คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : Love in the ice - 01 -
[Fic] Love in the ice
Fiction by 2nd Admin
ตอนที่ 1
.
.
.
“อี้ฟาน นี่คนรักของพี่”
เท่าที่เขาจำได้ นั่นคือจุดเริ่มต้นของเรื่องทั้งหมด
ในวันที่อู๋อี้ฟานเรียนจบและเดินทางกลับมาจากแคนาดา พี่ชายของเขา อู๋จี๋จุน พาใครคนหนึ่งที่เรียกว่า ‘คนรัก’ มาที่บ้านและแนะนำให้คุณแม่และเขาซึ่งเป็นน้องชายคนเดียวได้รู้จัก คนแปลกหน้าคนนั้นสะกดสายตาของอี้ฟานให้หลงมองจ้องอย่างลืมตัวตั้งแต่แรกเห็น เรือนร่างเล็กแบบบางและผิวที่ขาวจัดราวกับหิมะให้ความรู้สึกน่าทะนุถนอม ทว่าดวงหน้าหวานที่ชายหนุ่มเฝ้ามองนั้นกลับเรียบเฉยและเย็นชาราวกับไร้ความรู้สึก แต่ถึงอย่างนั้น ประกายสวยในดวงแก้วสุกใสสีน้ำตาลเข้มคู่นั้นก็งดงามที่สุดเท่าที่เขาเคยเห็น เส้นผมสีเดียวกันหยักศกเป็นลอนสวย ริมฝีปากอิ่มแดงน่าสัมผัส ต้องยอมรับว่าพี่ชายของเขารสนิยมดีเลิศทีเดียว
ความจริงที่อี้ฟานรู้มาก่อนก็คือพี่ชายของเขากำลังติดพันอยู่กับลูกสาวสกุลจาง หญิงสาวจากครอบครัวธรรมดาซึ่งทั้งฐานะและชาติตระกูลนั้นแตกต่างกับตระกูลอู๋ซึ่งเป็นเจ้าของธุรกิจที่มีสาขาอยู่ทั่วทั้งภาคพื้นเอเซีย จนคุณแม่เองยังเคยเปรยๆ แกมประชดประชันว่าถ้าพี่จุนจะไปจริงจังกับผู้หญิงบ้านนั้นจริง คุณแม่ก็จะตัดพี่จุนออกจากกองมรดกแล้วยกทรัพย์สมบัติรวมทั้งกิจการทั้งหมดให้เขาดูแลแต่เพียงผู้เดียว
แต่มาในวันนี้ ชายหนุ่มคงจะไม่แปลกใจนัก และคุณแม่ก็คงจะไม่ช็อกจนเป็นลมเพียงครั้งแรกที่ได้เห็นหน้าว่าที่ลูกสะใภ้ ถ้าไม่เพราะ... คนรักของพี่ชาย ...จางอี้ชิงที่เขาพามานั้น ...เป็นผู้ชาย
แม้ว่าเด็กหนุ่มจะถูกปฏิเสธและไม่ได้รับการยอมรับจากมารดาของคนรัก แต่ไม่นานนัก พี่จุนก็พา ‘เค้า’ เข้ามาอยู่ในคฤหาสน์ตระกูลอู๋ในฐานะ ‘เพื่อนชายคนสนิท’
เพราะคุณแม่ต้องการรักษาหน้าตาของตระกูลจึงมักจะบอกกับคนนอกว่าผู้มาใหม่นั้นเป็นเพียงเพื่อนชายของบุตรชาย แต่ทุกคนในบ้านต่างก็รู้ดีถึงฐานะที่แท้จริงของเด็กหนุ่มตัวขาว เพราะคุณชายใหญ่ให้จางอี้ชิงพักห้องเดียวกัน ดูแลเอาใจใส่ความเป็นอยู่ทุกอย่างด้วยตัวเอง โดยที่คุณนายอู๋ไม่สามารถแตะต้องอะไรได้เลย
ทั้งที่อี้ฟานคิดว่าเค้าน่าจะมีความสุขดี เพราะพี่ชายก็ดูจะรักและเป็นห่วงเค้ามากขนาดนั้น แต่ดูเหมือนจะไม่ใช่ ทุกครั้งที่เดินผ่านกันโดยบังเอิญในบ้าน อี้ฟานไม่เคยเห็นรอยยิ้มจากเด็กหนุ่มเลย ไม่แม้กระทั่งจะเอ่ยทักทายกันตามมารยาท ร่างสูงเคยคิดว่าอาจจะเป็นเพราะยังไม่คุ้นเคยกับคนในบ้านเท่าใดนัก เพราะเวลาที่พี่จุนไม่อยู่บ้าน เค้าไม่เคยยอมออกจากห้องไปไหน และไม่เคยให้ใครเข้าใกล้ แต่อันที่จริงแล้ว อี้ฟานก็ไม่เคยเห็นเขายิ้มให้พี่ชายเหมือนกัน แม้กระทั่งการพูดคุยหยอกล้อกันตามประสาคนรัก... ก็ไม่เคยมีให้เห็น
ใบหน้าสวยหวานที่ดูเย็นชานั้น ยังคงเย็นชาทุกครั้งที่อี้ฟานได้เห็น จางอี้ชิงเย็นชากับทุกคน... แม้กระทั่งกับพี่จุน... คนรักของเค้าเอง
เด็กหนุ่มเข้ามาอยู่ในคฤหาสน์ได้เพียงหนึ่งอาทิตย์ เรื่องร้ายที่ไม่มีใครคาดคิดก็เกิดขึ้น
