ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    AcreDis จักรวรรดิซาตาน

    ลำดับตอนที่ #4 : บทที่3 ตัวตนที่แท้จริง-คัมภีร์แดง(เหมือนกัน แต่บท 1 2 3 อ่านได้นะ)

    • อัปเดตล่าสุด 14 พ.ย. 48


    เซดอร์ฟยังคงยืนนิ่งไม่ไหวติง  ดวงตาของเขายังคงจ้องเขม็งอยู่ที่นัยน์ตาของซาตาน  มันเป็นดวงตาสีเขียวมรกตที่สง่างาม เหมือนของเขา    



                          ความทรงจำ แว๊บหนึ่งปรากฏขึ้นภายใต้จิตใจของชายหนุ่ม



    ทุ่งหญ้าที่กว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตา เต็มไปด้วยเสียงตะโกนเซ็งแซ่ของเหล่ามนุษย์และซาตาน  พวกเขากำลังเข้าห่ำหั่นกันอย่างบ้าคลั่ง ความหวาดกลัวถึงขีดสุดถูกเผยให้เห็นในแววตาของเหล่ามนุษย์  หอกที่เหมือนเคียวในมือของซาตานตัวหนึ่งถูกฟาดเข้าใส่ เหล่ามนุษย์ที่กรูเข้าไปต่อสู้  





       อ๊ากๆๆ!!! เสียงร้องด้วยความเจ็บปวด ดังกระทบโสตประสาทของชายหนุ่ม เลือดสีแดงไหลรินออกมาอย่างมากมาย ทะลักออกมาจากบาดแผลกลางลำตัวเป็นทางยาว เกราะที่พวกเขาสวมใส่ป้องกันตัวล้วนไร้ประโยชน์อย่างสิ้นดี   มนุษย์ที่ดูท่าทางจะเป็นหัวหน้า  กำลังต่อสู้อยู่กับซาตานที่ตัวใหญ่ที่สุด ทั้งสองต่อสู้กันอย่างเอาเป็นเอาตาย  มนุษย์คนนั้นพลาดท่าเสียแล้ว เขาถูก เคียวของซาตานเจาะเข้าที่แขนข้างซ้ายอย่างแรง





    อ๊าก!!! มันดึงเคียวขึ้นเหนือฟ้าอย่างโหดเหี้ยม เลือดสีแดงกระเซ็นออกมาติดปลายเคียวจนเลยไปกระทบที่หน้าของมันเอง  อีกครั้งที่มันจะง้างเคียวลงมาเพื่อฆ่ามนุษย์คนนั้น  มันหยุดชะงักไปชั่วขณะ  ดวงตาของเด็กหนุ่มและซาตานจ้องกระทบกันโดยบังเอิญ    





    พลันมีเลือดสีแดงปนดำพุ่งออกมาจากในอากาศ มันพุ่งกระทบเข้าเต็มหน้าของเซดอร์ฟ    อ๊ากกกก!!! เสียงร้องของเขาดังสนั่นหวั่นไหว  ภาพการต่อสู้พลันดับวูบลงอย่างรวดเร็ว  







    -------- ทำไม!  ทำไมกัน!!  ทำไมดวงตาของมันเป็นสีเขียว หรือว่ามันจะเป็น......???----------- ชายหนุ่มใช้ความคิดอย่างบ้าคลั่ง







    เขาหลุดจากภวังค์ และล้มตัวไปเซลงนอนบนเตียงอันนุ่ม  ความฝันเมื่อกี้ทำให้เขาหลับตาอยู่ชั่วขณะหนึ่ง   และเริ่มจะขบคิดหาวิธีต่างๆที่จะดำเนินการต่อไปจากนี้อีกครั้ง  นอกจากเรื่องพ่อและแม่ที่เขาต้องตามหาแล้ว เขายังคงคิดถึง เซนต์ เพื่อนสนิทที่สุดของเขา มันเป็นช่วงเวลาที่อบอุ่นมากเมื่อเขาได้อยู่ใกล้เธอ  แม้ว่า โรม ซึ่งเป็นแฟนของเธอจะเป็นศัตรูกับเขาก็ตาม







