้งผู้จัดการต่างก็รู้จักกันดี ถึงได้อนุญาตให้ไปทำแทนบ้างในบางครั้งเพราะไม่อยากให้ขาดคน แต่แทนที่จะได้พักผ่อนให้สมกับเป็นวันหยุดหรือออกไปเตะฟุตบอลเล่นกับเพื่อนๆ อย่างที่ชอบทำ เพื่อนสนิทกลับต้องไปเหนื่อยทำงานที่ร้านแทนเขาทั้งวัน ถึงจะเสนอตัวไปเองก็เถอะ ยังไงอี้ชิงก็ไม่รู้สึกดีนักหรอก

    มัวแต่ก้มหน้าก้มตาพิมพ์ข้อความตอบกลับ ไม่ได้รู้ตัวเลยว่ามีคนยื่นหน้ามาแอบมองหน้าจอด้วย

    “ทำไมไม่แชทไลน์กัน?”

    “ฉันไม่ใช้ไลน์”

    “ไงนะ?” อี้ชิงจิ๊ปาก ชำเลืองตามองคนที่ก้มลงมาหาแล้วก็หันหลังให้

    “ไม่ชอบใช้ไลน์”

    “แล้วอย่างอื่นล่ะ วีแชท เวยป๋อ?”

    “ไม่ใช้ทั้งนั้นแหละ เฮ้ย จะทำอะไรน่ะ?!” ทันทีที่พิมพ์เสร็จและกดส่งข้อความ มือใหญ่ซึ่งเอื้อมมาจากด้านหลังก็แย่งโทรศัพท์ไปจากมือเขาดื้อๆ พอเขาจะแย่งคืนคริสก็หันหลังแล้วยกมือขึ้นสูง ปลายนิ้วเรียวนั้นสไลด์หน้าจอไปมาอย่างรวดเร็ว

    “ไม่มีจริงๆ ด้วยแฮะ”

    “คิดว่าฉันโกหกหรือไงเล่า!”

    “หรือว่าโทรศัพท์รุ่นนี้มันเล่นไม่ได้”

    “เอาคืนมาเลยนะ!” อี้ชิงเขย่งสุดปลายเท้าก็คว้าได้แค่ข้อมือใหญ่ เสียงหัวเราะในคอบอกให้รู้ว่าคริสสนุกกับการปล่อยให้เขาห้อยโหนอยู่อย่างนั้น และคนถูกแหย่ก็หงุดหงิดพอจะปีนขึ้นเหยียบรองเท้าบู้ทคู่แพงเพื่อส่งตัวเองให้กระโดดสูงขึ้น กว่าจะแย่งโทรศัพท์คืนมาได้ก็เล่นเอาหอบแฮ่ก แต่คนตัวสูงยังหัวเราะไม่เลิก

    “ทำไมไม่ใช้สมาร์ทโฟน?”

    “ฉันไม่ชอบอะไรที่มันยุ่งยาก ผิดด้วยหรือไง?” โทรศัพท์ก็มีไว้ใช้โทรกับส่งข้อมความเท่านั้นแหละ มีเพื่อนสนิทอยู่แค่คนเดียว อยู่ด้วยกันทุกวัน อยากคุยตอนไหนก็ได้ กับจงแดที่ต้องคุยด้วยบ่อยๆ ก็ไม่เห็นเคยบ่นอะไรเลย จะสั่งงานอะไรก็แค่ไลน์หาลู่หาน เขาก็รู้ด้วยอยู่แล้ว ไม่เห็นต้องสิ้นเปลืองกับของแพงเกินตัวแบบนั้น

    คริสพยักหน้าช้าๆ พลางล้วงสองมือลงกระเป๋า คงเห็นเขาหัวเสียถึงได้ถามเอาใจ

    “หิวหรือยัง?”