พี่ชายของเขาประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ ...เสียชีวิตที่โรงพยาบาล มารดาของเขาเสียใจมาก เธอร้องไห้อยู่หลายวันแม้กระทั่งในวันที่ส่งร่างของบุตรชายลงไปนอนหลับอย่างสงบอยู่ใต้ผืนดิน ทั้งที่พยายามกลั้นน้ำตาต่อหน้าแขกเหรื่อ แต่คุณนายอู๋ก็ทนความเสียใจไม่ไหวจนเป็นลมไปในที่สุด เพราะเธอรักและหวังในตัวบุตรชายคนโตเป็นอย่างมาก
ต่างกับผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นคนรัก ไม่มีน้ำตาสักหยดจากดวงตาคู่สวยนั้น ไม่... ตั้งแต่วันที่ได้รู้ข่าว หรือแม้กระทั่งในวันส่งศพ ใบหน้าสวยหวานยังคงราบเรียบและแสนจะเย็นชาจนอี้ฟานนึกสงสัย
ทำไมกันล่ะ? เค้าไม่ได้รักพี่จุนหรอกหรือ?
เด็กหนุ่มยังคงใช้ชีวิตอยู่ในคฤหาสน์ตระกูลอู๋ แม้ว่าคนรักจะไม่อยู่แล้ว เพราะนั่นเป็นสิ่งสุดท้ายที่พี่จุนขอไว้ก่อนที่เขาจะหมดลม และคุณแม่ก็ยอมตามนั้น ถึงแม้ท่านจะโทษว่าทุกอย่างเป็นความผิดของเค้า เพราะเค้าเป็นตัวนำโชคร้ายเข้ามาในบ้าน แต่คุณแม่ก็ไม่เคยออกปากไล่เค้าสักครั้ง เวลาผ่านไป ทุกคนในบ้านยังคงทำตัวเป็นปกติ เด็กในบ้านปฏิบัติต่อเค้าเหมือนตอนที่พี่จุนยังอยู่ และเค้าก็ยังคงเย็นชากับทุกคนเหมือนวันแรกไม่มีเปลี่ยน ไม่นานนักเค้าก็กลายเป็นเพียงวัตถุมีชีวิตที่เคลื่อนไหวได้ในสายตาของคนในบ้านเท่านั้น
แต่สำหรับอู๋อี้ฟาน เด็กหนุ่มตัวขาวนั้นเปราะบางเหมือนกับตุ๊กตา ...ทว่าเป็นตุ๊กตาน้ำแข็งที่เย็นชาอย่างที่สุด
.
.
.
หนึ่งเดือนผ่านไป
“ขอแนะนำอย่างเป็นทางการนะครับ นี่คือคุณอู๋อี้ฟาน ลูกชายคนรองของท่านประธานอู๋ ผู้ช่วยรองประธานฝ่ายบริหารคนใหม่ครับ” เสียงปรบมือของบอร์ดฝ่ายบริหารในห้องประชุมนั้นดังขึ้นพร้อมกับร่างสูงสง่าของคุณชายรองแห่งตระกูลอู๋ที่ยืนขึ้นแล้วค้อมศีรษะลงรับเสียงปรบมือนั้น
“ฝากตัวด้วยนะครับ”
“แม่ว่าลูกน่าจะเข้ามานั่งเก้าอี้รองประธานแทนพี่จุนเขาเสียเลยนะ ทำไมถึงอยากจะเป็นแค่ผู้ช่วย” แล้วให้ลูกน้องเก่าแก่ของสามีเธอรักษาการณ์ในตำแหน่งเดิม อู๋เจียหลิงที่แม้สูงวัยแต่ยังคงความสง่างามและมาดมั่นอย่างนักธุรกิจหญิงแนวหน้าเอ่ยถามบุตรชายที่เหลือเพียงคนเดียวของเธอหลังจากการประชุมแนะนำผู้บริหารคนใหม่เสร็จสิ้นลง ทั้งที่ตั้งใจและฝากความหวังว่าจะให้ชายหนุ่มเข้ามาบริหารงานแทนพี่ชายและสามีที่เสียชีวิตไปเมื่อหลายปีก่อน แต่กลายเป็นว่าคุณชายรองต้องการเข้ามาเริ่มศึกษางานด้วยการเป็นผู้ช่วยรองประธานเท่านั้น
อู๋อี้ฟานยิ้มบาง งอแขนเพื่อให้มารดาวางมือลงก่อนจะก้าวออกจากลิฟท์พร้อมกัน ทั้งที่มีเชื้อสายจีนเต็มตัว แต่เรือนร่างสูงสง่ากับเส้นผมสีอ่อนนั้นทำให้ชายหนุ่มแตกต่างจากพี่ชาย ทั้งยังใบหน้าที่ค่อนไปทางตะวันตกเสียมากกว่า มีเพียงอย่างเดียวที่คล้ายกันก็คือดวงตาที่คมดุภายใต้เรียวคิ้วหนา แลดูน่าเกรงขาม ทว่าแฝงไว้ด้วยความอ่อนโยนเหมือนกันไม่มีผิด ผู้บริหารคนใหม่ผงกศีรษะและยิ้มรับคำทักทายจากพนักงานตลอดทางเดินจนผ่านประตูหน้าบริษัทออกไปด้านนอก
“ผมไม่ได้เรียนบริหารมาอย่างพี่จุนนะครับ จะให้เข้าไปจับงานใหญ่แบบนั้นทันทีใครจะยอมรับ”
“แม่ก็ยังอยู่ทั้งคน ลูกจะกลัวอะไร?”
