คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : Part1 :: นายชื่ออี้ซิง 100%
Part1
"หึ เราต้องแก้แค้นพวกมันที่มาฆ่าพี่น้องของเรา"
มือขวาทุบลงไปที่โต๊ะอย่างแรงทำให้เกิดเสียงดังด้วยความโกรธ แล้วลุกขึ้นเต็มความสูง ดวงตาคมเข้มเปลี่ยนเป็นสีแดงเลือดตามอารมณ์
พี่น้องที่เขาว่าไม่ใช่ใคร พวกนั้นเป็นคนที่อู๋ฟานช่วยชีวิตไว้ด้วยความสงสาร ไม่ว่าจะเป็นเพราะโรคร้ายหรืออะไรก็ตาม พวกเขาก็ได้มาอยู่ในบ้านหลังเดียวกัน และตอบแทนสำหรับการให้ชีวิตใหม่โดยรับใช้อู๋ฟานอย่างซื่อสัตย์ พวกเขาไม่เคยคิดจะทำให้อู๋ฟานไม่พอใจสักครั้งเพราะทุกคนรู้ว่าเวลาโกรธอู๋ฟานน่ากลัวยิ่งกว่าอะไร ถึงแม้จะเป็นคนที่สนิทหรือรักขนาดไหนก็เกือบเอาชีวิตไม่รอดมาแล้ว
สองคืนก่อนขณะที่อู๋ฟานออกไปล่าเหยื่อในช่วงดึก เวลาที่เลยเที่ยงคืนไปแล้วเป็นเวลาที่ไม่ค่อยมีคนพลุกพล่าน อู๋ฟานกำลังดื่มเลือดของสาววันรุ่นท่องราตรีคนหนึ่งที่หลงไหลในรูปร่างหน้าตาความงามของเขาทำให้ตกเป็นเหยื่อไปโดยปริยาย
ซอกคอขาวถูกกัดให้เป็นรอยเขี้ยวสองจุด มันเป็นรอยที่ไม่ใหญ่มากแต่มันก็เพียงพอที่จะทำให้อู๋ฟานดื่มเลือดจนหมดตัวได้ในไม่กี่นาที
เสียงฝีเท้าคนที่เดินใกล้เข้ามาแล้วหยุดลงพร้อมกับกลิ่นมนุษย์ที่โชยเข้ามาในจมูกของเขาทำให้เขาต้องละความสนใจจากเหยื่อตรงหน้าแล้วเงยหน้าขึ้น
ดวงตาสีแดงก่ำของเขาจ้องมองแขกที่ไม่ได้รับเชิญสองร่างตรงหน้า พวกมันคือนักล่าแวมไพร์ และมันคงรู้ว่าคืนนี้พวกเขาจะออกล่าเลยเฝ้าติดตามกันทั้งคืน
"พวกเราหนี"อู๋ฟานตะโกนบอกสาวกเขาที่มาด้วยกันอีกสี่คน ทำให้ต่างคนต่างวิ่งตรงเข้าไปในป่าลึกแต่ทว่านักล่าแวมไพร์สองคนนั้นยังตามเขาอยู่และดูเหมือนว่ามันจะไม่มีที่สิ้นสุด
พวกเขาทั้งห้าคนแยกกันเป็นสองฝั่ง สุดท้ายแล้ววันนั้นมีเพียงสามคนเท่านั้นที่รอดกลับมา ส่วนอีกสองคนก็ไม่ได้ข่าวอะไรเลยเป็นเวลาสามวัน
แปลว่าสองคนนั้นคงตายไปแล้ว..
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้คริสโกรธมากจนคิดหาทางแก้แค้นโดยฆ่านักล่าแวมไพร์สองคนนั้นให้ตายไปจากโลก และมันก็ง่ายกว่าที่เขาคิดเพราะเขารู้ทั้งที่อยู่ว่าอยู่บ้านไหน
ที่สำคัญสองคนนั้นเป็นสามีภรรยากัน..
