ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [KrisLay] My Kris, My Lay

    ลำดับตอนที่ #11 : MKML ตอน 11 ::: Lay with me

    • อัปเดตล่าสุด 4 ม.ค. 57



    [Fic] My Kris, My Lay
    Fiction by 2nd Admin



    - ตอนที่ 11 -

     

     

     

    .

     

    .

     

    .

     

     

    คริสพยายามเกร็งลำตัวช่วงบนไว้ให้นิ่งที่สุด ตอนที่ยืดขายาวๆ ออกเพื่อไล่ความเมื่อยขบ หลังจากที่ต้องนั่งเครื่องบินสองสามชั่วโมงจากจีนมาเกาหลี แล้วยังต้องมาทนอดอู้อยู่ในรถตู้ที่มีพื้นที่จำกัดแบบนี้อีก อย่าว่าแต่ขาเลย หลังและไหล่มันยังล้าไปหมด เขาอยากจะเหยียดแขนขาออกไปแบบสุดๆ เพื่อยืดเส้นยืดสาย แต่ก็ต้องอดใจไว้ก่อน เพราะหัวกลมๆ ที่เอนซบอยู่ตรงไหล่นี่... จะละเลยไม่ได้

     

    แอบมองคนนั่งข้างแล้วใบหน้าหล่อเหลาก็ระบายยิ้มแสนอ่อนโยนอย่างที่ยากนักจะมีให้คนอื่น ยังแอบแตะหลังมือกับข้างแก้มคนขี้เซาอย่างนึกเอ็นดู ตอนอยู่บนเครื่องก็เห็นหลับสนิทจนคิดว่าน่าจะอิ่มแล้ว ตอนที่เดินฝ่ากลุ่มคนออกมาจากสนามบินยังเห็นมึนๆ ก็นึกว่าเมาคน ที่ไหนได้ ขึ้นรถตู้มาแค่ไม่ถึงห้านาที นั่งคุยกันอยู่ดีๆ หันไปอีกทีก็ม่อยหลับไปอีกแล้ว

     

    นิ่งเป็นหลับ ขยับเป็นเต้นจริงๆ เลยนะ ...จางอี้ชิง

     

     

    มองจากข้างทางแล้วลีดเดอร์ฝั่งจีนก็พอจะประมาณเอาได้ ว่าอีกไม่ถึงสิบนาทีคงจะถึงหอพัก คนหล่อลอบถอนหายใจด้วยรู้สึกเสียดายเล็กๆ ...ถึงไหล่ข้างซ้ายมันจะชาหนึบจนแทบหมดความรู้สึก แต่ที่เขาทนนั่งนิ่งๆ ได้นานโดยไม่คิดจะขยับตัวให้รบกวนคนหลับ ก็เพราะกลิ่นแชมพูอ่อนๆ กับกลุ่มผมนุ่มๆ ที่คลอเคลียตรงซอกคอนี่แหละ ...น่าชื่นใจน้อยอยู่เสียเมื่อไหร่ ก็ในเมื่อไม่บ่อยนักที่สมาชิกคนโปรดจะยอมให้เขาอยู่ใกล้ขนาดนี้ ถ้าไม่ลืมตัวจริงๆ หรือไม่ใช่ตอนที่หลับแบบนี้ก็แทบเป็นไปไม่ได้ เห็นเต้นเก่งๆ แบบนี้เถอะ ขี้อายใช่เล่น

     

     

    ครู่ใหญ่ๆ รถตู้ก็พาสมาชิกทั้งหกของไอด้อลฝั่งจีนมาถึงหอพัก คนอื่นๆ ค่อยๆ ทยอยกันเดินลง ในขณะที่คริสซึ่งอยู่แถวหน้าสุดยังนั่งอยู่กับที่

    “ไม่ลงเหรอตุ้ยจาง?” จนลู่หานที่กำลังจะลงจากรถต้องหันมาถาม พอเห็นรูมเมทตัวเองกำลังหลับคอพับ ซบอยู่กับไหล่หล่อหัวหน้า คนน่ารักก็อดจะหวังดีเอื้อมมือมาช่วยเขย่าตัวน้องไม่ได้ “อี้ชิงตื่นเร็ว หลับน้ำลายยืดเลอะเสื้อตุ้ยจางแล้ว”

