คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #20 : 5.3 บ่วงกุหลาบ
ทิษฏิและทุกคนในนรากรกำลังพยายามที่จะหาหลักฐานมามัดตัวคนร้ายเพื่อโยงใยไปให้ถึงตัวผู้บงการ ถึงพวกเขาจะมั่นใจว่าการกระทำในครั้งนี้เป็นฝีมือของใคร แต่ถ้าหากไม่มีหลักฐาน ก็คงยากที่จะเอาผิดกับโจรในคราบนักธุรกิจอย่างมันได้ และเพราะมัวแต่ยุ่งอยู่กับคดี เขาจึงยังไม่สามารถไปรับตัวทิพย์ลดากลับมาในเวลานี้ ที่สำคัญ เป็นความประสงค์ของกำนันทศบิดาของพวกเขาด้วย ที่ต้องการให้ทิพย์ลดาอยู่ในที่ที่ปลอดภัยพ้นจากสายตาศัตรูไปจนกว่าพวกเขาจะจัดการกับพวกมันสำเร็จ
ทิษฏิจำใจต้องฝากปลาย่างอย่างทิพย์ลดาไว้กับแมวขี้ขโมยอย่างไอ้หมอนั่น
ถึงจะไม่ยอมรับ แต่ทิษฏิก็ทำอะไรไม่ได้มากไปกว่าขบเขี้ยวเคี้ยวฟันเอ่ยอาฆาตฆฤณ[1] ชายหนุ่มที่อ้างตัวเป็นสามีของน้องสาวตนไว้ในใจ ‘อย่าให้กูรู้ก็แล้วกันว่ามึงทำอะไรน้องสาวของกู ไม่อย่างนั้นน้องมึงจะต้องตกอยู่ในสภาพเดียวกับน้องสาวกูแน่แน่ๆ
ไอ้ฆฤณ’
นายตำรวจหนุ่มเดินกระแทกเท้าระบายความหงุดหงิด ขณะที่สมองยังคงใคร่ครวญเรื่องราวประวัติส่วนตัวของชายหนุ่มที่ให้ความช่วยเหลือน้องสาวของเขาอย่างคร่าวๆ เท่าที่เขาพอจะสืบค้นมาได้กระทั่งถึงบนเรือนซึ่งทัศน์พลกำลังพูดคุยโทรศัพท์กับใครบางคนด้วยสีหน้าเคร่งเครียดอยู่ด้านหน้าระเบียง ส่วนบิดาและพี่ชายอีกสองคนกำลังนั่งปรึกษากันอยู่อีกทางหนึ่ง และแน่นอนทุกคนกำลังรอเขาอยู่คนเดียว
“ได้เบาะแสอะไรเพิ่มบ้างไหม”
กำนันทศถามทันทีที่บุตรชายคนเล็กกลับมาถึง
“ไอ้ดำมันยังปากแข็งอยู่เลยครับ
แต่เชื่อได้ว่าอีกไม่เกินสองชั่วโมง ลูกน้องของผมคงง้างปากให้มันสารภาพจนได้แน่”
ทิษฏิตอบเสียงกร้าว ไอ้ดำคือหนึ่งในสมุนโจรที่จับน้องสาวของเขาไป
มันเพิ่งถูกเพื่อนของเขาซึ่งเป็นตำรวจอยู่ที่นครนายกส่งตัวมาให้เช้านี้
ส่วนไอ้เข้มและสมุนอีกสี่คนยังหนีรอดไปได้ แต่เชื่อเถอะว่าอีกไม่นาน
เขาจะลากคอพวกมันมาขังด้วยมือของเขาเองให้ได้
“พ่อจะไม่ให้ไอ้ฏิไปรับยายทิพย์กลับมาจริงๆ
เหรอครับ” ทัยวัตถามขึ้นอีกครั้งด้วยความเป็นห่วงน้องสาว
“ไม่ต้อง...ไอ้พวกนั้นมันรู้ว่าเจ้าทิพย์คือจุดอ่อนของพวกเรา
ถ้าขืนพวกแกพาเจ้าทิพย์กลับมาก็เท่ากับลากน้องออกมายืนในที่โล่งให้พวกมันหาทางเล่นงานพวกเราได้ง่ายๆ
น่ะสิ” กำนันทศอธิบายด้วยสีหน้าเครียด
“แต่ไอ้หมอนั่น...”