และอยู่ด้วยกันแค่สองคน..
อู๋ฟานให้สาวกสองคนที่เหลือเป็นคนดักทางหน้าประตูบ้าน ส่วนเขาก็เข้าทางปล่องไฟ สาวกเขาทำเป็นเคาะประตูบ้านเรียกร้องความสนใจและเขาก็จะเป็นคนฆ่าอีกคนที่อยู่ในบ้าน
'ก๊อก ก๊อก ก๊อก' ชานยอลเคาะประตูไม้และยืนรอให้เจ้าของบ้านเดินมาเปิด เขาบอกให้จงอินยืนหลบอยู่ข้างๆโดยถือมือไว้ในกำมือ เมื่อเจ้าของบ้านออกมาจะได้แทงทะลุเข้าหัวใจไปเลยโดยปราศจากการต่อสู้
"เอ่อ.. ที่นี่บ้านคุณจงอินใช่ไหมครับ"เมื่อประตูบ้านเปิดขึ้นชานยอลทำเป็นก้มหน้าก้มตาอ่านกระดาษโน้ตในมือที่มีชื่อที่อยู่ปลอมเพื่อไม่ให้ฝ่ายตรงข้ามเห็นสีในดวงตาของเขา
"ไม่ใช่คุณมาผิดบ้านแล้ว"คนเป็นสามีทำท่าจะปิดประตูบ้านแต่ก็โดนชานยอลจับประตูไว้ก่อน
"เดี๋ยวสิ"ชานยอลเอี้ยวตัวหลบเปิดโอกาสให้จงอินทำหน้าที่ของตนเอง
จงอินแทงมีดเข้าทะลุจุดสำคัญที่เรียกว่าหัวใจจนมิดมีดแล้วบิดมีดร้อยแปดสิบองศา ชานยอลเข้าประกบปิดปากเพื่อไม่ให้คู่ต่อสู้ร้องส่งเสียงดังและลากศพเข้าไปในบ้าน จงอินปิดประตูอย่างเบามือ ชานยอลวางศพให้นั่งกางขาพิงประตูเอาไว้
ผู้เป็นภรรยาเริ่มสงสัยว่าทำไมสามีของตัวเองหายไปไหนนานสองนาน แต่ก็ไม่ทันได้ก้าวขาออกไปก็โดนอู๋ฟานยืนซ้อมอยู่ด้านหลังและหักคอจนเสียชีวิต
ถ้าเป็นคนทั่วไปอาจจะมองว่าครอบครัวนี้น่าสงสาร..
แต่ที่จริง.. มันก็สมควรแล้วที่ทำกับพี่น้องของเขา
สุดท้ายก็ย่อมได้ผลลัพธ์ที่เหมือนกัน
"ตายหมดแล้วครับ"ชานยอลเอ่ยขึ้นขณะที่เดินเข้ามาหาอู๋ฟาน
"อืม"อู๋ฟานพยักหน้าเล็กน้อยเป็นเชิงรับรู้ก่อนที่เขาจะเดินผ่านบางสิ่งบางอย่างแล้วยืนหยุดอยู่ตรงนั้น"ไม่! ฉันได้กลิ่นมนุษย์"เขาเดินเข้าไปใกล้เปลเลี้ยงเล็กเด็กแล้วชะโงกหน้าเข้าไปมอง"เด็กน้อย"ดวงตาอู๋ฟานกลายเป็นสีแดงและมองเด็กทารกรายกลับจะกลืนกินเข้าไปทั้งตัว
ชานยอลและจงอินยังอึ้งกันอยู่เพราะก่อนที่จะลงมืออู๋ฟานได้ให้พวกเขามาสืบแล้วแต่เขาดันไม่รู้ว่าครอบครัวนี้มีเด็ก ฉะนั้นเขาสองคนอาจจะโดนว่าเละก็เป็นได้
อู๋ฟานอุ้มทารกตัวน้อยขึ้นมาแล้วก้มหน้าลงหมายจะดูดเลือดจากทารกน้อย แต่แล้วทารกน้อยก็ดันลืมตาตื่นขึ้นมาเสียก่อน
ทารกตัวน้อยไม่กลัวแม้กระทั่งดวงตาสีแดงก่ำที่กำลังจ้องเข้าไปในดวงตาของเขาและเขาก็จ้องกลับ