“ผมไม่ได้กลัว แต่คิดว่ายังไม่เหมาะสม อย่างนี้ดีแล้วล่ะครับคุณแม่ รอให้กรรมการกับบอร์ดบริหารยอมรับผมก่อน แล้วค่อยเข้าทำงานจริงจังก็ได้”
“ถ้าอย่างนั้นก็ตามใจลูกเถอะ แม่ไม่อยากพูดแล้ว” ผู้เป็นแม่ถอนใจก่อนจะก้าวขึ้นไปนั่งบนเบาะหลังของรถยนต์คันหรูซึ่งลูกชายเปิดประตูให้ “ไม่กลับกับแม่แน่นะ?”
“ครับ ผมมีเรื่องที่ต้องไปทำ แล้วเจอกันที่บ้านนะครับ”
ปิดประตูรถแล้วยืนรอส่งมารดาจนรถยนต์คันงามลับสายตาไปแล้วอี้ฟานจึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา หยุดมองเวลาที่หน้าจอครู่หนึ่งก่อนจะกดหมายเลขด่วนโทรออกในทันที
“อยู่ไหนแล้วจื่อเทา?”
[กำลังจะออกจากโรงพยาบาลครับ]
“อืม ตามต่อไปนะ แล้วโทรรายงานฉันตลอด” กดวางสายแล้วชายหนุ่มก็ถอนหายใจออกมาเบาๆ ก่อนจะแหงนหน้าขึ้นมองบนท้องฟ้ากว้างเบื้องบน ใบหน้าหล่อเหลาที่วาดรอยยิ้มให้ใครต่อใครกลับเผยแววกังวลเมื่อนึกถึงคนที่มีดวงตาคล้ายกัน และอาจจะกำลังมองดูเขาอยู่จากข้างบนนั้น
‘ขอโทษนะครับพี่จุน ผมแค่อยากให้แน่ใจว่าเค้าไม่ได้มีเจตนาร้ายอะไร แล้วผมสัญญาว่าผมจะดูแลเค้าให้ดีอย่างที่พี่ต้องการ’
.
.
.
Knock! Knock! Knock!
เด็กสาวเคาะประตูแล้วยืนเอี้ยมเฟี้ยมรออยู่ครู่หนึ่ง ร่างขาวบางที่อยู่ในห้องก็มาเปิดประตูให้
“คุณชายรองให้มาเชิญลงไปทานอาหารเย็นค่ะ” เธอเอ่ยตามคำสั่งที่ได้รับมาด้วยท่าทีสุภาพตามมารยาท แล้วก็เช่นเคยที่คนในห้องนั้นตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“ขอบใจ แต่ฉันยังไม่หิว”
คำตอบนั้นถูกนำมาส่งให้ผู้เป็นนายที่ห้องรับประทานอาหาร คุณชายรองพยักหน้าช้าๆ บอกให้เธอจัดสำรับต่างหากขึ้นไปให้บนห้องดังเช่นทุกวันจากนั้นก็ส่งสัญญาณให้แม่บ้านเติมข้าวในจานผู้เป็นมารดา แต่เธอยกมือขึ้นห้าม ท่าทีขัดใจอย่างเห็นได้ชัด
“แม่ไม่เข้าใจเลย ทำไมลูกจะต้องให้เด็กขึ้นไปถามทุกวัน ก็รู้อยู่แล้วว่าเค้าไม่อยากลงมาร่วมโต๊ะกับเรา”
“ถามตามมารยาทน่ะครับ คนอยู่บ้านเดียวกัน”
“ไม่เห็นจะต้องไปใส่ใจ อยู่บ้านเราแท้ๆ ยังไม่เคยให้เกียรติเจ้าของบ้าน จะกินอาหารก็ต้องให้เด็กยกขึ้นไปให้ เจอหน้าก็ไม่เคยทักทายซักคำ คิดว่าตัวเองเป็นใครกัน” คุณผู้หญิงบ้านอู๋อารมณ์เสียจนพาลทานข้าวไม่ลง เธอดึงผ้าขึ้นมาเช็ดปากก่อนโบกมือเล็กน้อยเป็นสัญญาณให้สาวใช้เข้ามาเก็บสำรับอาหารไป
“ไม่ทานต่อหรือครับ?”
