ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [KrisLay] My Kris, My Lay

    ลำดับตอนที่ #10 : MKML ตอน 10 ::: First kiss [บทนำ ภาค 2]

    • อัปเดตล่าสุด 4 ม.ค. 57


    [Fic] My Kris, My Lay

    Fiction by 2nd Admin




    ตอนที่ 10

     

     

    .

     

    .

     

    .

     

     

    ถ้าถามว่าในโลกนี้ มีอะไรที่คริสไม่อยากเข้าใกล้มากที่สุด

     

    ...คำตอบก็คือ กระต่าย

     

    ใช่แล้ว... กระต่ายตัวกลมขนปุยน่ารักๆ นี่แหละ

     

    น่าแปลกนะ ผู้ชายตัวโตๆ อย่างเขา กลับไม่กล้าเข้าใกล้กระต่ายตัวน้อยที่ไม่มีพิษภัย

    อาจเป็นเพราะความกลัว... ไม่ใช่หรอก คริสไม่ได้กลัวกระต่าย

     

    แต่เขากลัวใจตัวเองต่างหาก

     

    กระต่ายน้อยน่ารัก ขนปุกปุยขาวสะอาด มีดวงตาใสบริสุทธิ์

    มันดูขี้เล่น แสนซน ขณะเดียวกันก็บอบบาง น่าทะนุถนอม

     

    คริสชอบมองดูความน่ารักของมันอยู่ไกลๆ แต่จะไม่ยอมเข้าไปใกล้เด็ดขาด

     

    ...เพราะรู้ดีว่าตัวเองหลงรักมันแค่ไหน

     

    เขารักมันมากพอที่จะกอดเก็บเอาไว้กับตัว ไม่ยอมให้ใครเข้าใกล้

    หากว่าได้อุ้มมันไว้กับมือ คริสคงไม่ยอมปล่อยให้กระต่ายน้อยน่ารักต้องหลุดมือไปอีก

     

     

    ...ความรักของคริสช่างน่ากลัว

     

     

    เขาอาจทำร้ายกระต่ายน้อยโดยไม่รู้ตัวก็ได้  

     

     

     

    คริสอาจทำร้ายคนที่ตัวเองรัก... โดยไม่รู้ตัวก็ได้

     

     

    .

     

    .

     

    .

     

     

    “...นายเคยรักใครมากจนไม่กล้าแตะต้องเขาหรือเปล่า? ...ทั้งที่รักมาก แต่ก็ไม่กล้ากอดไว้ ...กลัวจะทำให้เขาอึดอัด กลัวจะทำให้เจ็บ ...แต่เพราะรัก จะให้ปล่อยมือก็ทำไม่ได้ ...ฉันเป็นคนแบบนั้นล่ะ ...ขี้ขลาด แต่ก็เห็นแก่ตัว”

     

     

    “อี้ชิงจะเกลียดฉัน... มันก็สมควรแล้ว”

     

     

    .

     

    .

     

    .

     

     

    17 September 2012

    หลังงานประกาศรางวัล Mengniu Annual Billboard Music Festival

    EXO-M ซึ่งได้รับรางวัลศิลปินกลุ่มที่ได้รับความนิยมสูงสุดแห่งปี

     

     

     

     

    เสียงสะอื้นเล็กๆ ยังดังต่อเนื่องอยู่เบื้องหลังบานประตูที่ปิดสนิท แม้ตอนที่คริสหมุนลูกบิดเข้าไปอย่างเงียบๆ เจ้าของห้องที่ไม่รู้ตัวยังนั่งห่อไหล่อยู่บนเตียงอย่างน่าสงสาร ร่างโปร่งบางสั่นสะท้านพร้อมกับเสียงสูดน้ำหูน้ำตาที่คริสไม่ได้ยินมานานมาก ตั้งแต่ตอนที่เลย์พูดว่า อยากกลับบ้านครั้งสุดท้าย