     

    ส่งเสียงหัวเราะคิกคักแล้วคนหวังดีก็รีบกระโดดลงจากรถ ปล่อยให้ร่างโปร่งบางที่ค่อยๆ งัวเงียตื่นขึ้นมาก่อนจะหันไปพบว่าไม่เหลือใครอยู่ในรถ นอกจากเขากับ... เจ้าของไหล่กว้าง

     

    คริสแทบจะกลั้นหายใจตอนที่เลย์มองช่วงไหล่ของตัวเองแล้วเงยหน้าขึ้นมองเจ้าของ ระยะห่างที่เหลือมันน้อยมากเสียจนปลายจมูกของพวกเขาสัมผัสกันเบาๆ โดยไม่ตั้งใจ แต่ตาใสๆ ของอีกฝ่ายก็บอกให้รู้ว่าเลย์ไม่ทันรู้สึกด้วยซ้ำ

     

    “...ขอโทษที ฉันหลับไม่รู้เรื่องเลย เมื่อยรึเปล่า?”

    คริสยิ้มแล้วส่ายหน้า เขาขยับถอยออกมาเล็กน้อย ใกล้กันเกินไปแบบนี้ ถึงเลย์จะไม่รู้สึก แต่เขานี่แหละจะตายเอา

     

    “...ไม่น่าลืมหมอนรองคอไว้ที่โน่น” คนน้องบ่นหงุงหงิงแล้วก็ทำหน้าเซ็ง ก่อนจะก้มหน้าเหมือนหาของบางอย่างในกระเป๋า แต่แค่เห็นใบหูเล็กเรื่อสีแดง คริสก็แอบอมยิ้ม ...เอ็นดูได้แต่อย่าได้คิดเข้าข้างตัวเองเชียว ไม่ใช่ว่าเลย์จะเขินที่ตื่นขึ้นมาพบว่าตัวเองหลับซบอยู่กับไหล่เขาหรอกนะ แต่เพราะคนโปรดของเขาขี้อายมาก ต่อให้ก่อนหน้านี้คนที่เลย์ซบเป็นคนอื่น ตื่นขึ้นมาก็คงอายจนหน้าแดงเหมือนกัน

     

    ในเมื่อรู้แล้วก็คงได้แต่ทำใจล่ะนะ... อู๋อี้ฟาน

     

     

     

    เสียงจากนอกรถมันดังจ้อกแจ้กจอแจเกินไป คริสมารู้ว่าเป็นเพราะอะไรก็ตอนที่ลงจากรถมาแล้ว

    “คริสฮยองงงง~~” เสียงทุ้มใหญ่ที่ดัดจนเล็กแหลมนั้นมาพร้อมกับร่างสูงโย่งของรุ่นน้องจากอีกฝั่งที่ถลาเข้ามาเกาะแขนเขาไว้แน่นชนิดที่คริสไม่ทันได้ตั้งตัว “แฮ่~ หวัดดีฮะ!

    “โอ๊ะ!” และมันก็ดันเป็นข้างที่เขาถูกเหน็บชาเล่นงานอยู่พอดี

    “ฮยองเป็นอะไร? เจ็บแขนเหรอ?”

    “...เปล่าหรอก ถือของมาหนักน่ะ”

    “ขอโทษฮะ” ชานยอลทำตาโตแล้วรีบปล่อยมือทันที มองสำรวจกระเป๋าสีดำที่ฮยองถือติดตัวอยู่เสมอว่ามันหนักตรงไหน แต่ก็ไม่ได้ใส่ใจมาก ...เดินอ้อมไปเกาะแขนอีกข้างแทนก็ได้

     

    นอกจากชานยอลแล้วคนอื่นๆ ก็อยู่ที่นั่นด้วย สมาชิกฝั่งเคที่เหลือทั้งหมดทักทายเขาพร้อมกันแล้วก็หันไปจับกลุ่มคุยกันสนุกสนานกับสมาชิกคนอื่นๆ ที่ลงมาจากรถตู้ก่อนหน้า มีเพียงคนเดียวที่ยังส่งยิ้มสว่างไสวและเดินตรงมาทางเขา

     

    “เดินทางปลอดภัยดีนะครับ?”