“แม่อิ่มแล้ว ลูกทานไปคนเดียวแล้วกัน”
มองตามหลังมารดาผู้ให้กำเนิดซึ่งเดินขึ้นบันไดกลับขึ้นห้องไปแล้วชายหนุ่มก็ถอนหายใจออกมาเบาๆ วางช้อนส้อมกลับคืนลงจาน เขาเองก็ทานไม่ลงเช่นกัน
เที่ยงคืนกว่าแล้ว ร่างสูงที่กำลังนอนหลับสนิทอยู่บนเตียงต้องถูกปลุกให้ตื่นเพราะเสียงเรียกเข้าจากโทรศัพท์มือถือ จากที่หงุดหงิดในทีแรก แต่เมื่อเห็นชื่อผู้ที่โทรเข้ามาก็รีบกดรับในทันที
“ว่าไงจื่อเทา? ...ไม่เป็นไร มีอะไรก็ว่ามา ...อะไรนะ? ที่ผับเหรอ? เค้าไปทำอะไรดึกดื่นป่านนี้แล้ว ...งั้นนายรออยู่ที่นั่น คอยดูเค้าไว้ให้ดี เดี๋ยวฉันตามไป” กดวางสายแล้วกระโจนลงจากเตียงทันที
เพียงครึ่งชั่วโมงหลังจากนั้น อู๋อี้ฟานก็บึ่งรถมาถึงสถานที่ตามที่คนสนิทบอก แม้จะเป็นเวลาตีหนึ่งแล้ว แต่ผู้คนก็ยังเยอะอยู่มาก ท่ามกลางเสียงเพลงที่อึกทึกนั้น อี้ฟานพยายามใช้สายตากวาดมองผ่านแสงสลัวในผับทันทีที่ก้าวผ่านประตูเข้ามา
“เค้าอยู่ไหนจื่อเทา?” ผู้ช่วยคนสนิทที่ถูกสั่งให้คอยเฝ้าดู ‘เค้า’ อย่างเงียบๆ เพยิดหน้าไปทางฟลอร์เต้นรำ ที่ซึ่งคนตัวขาวที่เขามองหากำลังโยกย้ายส่ายสะโพกไปตามจังหวะเพลง มีผู้ชายล้อมหน้าล้อมหลังไม่ห่าง
อี้ฟานแทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง ว่าตุ๊กตาน้ำแข็งที่แสนเย็นชาของเขาจะทำอะไรแบบนี้ได้ ในตอนแรกที่ได้ยินว่าจางอี้ชิงออกมาเที่ยวผับอยู่จนดึกดื่น เขาก็ยังไม่เชื่อจนต้องมาดูด้วยตาตัวเอง แล้วภาพที่เห็นก็ทำเอาอึ้ง ยืนตั้งสติอยู่พักใหญ่ จนเมื่อเห็นว่าผู้ชายกลุ่มนั้นเริ่มขยับเข้ามาใกล้คนตัวขาวมากขึ้น บางคนถึงกับกล้าแตะเนื้อต้องตัวเห็นๆ สายตาไม่หวังดีพวกนั้นแค่มองก็รู้ว่าต้องการอะไร แม้จะเป็นผู้ชายเหมือนกัน แต่สภาพของอี้ชิงในตอนนี้...