ทิษฏิพยายามจะหาเหตุผล
“ฉันมั่นใจว่าไอ้หนุ่มนั่นจะดูแลเจ้าทิพย์ได้ น้องสาวของพวกแกอยู่กับมันต้องปลอดภัยกว่ากลับมาอยู่บ้านเราตอนนี้แน่”
คำตอบของกำนันทศทำให้สามหนุ่มได้แต่มองหน้ากันด้วยความหงุดหงิดพลางระบายลมหายใจแรง เมื่อทำอะไรมากไปกว่ายอมรับต่อการตัดสินใจของบิดาและเมื่อทัศน์พลเดินกลับเข้ามารวมกลุ่ม การสนทนาจึงเปลี่ยนประเด็น จากเรื่องของทิพย์ลดา กลับมาที่เรื่องการควานหาตัวคนร้ายทันที
“เมื่อคืนนี้เจ้าหน้าที่ป่าไม้บุกเข้ารื้อรีสอร์ตสองจุด
และหนึ่งในนั้นเป็นอินทิรารีสอร์ตของนายปองพล
ฉันว่าถ้าหมอนั่นมีส่วนเกี่ยวข้องกับการจับตัวไอ้ทิพย์ไปละก็
คราวนี้มันคงไม่มีเวลาไปวุ่นวายกับน้องสาวเราได้อีกสักระยะแน่ๆ
เพราะฉะนั้นตอนนี้ปล่อยให้คุณฆฤณดูแลเจ้าทิพย์ปลอดภัยมากกว่าจริงๆ
ทางนี้พวกเราก็ต้องเร่งหาหลักฐานเอาผิดมันให้ได้เร็วที่สุด”
ทัศน์พลกล่าวด้วยน้ำเสียงเครียด
“ถ้าเราเค้นคอไอ้ดำให้มันรับสารภาพได้
ไอ้ปองพลมันดิ้นไม่หลุดแน่” ทิษฏิตอบเสียงลอดไรฟัน
“แต่ถ้ามันไม่ยอมรับสารภาพหรือหาแพะมารับแทนล่ะ”
ทัยวัตแสดงความคิดเห็นด้วยใบหน้าเคร่งเครียดไม่ต่างจากพี่น้องของเขา
“ทำไมเราไม่ลองไปคุยกับคุณป้องปักษ์ดูล่ะ
ฉันว่าเขาแตกต่างจากพี่ชายอยู่มาก บางทีเขาอาจช่วยพวกเราเรื่องนี้ได้นะ”
ทานุทัตแสดงความคิดเห็น
“ฉันไม่เห็นว่าบริรักษ์สกุลจะแตกต่างกันตรงไหน
ถึงคุณป้องจะดูเป็นคนดีกว่านายปองพลพี่ชายของเขา
แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะเห็นคนอื่นอย่างพวกเราดีกว่าพี่ชายตัวเองไม่ใช่หรือไง”
ทัยวัตแย้งขึ้นอย่างไม่เห็นด้วยเต็มที่
“อย่าอคติน่าเจ้าวัต
คุณป้องกับคุณปิ่นเป็นคนดี ใครๆ เขาก็ยอมรับกันทั้งเมือง ต่อให้นายปองพลเป็นพ่อที่ให้กำเนิด
หากทำผิดจริง ฉันว่าพวกเขาไม่มีวันเข้าข้างคนผิดแน่ๆ”
ทัศน์พลตักเตือนน้องชายอย่างมีเหตุผล
“พ่อเห็นด้วยกับเจ้าทัศน์
นายป้องกับเมียเป็นคนดี
หรือจะบอกว่าพวกบริรักษ์สกุลมีแค่ไอ้ปองคนเดียวนั่นแหละที่ผ่าเหล่าก็ว่าได้
พ่อรู้จักครอบครัวนี้มาตั้งแต่รุ่นพ่อรุ่นแม่ของสองพี่น้องนี่
