ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    อาตี๋เงิงใหญ่ป่วนหัวใจน้องหน้าหมวย [KRISHO , KAIDO]

    ลำดับตอนที่ #1 : ถนนเยาวราช : แยก 1

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 598
      5
      25 ก.พ. 60

     















    กริ๊งงงง กรี๊งงงงงงงง

     
     

    “ใครโทรมาป่านนี้ ไม่รู้จักดูเวลาหรอไงว่าดึกดื่นแค่ไหนแล้ว” เสียงโทรศัพท์บ้านที่รบกวนเวลาดูหนังยามดึกของครอบครัวดังขึ้นเล่นเอาเจ้าของบ้านอดบ่นไม่ได้ก็นี่มันจะเที่ยงคืนแล้ว ร่างสูงใหญ่เคลื่อนจากโซฟากลางบ้านเพื่อไปรับโทรศัพท์

     
     

    “หือม์....ฮาโหล ว่าไง” เมื่อเห็นว่าเบอร์ปลายทางเป็นเบอร์บ้านจากทางไกลที่คุ้นหูคุ้นตาดี คุณชายอู๋เจ้าของบ้านก็รับเพราะในยามวิกาลขนาดนี้ถ้าไม่มีเรื่องด่วนปลายสายคงไม่โทรมารบกวนเวลาของเขาแน่ๆ

     

     

    “อ่อ.. ไงจงอิน”

     

     

    “ห้ะ! ว่าไงนะ อาม๊าลื่นล้มในห้องน้ำหรอ”




    “อืมๆ เดี๋ยวลุงจัดการทางนี้ก่อนจะรีบไป”



    “ฝากด้วยนะ”

     

     

                    หืม....ผมคงไม่ได้หูฝาดไปใช่มั้ยครับ อาม่าคนเดียวของผมลื่นล้มในห้องน้ำ? ไปทำอีท่าไหนของแกหละเนี่ย อากงแกก็หลับตานอนฝันดีที่สวรรค์นี่คิดไงเอาตัวไปลื่นในห้องน้ำเล่นเนี่ย ไม่ใช่และ ก็อย่างว่าแกแก่มากแล้วครับ แถมนั่งงกๆเงิ่นๆขายของอยู่นั่นหละไม่รู้จะงกไปถึงไหนทั้งๆที่ม๊ากับป๊าผมก็ร่วมสร้างธุรกิจโรงแรมสุดหรูอยู่ที่แคนาดานี่ เงินก็ส่งไม่ขาดตกบกพร่อง ขายอยู่นั่นแหละไอ้ติ่มซำบ้าบอคอแตกแถวๆพวกคนจีนอยู่ย่านอะไรนะ อะไรเยาๆเทือกๆนั้นเนี่ยแหละ ไปเยี่ยมแกล่าสุดก็ตอนสองปีที่แล้วเพราะอากงเสีย ดีนะที่แกยังมีคนดูแลอย่างไอ้ดำกัมจง ไอ้จงอินคนที่ป๊าเพิ่งคุยเมื่อกี้นี้หละ มันเป็นหลานเลี้ยงอาม่าเป็นคนเกาหลีที่โดนทิ้งไว้ แกเลยรับมาเลี้ยงเป็นหลานบุญธรรม อีกอย่างแกคงน้อยใจที่ผมไม่ค่อยดูดำดูดีอาม่าแกเท่าไหร่เรียกง่ายๆไม่อ้อนเอาใจย่า แต่มันก็เป็นเพื่อนเล่นผมตั้งแต่เด็กจนผมโดนย้ายมาเรียนมหาลัยอินเตอร์แวนคูเวอร์ด้วยเหตุผลที่ว่า ให้มาช่วยกิจการโรงแรมที่กำลังรุ่งเรืองพร้อมกับเรียนบริหารไปด้วยผมเลยต้องระเห็จพาตัวเองมาเรียนอยู่ที่นี่  อ่อ...ร่ายซะยาวเลยลืมแนะนำตัว ผมชื่อ อู๋อี้ฟาน ลูกครึ่งจีนแคนาดาม๊าเป็นแคนาดาแท้ ป๊าก็จีนแท้เหมือนกัน ด้วยความที่เป็นลูกครึ่งอะนะเลยมีชื่อภาษาอังกฤษเท่ๆว่า คริส หล่อปะหละ