ใบหน้าหวานที่เรื่อสีแดงน่าจะเพราะฤทธิ์น้ำเมา รอยยิ้มที่แสนจะยั่วยวนถูกโปรยอย่างพร่ำเพรื่อให้บรรดาหนุ่มๆ ที่รายล้อมอยู่ แพรผมชื้นเหงื่อสะบัดพริ้วสะท้อนแสงไฟสลัวในผับจนเป็นประกาย เสื้อเชิ๊ตสีขาวตัวบางเปียกเหงื่อจนแนบไปกับผิวเนื้อ เน้นสัดส่วนโค้งเว้าต่างกับร่างกายของชายหนุ่ม ดูเซ็กซี่เสียยิ่งกว่าผู้หญิงคนไหนบนฟลอร์นั้นเสียอีก ปล่อยเอาไว้คืนนี้คงไม่ได้กลับบ้านแน่ๆ ชายหนุ่มจึงรีบเดินฝ่ากลุ่มคนเข้าไปจนถึงกลางฟลอร์เต้นรำในทันที
“หมดเวลาสนุกแล้วอี้ชิง กลับบ้านกับฉันเดี๋ยวนี้” ออกคำสั่งแล้วดึงแขนเล็กให้เดินตาม แต่ก็ติดผู้ชายอีกสามสี่คนที่ยืนขวางอยู่
“จะรีบไปไหนล่ะ กำลังสนุกเลย” หนึ่งในนั้นเอ่ยขึ้นอย่างเสียดาย คนสวยกำลังเมาได้ที่ขนาดนี้ใครจะปล่อยไปง่ายๆ และนั่นก็ทำให้พวกที่เหลือกรูกันเข้ามาตั้งใจจะยื้อเด็กหนุ่มไว้จนเกิดเหตุชุลมุนย่อยๆ
“ถอยไปนะ! นี่เจ้าหน้าที่ตำรวจ!” แต่เสียงห้าวที่แทรกขึ้นมาพร้อมกับบัตรบางอย่างในมือนั้นทำเอากลุ่มคนแตกออกเป็นวงกว้าง จื่อเทารีบเก็บใบขับขี่เข้ากระเป๋าอย่างรวดเร็วก่อนจะกระซิบบอกผู้เป็นนาย “ไปกันเถอะครับ”
แม้ว่าคนสนิทจะเคลียร์ทางให้สะดวกขึ้นแล้ว แต่ตอนนี้อุปสรรคกลับเป็นร่างขาวบางที่เขาประคองอยู่นี่ต่างหาก
“ปล่อยน้า~... นายเป็นครายเนี่ย?” อี้ฟานหรี่ตามองตอบตาคู่หวานเพ่งมองในระยะแค่ฝ่ามือกั้น ก่อนที่อี้ชิงจะย่นคิ้วแล้วพยายามดิ้นขืน แต่แรงคนเมาหรือจะสู้ผู้ชายตัวโตๆ ได้ ชายหนุ่มแค่นยิ้ม
“เมาจนจำสามีตัวเองไม่ได้เลยหรือไง?” จงใจตอบเสียงดังให้พวกที่ยังยืนลังเลอยู่เมื่อครู่ได้ยินชัดๆ ก็ทำท่าเหมือนจะกระโจนเข้ามาแย่งคืนทันทีที่คนสวยทำเป็นว่าไม่รู้จักซะขนาดนั้น
“สามีงั้นหรอ? เป็นสามีฉันงั้นหรอ?” ร่างขาวบางชะงักไปเล็กน้อยเมื่อได้ยินประโยคนั้น ก่อนจะยิ้มหวานออกมา เป็นรอยยิ้มแรกที่มีให้อู๋อี้ฟาน คงจะดีไม่น้อยถ้าเด็กหนุ่มจะยิ้มอย่างนี้ตอนที่ไม่เมาด้วย เรียกแขนเล็กยกขึ้นโอบรอบคอคนตัวสูงแล้วอี้ชิงก็จิ้มนิ้วชี้ที่ข้างแก้มเขาเบาๆ “สามีฉันหน้าตาดีอย่างนี้เลยเหรอ ฉันนี่โชคดีชะมัด ฮะๆๆๆ”
หัวเราะเสียงใสแล้วก็โอบคอร่างสูงจนแน่น ซบดวงหน้าร้อนผ่าวลงกับอกหนาอย่างออดอ้อน
อี้ฟานเหมือนถูกสะกดด้วยรอยยิ้มหวานที่ทำเอากล้ามเนื้อในอกกระหน่ำเต้นอย่างรุนแรง เขากำลังถูกกอดโดยผู้อาศัยที่เจอหน้ากันวันละแค่ไม่กี่ครั้ง ใกล้ชิดกันมากที่สุดก็แค่เดินผ่าน แต่ถึงอย่างนั้นก็กลับไม่อาจปฎิเสธ กลิ่นหอมหวานของผิวเนื้อที่ปะปนกับกลิ่นเหงื่อกลับน่าหลงใหลอย่างประหลาด ใบหน้าหวานที่ซุกซบอยู่กับอกพร้อมรอยยิ้มน้อยๆ นี้ ยิ่งได้มองใกล้ๆ ก็ยิ่งรู้สึกถึงคำว่า ‘น่ารัก’ ทั้งที่เขาไม่เคยคิดว่าผู้ชายด้วยกันจะเหมาะกับคำนี้ แต่ทำไมคราวนี้ ...กับคนคนนี้ ความรู้สึกมันถึงได้รุนแรงนัก น่าหลงใหล น่าสัมผัส อยากจะกอดอยู่อย่างนี้ไม่อยากปล่อยเลย