     

    เป็นธรรมดาของคนที่จากบ้านมาตั้งไกลเพื่อเดินตามความฝัน ยอมฝึกหนักอยู่ทุกวี่วันโดยไม่รู้ว่าจะได้มีโอกาสขึ้นเวทีวันไหน ทั้งเหนื่อย ...ล้า ...จนบางทีก็ท้อ เขาเองยังเกือบจะไม่ได้มีวันนี้ หากตอนนั้นถอดใจหันหลังกลับไปเสียก่อน แล้วเลย์ที่ฝึกตัวเองให้หนักกว่าคนอื่นๆ เพื่อให้ลืมความคิดถึงบ้านเล่า ได้เดบิวต์ก่อนเพื่อนๆ ที่เข้ามาพร้อมกันก็ถือว่าน่าดีใจมากแล้ว แต่นี่แค่ไม่ถึงปี... รางวัลแรกที่ได้มา... ถ้าจะยังเฉยอยู่ได้ก็ถือว่าใจแข็งเกินไปแล้ว

     

     

    “อี้ชิง...”

    คริสปีนขึ้นมานั่งบนเตียงโดยที่เจ้าของห้องไม่ทันรู้ตัวด้วยซ้ำ ร่างโปร่งบางที่นับวันจะยิ่งผอมลงเรื่อยๆ ถูกท่อนแขนแข็งแรงรวบเข้ามาอยู่ในอ้อมกอดจากทางด้านหลังได้โดยง่าย

    “ขี้แยใหญ่แล้วนะ”

    “ฮึก... พูดเหมือน.. ตัวเอง.. ไม่ร้องไห้”

    ดวงตาที่แดงช้ำตวัดมามองเขาอย่างไม่ยอมกัน คริสยังยิ้มแล้วใช้ข้อนิ้วเกลี่ยหยดน้ำใสที่ปลายขนตาให้

    “...ไม่ขี้แยเหมือนนายแล้วกัน”

     

    เลย์เม้มปากแน่นก่อนจะหันหน้าหนี สองมือใช้เช็ดน้ำตาบนแก้มตัวเองเป็นพัลวัน ไม่ใช่ว่างอนหรืออะไร เลย์ไม่ใช่คนขี้งอน แต่คริสรู้ว่าเพราะอีกฝ่ายไม่อยากให้ใครเห็นเวลาที่ตัวเองอ่อนไหวแบบนี้ เขารัดอ้อมแขนให้แน่นเข้า จนแผ่นหลังอีกฝ่ายแนบชิดกับแผ่นอกตัวเอง แล้ววางคางลงบนลาดไหล่ที่ยังสั่นสะท้าน

    “อี้ชิง... เราทำได้แล้วนะ...”

    “ฮึก... อือ...” คนถูกกอดพยักหน้าน้อยๆ

    “นายเก่งที่สุดเลย ...รู้รึเปล่า คนที่บ้านจะต้องภูมิใจในตัวนายมากแน่ๆ”

    “นายก็... ฮึก.. เหมือนกัน... ถ้าไม่มีนาย ฉันคง... ไม่มีวันนี้...”

     

    คริสยิ้มกับถ้อยคำน่ารักที่ปนมากับเสียงสะอื้นนั้น เขาคลายอ้อมกอดแล้วจับไหล่ทั้งสองข้างให้คนขี้แยหันมามองหน้ากันตรงๆ มือใหญ่บรรจงเช็ดน้ำตาจากสองข้างแก้มที่เริ่มแดงช้ำเพราะเจ้าตัวใช้หลังมือปาดอย่างไม่คิดจะถนอม พลางเกลี่ยกลุ่มผมด้านหน้าที่ชื้นเหงื่อไม่ให้บดบังดวงตารื้นน้ำ ก่อนจะแตะริมฝีปากเบาๆ ลงที่ปลายจมูกแดงก่ำ แล้วเลื่อนมามอบจุมพิตให้ริมฝีปากที่เย็นเยียบอย่างอ่อนโยน

