ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    That's your It's you {Yaoi BL} ใช่เลย...ต้องพี่เท่านั้น

    ลำดับตอนที่ #11 : ลำบากใจ

    • อัปเดตล่าสุด 28 ก.ย. 61


    12.57 น. @ หน้าห้องน้ำชายโรงเรียนแถวบางรัก

    RRRRRRRRRRRRRRRRRRRRRR

    เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นมาแทรกจังหวะพอดี   แบงค์สิบล้วงมือไปในกระเป๋ากางเกงนักเรียนพร้อมกับปรายตามองไปที่หน้าจอมือถือตัวเอง

    พลอย

      คือชื่อที่ปรากฎที่หน้าจอของเขา

    เด็กหนุ่มจิ๊ปากขึ้นมาทันทีด้วยความไม่สบายใจ

    ทำไมต้องตอนนี้และเวลานี้ด้วย

    ตอนที่เขาไม่สบอารมณ์อย่างยิ่งไม่อยากพูดไม่อยากคุย

    และไม่รู้ว่าจะสามารถควบคุมอารมณ์ตัวเองได้ดีแค่ไหน

    ยิ่งถ้าจะให้มาหวานแหววตอนนี้  มางอนมาง้อด้วย   ตาย.........

    บอกเลยนะไม่มีแน่นอน

    เพราะตอนนี้เด็กหนุ่มกำลังหงุดหงิด  วุ่นวายใจ 

     สับสนกับความคิดตัวเองอยู่  ทุกอย่างมันกำลังตีรวนกันไปหมด

    เด็กหนุ่มตัดสินใจเดินผ่านโอโม่พร้อมกับเอ่ยออกมาเสียงเบาราวกระซิบ

    "มึงไม่มีวันเข้าใจความรู้สึกกูหรอกไอ้โม่"

    โอโม่มองตามพร้อมกับพูดลอยๆพอให้เด็กหนุ่มผู้กำลังเดินไปได้ยิน

    "มึงต่างหากที่ไม่รู้ตัวเอง"

     

    "มีอะไรพลอย"   น้ำเสียงพยายามปรกติอย่างที่สุดตอนกรอกเสียงลงไป

    "แบงค์จำไม่ได้เหรอคะว่าวันนี้เรามีนัดทานข้าวกันนะและอีกอย่างแบงค์เป็นคนนัดเอง  พลอยแค่มาคอนเฟริมนะคะ

    ว่าไปแน่ใช่ไหม"

    ใช่แล้ว.....

    ช่วงนี้เขาไม่ได้สนใจใส่ใจอะไรพลอยเลยสักนิดเดียว

    แต่เป็นเพราะตัวเขาเอง

    เพราะ

    คนบางคนทำให้เขาสนใจ

    คนบางคนทำให้เขาใส่ใจ

    คนบางคนทำให้เขาอยากอยู่ใกล้

    คนบางคนที่เหมือนจะช่วยพยุงเขาได้เวลาล้ม

    คนที่เขาร้องไห้ได้เวลาเขารู้สึกท้อหรือเหนื่อยล้า

    คนที่เหมือนเป็นที่กำบังช่วยยึดเหนี่ยวจิตใจ

    คนที่เขารู้สึกดี  และรู้สึกพิเศษขึ้นเรื่อย

    และคนที่เขากำลังรู้สึกแปลกๆในหัวใจ

    คนที่กำลังมาอิทธิพลต่อตัวเขาและหัวใขของเขามากขึ้นทุกๆทีทุกขณะ

    เพราะอะไร........

    ยิ่งคิดถึงตอนสัมผัสแก้มละมุนนั้นทั้งสองครั้ง

    มันยังติดตรึงและกรุ่นอยู่ที่ปลายจมูกเขาถึงทุกวันนี้

    และที่เพิ่งผ่านไปที่เขาจูบเพราะอารมณ์ชั่ววูบเมื่อวันก่อนนั้น

    แบงค์สิบลูบไล้ริมฝีปากตัวเองเบาๆ  เหมอนจะพยายามเก็บทุกรสสัมผัสนั้นให้ลึกไปในริมฝีปากของตัวเอง

    หรือว่าตอนนี้เขาจะเริ่มเป็น

    เกย์   

    เรากำลังเบี่ยงเบนหรือไง

    แต่ถ้าเป็นอย่างนั้นทำไม........................

