คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : ที่พึ่ง
“เป็นไงบ้างแบงค์พัน สบายดีไหมลูก”
แบงค์พันเหลือบมองไปที่บิดาก่อนจะนั่งลงฝั่งตรงข้าม
“สบายดีครับ พ่อวันนี้มีธุระอะไรหรือเปล่าครับ”
“เรือนหลังเล็กที่ว่างอยู่มีใครใช้หรือยัง”
“จะทำไมครับพ่อ” เสียงแบงค์สิบสอดแทรกขึ้นมา
แบงค์พันเลิกคิ้วมองพร้อมกับหันไปที่น้องชายกำลังยืนนิ่งอยู่
“นั่นสิครับ พ่อจะถามทำไมครับ แบงค์สิบมานั่งก่อน” น้องชายเดินมาพร้อมกับจ้องหน้าบิดา
“พ่อจะขอให้ตานนท์มาอยูที่นั่นสักเดือนสองเดือนนะลูก”
“อ้อ ลูกชายสุดรัก ทำไมพ่อไม่ขอบ้านหลังใหญ่ไปเลยแล้วให้พวกเราย้ายออกไปอยู่หลังเล็กแทนละครับ” แบงค์สิบอารมณ์ขึ้น
“ไอ้แบงค์สิบ” เสียงผู้เป็นบิดากร้าวแข็งขึ้นมา
“ยังไงฉันก็พ่อแกนะ”
“ตรงไหนครับพ่อ หน้าที่ที่ให้เกิดแค่นั้นส่วนที่เหลือมีแต่ความอับอาย”
“แกอายมากไหมที่ฉันเป็นพ่อแกหา”
“แบงค์สิบแกหยุดก่อน”
“พี่พัน พ่อเคยทำหน้าที่พ่อที่ดีไหม พ่อทิ้งแม่ แถมยังโกง ผมอายนะที่มีพ่อแบบนี้ แล้วพ่อกล้าที่จะใช้คำว่าพ่ออีกเหรอ”
เพลี๊ยะ เสียงฝ่ามือของผู้เป็นบิดากระทบกับแก้มของแบงค์สิบจังๆจนหน้าหันสั่นไปตามแรง
“แกจะโกรธจะเกลียดฉันยังไงก็ตาม แต่สิ่งที่แกจะไม่มีวันตัดขาดยังไงแกก็คือสายเลือดของฉัน คนที่ให้กำเนิดแก จำไว้”
“พ่อ พูดแบบนี้ผมว่าพ่อไม่เคยรู้จักหน้าที่ของพ่อเลยนะครับ” แบงค์พันบีบไหล่น้องชายที่ตอนนี้กำลังกำหมัดแน่น
“เอาเป็นว่าพ่ออยากจะทำอะไรก็เชิญครับ เพราะมันเป็นหน้าที่ของพ่อ”
“แบงค์พัน แบงค์สิบพ่อขอโทษ” เสียงผู้เป็นบิดาเอ่ยเบาๆออกมา
“ผมไม่ต้องการกองไว้นั่นและครับ” เสียงแบงค์สิบหลุดออกมาพร้อมกับลุกขึ้นเดินออกไปทันที
“แบงค์พันพ่อ ..”
“พ่อครับพ่อไม่เคยจริงๆเลยนะครับผมขอตัวนะครับ” แบงค์พันลุกขึ้นพร้อมกับยกมือไหว้แล้วรีบออกไปหาน้องชาย
ทันที ทิ้งให้บิดาทิ้งร่างทรุดนั่งที่โซฟาห้องรับแขกอย่างหมดแรง
“แบงค์สิบ จะไปไหน”
“ไม่รู้ปล่อยผมก่อนนะพี่ ผมไม่อยากเห็นหน้าเขาตอนนี้” แบงค์สิบหันมายิ้มบางๆพร้อมกับน้ำตาที่คลอๆรอบ
ดวงตา เด็กหนุ่มไม่ได้เจ็บเพราะถูกตบแต่เจ็บเพราะสิ่งที่ผู้เป็นพ่อทำมาให้เขากับพี่ชายมาตลอดตั้งแต่จำความได้นั่นแหละ
เด็กหนุ่มออกมาเรียกรถแท๊กซี่พร้อมกับขึ้นนั่งตอนนี้เด็กหนุ่มกำลังโหวงเหวงตัวเองอย่างที่สุด
น้ำตาที่กำลังคลอทำเอาเด็กหนุ่มยกมือป้ายพร้อมกับเงยหน้าพิงกับพนักเบาะรถ
ตลกจริงๆ.....
