คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #11 : ลำบากใจ
12.57 น. @ หน้าห้องน้ำชายโรงเรียนแถวบางรัก
RRRRRRRRRRRRRRRRRRRRRR
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นมาแทรกจังหวะพอดี แบงค์สิบล้วงมือไปในกระเป๋ากางเกงนักเรียนพร้อมกับปรายตามองไปที่หน้าจอมือถือตัวเอง
พลอย
คือชื่อที่ปรากฎที่หน้าจอของเขา
เด็กหนุ่มจิ๊ปากขึ้นมาทันทีด้วยความไม่สบายใจ
ทำไมต้องตอนนี้และเวลานี้ด้วย
ตอนที่เขาไม่สบอารมณ์อย่างยิ่งไม่อยากพูดไม่อยากคุย
และไม่รู้ว่าจะสามารถควบคุมอารมณ์ตัวเองได้ดีแค่ไหน
ยิ่งถ้าจะให้มาหวานแหววตอนนี้ มางอนมาง้อด้วย ตาย.........
บอกเลยนะไม่มีแน่นอน
เพราะตอนนี้เด็กหนุ่มกำลังหงุดหงิด วุ่นวายใจ
สับสนกับความคิดตัวเองอยู่ ทุกอย่างมันกำลังตีรวนกันไปหมด
เด็กหนุ่มตัดสินใจเดินผ่านโอโม่พร้อมกับเอ่ยออกมาเสียงเบาราวกระซิบ
"มึงไม่มีวันเข้าใจความรู้สึกกูหรอกไอ้โม่"
โอโม่มองตามพร้อมกับพูดลอยๆพอให้เด็กหนุ่มผู้กำลังเดินไปได้ยิน
"มึงต่างหากที่ไม่รู้ตัวเอง"
"มีอะไรพลอย" น้ำเสียงพยายามปรกติอย่างที่สุดตอนกรอกเสียงลงไป
"แบงค์จำไม่ได้เหรอคะว่าวันนี้เรามีนัดทานข้าวกันนะและอีกอย่างแบงค์เป็นคนนัดเอง พลอยแค่มาคอนเฟริมนะคะ
ว่าไปแน่ใช่ไหม"
ใช่แล้ว.....
ช่วงนี้เขาไม่ได้สนใจใส่ใจอะไรพลอยเลยสักนิดเดียว
แต่เป็นเพราะตัวเขาเอง
เพราะ
คนบางคนทำให้เขาสนใจ
คนบางคนทำให้เขาใส่ใจ
คนบางคนทำให้เขาอยากอยู่ใกล้
คนบางคนที่เหมือนจะช่วยพยุงเขาได้เวลาล้ม
คนที่เขาร้องไห้ได้เวลาเขารู้สึกท้อหรือเหนื่อยล้า
คนที่เหมือนเป็นที่กำบังช่วยยึดเหนี่ยวจิตใจ
คนที่เขารู้สึกดี และรู้สึกพิเศษขึ้นเรื่อย
และคนที่เขากำลังรู้สึกแปลกๆในหัวใจ
คนที่กำลังมาอิทธิพลต่อตัวเขาและหัวใขของเขามากขึ้นทุกๆทีทุกขณะ
เพราะอะไร........
ยิ่งคิดถึงตอนสัมผัสแก้มละมุนนั้นทั้งสองครั้ง
มันยังติดตรึงและกรุ่นอยู่ที่ปลายจมูกเขาถึงทุกวันนี้
และที่เพิ่งผ่านไปที่เขาจูบเพราะอารมณ์ชั่ววูบเมื่อวันก่อนนั้น
แบงค์สิบลูบไล้ริมฝีปากตัวเองเบาๆ เหมอนจะพยายามเก็บทุกรสสัมผัสนั้นให้ลึกไปในริมฝีปากของตัวเอง
หรือว่าตอนนี้เขาจะเริ่มเป็น
เกย์
เรากำลังเบี่ยงเบนหรือไง
แต่ถ้าเป็นอย่างนั้นทำไม........................