ไม่มีแม้เสียงร้องไห้หาพ่อหรือแม่
ไม่มีแม้เสียงร้องไห้เพราะกลัวคนแปลกหน้า
อู๋ฟานรู้สึกถูกชะตากับทารกตรงหน้าเหลือเกิน เหมือนมีอะไรมาดลใจทำให้เขาฆ่าไม่ลง หรืออาจจะเพราะความกล้าหาญของทารกตัวน้อยก็เป็นได้
"เผาบ้านทิ้งเสีย.. อย่าให้เหลือ"อู๋ฟานออกคำสั่งเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะเดินจากไป
อู๋ฟานจ้องมองทารกตัวน้อยที่นอนอยู่บนเตียง เขาเพิ่งสังเกตเห็นว่าเด็กคนนี้สวมสร้อย และไม่แปลกที่เขาต้องอยากรู้ อู๋ฟานลากนิ้วมือไปตามความยาวของสร้อยจนไปถึงจี้สีเงิน
ในตัวจี้สีเงินสลักคำเป็นภาษาอังกฤษว่า ' LAY '
เขาคิดว่ามันคงเป็นชื่อที่พ่อแม่เด็กตั้งให้ และเขาควรจะเปลี่ยนมัน
"เจ้าตัวเล็ก"อู๋ฟานใช้นิ้วชี้ไล่เกลี่ยพวงแก้มขาวอย่างเบามือ"นายชื่ออี้ซิงนะ.. จำไว้"เขาดึงถอดสร้อยเส้นนั้นออกจากลำคอแล้วเก็บไว้
และเขาก็ไม่เคยคิดหยิบมันออกมาดูเลย
"ท่านนนนนนน"อี้ซิงวัยแปดขวบรีบวิ่งเข้ามาด้วยความดีใจเมื่ออู๋ฟานเปิดประตูแล้วก้าวเข้ามาในห้อง
"หื้ม อะไรกันมีอะไรน่าตื่นเต้นหรอ"อู๋ฟานปิดประตูแล้วยืนสำรวจตัวเองตั้งแต่หัวจรดเท้า มันมีอะไรที่น่าจนใจไปกว่าครั้งอื่นหรอทั้งๆที่เขาก็แต่งตัวปกติ
"อี้ซิงดีใจจัง"อี้ซิงเข้าไปกอดขาของอู๋ฟาน ส่วนสูงของอี้ซิงตอนนี้อยู่แค่เอวของอู๋ฟานเท่านั้น
อี้ซิงเป็นเด็กที่ไม่ค่อยแข็งแรง และเติบโตเหมือนเด็กคนอื่นๆถ้าเทียบกับเด็กผู้ชายที่อายุเท่ากันเพราะอี้ซิงไม่เคยออกไปวิ่งเล่นข้างนอกหรือโดนแสงแดดเท่าที่ควร
อู๋ฟานเอาแต่ขังอี้ซิงไว้ในห้องนอนเล็กๆ ไม่ใช่เพราะอยากกักขังเหมือนนักโทษแต่โลกภายนอกที่อี้ซิงมองมันผ่านทางหน้าต่างทุกวันนั้นไม่ได้สวยอย่างที่เห็น มันเป็นเพียงภาพลวงหลอกตาเท่านั้น
"วันนี้วันเกิดนาย จำได้ไหม"
". . ."อี้ซิงไม่ตอบอะไร เขาเพียงแต่พยักหน้าหงึกหงักให้
"อยากได้อะไรเป็นของขวัญ"อู๋ฟานย่อตัวลงแล้วลูบหัวของอี้ซิงอย่างเบามือด้วยความเอ็นดู
"อี้ซิงเหงา.. อี้ซิงอยากออกไปเล่นข้างนอก"สิ้นคำขอของอี้ซิงดวงตาของอู๋ฟานก็กลายเป็นสีแดงด้วยความโกรธ
"ไม่!"อู๋ฟานยื่นคำขาดเสียงหนักแล้วมองหน้าแล้วจ้องเข้าไปในดวงตาเรียวเล็ก
