คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : MKML ตอน 01 ::: Wu Yifan the Perfect
[Fic] My Kris, My Lay
Fiction by 2nd Admin
ตอนที่ 1 Wu Yifan the Perfect...
อู๋อี้ฟานเป็นคนหล่อ...
ตัวสูง.. ขายาว.. ไหล่กว้าง.. อุ้งมือหนาใหญ่.. เส้นผมสีทองสว่างไสว..
องค์ประกอบบนใบหน้าได้รูปนั้นช่างสมบูรณ์แบบ ทั้งคิ้วเรียวสวย.. ตาคมเป็นประกาย..
จมูกโด่ง กับริมฝีปากหยักสวยและอิ่มเอิบ
ยังไม่รวมบุคลิกของผู้นำที่น่าเกรงขาม ..น้ำเสียงทุ้มหนักแน่น ..แววตาที่มุ่งมั่นเด็ดเดี่ยว ไม่เคยอ่อนแอหรือยอมแพ้กับสิ่งใดง่ายๆ
...เป็นหัวหน้ากลุ่มไอด้อลฝั่งจีนที่สมบูรณ์แบบที่สุด
คริส...
คนที่สมบูรณ์แบบอย่างนาย... เคยหวั่นไหวอะไรกับใครเขาบ้างมั้ยนะ...?
.
.
.
[ประเทศจีน]
ห้องซ้อมชั่วคราวในอพาร์ตเม้นท์ของหกสมาชิก EXO-M
Zhua zhu ai de shou... ai de shou... ai de shou~
Yue ai yue wan mei nuan re zhe ge xing qiu~~
Bei shang zai zuo shou wo xi yue de you shou...
wo men fen xiang tong yi ge li you...!
Ya! Wo men bao jin wei yi ti zai dan sheng de shun jian!
Que kai shi xi...!
พลั่ก!
“โอ๊ย!”
ร่างสูงโปร่งทรุดฮวบลงกับพื้นพร้อมเสียงร้องโอดโอย สองมือกุมท้องตัวเองด้วยความเจ็บปวด ก่อนที่เพื่อนสมาชิกคนอื่นๆ จะรีบกรูกันเข้ามา
“เสี่ยวลู่! เป็นไรมั้ย?”
“โดนตรงไหน? ท้องเหรอ?”
“โทษที เจ็บมั้ย?”
รายสุดท้ายที่เข้ามาถามนี่เจอตาโตๆ ตวัดใส่เข้าอย่างจัง
“อีกแล้วนะตุ้ยจาง! กี่ครั้งแล้วเนี่ย!”
“ก็ขอโทษแล้วไง”
“แต่เค้าจุกนะ! เคยบอกแล้วไม่ใช่เหรอ จังหวะนี้นายต้องช้าลง ให้ฉันเปลี่ยนไลน์ก่อนแล้วค่อยขยับมาทางขวา นี่เล่นเหวี่ยงแขนมาซะแรง!”
“ก็ฉันกะไม่ถูก... แขนขาฉันมันยาว นายก็รู้”
“นายก็อ้างแบบนี้ทุกที!” และถึงจะจริงอย่างนั้นก็เถอะ ทุกครั้งที่เข้าห้องซ้อม ไม่มีวันไหนที่ไม่มีใครเจ็บตัวเพราะแขนขายาวๆ เหมือนพระเอกการ์ตูนของพ่อหัวหน้าวง จนใครต่อใครก็สังเกตว่าไลน์การเต้นของฝั่งเอ็มจะมีระยะห่างมากกว่าฝั่งเค เกือบเท่าตัว แถมบล็อคกิ้งที่ต้องสลับตำแหน่งกันไปมาอยู่ตลอดเวลาอย่างนี้ก็ยิ่งเพิ่ม โอกาสเสี่ยง แต่ลู่หานก็ยังอดจะเคืองไม่ได้ เพราะถ้านับกันดูจริงๆ แล้ว เขาเนี่ยแหละที่เจ็บตัวบ่อยที่สุด!