    “ไม่อ่ะ นี่ยังไม่เที่ยงเลย”

    “งั้นไปซื้อของก่อนแล้วกัน” อี้ชิงไม่ได้ตอบรับหรือปฏิเสธ เพราะนอกจากมาเดินกันท่าตามหน้าที่แฟนหลอกๆ ให้หมอนี่แล้วเขาก็ไม่มีธุระอะไรที่นี่อีก จะไปออกความเห็นอะไรได้ ที่เขาทำก็คือเก็บมือถือลงกระเป๋าแล้วเดินตรงไปข้างหน้า ก่อนที่ต้นแขนจะถูกคว้าให้ต้องหมุนตัวไปอีกทาง “จะไปไหนล่ะ ทางนี้สิ”

    “ก็ฉันไม่รู้ทางนี่”

    “คนเยอะแยะ นายควรจะอยู่ใกล้ฉันถ้าไม่อยากหลง”

    “ฉันไม่ใช่เด็กเล็กๆ นะ”

    “หรืออยากให้จับมือ?” ตวัดตามองคนถามแล้วนิ่วหน้าใส่ อี้ชิงเกลียดนักเวลาที่คนตัวสูงโน้มใบหน้าลงมาใกล้แบบนี้ เกลียดลมหายใจร้อนๆ ที่เป่ารดแก้ม คุยห่างๆ ไม่ได้หรือไงนะ ต้องเข้ามาใกล้ขนาดนี้ด้วย “ถ้าเขิน จะเกาะแขนก็ได้นะ”

    “ฉันไม่ได้เขิน!

    “อ้อ งั้นอากาศคงร้อน แก้มนายแดงมากเลย” ผิวแก้มร้อนยิ่งร้อนผ่าวเมื่อหลังมืออุ่นลอบสัมผัส อี้ชิงย่นคอหนี ยกมือขึ้นปิดสองแก้มตัวเองเป็นพัลวัน แต่ยิ่งเขาถอย คริสก็ยิ่งรุกตาม

    “นายก็... ถอยไปหน่อยสิ”

    “ถ้าไม่ถอยล่ะ?” รอบข้างใช่ว่าไม่มีใครมอง แต่ดูเหมือนคริสไม่สน ใบหน้าเปื้อนยิ้มร้ายนั้นยังยื่นมาใกล้จนอี้ชิงอึดอัด หลังชนราวระเบียงแล้ว ถอยไปไหนไม่ได้อีก ชำเลืองมองซ้ายขวาหาทางหนีก็มีแต่คนมองอยู่ทั้งนั้น ทางเดียวก็คือต้องให้คนตรงหน้าถอยไปเอง อี้ชิงตวัดตามองสู้คนที่แกล้งรุกรานไม่เลิก กลั้นใจแยกเขี้ยวขู่

    “ถ้าไม่ถอย ฉันจะเอาหัวโหม่งให้หน้าหงายเลย”

    ริมฝีปากได้รูปขยับน้อยๆ ก่อนที่อี้ชิงจะได้ยินเสียงหัวเราะเบาๆ คริสยอมถอยไปหนึ่งเก้า ยกสองมือขึ้นเหนือไหล่ให้รู้ว่ารามือ

    “โอเค ฉันยอมแพ้” ยิ้มเจ้าเล่ห์ยังไม่คลาย แต่อี้ชิงไม่อยากยุ่งด้วยแล้ว พอหลีกทางให้เขาก็จ้ำเอาๆ โดยไม่หันกลับไปมองเจ้าของเสียงหัวเราะที่ดังตามมาข้างหลัง

    “อย่าเดินเร็วนักสิ นี่เรามาเดทกันนะ”

     

    คนอะไรหน้าด้าน! จะต้องบอกให้เค้ารู้กันทั้งห้างฯเลยรึไงเนี่ย ฮื่อ! 

     

