ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [KrisLay] My Kris, My Lay

    ลำดับตอนที่ #13 : MKML ตอน 13 ::: Moment in L.A. (1)

    • อัปเดตล่าสุด 4 ม.ค. 57



    [Fic] My Kris, My Lay
    Fiction by 2nd Admin
     

     

     
     
     


    - ตอนที่ 13 -





    .

     

    .

     

    .

     

     

    สามวันหลังจากนั้น หกสมาชิกฝั่งจีนมีตารางงานที่ต้องเดินทางไปต่างประเทศ เป็นครั้งที่สองแล้วที่พวกเขาได้ไปไกลถึงสหรัฐอเมริกา ครั้งแรกที่มากันพร้อมหน้าพร้อมตาทั้งสิบสองชีวิตตั้งแต่ตอนที่เพิ่งเดบิวต์ใหม่ๆ ทำงานเสร็จแล้วยังมีเวลาเหลือให้ไปเที่ยวดีสนีย์แลนด์ด้วย

     

    “คราวนี้จะได้ไปเที่ยวอีกมั้ย?” ลู่หานเขย่งเท้าเกาะพนักหลังของเบาะที่นั่งด้านหน้าถามอย่างกระตือรือร้น มาทำงานก็เรื่องหนึ่ง แต่ถ้าได้ออกนอกลู่นอกทางบ้างก็ถือเป็นกำไรล่ะ

     

     

    ร่างสูงเจ้าของที่นั่งเก็บกระเป๋าใส่ช่องด้านบนเรียบร้อยแล้วถึงได้หันมาตอบ

    “กว่าจะไปถึงก็เกือบเที่ยง ตอนเย็นๆ มีงานแถลงข่าว พรุ่งนี้ขึ้นแสดง มะรืนมีอัดเทปสัมภาษณ์ วันรุ่งขึ้นก็เดินทางกลับแต่เช้า ไม่น่าจะมีเวลาเหลือนะ”

    “โหยย~ อดเลย” จอมซนทิ้งทั้งตัวลงนั่งแบบหมดสนุก พอเห็นรุ่นน้องตัวขาวที่เพิ่งจะเดินเข้าตัวเครื่องมาก็มองตาละห้อย ครางเสียงหงอยตอนที่เลย์ยิ้มให้ก่อนจะเลี้ยวเข้าที่นั่งแถวหน้า แล้วคนตัวสูงก็กุลีกุจอเก็บกระเป๋าใส่ช่องด้านบนให้ หน้าตาน่ารักเปลี่ยนเป็นบึ้งตึง กอดอกแล้วพ่นลมหายใจฟึดฟัด

     

    “ชิ! ที่นั่งเค้าชัดๆ”

     

     

     

    ซิ่วหมินที่นั่งข้างๆ ยังต้องดึงหูฟังออกแล้วหันมาดูสีหน้า พอเห็นท่าทางหงุดหงิดของคู่หูเขาก็หัวเราะ

    “ขี้อิจฉา”

    ภาษาจีนที่พูดได้แค่ไม่กี่คำ แต่จำเพาะมาเก่งเอาคำยากๆ ที่ใช้ค่อนขอดเพื่อนทำให้คนรองของวงยิ่งหน้ามุ่ย

    “ก็หมอนั่นขี้แย่ง!

    “นายก็นอนห้องเดียวกับน้องทุกคืน นี่นั่งใกล้กันแค่ไม่กี่ชั่วโมง ปล่อยๆ เค้าไปบ้าง”

    ลู่หานเบะปาก แม้แต่เตียงนอนเดี๋ยวนี้ก็โดนยึดสามวันต่อสัปดาห์แล้วเหอะ! ตุ้ยจางชักจะเนียนแย่งเวลาของเลย์ไปจากเขามากเกินไปแล้ว!

     

    ซิ่วหมินขยับเข้ามาใกล้แล้วกระซิบถามต่ออย่างใคร่รู้

    “แล้วนี่สองคนนั้นไปถึงไหนกันแล้ว?”

    “จะถึงไหน ก็อย่างที่เห็น ตุ้ยจางเกาะติดอี้ชิงเป็นตังเม ตามประกบน้องแทบจะทุกฝีก้าว ดูแลเอาใจใส่กันจนออกนอกหน้า ทำตัวกระหนุงกระหนิงไม่แคร์สายตาใครเลย”  

    “อิจฉาอีกละ”

    “หมั่นไส้ต่างหาก!” คราวนี้ลู่หานเลือกใช้คำเกาหลีมาเถียงบ้าง

    “แค่หมั่นไส้จริงอ่ะ? แต่สายตากับน้ำเสียงนายมันบอกว่าอิจฉานะ ยอมรับเถอะเสี่ยวลู่ ไม่มีใครดูแลอี้ชิงได้ดีเท่าตุ้ยจางแล้วล่ะ”

    “ก็รู้...” ขนาดคนอื่นยังรู้ แล้วเขาซึ่งเป็นพี่ชายที่สนิทที่สุดของเมนเต้นร่างบาง มีหรือจะไม่รู้ “...เค้ารักอี้ชิง น้องมีคนดูแลดีเค้าก็ดีใจ”

    ซิ่วหมินพยักหน้า

    “ก็ดีแล้ว นายเคยบอกว่าอยากให้ตุ้ยจางสารภาพออกมาไม่ใช่เหรอ ออกนอกหน้าขนาดนี้ บางทีเขาอาจจะเปิดใจกันไปแล้วก็ได้ หวานกันแบบนี้มาตั้งแต่เมื่อไหร่นะ ซักเดือนที่แล้วได้มั้ย?”