     

     

    “คริส! คิดอะไรอยู่ป๊าเรียกตั้งนานแล้ว” เสียงทุ้มดุทำเอาร่างสูงที่กำลังเพลินๆถึงกับสะดุ้งโหยง



     

    “โอ้ยยยป๊าเบาๆก็ได้ เกิดผมหูแตกขึ้นมา ไม่อยู่ฟังเสียงสาวๆบอกรักทำไง”

     

     

    “ป๊าจะดึงหูแกให้ขาดเลยคราวนี้” ว่าแล้วก็ทำท่าจะดึงหูเจ้าลูกชายตัวดี แต่ด้วยความไวของท่อนขาคริสจึงรีบหลบพัลวัน

     

     

    “ม๊าดูป๊าสิจะบิดหูลูกอีกแล้ว” คนตัวสูงขี้ฟ้องรีบโผเข้าหาท่านแม่สุดสวยที่กำลังเดินออกมาจากห้องครัว ขี้ฟ้องไม่พอยังจะทำหน้าเบะเป็นหมาเหม็นขี้อีกต่างหาก

     

     

    “ใจเย็นๆสิคะคุณ ไปทำลูกทำไมเล่า” เสียงอ่อนโยนของผู้เป็นภรรยาที่มีอายุแต่ใบหน้ายังคงอ่อนเยาว์จากการประทินผิวที่ไม่ขาดตกบกพร่อง

     

     

    “ก็ดูเจ้าลูกตัวดีของคุณสิ อาม่ามันเข้าโรงพยาบาลยังไม่ไปดูดำดูดีแกเลย”

     

     

    “โหยยยไรป๊า แม่ป๊าก็ดูเองดิ”

     

     

    “ยังจะเถียงอีก” คุณอู๋ขึ้นเสียงเมื่อลูกชายจอมรั้นยังคงเถียงไม่ลดละ

     

     

    “เอาหน่าๆคุณ แล้วนี่คุณแม่เป็นอะไรคะ ถึงเข้าโรงพยาบาล” คุณนายอู๋พาลูกชายมานั่งยังโซฟาที่เดิม

     
     

    “อาม๊าล้มในห้องน้ำหนะสิ เฮ่อ เห็นว่ากระดูกขาหักเดินไม่ได้อีกพักใหญ่เลยหละ จงอินบอกว่าแกร่ายยาวเลยว่าไม่มีใครขายของ” แล้วคุณสามีก็อธิบายด้วยใบหน้าที่คร่ำเครียดจนอดห่วงไม่ได้


     
     

    “จงอินก็ช่วยอยู่แล้วนี่คะ อีกอย่างถ้าคุณแม่ไม่ไหวก็น่าจะเลิกได้แล้ว ฉันเห็นแล้วสงสารแก” หญิงวัยกลางคนพูดด้วยความเป็นห่วง

     

     

    “ใช่ป๊า ติ่มซำไรนั่นไม่ใช่จะขายดีไรนักหนาสู้โรงแรมของเราก็ไม่ได้ ไม่รู้อาม่าแกจะทรมานตัวเองไปทำไม” เจ้าลูกชายที่เงียบออกความคิดเห็นบ้างแต่แล้วก็ต้องใบ้รับประทานเมื่อเจอประโยคถัดมา

     

     

    “เพราะมันเป็นร้านที่อากงกับอาม่าสร้างขึ้นมาด้วยกันต่างหาก แถม...ถ้าไม่มีร้านนั้นป๊าคงไม่มีวันนี้” พูดไปจะหาว่าโกหกแต่เพราะที่คุณอู๋มีทุกวันนี้ได้ก็เพราะร้านติ่มซำเล็กๆของผู้ที่ได้ขึ้นชื่อว่าปู่และย่าของร่างสูง

     

     

    “แล้ว....เราจะไปเยี่ยมท่านวันไหนคะคุณ” คนเป็นแม่ถาม

     

     

    “พรุ่งนี้!