คนตัวสูงยังยืนนิ่ง เด็กหนุ่มก็คงหมดสนุก ใบหน้าหวานที่อี้ฟานกำลังจ้องมองกลายเป็นบูดบึ้ง เมื่ออี้ชิงคลายแขนออก ชายหนุ่มก็ใจหายวูบเพราะเสียดาย
“เบื่ออ่ะ อยากกลับบ้านแล้ว” คนเมาเปลี่ยนอารมณ์เอาดื้อๆ แล้วสลัดคนที่ตัวเองกอดเมื่อครู่ทิ้ง แต่พอหันหลังแล้วเดินไปได้แค่ก้าวเดียวก็เซแท่ดๆ จนคนตัวสูงต้องเข้ามาประคองไว้
ประตูรถถูกเปิดรออยู่ก่อนแล้วตอนที่อี้ฟานพยุงร่างขาวบางมาถึง ทุลักทุเลยัดคนเมาขึ้นเบาะหลังของรถแล้วก็ตามเข้าไปนั่งข้างๆ กัน มองคนตัวขาวที่กระเถิบเข้าหาประตูอีกฝั่งแล้วก็พิงกระจกหน้าต่างแล้วหลับไปในทันที อี้ฟานก็ได้แต่ส่ายหน้าหน่ายๆ หันไปบอกให้คนสนิทออกรถ
ชายหนุ่มเฝ้ามองคนตัวขาวที่กำลังหลับสนิทอยู่เงียบๆ ใบหน้าหวานยามหลับสนิทดูไม่มีพิษภัยเลยสักนิด บางทีเรื่องที่เขาสงสัยอยู่อาจจะไม่เป็นจริง แต่ถึงยังไงก็ปล่อยให้คลาดสายตาไม่ได้อยู่ดี ดูอย่างวันนี้สิ นี่ถ้าไม่ได้มาเห็นด้วยตาตัวเอง เขาคงต้องไม่เชื่อแน่ มัวแต่คิดอะไรเพลิน จู่ๆ รถก็เบรกกะทันหันจนอี้ฟานถึงกับหน้าคะมำไปเล็กน้อย ส่วนคนที่หลับอยู่ข้างๆก็หัวโขกเข้ากับกระจกประตูอย่างแรง
“อะไรน่ะจื่อเทา?”
“ขอโทษครับ พอดีมีแมววิ่งตัดหน้ารถ ผมไม่ทันมอง” เอ่ยขอโทษพลางมองผ่านกระจกมองหลังมายังคนเมาที่ยังหลับไม่ได้สติ ไม่รู้ว่าหัวกระแทกแรงจนสลบไปแล้วหรือเปล่า
อี้ฟานเองก็หันกลับมามองคนข้างตัวเช่นกัน ค่อยๆ ดึงเอาร่างขาวบางมาพิงไว้กับไหล่ตัวเองแล้วสำรวจจนทั่วศรีษะและหน้าผากมน โชคดีที่ไม่มีแผลแตกหรือช้ำที่ตรงไหน
“กระแทกแรงขนาดนี้ยังจะหลับต่อได้ ท่าทางหัวแข็งไม่เบา” พึมพัมกับตัวเองก่อนจะหัวเราะเบาๆ คราวนี้อี้ฟานจัดท่าให้คนหลับได้เอนหลังลงพิงเบาะจะได้สบายตัวขึ้น แต่คนตัวเล็กกลับครางฮื่ออย่างขัดใจ ก่อนจะเลื้อยตัวลงมานอนราบกับเบาะ หนุนศีรษะไว้บนตักคนที่นั่งข้างๆ
“คงจะกลัวเจ็บหัวอีกละมั้งครับ” จื่อเทาที่มองผ่านกระจกมองหลังมาพูดติดตลกเมื่อเห็นว่าผู้เป็นนายมีสีหน้าเหวอไป อี้ฟานขยับตัวเล็กน้อยเพราะไม่ชินนัก หลับสนิทขนาดนี้ ถึงปลุกก็คงไม่รู้สึกตัวอยู่ดี สุดท้ายก็เลยยอมให้เด็กหนุ่มนอนหนุนตักตัวเองอยู่อย่างนั้น ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้วก็เลยช่วยช้อนสองขายกขึ้นมาวางบนเบาะเสียเลย ทีนี้ก็ได้หลับสบายล่ะนะ