    “อืม... น่าจะใช่ จำได้มั้ยตอนที่อยู่ในงานประกาศรางวัล หมอนั่นให้อี้ชิงสลับที่กับจุนมยอนมานั่งข้างๆ อ้างว่าจะทวนสคริปต์กัน”

    “เออใช่ๆ แล้วที่นายเล่าว่ากลับมาอี้ชิงก็ร้องไห้หนัก แล้วตุ้ยจางก็... จุ๊บๆ น้องด้วยไง” ซิ่วหมินทำตาโตนึกถึงเรื่องนี้แล้วยังตื่นเต้นไม่หาย แต่ลู่หานกลับย่นคิ้วแล้วเอียงคอ

    “...ก็ไม่แน่นะ ขนาดเมื่อกี้ตอนจะแลกที่นั่งกันยังต้องแอบๆ ไม่ให้น้องรู้ ท่าทางป๊อดๆ แบบนี้ ยังไม่กล้าบอกอะไรแหง”  

    ซิ่วหมินคิดตามที่คนรองฟันธงแล้วสุดท้ายก็พยักหน้าช้าๆ

     

    “ฉันว่านะ คืนนี้นายถามน้องให้รู้เรื่องไปเลยดีกว่า”

     

     

     

     

     

     

    หลังจากหลายชั่วโมงบนเครื่องบิน ทั้งหกหนุ่มก็ยืนอยู่บนแผ่นดินของสหรัฐอเมริกา ขั้นตอนการตรวจเอกสารขาเข้าค่อนข้างใช้เวลา ระหว่างนั้นหนุ่มๆ ก็เลยพูดคุยแล้วก็หาอะไรเล่นกันไปเรื่อยเปื่อย

     

    คริสยืนคุยอยู่กับพี่ผู้จัดการพักใหญ่ๆ ก็เดินกลับมาหากลุ่มเพื่อน สิ่งแรกที่หน่วยตาคมมองหาคือร่างโปร่งบางของเมนเต้นคนโปรด แต่พอไม่เจอก็มองหาไปรอบๆ อี้ชิงยืนหลบอยู่ข้างกำแพงโน่น กำลังก้มหน้าก้มตารื้อค้นของในกระเป๋าเป้ให้วุ่นวาย

     

    “หาอะไรน่ะ?”

    “กระเป๋าใส่บอร์ดดิ้งพาส จำได้ว่าเก็บใส่เป้แล้วนี่นา”  

    “อยู่ที่ฉันไง”

    “อ้าวเหรอ?”

    “ก็นายวางลืมไว้ที่เก้าอี้ตอนเรากำลังจะขึ้นเครื่อง ฉันก็เลยเก็บไว้ให้ ยังบอกเลยว่าไปถึงที่พักแล้วค่อยคืน”

    ท่าทางกำลังคิดของคนตัวเล็กคือเอียงคอน้อยๆ ร่องบุ๋มที่ข้างแก้มอวดรอยจางๆ เมื่อเจ้าตัวกัดริมฝีปากด้านใน

    “...จริงด้วยแฮะ”

     

    ได้ยินเสียงผ่อนลมหายใจบางเบาแล้วคริสก็ต้องก้มหน้าตามคนเก่งของเขาที่ก้มหน้าลง จากมุมนี้ยังมองเห็นแก้มใสที่ป่องออก เจ้าตัวอมลมไว้ขณะที่สีหน้าดูเป็นกังวล

     

    “ทำไมทำหน้าแบบนั้น”

    “...ฉันอาการหนักนะ ลืมเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ยังพอว่า แต่นี่ของสำคัญแท้ๆ ถ้าไม่มีนายอยู่ด้วยฉันจะทำยังไง”

    คริสยืดตัวขึ้นแล้วกอดอก ตาคู่คมหรี่ลง ย่นหน้าผากจนหัวคิ้วแทบจะชนกัน

    “ทำไมถึงจะไม่มีฉัน จะไล่กันไปไหนรึไง?”

    “ไม่ใช่อย่างนั้น...” เลย์เงยหน้าขึ้นค้านเสียงอ่อน มือเล็กคว้าแขนเสื้อของคนที่น้ำเสียงเริ่มจะขุ่นมัวไว้

    “...ฉันหมายถึงว่า ถ้านายไม่ได้อยู่ใกล้ๆ ฉันจะทำยังไง”

     

    ใบหน้าหล่อยิ่งหล่อเหลาเมื่อคริสเผยยิ้มบาง เขาคลายแขนออกแล้วดึงมือเล็กมาเกี่ยวไว้ ขณะที่ยื่นมืออีกข้างออกไป จับปอยผมที่ข้างแก้มคนตัวเล็กเล่น

     

    “ฉันยังอยู่ตรงนี้ อยู่ข้างๆ นายเสมอ ถ้าลืมอะไรหรือนึกอะไรไม่ออก ก็ให้มาหาฉัน ไม่ว่ายังไงฉันก็ไม่มีวันทิ้งนายแน่ๆ เข้าใจรึเปล่า?”

     

    “อื้อ...”

     

    รอยยิ้มหวานของคนตรงหน้าคือสิ่งที่งดงามที่สุด สีแดงระเรื่อยิ่งทำให้แก้มขาวน่ารักน่ามอง เลย์น่าเอ็นดูเหมือนกระต่ายขาวขนปุยตัวน้อยๆ และคริสก็รักกระต่ายตัวนี้มากขึ้นทุกวัน ...รักทั้งที่ไม่กล้าแตะต้อง  

     

    จะทำยังไงดีนะคริส นายจะจัดการความรู้สึกของตัวเองยังไงดี?

     

     

    คริสพรูลมหายใจก่อนจะปล่อยมือบางแล้วเลื่อนมือขึ้นแตะข้อศอกเล็กพาเลย์กลับไปรวมกลุ่มกับเพื่อนๆ ประกาศเรื่องที่น่าจะทำให้สมาชิกอารมณ์ดีขึ้น... อีกนิดหน่อย 

     

    “โอเค จากตอนนี้กว่าจะถึงงานแถลงข่าวเรายังพอมีเวลา ฉันขออนุญาตพี่ผู้จัดการแล้ว ระหว่างทางไปโรงแรมเราจะแวะช้อปปิ้งที่พรีเมี่ยมเอ้าท์เลทกัน”

    “เย้!” แน่นอนว่าขาช้อปอย่างลู่หานจะต้องดีใจที่สุด ไม่ได้เที่ยวเล่น แค่ได้เดินเลือกของแบรนด์ราคาถูกๆ ก็ยังดี “ตุ้ยจางนี่เจ๋งสุดๆ อ่ะ!