    มีแต่เซนต์เท่านั้นที่เข้าใจจิตใจของเขาอย่างลึกซึ้ง เขาไม่อาจลืมเธอได้เลย แม้ในเวลาที่คับขันก็ตาม  เซดอร์ฟลุกขึ้นนั่งบนเตียง ชายหนุ่มล้วงหยิบหนังสือเล่มใหญ่ออกมาจากใต้ผ้าคลุมสีดำที่เขาสวมใส่ คัมภีร์ปกแดงเรืองแสงขึ้นมาอีกครั้ง ครั้งนี้มันเรืองแสงขึ้นมาเองโดยที่วัตถุปริศนาและผ้าคลุมยังคงเป็นสีดำสนิทเหมือนเดิม







    เซดอร์ฟเปิดหนังสือไปที่หน้าแรก เขาลังเลอยู่ชั่วขณะหนึ่ง ก่อนจะอ่านในใจ  







    “ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้า  ข้า แกรนด์ เครซัส  นักบวชระดับสูงสุดรุ่นที่1 แห่งอาณาจักรแฮมเล็ตที่เกรียงไกร  ข้าคิดว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่ข้าสร้างขึ้นมานั้นมันเป็นสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับเผ่าพันธุ์นักบวชของข้า  แต่เมื่อข้าลองมาคิดทบทวนดูอีกครั้ง มันกับไม่ใช่อย่างที่ข้าคิด ถึงข้าจะเป็นที่ยอมรับของนักบวชทั้งหลายก็ตาม แต่ข้ารู้ว่า ตัวเองเป็นคนที่ทำผิดกฎของเผ่าพันธุ์ที่ข้าตั้งขึ้นมาเสียเอง

    ข้าหลงรัก แคเธอลีน เธอเป็นเทพีแห่งความสวยงามของเผ่าพันธุ์เทพ ที่สูงส่งกว่าข้า  เราทั้งสองแอบมีอะไรกัน จนเรามีลูกด้วยกันคนหนึ่ง พวกเราต่างทำผิดกฎของเผ่าพันธุ์ด้วยกันทั้งคู่ เหล่าทวยเทพทั้งหลายรู้เรื่อง ว่านางแอบทำผิดกฎที่แอบไปมีความสัมพันธ์ลับกับเผ่าพันธุ์อื่นที่ไม่ใช่เผ่าพันธุ์ของตนเอง  นางจึงถูกไต่สวนเกี่ยวกับข้าและลูก  แต่นางพยายามปกป้องข้าและลูก ทั้งที่ข้าควรจะเป็นฝ่ายปกป้องนาง  นางถูกเหล่าทวยเทพขังไว้ที่หอน่านฟ้าที่อยู่สูงขึ้นไปจากแดนสวรรค์  ข้าไม่อาจช่วยนางได้ และละอายแก่ใจยิ่งนัก  สติปัญญาอันชาญฉลาดที่สุดของข้า ไม่สามารถทำอะไรได้แม้แต่นิดเดียว  ข้านำลูกชายของข้าไปฝังไว้ที่ห้องลับของข้าภายในอาณาจักรแห่งนักบวช อีก1000ปีให้หลัง  เขาจะตื่นขึ้นมาอีกครั้งและกลายเป็นผู้เปลี่ยนแปลงโชคชะตาของเหล่านักบวช  เขาเป็นลูกชายที่น่ารักอย่างยิ่ง  หลังจากนั้นข้าได้ใช้สติปัญญาอันชาญฉลาดทั้งหมดของข้าหลอมตัวเองกับหนังสือเล่มหนึ่งเป็นหนึ่งเดียวกัน เพื่อปิดตายตัวเอง  ข้าคิดว่าคำสารภาพของข้า จะต้องเป็นที่ประจักษ์แก่พระผู้เป็นเจ้าที่ยิ่งใหญ่  โปรดช่วยคุ้มครองลูกชายของข้าด้วยเถิดดด! ”








