คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #10 : MKML ตอน 10 ::: First kiss [บทนำ ภาค 2]
[Fic] My Kris, My Lay
Fiction by 2nd Admin
ตอนที่ 10
.
.
.
ถ้าถามว่าในโลกนี้ มีอะไรที่คริสไม่อยากเข้าใกล้มากที่สุด
...คำตอบก็คือ กระต่าย
ใช่แล้ว... กระต่ายตัวกลมขนปุยน่ารักๆ นี่แหละ
น่าแปลกนะ ผู้ชายตัวโตๆ อย่างเขา กลับไม่กล้าเข้าใกล้กระต่ายตัวน้อยที่ไม่มีพิษภัย
อาจเป็นเพราะความกลัว... ไม่ใช่หรอก คริสไม่ได้กลัวกระต่าย
แต่เขากลัวใจตัวเองต่างหาก
กระต่ายน้อยน่ารัก ขนปุกปุยขาวสะอาด มีดวงตาใสบริสุทธิ์
มันดูขี้เล่น แสนซน ขณะเดียวกันก็บอบบาง น่าทะนุถนอม
คริสชอบมองดูความน่ารักของมันอยู่ไกลๆ แต่จะไม่ยอมเข้าไปใกล้เด็ดขาด
...เพราะรู้ดีว่าตัวเองหลงรักมันแค่ไหน
เขารักมันมากพอที่จะกอดเก็บเอาไว้กับตัว ไม่ยอมให้ใครเข้าใกล้
หากว่าได้อุ้มมันไว้กับมือ คริสคงไม่ยอมปล่อยให้กระต่ายน้อยน่ารักต้องหลุดมือไปอีก
...ความรักของคริสช่างน่ากลัว
เขาอาจทำร้ายกระต่ายน้อยโดยไม่รู้ตัวก็ได้
คริสอาจทำร้ายคนที่ตัวเองรัก... โดยไม่รู้ตัวก็ได้
.
.
.
“...นายเคยรักใครมากจนไม่กล้าแตะต้องเขาหรือเปล่า? ...ทั้งที่รักมาก แต่ก็ไม่กล้ากอดไว้ ...กลัวจะทำให้เขาอึดอัด กลัวจะทำให้เจ็บ ...แต่เพราะรัก จะให้ปล่อยมือก็ทำไม่ได้ ...ฉันเป็นคนแบบนั้นล่ะ ...ขี้ขลาด แต่ก็เห็นแก่ตัว”
“อี้ชิงจะเกลียดฉัน... มันก็สมควรแล้ว”
.
.
.
17 September 2012
หลังงานประกาศรางวัล Mengniu Annual Billboard Music Festival
EXO-M ซึ่งได้รับรางวัลศิลปินกลุ่มที่ได้รับความนิยมสูงสุดแห่งปี
เสียงสะอื้นเล็กๆ ยังดังต่อเนื่องอยู่เบื้องหลังบานประตูที่ปิดสนิท แม้ตอนที่คริสหมุนลูกบิดเข้าไปอย่างเงียบๆ เจ้าของห้องที่ไม่รู้ตัวยังนั่งห่อไหล่อยู่บนเตียงอย่างน่าสงสาร ร่างโปร่งบางสั่นสะท้านพร้อมกับเสียงสูดน้ำหูน้ำตาที่คริสไม่ได้ยินมานานมาก ตั้งแต่ตอนที่เลย์พูดว่า ‘อยากกลับบ้าน’ ครั้งสุดท้าย
เป็นธรรมดาของคนที่จากบ้านมาตั้งไกลเพื่อเดินตามความฝัน ยอมฝึกหนักอยู่ทุกวี่วันโดยไม่รู้ว่าจะได้มีโอกาสขึ้นเวทีวันไหน ทั้งเหนื่อย ...ล้า ...จนบางทีก็ท้อ เขาเองยังเกือบจะไม่ได้มีวันนี้ หากตอนนั้นถอดใจหันหลังกลับไปเสียก่อน แล้วเลย์ที่ฝึกตัวเองให้หนักกว่าคนอื่นๆ เพื่อให้ลืมความคิดถึงบ้านเล่า ได้เดบิวต์ก่อนเพื่อนๆ ที่เข้ามาพร้อมกันก็ถือว่าน่าดีใจมากแล้ว แต่นี่แค่ไม่ถึงปี... รางวัลแรกที่ได้มา... ถ้าจะยังเฉยอยู่ได้ก็ถือว่าใจแข็งเกินไปแล้ว
“อี้ชิง...”