ในใจอี้ซิงรู้สึกกลัวเล็กน้อยกับเสียงทุ้มใหญ่ และดวงตาสีแดงก่ำถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่เลิกที่จะจ้องตากับคนตรงหน้า"ทำไม"
"รู้ไหมนายกำลังทำให้ฉันโกรธ"อู๋ฟานจับไหล่เล็กสองข้างนั้นอย่างแรงจนอี้ซิงมีสีหน้าไม่ดีนัก"อย่าขอออกไปข้างนอกอีกเข้าใจไหม"
"อี้ซิงแค่อยากได้เพื่อนเล่น"ยังคงมุ่งมั่นในการบอกเหตุผลแม้ว่าความเจ็บปวดที่ไหล่จะทำให้เขาเสียงสั่นก็ตาม
"ไปต่อปากต่อคำมาจากไหนหึ.. ฉันว่าฉันไม่เคยสอนนะ"เขาปล่อยไหล่เล็กที่สั่นเทานั้นให้เป็นอิสระ
อู๋ฟานลุกขึ้นเต็มความสูงแล้วเดินตรงไปที่ประตูทำให้อี้ซิงรีบวิ่งเข้ามาเกาะขาแน่นและเริ่มร้องไห้เพราะไม่อยากให้อูู๋ฟานไปไหน เขายังอยากคุยด้วย อยากเล่น อยากคิดว่าตัวเองนั้นมีความสำคัญบ้างเพียงเล็กน้อยก็ยังดี
"อย่าไปไหนนะท่านคริส อี้ซิงผิดไปแล้ว อี้ซิงขอโทษ"
การร้องไห้ของอี้ซิงไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้นเลย อู๋ฟานยิ่งเย็นชามากกว่าเก่าเขาแกะมืออ้วนป้อมออกแล้วปิดประตูเสียงดังแล้วล็อคมันจากขึ้นนอก เขายืนพิงประตูอยู่สักพักจากที่ได้ยินเสียงร้องไห้เรียกชื่อเขาของอี้ซิงหนักขึ้นเรื่อยๆจนค่อยๆจางหายไปเพราะความเหนื่อยล้า
บางทีเขาอาจจะต้องไปคิดทบทวนไหม เขาอาจควบคุมอารมณ์โกรธของตัวเองไม่ดีพอเพียงเพราะเหตุผลเล็กๆที่เขาไม่สามารถอธิบายได้เลยจบด้วยการอารมณ์เสียใส่อี้ซิง
เขาส่ายหน้ากับตัวเองเล็กน้อย.. มันไม่ยุติธรรมเอาเสียเลย
จริงๆแล้วที่อี้ซิงอยู่ได้โดยปราศจากเพื่อนก็เป็นเพราะอู๋ฟาน ไม่ใช่เพราะอี้ซิงเจออู๋ฟานเพียงคนเดียว อี้ซิงเจอชานยอลกับจงอินบ่อยกว่าอู๋ฟานเสียอีกเพราะสองคนนี้ต้องเอาอาหารมาให้ทุกมื้อ พาไปอาบน้ำบ้างล่ะ
ชานยอลเคยหลุดปากพูดว่าอู๋ฟานเป็นคนเลี้ยงอี้ซิงมาตั้งแต่เด็กเพราะพ่อแม่ของเขาตายไปหมดแล้ว พอชานยอลหลุดปากพูดปุ๊บก็รีบแก้ตัวบอกห้ามว่าอี้ซิงไม่ได้ยินอะไรทั้งสิ้นเพราะหากท่านอู๋ฟานรู้เรื่องเข้าเขาคงได้แน่ๆ และแน่นอนอี้ซิงเก็บเรื่องนั้นเป็นความลับไว้อย่างดีถึงแม้จะอยากรู้ก็ตาม
ก่อนหน้าที่จะรู้ความจริงอี้ซิงเคยคิดว่าอู๋ฟานเป็นพ่อ เขารักคนคนนี้ด้วยความรักแบบพ่อลูก แต่พอรู้ความจริงแล้วเขาก็เริ่มสับสนกับตัวเองและคิดว่ายังไงก็เป็นไปไม่ได้เพราะเขาก็แค่เด็กที่ถูกเก็บมาเลี้ยงคนหนึ่ง และอู๋ฟานก็มาหาเขาแบบนับครั้งได้เสียด้วยซ้ำ