    เพราะรูปร่างที่สูงโปร่งและใบหน้าหล่อเหลาเกินกว่าเด็กหนุ่มธรรมดาทั่วไป ไม่ว่าไปที่ไหนก็เป็นจุดเด่นจนน่าหมั่นไส้เสมอ ทุกย่างก้าวที่เดินหรือแม้กระทั่งทุกอิริยาบถด้วยซ้ำ ล้วนดึงดูดทุกสายตาของสาวๆ ที่เดินผ่านให้หันมาจับจ้องด้วยความสนใจ คริสคงชินแต่กับอี้ชิงแล้วไม่เลย คนตัวเล็กถึงได้เลือกที่จะเดินเยื้องมาทางด้านหลังตลอดทางตั้งแต่ที่คริสแวะเข้าร้านเครื่องกีฬาแบรนด์ดังเพื่อซื้อของสองสามอย่าง จนถึงแผนกอุปกรณ์สื่อสารที่ละลานตาไปด้วยร้านรวงซึ่งจำหน่ายตั้งแต่สมาร์ทโฟนไปจนถึงแท็บเล็ตฟังก์ชั่นสูงๆ เด็กหนุ่มรุ่นน้องผู้ซึ่งไม่คุ้นเคยกับอุปกรณ์ราคาแพงและฉลาดล้ำพวกนี้ พอเห็นเข้าก็อดตื่นตาตื่นใจไม่ได้ หันมองซ้ายขวาอยู่ตลอดจนลืมมองทางข้างหน้า กระทั่งข้อมือถูกคว้าและดึงให้เลี้ยวตามเข้าไปในร้านแห่งหนึ่งซึ่งค่อนข้างใหญ่กว่าร้านอื่นๆ ที่อยู่แถวนั้น

    “สวัสดีค่ะ เชิญด้านในเลยค่ะ” พนักงานต้อนรับสาวสวยยิ้มให้พวกเขาเมื่อประตูกระจกเลื่อนเปิด ก่อนจะเดินนำเข้าไปภายในร้านซึ่งโอ่โถงกว่าด้านนอกมากนัก ตกแต่งเรียบง่ายทว่าหรูหรากว่าทุกร้านที่เดินผ่านมาด้วยซ้ำ สินค้าที่โชว์ให้ดูนั้นไม่ได้มีมากชิ้น ทว่าก็พอมองออกว่าที่นี่เป็นตัวแทนจำหน่ายสมาร์ทโฟนแบรนด์ดังที่นำเข้าจากต่างประเทศ เมื่อเดินตามมาจนถึงมุมด้านในของร้าน พี่สาวคนสวยก็ผายมือเชื้อเชิญให้พวกเขานั่งรอที่โต๊ะรับแขก แต่อี้ชิงยังมัวแต่มองสำรวจไปรอบๆ กระทั่งข้อมือเล็กถูกกระตุก

    “นั่งสิ” มองหน้าคนพูดแล้วก็ก้มลงมองมือตัวเอง เพิ่งรู้ตัวว่าถูกจูงมาตั้งแต่เดินเข้าร้าน พอขืนจะดึงมือคืน แรงรั้งก็ยิ่งมากจนร่างเล็กกว่าต้องยอมนั่งลงข้างกันในที่สุด “ให้จับมือแต่แรกก็สิ้นเรื่อง”

    ใบหน้าน่ารักงอง้ำเมื่อปากอิ่มถูกฟันคมงับฉับ คริสยิ้มขำแต่ก็ยอมปล่อยข้อมือเล็กในที่สุด พอดีกับที่สาวสวยในเครื่องแบบของร้านอีกคนเดินเข้ามาทักทายพวกเขา

    “สวัสดีค่ะ สนใจรุ่นไหนคะ?” คริสหยิบโทรศัพท์ของตัวเองขึ้นมาวางบนโต๊ะแล้วบอกกับเธอ

    “ขอดูตัวนี้รุ่นล่าสุดครับ”

    “ซักครู่นะคะ”

    อี้ชิงมองตามพี่สาวอีกคนที่เดินไปทางเคาท์เตอร์แล้วหันกลับมามองโทรศัพท์เครื่องหรูสีดำที่อยู่บนโต๊ะ เอียงคอน้อยๆ ด้วยความสงสัย

    “นายจะซื้อมือถือใหม่เหรอ?”

    “เค้าเรียกสมาร์ทโฟน”

    “ก็นั่นแหละ จะซื้อใหม่เหรอ?”

    “อืม”

    “อันนี้เสียแล้วเหรอ?”

    “ยัง”

    “แล้วซื้อทำไม?”