    หัวใจของเขากลับไม่รู้สึกทุกข์ร้อนอะไรมากนัก    

    แต่มันกลับบอกว่าเต็มใจ

    "แบงค์ฟังพลอยอยู่ไหมคะ"  เสียงที่แทรกเข้ามาแหววใส่ดังขึ้นจนทำให้เด็กหนุ่มกลับคืนสู่ภวังค์

    "ไปๆเหมือนเดิมแต่เลิกเรียนเจอกันละกัน ตอนนี้ติดงานอยู่นะ"   

    "เดี๋ยว  แบงค์       คิดถึงพลอยไหม   เราไม่ค่อยได้คุยกันเลยนะคะช่วงนี้"

    จะให้ตอบไงละ  ถ้าตามความจริงไม่เลย

     แต่ถ้าผู้หญิงอยากได้ยิน  คนอย่างเขาก็ทำให้ได้แม้มันจะแค่ไม่ตรงกับความจริง

    เด็กหนุ่มถอนหายใจก่อนจะพูดกลับไป

    "คิดถึงสิ   แต่ช่วงนี้เรียนหนักนะพลอย  งั้นเดี่ยวคุยกันนะครับ"

    พลอยยิ้มละไมขณะลดมือที่ถือโทรศัพท์ลง

    ทำใจหน่อยเถอะมีแฟนเป็นหนุ่มสุดฮอต

    เรียนดีกีฬาเด่น ดนตรีเลิศ แถมหล่อรวยเพอร์เฟคไปทุกอย่าง

    แต่จะว่าไปพลอยรู้เรื่องทางบ้านของแบงค์สิบแบบพื้นฐานไม่ได้เจาะลึกอะไรนัก

    เพราะเด็กหนุ่มไม่ค่อยจะเล่าอะไรให้ฟัง

     แม้แต่บ้านก็ยังไม่เคยไป

     แต่ในนิยามของความร่าเริงแบงค์สิบเป็นคนที่มีโลกส่วนตัวค่อนข้างสูง

    เรียกว่าเป็นอารต์ตัวพอคนนึงเลยทีเดียวพลอยหันไปมองที่เพื่อนที่กำลังกวักมือเรียกอยู่หน้าตึกพร้อมกับรีบเดินไป

    หาทันที

     

    ..............................................................................................................................................................

    14.45 น. @ ออฟฟิสย่านปทุมวัน

    วันนี้ยาหยีรู้สึกติดๆขัดๆไปหมด  ไม่มีสมาธิหลุดออกนอกวงโคจรตลอด   การสอนงานเด็กฝึกงานก็ไม่ค่อยจะลื่นไหล  ชายหนุ่มจึงวานให้แก้วใส เพื่อนรุ่นน้องช่วยสานต่อ  แล้วตัวยาหยีก็หลบมานั่งในห้องทำงานตัวเองพร้อมกับมองไปที่ข้างนอกตึกสลับกับการดูข้อความในโทรศัพท์ ของตัวเองไปมา

    ข้อความจากเด็กคนนั้น

    ทำไมเขารู้สึกไม่ดีเลย

    ทำไมรู้สึกผิดที่เขาไปเล่นเกมส์นั่น

    ทำไมรู้สึกตัวเองกำลังหวั่นไหว

    ไม่เคยมีอะไรดีเลยเหรอไง

    ไม่เคยมีความรู้สึกแย่เท่านี้มาก่อน

    การมีแฟนครั้งแรก            

         ก็ล้มเหลว

    การมีเพื่อนสนิทที่สุด                    

         ก็ล้มเหลว

    การเล่นเกมส์กับเด็กคนนั้น  

     ก็เหมือนจะแพ้

    แต่การตัดปัญหาเสียตั้งแต่ตอนนี้น่าจะดีที่สุดแล้วเพราะอีกหน่อยก็คงจะลบเลือนหายไปเอง