“ทีเวลาอยู่ข้างๆ อี้ชิง เห็นนายทิ้งระยะซะห่าง กลัวแต่จะไปโดนเขา ไม่กลัวจะโดนฉันบ้างเลยรึไง!”
“พอแล้วน่า... เสี่ยวลู่” ซิ่วหมินเขย่าแขนเพื่อนเบาๆ ให้รู้สึกตัว พี่ผู้จัดการกำลังยืนมองพวกเขาอยู่หน้าประตูห้องโน่น “เดี๋ยวก็ได้โดนดุกันหมดหรอก”
“ก็ฉันเจ็บนี่นา~”
“ลุกไหวมั้ย?” น้ำเสียงอ่อนโยนกับมือนุ่มนิ่มของใครอีกคนเข้ามาช่วยประคองแขนอีกข้างของเขา ไว้ ลู่หานหันไปมองแล้วก็พยักหน้าเหมือนเด็กเล็กๆ
“อ.. อื้อ” แล้วปล่อยให้เลย์ช่วยพยุงลุกขึ้น
ลู่หานก็เป็นแบบนี้ทุกที พอเป็นจางอี้ชิงล่ะก็อ้อนเหมือนเด็กๆ ทั้งที่ตัวเองเป็นพี่เขาแท้ๆ
คริสถอนหายใจทั้งที่สองมือยังท้าวกับเอว วันนี้เขาเหนื่อยเกินไปแล้วจริงๆ หันมองนาฬิกาที่ผนังห้องแล้วเขาก็เดินไปปิดเครื่องเสียง พวกเขาซ้อมกันมาเกือบสองชั่วโมงแล้ว
“พวกนายกลับไปพักเถอะ พรุ่งนี้มีงาน”
สมาชิกทุกคนพยักหน้าแล้วแยกย้ายกันไปเก็บสัมภาระของตัวเอง เลย์ยังช่วยซิ่วหมินพยุงลู่หานเพื่อเดินไปหยิบกระเป๋าเป้ที่มุมห้องก่อนจะ บอก
“กลับไปกับคนอื่นๆ ก่อนนะ”
“แล้วนายล่ะ?”
“ว่าจะกลับบ้านหน่อย แม่โทรมาบ่นว่าคิดถึง เลยจะไปกินข้าวด้วย” เขาส่งยิ้มให้ทั้งรูมเมทแล้วก็ซิ่วหมิน ก่อนจะเดินออกจากห้อง “ไปนะ”
สายตาอีกคู่ยังมองตามร่างที่ทั้งขาวสว่างและโปร่งบางของเมนเต้นคนเก่งของวง อยู่เงียบๆ กระทั่งบานประตูปิดลง ...เขาได้ยินที่เลย์บอก ความข้องใจบางอย่างทำให้เจ้าของช่วงขายาววิ่งตามออกไป
“เดี๋ยวอี้ชิง!” คนถูกเรียกหันกลับมาแล้วเอียงคอมองคนที่วิ่งตามมาด้วยความสงสัย “แล้วคืนนี้จะกลับมานอนมั้ย?”
“ยังไม่รู้เลย”
“เอ่อแล้ว... นายโอเคนะ?”
“เรื่อง?”
“ก็ที่... ลู่หานพูดเมื่อกี้...” นี่ต่างหากที่อยากถาม คนเป็นพี่แต่ชอบทำตัวเหมือนเด็กๆ อาจจะไม่ได้คิดอะไร แต่คำพูดที่เหมือนจับผิดนั่นอาจทำให้เลย์รู้สึกอึดอัดก็ได้
“อ๋อ เขาโกรธน่ะ อาจจะพูดแรงไป ตุ้ยจางอย่าคิดมากเลยนะ”
ใครกันแน่ที่ควรต้องคิดมาก?