     

    ห้ะเดี๋ยวก่อนนะป๊าพรุ่งนี้ จะบ้าหรอ นี่ยังไม่เก็บของไรเลยนะ เร็วไปม้างงงงงงผมยังไม่พร้อมจะบินไปไทย สาวๆที่นี่หละยังไม่ได้ลาเลย TTuTT ไม่นะ แล้วแม่อกตู้มไบรโอนี่ แม่ตูดใหญ่เอมม่า แล้วไหนจะเสียงครางเซะซี่แหบพร่าของเอลลี่ ผมขาดมันไม่ได้ โอ้ม่ายยยยยคริสยังไม่พร้อมจะไปไหน จะอยู่นี่ๆๆๆๆ


     
     

    “คริส ไปเก็บกระเป๋าซะ พรุ่งนี้ต้องบินแต่เช้ามืด”

     

     

                    โอ้ยยยไม่อยากฟังคำนี้เลย แซด เวรี่แซดสุดๆ ผมขอไลน์ไปหาน้องเจสสิก้าอัลบ้าคนสวยก่อนได้มั้ยครับป๊า ขอไปจูบลาน้องเคธี่่ก่อนเสะ รู้ฮะว่าป๊ามีอำนาจในการจองตั๋วไวขนาดนี้ แต่นี่มันไวไป อีกแค่ไม่กี่ชั่วโมงไม่พร้อมมมมม แงงงงงง



    “คริสลุกไปเก็บของ!” คุณชายอู๋กดเสียงเข้มขึ้นเมื่อเห็นเจ้าลูกชายยังทำหน้าอิดออดอยู่



    ฮรื่อออออออออออ “รู้แล้วป๊า!!” พูดจบก็กระฟัดกระเฟียดตึงตังเป็นเด็กป.สี่เข้าห้องไป

     

     

     



     

    ♥ Falling in love at Yaowarat 








     

    Thailand

     

     

    “หาวววววว  –o-Zzzz ง่วงชะมัด” คริสที่พึ่งสลึมสลือจากการตื่นบิดขี้เกียจไปมา ก่อนจะเดินลากกระเป๋าพลางตีที่ท้ายทอยตัวเองเบาๆ

     

     

                    นี่มันกี่โมงวะเนี่ย เมื่อยก็เมื่อยง่วงก็ง่วง แม่มมมมมมม อย่าให้ถึงเตียงนะ แม่จะหลับให้ดูเลย ฮึ้ยๆ คริสคนหล่ออยากจิคราย

     
     

    “แท็กซี่มาแล้ว ไปกันเถอะ” เสียงเจื้อยแจ้วของคนเป็นแม่เรียกสติคนที่เป็นที่รักทั้งสองให้เดินมาขึ้นรถอย่างว่าง่าย พอขึ้นรถเสร็จสับก็มุ่งหน้าไปยังจุดหมายปลายทาง ตอนนี้เป็นเวลาประมาณตีสามเห็นจะได้ รถราที่อยู่บนถนนจึงไม่มากนัก ไม่นานรถบริการสาธารณะก็จอดเทียบท่ายังตึกแถวตึกหนึ่งที่คุ้นตาคริสและลูกชายคนเดียวของบ้านอยู่ไม่น้อย สภาพอาคารเก่าแก่บ่งบอกถึงอายุของมัน ตึกแถวที่ไม่ได้หรูหรามากมายเพียงแต่เป็นตึกแถวที่กลับอบอุ่นและมีกลิ่นอายของความเป็นครอบครัวสำหรับคุณชายอู๋ เพราะมันคือบ้านเกิดและสถานที่สร้างให้เขามีทุกวันนี้

     
     

     
     

