ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    มโนห์ราติดบ่วง

    ลำดับตอนที่ #4 : 1.3 พรตตัวป่วน

    • อัปเดตล่าสุด 9 ส.ค. 67


    มโนห์ราแบะปากทำหน้าเบ้และปรายตามองบิดาพร้อมเอ่ยด้วยน้ำเสียงกระเง้ากระงอด “เรื่องนั้นพ่อไม่ต้องเป็นห่วงหรอกค่ะ เพราะคงไม่มีใครกล้าติดต่อน้องหนูไปถ่ายแบบให้เขาอีกแล้วเหมือนกัน ใคร ๆ เขาก็กลัวพ่อกันทั้งนั้นแหละ” 


         “เอาล่ะ ๆ อย่าเพิ่งทะเลาะกันเลยพ่อลูก แม่ว่าลงไปกินข้าวกันดีกว่า วันนี้เหลือเราแค่สี่คน รามกับลักษมณ์ไม่กลับมากินข้าวบ้าน เพราะฉะนั้นรีบลงไปกินข้าวกันดีกว่า แม่หิวแล้ว” 


         “ไอ้สองตัวนั่นมันไปไหนอีกละแม่ ถึงไม่กลับบ้านกลับช่องน่ะ”


         “พี่รามคงอยู่ซ้อมปืนอยู่ตามเคยใช่ไหมคะแม่ ส่วนพี่ลักษมณ์คงยุ่ง ๆ อยู่กับงานที่บริษัทฯ เพราะพ่ออู้งานมาทำกะหนุงกะหนิงอยู่กับแม่แบบนี้”   มโนห์รากระเซ้าบิดา


         “นั่นสิ ถามจริง ๆ เถอะครับ แม่ไม่รำคาญพ่อบ้างหรือไงครับ แก่แล้วยังทำอ้อนเป็นหนุ่มรุ่นกระเตาะอยู่ได้”


         “ชะชะ...ไอ้ลูกลิง ลูกค่าง ทำเป็นมายุให้ผัวเมียเขาแตกแยก แม่แกเขาไม่มีวันรำคาญพ่อหรอกโว้ย แกไม่ต้องมายุแยงเลย เดี๋ยวเถอะ พูดมากดีนักไอ้รถ พ่อจะให้กินแข้งแทนข้าวซะนิ” คุณพ่อลูกสี่เริ่มอารมณ์ขึ้นเมื่อโดนลูก ๆ กระแนะกระแหน


         “แม่ครับดูพ่อสิ หาว่าแม่เป็นลิง เป็นค่าง” พรตแสร้งทำหน้าทะเล้นใส่บิดาแล้วกระโดดหลบเข้ามาแอบข้างหลังมารดา


         “ไอ้รถ...ไอ้ลูกเวร ไม่เลิกเล่นใช่ไหม มานี่เลยมา มาให้พ่อจะเตะถวายเจ้าสักที จะได้เลิกทะลึ่งซะบ้าง” 


         พรตหัวเราะเสียงดัง วิ่งหลบหลีกเท้าบิดา กระโดดลงบันไดไปแบบก้าวละสองขั้น เป็นเรื่องสนุกสนานของพ่อลูกที่เกิดขึ้นประจำ เรียกรอยยิ้มระอาแกมเอ็นดูจากคนเป็นแม่ที่ได้แต่ส่ายหน้าเบา ๆ อมยิ้มมองตามสองพ่อลูกวิ่งไล่กันลงบันไดไปอย่างนึกขัน


    “ว่าแต่เรากับพี่รถ ไม่ได้มีอะไรปิดบังพ่อกับแม่จริง ๆ ใช่ไหมน้องหนู”   แพรพลอยหันมาเค้นความจริงจากบุตรสาว


    “แหมแม่ขา...น้องหนูจะกล้าปิดบังอะไรพ่อกับแม่ได้ล่ะคะ” มโนห์รายิ้มประจบ


    “ไม่ปิดบังแต่ก็ไม่บอกความจริง ใช่ไหม” แพรพลอยยิ้มพลางเอ่ยดักคออย่างรู้ทันบุตรสาว


    “แม่อะ...รู้ทันพวกเราเสียทุกครั้งเลย” เธอทำปากยื่นน้อย ๆ


    “แค่มองตาพวกเราแม่ก็รู้ทุกอย่างนั่นแหละ”


    “แม่เก่งจังรู้ใจพวกเราทุกคนเลย โดยเฉพาะพ่อ” คนเป็นลูกยิ้มปากกว้าง


    “ขืนไม่รู้ใจพ่อเรา เขาก็จะอาละวาดบ้านแตกนะสิ พ่อเรานะธรรมดาที่ไหนกัน” แพรพลอยหัวเราะ


    “ใช่ค่ะแม่ พ่อน่ะไม่ธรรมดาเลยจริง ๆ” มโนห์รายิ้มตาหยี กอดแขนมารดาอย่างประจบก่อนจะประคองท่านเดินลงบันได ตามไปสมทบกับหนุ่ม ๆ

     

    บรรยากาศบนโต๊ะอาหารกำลังเป็นไปด้วยดีจนกระทั่งสาวน้อยนามกินรีซึ่งเป็นบุตรสาวคนเดียวของปานชนกกับอัศวินเดินยิ้มร่าเข้ามาพร้อมกับถุงพลาสติกใบใหญ่ที่ถือติดมือเข้ามา หญิงสาวที่อายุน้อยกว่าพี่น้องวิษณุวัสถึงห้าปีกำลังนำความหายนะมาสู่พรตถึงที่ 


    พรตสำลักน้ำที่เพิ่งยกแก้วขึ้นดื่ม ส่งเสียงไอโขลก ๆ ทันทีที่เห็นหญิงสาวที่เดินยิ้มร่าเข้ามาอย่างไม่รู้อีโหน่อีเหน่กับถุงใบโตที่ถือติดมือเข้ามา เธอวางสัมภาระ พนมมือไหว้เจ้าของบ้านอย่างนอบน้อม 


    สวัสดีค่ะอาแพร ลุงรวิส


    อะไรติดคออีกล่ะ...ไอ้ลูกคนนี้” อสิรวิสทำหน้านิ่วมองบุตรชายอย่างหมั่นไส้พลางเอ่ยถามขณะรับไหว้หลานสาวที่เพิ่งมาถึง


    สวัสดีจ้ะ แล้วนี่คุณพ่อคุณแม่มาด้วยหรือเปล่าจ๊ะ” แพรพลอยยิ้มพลางยกมือรับไหว้บุตรสาวของอัศวินกับปานชนกพร้อมกับเอ่ยถามอย่างอ่อนโยน


    พรตไม่สนใจกินรีว่าจะมาตั้งแต่เมื่อไหร่ การมาเยือนของเธอคงไม่ทำให้เขาสยองมากเท่ากับของที่เธอถือติดมือเข้ามา หนุ่มหน้าเป็นถึงกับทะเล้นไม่ออก เผลออ้าปากค้าง เบิกตาโตมองถุงในมือหญิงสาว แล้วรีบเงยหน้าขึ้นสบตากับน้องสาวที่ยืนเบิกตาโพลงอย่างตกใจไม่ต่างกัน


         “คุณพ่อ คุณแม่มาส่งนรีค่ะ พวกท่านยังฝากความระลึกถึงพร้อมกับคำขอโทษที่ไม่ได้เข้ามาทักทายอาแพรกับลุงรวิสมาด้วยค่ะ บังเอิญพวกท่านมีธุระต้องรีบไปทำต่อ” กินรีอธิบายละเอียด

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×