คริสเหล่มองมือเรียวขาวที่ตีเบาๆ ตรงต้นแขนเหมือนจะปลอบแล้วก็ได้แต่พยักหน้าเออออไปอย่างนั้น
“งั้น... ถ้ายังไงก็โทรมาบอกด้วยละกัน”
“อื้ม” อีกคนพยักหน้า ก่อนจะยิ้มจนเห็นรอยบุ๋มที่แก้ม “ไปนะ”
โบกมือน้อยๆ แล้วร่างโปร่งบางก็เดินหายไปตามทางเลี้ยว...ไม่ทันได้ยินกระทั่งเสียงพรูลมหายใจเบาๆ ของคนที่ยังยืนอยู่ที่เดิมด้วยซ้ำ
.
.
.
เฉินนอนอ่านหนังสือการ์ตูนอยู่บนเตียงตอนที่คริสกลับเข้ามาในห้องหลังจากอาบน้ำ เสร็จ ถ้าเป็นคนอื่นคงใช้แค่ผ้าขนหนูผืนเดียวพันเอวไว้ แต่ตุ้ยจางปิดทั้งตัวด้วยเสื้อคลุมสีขาวสะอาด บนหัวเปียกๆ ยังมีผ้าขนหนูผืนเล็กอีกผืนคลุมไว้
ขนาดในเวลาแบบนี้คริสก็ยังไม่เปิดเผยร่างกายท่อนบนให้รูมเมทได้เห็น
“มีโทรศัพท์มาบ้างมั้ย?” เขาถามทั้งที่ตัวเองก็เดินไปหยิบมือถือขึ้นมาดูก่อนที่เฉินจะทันได้ตอบด้วยซ้ำ
“ไม่นี่ พี่รอโทรศัพท์ใครเหรอ?”
คริสถอนหายใจเบาๆ เมื่อไม่เห็นมิสคอลล์ที่หน้าจอ
“...เปล่า”
เขาเช็ดผมจนแห้งหมาดแล้วถึงเดินไปที่ตู้ หยิบเสื้อยืดกับกางเกงวอร์มขายาวมาสวมใส่ พอมองขึ้นไปบนหลังตู้เพื่อหาของที่ใช้เป็นประจำกลับไม่เจอ
“ไดร์เป่าผมล่ะ?”
“พี่ลู่หานมาเอาไปตั้งแต่เมื่อวาน ยังไม่เห็นเอามาคืน”
“แล้วทำไมนายไม่ทวง?”
เฉินยักไหล่ยกหนังสือการ์ตูนขึ้นปิดหน้าเพื่อหลบสายตาเคืองๆ ของคนเป็นหัวหน้า ก็รู้อยู่หรอกว่ารายนี้เขาหวงของ แล้วทั้งหอก็มีไดร์ที่เขาซื้อมาเองอันนี้อยู่แค่อันเดียว คนอื่นก็ไม่ค่อยใช้ ต่อให้ขอยืมไปก็ต้องรีบเอามาคืน แต่คราวนี้น่ะ พี่ลู่หานเชียวนะ
ได้ยินเสียงตุ้ยจางบ่นอะไรแบบไม่ค่อยสบอารมณ์นัก เฉินก็ยิ่งดึงหนังสือการ์ตูนเข้ามาใกล้จนแทบจะปิดหน้า โชคดีที่มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น ก่อนที่เขาจะถูกบรรยากาศอึมครึมบีบคั้นจนต้องฆ่าตัวตายหนีความผิดไปซะก่อน
“เฉินนน~ อยู่ม้ายยย~~”
เด็กหนุ่มรีบกระโดดแผล็วลงจากเตียงแล้ววิ่งไปเปิดประตูทันที
“พี่ลู่หาน! พี่มินซอก!”
“อะไรกัน? ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้”
ซิ่วหมินลูบหัวน้องเบาๆ ขณะที่ลู่หานชะโงกหน้าไปมองร่างสูงใหญ่ที่ยืนกอดอกหน้าตาบอกบุญไม่รับอยู่ในห้อง
“รังแกน้องเหรอ?”