ตลอดทางที่นั่งมาในรถ อี้ฟานไม่รู้ตัวเลยว่าใบหน้าหล่อเหลาของตนนั้นเปื้อนไปด้วยรอยยิ้มบาง ดวงตาคู่คมจับจ้องเพียงดวงหน้าหวานของคนที่นอนอยู่บนตัก เรียวนิ้วสัมผัสและเกี่ยวพันเส้นไหมสีน้ำตาลเข้มที่แม้จะชุ่มเหงื่อแต่ก็ยังรู้สึกว่านุ่มมือน่าสัมผัสเป็นที่สุด ดวงหน้าเรียวรีได้รูป เปลือกตาบางทั้งสองข้างที่ปิดสนิทอยู่ใต้แนวคิ้วเรียวบาง จมูกเล็กน่ารัก กับผิวแก้มใสที่ขึ้นสีแดงเรื่อๆ อี้ฟานไล้ข้อนิ้วกับแก้มนิ่มข้างขวา ...ตรงนี้ ...มีรอยบุ๋มเล็กๆ จะมองเห็นก็ตอนที่เจ้าตัวยิ้มเท่านั้น ริมฝีปากอิ่มที่วันนี้ดูจัดสีมากขึ้นเผยอออกน้อยๆ ทุกอย่างที่เขาจ้องมองอยู่นี่ ดูยังไงก็ไม่เหมือนผู้ชายเลยสักนิด จะว่าเขามีรสนิยมชอบผู้ชายด้วยกันมาก่อนก็ไม่ใช่ แต่สาบานได้เลยว่าร่างขาวที่กำลังนอนหนุนตักเขาอยู่ในตอนนี้เป็นสาเหตุที่ทำให้เขายิ้มไม่หุบมาตลอดทางจนเกือบจะถึงบ้าน และเป็นสาเหตุเดียวกันที่ทำให้ใจเขาเต้นแรงอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ...น่ารัก ช่างเป็นเด็กหนุ่มที่น่ารักจริงๆ
มัวแต่ใจลอยไปถึงไหน รู้ตัวอีกทีก็ตอนที่จื่อเทาเดินมาเปิดประตูรถให้เมื่อถึงบ้านแล้ว
“ให้ผมพาไปส่งที่ห้องไหมครับ?” เขาหมายถึงคนตัวขาวที่ยังหลับสนิทอยู่บนตักผู้เป็นนาย แต่อี้ฟานส่ายหน้า
“ไม่เป็นไร นายไปดูต้นทางก่อน เดี๋ยวฉันพาไปเอง” น้อมรับคำสั่งแล้วก็เดินหายเข้าไปในตัวคฤหาสน์ ไปดู ‘ต้นทาง’ หรืออีกนัยหนึ่งก็คือคุณผู้หญิงของบ้านนั่นเอง เพราะถ้าตื่นขึ้นมาเจอตอนที่คุณชายรองกำลังพาผู้อาศัยกลับเข้ามาในสภาพนี้ละก็ ทั้งคุณอี้ชิงทั้งคุณชายคงได้โดนดุแน่
หายเข้าไปซักพัก จื่อเทาก็กลับมาที่รถพร้อมรายงาน
“คุณผู้หญิงยังหลับอยู่ครับ”
“อืม” อี้ฟานพยักหน้า ก่อนจะเขย่าร่างขาวที่นอนหนุนอยู่บนตักเบาๆ
“นี่คุณ ตื่นได้แล้ว ถึงบ้านแล้วนะ”
“อือออ...~” มีแต่เสียงครางซึ่งก็ไม่รู้ว่าตอบรับหรือแค่ละเมอ แต่ก็ไม่มีทีท่าว่าจะลุกขึ้นเองแต่อย่างใด ชายหนุ่มถอนหายใจก่อนจะหันไปมองคนสนิท
“ต้องเหนื่อยอีกแล้วสิเนี่ย”
จื่อเทาได้แต่ยิ้มรับบางๆ ก็จะให้ทำยังไงได้ จะพาไปเองส่งให้ก็ไม่ยอม จะว่าเกรงใจก็ไม่ใช่ เรื่องแค่นี้เป็นหน้าที่อยู่แล้ว แต่ดูเหมือนผู้เป็นนายจะอยากพาไปเองมากกว่า
จื่อเทาเดินนำมาเปิดประตูห้องให้คุณชายรองพาร่างขาวที่อยู่ในอ้อมแขนเข้าไป เพราะนี่เคยเป็นห้องของคุณชายใหญ่มาก่อน เขาจึงยืนรออยู่เพียงด้านนอกจนกระทั่งอี้ฟานวางร่างที่หลับสนิทลงบนเตียงแล้วก็หันมาบอกเขา
“นายไปพักผ่อนเถอะ แล้วพรุ่งนี้ให้เด็กไปเอารถฉันกลับมาด้วย” ทั้งที่จริงเขาน่าจะขับกลับมาเอง แล้วปล่อยให้จื่อเทามาส่งคนเมาก็ได้ แต่ไม่รู้ทำไม พอเห็นสภาพคนที่นอนบนเตียงในตอนนี้แล้วก็ไม่อยากจะปล่อยให้กลับมาตามลำพังเลย
จื่อเทารับคำแล้วก็ปิดประตูห้องให้ก่อนออกไป อี้ฟานจึงได้หันกลับมาที่เตียง ร่างขาวขยับเล็กน้อยแต่ไม่ถึงกับตื่น ชายหนุ่มดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมให้และตั้งใจจะผละออกมา แต่เพียงแค่ขยับจะลุก ร่างโปร่งบางกลับผวาลุกขึ้น ยกสองแขนขึ้นโอบรอบคอแล้วรั้งให้อี้ฟานโน้มตัวลงจนใบหน้าของทั้งคู่แทบจะชนกัน
“อือ... อย่าเพิ่งไปนะ...”