    ------------หรือว่า!!! เขาจะเป็นพ่อกับแม่ที่แท้จริงของข้า .... ไม่สิ! ข้าไม่ได้อยู่กับนักบวช  พ่อและแม่บุญธรรมของข้าเป็นมนุษย์------ สีหน้าของชายหนุ่มมีท่าทางผิดหวัง







    เซดอร์ฟเริ่มตั้งสมาธิอีกครั้ง และเพ่งสมาธิทั้งหมดไปที่ตัวอักษร  เขาอ่านหนังสืออย่างจริงจัง บางอย่างทำให้เขาคิดว่าสิ่งลึกลับในคัมภีร์อาจจะช่วยให้เขาสมปรารถนาก็เป็นได้







              ----------------สี่ชั่วโมงผ่านไป---------------







    แสงอาทิตย์ลับขอบฟ้า  ความมืดเริ่มเข้าปกคลุม จันทราทอแสงสว่างอยู่บนท้องฟ้า  แสงจันทร์ส่องสว่างลอดเข้ามายังหน้าต่างของห้องกระทบกับเตียงนอน   เซดอร์ฟ ยังคงนั่งอ่านหนังสืออย่างเงียบสงบ ภายใต้แสงจันทร์







    ก๊อก!ก๊อก! ก๊อก!  เสียงเคาะประตูดังขึ้นกังวาน





    “  ใครกัน!! ” เด็กหนุ่มเอ่ยขึ้นด้วยอาการสะดุ้งเล็กน้อย





    “ ข้าเอง ท่านเซดอร์ฟ ” เสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมาท่ามกลางความเงียบสงัด







    เซดอร์ฟวางหนังสือลงบนเตียง เขาเอาผ้าคลุมสีดำคลุมปิดมันไว้อย่างมิดชิด และสาวเท้าเดินไปเปิดประตู   ประตูไม้สีน้ำตาลค่อยๆเปิดพลางออกอย่างช้าๆ   แสงตะเกียงจากภายนอกสาดส่องขึ้นกระทบกับหน้าตาอันเหี่ยวแห้งของชายชรา เขาใส่เสื้อและกางเกงสีน้ำเงินที่เป็นเหมือนชุดนอนมีผ้าสีน้ำตาลผูกไว้ที่บั้นเอวอย่างเรียบร้อย







    “ ข้าเอาอาหารมาส่ง...ไม่รู้ว่าจะถูกปากท่านหรือเปล่า ” ชายแก่พูดขึ้น เขาแหงนหน้ามองลงมายังถาดอาหารที่ตนเองถืออยู่





    “ ขอบใจมากนะ เอสแตรม ” ชายหนุ่มเอ่ยขึ้นอย่างดีใจ ตลอดเวลาที่เขานั่งอ่านหนังสือภายในห้อง ของกินยังไม่เคยตกถึงท้องของเขาเลย





    “ ทำไมท่านถึงไม่เปิดไฟละ เซดอร์ฟ ”





    “ อ..เออ....เอ่อ--- ก็ ข้านอนแล้วนะเอสแตรม เลยดับไฟ ถ้าท่านไม่มีอะไรแล้ว ข้าขอตัวล่ะ  ” เซดอร์ฟดึงถาดอาหารออกมาจากมือของชายแก่อย่างเบามือ  เขากวาดเท้าเตะไปที่ประตูให้มันปิดลง   โดยไม่สนใจชายแก่ที่ยืนนิ่งอยู่อย่างไม่พอใจ  







    ลมเพียงน้อยนิดที่พัดเข้ามาทางหน้าต่าง   ทำให้ผ้าคลุมสีดำที่ทับหนังสือถูกเลื่อนหล่นลงจากเตียง  คัมภีร์เริ่มจะกรีดหน้ากระดาษอีกครั้ง   เซดอร์ฟยกถาดอาหารเข้ามาภายในห้อง และวางมันลงบนโต๊ะไม้หน้าห้องนอน เทียนที่ว่างเปล่าถูกจุดให้สว่างไสวขึ้นอีกครั้ง    เขาจัดการกับลูกอุสซี่สามผลและขนมปังไส้คาราเมลชิ้นใหญ่   อย่างรวดเร็ว