หัวใจของเขากลับไม่รู้สึกทุกข์ร้อนอะไรมากนัก
แต่มันกลับบอกว่าเต็มใจ
"แบงค์ฟังพลอยอยู่ไหมคะ" เสียงที่แทรกเข้ามาแหววใส่ดังขึ้นจนทำให้เด็กหนุ่มกลับคืนสู่ภวังค์
"ไปๆเหมือนเดิมแต่เลิกเรียนเจอกันละกัน ตอนนี้ติดงานอยู่นะ"
"เดี๋ยว แบงค์ คิดถึงพลอยไหม เราไม่ค่อยได้คุยกันเลยนะคะช่วงนี้"
จะให้ตอบไงละ ถ้าตามความจริงไม่เลย
แต่ถ้าผู้หญิงอยากได้ยิน คนอย่างเขาก็ทำให้ได้แม้มันจะแค่ไม่ตรงกับความจริง
เด็กหนุ่มถอนหายใจก่อนจะพูดกลับไป
"คิดถึงสิ แต่ช่วงนี้เรียนหนักนะพลอย งั้นเดี่ยวคุยกันนะครับ"
พลอยยิ้มละไมขณะลดมือที่ถือโทรศัพท์ลง
ทำใจหน่อยเถอะมีแฟนเป็นหนุ่มสุดฮอต
เรียนดีกีฬาเด่น ดนตรีเลิศ แถมหล่อรวยเพอร์เฟคไปทุกอย่าง
แต่จะว่าไปพลอยรู้เรื่องทางบ้านของแบงค์สิบแบบพื้นฐานไม่ได้เจาะลึกอะไรนัก
เพราะเด็กหนุ่มไม่ค่อยจะเล่าอะไรให้ฟัง
แม้แต่บ้านก็ยังไม่เคยไป
แต่ในนิยามของความร่าเริงแบงค์สิบเป็นคนที่มีโลกส่วนตัวค่อนข้างสูง
เรียกว่าเป็นอารต์ตัวพอคนนึงเลยทีเดียวพลอยหันไปมองที่เพื่อนที่กำลังกวักมือเรียกอยู่หน้าตึกพร้อมกับรีบเดินไป
หาทันที
..............................................................................................................................................................
14.45 น. @ ออฟฟิสย่านปทุมวัน
วันนี้ยาหยีรู้สึกติดๆขัดๆไปหมด ไม่มีสมาธิหลุดออกนอกวงโคจรตลอด การสอนงานเด็กฝึกงานก็ไม่ค่อยจะลื่นไหล ชายหนุ่มจึงวานให้แก้วใส เพื่อนรุ่นน้องช่วยสานต่อ แล้วตัวยาหยีก็หลบมานั่งในห้องทำงานตัวเองพร้อมกับมองไปที่ข้างนอกตึกสลับกับการดูข้อความในโทรศัพท์ ของตัวเองไปมา
ข้อความจากเด็กคนนั้น
ทำไมเขารู้สึกไม่ดีเลย
ทำไมรู้สึกผิดที่เขาไปเล่นเกมส์นั่น
ทำไมรู้สึกตัวเองกำลังหวั่นไหว
ไม่เคยมีอะไรดีเลยเหรอไง
ไม่เคยมีความรู้สึกแย่เท่านี้มาก่อน
การมีแฟนครั้งแรก
ก็ล้มเหลว
การมีเพื่อนสนิทที่สุด
ก็ล้มเหลว
การเล่นเกมส์กับเด็กคนนั้น
ก็เหมือนจะแพ้
แต่การตัดปัญหาเสียตั้งแต่ตอนนี้น่าจะดีที่สุดแล้วเพราะอีกหน่อยก็คงจะลบเลือนหายไปเอง