    “อื้ม แล้วทำไมลงมาอยู่ข้างล่างกันหมดเลยล่ะ?”

    “เห็นว่าจะกลับกันมาวันนี้ น้องๆ คิดถึง ผมเลยพามารอ”

    “ไม่เห็นต้องลำบาก เดี๋ยวก็ได้เจอกันอยู่แล้ว”

    ซูโฮไม่เถียง เขายิ้มแล้วหันไปมองท้ายรถแทน

    “ผมช่วยขนของนะ”

    “เอาไปแต่ของฝากก็พอนะ กระเป๋าเดี๋ยวพวกเราจัดการเอง”

     

    แต่พอซูโฮเดินไป คนอื่นๆ ก็ตามไปด้วย ก็เลยกลายเป็นว่าไม่ได้ขนแค่ของฝาก แม้แต่กระเป๋าของคริสเองก็ยังถูกไคยกลงมาแล้วลากไปให้ พอไม่รู้จะห้ามยังไงคริสก็เลยต้องปล่อยเลยตามเลย

     

    ลงจากรถมาซักพักแล้วแต่ใครบางคนก็ยังไม่เดินตามมา หันไปมองข้างหลังถึงได้เห็นร่างโปร่งบางที่ยังเก้ๆ กังๆ กับสายสะพายกระเป๋าที่ดูเหมือนจะไปเกี่ยวกับอะไรเข้าซักอย่างตรงประตูรถตู้ ช่วงขายาวขยับโดยอัตโนมัติ แต่หันกลับไปได้ครึ่งตัวก็ต้องชะงัก

     

    “ฮยองเหนื่อยมั้ย? ไปพักบนห้องดีกว่า” แขนเหนียวๆ ของเจ้าแฮปปี้ไวรัสยังเกาะติดเขาไว้แน่นมาก

    “คือ.. เดี๋ยวนะ...”

    “หรืออยากกินอะไรเย็นๆ? ผมไปซื้อกาแฟเย็นให้”

    “ไม่เป็นไร เดี๋ยวนะชานยอล ปล่อยฮยองก่อน”

    “ฮยองยังเจ็บแขนอยู่เหรอฮะ? งั้นผมถือกระเป๋าให้ดีกว่า”

    “เฮ้ย! ไม่ต้อง...!

    แต่ชานยอลก็ยังเข้าไปยื้อแย่งกระเป๋าจากมือรุ่นพี่โดยไม่ฟังเสียง

     

     

    สายตาที่ร้อนรุ่มราวกับจะลุกเป็นไฟกำลังจับจ้องภาพที่คนตัวโตๆ สองคนยื้อแย่งกระเป๋าใบเดียวกันอย่างสนิทสนม แหงล่ะว่าคนหนึ่งคือคริสฮยองผู้เป็นไอด้อล ...เป็นต้นแบบ ...เป็นรุ่นพี่ในฝันของเจ้าโย่งจอมทึ่มนั่น เห็นเพ้อหามาตั้งแต่รู้ข่าวว่าฝั่งเอ็มจะเดินทางกลับเมื่ออาทิตย์ก่อน ...แล้วไง? ...ได้เจอสมใจอยากแล้วล่ะสิ!

     

    ทำตัวน่าหมั่นไส้แบบนี้ ...ได้เห็นดีกันแน่ปาร์คชานยอล!

     

     

    ไอเย็นที่ไม่รู้ที่มาพัดมาวูบหนึ่ง ชานยอลก็ชะงักจนต้องปล่อยมือจากกระเป๋า ตอนนั้นคริสยังไม่ทันสังเกตุอาการผิดปกติของน้องชายร่างโย่งด้วยซ้ำ

     

    กระทั่งหางตาแว่บเห็นเงาร่างเล็กๆ ที่วูบผ่านเขาไปชนิดที่มองตามแทบไม่ทัน

    “พี่อี้ชิงงงง~~ ผมช่วยนะ” เป็นแบคฮยอนที่วิ่งเข้าไปหาและช่วยจัดการกับสายสะพายเป้ให้ เจ้าตัวเล็กส่งยิ้มหวานเอาใจคนเป็นพี่อย่างน่าชัง “เหนื่อยมั้ยฮะ?”