    ร่างสูงไหวไปเล็กน้อยเพราะแรงฟาดจากมือซนๆ คริสยังวาดปากพยายามจะยิ้มแต่มันเหมือนแยกเขี้ยวเสียมากกว่า ยังอุตส่าห์กัดฟันบอกขอบใจคนรองสำหรับคำชม

     

    “โอ้โฮ แฟนคลับคริสเกอมากันเยอะเลยแฮะ” เสียงตื่นเต้นของเทาเรียกพี่ๆ ให้หันไปมองทางประตูทางออก แฟนคลับมายืนออกันอยู่เต็มไปหมด เสียงกรี๊ดยิ่งดังขึ้นเมื่อพวกเขายิ้มให้และโบกมือ ถึงจื่อเทาจะแซวว่าเป็นแฟนคลับคริส(เพราะพูดภาษาเดียวกัน) แต่จริงๆ แล้วก็มารอรับพวกเขาทุกคนนั่นล่ะ

     

    “เยอะกว่าคราวที่แล้วที่มาอีกนะ” ซิ่วหมินบอกพลางโบกมือรัวๆ เมื่อเห็นป้ายชื่อตัวเองที่ด้านนอกนั่น

    “ตื่นเต้นจังฮะ”

    “เกาะหลังฉันดีๆ นะจงแด ไม่งั้นได้หายไปในกลุ่มคนแน่ๆ สาวอเมริกันตัวสูงๆ กันทั้งนั้น” ซิ่วหมินแซวน้องแล้วก็หัวเราะเสียงดังเมื่อเฉินทำหน้ามุ่ย คงลืมไปว่าตัวเองก็สูงไม่ต่างจากเมนร้องร่างเล็กซักเท่าไหร่

     

    พี่ผู้จัดการเคลียร์เรื่องเอกสารเดินทางเรียบร้อยก็เดินเข้ามาบอกเด็กๆ ในความดูแลให้เตรียมตัว เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยชาวต่างชาติตัวโตๆ สี่ถึงห้าคนมายืนตั้งแถวรออยู่แล้ว แฟนคลับด้านนอกค่อนข้างเยอะ การที่จะเดินฝ่าออกไปจนถึงรถที่จอดรออยู่ข้างนอกโดยไม่มีการกระทบกระทั่งเป็นไปได้ค่อนข้างยาก

     

    คริสเตรียมตัวเองพร้อมแล้วก็หันไปหาคนตัวเล็กข้างตัว ช่วยจัดคอเสื้อแจ็คเก็ตสีฟ้าเข้มที่เริ่มร่นลงไปจนเกือบจะหลุดไหล่ให้กระชับเข้า แล้วดึงซิปขึ้นมาปิดจนเกือบถึงอก คนตัวเล็กยืนนิ่งให้เขาทำตามใจ แต่ยังแอบช้อนตาอ้อนถาม

    "ถอดเลยได้มั้ย? อากาศไม่เย็นเท่าไหร่เลย” ที่อเมริกา อากาศแบบนี้เรียกว่ากำลังสบาย แต่มันก็ยังเย็นเกินไปสำหรับคนป่วยง่ายอยู่ดี ที่สวมไว้ใต้เสื้อแจ็คเก็ตแบบบุนวมก็มีเพียงเสื้อกล้ามตัวบางเท่านั้น คริสจึงส่ายหน้า

    “ไม่ได้”

    “แต่มันร้อน~

    “เดี๋ยวขึ้นรถแล้วค่อยเปลี่ยนเป็นเสื้อแขนยาว ตอนนี้ใส่ไปก่อน”

    “ก็ได้” เลย์พยักหน้าอย่างว่าง่าย สอดแขนเข้าคล้องสายสะพายเป้อีกข้างที่คริสดึงขึ้นมาให้แล้วขยับไหล่ให้ถนัด

    “พร้อมหรือยัง?”

    “อื้ม”

    “เกาะแขนฉันไว้นะ”

    “เอ๋...?”

    “แขน ข้อมือ หรือชายเสื้อก็ได้” อยากให้จับมือนะ แต่แบบนั้นคงจะดู... ประเจิดประเจ้อไป “คนข้างนอกเยอะ ฉันกลัวนายหลุดจากกลุ่มแล้วถูกคนดึงไป”

    “...อ้อ” เด็กดีพยักหน้าเพราะเข้าใจในความจำเป็นดี พี่ผู้จัดการเคยบอกว่า เวลาที่ต้องอยู่ในที่ๆ คนเยอะ ให้รวมกลุ่มกันไว้ และพยายามจับคู่ดูแลกันให้ดี เลย์รู้ว่าตัวเองเดินช้ามาก ตุ้ยจางก็เลยมักจะคอยรั้งท้ายให้ แต่บางทีคนมุงเยอะเกินไปจนเดินต่อไม่ได้ คริสก็อาศัยร่างกายที่สูงใหญ่กว่า เบียดขึ้นมาเดินเปิดทางให้ เลย์เคยหลุดจากกลุ่มแล้วถูกแฟนคลับเบียดจนเกือบจะพลัดหลงไปแล้วครั้งหนึ่ง เขาไม่อยากทำตัวให้เป็นภาระเพื่อนๆ อีก

     

     