คริสปีนขึ้นมานั่งบนเตียงโดยที่เจ้าของห้องไม่ทันรู้ตัวด้วยซ้ำ ร่างโปร่งบางที่นับวันจะยิ่งผอมลงเรื่อยๆ ถูกท่อนแขนแข็งแรงรวบเข้ามาอยู่ในอ้อมกอดจากทางด้านหลังได้โดยง่าย
“ขี้แยใหญ่แล้วนะ”
“ฮึก... พูดเหมือน.. ตัวเอง.. ไม่ร้องไห้”
ดวงตาที่แดงช้ำตวัดมามองเขาอย่างไม่ยอมกัน คริสยังยิ้มแล้วใช้ข้อนิ้วเกลี่ยหยดน้ำใสที่ปลายขนตาให้
“...ไม่ขี้แยเหมือนนายแล้วกัน”
เลย์เม้มปากแน่นก่อนจะหันหน้าหนี สองมือใช้เช็ดน้ำตาบนแก้มตัวเองเป็นพัลวัน ไม่ใช่ว่างอนหรืออะไร เลย์ไม่ใช่คนขี้งอน แต่คริสรู้ว่าเพราะอีกฝ่ายไม่อยากให้ใครเห็นเวลาที่ตัวเองอ่อนไหวแบบนี้ เขารัดอ้อมแขนให้แน่นเข้า จนแผ่นหลังอีกฝ่ายแนบชิดกับแผ่นอกตัวเอง แล้ววางคางลงบนลาดไหล่ที่ยังสั่นสะท้าน
“อี้ชิง... เราทำได้แล้วนะ...”
“ฮึก... อือ...” คนถูกกอดพยักหน้าน้อยๆ
“นายเก่งที่สุดเลย ...รู้รึเปล่า คนที่บ้านจะต้องภูมิใจในตัวนายมากแน่ๆ”
“นายก็... ฮึก.. เหมือนกัน... ถ้าไม่มีนาย ฉันคง... ไม่มีวันนี้...”
คริสยิ้มกับถ้อยคำน่ารักที่ปนมากับเสียงสะอื้นนั้น เขาคลายอ้อมกอดแล้วจับไหล่ทั้งสองข้างให้คนขี้แยหันมามองหน้ากันตรงๆ มือใหญ่บรรจงเช็ดน้ำตาจากสองข้างแก้มที่เริ่มแดงช้ำเพราะเจ้าตัวใช้หลังมือปาดอย่างไม่คิดจะถนอม พลางเกลี่ยกลุ่มผมด้านหน้าที่ชื้นเหงื่อไม่ให้บดบังดวงตารื้นน้ำ ก่อนจะแตะริมฝีปากเบาๆ ลงที่ปลายจมูกแดงก่ำ แล้วเลื่อนมามอบจุมพิตให้ริมฝีปากที่เย็นเยียบอย่างอ่อนโยน
เลย์ไม่ได้ขยับหนี ดวงตาฉ่ำน้ำคู่นั้นยังคงมองเขาอย่างไร้ความระแวงสงสัยอย่างที่เคยเป็นมาตลอด มือที่เล็กกว่ากำชายเสื้อเขาไว้จนแน่น
“อู๋ฝาน... ฮึก.. เราจะ.. ทำยังไงต่อ... เราต้อง.. ฮึก.. ทำยังไง...”
คริสส่ายหน้าช้าๆ ลูบผมคนตรงหน้าอย่างปลอบโยน
“...แค่ทำอย่างที่เราเคยทำ ทำให้ดีที่สุด”
“อือ...”
“แล้วก็...”
“....?”
ดวงตาฉ่ำน้ำที่กระพริบปริบยามถูกเขาประคองสองข้างแก้มช่างน่าเอ็นดูเหลือเกิน คริสกดหน้าผากตัวเองลงกับอีกฝ่ายเบาๆ
“อยู่ข้างๆ ฉันนะ ...อยู่ด้วยกัน ...เราต้องอยู่ด้วยกันตลอดไปนะ”
เลย์ยิ้มทั้งน้ำตา พยักหน้าก่อนจะถูกดึงให้จมหายเข้าไปอยู่ในอ้อมกอดอบอุ่นเหลือเกิน
“ฮึก... อือ..”
.
.
.
บานประตูถูกงับปิดเบาๆ แบบไม่อยากให้คนทั้งสองที่อยู่ในห้องได้ทันรู้สึกตัว ก่อนที่ลู่หานจะยกสองมือขึ้นกุมแก้มที่เริ่มจะร้อนของตัวเองไว้ ใบหน้าอ่อนเยาว์ยิ่งดูน่ารักเมื่อเจ้าตัวอมยิ้มเสียตาแทบปิด นี่ถ้ามาช้ากว่านี้อีกซักห้านาที คงพลาดฉากสวีทที่แสนจะโรแมนติกไปแล้ว
ให้ตายเหอะตุ้ยจาง! ก้าวหน้าขนาดนี้เลยเหรอ!