    “ก็อยากได้ของใหม่”

    “ฟุ่มเฟือยชะมัด ไม่รู้จักเสียดายเงินบ้างเลย” รุ่นน้องบ่นแล้วย่นจมูกใส่ด้วยหมั่นไส้คนรวยนัก เสี่ยวลู่ก็มีเงินยังไม่เห็นใช้เปลืองแบบนี้เลย รออยู่เพียงครู่สาวสวยคนเดิมก็เดินกลับมาพร้อมถาดในมือ เธอวางมันลงบนโต๊ะแล้วบอกอย่างสุภาพ

    “รุ่นนี้เพิ่งออกมาล่าสุดค่ะ มีสองสีที่ออกใหม่ด้วย ลองจับดูได้นะคะ”

    ในถาดซึ่งปูผ้ารองอย่างดีนั้นมีสมาร์ทโฟนเครื่องใหม่เอี่ยมอยู่สี่เครื่อง อี้ชิงชะโงกหน้ามองแล้วก็ต้องร้องอู้หูแบบไม่มีเสียง ทั้งหมดนี้น่าจะเป็นแค่เครื่องตัวอย่างเพื่อให้ทดลองใช้ แต่ทั้งตัวเครื่องและหน้าจอมันวับเหมือนไม่เคยผ่านมือใครมาก่อน เขาไม่กล้าแตะต้องมันให้เป็นตำหนิหรอก ขณะที่คริสมองอยู่เพียงครู่ก็เลือกหยิบสองเครื่องที่พนักงานสาวแนะนำว่าเป็นสีที่เพิ่งออกใหม่ขึ้นมา

    “ถือซิ” ตาคู่สวยเบิกกว้าง รีบแบสองมือรับของแพงมาถือไว้อย่างระมัดระวังทันทีที่คริสส่งให้

    “จะบ้าหรือไง เดี๋ยวก็หลุดมือหรอก” แต่ดูเหมือนคริสไม่สน เรียวคิ้วได้รูปนั้นขมวดน้อยๆ ยามสลับสายตามองสองมือเล็กอย่างชั่งใจ

    “สีนี้แล้วกัน” สุดท้ายก็เลือกหยิบไปเครื่องหนึ่งแล้วส่งให้พนักสาว อี้ชิงจึงค่อยประคองอีกเครื่องที่เหลือในมือวางคืนลงถาดอย่างระมัดระวัง “ช่วยลงแอพพลิเคชั่นพร้อมใช้แล้วก็ใส่ซิมการ์ดให้ด้วยนะครับ”

    “เบอร์ใหม่หรือคะ?”

    “ครับ”

    “คุณลูกค้าดูแพ็กเก็จของค่ายไหนไว้เป็นพิเศษหรือเปล่าคะ หรือจะดูโบรชัวร์ของทางร้านก่อนดี?”

    “แบบรายเดือนตัวไหนก็ได้ครับ ใช้ทั้งโทรทั้งเล่นอินเตอร์เน็ตแบบต่อเนื่อง ผมจ่ายล่วงหน้าหกเดือน”

    “ได้ค่ะ รอซักครู่นะคะ”

    พนักงานสาวสวยดูจะยิ้มกว้างกว่าเดิมเมื่อเธอสามารถปิดการขายได้ในเวลาเพียงไม่กี่นาที แทบไม่ต้องเปลืองแรงคะยั้นคะยอคุณลูกค้าหน้าหล่อเลยด้วยซ้ำ คนมีเงินเค้าตัดสินใจซื้อของแพงได้รวดเร็วแบบนี้เองสินะ อี้ชิงเคาะปลายนิ้วลงกับโต๊ะพลางบุ้ยปาก ถ้าเป็นเขาคงต้องนอนคิดเป็นเดือน ไม่สิ ต้องทำงานพิเศษอีกหลายเดือนถึงจะมีค่าแรงพอมาซื้อสมาร์ทโฟนหรูๆ แบบนี้ได้ แต่มันก็เกินตัวอยู่ดี เขาไม่อยากได้หรอก ใช้เครื่องเก่าก็ดีแล้ว

    “เที่ยงแล้ว หิวหรือยัง?”