หลังจากวันนั้นที่อี้ซิงร้องไห้อย่างรุนแรงผ่านไปเป็นเดือน อู๋ฟานเข้ามาหาอี้ซิงอีกครั้ง แต่ปฏิกิริยาของอี้ซิงคือการนั่งเงียบอยู่บนที่นอน และได้แต่หันหน้ามามองเท่านั้น
'นายควรจะดีใจที่ฉันมาหาสิ'อู๋ฟานคิดอยู่ในใจ
เขาเดินตรงไปนั่งอยู่ปลายเตียงแล้วมองอี้ซิงที่ทำสีหน้าเหม่อลอยมองออกไปนอกหน้าต่างด้วยหัวสมองที่โล่งเปล่า
"มองอะไรอยู่"
"ท้องฟ้าสวยดีนะครับ"
"อืม"
หลังจากบทสนทนาอันสั้นนั้นจบลงทั้งห้องก็เงียบสงัดจนได้ยินเพียงเสียงของเครื่องปรับอากาศทำงาน
"โกรธฉันอยู่หรือเปล่า"อู๋ฟานคิดว่าที่อี้ซิงเงียบใส่เขาแบบนี้คงเป็นเพราะโกรธเขาจากคราวก่อนอยู่แน่ๆ
"ท่านอู๋ฟานกินน้ำไหมครับเดี๋ยวผมไปรินให้"อี้ซิงเลี่ยงการตอบคำถาม ที่จริงเขาไม่ได้โกรธท่านอู๋ฟานหรอกแต่เขาโกรธตัวเองที่ทำให้ท่านอู๋ฟานไม่พอใจ
เขาเดินตรงไปที่โต๊ะกินข้าวกลางห้องแล้วหยิบแก้วน้ำที่ยังไม่ได้ใช้ขึ้นมาแล้วรินน้ำให้ เขาเดินถือแก้วน้ำนั้นเดินกลับมาที่เตียงได้ถึงครึ่งทางก็ทำมันตกแตกเสียงดันจนอู๋ฟานหันหน้าไปตามเสียง
อี้ซิงก้มตัวลงเก็บเศษแก้วนั้นด้วยมือเปล่า แต่แล้วเศษแล้วก็บาดมือเขาจนเลือดออก
"หยุด.. เดี๋ยวฉันเก็บเองนายออกไปก่อน"อู๋ฟานรีบเข้ามาห้ามก่อนที่อี้ซิงจะสร้างรอยแผลใหม่ขึ้นมาอีก
อี้ซิงรีบทำตามคำสั่งแต่โดยดี เขาไม่อยากทำให้อู๋ฟานโกรธอีกแล้ว เขานั่งลงบนเตียงแล้วมองมือของตัวเองที่โดนแก้วบาด เขามองเลือดสีแดงสดที่ไหลลงพื้นเป็นหยดจนนับไม่ถ้วน
ไม่นานนักอู๋ฟานก็เข้ามาหาอี้ซิงอีกครั้งพร้อมกับกล่องปฐมพยาบาล
เป็นแวมไพร์แล้วต้องมานั่งทำแผลให้กับมนุษย์มันช่างน่าหัวเราะสิ้นดี แน่นอนว่าเขาทนต่อกลิ่นเลือดได้ไม่งั้นอี้ซิงคงเสร็จเขาไปนานแล้วเพราะอี้ซิงน่ะตัวหอมจะตายไป แต่ความอดทนของเขาก็มีขีดจำกัดเช่นกัน
เขาจับมืออี้ซิงที่เต็มไปด้วยเลือดขึ้นมาก่อนจะหยิบทิชชู่ที่อยู่ในกล่องพยาบาลขึ้นมาซับ และแล้วเขาก็เริ่มทนกลิ่นคาวเลือดไม่ได้ มือเรียวยาวทั้งสองมือของเขาเริ่มสั่นเทา เขากัดฟันจนเส้นเลือดขึ้นหน้า
ยังไงต้องไม่ใช่เลือดของคนตรงหน้า..