คนอย่างนายแบงค์สิบที่กำลังร้องไห้
เพราะพ่อของตัวเอง
ไหนว่าจะไม่มีวันเสียน้ำตาให้กับพ่อตัวเองอีกแล้ว
ไหนกันละ
“ขวัญคะมาเก็บผ้าเลยฝนตกแล้วเห็นไหม” เสียงยาหยีที่กำลังเก็บผ้าง่วนอยู่เรียกน้องสาวของตัวเองให้มาช่วย
“เจ้าคะ” เด็กสาวกระวีกระวาดมาช่วยพร้อมกับรับตะกร้าผ้ามาถือเอาไว้
“พิลึกเนอะพี่หยี จู่ๆฝนก็ตกซะงั้น ดีนะที่วันนี้ขวัญไม่มีเรียนพิเศษ”
“อืมเอาผ้าไปเก็บให้เรียบร้อยเลย แล้วถ้าอันไหนไม่แห้งก็เอา มาผึ่งด้วยนะคะขวัญ"
“รับทราบคะมายบรอเธอร์” เด็กสาวหัวเราะพร้อมกับถือตะกร้าเข้าไป
ติ้งต๋อง
“พี่หยีคะใครมา” เสียงถามดังจากภายในบ้านทำให้ยาหยีต้องหยิบร่มพร้อมกับเดินไปที่ประตูหน้าบ้าน
“เดี๋ยวพี่ไปดูก่อนนะคะ”
ยาหยีค่อยๆหมุนกุญแจออกพร้อมกับประตูที่ค่อยๆถูกดันเข้ามา
“นายธนบัตร”
แบงค์สิบมองหน้ายาหยีนิ่ง ฝนที่ตกลงมาทำเอาร่างสูงเปียกปอน ทำเอายาหยีต้องกางร่มกันฝน
“รบกวนหน่อยได้ไหมครับ”
“มีอะไรแล้วทำไมสีหน้านาย”
...........................
“นายถ้าไม่มีอะไรจะพูดก็เข้าไปหลบฝนก่อน เดี๋ยวจะไม่สบายเอามาทำเป็นพระเอกมิวสิคไปได้” ยาหยียัดร่มให้ไว้ในมือพร้อมกับหันตัวกลับ
หมับ
ร่างสูงโย่งของเด็กหนุ่มสวมกอดเอวของยาหยีจากทางด้านหลังพร้อมกับก้มหัวลงบนไหล่ของยาหยี
“ขอผมอยู่อย่างงี้สักพักได้ไหมครับผมไม่ไหวแล้วหยี” ยาหยีนึ่งอึ้งและรับรู้แรงสั่นสะอื้นน้อยๆของเด็กหนุ่ม
ใช่แล้ว
นายแบงค์สิบกำลังร้องไห้
และไม่อยากให้เขาเห็นความอ่อนแอนั่นเอง
ยาหยียืนนิ่งพร้อมกับปล่อยให้ร่างโยกซุกสะอื้นอยู่อย่างงั้นท่ามกลางสายฝนพรำ
ของขวัญค่อยๆปิดผ้าม่านลงพร้อมกับนั่งลงที่เก้าอี้
“พี่หยีรู้สึกกับนายแบงค์สิบเหรอ ไม่จริงใช่ไหมแบบนี้”
ธนบัตร THEME………
แค่เห็นหน้าใสนั่น ผมแทบอยากจะกอดเอาไว้
ไม่รู้สิผมว่าตอนนี้ผมแค่ต้องการใครสักคนที่เข้าใจผม
แต่ผมไม่เข้าใจว่าทำไมคนที่ผมคิดกับเป็น
“ไปส่งไหนครับ” คนขับแท็กซี่เอ่ยถามขึ้นมาทันทีที่เขาก้าวขึ้นรถ
“ทองหล่อ” นั่นแหละเป็นจุดหมายที่เขาคิดได้ในตอนนั้น
ทำไมต้องเป็นยาหยี
ข้อนี้ที่เขาไม่เข้าใจตัวเองจริงๆ