    พอตั้งแถวพร้อม พี่ผู้จัดการก็เดินนำพวกเขาออกจากโถงผู้โดยสารขาเข้าโดยมีการ์ดตัวโตคอยเปิดทางให้ เสียงกรีดร้องของแฟนคลับทำเอาหูอื้อไปหมด แต่หกหนุ่มยังยิ้มและโบกมือให้อย่างอารมณ์ดี อยู่กันคนละซีกโลกแบบนี้ ยังมีคนรู้จักพวกเขาตั้งมากมาย น่าดีใจขนาดไหน

     

    ใช้เวลาไม่นานก็เดินถึงรถแวนที่จอดรออยู่ คริสขึ้นรถไปก่อนแล้วจับจองเบาะที่นั่งแถวหน้า ด้านหลังคนขับ พอเลย์เดินตามขึ้นมา เสียงแง้วๆ ของลู่หานก็ตะโกนเรียกให้เลย์ไปนั่งด้วยกันที่เบาะหลัง แต่คริสตบเบาะที่นั่งข้างๆ ตัวเองให้รู้ว่ายังว่าง น้องก็รีบนั่งลงเพื่อเปิดทางให้เฉินกับจื่อเทาตามขึ้นรถมา ถูกแย่งน้องชายคนโปรดไปอีกแล้ว แต่ลู่หานก็ไม่ได้หงุดหงิดมาก เพราะของเล่นเยอะแยะที่ได้มาจากแฟนคลับตอนที่เดินมาเมื่อครู่ทำให้คนรองของวงอารมณ์ดีไปตลอดทางจนถึง Premium Outlet

     

     

    พอลงจากรถได้ ลู่หานก็ทำตาโตประกอบเสียงโอ้โฮ หมุนรอบตัวเองเพื่อจะมองไปรอบๆ เอาท์เลท สำรวจร้านรวงต่างๆ ที่อยู่ในนั้นอย่างตื่นเต้น ก่อนจะลากซิ่วหมินมุ่งตรงไปยังร้านกระเป๋าแบรนด์โปรดในทันที

     

    “ชั่วโมงเดียวนะ”

     

    พี่ผู้จัดการตะโกนตามหลังแล้วจอมซนก็หันมาส่งเสียงรับก่อนจะเร่งฝีเท้าจากเดินเร็วๆ ไปเป็นวิ่งเสียให้รู้แล้วรู้รอด

     

    จื่อเทาเล็งร้านรองเท้าเอาไว้ เขาหันมาชวนคริสให้ไปช่วยเลือกรองเท้าผ้าใบด้วยกัน คริสพยักหน้าแล้วก็หันมาชวนเลย์ด้วย แต่อีกฝ่ายปฏิเสธ สุดท้ายก็เดินแยกไปทางร้านเสื้อผ้ากับเฉิน ซึ่งรายหลังนี่ไม่ค่อยชอบช้อปปิ้งเท่าไหร่ แต่ให้เดินเล่นเป็นเพื่อนก็โอเค

     

    เดินเข้าออกอยู่สองสามร้านจนเฉินขอแยกตัวไปซื้อน้ำดื่มแก้กระหายแล้ว เลย์ก็ยังไม่ได้ของอะไรติดมือซักอย่าง อันที่จริงเขาก็ไม่ใช่คนใช้เงินฟุ่มเฟือย แต่ของแบรนด์นอกที่ขายอยู่ในเอาท์เลท ราคาจะถูกกว่าที่อื่นมาก เห็นแล้วก็อยากได้เสื้อกลับไปซักสองสามตัวนะ แต่พอจะควักเงินซื้อก็ยังคิดแล้วคิดอีก

     

    “ชอบเสื้อตัวนี้เหรอ?”

    เลย์ไม่ทันรู้ตัวว่าร่างสูงมายืนอยู่ข้างๆ ตั้งแต่เมื่อไหร่ คิดอะไรเรื่อยเปื่อยจนใจลอยไปไหนอีกแล้ว

    “ส.. เสื้อเหรอ?”

    “ก็ตัวนี้ไง เห็นจับไม่ยอมปล่อย”

    ก้มลงมองเสื้อแจ็คเก็ตสีน้ำเงินเข้มลายจุดสีขาวที่มือจับอยู่แล้วก็ร้องอ๋อ เพราะตัวเองเป็นคนขี้ร้อน ก็เลยชอบใส่แต่เสื้อกล้าม เวลาออกไปข้างนอกก็แค่สวมเสื้อแขนยาวหรือแจ็คเก็ตทับเอา แต่ส่วนใหญ่ก็จะเป็นผ้าเนื้อหนาๆ ใส่แล้วยิ่งร้อน เสื้อตัวนี้สีเข้มแต่เนื้อผ้าไม่หนามาก เลย์ชอบมันนะ แต่ราคาก็...

    “น่าจะใส่สบาย แต่แพงไปหน่อย”

    คริสลองจับเนื้อผ้าดูบ้าง แล้วก็พยักหน้า

    “สวยดี ลองสวมดูสิ” บอกพลางหยิบไม้แขวนเสื้อตัวนั้นออกจากราว แต่ยังไม่ทันได้ปลดเสื้อออก มือเล็กก็แตะลงที่ข้อมือเขา

    “ไม่เอาดีกว่า เก็บเข้าที่เถอะ”

    “ทำไมล่ะ นายชอบไม่ใช่เหรอ?”

