ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ใต้อาณัติหัวใจ

    ลำดับตอนที่ #37 : 10.1 สาบานว่าไม่ได้หึง

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 6.07K
      7
      23 ส.ค. 64

              เมื่ออินทิราจัดการกับคราบสบู่บนตัวเรียบร้อย จึงค่อยๆ เยี่ยมหน้าออกมาสำรวจภายในห้องนอน เธอแอบลอบถอนหายใจด้วยความรู้สึกโล่งอกเมื่อไม่เห็นชายหนุ่มผู้เป็นเจ้าของห้องอยู่ในรัศมีสายตา จึงรีบเดินตรงไปที่ห้องแต่งตัวพร้อมกับเลือกชุดที่หยิบง่ายออกมาสวมโดยไม่ดูด้วยซ้ำว่าเป็นชุดอะไร จัดการแต่งตัวด้วยความรวดเร็วและรีบเดินออกจากห้องนอนลงไปที่โถงรับแขกทันที


                ทัยวัตไม่ได้อยู่ที่ห้องโถงและคงไม่ได้อยู่ในบ้านเช่นกัน ดูเหมือนว่าเขาคงจะเข้าไปในฟาร์ม ตรวจตราการทำงานของลูกน้อง คิดได้ดังนั้นนั้นเธอจึงค่อยหายใจได้โล่งอกแต่ในจังหวะที่เธอเตรียมจะหมุนตัวเดินกลับเข้าไปในครัว กลับได้ยินเสียงรถแล่นเข้ามาจอดหน้าบ้าน จึงเปลี่ยนใจเดินออกไปดู


                “เฮ้ย! เบาๆ สิ ขาคนนะพรรคพวก ไม่ใช่ท่อนไม้” เสียงทิษฏิโวยวายเอ็ดอึงลั่นบ้าน


                “พี่ฏิ เกิดอะไรขึ้นคะ ขาไปโดนอะไรมาคะนั่นน่ะ”


                อินทิราชะงักเท้า ยืนมองนายตำรวจหนุ่มในชุดเครื่องแบบ ประคองร่างกำยำของทิษฏิที่อยู่ในเครื่องแบบครึ่งท่อนลงจากรถอยู่ตรงเชิงบันได เธอกะพริบตาเบาๆ พลางมองน้องชายสามีด้วยความตกใจ ข้อเท้าข้างขวาชายหนุ่มถูกหุ้มไว้ด้วยปูนปลาสเตอร์หนาเทอะทะ ขณะที่แขนข้างขวาโอบบ่าเพื่อนที่คอยพยุง ขณะที่ใต้รักแร้ข้างซ้ายของคนเจ็บเหน็บไว้ด้วยไม้ค้ำประคองเดิน


                “รถมอเตอร์ไซค์ล้มน่ะ ไอ้หมาเวรมันดันทะลึ่งตัดหน้ากะทันหัน นี่ยังโชคดีที่ตกลงไปในแอ่งโคลน ไม่อย่างนั้นมีสิทธิ์พิการแน่ๆ” ทิษฎิตอบด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด


                “แล้วนี่ไม่มีใครอยู่บ้านเลยหรือไงฮึมัทรี จะวานมาช่วยพยุงพี่สักหน่อย ท่าทางไอ้ต้อมมันจะประคองพี่ขึ้นบ้านคนเดียวไม่ไหวแน่” ทิษฏิสบถอย่างหัวเสีย


                “ก็ลูกพี่ตัวหนักจะตายชัก ผมตัวนิดเดียวจะประคองคนเดียวไหวได้ยังไงล่ะ” นายตำรวจรุ่นน้องเอ่ยประชด


                “เฮอะ...ตัวกูอะขนาดปกติของผู้ชายโว้ยไอ้ต้อม มึงเสือกตัวบางเอง ถ้าแต่งหญิงละก็ มึงอะตัวเมียชัดๆ” ทิษฏิแดกดันเพื่อนรุ่นน้องตามประสาคนสนิทสนมที่รู้นิสัยกัน


                “อ้าวลูกพี่...เดี๋ยวก็ปล่อยทิ้งไว้หน้าบ้านนี่ซะหรอก ขาไม่ดีแล้วอย่าปากเสียอีกสิครับเจ้านาย”


                อินทิราอมยิ้มกับประโยคต่อล้อต่อเถียงของสองหนุ่ม พลางนึกอยู่ในใจว่าทิษฏิกับทัยวัตช่างสมกับที่เป็นพี่น้องกันเหลือเกิน ปากดีเหมือนกันไม่ผิดเพี้ยนแม้แต่นิดเดียว


                “เดี๋ยวดิฉันช่วยประคองอีกแรงก็ได้ค่ะ ดูเหมือนทุกคนจะเข้าไปที่ฟาร์มพร้อมกับคุณวัตกันหมด” อินทิราตอบพร้อมกับเดินเข้าไปยืนใกล้ๆ ทิษฏิ ช่วยประคองเขาอีกแรง


                “พี่วัตกลับมาแล้วเหรอ”


                “ค่ะ กลับมาเมื่อสักครู่นี้เองค่ะ” อินทิราตอบเสียงเบา รู้สึกร้อนผ่าวที่ใบหน้าเมื่อนึกถึงการพบกันของเธอกับทัยวัตเมื่อสักครู่


                “บอกหรือเปล่าครับว่าหายไปไหนมาทั้งอาทิตย์ คุณเชอร์รี่โทร. ถามกับผมแทบทุกวันว่าพี่วัตไปอยู่ที่ไหน ทำไมถึงติดต่อไม่ได้ ไอ้ผมก็ไม่รู้จริงๆ กลัวพี่สาวคุณจะหาว่าปิดบัง” ทิษฏิไหวไหล่ เอ่ยราวจะบอกเล่าให้อินทิราฟังโดยไม่ได้คิดอะไร