    “...ก็นิดหน่อย หลับมาตลอดทางเลย เออนี่ ฉันซื้อขนมมาฝากด้วยนะ คราวก่อนที่ไปจีนเห็นนายชอบกินขนมร้านนี้”

    “ว้าววว! จริงเหรอฮะ? พี่อี้ชิงนี่ใจดีที่สุดเลย!” เด็กไฮเปอร์กระโดดกอดรุ่นพี่เสียเต็มอ้อมแขน แค่นั้นก็ทำเอาใครบางคน... หรือสองคน? คิ้วกระตุกละ นั่นยังไม่รวมประโยคที่ตามมา “ผมก็มีเรื่องจะเล่าให้ฟังเยอะแยะ คืนนี้พี่ไปนอนห้องผมนะ”

    “ห๊ะ?!! สองเสียงอุทานขึ้นพร้อมกัน หนึ่งในนั้นยกนิ้วขึ้นชี้หน้าตัวเองเหวอๆ

    “แล้วฉันล่ะแบคฮยอน?”

    “นายก็นอนกับ...” คริสสาบานได้ว่าเจ้าเด็กฮาร์ดคอร์นั่นกำลังปรายสายตาหมั่นไส้มาทางเขาชัดๆ “...เตียงใครว่างนายก็ไปนอนกับคนนั้นละกัน แต่คืนนี้ฉันจะนอนกับพี่อี้ชิง”

    “อ๊าว...!!

    “ไปกันเถอะฮะ” ว่าแล้วก็ดึงแขนรุ่นพี่เมนเต้นต่างฝั่งเดินผ่านหน้าร่างสูงทั้งสองไปหน้าตาเฉย

     

    เจ้าตัวเล็กแบคฮยอนนี่ชักจะยังไงซะละ!

     

     

    .

     

    .

     

    .

     

     

    มหกรรมการย้ายห้องนอนทำให้ทั้งสองชั้นของหอพักวุ่นวายมากในวันนั้น พอเลย์ไม่อยู่ ลู่หานกับซิ่วหมินก็หอบผ้าหอบผ่อนมานอนเบียดเป็นเพื่อนเฉิน ห้องตุ้ยจางก็เลยว่างไปอีกสองเตียง และนั่นก็ทำให้คนที่โดนรูมเมทร่างเล็กเนรเทศออกมาหาที่นอนได้

     

    “รบกวนด้วยนะฮะ” ชานยอลโค้มศีรษะเล็กน้อยก่อนจะวางหมอนและผ้าห่มของตัวเองลงบนเตียงลู่หานฮยอง

     

    เอาจริงเหรอเนี่ย? ...คริสถอนหายใจเนือยๆ

     

    “สองคนนั้นหลับแล้วเหรอ?”

    “ไม่รู้สิฮะ ผมไม่ได้เข้าห้องด้วยซ้ำ” ชานยอลทำปากยื่นด้วยไม่ค่อยจะพอใจนัก ของพวกนี้เขาก็ไม่ได้เอาออกมาเอง แต่ตอนที่ไปอาบน้ำ กลับมาอีกทีก็เห็นมันถูกวางกองอยู่หน้าห้องแล้ว “...จะคุยอะไรกันนักหนา ต้องชวนไปนอนในห้องด้วย”

    “เขาไม่เจอกันนาน คงจะคิดถึงมั้ง”

    “แต่ไม่ต้องนอนด้วยกันก็ได้นี่ฮะ เบียดกันก็ว่าไปอย่าง นี่เล่นเนรเทศผมออกมาแถมยังล็อคประตูห้องอีก” นึกสภาพเขาที่เห็นหมอนกับผ้าห่มออกมากองหน้าห้องสิ แล้วเคาะเรียกเท่าไหร่คนข้างในก็ไม่มีทีท่าว่าจะเปิด เอาแต่ตะโกนไล่ท่าเดียว น่าอนาจจะตาย

     

    คริสถอนหายใจแล้วตบไหล่รุ่นน้องเหมือนจะปลอบ แต่ในใจตอนนี้ เขาอยากรู้ว่าเด็กนั่นล็อคประตูทำอะไรกับคนโปรดของเขากันแน่มากกว่า

     