ยังไม่เคยเห็นใครร้ายกาจได้เท่าไอ้ปองมันสักคนเลย”
กำนันทศถอนหายใจแรงหลังจากนั่งฟังบุตรชายถกเถียงกันเงียบๆ
อยู่พักใหญ่ อดนึกถึงใบหน้าหวานกับดวงตาเศร้าๆ
ของหญิงสาวที่ท่านรู้สึกเวทนาขึ้นมาไม่ได้
“ดีนะว่าลูกสาวมันน่ารัก ไม่ได้รับการถ่ายทอดพันธุกรรมนิสัยมาจากพ่ออย่างไอ้ปองมัน
ยายหนูมัทรีมันเอาดีเหมือนญาติๆ คนอื่น ถึงแม้จะไม่มีแม่คอยให้ความรักความอบอุ่น
คอยอบรม แต่ก็ยังทำตัวน่ารัก ถือว่าเป็นโชคดีของบริรักษ์สกุล”
ทัยวัตไหวไหล่พร้อมกับหยัดตัวลุกยืนแสดงสีหน้าไม่เห็นด้วยกับความคิดเห็นของสมาชิกในครอบครัว
ถึงจะเชื่อว่าป้องปักษ์กับภรรยาเป็นคนดีจริง
แต่เขาก็มั่นใจว่าเลือดย่อมข้นกว่าน้ำอยู่ดี
จึงไม่คิดจะวางใจทุกคนที่เกี่ยวข้องกับบริรักษ์สกุล
ยิ่งเมื่อหลายวันก่อนเพื่อนสนิทที่เรียนมาด้วยกันอย่างยอร์ช หัวหน้าคนงานในฟาร์มตัวเองแท้ๆ
กลับหักหลังวางแผนปล่อยให้อินทิราเข้ามาต่อปากต่อคำกับเขาถึงถิ่นด้วยแล้ว
เขายิ่งระแวงและอคติต่อทุกคนที่เกี่ยวข้องกับหญิงสาวไปเสียหมด
ด้านหญิงสาวที่กำนันทศเอ่ยถึงนั้น
กำลังนั่งทอดสายตามองเหม่อผ่านช่องหน้าต่างทรงสูงเพียงลำพัง
กับความรู้สึกยอกแสยงในใจ เพราะคำพูดบั่นทอนของทัยวัตผู้ชายที่ทำให้เธอรู้สึกสุขใจแค่ได้คิดถึง
หากเสี้ยววินาทีถัดมาพลันกลับกลายเป็นความหม่นหมอง
เมื่อสำนึกได้ถึงความใจร้ายของเขา
“แกจะเก็บคำพูดของคุณวัตมาคิดให้มันไม่สบายใจทำไมฮะมัทรี
เขาอยากพูดอยากคิดอะไรก็ช่างเขาเป็นไร
ในเมื่อเขาไม่เห็นถึงความหวังดีของแกก็ช่างเขาเถอะ”
ลิซ่าซึ่งเพิ่งเดินเข้ามาถอนหายใจพลางตักเตือนเพื่อนเมื่อเห็นหญิงสาวนั่งเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่างอย่างไร้จุดหมาย
ใบหน้าเศร้าสร้อยของอินทิราชวนให้รู้สึกสงสาร แต่เธอก็ไม่สามารถช่วยเหลืออะไรได้
นอกจากมอบความหวังดีที่มีให้แก่เพื่อนมาโดยตลอด
“ฉันอาย...ผู้ชายคนนั้นทำให้ฉันรู้สึกเหมือนตัวเองไร้ค่า
ขนาดว่าบากหน้าไปเสนอตัวให้เขาถึงที่ แต่กลับถูกเขาปฏิเสธตอกกลับมาจนชาไปทั้งใจ แกเข้าใจฉันไหมลิซ่า