“นายถ้าไม่มีอะไรจะพูดก็เข้าไปหลบฝนก่อน เดี๋ยวจะไม่สบายเอามาทำเป็นพระเอกมิวสิคไปได้” ยาหยียัดร่มให้ไว้ในมือพร้อมกับหันตัวกลับ พอร่างเล็กนั่นหันตัวกลับไปความรู้สึกต้องการที่พักใจต้องการใครสักคนที่ไม่ให้เขารู้สึกว้าเหว่ก็ขึ้นมาพร้อมกับใช้แขนทั้งสองข้างสวมกอดไปที่เอวพร้อมกับเอาหัวตัวเองซบลงตรงไหล่ของร่างเล็กที่ยืนนิ่ง
“ขอผมอยู่อย่างงี้สักพักได้ไหมครับผมไม่ไหวแล้วหยี” ทันที่ที่เขาพูดจบน้ำตาที่อัดอันก็ไหลออกมาพร้อมกับร่างที่สั่นสะท้านจากการสะอื้นและสายฝนที่กำลังโปรยปราย
ไม่รู้ว่าอะไร
แต่ความรู้สึกตอนนี้
มันดูไม่เคว้งคว้างเหมือนตัวคนเดียว
เด็กหนุ่มคิดในใจพร้อมกับเอ่ยออกมาเบาๆ
“ขอบคุณนะคุณหยี”
ยาหยี THEME……………………
“นายธนบัตร” ยาหยีเบิกตาพร้อมกับแสดงอาการตกใจ แต่ที่ตกใจยิ่งกว่าคือสีหน้าที่เครียดซึมและขอบตาแดงๆ
มันไม่ใช่ใบหน้าที่เขาเคยเห็นมาก่อน
“มีอะไร แล้วทำไมสีหน้านาย” ยาหยีพยายามถามถึงสาเหตุเพราะดูจากสีหน้าและอาการแล้วท่าจะหนัก
พอควร
แต่ร่างโย่งใช้การถอนหายใจพร้อมกับเม้มริมฝีปากเหมือนกำลังกลั้นไว้อยู่
เมือ่ไม่มีคำตอบยาหยีจึงเลี่ยงที่จะให้เข้าไปหลบฝนเพราะดูจากสภาพที่เปียกซกขนาดนี้แสดงว่าเด็กหนุ่มใช้
เวลากว่าจะกดกริ่งพอสมควร
“นายถ้าไม่มีอะไรจะพูดก็เข้าไปหลบฝนก่อน เดี๋ยวจะไม่สบายเอามาทำเป็นพระเอกมิวสิคไปได้” ยาหยียัด
ร่มให้ไว้ในมือพร้อมกับหันตัวกลับ
หมับ
ทันที่ที่ถูกสวมกอดและซบลงตรงไหล่
“ขอผมอยู่อย่างงี้สักพักได้ไหมครับผมไม่ไหวแล้วหยี” ยาหยีนึ่งอึ้งและรับรู้แรงสั่นสะอื้นน้อยๆของเด็กหนุ่ม
ยาหยีจึงต้องให้ร่างโย่งกอดสวมแบบนั้นเอาไว้
เขาเข้าใจสิเวลาคนเราเจ็บปวด
ก็ย่อมต้องการใครสักคนที่เข้าใจ
หรือต้องการใครที่ไม่ทำให้ตัวเองเค้วงคว้าง
แรงสั่นสะอื้นน้อยๆนั้น
ทำให้ยาหยีหยุดและปล่อยให้ร่างนั้นกอดรัดท่ามกลางสายฝน
อย่างน้อยเด็กคนนี้ก็เคยช่วยเขาจากเรื่องแย่ๆ
เด็กน้อยก็เคยเห็นน้ำตาของเขา
และตอนนี้ก็แค่
ทดแทนกลับคืน
แค่นั้นใช่ไหมยาหยี.......................................
ความคิดเห็น