อู๋ฟานก้มลงดูดและเลียเลือดที่อยู่บนมือของอี้ซิงจนสะอาด จากนั้นก็เริ่มดูดเลือดที่อยู่ปากแผลและดูดมันจนเขาเริ่มไม่ได้สติ ดวงตาของเขาเปลี่ยนเป็นสีแดงขึ้นทันใดที่เลือดกระจายอยู่ในร่างกายเขา เขาสูญเสียการควบคุมตัวเองไปแล้ว
ตัวของอี้ซิงซีดลงอย่างเห็นได้ชัดจนเจ้าตัวสังเกตได้ อี้ซิงไม่รู้ว่าเลือดคนนั้นมันกินได้ไหม แต่สังเกตจากคนตรงหน้าแล้วมันคงจะได้ แต่ถ้าให้เขาเลือกเขาจะไม่กินมันจะดีกว่า
"ท่านอู๋ฟาน.. อี้ซิงเจ็บ"เขารู้สึกเจ็บเพราะปากแผลโดนดูดจนบวมช้ำ
เสียงค้านของอี้ซิงเรียกสติอู๋ฟานให้กลับมา เขาถอนปากออกจากฝ่ามือซีดเซียวแล้วหายใจถี่.. เกือบแล้วไง ถ้าอี้ซิงเกิดปล่อยให้เขาดูดเลือดไปมากกว่านี้อี้ซิงคงตายแน่ๆ
"ขอโทษนะ"
"ไม่เป็นไรครับ"
ถ้าเป็นไปได้อี้ซิงจะพูดให้น้อยที่สุด และจะพูดเฉพาะเรื่องที่สำคัญเท่านั้น พูดเฉพาะเรื่องที่คิดว่าท่านอู๋ฟานพอใจ ส่วนเรื่องอื่นที่คิดว่าไม่ดีเขาจะเก็บไว้ในใจคนเดียวมันจะดีกว่า
"นอนพักก่อน.. นายเสียเลือดไปมากเดี๋ยวจะเป็นลมเอา"อู๋ฟานติดสก็อตเทปชิ้นสุดท้ายก่อนจะไล่ให้อี้ซิงไปนอน
"ขอบคุณครับ"
"งั้นฉันไม่กวนละ"
"ท่านช่วยอยู่เป็นเพื่อนผมก่อนผมจะนอนหลับได้ไหมครับ"อี้ซิงจับมือที่เย็นเฉียบของอู๋ฟานแล้วขอสิ่งที่เขาปรารถนามากที่สุด
"ได้สิ"ถ้ามันเป็นไถ่โทษความผิดของเขาได้เขาก็ยินดีที่จะทำ
อู๋ฟานวางกล่องปฐมพยาบาลลงแล้วนั่งบนเตียงพร้อมจัดผ้าห่มให้อี้ซิง มือซ้ายเขาจับมือซ้ายของอี้ซิงที่วางอยู่บนเตียงส่วนมือขวาก็จัดทรงผมที่ดูไม่เป็นทรงให้
อี้ซิงหลับตาลงแล้วยิ้มอยู่ในใจ ถึงท่านอู๋ฟานจะทำตามเพราะเขาขอ เขาไม่รู้ว่าการกระทำนั้นเต็มใจหรือไม่ แต่เขาก็มีความสุขเอามากๆ เขาอยากลืมตาเสียเหลือเกิน อยากมองดวงตาของท่านอู๋ฟานที่กำลังมองเขาตอนจัดทรงผมให้เขา อยากมองการกระทำของเขาทุกสิ่งทุกอย่าง