“ยกพวกมาทำอะไรกัน?” คริสย้อนกลับด้วยคำถาม ตาคมยังแลขุ่นๆ แต่ลู่หานทำเป็นไม่สนใจ
“เออจริงสิ! นี่เฉิน มาดูนี่กัน แฟนแคมไลฟ์ที่เราขึ้นเมื่อวาน นายหล่อมากเลยนะ”
“จริงด้วยๆ!” ซิ่วหมินรีบดึงมือน้องให้เดินตามไปที่เตียง แล้วเปิดหน้าจอไอแพ็ดที่ถือมาด้วยให้ดู “นี่ไงๆ อันนี้ของนายคนเดียวเลย”
“จริงด้วยอ่ะ ผมเขินจัง~”
“มีแอบติดฉันนิดนึงด้วยอ่ะ ฮะๆๆๆ” ลู่หานเองก็กระโดดขึ้นไปอยู่บนเตียงเดียวกัน สามคนดูคลิปวิดีโอในไอแพ็ดแล้วก็หัวเราะคิกคักแบบไม่สนใจเจ้าของห้องอีกคน ที่ยืนตาขวาง
“ไดร์ฉันล่ะ?”
“นี่ๆๆ ดูตรงนี้สิ! หน้าตานายตลกมากเลยอ่ะ ฮะๆๆ”
“ลู่หาน..! ไดร์เป่าผมฉัน!”
“ห๊ะ?! อ๋อ.. อยู่บนโต๊ะในห้องเค้าน่ะ”
“แล้วทำไมไม่...!”
“นี่ๆ! มีอีกอันนึงนะ เปาจื่อเปิดสิ”
“ได้ๆๆ!”
เสียงคริสคำรามในลำคอเบาๆ แต่ไม่มีใครได้ยิน ก่อนที่คนตัวสูงจะเดินปึงปังออกจากห้องไป
แต่ซักพักก็เปิดประตูเข้ามาใหม่
“นี่ลู่หาน อี้ชิงโทรมาบ้างรึเปล่า?”
“ห๊ะ? อ๋อ.. โทรมา เห็นบอกว่ายังอยู่กับแม่ ไม่รู้จะกลับมานอนนี่รึเปล่านะ”
คริสหยุดยืนอยู่หน้าประตูครู่หนึ่งก่อนจะเดินกลับเข้ามาหอบหมอนกับผ้าห่มที่เตียงตัวเองแล้วเดินออกไปอีก
เสียงหัวเราะคิกคักเมื่อครู่เงียบลงหลังจากนั้น ก่อนที่ทั้งสามคนจะหันมองหน้ากัน แล้วหัวเราะออกมาด้วยเสียงที่ดังยิ่งกว่า
ไม่ได้คิดจะแกล้งตุ้ยจางนะ แค่จะเอาคืนให้น้องชายเมนร้องเท่านั้นเอง
“นี่ๆๆ ฉันมีอะไรจะให้ดูด้วยล่ะ” ลู่หานยืดตัวขึ้นอย่างตื่นเต้น แย่งไอแพ็ดมาถือไว้เองแล้วกดคลิกลิงค์ที่ตัวเองเซฟไว้
อีกสองคนหันมาสนใจที่หน้าจออย่างพร้อมเพรียงกัน
“เฮ้ย! นี่มัน...!”
แกร๊ก!
ประตูห้องถูกเปิดออกอีกครั้งตอนที่ทั้งซิ่วหมินและเฉินกำลังตาโตและอ้าปากค้าง คนที่พวกเขาเห็นในคลิปเมื่อครู่กลับเข้ามาหยิบมือถือที่โต๊ะหัวเตียงแล้วก็ เดินออกไปแบบเงียบๆ
ลู่หานคลิกปุ่มสามเหลี่ยมให้คลิปเล่นต่อเมื่อประตูห้องปิดลงอีกครั้ง มองหน้าอีกสองคนที่ทำหน้าอึ้งๆ ใส่คลิปแล้วก็ยิ้มอย่างนึกสนุก
“พวกนายคิดว่าไง?”