    รุ่นน้องยักไหล่เมื่อถูกถาม

    “นิดหน่อย”

    “อยากกินอะไร? เดี๋ยวเสร็จตรงนี้แล้วพาไป”

    “นายเป็นเจ้ามือก็เลือกสิ” คนตัวสูงยิ้มขำ ดูเหมือนจะไม่ต้องย้ำกันเรื่องของฟรีแล้วสินะ

    “ฉันกินไม่จุเท่านายนี่” อี้ชิงย่นจมูกใส่

    “เดี๋ยวก็อยากกินของแพงซะหรอก”

    “กลัวที่ไหนกัน” ปลายนิ้วเรียวแตะลงบนจมูกย่นๆ และอี้ชิงก็อ้าปากหมายจะงับให้เจ็บ ดีที่คริสดึงนิ้วหลบทัน คนตัวเล็กเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันแต่สุดท้ายก็หลุดยิ้มเมื่อนึกถึงของอร่อย เขาไม่ค่อยชอบพวกฟาสต์ฟู้ดเท่าไหร่ แต่ที่นี่คงมีร้านอาหารให้เลือกเยอะแน่ๆ ไหนๆ ก็มีเจ้ามือแล้ว จะถล่มให้จุกเลยคอยดู!

    รออยู่ครู่ใหญ่ๆ พี่สาวคนเดิมก็เดินกลับมาพร้อมถาดในมืออีกครั้ง แต่คราวนี้มีโทรศัพท์แค่เครื่องเดียวกับอุปกรณ์ชาร์จแบตเตอรี่และหูฟัง เพื่อให้ลูกค้าหน้าหล่อได้ลองเช็คเครื่องดูก่อน คริสหยิบขึ้นมาดูเพียงผ่านๆ ก็พยักหน้าแล้วบอกให้เธอเอาใส่กล่อง ก่อนจะเปิดกระเป๋าหยิบบัตรเครดิตส่งให้เพื่อชำระเงิน เธอรับบัตรแล้วก็ถือถาดกลับเข้าไปที่หลังเคาท์เตอร์อีกครั้ง อี้ชิงได้แต่มองตามแล้วก็คิด ร้านหรูๆ เค้าดูแลลูกค้าดีแบบนี้เอง แค่นั่งรอเฉยๆ ก็มีคนจัดการให้ทุกอย่าง ไม่ต้องทำอะไรเลยแฮะ

    “สวยหรือเปล่า?”

    “พี่พนักงานน่ะเหรอ?”

    “โทรศัพท์สิ” คนตัวเล็กบุ้ยปากน้อยๆ ตอนที่นึกถึงโทรศัพท์ซึ่งเคยอยู่ในมือ ไม่ทันได้มองให้ละเอียดหรอก ที่จำได้คือหน้าจอมันวับกับตัวเครื่องสีอ่อน ถึงความใหญ่ของมันจะไม่เกินฝ่ามือแต่ก็ใหญ่กว่าเครื่องที่เขาใช้อยู่ตอนนี้ จับไม่ถนัดมือแน่ๆ

    “ก็สวย ดูแพง เป็นฉันคงเก็บใส่กล่องอย่างดี ไม่กล้าเอาออกมาใช้หรอก”

    “ของใช้ ซื้อมาแล้วก็ต้องใช้สิ”

    “แล้วซื้อที่นี่ เอากลับไปใช้ที่เมืองนอกได้ด้วยเหรอ?”

    “ไม่รู้สิ”

    “เอ๊า แล้วทำไมจ่ายล่วงหน้าตั้งหกเดือน”

    “ก็จะได้ไม่ต้องจ่ายบ่อยๆ”

    “แล้วทำไม...”

    “ทำไมถึงช่างซักนักนะ”

    “ฮื่อ!” ปลายคางเล็กถูกจับให้เชิดขึ้นน้อยๆ หน้ามุ่ยๆ ส่ายไปมาตามแรงมือจนน่ามันเขี้ยวนัก

    “ทีเรื่องที่ควรสงสัยกลับไม่ถาม”