อู๋ฟานคิดว่าอี้ซิงหลับสนิทแล้วเพราะเวลามันผ่านมาได้สักพัก เขาค่อยๆปล่อยมือที่จับกับมืออี้ซิงช้าๆไม่ให้อี้ซิงตื่น
'อย่าเพิ่งไปได้ไหมครับ.. อี้ซิงยังไม่หลับเลยนะ'เขาคิดในใจ อยากพูดออกไปดังๆว่าอยู่ต่อได้ไหมแต่มันก็เป็นเพียงแค่ความคิดที่อยู่ในใจ
เมื่อมือของทั้งสองจากกันแล้ว เสียเปิดปิดประตูที่เกิดขึ้นทำให้อี้ซิงรู้ว่าอู๋ฟานได้ออกไปแล้ว เขาหลับตาอยู่อย่างนั้นแล้วปล่อยให้น้ำตาไหลออกมาจากหางตาเป็นสาย
คุณจะรักผมเท่ากับที่ผมรักคุณไหมนะ
วันเกิดปีที่สิบแปดของอี้ซิง
ตั้งแต่เช้าเขาเอาแต่เฝ้ารอว่าเมื่อไรประตูบานนี้จะเปิด เปิดออกมาพร้อมร่างสูงของท่านอู๋ฟาน เขาอยากให้วันเกิดเขาเป็นเหมือนกับปีที่แล้ว เขาได้กินสิ่งที่เรียกว่า 'เค้ก' เป็นครั้งแรก มันเป็นอะไรนิ่มๆรสชาติหวาน เขาชอบมันมากแต่ไม่เคยเรียกร้องท่านอู๋ฟานว่าอยากจะกินอีก มันน่าแปลกที่ท่านอู๋ฟานทนมองเขากินจนเค้กเกือบหมดโดยที่ท่านอู๋ฟานไม่ยอมกินอะไรเลยทั้งๆที่มันก็อร่อย
อู๋ฟานเปิดประตูเข้ามาพร้อมกับกระเป๋าใบหนึ่งแล้ววางมันบนเตียงนอน
"เก็บเสื้อผ้าของนายใส่กระเป๋าแล้วไปอยู่ห้องเดียวกับฉัน"
อี้ซิงไม่ได้หูฟาดไปใช่ไหม ท่านอู๋ฟานอนุญาตให้อี้ซิงไปอยู่ด้วย มันเป็นของขวัญวันเกิดที่ดีที่สุดเท่าที่อี้ซิงได้รับมาแล้ว
"ครับ"
TBC.
Talk!
เป็นยังไงบ้างค่ะตอนแรกจบไปแล้ว
ตัวหนังสือพรึบพรั่บ เพราะขี้เกียจเคาะบรรทัด 55555
ขอบคุณทุกคนที่ติดตามนะค่ะ อ่านคอมเม้นแล้วตื่นเต้นดี ><
สงสารม๊าเนอะ โดนป๊าใส่อารมณ์ไปครั้งเดียวกลายเป็นคนไม่ค่อยคุยกับใครไปเลย
T___T เศร้าจัง (ได้ข่าวแกแต่ง= =!)
ขอบอกไว้ก่อนว่า อาทิตย์หนึ่งจะมาลงได้แค่พาร์ทเดียวนะค่ะเพราะว่างานเยอะจริงๆ ยังไงก็ห้ามทิ้งกันไปนะ รักทุกคนจ้า
ความคิดเห็น