.
.
.
คริสปิดประตูห้องแล้วโยนหมอนกับผ้าห่มลงบนเตียงของลู่หาน ก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งบนอีกเตียงที่อยู่ข้างกัน
เขาเข้ามาในห้องนี้บ่อยที่สุดรองจากห้องตัวเอง วันนี้เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกไม่คุ้นเคย ถ้าไม่นับรวมเสียงแจ๋วๆ ของคนรองของวงที่ชอบบ่นเขา ก็จะมีอีกคนที่เอาแต่นั่งยิ้มเวลาที่เขากับลู่หานเถียงกัน ...เจ้าของเตียงที่เขานั่งอยู่ตอนนี้
คริสตบหมอนเบาๆ แล้วล้มตัวลงนอนโดยไม่ยกขาขึ้นจากพื้น กลิ่นหอมอ่อนๆ ลอยขึ้นมาจากหมอนทันทีที่เขาเอาแก้มแนบ ไม่ใช่แค่กลิ่นน้ำหอม อาจเป็นกลิ่นแชมพู ..หรือสบู่ ..หรืออะไรก็ตามที่รวมกันแล้วให้ความรู้สึกคุ้นเคย แม้ยามที่นอนอยู่อีกเตียงเขาก็ยังสัมผัสได้ และทุกครั้งร่างกายก็มักจะมีการตอบสนองแปลกๆ ...หัวใจที่เต้นแรงจนเขานอนไม่หลับ ต้องแอบลืมตาขึ้นมองหน้าคนที่หลับพริ้มอย่างมีความสุขผ่านความมืดจนเคลิ้ม หลับไปเอง
...แต่ตอนนี้คนๆ นั้นไม่อยู่
คริสหลับตาลงช้าๆ...
ทำไมนายไม่โทรหาฉันนะ? ...อี้ชิง
.
.
.
แกร๊ก...
เด็กหนุ่มหมุนลูกบิดประตูแล้วเดินย่องเข้ามาในห้องอย่างเงียบๆ ดึกป่านนี้แล้ว ลู่หานน่าจะกำลังหลับสนิท เขาไม่อยากรบกวนก็เลยไม่ได้เปิดไฟ อาศัยความคุ้นเคยคลำทางจนมาถึงโต๊ะข้างเตียง แล้วก็วางสัมภาระของตัวเองลง มีเสียงดังเบาๆ ตอนที่เขาเอาของออกจากกระเป๋า แต่พยายามหรี่ตามองฝ่าความมืดก็เห็นว่าก้อนผ้าห่มที่อยู่อีกเตียงยังไม่ได้ ขยับ เลย์ถอนหายใจเบาๆ อย่างโล่งอกก่อนจะถอดเสื้อแจ็คเก็ตออก
...แล้วล้มตัวลงนอน ...บนเตียงตัวเอง
ซึ่งตอนนี้...
ตุ้บ!
“เฮ้ย!”
“เฮ้ย!”
...มีใครอีกคนนอนอยู่ก่อนแล้ว
“นั่นใครน่ะ!”
“นายแหละใคร!”
“.....!”
“ลู่หาน! ลู่หาน! อยู่ไหนน่ะ!”
“เฮ้ยเดี๋ยว!”
“ปล่อยฉันนะ!”
พลั่ก!
“อี้ชิง! นี่ฉันเอง!”
“....!”
“ฉันเอง ตุ้ยจางไง!”
เลย์สะบัดตัวอย่างแรงในตอนแรกที่รู้ตัวว่าถูกกอดรัดจากทางด้านหลัง ก่อนจะค่อยผ่อนแรงลงเมื่อได้ยินเสียงกระซิบที่ข้างหู
“...ตุ้ยจาง ..เหรอ?”
“ใช่.. ฉันเอง..”