    “อะไรเล่า?!” อี้ชิงย่นคอหนีแต่ไม่พ้น สองมือเล็กเลยตะปบมือใหญ่ช่วยกันดึงหมายให้หลุด อีกนิดคงได้มีข่วนหรือหยิกกันบ้างล่ะ แต่ก่อนที่จะมีใครเจ็บตัว คนที่หมายแค่แหย่เล่นก็ยอมปล่อย ตาคู่สวยตวัดมองคนตัวโตกว่าแล้วพ่นลมอย่างฮึดฮัด ไม่อยากอยู่ใกล้แล้วถึงได้ถอยเก้าอี้เสียงดังครืดแล้วลุกขึ้น เดินออกจากร้านไปคนเดียว

    คริสมองตามจนร่างเล็กไปหยุดอยู่แค่หน้าประตูร้านแล้วตวัดสายตากลับมามองเขาอย่างเคืองๆ ยกมือขึ้นกอดอกฉับเหมือนเด็กถูกขัดใจไม่มีผิด แหย่นิดแหย่หน่อยยังแสดงอารมณ์ได้ขนาดนี้ แต่กลับไม่คิดจะหนีไปไหนไกล ไม่รู้เพราะไม่อยากทิ้งเขาไว้หรือเพราะห่วงของฟรีกันแน่ หนุ่มหล่อมองคนที่งอนตุ้บป่องแล้วก็อดจะยิ้มด้วยนึกเอ็นดูแฟนหลอกๆ ของตัวเองไม่ได้

    “เรียบร้อยแล้วค่ะ” พนักงานสาวคนเดิมเดินกลับมาเพื่อคืนบัตรเครดิตพร้อมใบเสร็จให้เขา โทรศัพท์เครื่องใหม่และอุปกรณ์ต่างๆ อยู่ในถุงอย่างดีแล้ว คริสเก็บทุกอย่างลงกระเป๋าแล้วลุกขึ้น “ขอบคุณมากนะคะ”

    เขาพยักหน้าให้เธออีกครั้งและกำลังจะเดินออกจากร้าน แต่พนักงานสาวยังเรียกไว้

    “เอ่อ คุณลูกค้า รองเท้าเลอะน่ะค่ะ”

    เธออดทักไม่ได้เมื่อเห็นว่าบนรองเท้าบู้ทสีน้ำตาลเข้มที่เธอมองปราดเดียวก็รู้ว่าราคาคงมากกว่าเงินเดือนทั้งเดือนของเธอเป็นแน่ เปื้อนรอยตำหนิซึ่งแม้จะไม่ใหญ่นักแต่ก็พอมองออกว่าเป็นรอยรองเท้าเล็กๆ ที่ปลายขากางเกงนั่นก็เช่นกัน น่าเสียดายหากร่องรอยเหล่านั้นจะทำให้ความเพอร์เฟ็คของคุณลูกค้าสุดหล่อต้องลดลง แต่เด็กหนุ่มกลับก้มลงมองแล้วยิ้ม

    “ทะเลาะกับแฟนนิดหน่อยครับ”

    “เช็ดออกก่อนมั้ยคะ? ดิฉันหยิบกระดาษทิชชู่ให้” หนุ่มหล่อส่ายหน้า รอยยิ้มนั้นยิ่งกว้างเสียจนหัวใจหญิงสาวแทบละลาย

     

    “เอาไว้แบบนี้แหละครับ น่ารักดี”

     

    ร่างสูงกลับออกไปโดยที่เธอยังคงมองตามแผ่นหลังกว้างด้วยหัวใจที่เต้นระรัว กระทั่งพบว่าที่หน้าร้านนั้น เด็กหนุ่มอีกคนที่มาด้วยกันกำลังรออยู่ ใบหน้าน่ารักที่งอง้ำนั้นบอกชัดว่าขัดใจกัน นี่สินะเจ้าของรอยเท้าเล็กๆ หนุ่มน้อยคนนี้นี่เอง เจ้าของหัวใจหนุ่มหล่อที่แสนเพอร์เฟ็ค หญิงสาวครางเสียงด้วยทั้งเสียดายทั้งอิจฉา

     

    ต้องทำบุญด้วยอะไรถึงจะได้แฟนแซ่บๆ แบบนี้นะ!

     

     

     

     

     

      

    ทู บี คอนตินิว...

     


    คนรอง: เห็นม้าเต่อของจางชิงแล้วมันอดไม่ได้ อยากจับฟัดจริงๆ ><


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×