    ก้อนที่อยู่ข้างซ้ายไม่ใช่ก้อนหินนะ  ที่จะไม่รู้สึกรู้สาอะไรเลย

    มีเลือดเนื้อมีชีวิตมีความรู้สึก

    และนอกจากนั้น................................มันก็เจ็บเป็น

    ยาหยีไม่อยากเจ็บอีกแล้ว  ไม่พร้อมที่จะรับมืออะไรอีกแล้ว

    กว่าจะผ่านมาได้   ทรมานแค่ไหน  เหนื่อยล้าแค่ไหน    ปวดร้าวแค่ไหน

    ยาหยีถอนหายใจอีกครั้ง  ไม่รู้ว่าครั้งที่เท่าไรใรรอบวันนี้

    ก๊อกๆๆ

    เสียงเคาะประตูดังขึ้นพร้อมกับเสียงประตูที่ถูกเปิดเข้ามา

    ยาหยีนึกว่าเป็นแก้วใสเพื่อนรุนน้อง

    "ไงบ้างแก้วขอบคุณนะ"   และก็หยุดเพียงแค่นั้นเมื่อเห็นร่างที่เข้ามา

    ใบหน้าได้รูปกับการเซตผมอ่อนๆ ดวงตากลมโตรับกับคิ้วเข้มได้รูปจมูกที่เข้าทรงกับริมฝีปากบางที่ยิ้มทีเพื่อนรุ่น

    น้องอย่างแก้วใสเคยบอก

    "คนอะไรหล่อจนป้าๆน้ำหมากกระจาย"

    "ผมเองครับแบงค์พัน"    เด็กหนุ่มถือวิสาสะนั่งเก้าอี้พร้อมกับยิ้มโชว์ความหล่อ

    "หึไม่ต้องยิ้มมากไม่ใช่พวกป้าๆไม่ละลายหรอก"  ยาหยีหัวเราะร่วนกับรุ่นน้องที่มาฝึกงานที่บริษัท

    "วันนี้พี่หยีเป็นไรหรือเปล่า ดูแปลกๆ   เหมือนมีอะไรที่ค้างๆคาอยู่ มีอะไรไม่สบายใจหรือเปล่าครับ"

    "รู้ด้วยเหรอ  ช่างสังเกตุเกิน"   ยาหยีทำเสียงเล่นแต่คำตอบที่ได้รับทำเอาชายหนุ่มอึ้งและยอมรับความจริง

    "ไม่ใช่สังเกตุ    แต่มันคือการใส่ใจนะครับ  "

    ถูกของแบงค์พัน   ถูกของรุ่นน้องคนนี้ 

    ตั้งแต่สมัยเรียนแล้วรุ่นน้องคนนี้จะรู้ทันทุกอย่างเก็บทุกรายละเอียดของเขาได้หมด

    "มันหลายเรื่องเกินและที่แย่สุดก็คือ"   เสียงขาดหายไป

    "เรื่องพี่ปรางค์กับเนสใช่"  

    "พอเหอะ  อย่าพูดอีกดีกว่า"

    แบงค์พันพยักหน้าพร้อมกับเปิดประเด็นที่ทำให้เขาเคาะประตูเข้ามา

    "เย็นนี้ไปหาอะไรอร่อยๆทานกันเหอะพี่  ออกเร็วหน่อยแต่ไปกับพี่คงไม่น่าเกลียดเนอะ"

    "ดีเหมือนกัน"ยาหยียิ้มรับ   เขาอยากจะเบรคเรื่องราวหนักๆออกไปบ้าง

    "ไม่ใช่ไรหรอก  ตอนกลางวันผมไม่อิ่มเลยนะพี่หยีทานอาหารญี่ปุ่นไปนะครับ"     