    “คริสถึงแล้วลูก” คนเป็นแม่สะกิดเรียกลูกชายตัวเองเบาๆที่เอาแต่นั่งสับผงกหัวสั่นคลอนไปมา มือหนาขยี้แรงๆที่ตาเพื่อปรับโฟกัสให้ชัดขึ้นก่อนจะลากตัวเองออกจากรถมาหยิบกระเป๋ายืนรอคอยการเปิดประตูบ้าน

     

     

     

    ครืดดดดดดดดดดดดดดด

     
     

    “คุณหนู!!” เมื่อประตูเหล็กถูกเปิดออก ผู้หญิงร่างท้วมวัยกลางคนก็โผเข้ากอดคริสด้วยความคิดถึง “โอ้ยยนมคิดถึงคุณคริสจังเลยค่ะ” ตั้งแต่เด็กจนโตพ่อกับแม่ของคริสต้องไปทำกิจการที่แคนาดาแต่เพราะร่างสูงต้องเรียนอยู่ที่นี่เขาเลยมีแม่นมที่คอยเลี้ยงดูอย่างกับลูกของเธอเสียด้วยซ้ำ แถมยังคอยช่วยดูแลอาม่าอีกแรงอีกต่างหาก

     

     

    “บอกแล้วไงครับว่าให้เรียกคริสเฉยๆไงมี๊ ผมก็คิดถึงมี๊เหมือนกันนะครับ” คริสโค้งตัวลงกอดตอบแม่นมที่มีส่วนสูงน้อยกว่าเขาอย่างมาก

     

     

    “นมดีใจเหลือเกินค่ะ” มือเหี่ยวกร้านลูบหลังคนตัวสูงด้วยความรัก “เข้าบ้านกันเถอะค่ะ” เมื่อเห็นว่าเสียเวลานานพอสมควร เธอจึงชักชวนครอบครัวอู๋เข้าบ้านพร้อมกับช่วยถือกระเป๋าเดินทางใบโต

     

     

    “แล้วนี่ใครเฝ้าอาม๊าอะอาเง็ก” คนเป็นพ่อถาม

     

     

    “เจ้าจงอินมันเฝ้าอยู่ค่ะ แล้วพวกคุณๆจะไปเยี่ยมอาม่าเลยมั้ยคะ” นมเง็กถามพร้อมกับลากกระเป๋าเก็บให้ชิดมุมกับโต๊ะไม้ที่ตั้งอยู่ที่พื้นบ้าน

     

     

    “เดี๋ยวว่าจะไปเลย”

     

     

                    ห้ะ!!? แบบเครื่องหมายตกใจสิบล้านอัน โอ้ยยยยยยย ป๊าไม่สงสารลูกชายสุดหล่อคนนี้บ้างหรอ ง่วงก็ง่วงจะไปเลยนี่มันกี่โมงเวลานอนนะครับ เวลานอน นอนก่อนค่อยไปไม่ได้หรอ T_______T

     

     

    “ที่นี่ไม่มีรถยนต์นะคะ กลัวว่าคุณๆจะลำบาก” นมเง็กกล่าวอย่างเป็นห่วงเธอเห็นว่าครอบครัวอู๋ไปมีธุรกิจใหญ่โตที่โน่นคงจะมีรถราคาแพงใช้หลายคันอยู่ หากจะเดินทางไปตอนนี้อาจลำบากรวมทั้งเธอเองก็รู้ดีว่าคนผมบลอนด์ที่เลี้ยงมาแต่อ้อนแต่เอาะกำลังหน้าเหวี่ยงเพราะความง่วงนอนอย่างสุดทน

     

     

                   สวรรค์
    !!! ขอบคุณครับมี๊ รักมี๊ที่สุดเลยยยยยยยยยยยย มาให้กอด จุบ หอม ซักที

     

     

    “ไม่หละ ว่าจะไปเลย แท็กซี่คงมี”

     

     

                    เป๊ง!! แพล้ก พลุ้บพลั้บ! ผมรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังร่วงอยู่ท่ามกลางหุบเขาที่มีเหวพร้อมกับหนามทิ่มแทงขึ้นมา TT^TT ม๊าช่วยคริสที ง่วงงงงงงงงงงงงง

     

     