    “พูดก็พูดเหอะนะฮยอง ผมว่าแบคฮยอนนี่ชักจะแปลกขึ้นทุกวัน คราวก่อนตอนงานรับรางวัลที่จีน ตอนแรกก็ยังคุยกันอยู่ดีๆ พอพวกพี่ขึ้นเวทีไปเท่านั้นแหละ หมอนั่นก็สะบัดหน้าใส่ผมเฉยเลย”

     

    คนพี่กระตุกหัวคิ้ว ก่อนจะพยักหน้าช้าๆ เมื่อนึกขึ้นได้ว่าเกิดอะไรขึ้นในวันนั้น

     

    มันไม่ใช่แค่ขึ้นเวทีหรอก ตอนที่รู้ว่าได้รางวัล เด็กนี่เล่นกอดแสดงความดีใจกับเขาจนแน่น ขนาดว่าเขาอยากจะเข้าไปแสดงความดีใจกับคนอื่นๆ ในวง ...โดยเฉพาะกับบางคน ...ยังทำไม่ได้เลย

     

    แต่เดี๋ยวก่อน ถ้าแม้แต่แบคฮยอนก็ยังไม่พอใจแบบนี้ แสดงว่าหมอนั่น...!

     

    คริสกระตุกยิ้มที่มุมปาก

     

    “ทำไมนายไม่ลองถามดูล่ะ แบคฮยอนอาจจะมีเรื่องที่อยากบอกนายก็ได้นะ”

    “โหยยยย ผมไม่กล้าหรอก แค่อ้าปากหมอนั่นก็เสยปลายคางผมแล้วมั้ง พักนี้ยิ่งอารมณ์แปรปรวนอยู่ เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย ชอบทำร้ายร่างกายผมอยู่เรื่อย”

    เสียงคริสหัวเราะหึหึ

    “นายตัวโตขนาดนี้ สู้คนตัวเล็กๆ อย่างแบคฮยอนไม่ไหวรึไง”

    “ไม่ใช่อย่างนั้นหรอกฮะ...” สีหน้าขี้เล่นแลสลดลง ชานยอลบุ้ยปากเหมือนกำลังคิดอะไร ก่อนจะติดสินใจพูดออกมา “...ที่จริงผมก็เคยคิดนะ ถ้าผมผลักทีเดียวหมอนั่นคงกระเด็น แต่ว่า... ผมไม่อยากให้เขาเจ็บ เราเคยทะเลาะกันครั้งนึงแล้วผมเผลอไปตีเขาเข้า ผมก็ว่ามันไม่ได้แรงมากนะ ...แต่หมอนั่นร้องไห้ ...พอเห็นน้ำตาแบคฮยอนแล้วก็รู้สึกเหมือนผมจะเจ็บกว่าซะอีก”

     

    คริสพยักหน้าอย่างเข้าใจ เด็กสองคนนี้สนิทกันมาตั้งแต่ก่อนเดบิวต์ ตัวติดกันไม่ว่าจะไปไหน ถึงบางทีจะดูเป็นไม้เบื่อไม้เมากันบ้างแต่สุดท้ายก็ต้องอยู่ด้วยกันอยู่ดี

     

    มือใหญ่ตบลงบนไหล่รุ่นน้องปุๆ แค่นั้นชานยอลก็ยิ้มออก

    “คริสฮยองถึงเป็นไอด้อลของผมไง ทั้งแมนแล้วก็แข็งแกร่ง ถ้าผมอายุยี่สิบสองผมจะต้องเท่ห์ให้ได้อย่างพี่แน่ๆ!

    “ก็.. ดีนะ” คริสยิ้มเฝื่อน ยังไงเด็กนี่ก็น่ากลัวอยู่ดี “คอแห้งน่ะ ออกไปหาน้ำกินหน่อยนะ”

     

     

     

    คริสปิดประตูห้องแล้วเกาหัวแกรก ถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่ายไม่รู้เป็นครั้งที่เท่าไหร่ของวัน ชานยอลที่อยู่ในห้องก็คนนึง เจ้าตัวเล็กฮาร์ดคอร์ที่ดึงตัวเลย์ไปนอนด้วยนั่นก็อีก ไม่รู้ที่ทำนี่คิดจะประชดเจ้าเด็กโย่งหรือตัวเขาเองกันแน่

     