    “ก็... สวยดีอ่ะนะ แต่ไม่เอาดีกว่า”

    “ไม่ซื้อไม่เป็นไร แค่ลองก็ได้ ฉันว่ามันเหมาะกับนายนะ ลองใส่ดูหน่อยเถอะ”

    คริสคะยั้นคะยอและตั้งท่าจะปลดเสื้อออกจากไม้แขวนให้ได้ เลย์ก็เลยต้องสะกิดให้เขาหันไปมองลูกค้าหญิงสาวสองคนที่กำลังจับๆ เลือกๆ เสื้อแบบเดียวอยู่ที่ราวถัดไป

     

    “...มันของผู้หญิง”

     

    กระซิบบอกแล้วก็ตีแขนเบาๆ ให้คนตัวโตเก็บเสื้อคืนที่ ส่วนตัวเองก็รีบก้มหน้าซ่อนแก้มแดงๆ แล้วเดินนำออกไปจากร้านก่อนแล้ว

     

    คริสมองเสื้อที่อยู่ในมือแล้วก็มองหญิงสาวสองคนนั้น ส่งยิ้มและผงกศีรษะให้เมื่อเธอทั้งสองหันมายิ้มให้เขา มือที่ยื่นออกไปหมายจะแขวนเสื้อคืนราวชะงัก เมื่อคริสเกิดเปลี่ยนใจขึ้นมา

     

     

     

     

    “ถ่ายรูปกัน!
    เสียงจื่อเทาตะโกนเรียกพี่ๆ ที่เริ่มทยอยมาเจอกันที่จุดนัดหมาย พลางชี้ไปยังลานเด็กเล่นที่หน้าร้านขายขนมซึ่งติดกับฟู้ดคอร์ท ตรงนั้นมีของเล่นเยอะแยะ มีตุ๊กตาตัวโตๆ ให้ถ่ายรูปด้วย ลู่หานวิ่งเข้าไปกอดคอตุ๊กตากระต่ายตัวยักษ์ก่อนเป็นคนแรก พี่ผู้จัดการตามมาสมทบแล้วก็ถือกล้องให้ บอกให้คนอื่นๆ เลือกของเล่นที่ถูกใจจะได้ถ่ายรูปคู่ คริสปล่อยให้น้องๆ วิ่งไปวิ่งมาส่วนตัวเองก็หันซ้ายขวาหาที่นั่งพัก เห็นม้านั่งยาวที่มือเจ้าหมีพูขับเครื่องบินอยู่ตรงกลางก็เลยเดินตรงไป ตอนนั้นเองเสียงแง้วๆ ดังขึ้นข้างหลัง

     

    “ถ่ายรูปคู่ ถ่ายรูปคู่!

     

    ก้นคริสยังไม่ทันแตะม้านั่ง ร่างสูงเพรียวก็วิ่งผ่านหน้าเขาไป แย่งที่นั่งอีกฝั่งของม้านั่งแล้วหันไปกวักมือเรียกน้องชายคนโปรด

     

    “อี้ชิงงงง~ มาถ่ายรูปคู่กัน”

    คริสยืนท้าวสะเอวแล้วจิ๊ปากเพราะดูเหมือนคนรองตัวแสบจะไม่สนใจเขาซึ่งยืนหัวโด่อยู่ตรงนี้ซักนิด จนเมนเต้นคนเก่งเดินมาถึงแล้วนั่นล่ะ ลู่หานถึงได้หันมายิ้มให้เขา

    “โทษทีนะ เราจะถ่ายรูปคู่”

    คริสหงายมือเป็นเชิงบอกว่าเชิญตามสบาย แต่ลู่หานไม่พอใจแค่นั้น

    “รูปคู่ไง คู่ เท่ากับสองคน สามคนคือคี่ โอเคนะ?”

    คริสทำเสียงเหอะแล้วพยักหน้า แต่แทนที่จะถอยให้ห่าง คริสกลับนั่งลงบนอีกฝั่งของม้านั่ง

    “ตุ้ยจาง!

    “เสียใจนะ ฉันเล็งม้านั่งนี่ก่อน”

    “แต่เค้ามาถึงก่อน!

    “แต่ฉันนั่งแล้ว นายจะทำยังไงล่ะ อุ้มฉันออกไปรึไง?”

    “ไม่แมนเลย! ลุกให้น้องนั่งเดี๋ยวนี้นะ”

    “นายก็ลุกเองสิ”

    “ตุ้ยจาง!

    “เสี่ยวลู่...” จอมซนแทบจะกระโจนเข้าใส่อยู่แล้ว แต่มือเล็กบางก็จับแขนเขารั้งไว้ก่อน “ไม่เอาน่า เราถ่ายกันสามคนก็ได้”

    ลู่หานยอมรามือเพราะเห็นแก่น้องชายคนโปรด แต่ไม่วายยืดตัวไปกระซิบเสียงรอดไรฟันขู่ร่างสูงที่นั่งอยู่อีกฝั่งโดยไม่ให้เลย์ได้ยิน

     

    “อย่าหวังว่าคืนนี้จะได้แย่งรูมเมทเค้าเลย!






     


    .

     

     

    .

     

     

    .

     

     

    หลังจากที่ได้พักผ่อนหย่อนใจด้วยการเดินเล่นและช้อปปิ้ง แล้วยังอาหารกลางวันแสนอร่อย รถแวนก็พาพวกเขาไปส่งโรมแรมที่พักเพื่อเก็บสัมภาระและเตรียมตัวสำหรับตารางงานแรกที่จะเริ่มในตอนเย็น คืองานแถลงข่าวคอนเสิร์ตที่จะจัดขึ้นในวันพรุ่งนี้

     

    ภายในงานนอกจากจะมีสื่อมวลชนที่มาทำข่าว ส่วนหนึ่งยังเป็นแฟนคลับที่ตามมาให้กำลังใจ ความสามารถด้านภาษาของคริสเป็นที่ไว้ใจของสมาชิกอยู่แล้ว แม้ว่าแต่ละคนจะมีสคริปต์ที่ต้องแนะนำตัวเป็นภาษาอังกฤษสั้นๆ แต่ส่วนที่เหลือก็ยกให้ลีดเดอร์ของวงรับหน้าที่ไป ระหว่างนั้นสมาชิกคนอื่นๆ ก็หันไปเล่นกับแฟนคลับ อยู่ไกลๆ กันแบบนี้โอกาสที่จะได้เจอกันก็น้อยมาก นานๆ ได้มาทีก็เลยอยากจะเซอร์วิสให้มากหน่อย ทำให้แฟนๆ มีความสุข พวกเขาเองก็มีความสุข