    “โทรเบอร์ศูนย์ก็ได้นิคะ” คนเป็นแม่ออกความเห็นในขณะที่กำลังจัดเก็บกระเป๋าของตัวเองให้อยู่ในทิศที่ไม่ขวางทาง

     

     

                    เฮือกกกกกก ฮวบ!!! พลั้ก !! เข่าแทบร่วง โธ่วววม๊า ช่วยลูกหน่อยก็ไม่ได้

     

     

    เข่าร่างสูงแทบจะอ่อนลงไปดื้อๆตามคำที่ได้ยิน ถึงแม้ตอนนี้จะทำอะไรไม่ได้นอกจากงอแงในใจก็เถอะ แต่ยังไงซะเขาต้องไปอยู่ดี แล้วจากนั้นคุณอู๋ก็จัดการให้นมเง็กโทรตามเรียกแท็กซี่ให้มารับที่หน้าบ้าน ไม่กี่นาทีต่อมาเมื่อรถที่เรียกใช้บริการมาจอดรอ ทั้งสามคนพ่อแม่ลูกก็ออกเดินทางอีกครั้งเพื่อไปเยี่ยมคนป่วย

     

     

     

     

                    บรรยากาศภายในโรงพยาบาลเต็มไปด้วยกลิ่นตามสภาพโรงพยาบาลทั่วไป หากแต่ว่ามันอาจดูหรูหรากว่าโรงพยาบาลทั่วไป
    ซะหน่อยก็เพราะเครื่องปรับอากาศที่ทำงานตามที่ควรจะเป็น ในเวลาเช้ามืดแบบนี้นอกจากพยาบาลหรือบุคลากรที่มีหน้าที่อยู่ภายในก็แทบจะไม่เหลือใครอีกทั้งยังเพราะโรงพยาบาลที่อาม่าของคริสมารักษาเป็นโรงพยาบาลที่มีค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูงจึงไม่แปลกนักที่คนทั่วไปไม่ได้มาใช้บริการ คนมีอายุสูงสุดเดินนำไปยังเคาท์เตอร์ก่อนจะถามถึงห้องพักผู้ป่วยเมื่อได้ความ สองขาก็รีบนำเดินไปยังหมายเลขห้องเป้าหมาย ผู้ชายวัยกลางคนผลักประตูห้องพิเศษที่ขึ้นชื่อข้างหน้าไว้บ่งบอกว่าเป็นแม่ของเขา


     
     

    “ดูเจ้าจงอินสิป๊า หลับเป็นหมาหงอเชียว ดูๆท่านอน ตลกชะมัด ฮ่า” คริสเมื่อเดินเข้ามาด้านในพบกับเด็กผิวคล้ำที่นอนบนโซฟาอย่างหมดสภาพ

     

     

                    กร้ากกกกไอ้ดำแมร่ง นอนซะหมดสภาพเชียว ดูมันๆน้ำลายไหล กรนด้วยยี๋ๆๆหมดสภาพเชียว ว่าแล้วก็แกล้งมันดีกว่า ฮ่า

     

     

    “เฮ้ยไฟไหม้!” คนตัวสูงแกล้งตะโกนเสียงดังข้างหูคนที่นอนหลับอยู่




    “เฮ้ย! ไหนๆๆๆๆๆ ไฟไหม้ที่ไหน เอ้า ไอ้บ้าคริส!! เฮ้ย! อาแปะเล่ยสวัสดีครับ อึ้มซู” จงอินที่ตื่นขึ้นมาโวยวายพอเจอเข้ากับญาติผู้ใหญ่ที่นับถือก็รีบโค้งไหว้ใหญ่ เรียกเสียงหัวเราะก้ากจากเพื่อนในวัยเด็กได้ ถึงแม้เขาจะเป็นเด็กเกาหลีที่อาม่ารับมาเลี้ยงแต่ประเพณีการไหว้แบบไทยก็ไม่ขัดข้อง อาแปะเล่ยคือบุคคลที่ขึ้นชื่อว่าพ่อคริสชื่อจริงคือ อี้เล่ย ส่วนอึ้มซูก็ภรรยาหรือแม่ของคริสเป็นชื่อจีนย่อจาก ซูลี่ ส่วนชื่อภาษาอังกฤษที่ได้รับมาตั้งแต่เกิดก็คือ สเตลล่า