    คัมภีร์หยุดกรีดหน้ากระดาษแล้ว ลมที่พัดผ่านเข้ามาภายใน สงบลงอย่างช้าๆ หนังสือถูกหงายขึ้น  มันกลางเอียงกะเท่เร่ อยู่บนเตียงนอน  ที่ขอบของหน้ากระดาษ เผยให้เห็นเลข 698 ปรากฏขึ้นอย่างเด่นชัด







    หลังจากที่เขาจัดการกับอาหารตรงหน้าอย่างเอร็ดอร่อย  เซดอร์ฟลุกขึ้นจากโต๊ะไม้ เขาร่ายรำท่าทางในการใช้ดาบที่อยู่ในคัมภีร์ด้วยมือเปล่าอยู่พักหนึ่ง  แล้วจึงเดินกลับไปยังห้องนอน   ชายหนุ่มนิ่งไปชั่วขณะ เขาเอื้อมมือไปหยิบผ้าคลุมสีดำที่กองอยู่บนพื้นขึ้นมาในมือ   และเลื่อนสายตาขึ้นไปที่หนังสือเล่มใหญ่เหนือศีรษะที่หงายหน้าอยู่บนเตียง







    “ หน้าที่ 689 เรื่องที่ว่าด้วย: ความลับแห่งเผ่าพันธุ์ ” เสียงอันบางเบาหลุดออกมาจากปากของเขา  ผ้าคลุมสีดำถูกวางทิ้งนิ่งเอาไว้บนเตียง





        “ด้วยสติปัญญาอันชาญฉลาดที่สุดของข้า สามารถล่วงรู้ได้ถึงความลับต่างๆของทุกเผ่าพันธุ์   ของวิเศษแต่ละชิ้นของแต่ละเผ่าพันธุ์ถูกสร้างขึ้นมาในระยะเวลาที่ใกล้เคียงกัน  มันเป็นสิ่งที่เหนือกว่าอาวุธธรรมดาหลายเท่านัก  แม้แต่เผ่าพันธุ์ของนักบวชเอง ก็มีการสร้างอาวุธวิเศษขึ้นมาเช่นกัน  เพื่อป้องกันอันตรายจากเผ่าพันธุ์ต่างๆในการสงคราม ของวิเศษทุกๆชิ้น ผู้สร้างมักจะใส่ความซื่อสัตย์ลงไป เพื่อให้มันซื่อสัตย์กับเจ้าของของมันเอง ”







    เซดอร์ฟยังคงตั้งตาตั้งตาอ่านอย่างสนใจ  ในนั้นมีกล่าวถึงผ้าคลุมของเขาว่า



      



    “ มันคือผ้าคลุมบาทินดาส แห่ง อาครีดิสด์   สร้างขึ้นมาจากหนังของมังกรดำ มังกรแดง และมังกรทอง  ที่นำมาหลอมรวมกันโดยใส่หัวใจของซาตานลงไปด้วยในการหลอม  เป็นวัตถุต้องห้ามของทุกเผ่าพันธุ์   ผู้ที่จะสวมใส่มันได้มีเพียงแค่เผ่าพันธุ์เดียวเท่านั้น คือ   ซาตาน ”







    เด็กหนุ่มรู้สึกสับสนอย่างมากมาย เมื่ออ่านมาถึงคำว่าซาตาน  ตกลงแล้วเขาเป็นซาตานอย่างที่ในหนังสือมันกล่าวอ้างมางั้นหรือ???