เขาได้ยินเสียงผ่อนลมหายใจเบาๆ ตอนนี้เลย์มีสติพอจะจำเสียงอีกฝ่ายได้บ้างแล้ว
คริสยังกอดร่างโปร่งบางอยู่อย่างนั้นนิ่งๆ เมื่อกี้เลย์ตกใจจนตัวสั่น เขาเลยไม่กล้าปล่อยมือ จนกระทั่งรู้สึกว่าระดับลมหายใจของอีกฝ่ายเริ่มเป็นปกติ ถึงได้คลายวงแขน
“ฉันไปเปิดไฟนะ”
ตอนที่ทั้งห้องกลับมาสว่าง เลย์ยังนั่งอยู่ที่เตียงแล้วก็มองหน้าเขาตื่นๆ แล้วก็มองไปที่อีกเตียง
“...ลู่หานล่ะ?”
“อยู่ที่ห้องฉัน สามคนนั้นจับกลุ่มกันเสียงดังอีกแล้ว ฉันเลยต้องระเห็จมานอนนี่”
“แล้ว.. ทำไมไม่นอนเตียงนั้น?”
“ก็... ฉันนึกว่านายจะไม่กลับ” คริสยกมือขึ้นเกาท้ายทอยตัวเอง ถึงได้พบว่าผมยังไม่แห้งสนิทดี กะว่าจะเป่าผมตั้งแต่เมื่อหัวค่ำ ก็ดันเคลิ้มหลับไปตอนไหนไม่รู้ ตอนนี้ก็ปาเข้าไปเกือบตีสองแล้ว “...แล้วทำไมกลับเอาป่านนี้ ฉันนึกว่านายจะค้างที่บ้าน”
“ตอนแรกก็กะแบบนั้น อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วด้วย แต่มันแปลกๆ นอนไม่หลับ ก็เลยกลับมานอนหอดีกว่า”
“แปลกที่มั้ง นายไม่ได้กลับไปนอนบ้านนานแล้วนี่”
“...ก็จริง”
“แต่ยังไงก็ไม่น่ากลับมาดึกๆ แบบนี้คนเดียว มันอันตรายออก”
“อันตรายอะไรกัน ฉันเป็นผู้ชายนะ ไม่โดนฉุดหรอก” คนไม่คิดมากหัวเราะตาใส คริสก็ได้แต่ถอนหายใจแล้วหรี่ตามองเคืองๆ
พอเลย์ทำท่าว่าจะนอน เขาก็กลับมานั่งอยู่อีกเตียงแล้วจัดหมอนจัดผ้าห่มเสียใหม่ ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าหมอนหอมๆ ที่เขาหนุนนอนเมื่อครู่คงจะชื้นเพราะผมที่ยังไม่แห้ง
“นายเอาหมอนฉันไปดีกว่า ใบนั้นน่าจะเปียก”
เลย์เอามือแตะๆ ดูก็เห็นว่าจริงตามนั้น
“ไม่เป็นไรหรอก กลับข้างเอาก็ได้”
“ไม่ดีหรอก นอนหมอนเปียกๆ เดี๋ยวจะไม่สบาย เอาอันนี้ไป”
ในเมื่อเจ้าตัวไม่ยอม คริสเลยต้องใช้อำนาจความเป็นตุ้ยจาง หยิบหมอนตัวเองมาสลับให้แทน
“เฮ้ย เดี๋ยวนะ!” แต่ตอนที่ยืดตัวข้ามไปอีกเตียง เลย์ก็จับต้นแขนเขาไว้ “...ปากนายแตกนี่”
“ห๊ะ?!” คริสใช้ปลายนิ้วโป้งแตะเบาๆ ที่มุมปากตัวเอง เมื่อกี้ก็รู้สึกชาๆ อยู่เหมือนกัน แต่พอเห็นคราบเลือดที่ติดมา ก็ชัดเลย “...จริงด้วยแฮะ”
“ไปโดนอะไรมา?”