     

     

    “คริสก็ไปแกล้งจงอิน พักไปเถอะเราคงเหนื่อยมาก” หญิงวัยกลางคนบอกให้อีกคนพักผ่อน จากการที่เห็นใบหน้าอิดโรยแล้วเด็กชายผิวคล้ำคงไม่ได้นอนอย่างเต็มอิ่มแน่ๆ

     

     

    “ไม่เป็นไรครับ นี่ก็ใกล้เช้าแล้วเดี๋ยวอาม่าคงตื่นมากินข้าวเช้า” จงอินจัดการเก็บผ้าห่มให้เข้าที่ก่อนจะเขยิบเก้าอี้โซฟาเชิงบอกให้เพื่อนร่างสูงนั่ง

     

     

     

     

    “อาไค ลื้อหยิบหนมจีบดีๆสิ แล้วดูนั่นหมั่นโถวหนะระวังหน่อย อาไคอั้วบอกให้ลื้อดูดีๆ มันไม่สุกนะ”  เสียงละเมอที่ดังขึ้นเรียกเสียงเงียบจากในห้องทันที

     
     

                    นี่ขนาดละเมอยังจะละเมอเป็นของที่ขายอีกนะครับอาม่า ฮ่า สงสัยไอ้จงอินนี่ไปทำอะไรไม่ถูกใจแหง ดูๆไอ้จงอินหรือไอ้ไคเนี่ยหน้าถอดสีเลย กร้ากกกกกกกกกกกก


     
     

    “อาม๊าๆ” ลูกชายคนเดียวเรียกแทบจะทันทีเมื่อเห็นคนเป็นแม่มีอาการคล้ายครึ่งหลับครึ่งตื่น

     

     

    “อ่า อาเล่ย กลับมาแต่เมื่อไหร่” คนเป็นแม่เอ่ยขึ้นเมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาพบเข้ากับหน้าลูกชายคนเดียว

     

     

    “เพิ่งถึงอาม๊า แล้วนี่เป็นไงบ้าง” คุณอู๋ว่าพลางลากเก้าอี้มานั่งข้างๆเตียงผู้ป่วย

     

     

    “คงขายของไม่ได้”

     
     

    “ยังจะห่วงขายของอีก บอกแล้วไงว่าให้อาม๊าพักผ่อน เลิกขายได้แล้ว”

     

     

    “ลื้อก็รู้หนิอาเล่ย นั่นมันความรักของม๊าและเตี่ยลื้อเลยนะ”

     

     

    “แล้วเห็นว่าเดินไม่ได้อีกพักใหญ่ แล้วจะขายไหวหรออาม๊า” คุณอู๋ถามด้วยความเป็นห่วง เขารู้ดีว่าแม่ของเขาเป็นคนดื้อรั้นแค่ไหน แถมอาการที่รู้มาจากจงอินคร่าวๆว่าไม่สามารถเดินได้เพราะด้วยอายุที่มากขึ้นและความอ่อนแอของร่างกาย จะเดินได้ดีขึ้นก็ต่อเมื่อหมั่นทำกายภาพบำบัดเท่านั้น

     

     

    “ลื้อก็กลับมาช่วยม๊าเสะ” คำสั่งยืนยันจากคนเป็นแม่ดังขึ้น “เอ้า นั่นมันอาฟานหนิ ทำไมไม่มาไหว้ม่าเลยห้ะ!” ผู้ป่วยบนเตียงที่หันขวับมาเห็นกับหลานสุดแสบถึงกับว้ากเข้าให้ ในเมื่อหลานตัวดีไม่ยอมมาไหว้ทักทายเลยซักแอะ

     

     

                    ชะอุ่ย งานเข้ากูละจ้า เอ่อ..... ใบ้แดก ฟานใบ้แดก หวัดดีครับ หรือ ไฮ หรือ โค้งดีแวะ