     

    แต่ใครบางคนกลับไม่ค่อยมีความสุขซักเท่าไหร่

     

    มือเล็กๆ โบกไปมาไม่ยอมหยุด บางทีก็ทำนิ้วโป้งกับนิ้วชี้เป็นรูปตัวแอล เอียงคอนิดๆ ตอนที่ส่งยิ้มหวาน แจกจ่ายความน่ารักให้แฟนคลับไปทั่วแบบไม่มีหวง แหงล่ะว่าความน่ารักของเลย์ไม่มีทางลดลง แต่ทำไมคริสถึงรู้สึกหงุดหงิดนักนะ

     

    “มองฉันบ้าง”

    “อ.. เอ๋?” อยู่ดีๆ ก็ถูกสะกิดเนียนๆ เลย์ที่กำลังโบกมือให้แฟนๆ ก็เลยต้องหันมามองคนข้างตัว คริสบอกเขาทั้งที่สายตายังกวาดมองกล้องนับสิบตัวที่อยู่ตรงหน้า

    “พวกนายเอาแต่เล่นกับแฟนคลับ ไม่มีใครสนใจฉันเลย”

    เลย์ต้องใช้เวลาประมวลผลอยู่หลายวินาทีกว่าจะเข้าใจ เขาหัวเราะเสียงใสก่อนจะวางมือบนท่อนแขนคนตัวโต 

     

    “ฉันอยู่ตรงนี้ไง นายก็รู้ไม่ใช่เหรอ”

     

     

    .

     

     

    .

     

     

    .

     

     

    หลังเสร็จจากงานแถลงข่าว หกหนุ่มก็กลับมาทานอาหารเย็นที่โรงแรม พูดคุยเล่นหัวกันอยู่พักใหญ่ๆ กว่าจะถูกพี่ผู้จัดการไล่ต้อนให้แยกกันไปพักผ่อนห้องใครห้องมัน เปลี่ยนโซนเวลาแท้ๆ แต่ตั้งแต่เดินทางมาถึง หนุ่มๆ ยังไม่ยอมพักผ่อนกันเลย แบตเตอรี่เต็มเปี่ยมกันดีจริงๆ

     

    ลู่หานให้เลย์ไปอาบน้ำระหว่างที่เขารื้อกระเป๋าเป้เอาของใช้ที่จำเป็นออกมากองไว้หน้าโต๊ะกระจก ที่นี่ตกกลางคืนอากาศก็ยิ่งเย็น กลัวว่าน้องอาบน้ำออกมาแล้วร่างกายปรับอุณหภูมิไม่ทันก็อาจจะป่วยไข้ได้ ลู่หานก็เลยต้องหรี่แอร์ไว้ให้ ตอนที่กำลังจะรื้อกระเป๋าใบใหญ่ ว่าจะเอาเสื้อผ้าบางส่วนมาใส่ตู้ไว้จะได้หยิบใส่ง่ายๆ เสียงเคาะประตูห้องก็ดังขึ้น ร่างสูงเพรียวรีบลุกขึ้นแล้วก้าวเร็วๆ ไปส่องดูที่ตาแมว

     

    พอเห็นร่างสูงของลีดเดอร์คู่ปรับยืนอยู่หน้าห้อง คนรองก็จิ๊ปาก กะแล้วว่าต้องมาเคาะห้อง อุตส่าห์ขู่แล้วนะว่ายังไงวันนี้ก็ไม่สำเร็จ ยังจะกล้าโผล่มา

     

    ดีล่ะ! จะแกล้งให้เข็ด!

     

    “น่านคราย...?”

    เสียงยานคางของคนในห้องฟังดูกวนประสาท คริสกรอกตาเมื่อเห็นท่าว่าต้องเหนื่อยรบรากับตัวแสบอีกรอบ

    “ไม่เล่นนะลู่หาน นายก็รู้ว่าฉันเป็นใคร”

    คนข้างในเบะปาก ก่อนจะหมุนลูกบิดประตูให้เปิดออก... อย่างช้าๆ แต่แค่บานประตูแง้มออก คนข้างนอกก็เตรียมจะพุ่งตัวเข้ามา

    “หยุดอยู่ตรงนั้น! อย่าหวังว่าจะได้เข้าห้องเค้าเลย”

    จอมแสบเอามือดันอกเขาไว้ คริสที่ไม่อยากจะไฟท์ก็เลยยอมถอยออกมาก้าวหนึ่ง กอดอกแล้วจ้องหน้าเจ้าของห้องที่ยืนยิ้มกวนอารมณ์ขวางประตูอยู่

    “ฉันมาหาอี้ชิง”

    “แหงล่ะ ตุ้ยจางคงไม่ได้คิดถึงเค้าจนต้องมาหาถึงห้องหรอกจริงมั้ย”

    “แล้ว?”

    “ไม่ได้! บอกแล้วไง คืนนี้อย่าได้หวังจะแย่งรูมเมทเค้า” คนรองยักคิ้วอย่างคนที่ถือไพ่เหนือกว่า ชอบทำเนียนดีนัก จะยืนขวางประตูมันอยู่อย่างเนี้ย ดูซิคราวนี้จะทำยังไง!

     

    คริสกระแทกลมหายใจหนักๆ ลู่หานนี่กัดไม่ปล่อยจริงๆ ให้ตาย ให้ยืนเถียงอยู่ตรงนี้ได้ต่อคำกันจนถึงเช้าแน่

     

    “อี้ชิง อยู่ข้างในรึเปล่า” เขาตะโกนข้ามไหล่เล็กหวังให้รูมเมทเจ้าตัวแสบออกมาเคลียร์ทางให้ แต่ลู่หานก็รีบดักทาง

    “เสียใจ น้องอาบน้ำอยู่”

    “อี้ชิง”

    “เอ๊ะ! ก็บอกว่าอาบน้ำอยู่ไง”

     

    “เสี่ยวลู่ มีอะไรรึเปล่า?”