มันเจ็บจนไม่อยากจะคิดถึง แต่ฉันก็ลืมประโยคพวกนั้นไม่ได้สักที
แกบอกฉันหน่อยสิว่าฉันควรทำยังไงต่อไปดี” เสียงระโหยสอบถามคล้ายคนอ่อนแรง
“ต่อให้ฉันพูดจนปากฉีกถึงใบหูก็ใช่ว่าแกจะเชื่อคำแนะนำของฉันอย่างนั้นแหละมัทรีเอ๊ย
ในเมื่อแกเลือกที่จะหลับหูหลับตารักคุณวัตอย่างงมงาย
เลือกที่จะปฏิเสธความร้ายกาจของเขา
แกดึงข้อดีเพียงน้อยนิดที่เห็นและยึดติดภาพลวงตาพวกนั้น
ต่อให้ฉันหรือใครแนะนำทางที่ดีกว่ามากแค่ไหนให้แกลองพิจารณา
ใจของแกก็จะดันทุรังปักใจไปกับทางที่แกเลือก
แล้วมันจะมีประโยชน์อะไรกับพูดของคนอื่น ในเมื่อแกก็ไม่มีวันจะทำตามอยู่ดี”
คนถูกเพื่อนว่าทำได้แค่สูดลมหายใจเข้าลึก
และผ่อนออกอย่างแรง
“เฮ้อ...”
ร่างเพรียวยืดตัวยืนขึ้น พร้อมกับเงยหน้ามองสาวลูกครึ่งและกล่าวชวน
“แกพาฉันไปเที่ยวหน่อยสิลิซ่า เผื่อว่ามันจะทำให้ฉันลืมเรื่องของเขาได้บ้าง”
“เออ ก็ดีเหมือนกัน
แกจะได้เลิกฟุ้งซ่านซะบ้าง” ลิซ่าพยักหน้า ไม่คิดจะปฏิเสธคำชวนของเพื่อนแม้แต่น้อย
พูดถึงเรื่องเที่ยวขึ้นมาแล้วเธอรู้สึกอะดรีนาลินในเส้นเลือดพุ่งพล่านมากมาย
“อย่างนั้นเราไปมายฮาร์ทกันดีกว่า
เราไม่ได้แดนซ์กันนานแล้วเนอะ มัวแต่ตั้งหน้าตั้งตาเรียน ได้แต่รำอย่างเดียวจนลืมเที่ยวเลย
ไม่รู้ว่าสมองฉันจะลืมการเต้นไปหรือยังนะแก”
“เว่อร์จริงๆ เลยแกนี่
แต่คืนนี้แกห้ามเมา ฉันขี้เกียจหามแกเหมือนคราวก่อนอีกนะจะบอกให้”
อินทิราชี้หน้าเพื่อนสาวพร้อมกับรีบเตือนไว้แต่เนิ่นๆ
“เออๆ
ฉันรับรองว่าไม่ให้แกหามกลับหรอกน่า ว่าแต่แกนั่นแหละ อย่าเมาเองก็แล้วกัน
ยิ่งกำลังกลุ้มใจเรื่องคุณวัตอยู่ด้วยไม่ใช่หรือไง”
ลิซ่าส่งค้อนเพื่อนสาวพลางกล่าวอย่างรู้ทัน
“ถ้าเมาแล้วลืมเขาได้ตลอดไปฉันก็อยากจะเมานะ
แต่นี่พอสร่างก็ยังปวดใจเหมือนเดิม
แล้วทำไมฉันจะต้องทำร้ายตัวเองด้วยการดื่มของพวกนั้นด้วยล่ะ”
“แกคิดได้อย่างนั้นก็ดีแล้ว...ถ้าอย่างนั้นเราไปกันเลยดีกว่า”
ลิซ่ารีบดึงข้อมือเพื่อนสาวพร้อมกับหมุนตัวก้าวเดินนำหน้าคนเอ่ยปากชวน
|
ความคิดเห็น