    คราวนี้ยาหยีถึงกับหลุดหัวเราะออกมา   เพราะเมื่อกลางวันเจ้านายใหญ่เรียกประชุม  กว่าจะเสร็จก็เกือบบ่ายแล้ว

     ทั้งออฟฟิศจึงได้ทานมาม่ากันถ้วนทั่ว  

    พูดถึงตอนนี้ยาหยีก็เริ่มรู้สึกหิวแล้วเหมือนกัน

    คนชวนเดินออกไปแล้ว

    ยาหยีถอนหายใจครั้งที่เท่าไรแล้วก่อนจะค่อยๆพิงพนักเก้าอี้

    ปล่อยตัวเองจมดิ่งไปกับความคิดตัวเองต่อ

    เมื่อไหร่จะลืมได้  

    เรื่องที่ควรจำทำไมไม่จำ

    เรื่องที่ควรลืมกลับฝังใจ

    ยาหยีหยิบโทรศัพท์มากดดูข้อความอีกครั้ง

    ข้อความจากเด็กหนุ่มคนที่เจอที่รถไฟฟ้า

    คนที่เจอที่บ้านของตัวเอง

    คนที่มาช่วยเขาจากเหตุการณ์แย่ๆ

    คนที่ร้องไห้ให้เขาเห็น

    และคนที่.......ยาหยียกมือขึ้นลูบแก้มตัวเองเบาๆ

    กับริมฝีปากตัวเอง

     

    ...................................................................................................................................................................

     

     

    17.16 น.@ สยามสแควร์

     

                     ดีที่บริษัทของยาหยีอยุ่ไม่ไกลนักแค่ลัดเลาะตามซอยก็ออกมาโผล่ย่านนี้ได้  แต่ก็เสียเวลาวนหาที่จอด

    รถอยู่พอสมควร  

    "ตกลงนี่รู้ยังว่าจะทานที่ไหน"    ยาหยีเริ่มรู้สึกถึงความหิวแล้วที่กำลังเริ่มก่อกวน

    "โน่นไง"  แบงค์พันชี้ไปที่ร้านอาหารปากซอยฝั่งตรงข้ามข้างหน้านั่น

    ร้านนี้ประมาณสามคูหาแต่ตกแต่งด้วยโทนสีเชียวอ่อนที่แต่งสไตล์ไทยผสมยุโรป  และตกแต่งด้วยต้นไม้หลาก

    หลายพันธ์ทั้งไม้ดอกไม้เลื้อยราวกับโอเอซิสกลางป่าคอนกรีตดูสดชื่นและดูเก๋ไปในคราเดียวกัน

    "ร้านสวยนะเนี่ยดูสบายๆดี"

    "ร้านพี่แป๋วไง  พี่รหัสผมไงครับ"

    ทันทีที่แบงค์พันพูดจบภาพรุ่นน้องที่ไว้ผมม้าเต่อก็ผุดขึ้นมาทันที

    "แล้วนี้จองยังละท่าคนจะเยอะ"

    "เรียบร้อยแล้วครับ"

    แบงค์พันเปิดประตูร้านพร้อมกับเสียงพนักงานที่ถามมา

    "ไม่ทราบว่าจองไว้หรือยังคะ"     แบงค์พันพยักหน้าพร้อมกับบอกชื่อไป

     พนักงานจึงพาเขาเดินไปที่โต๊ะริมกระจกทางเดินที่ด้านนอกเป็นระแนงไม้ที่แขวนกล้วยไม้และแพงพวยที่กำลังบานสะพรั่ง  พร้อมกับละอองน้ำพ่นฝอยออกมาคล้ายน้ำตก  

    ทำให้ผ่อนคลายขึ้นเยอะเลยกับบรรยากาศสดชื่นแบบนี้

    ยาหยีกำลังเพลินก่อนจะถูกแบงค์พันสะกิดให้รับเมนู

    "ลายเซนต์เค้าเลยนะเนี่ยแป๋ว"  ยาหยีพูดถึงรุ่นน้องพร้อมกับหันมองไปมาทั่วร้านราวกับเด็กได้ของเล่นใหม่และกำลังเห่อ