     

    พอได้ยินเสียงหวานถามกลับ ลู่หานก็หันขวับ เลย์ที่อยู่ในชุดเสื้อยืดกางเกงขาสั้นแบบพร้อมนอนเดินออกมาจากห้องน้ำ สองมือวุ่นวายอยู่กับการใช้ผ้าขนหนูผืนเล็กซับเส้นผมที่ยังเปียกชื้น ยังไม่ทันที่ลู่หานจะฟ้องอะไร คนตัวโตก็ชิงตัดหน้าบอกเสียก่อน

     

    “จงแดมีเรื่องจะคุยกับเขาเลยให้ฉันมาตาม แต่ลู่หานกลัวไม่มีใครอยู่เป็นเพื่อนนาย”

    “ห.. ห๊ะ?!” นึกไม่ถึงว่าตุ้ยจางจะเล่นไม้นี้ คนรองของวงถึงกับอ้าปากค้าง

    “ไปเถอะเสี่ยวลู่ ฉันอยู่คนเดียวได้”

    “ต.. แต่เค้าไม่...!

    “ไม่ต้องเป็นห่วง ฉันอยู่เป็นเพื่อนอี้ชิงเอง” ลีดเดอร์จอมเนียนยังยื่นมือมาตบไหล่เขาเบาๆ เหมือนจะบอกให้วางใจ แต่จริงๆ แล้วกลับออกแรงดึงให้ร่างที่เล็กกว่าหลุดออกจากกรอบประตู แล้วเอาตัวเองเข้าไปแทนที่ พอลู่หานตะกายจะกลับเข้าไปในห้อง มือใหญ่ก็ดันไหล่ห้าม เจ้าของห้องแยกเขี้ยวใส่คนยิ้มเจ้าเล่ห์ ยิ่งน่าเจ็บใจเมื่อริมฝีปากได้รูปเอ่ยคำเยาะเย้ยแบบไม่มีเสียง


     

    บ๊ายบาย

     

     

    คนรองได้แต่กระทืบเท้าอยู่หน้าห้องเมื่อบานประตูปิดลง

     

    “ฝากไว้ก่อนเหอะ ตุ้ยจาง!

     

     

     

     

    พอเข้ามาในห้องคริสก็มองไปรอบๆ ก่อนจะนั่งลงบนเตียงที่คิดว่าน่าจะเป็นของลู่หาน (เพราะมันดูยับย่นมาก เจ้าตัวแสบคงโดดใส่แล้วกลิ้งไปกลิ้งมาตั้งแต่เข้าห้อง) มองร่างโปร่งบางที่ส่งยิ้มทักทายก่อนจะย้ายตัวเองไปอยู่หน้ากระจก พยายามซับผมให้แห้งโดยไม่ต้องใช้ไดร์เป่า

     

    “อาบน้ำเสร็จแล้วเหรอ?”

    “อื้ม”

    คริสควรจะรู้โดยไม่ต้องถาม แค่ก้าวเข้ามาในห้องก็ได้กลิ่นหอมอ่อนๆ เหมือนครีมขนม นึกไม่ออกเลยว่าสบู่หรือแชมพูยี่ห้อไหนที่ให้กลิ่นหอมหวานแบบนี้ แต่มันก็เหมาะกับเลย์มากจริงๆ

     

    “อี้ชิง”

    “ฮะ?”

    “ลองดูอะไรนี่หน่อยมั้ย?”

    เลย์เอียงคอมองถุงสองใบที่คริสวางลงบนเตียง เมื่อครู่ไม่ทันสังเกตุว่าร่างสูงถืออะไรติดมือมาด้วย เขาวางมือจากการเช็ดผมแล้วเดินมานั่งบนเตียงตัวเอง ตรงข้ามกันกับคริส หยิบถุงหนึ่งในสองใบขึ้นมาเปิดออกดู

     

    “นี่มัน...?” ตาคู่สวยช้อนมองคริสด้วยความสงสัย ร่างสูงก็พยักหน้าให้น้องหยิบของในถุงออกมาคลี่ดูให้ชัดๆ เสื้อแจ็คเก็ตสีน้ำเงินเข้มแต้มจุดสีขาวเล็กๆ นี่คุ้นตา เลย์จำได้ว่า มันควรจะแขวนอยู่ที่ร้านในพรีเมี่ยมเอ้าท์เลทนี่นา

     

    “ท.. ทะไมถึง...?”

    “ของขวัญวันเกิดย้อนหลังไง”

    คนตัวเล็กทำตาโตใส่

    “ซื้อมาจริงๆ เหรอเนี่ย?!

    “ก็เห็นนายอยากได้ จับไม่ยอมปล่อย ทำไมล่ะ ไม่ชอบเหรอ?”

    “ชอบสิ! แต่ว่า... มันแพงมากไม่ใช่เหรอ”

    “อย่าไปสนเรื่องราคา ฉันสัญญาแล้วว่าจะซื้อให้” เลย์มองหน้าเขาแล้วก็ก้มลงมองเสื้อบนตัก มือบางลูบเนื้อผ้าสีน้ำเงินเข้มอย่างทะนุถนอม แก้มขาวอวดรอยจางๆ เมื่อเจ้าตัวอมยิ้มน้อยๆ

    “...นึกว่าอู๋ฟานลืมไปแล้ว”

    คริสยิ้มเอ็นดู เอื้อมมือไปลูบผมที่ยังเปียกชื้นเบาๆ

    “บอกแล้วไงว่าอยากให้เลือกเอง ชอบรึเปล่า?”