    ร่างสูงขยับตัวจากหน้าประตูห้องหมายจะเดินเข้าไปหาน้ำดื่มในครัว แต่เสียงโทรทัศน์ในห้องนั่งเล่นที่แว่วมาก็เปลี่ยนใจเขา คริสแค่อยากรู้ว่าดึกป่านนี้แล้วใครยังไม่ยอมหลับยอมนอน เดินทางมาก็ตั้งไกลน่าจะอยากพักผ่อน

     

    แต่พอชะโงกหน้าเข้าไปดูในห้องนั่งเล่น ร่างโปร่งบางที่นั่งอยู่บนโซฟากลับทำให้เขาแปลกใจ

     

    “ทำไมมาอยู่นี่ล่ะ?” คริสถามแล้วเดินเข้ามาใกล้เหมือนจะมองให้นายใจว่าเขาไม่ได้เป็นกังวลจนเห็นภาพหลอนของคนตรงหน้า “นึกว่านายนอนอยู่ที่ห้องแบคฮยอนซะอีก”

    เลย์ยิ้มเรื่อยๆ แต่กระนั้นก็ยังเห็นรอยบุ๋มที่ข้างแก้ม

    “ตอนแรกก็ใช่ แบคฮยอนมาลากไปตั้งแต่เมื่อเย็นแล้ว แต่พอถึงเวลาจะนอน หมอนั่นก็เสียบหูฟังแล้วก็หลับไปเฉยเลย ฉันนอนไม่หลับก็เลยว่าจะออกไปนั่งดูโทรทัศน์ที่ห้องนั่งเล่น จงอินกับคยองซูก็เล่นเกมส์กันอยู่ ก็เลยลงมาห้องนี้แทน”

    “สงสัยเมื่อกลางวันนอนมากไปมั้ง” คริสบอกแล้วเข้ามานั่งข้างกัน ให้คนที่นั่งอยู่ก่อนเอียงคอมองเขาแล้วเลิกคิ้วถาม

    “อู๋ฟานไม่นอนเหรอ?”

    “นอนไม่หลับ”

    เลย์พยักหน้าแล้วไม่ซักอะไรต่อ มือข้างที่ถือรีโมทยังกดไล่เปลี่ยนช่องไปเรื่อยๆ ซักพักก็พรูลมหายใจออกมา

    “...ไม่มีรายการอะไรน่าดูเลย”

    คนพูดทำปากยื่น ขนาดว่าทำหน้าเซ็งยังน่ามองเลย คริสว่าให้เขามองอยู่อย่างนี้ทั้งคืนก็ยังได้

     

     

    ...แต่ไม่ได้หรอก ...ไม่ดีกว่า

     

     

    ถ้าได้แค่มองอย่างเดียว ...งั้นไม่เอาดีกว่า

     

     

    “เอ้อ.. เห็นข่าวที่แฟนคลับเตรียมของขวัญวันเกิดให้นายรึเปล่า” คริสจงใจหาเรื่องมาคุย บรรยากาศมันเงียบเกินไปจนกลัวว่าจะได้ยินเสียงในอกตัวเองนี่แหละ “...จอแอลอีดีตั้งหลายเมือง ต้องลงทุนมากเลยนะ ไหนจะลูกโป่งพวกนั้นอีก”

    “อื้ม แต่น่าเสียดายจัง... วันนั้นฉันน่าจะได้อยู่ที่จีน อย่างน้อยพวกเขาจะได้ดีใจเพราะรู้ว่าฉันจะได้เห็นมันแน่ๆ”

    “ฉันว่าพวกเขารู้นะ ความรักตั้งมากมายขนาดนั้น อยู่ที่ไหนก็ต้องเห็น”

     

    คริสยิ้มให้คนขี้กังวลอย่างอ่อนโยน พอเห็นดวงหน้าน่ารักที่แต้มด้วยรอยยิ้มหันมามอง มือใหญ่ก็เลื่อนขึ้นมาหมายจะสัมผัสข้างแก้ม แต่อีกฝ่ายก็พลันหันกลับไปสนใจหน้าจอโทรทัศน์ต่อ

     

    เขาพรูลมหายใจอย่างสุดแสนเสียดาย

     

     

    “อีกไม่กี่วันก็วันเกิดแล้ว อยากได้อะไรรึเปล่า?”