ชายหนุ่มขมวดคิ้ว ดูเหมือนจะละเมอ เพราะพูดออกมาทั้งที่ยังไม่ลืมตา อี้ฟานเองก็นิ่งค้างทั้งที่ปลายจมูกสัมผัสกันอยู่อย่างนั้นโดยไม่คิดจะแกะมือที่รัดรอบคอตัวเองออก ก็ใบหน้าหวานที่อยู่ตรงหน้านี่สิ น่ามองน้อยอยู่เสียเมื่อไหร่ ร่างสูงยิ้มบาง ใช้เพียงปลายนิ้วเกลี่ยปอยผมที่ตกลงระข้างแก้มเนียนออก ก่อนจะปัดปลายจมูกเล็กเบาๆ
“เวลาเมาอย่างเนี้ย ขี้อ้อนจังนะ” กระซิบเสียงเบาบาง ก็รู้อยู่แล้วว่าคนตัวเล็กกำลังเมาย่อมทำอะไรโดยไม่รู้ตัว แต่ก็อดจะคิดไม่ได้ว่าถ้าตอนไม่เมาแล้วขี้อ้อนขนาดนี้ คงจะดีกว่านิ่งและเย็นชาเป็นตุ๊กตาน้ำแข็งเป็นแน่ ร่างขาวบางนี้ถูกเขาอุ้มแนบอกไว้เป็นนาน อี้ฟานย่อมรู้ว่าผิวเนื้อขาวนี้หอมหวานและนุ่มนิ่มแค่ไหน
...แล้วแก้มเนียนนิ่มนี่ล่ะ จะหอมเหมือนกันหรือเปล่านะ?
ร่างกายดูเหมือนจะตอบสนองความต้องการได้เป็นอย่างดี เพราะปลายจมูกโด่งเริ่มเคลื่อนลงไปหาแก้มขาวของคนที่กำลังหลับสนิท ผิวแก้มนิ่มเกือบจะถูกล่วงเกินอยู่รอมร่อ แต่ทว่า...
“อือ... พี่จุนอย่าไปนะ อย่าทิ้งผม...”
อี้ฟานจำต้องชะงักเมื่อประโยคที่ได้ยินดึงสติที่กำลังจะหลุดลอยให้กลับมาอีกครั้ง
พี่จุน พี่ชายของเขา และนี่...คนที่นอนไม่ได้สติอยู่นี่... จางอี้ชิง คนรักของพี่ชาย
...อู๋อี้ฟาน นายกำลังทำบ้าอะไรกัน!
ร่างสูงดึงตัวเองให้ลุกขึ้นนั่งในทันที มองร่างโปร่งบางบนเตียงแล้วก็ยกมือขึ้นลูบหน้าตัวเองแรงๆ เพื่อเรียกสติ ก่อนจะตัดสินใจลุกขึ้น ตั้งใจจะเดินจากไป แต่แล้วก็ต้องหันหลังกลับมาใหม่ อี้ฟานยืนนิ่งอยู่ที่ปลายเตียงราวกับกำลังต่อสู้กับความรู้สึกบางอย่างในใจ สุดท้ายก็เดินช้าๆ เข้าไปที่เตียงแล้วขยับร่างขาวให้นอนหนุนหมอนดีๆ ดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมให้จนถึงหน้าอก ก่อนจะเดินออกมา
เมื่อประตูห้องถูกปิดลง ร่างขาวบนเตียงก็ขยับอีกครั้ง เปลือกตาบางที่ปิดสนิทอยู่เมื่อครู่ค่อยๆ เปิดออก อี้ชิงลุกขึ้นนั่งได้เองอย่างคล่องแคล่วไม่เหมือนคนที่เมาไม่ได้สติเมื่อครู่ ใบหน้าหวานฉาบด้วยรอยยิ้มที่ไม่เหมือนกับที่อี้ฟานได้เห็นที่ผับ และเขาคงไม่มีโอกาสได้เห็นมันด้วย ...รอยยิ้มที่ดูร้ายกาจและเยือกเย็นไม่เหมาะกับใบหน้าสวยหวานนั่นสักนิด ราวกับนี่ไม่ใช่ตัวตนที่แท้จริงของคนคนนี้
“นี่มันแค่เริ่มต้นเท่านั้น อู๋อี้ฟาน”
.
.
.
TBC.
คนรอง: ไหวม้ายยยยยยย?? ฮ่าๆๆ
ไปขุดฟิคเก่ามา re-write ใหม่ เนื้อเรื่องดราม่าค่อนไปทางน้ำเน่านิดนึงอ่ะนะ = =”
เรื่องนี้เขียนไว้นานแล้ว ตั้งแต่เมื่อห้าหกปีก่อน ภาษาก็ยังเตาะแตะมาก (ที่จริงตอนนี้ก็ไม่ได้ดีขึ้นเท่าไหร่ = = )
ลองเอามาลงชิมลางดู เผื่อคนอ่านเบื่อๆ แนวหวานๆ ที่เราเขียนแล้วจะลองอ่านแนวน้ำเน่าดู ^^”
ใช้แท็กอะไรดี? #ฟิคน้ำแข็งKL ดีมั้ย?
ความคิดเห็น