    "สั่งก่อนเถอะพี่   หิวไม่ใช่เหรอครับ"   เสียงเตือนของรุ่นน้องทำเอารุ่นพี่หันมาสนใจเมนูโดยที่แบงค์พันคอยแอบลอบมองเป็นระยะ

    ยาหยีหันไปมองรอบๆหลังจากสั่งเมนูเรียบร้อยแล้วร่างสูงโย่งที่อยู่ตรงระแนงไม้ข้างกระจกในชุดนักเรียนนั่นกับเด็กคอนแวนต์ที่ยืนคู่กัน  แฝงความคุ้นเคยเอาไว้จนเจ้าตัวต้องเผลอหลุดปากออกมา

     "แบงค์สิบเหรอ"

    ไม่น่าจะใช่.....และก็ภาวนาอย่าให้ใช่เลย

    ไม่อยากเจอตอนนี้

    กรรมคงไม่ติดจรวดเร็วอะไรปานนั้น

    ไม่น่าจะ.................คิดได้เพียงแค่นั้น

    เมื่อประตูร้านเปิดออก  เด็กสาวที่เดินนำเข้ามาก่อนพร้อมกับร่างที่เข้ามานั่นทำให้ยาหยีแทบอยากจะมุดโต๊ะหายไปเสียจากตรงนี้ให้รู้แล้วรู้รอด

     เด็กหนุ่มผู้เดินตามหลังแฟนสาวพร้อมกับหันไปมองรอบๆร้านแล้วสายตาเขาก็ไปหยุดโฟกัสที่ร่างเล็กที่กำลังจ้องกลับมาที่เขาอยู่เช่นเดียวกัน

    แบงค์พันเหลือบมองยาหยีพร้อมกับหันไปมองตามสายตาของรุ่นพี่

    "ไอ้แบงค์สิบ"  พร้อมกับกวักมือเรียกน้องชายตัวเอง

    "พลอยไปนั่งก่อนนะเราเจอพี่ขอไปคุยแปปนะ"   เด็กสาวพยักหน้าพร้อมกับหันไปมองที่คนยกมือไหวๆอยู่

    ยาหยีแทบกลั้นหายใจเมื่อร่างสูงที่เดินปรี่จงใจนั่งลงข้างๆเขาพร้อมกับแอบเอาเข่าชนที่ขา

    "พี่พันมาทานที่นี่เหมือนกันเหรอครับ"

    "อืม นี่พี่หยีคนที่เล่าให้ฟังไง"  แบงค์สิบหันไปมองพร้อมกับตอบพี่ชาย

    "คุณหยีผมรู้จักเขามาแล้วพี่  รู้จักดีด้วยใช่ไหมครับ"  น้ำเสียงจงใจเน้นช้าชัดทำเอายาหยีแทบอยากจะปาแก้วน้ำใส่หน้าตากวนประสาท

    น่านัก

    "กวนตีน"    ยาหยีคิดในใจ

    "อ้าวจริงเหรอพี่หยีไม่เห็นบอกเลยว่ารู้จักน้องชายผมด้วย"

    "น้องชาย"        

     ตายกันเลยคราวนี้

    นั่นไง......ไปไม่ถูกและยาหยีเอ้ย

    "ก็ไม่รู้ว่าเป็นพี่น้องกันนิ    ที่รู้จักก็เพราะแบงค์สิบเป็นเพื่อนของคนที่มาจีบขวัญไง" 

    เลี่ยงไปแบบนี้พร้อมกับเหลือบไปมองคนที่กำลังคุมเกมนี้อยู่  ผู้คุมเกมยกริมฝีปากบางขึ้นเชิงเหยาะ

    "มั้งครับคุณหยี"