    “เลือกได้ด้วยเหรอ?” เมนเต้นคนโปรดหันกลับมามองเขาด้วยความตื่นเต้น

    “ได้สิ ปีนี้ให้เลือกเองเลย”

    “งั้นวันนั้นต้องพาไปซื้อของนะ จะช้อปให้กระเป๋าแบนเลย” เสียงหัวเราะคิกคักทำให้บรรยากาศหอมหวานขึ้นเป็นกอง คริสยังเผลอจ้องหน้าคนที่เอาแต่หัวเราะอยู่เป็นนาน ขนาดว่าเลย์หันกลับไปมองโทรทัศน์แล้วหันกลับมาอีกที เขาก็ยังมองอยู่อย่างนั้น

    “หือ...?”

    “...ชอบลักยิ้มนายจัง”

    เจ้าของรอยบุ๋มที่ข้างแก้มยิ้มแล้วเอานิ้วจิ้มแก้มตัวเอง

    “อยากได้มั่งเหรอ?”

     

    รู้ทั้งรู้ว่าคนตรงหน้าหมายถึงอะไร แต่ในหัวของคริสมันไม่ได้คิดแค่นั้น เวลาที่คนๆ นี้ยิ้มแบบไร้เดียงสา มันทำให้หัวใจของเขาเต้นกระหน่ำ

     

    “ใช่... อยากได้...” ใบหน้าหล่อเหลาค่อยเคลื่อนเข้าหาทีละน้อย เขารู้ว่าเลย์จะไม่หลบ ตาใสๆ คู่นั้นไม่เคยนึกสงสัยในท่าทีแปลกๆ ของเขาเลยสักครั้ง

     

     

    แต่...

     

     

    “ฮ้าววว...~~ ง่วงแล้วล่ะ...”

     

     

    หมดกัน!

     

     

    “อะไรเนี่ย?! เมื่อกลางวันก็นอนไปตั้งเยอะแล้วนะ ตอนนี้ยังจะ...” คนง่วงไม่ฟังเสียงบ่น เอียงหัวกลมๆ ลงซบกับช่วงไหล่กว้างอย่างถือวิสาสะ

    “อี้ชิง...”

    “ขอทิ้งตัวหน่อยนะ ไหล่นายกว้าง พิงสบายดีจัง...”

    คนถูกพิงก็ได้แต่นั่งนิ่ง กลุ่มผมอ่อนนุ่มกับกลิ่นหอมอ่อนๆ สะกดหัวใจเขาไว้อีกแล้ว เลย์ไม่เคยรู้ตัวเลยรึไงนะ ใกล้กันแบบนี้เขาอาจตายก็ได้

     

     

    ...แต่ก็ชอบนะ

     

     

    แต่ไม่ได้หรอก ...ปล่อยไว้แบบนี้ไม่ได้

     

     

    “เอ่อ... นอนดีๆ เถอะ” คริสขยับตัวแล้วดันไหล่อีกฝ่ายให้ลุกขึ้น แต่คนโปรดของเขากลับทำตัวเองเหมือนตุ๊กตาล้มลุก พอไม่ให้พิงไหล่ก็ล้มทั้งตัวลงมานอนหนุนตักเขาซะอย่างนั้น

    “อี้ชิง?”

    “อือ... ง่วงแล้วอ่ะ...”

    ไม่บอกก็รู้ เขย่าตัวเท่าไหร่ก็ยังหลับตาไม่ยอมตื่น เมื่อกี้ยังคุยปร๋ออยู่เลย นึกจะง่วงก็หลับได้ง่ายๆ ถึงจะน่าเอ็นดูเอามากๆ แต่จะมาทำแบบนี้กับเขาไม่ได้นะ อยากอ้อนก็ว่าไปอย่าง แต่ไม่รู้ตัวแล้วมาทำแบบนี้น่ะมัน...

     

     

    เดี๋ยวก่อนนะ เมื่อกี้เลย์พูดว่ายังไง?

     

     

    ไหล่กว้าง? พิงสบาย?

     

     

    นี่อย่าบอกนะว่าเมื่อกลางวันที่นอนซบไหล่เขาน่ะ ...รู้ตัวอยู่ตลอด?