                “ไม่ได้บอกค่ะ พอดียังไม่ทันได้คุยกัน เพราะตอนที่คุณทัยวัตกลับมาดิฉันกำลังอาบน้ำอยู่ แต่พอลงมาจากห้องก็ไม่พบกันซะแล้ว”


    ประโยคบอกเล่าของทิษฏิทำให้หัวใจของอินทิราโปร่งโล่ง เมื่อได้รู้ว่าชายหนุ่มไม่ได้ไปอยู่กับอินตรามาทั้งอาทิตย์อย่างที่เธอกังวล


                “หายไปเป็นอาทิตย์นี่คงรีบเข้าไปจัดการงานที่ฟาร์มนั่นแหละ พี่วัตไม่อยู่ก็ดีเหมือนกัน พี่จะได้ไหว้วานมัทรีถนัดๆ ไม่ต้องกลัวจะโดนพี่วัตจวกโทษฐานที่ใช้งานพี่สะใภ้” ทิษฏิเอ่ยพลางเดินเขย่ง โดยมีเพื่อนกับอินทิราช่วยประคองเข้าไปในบ้านอย่างทุลักทุเล


                “ผมกลับไปทำงานก่อนนะพี่ฏิ ในเมื่อพี่มีพี่สะใภ้คนสวยคอยดูแลแล้วทั้งคนผมก็หมดห่วง กลับไปทำงานต่อเลยดีกว่า” นายตำรวจรุ่นน้องเอ่ยหลังประคองเพื่อนรุ่นพี่มาส่งถึงโซฟากลางห้องโถงเป็นที่เรียบร้อย


                “เออ ไปเถอะ ขอบใจแกมากที่อุตส่าห์แบกฉันมาส่งจนถึงบ้าน” ทิษฏิเอ่ยพลางโบกมือเบาๆ กับหนุ่มรุ่นน้อง


                “ไม่เป็นไรพี่ แค่ได้มาเห็นหน้าพี่สะใภ้คนสวยของพี่ก็ถือว่าคุ้มค่าแบกพี่มาส่งแล้วละ” หนุ่มรุ่นน้องหันไปส่งตาหวานใส่อินทิราอย่างคนขี้เล่น มากกว่าจะคิดเป็นจริงจังอะไร เรียกเสียงด่าขรมจากนายตำรวจรุ่นพี่


                “ไอ้เวร! มึงรีบไปเลยไป เดี๋ยวพี่ชายกูมาเห็นเป็นได้โดนไล่กระทืบหรอกมึง” ทิษฏิสั่นศีรษะเบาๆ เอ่ยไล่เพื่อนรุ่นน้องที่ทำหน้าทะเล้นใส่อินทิรา


                “ผมไปนะครับคุณมัทรี ถ้ามีโอกาสคงได้พบกันใหม่นะครับ” นายตำรวจหน้าเป็นเอ่ยอย่างคนมีไมตรี มากกว่าจะตั้งใจจีบหญิงสาวเป็นจริงเป็นจัง


                “ค่ะ ถ้ามีโอกาสคงได้พบกัน” อินทิราเปิดยิ้มขันพลางเอ่ยทวนประโยคเดิมของอีกฝ่ายกลั้วเสียงหัวเราะ


                “ครับ...” นายตำรวจหน้าทะเล้นเปิดยิ้มพลางหันไปโบกมือให้หนุ่มรุ่นพี่อีกครั้งพร้อมกับเอ่ยลา “ผมไปแล้วนะพี่”


                “เออ...รีบไปเลยมึง” ทิษฏิโบกมือตอบพลางเอ่ยไล่ด้วยน้ำเสียงระอาเล็กน้อย


                “หมอให้ยามาทานหรือเปล่าคะ แล้วทานอะไรรองท้องมาบ้างหรือยัง” อินทิราเอ่ยถามน้องสามีด้วยน้ำเสียงแสดงความเป็นห่วง


                “ยังเลย ไม่ได้กินทั้งข้าวทั้งยานั่นแหละ คนงานในบ้านเรามันหายไปไหนกันหมดนะมัทรี จนไอ้ต้องกับมัทต้องแบกพี่เข้ามาถึงห้องโถงยังไม่มีใครโผล่มาให้ใช้สักคน” ทิษฏิเอ่ยขึ้นด้วยความสงสัยระคนหงุดหงิด


                “ไม่ทราบสิคะ บางทีคุณวัตอาจจะใช้ไปทำอะไรก็ได้มังคะ ตั้งแต่ลงมา ดิฉันก็ยังไม่เห็นใครเลยสักคน พี่ฏิจะรับประทานอะไรดีคะ เดี๋ยวดิฉันไปหามาให้ จะได้รับประทานยา” อินทิราเอ่ย


                “แทนตัวเองว่ามัทกับพี่เหมือนที่พูดกับลิซ่าก็ได้ ใช้คำว่า ‘ดิฉัน’ มันฟังห่างเหินจัง ไม่เหมือนคนในครอบครัวเดียวกันเลย”


                “ค่ะ แล้วพี่ฏิจะรับประทานอะไรรองท้องดีคะ เดี๋ยวมัทไปทำมาให้” เธอทำตามอย่างว่าง่าย


                “อะไรก็ได้ มัทไปดูในครัวทีเถอะว่ามีอะไรที่ทำง่ายๆ ก็ทำมาให้พี่กินที กินเสร็จจะได้กินยา ปวดขาจะแย่อยู่แล้ว” ทิษฏิบ่นด้วยความหงุดหงิดตนเอง


                “ถ้าอย่างนั้นรอสักครู่นะคะ เดี๋ยวมัทจัดการให้ค่ะ”

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×