“ไปเล่าให้เปาจื่อฟังดีกว่า!”
.
.
.
เช้าวันต่อมา...
เสียงหัวเราะคิกคักทุกครั้งที่เขาขยับตัวนี่มันอะไร?
คริสหันไปมองข้างหลังด้วยความระแวง ก่อนจะผิดสังเกตว่าสองคู่หูลู่เปารีบหลบสายตา ทำท่าอิ๊อ๊ะเหมือนกำลังกลั้นยิ้ม
“ยิ้มอะไรกัน?”
“ฮึ...” ทั้งคู่ส่ายหัวดิก
“ก็เห็นอยู่ว่ายิ้ม”
“ปล๊าววววว” ยังจะทำเสียงสูงเหมือนกันอีก แบบนี้มีพิรุธชัดๆ
คนหล่อยกมือขึ้นกอดอกแล้วตีหน้าเข้ม ทั้งลู่หานกับซิ่วหมินแก่เดือนกว่าก็จริง แต่ตำแหน่งหัวหน้าก็ยังพอทำให้เขามีอำนาจคาดคั้นได้บ้างหรอกน่า
“แอบหัวเราะเยาะคนอื่นลับหลังแบบนี้ไม่ดีเลยนะ บอกมาดีกว่าว่าพวกนายขำอะไรกัน”
ในเมื่อปิดไม่อยู่แล้วก็คงไม่ต้องแอบ สองคนหันมองหน้ากันแล้วก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมาดังลั่น เล่นเอาหล่อหัวหน้ายิ่งฉุน
“ขำอะไรนักหนา! หน้าฉันมีอะไรผิดปกติรึไง?”
ลู่หานที่กำลังหัวเราะจนตัวงอ สละมือที่กุมท้องข้างหนึ่งขึ้นมาโบกไปมาเป็นเชิงว่าไม่ใช่ เขาสูดหายใจเข้าลึกๆ เพื่อกลั้นขำ
“หน้าตุ้ยจางน่ะไม่ผิดปกติหรอก ออกจะหล่อกว่าปกติด้วยซ้ำ เมื่อคืนคงนอนหลับฝันดีทั้งคืนเลยใช่ม้า~~”
“...อะไรนะ?”
“ถ้าแย่งรูมเมท.. เอ้ย แย่งเตียงเค้าไปแล้วฝันดีแบบนี้ทุกคืน เราแลกห้องกันเลยก็ได้น้า...~”
“พูดอะไรของนาย?”
คริสไม่อยากจะใส่ใจละ สองคนนี้แอบนินทาเขา ‘เรื่องเดิมๆ’ แน่ๆ ร่างสูงใหญ่หันหลังแล้วกำลังจะเดินเข้าครัวไปชงกาแฟอย่างที่ตั้งใจไว้แต่แรก แต่เสียงที่ตามมาแซวก็หยุดช่วงขายาวเหมือนพระเอกการ์ตูนของเขาไว้
“เมื่อคืนทำอะไรรูมเมทเค้าน่ะ เค้าเห็นนะ”
“ห๊ะ?!”
“คนฉวยโอกาส ตุ้ยจางนี่ขี้โกงชะมัด” คนรองผู้น่ารักหรี่ตาแล้วทำแก้มป่องใส่เขา ท่าทางไม่พอใจนิดๆ
แต่คนตัวโตกลับไม่สะทกสะท้าน
โอเคแหละ คริสเองก็เพิ่งจะนึกขึ้นได้ เมื่อคืนเขาเข้าไปในห้องโดยไม่บอก ประตูก็ไม่ได้ล็อค สงสัยลู่หานจะแอบไปเห็นเข้า ถึงว่าสิ ไม่กลับเข้าห้องทั้งคืน
“ฉันก็แค่ปลอบ ฉวยโอกาสอะไรกัน”
“แค่ปลอบก็ต้องจุ๊บปากด้วยรึไง?!”
“ก็ตอนนั้นมัน...!”
ประตูห้องที่คริสย้ายไปนอนเมื่อคืนเปิดออก ร่างโปร่งบางที่เดินขยี้หูขยี้ตาออกมานั่นเบี่ยงเบนความสนใจคนหล่อไปได้
“ตื่นแล้วเหรอ?”
“อื้ม...”