    เซดอร์ฟยังคงอ่านหนังสือต่อไปเรื่อยๆ สมองของเขาเริ่มว่างเปล่าอย่างช้าๆ  ความเงียบสงัดยามค่ำคืนของที่นี่ ทำให้เขาเกินอาการง่วงนอนขึ้นมากะทันหัน  มีเพียงแต่แสงเทียนและแสงจันทร์ที่สาดส่องอยู่ภายในห้องเท่านั้นที่อยู่เป็นเพื่อนเขาอย่างเงียบๆ    ชายหนุ่มอ่านมาถึงหน้าที่ 719 เขาได้รู้อะไรมากมายอย่างบอกไม่ถูกเลยทีเดียว  เซดอร์ฟสะดุดกับอะไรบางอย่าง จนต้องเปิดกับมาดูที่หน้า 718  “ ของวิเศษแห่งเผ่าพันธุ์เทพ ชิ้นสุดท้าย ”   ภายในหน้ากระดาษ ไม่มีการเขียนบันทึกข้อมูลของอาวุธวิเศษชิ้นสุดท้าย  มีเพียงตัวอักษรเล็กๆที่เขียนไว้ล่างสุดของหน้ากระดาษ





    “ ยามเมื่อไร้รูปร่าง  สายฟ้า  การเปลี่ยนแปลง ”   ประโยคสั้นๆหลุดออกมาจากปากของเวดอร์ฟอีกครั้ง







    “ หมายถึงอะไรกัน !! ” เขามีท่าทีที่งุนงงอย่างมาก  







    ชายหนุ่มรู้ตัวดีว่า  เขาไม่อาจจะต้านทานอาการง่วงนอนที่ซึมเข้ามาภายในสมองอันว่างเปล่าของเขา  เขาผล็อยหลับไปในวังวน มือยังคงวางทับลงไปบนคัมภีร์แดงที่เปิดอ้าเอาไว้เหมือนรอคอยอะไรบางอย่าง







            -----------------------------------------------------------------------------------------







    แสงอาทิตย์ยามเช้าสาดส่องเข้ามาทางหน้าต่าง   ชายหนุ่มยังคงนอนนิ่งอยู่บนเตียง มีเพียงเสียงลมหายใจเบาๆเท่านั้นที่พอจะทำให้เข้าใจว่า เขายังคงมีชีวิตอยู่    เสียงที่ดังขึ้นเรื่อยๆจากภายนอกหน้าต่างแสดงให้เห็นถึงการมาเยือนของผู้คนจำนวนมาก    







    กรี๊ดดดดดดดดดดด!!!   อ๊ากกก!!! เสียงร้องด้วยความตกใจปนเจ็บปวดของหลายๆคนดังขึ้นมา   ผู้คนต่างวิ่งหนีกันอย่างอลหม่าน   เซดอร์ฟยังคงนอนหลับอย่างสบายอารมณ์  เสียงกรีดร้องต่างๆนา ไม่สามารถทำให้เขาตื่นจากการนิทราได้เลย







    ปัง!  ปัง!!  ปัง!!! เสียงรัวกำปั้นรุนแรงปริศนาดังขึ้นบนบานประตูไม้สีน้ำตาล







    “ ท...ท่าน แย่แล้ว เปิดประตูเร็วเข้า !!! ” เสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมาอีกครั้ง







    -----------เซดอร์ฟสะดุ้งตื่นอย่างรวดเร็ว ---------







    “ โอ๊ย!!!! คนจะนอน มาปลุกทำไมแต่เช้า ” เซดอร์ฟตะโกนสุดเสียงตอบกับไปยังบานประตูไม้  พลางลุกขึ้นบิดขี้เกียจและเดินไปเปิดประตู  





    “ เอสแตรม  ท่านจะรบกวนข้าไปถึงไหนกัน ” ชายหนุ่มพูดขึ้นอย่างหัวเสีย





    “  แย่แล้ว แย่จริงๆ ท่าน พวกยักษ์ พวกยักษ์มาที่นี่ ” สีหน้าหวาดกลัวถึงขีดสุดของชายแกเอ่ยขึ้น