    “อื้อ” คนตัวเล็กพยักหน้า ยกเสื้อขึ้นมากอดไว้กับอกแล้วบอกขอบคุณคนให้พร้อมรอยยิ้มหวาน

    “อ้อ มีอีกนะ ตัวนั้นนายเลือก ส่วนตัวนี้...” คริสหยิบของในถุงอีกใบออกมาคลี่ออก เป็นเสื้อกันหนาวคอกลมสีน้ำเงินเข้มเช่นกัน แต่เล่นสีที่คอเสื้อและแขนยาวทั้งสองข้าง “ฉันเลือกเอง”

     

    คริสทาบเสื้อลงบนร่างเล็กๆ ของเมนเต้นคนเก่ง ยิ้มแล้วมองอย่างภาคภูมิใจที่ตัวเองกะไซส์ได้ถูกขนาด

     

    “นี่ก็ของฉัน?”

    “อาฮะ”

    “ทำไมต้องสองตัว?”

    “ก็แจ็คเก็ตนั่น ฉันเห็นนายชอบแล้วมันก็น่ารักดี แต่นายชอบใส่เสื้อกล้ามไว้ข้างในแค่ตัวเดียว พอร้อนเมื่อไหร่ก็ถอด ฉันไม่อยากให้นายเอาเนื้อตัวไปโดนลมเย็นๆ จนไม่สบาย ก็เลยซื้อเสื้อแขนยาวตัวนี้มาด้วย”

    “ให้ของขวัญวันเกิดย้อนหลัง ก็เลยต้องให้ตั้งสองตัวเลยเหรอ”

    “ไม่ใช่ ...แจ็คเก็ตนั่นของขวัญวันเกิดนาย ส่วนเสื้อแขนยาวนี่ ของขวัญวันเกิดฉัน”

    “เอ๋...?”

    “ฉันชอบมัน ฉันอยากให้นายใส่ เพราะอย่างนั้นก็เลยซื้อให้ และเพราะอย่างนั้น มะรืนนี้ตอนที่กลับเกาหลี นายต้องใส่เสื้อตัวนี้ให้ฉันดูด้วย”

     

    เลย์ขมวดหัวคิ้วตอนที่ประมวลผลตาม นี่คริสล้อเล่นอะไรหรือเขาเข้าใจผิดเอง เสื้อตัวนึงเป็นของขวัญวันเกิดย้อนหลังของเขา ส่วนเสื้ออีกตัวเป็นของขวัญวันเกิดคริสเองที่ซื้อให้เขาล่วงหน้า แล้วให้ใส่ก่อนถึงวันเกิดเสียอีกเนี่ยนะ?

     

    “ด.. เดี๋ยวนะ แต่มะรืนนี้ไม่ใช่วันเกิดนายซักหน่อย”

    “เดือนหน้าก็ใช่แล้ว”

    “แต่อีกตั้งหลายวันกว่าจะถึง”

    “ก็เพราะอย่างนั้นฉันถึงอยากให้นายใส่ให้ดูก่อนไง”

    คริสอธิบายแล้วยิ้มกว้าง เลย์เองก็ไม่ค่อยเข้าใจเหตุผลแปลกๆ แบบนี้เท่าไหร่ แต่ถึงยังไง เสื้อทั้งสองตัวก็เป็นของเขาอยู่ดี เมนเต้นคนเก่งกล่าวขอบคุณอีกครั้งทั้งที่ยังงงๆ

     

    “จะลองมั้ย?” เลย์พยักหน้า คว้าชายเสื้อตัวเองเลิกขึ้น ตั้งใจจะถอดเสื้อยืดที่ใส่อยู่ออกเสียตรงนั้น คริสต้องรีบร้องห้าม “เฮ้ยเดี๋ยว! ไปเปลี่ยนในห้องน้ำสิ”

     

    คนน้องกระพริบตาปริบ แต่ก็ยอมเปลี่ยนใจ ลุกขึ้นแล้วเดินไปทางห้องน้ำ ไม่เห็นจะเข้าใจตุ้ยจางเลย ผู้ชายเหมือนกันจะต้องอายอะไร

     

     

    คริสสบถกับตัวเองเมื่อประตูห้องน้ำปิดลง มือใหญ่ทุบอกตัวเองเบาๆ เตือนให้หัวใจทำงานน้อยๆ ลงหน่อย เลย์คงไม่รู้ว่าหน้าร้อนๆ แดงๆ ของเขานี่ไม่ใช่แค่อาย จู่ๆ จะมาถอดเสื้อผ้าให้มอง เนื้อตัวขาวๆ แบบนั้นทำไมไม่รู้จักระวังซะบ้าง

     


    หัวใจพี่จะวายตาย!

     

     

     

     

     

     

     
     

     

     


     

     

    TBC.

     

     

     

     

     

     

     

    คนรอง: แปะพรีวิวได้ติ่งมาก - -’ เค้าไม่ได้ตั้งใจจะเรียกร้องความสนใจนะ T_T แต่วัดเอาจากคอมเม้นท์ตอนล่าสุดที่ลงไป ก็เลยคิดว่าไม่ค่อยมีคนอ่าน เลยดองไว้ซะเป็นเดือน มาแปะพรีวิวตอนใหม่ก็เลยมีชื่อแปลกๆ ที่ไม่เคยเม้นท์มาเม้นท์ให้ด้วย คงจะคิดถึงกันแย่ ขอบคุณมากกกกกกกกเลย ^^

     

    มีคนบอกว่าถ้าอยากให้คนอ่านเยอะๆ ก็ให้ลงบ่อยๆ เค้าก็อยากทำนะ แต่คนรองเขียนฟิคไม่เก่ง แต่ละตอนก็เลยใช้เวลาค่อนข้างนาน = =

     

    ยังไงก็ฝาก(อดทน)ติดตามกันต่อไป อยู่เป็นกำลังใจให้ด้วยนะคะ ทวงจิกได้บ่อยๆ จะได้เป็นแรงกระตุ้น ฮะๆๆๆ
    (ยังจะกล้า
    - -’ )

     

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×