“ปวดหัวรึเปล่า เมื่อคืนร้องไห้หนักเลยนี่” บอกพลางเดินเข้าไปใกล้แล้วใช้หลังมือแตะลงบนหน้าผากอีกฝ่าย แล้วก็เลยมาแตะที่สองข้างแก้มด้วย “ตัวรุมๆ นะ”
“...ไม่เป็นไรหรอก”
“กินยาดักไว้หน่อยมั้ย? เดี๋ยวฉัน...”
“เดี๋ยวเค้าดูแลเอง” ลู่หานบอกแล้วรีบเบียดตัวเข้ามาแทรกตรงกลาง พลางเกาะแขนคนน้องไว้แน่น “รูมเมทเค้า เค้าต้องดูแลเองสิ จริงมั้ย?”
หน้าหนึ่งส่งยิ้มหวานให้เลย์ ส่วนอีกหน้า หันไปยักคิ้วใส่พระเอกการ์ตูนอย่างคนที่ถือไพ่เหนือกว่า ...ร้ายนักนะคนหน้าเด็ก!
“หาอะไรกินก่อนเถอะ ค่อยกินยา” คริสตีหน้านิ่งแล้วเข้าไปดึงแขนอีกข้างของเลย์หน้าตาเฉย
ลู่หานมีหรือจะยอม!
“ไม่ต้องเลยนะตุ้ยจาง!” เขาตีมือใหญ่ดังเพียะ ให้คริสสะดุ้งจนต้องปล่อยมือ “อี้ชิงกำลังไม่สบาย ไม่ต้องมาฉวยโอกาสเลย!”
“ฉวยอะไรอีกล่ะ! ฉันยังไม่ทันได้ทำอะไรเลยนะ!”
“แล้วเมื่อคืนทำอะไรล่ะ!”
“ทำอะไร? ก็บอกแล้วไงว่าแค่ปลอบ!”
“จูบปากด้วยเนี่ยนะ?!”
“น.. นั่นไม่ได้เรียกว่าจูบซักหน่อย!”
“นี่อี้ชิง จูบแรกรึเปล่าน่ะ? ให้ตุ้ยจางขโมยไปได้ยังไง?” ลู่หานกระตุกแขนคนเพิ่งตื่นนอนให้รู้สึกตัว เขายืนเถียงกับตุ้ยจางตั้งนาน เลย์ชักจะนิ่งเกินไปละ
“...จูบ?”
“ใช่สิ!”
“ใคร?”
“ก็ตุ้ยจางไง!”
เลย์หันไปมองคนเป็นหัวหน้าแล้วทำตาใส
“อู๋ฟานจูบใคร?”
“...ห๊ะ...?”
เกิดความเงียบเกินอึดใจเมื่อเลย์ถามกลับมาแบบนั้น คริสได้แต่ยืนจ้องหน้าคนที่เขากอดซับน้ำตาให้เมื่อคืน จะพูดอะไรก็พูดไม่ออก จะว่าแก้เขินก็ไม่ใช่ ตาใสๆ กับหน้าเอ๋อๆ แบบนี้...
...จำอะไรไม่ได้ชัวร์เลย!
“นี่อี้ชิง เค้าว่านะ ตัวเองคงไม่สบายจริงๆ นั่นแหละ” ลู่หานเอามือแตะหน้าผากรูมเมทตัวเอง แล้วก็ตีสีหน้าจริงจัง “ไปล้างหน้าล้างตาซะนะ เดี๋ยวตุ้ยจางหายาให้กิน”
บอกแล้วก็ดันหลังให้เลย์เดินไปทางห้องน้ำ ก่อนที่ตัวเองจะซอยเท้าเร็วๆ กลับไปนั่งข้างๆ ซิ่วหมินเหมือนตอนแรก
ทิ้งหัวหน้าให้ยืนหล่ออยู่ที่เดิมตรงนั้นแบบไม่กล้าสะกิด
คริสลูบปลายนิ้วกับริมฝีปากตัวเองเบาๆ
นี่อี้ชิงลืมจูบแรกกับเขาได้ลงคอเลย?
TBC.
2nd Admin: ภาคสองแล้ววววววว ^^
อ่านตอนนี้แล้วอาจจะสงสัยว่าต่างจากภาคแรกตรงไหน นั่นสิ ตรงไหน? ฮะๆๆ
ภาคแรกก็แบบ เรื่อยๆ มาเรียงๆ เพราะงั้นภาคสองก็คงอารมณ์เดียวกัน
ถามว่าดราม่ามั้ย... ก็นิดหน่อยนะ แต่ไม่มาก ไม่ถึงกับทรมานใจ > <
ขอบคุณสำหรับทุกการติดตามนะคะ ^^
ความคิดเห็น