     

    เลย์ไม่ได้ขยับหนี ดวงตาฉ่ำน้ำคู่นั้นยังคงมองเขาอย่างไร้ความระแวงสงสัยอย่างที่เคยเป็นมาตลอด มือที่เล็กกว่ากำชายเสื้อเขาไว้จนแน่น

    “อู๋ฝาน... ฮึก.. เราจะ.. ทำยังไงต่อ... เราต้อง.. ฮึก.. ทำยังไง...”

    คริสส่ายหน้าช้าๆ ลูบผมคนตรงหน้าอย่างปลอบโยน

    “...แค่ทำอย่างที่เราเคยทำ ทำให้ดีที่สุด”

    “อือ...”

    “แล้วก็...”

    “....?”

     

    ดวงตาฉ่ำน้ำที่กระพริบปริบยามถูกเขาประคองสองข้างแก้มช่างน่าเอ็นดูเหลือเกิน คริสกดหน้าผากตัวเองลงกับอีกฝ่ายเบาๆ

     

    “อยู่ข้างๆ ฉันนะ ...อยู่ด้วยกัน ...เราต้องอยู่ด้วยกันตลอดไปนะ”

     

    เลย์ยิ้มทั้งน้ำตา พยักหน้าก่อนจะถูกดึงให้จมหายเข้าไปอยู่ในอ้อมกอดอบอุ่นเหลือเกิน

    “ฮึก... อือ..”

     

     

    .

     

    .

     

    .

     

     

    บานประตูถูกงับปิดเบาๆ แบบไม่อยากให้คนทั้งสองที่อยู่ในห้องได้ทันรู้สึกตัว ก่อนที่ลู่หานจะยกสองมือขึ้นกุมแก้มที่เริ่มจะร้อนของตัวเองไว้ ใบหน้าอ่อนเยาว์ยิ่งดูน่ารักเมื่อเจ้าตัวอมยิ้มเสียตาแทบปิด นี่ถ้ามาช้ากว่านี้อีกซักห้านาที คงพลาดฉากสวีทที่แสนจะโรแมนติกไปแล้ว

     

    ให้ตายเหอะตุ้ยจาง! ก้าวหน้าขนาดนี้เลยเหรอ!

     

    “ไปเล่าให้เปาจื่อฟังดีกว่า!

     

     

    .

     

    .

     

    .

     

     

    เช้าวันต่อมา...

     

    เสียงหัวเราะคิกคักทุกครั้งที่เขาขยับตัวนี่มันอะไร?

     

    คริสหันไปมองข้างหลังด้วยความระแวง ก่อนจะผิดสังเกตว่าสองคู่หูลู่เปารีบหลบสายตา ทำท่าอิ๊อ๊ะเหมือนกำลังกลั้นยิ้ม

    “ยิ้มอะไรกัน?”

    “ฮึ...” ทั้งคู่ส่ายหัวดิก

    “ก็เห็นอยู่ว่ายิ้ม”

    “ปล๊าววววว” ยังจะทำเสียงสูงเหมือนกันอีก แบบนี้มีพิรุธชัดๆ

     

    คนหล่อยกมือขึ้นกอดอกแล้วตีหน้าเข้ม ทั้งลู่หานกับซิ่วหมินแก่เดือนกว่าก็จริง แต่ตำแหน่งหัวหน้าก็ยังพอทำให้เขามีอำนาจคาดคั้นได้บ้างหรอกน่า

    “แอบหัวเราะเยาะคนอื่นลับหลังแบบนี้ไม่ดีเลยนะ บอกมาดีกว่าว่าพวกนายขำอะไรกัน”

     

    ในเมื่อปิดไม่อยู่แล้วก็คงไม่ต้องแอบ สองคนหันมองหน้ากันแล้วก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมาดังลั่น เล่นเอาหล่อหัวหน้ายิ่งฉุน

    “ขำอะไรนักหนา! หน้าฉันมีอะไรผิดปกติรึไง?”