     

     

    คริสฉีกยิ้มกว้างจนต้องกัดปากตัวเองไว้ คนโปรดของเขาชักจะเจ้าเล่ห์ใหญ่ แบบนี้ต้องลงโทษเสียหน่อยแล้วมั้ง

     

    “อี้ชิง?”

    “......”

    “นอนจริงๆ เหรอ?”

    “อือ...”

    เสียงครางเบาๆ จนแทบไม่ได้ยินทำให้คริสต้องก้มหน้าลงไปฟังใกล้ๆ ก่อนจะยิ้มเมื่อได้ยินอีกฝ่ายละเมออะไรออกมาซึ่งฟังไม่ได้ศัพท์ คนที่หมายจะแกล้งหยอกถึงได้ยื่นหน้าเข้าไปอีกจนชิดใบหูนิ่มก่อนจะกระซิบ

     

    “...อี้ชิง?”

    “......”

    “...หอมแก้มได้มั้ย?”

    “อือ...”

    เพราะไม่รู้ตัวใช่มั้ย ถึงได้ครางรับแบบนี้ งั้นตุ้ยจางจะทำมึนบ้างละนะ

     

    จากใบหู.. ริมฝีปากที่เหยียดยิ้มน้อยๆ ก็เลื่อนไปที่ข้างแก้ม ถึงจะรู้ว่าฉวยโอกาส แต่ถ้าเขาฝังริมฝีปากและจมูกลงไปบนแก้มนุ่มๆ ตอนนี้ก็ถือว่าไม่ผิด ก็ในเมื่อเจ้าตัวอนุญาตแล้วนี่

     

     

     

    เพียงแค่คิด กล้ามเนื้อในอกมันก็ยังกระหน่ำราวกับจะออกมาเต้นข้างนอกให้ได้ ...เลย์อยู่ใกล้แค่นี้

     

     

    ...ทั้งที่เขามีโอกาสแล้วแท้ๆ

     

     

    .

    .

    .

     

     

    “บ้าจริง...” คริสถอยออกมา ...ละโอกาสที่แสนหอมหวานทั้งที่รู้สึกเสียดาย

     

     

    ...เขาทำไม่ได้หรอก ไม่ใช่เพราะเกิดนึกจะเป็นคนดีไม่อยากฉวยโอกาสคนหลับ แต่...

     

     

    ถ้าทำอะไรลงไปแล้วเลย์จำไม่ได้เมื่อตื่นขึ้นมา... มันก็ไม่มีประโยชน์น่ะสิ

     

     

    “เก็บไว้รวบยอดทีเดียวตอนวันเกิดเลยละกัน” คนหล่อนึกแล้วยิ้มกับตัวเอง คืนนี้เขาคงต้องทนขาแข็ง แต่ไม่เป็นไร อย่างน้อยก็มั่นใจได้ว่าเลย์จะไม่ไปนอนกับคนอื่น

     

    ถ้าเลย์คิดจะทิ้งตัวแบบนี้ทุกวัน เขาจะยอมนั่งนิ่งๆ เป็นหมอนอิงใบยักษ์ให้น้องทั้งซบทั้งหนุนแบบไม่บ่นเลย

     

    ลีดเดอร์สุดหล่อลูบหลับมือกับแก้มเนียนนุ่มที่คงจะหอมชื่นใจถ้าได้ฟังจมูกเบาๆ

     

    “อยากได้ของขวัญอะไรพี่จะซื้อให้ แลกกับรางวัลปลอบใจเล็กๆ น้อยๆ ละกันนะ"

     

     

     

     

     






     

     

    TBC.

     

     

     

     

     

     

     

    คนรอง: เห็นภาพ QQ น้องเต๋าวันนี้แล้วไม่ทนจริงๆ เลยต้องบรรเจิดตอนนี้ขึ้นมา ฮะๆๆๆ

    นี่ย้อนกลับไปช่วงก่อนหน้าวันเกิดอี้ชิงเมื่อปีที่แล้ว ใครยังพอจำบรรยากาศตอนนั้นได้ น่าจะรู้ว่าตอนหน้าเราจะไปสวีทคริสเลย์ที่ไหนกันต่อ > <

     

    ขอบคุณสำหรับทุกการติดตาม เจอกันตอนหน้านะคะ ^^

     


     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×