     

     

    “สวัสดีคร้าบบอาม่า” แล้วร่างสูงก็ตัดสินใจยกมือไหว้แบบไทยอย่างสำนึกผิด

     

     

    “มานี่ มาหาม่าซิ” มือเหี่ยวย่นที่มีเข็มของสายน้ำเกลือทิ่มอยู่กวักเรียกเบาๆ

     

     

    “คะครับๆ ว่าไงครับม่า” จากลูกกระจ๊อกที่ชอบเป็นเด็กดื้อของพ่อแม่ก็กลายเป็นเด็กหงอ เชื่อฟังอย่างว่าง่ายกับคนเป็นย่า

     

     

    “เรียนจบแล้วใช่มั้ย?”

     

     

    “ครับ”

     

     

    “ลื้ออายุเท่าไหร่แล้ว”

     

     

    “ยี่สิบสี่ครับ”

     

     

    “ลีๆ!

     

     

    “อาเล่ย ลูกลื้อนี่ยังจำเป็นอยู่มั้ย?”

     

     

    “ห้ะ! อะไรนะอาม๊า” เจ้าของชื่อเอ่ยด้วยความสงสัย

     

     

    “อั้วถามว่าลูกลื้อยังจำเป็นในการทำงานที่โรงแรมอยู่มั้ย” หญิงวัยชราถามช้าๆชัดๆ

     

     

    “ก็..ไม่นะอาม๊า มันไม่ค่อยทำงาน วันๆเอาแต่...เที่ยวหญิง”

     

     

                    โหยยยยยยป๊า โคตรเข้าข้างลูกเลย แล้วนี่ตูจะโดนไรฟระ TT_TT อดเที่ยวสามเดือน ให้อยู่ที่นี่ชดใช้ หรือโดนตัดน้องชาย เจ้ยยยไม่นะ! มันไม่ใช่แน่วอู๋

     

     

     

    “งั้น..อั้วขอหลานชายคืน”

     

     

                    หือม์ หมายความว่าไงอาม่า จะเอาผมไปปู้ยี้ปู้ยำที่ไหนครับ ม่ายยยยยย อย่าทำร้ายคนหล่อๆแบบนี้สิ

     

     

    “จะขอคืนไปทำไม นี่ก็หลานอาม๊าไง” คนเป็นลูกไม่เข้าใจคำกล่าวของแม่ตัวเอง

     

     

    “ในเมื่อลื้อกลับมาทำสิ่งที่อั้วรักไม่ได้งั้น....”

     


     

                    อาม่า อกอีแป้นคริสจะแตก รีบพูดเถอะครับ ไม่ไหวแล้ว หัวใจผมเดาะ ... เดี๋ยวจะบ้าตายซะก่อน ลุ้นโว้ยลุ้นๆๆ

     

     



     

     

     

     

    “อาฟานลื้อต้องไปขายติ่มซำ!












    เล่าลื้อ .....



     

                   สนุกมั้ยอะรีดเดอร์ เป็นไงบ้าง เค้ากลัวมนไม่หนุกเท่าไหร่เลย T^T พี่คริสเล่าลื้อไปมั้ย หรืออะไรยังไง ส่วนรุปที่ลงคือตึกแถว ประมาณนี้ที่เป็นบ้านอาม่านะคะ พอดีมาไถ่โทษที่ไม่ยอมลงเมื่อวานเลยลงทีเดียวรวดเลย แล้วก็ขอโทษนะถ้ามันไม่สนุกหรือยังไง เกิดอยากให้ปรับตรงไหนคอมเม้นบอกหน่อยก็ได้น้า หรืออยากเวิ่นอยากอะไร ติดแท็กก็ได้ แหะแหะ จะมีคนเล่นด้วยมั้ย #พี่ตี๋น้องหมวยฝากฟิค อาตี๋ติ่มซำกับน้องหมวยก๋วยจั๊บด้วยน้า ขอบคุณค่า 

     




    BlackForest✿
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×