    ลู่หานที่กำลังหัวเราะจนตัวงอ สละมือที่กุมท้องข้างหนึ่งขึ้นมาโบกไปมาเป็นเชิงว่าไม่ใช่ เขาสูดหายใจเข้าลึกๆ เพื่อกลั้นขำ

    “หน้าตุ้ยจางน่ะไม่ผิดปกติหรอก ออกจะหล่อกว่าปกติด้วยซ้ำ เมื่อคืนคงนอนหลับฝันดีทั้งคืนเลยใช่ม้า~~

    “...อะไรนะ?”

    “ถ้าแย่งรูมเมท.. เอ้ย แย่งเตียงเค้าไปแล้วฝันดีแบบนี้ทุกคืน เราแลกห้องกันเลยก็ได้น้า...~

    “พูดอะไรของนาย?”

    คริสไม่อยากจะใส่ใจละ สองคนนี้แอบนินทาเขา เรื่องเดิมๆ แน่ๆ ร่างสูงใหญ่หันหลังแล้วกำลังจะเดินเข้าครัวไปชงกาแฟอย่างที่ตั้งใจไว้แต่แรก แต่เสียงที่ตามมาแซวก็หยุดช่วงขายาวเหมือนพระเอกการ์ตูนของเขาไว้

     

    “เมื่อคืนทำอะไรรูมเมทเค้าน่ะ เค้าเห็นนะ”

    “ห๊ะ?!

    “คนฉวยโอกาส ตุ้ยจางนี่ขี้โกงชะมัด” คนรองผู้น่ารักหรี่ตาแล้วทำแก้มป่องใส่เขา ท่าทางไม่พอใจนิดๆ

     

    แต่คนตัวโตกลับไม่สะทกสะท้าน

     

    โอเคแหละ คริสเองก็เพิ่งจะนึกขึ้นได้ เมื่อคืนเขาเข้าไปในห้องโดยไม่บอก ประตูก็ไม่ได้ล็อค สงสัยลู่หานจะแอบไปเห็นเข้า ถึงว่าสิ ไม่กลับเข้าห้องทั้งคืน

     

    “ฉันก็แค่ปลอบ ฉวยโอกาสอะไรกัน”

    “แค่ปลอบก็ต้องจุ๊บปากด้วยรึไง?!

    “ก็ตอนนั้นมัน...!

    ประตูห้องที่คริสย้ายไปนอนเมื่อคืนเปิดออก ร่างโปร่งบางที่เดินขยี้หูขยี้ตาออกมานั่นเบี่ยงเบนความสนใจคนหล่อไปได้

     

    “ตื่นแล้วเหรอ?”

    “อื้ม...”

    “ปวดหัวรึเปล่า เมื่อคืนร้องไห้หนักเลยนี่” บอกพลางเดินเข้าไปใกล้แล้วใช้หลังมือแตะลงบนหน้าผากอีกฝ่าย แล้วก็เลยมาแตะที่สองข้างแก้มด้วย “ตัวรุมๆ นะ”

    “...ไม่เป็นไรหรอก”

    “กินยาดักไว้หน่อยมั้ย? เดี๋ยวฉัน...”

    “เดี๋ยวเค้าดูแลเอง” ลู่หานบอกแล้วรีบเบียดตัวเข้ามาแทรกตรงกลาง พลางเกาะแขนคนน้องไว้แน่น “รูมเมทเค้า เค้าต้องดูแลเองสิ จริงมั้ย?”

    หน้าหนึ่งส่งยิ้มหวานให้เลย์ ส่วนอีกหน้า หันไปยักคิ้วใส่พระเอกการ์ตูนอย่างคนที่ถือไพ่เหนือกว่า ...ร้ายนักนะคนหน้าเด็ก!