    "มากับแฟนเหรอสวยไม่เบาเลยนะ"    ผู้พี่เอ่ยออกมาเมื่อหันไปมองเด็กสาวที่มาด้วยของน้องชาย

    "งั้นไม่กวนดีกว่า่ผมจะให้พี่ได้ดูแลคนพิเศษของพี่ไปละกัน"  น้ำเสียงมันตัดพ้อแปลกๆ

    "อืมนายก็ไปดูคนพิเศษของนายเถอะคนพิเศษของพี่พี่ดูแลเอง"

    ยาหยีอยากคว่ำโต๊ะแล้วหายไปจากตรงนั้นทันที  

    เหมือนบรรยากาศเริ่มจะประทุอ่อนๆหางตาของแบงค์สิบที่เหลือบมองมาเหมือนจะสะท้องแววน้อยใจอยู่ชั่วครู่

    แต่ก็

    ทันให้ยาหยีสังเกตเห็นทัน

    หมดกันมื้อนี้

    ว่าจะให้อร่อยซะหน่อย

    ...........................................................................................................................................

     

    "เห็นไหมเนสดีนะที่ปรางค์สั่งเพิ่มไม่งั้นไม่พอแจกแน่ๆ"   หญิงสาวในชุดทะมัดทะแมงกับกางเกงยีนส์ขาดสีดำทรงเดฟเน้นเรียวขาเปิดกล่องการด์เชิญงานแต่งพร้อมกับบ่น

    "หาไรกินก่อนไหมหิวแล้วนะปรางค์"  ชายหนุ่มหันมามองก่อนจะหยุดเดิน

    เพราะตั้งแต่ออกมากว่าหกชั่วโมงแล้วที่ต้องมานั่งรอในรถที่ติดสุดๆและร้านการด์ที่กว่าจะพิมพ์เสร็จ

    "อ้้อ  งั้นแถวนี้ร้านยายแป๋วไง   แถวนี้เองไปเลยไม่ไกล"  

    หญิงสาวปิดกล่องพร้อมกับเดินคล้องแขนชายหนุ่มไปยังจุดหมาย

    "อย่าโมโหหิวสิ"  หญิงสาวยิ้มพรายพร้อมกับผลักประตูเข้าไป

    "จองไว้ไหมคะ"        พนักงานหน้าร้านถามเมื่อเห็นผู้เข้ามาใหม่

    "ไม่ได้จองคะ  เต็มเหรอคะ"    หล่อนมองไปรอบๆก่อนจะไปหยุดที่โต๊ะน้องสาวตัวเอง

    "ยายพลอยนี่เนส"     หล่อนยิ้มพรายก่อนหันไปบอกพนักงาน

    "ไม่ได้จองแต่มีโต๊ะน้องแล้วคะขอเก้าอี้กับจานเพิ่มสองที่นะคะ"    หล่อนพูดพร้อมกับเดินตรงไปที่โต๊ะน้องตัวเอง

    "พลอยโต๊ะเต็มขอพี่กับพี่เนสนั่งด้วยนะ"    เสียงคุ้นหูทำเอาพลอยเงยหน้าขึ้นมอง

    "พี่ปรางค์สวัสดีคะ พี่เนสสวัสดีคะ  ได้เลยคะ"  ปรางค์รับไหว้พร้อมกับเนสที่หันไปมองคนนั่งร่วมโต๊ะของน้องสาว

    "แบงค์นี่พี่เรากับคู่หมั้น  พี่ปรางค์กับเนส"

    แคร้ง  เสียงช้อนของแบงค์สิบหลุดมือกระทบกับจานพร้อมกับค่อยๆเงยหน้าขึ้นมองไปที่พลอย

    เหมาะเจาะไปหมดงานเข้าแล้วนายแบงค์สิบ เอ๋ย.....................................................................................................................................................................................................................

    "เนสกับปรางค์นี่"   เสียงอุทานออกมาจากปากของยาหยีทำเอาแบงค์พันต้องหันไปมองยังสองคนนั้นเช่นกัน

     

     

     

     

     

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×