“สงสัยจะตอนที่ชุลมุนกันเมื่อกี้มั้ง ฉันเห็นนายตกใจแล้วก็กลัวจะวิ่งเตลิดชนโน่นชนนี่เข้า ห้องยิ่งมืดๆ อยู่ ก็เลยกะจะรวบตัวไว้ก่อน ไม่รู้โดนอะไรฟาดเข้า”
“ศอกฉันแน่เลย ...ขอโทษนะ”
คริสส่ายหน้าแล้วหัวเราะเบาๆ
“ไม่เป็นไรหรอก อันที่จริงฉัน...”
ปลายนิ้วเล็กๆ ที่แตะลงตรงมุมปากทำให้เขาพูดต่อไม่ออก เลย์โน้มตัวเข้ามาจนใกล้ ตาใสๆ คู่นั้นมองดูแผลที่มุมปากเขาอย่างเป็นกังวล
“...เจ็บมั้ย?”
คริสเพียงส่ายหน้า ตอนนี้หัวใจของเขามันเต้นแรงจนแทบหลุดออกมานอกอก อีกคนคงไม่รู้ตัวเลยว่าตอนนี้ใบหน้าของพวกเขาอยู่ห่างกันไม่ถึงคืบ กลิ่นหอมๆ ชวนเคลิ้มที่ลอยมาแตะจมูกเล่นเอาขายาวๆ ของคริสถึงกับสั่นจนแทบทรุด แต่ต้องพยุงตัวเองไว้ไม่ให้ล้มทับอีกฝ่ายจนต้องหงายลงไปบนเตียงด้วยกันทั้ง คู่ ไม่งั้นล่ะก็...
“ใส่ยามั้ย?”
“ห๊ะ?! อ๋อ.. ไม่ต้องหรอก” คริสดึงมืออีกฝ่ายออกแล้วถอยกลับมานั่งที่เดิม แต่ยังจับมือข้างนั้นไว้
“นี่อี้ชิง...”
“.....?”
“คราวหลังถ้าจะไปไหน ต้องโทรบอกฉันนะ จะกลับหรือไม่กลับ หรือจะไปกับใคร ต้องให้ฉันรู้ เข้าใจรึเปล่า?”
สีหน้าคนฟังดูสลดลง เลย์พยักหน้าช้าๆ
“...อื้ม ขอโทษนะ นายเป็นตุ้ยจาง ฉันไปไหนก็ควรต้องบอก”
“อันที่จริงก็ไม่ใช่อย่างนั้นหรอก คือ...”
เลย์เงยหน้าขึ้นมองเขาตาแป๋ว และมันก็ทำเอาคนตัวโตถึงกับพูดไม่ออก
“...ช่างเถอะ” เขาลุกพรวดขึ้น แล้วเดินไปที่สวิชต์ไฟแทน “นอนดีกว่า”
เลย์ล้มตัวลงนอนแต่ยังหันหน้าเข้าหาอีกเตียง คริสเห็นดวงตาใสๆ คู่นั้นผ่านความมืดอย่างชัดเจน แต่ก็ต้องทำเป็นไม่เห็น ไม่งั้นพาลจะนอนไม่หลับ รู้สึกแปลกๆ อยู่เหมือนกัน ปกติต้องเป็นเขาสิที่แอบมองอย่างนั้น เลย์คิดอะไรอยู่กันแน่นะ?
“นี่ตุ้ยจาง...”
“หืม...?”
“หมอนเนี่ย... กลิ่นเหมือนนายเลย”
นั่นไงล่ะจางอี้ชิง... คิดจะฆ่าเขาชัดๆ!
...คิดว่าคืนนี้เขาจะหลับลงมั้ย?
.
.
.
ถ้าจะมีใครซักคนที่ทำให้คนสมบูรณ์แบบอย่างอู๋อี้ฟานต้องหวั่นไหว ...ก็คงคนนี้แหละ
...จางอี้ชิง
นายมีอะไรดีนะ...?
TBC.
ขออนุญาตแปะคลิปที่เดอะแก๊งค์ดูเพื่อเพิ่มความอิน(ฟิน)นะคะ ><
ความคิดเห็น