     

    “หาอะไรกินก่อนเถอะ ค่อยกินยา” คริสตีหน้านิ่งแล้วเข้าไปดึงแขนอีกข้างของเลย์หน้าตาเฉย

     

    ลู่หานมีหรือจะยอม!

     

    “ไม่ต้องเลยนะตุ้ยจาง!” เขาตีมือใหญ่ดังเพียะ ให้คริสสะดุ้งจนต้องปล่อยมือ “อี้ชิงกำลังไม่สบาย ไม่ต้องมาฉวยโอกาสเลย!

    “ฉวยอะไรอีกล่ะ! ฉันยังไม่ทันได้ทำอะไรเลยนะ!

    “แล้วเมื่อคืนทำอะไรล่ะ!

    “ทำอะไร? ก็บอกแล้วไงว่าแค่ปลอบ!

    “จูบปากด้วยเนี่ยนะ?!

    “น.. นั่นไม่ได้เรียกว่าจูบซักหน่อย!

    “นี่อี้ชิง จูบแรกรึเปล่าน่ะ? ให้ตุ้ยจางขโมยไปได้ยังไง?” ลู่หานกระตุกแขนคนเพิ่งตื่นนอนให้รู้สึกตัว เขายืนเถียงกับตุ้ยจางตั้งนาน เลย์ชักจะนิ่งเกินไปละ

     

    “...จูบ?”

    “ใช่สิ!

    “ใคร?”

    “ก็ตุ้ยจางไง!

    เลย์หันไปมองคนเป็นหัวหน้าแล้วทำตาใส

    “อู๋ฟานจูบใคร?”

     

    “...ห๊ะ...?”

     

     

    เกิดความเงียบเกินอึดใจเมื่อเลย์ถามกลับมาแบบนั้น คริสได้แต่ยืนจ้องหน้าคนที่เขากอดซับน้ำตาให้เมื่อคืน จะพูดอะไรก็พูดไม่ออก จะว่าแก้เขินก็ไม่ใช่ ตาใสๆ กับหน้าเอ๋อๆ แบบนี้...

     

    ...จำอะไรไม่ได้ชัวร์เลย!

     

     

    “นี่อี้ชิง เค้าว่านะ ตัวเองคงไม่สบายจริงๆ นั่นแหละ” ลู่หานเอามือแตะหน้าผากรูมเมทตัวเอง แล้วก็ตีสีหน้าจริงจัง “ไปล้างหน้าล้างตาซะนะ เดี๋ยวตุ้ยจางหายาให้กิน”

    บอกแล้วก็ดันหลังให้เลย์เดินไปทางห้องน้ำ ก่อนที่ตัวเองจะซอยเท้าเร็วๆ กลับไปนั่งข้างๆ ซิ่วหมินเหมือนตอนแรก

     

    ทิ้งหัวหน้าให้ยืนหล่ออยู่ที่เดิมตรงนั้นแบบไม่กล้าสะกิด

     

     

    คริสลูบปลายนิ้วกับริมฝีปากตัวเองเบาๆ

     


    นี่อี้ชิงลืมจูบแรกกับเขาได้ลงคอเลย?

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     


    TBC.

     

     



     


     

    2nd Admin: ภาคสองแล้ววววววว ^^

    อ่านตอนนี้แล้วอาจจะสงสัยว่าต่างจากภาคแรกตรงไหน นั่นสิ ตรงไหน? ฮะๆๆ

    ภาคแรกก็แบบ เรื่อยๆ มาเรียงๆ เพราะงั้นภาคสองก็คงอารมณ์เดียวกัน

    ถามว่าดราม่ามั้ย... ก็นิดหน่อยนะ แต่ไม่มาก ไม่ถึงกับทรมานใจ > <

     

    ขอบคุณสำหรับทุกการติดตามนะคะ ^^

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×