    “ อะไรนะ!! ” เซดอร์ฟอุทานออกมา มีแววตกใจเล็กน้อย





    เขาวิ่งกลับไปในห้อง และหยิบผ้าคลุมสีดำขึ้นสวมอย่างรวดเร็ว คัมภีร์แดงถูกซ่อนเก็บไว้ใต้ผ้าคลุมด้านหลัง  วัตถุปริศนาวางอยู่บนเตียง  บัดนี้!  มันเปลี่ยนรูปร่างเป็นเหมือนหอกสั้นๆสีดำสนิท ที่ยังคงแปลกประหลาดเหมือนเคย

    เซดอร์ฟชะเง้อหน้ามองลงไปทางหน้าต่าง  





    ภาพเบื้องล่าง! ......ฝุ่นจำนวนมากฟุ้งขึ้นอย่างตลบอบอวล ยักษ์แคระจำนวนมากไล่ฆ่าพูดคนอย่างโหดเหี้ยม  เลือดสีแดงสาดกระเด็นไปกระทบฝาผนังตึกเหมือนลวดลายที่ถูกวาดขึ้น   พวกมันกินเลือดมนุษย์สดๆอย่างเลือดเย็น     เซดอร์ฟกระโดดลงไปทางหน้าต่าง





    ย๊าก!!!  เสียงร้องของเขาทำลายความสำราญของพวกมัน  อาการหงุดหงิดบังเกิดขึ้นทางสีหน้าของเหล่ายักษ์ พวกมันวิ่งกรูเข้ามาโจมตีชายหนุ่มอย่างบ้าคลั่ง





    บุรุษในชุดขาวกลุ่มหนึ่งโผล่ออกมาจากป่าที่รกชันข้างตัวเมือง  พวกเขาเข้ามาขวางเซดอร์ฟเอาไว้   พวกยักษ์เปลี่ยนเป้าหมายไปโจมตีพวกนักบวชแทน    





    “ จัดการ...อย่าให้เหลือ...ซาก!! ” หนึ่งในนักบวชเอ่ยขึ้น ผมของเขามีสีแดงเพลิงดูน่าเกรงขาม  เซดอร์ฟจำได้ว่า มันเป็นหนึ่งในกลุ่มนักบวชที่ชายตามองเขาเมื่อวานนี้





    เหล่านักบวชที่เหลือเมื่อได้รับคำสั่ง   ต่างก็วิ่งกรูเข้าห่ำหันกับพวกยักษ์     ทั้งสองฝ่ายเข้าต่อสู้กันอย่างดุเดือด เซดอร์ฟยังคงยืนนิ่งอยู่ท่ามกลางวงล้อม   เขาคิดว่าการอยู่นิ่งๆคงจะเป็นวิธีที่ดีที่สุด   ทว่า! จากการได้เปรียบกลับกลายเป็นการเสียเปรียบอย่างเห็นได้ชัด  เหล่ายักษ์แคระถูกฆ่าตายเป็นจำนวนมาก แต่พวกมันก็ฆ่านักบวชตายเช่นกัน

      

                  

        ศีรษะของนักบวชหลุดลอยออกมาจากต้นคอที่ขาวซีดของเขา    เลือดสีขาวกระเด็นหยดไปทั่วพื้นดิน ศีรษะของเขาลอยผ่านหน้าของชายหนุ่มไปอย่างช้าๆ  เซดอร์ฟมองเห็นสีหน้าบนศีรษะของนักบวช ที่ดูผิดหวังอย่างยิ่ง  จิตใจของเขาถูกกระตุ้นจากความหวาดกลัวอีกครั้ง      เส้นเลือดบนขมับเต้นอย่างไม่เป็นจังหวะ  ความร้อนในร่างกายพุ่งถึงขีดสูงสุด   นัยน์ตาสีเขียวเปล่งประกายออกมาอย่างน่ากลัว  





    ---------จิตใจของชายหนุ่มเปลี่ยนไป   ซาตานในตัวของเขาลืมตาตื่นขึ้นอีกครั้งงงง!!!------      

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×