ก้อนที่อยู่ข้างซ้ายไม่ใช่ก้อนหินนะ ที่จะไม่รู้สึกรู้สาอะไรเลย
มีเลือดเนื้อมีชีวิตมีความรู้สึก
และนอกจากนั้น................................มันก็เจ็บเป็น
ยาหยีไม่อยากเจ็บอีกแล้ว ไม่พร้อมที่จะรับมืออะไรอีกแล้ว
กว่าจะผ่านมาได้ ทรมานแค่ไหน เหนื่อยล้าแค่ไหน ปวดร้าวแค่ไหน
ยาหยีถอนหายใจอีกครั้ง ไม่รู้ว่าครั้งที่เท่าไรใรรอบวันนี้
ก๊อกๆๆ
เสียงเคาะประตูดังขึ้นพร้อมกับเสียงประตูที่ถูกเปิดเข้ามา
ยาหยีนึกว่าเป็นแก้วใสเพื่อนรุนน้อง
"ไงบ้างแก้วขอบคุณนะ" และก็หยุดเพียงแค่นั้นเมื่อเห็นร่างที่เข้ามา
ใบหน้าได้รูปกับการเซตผมอ่อนๆ ดวงตากลมโตรับกับคิ้วเข้มได้รูปจมูกที่เข้าทรงกับริมฝีปากบางที่ยิ้มทีเพื่อนรุ่น
น้องอย่างแก้วใสเคยบอก
"คนอะไรหล่อจนป้าๆน้ำหมากกระจาย"
"ผมเองครับแบงค์พัน" เด็กหนุ่มถือวิสาสะนั่งเก้าอี้พร้อมกับยิ้มโชว์ความหล่อ
"หึไม่ต้องยิ้มมากไม่ใช่พวกป้าๆไม่ละลายหรอก" ยาหยีหัวเราะร่วนกับรุ่นน้องที่มาฝึกงานที่บริษัท
"วันนี้พี่หยีเป็นไรหรือเปล่า ดูแปลกๆ เหมือนมีอะไรที่ค้างๆคาอยู่ มีอะไรไม่สบายใจหรือเปล่าครับ"
"รู้ด้วยเหรอ ช่างสังเกตุเกิน" ยาหยีทำเสียงเล่นแต่คำตอบที่ได้รับทำเอาชายหนุ่มอึ้งและยอมรับความจริง
"ไม่ใช่สังเกตุ แต่มันคือการใส่ใจนะครับ "
ถูกของแบงค์พัน ถูกของรุ่นน้องคนนี้
ตั้งแต่สมัยเรียนแล้วรุ่นน้องคนนี้จะรู้ทันทุกอย่างเก็บทุกรายละเอียดของเขาได้หมด
"มันหลายเรื่องเกินและที่แย่สุดก็คือ" เสียงขาดหายไป
"เรื่องพี่ปรางค์กับเนสใช่"
"พอเหอะ อย่าพูดอีกดีกว่า"
แบงค์พันพยักหน้าพร้อมกับเปิดประเด็นที่ทำให้เขาเคาะประตูเข้ามา
"เย็นนี้ไปหาอะไรอร่อยๆทานกันเหอะพี่ ออกเร็วหน่อยแต่ไปกับพี่คงไม่น่าเกลียดเนอะ"
"ดีเหมือนกัน"ยาหยียิ้มรับ เขาอยากจะเบรคเรื่องราวหนักๆออกไปบ้าง
"ไม่ใช่ไรหรอก ตอนกลางวันผมไม่อิ่มเลยนะพี่หยีทานอาหารญี่ปุ่นไปนะครับ"
คราวนี้ยาหยีถึงกับหลุดหัวเราะออกมา เพราะเมื่อกลางวันเจ้านายใหญ่เรียกประชุม กว่าจะเสร็จก็เกือบบ่ายแล้ว
ทั้งออฟฟิศจึงได้ทานมาม่ากันถ้วนทั่ว
พูดถึงตอนนี้ยาหยีก็เริ่มรู้สึกหิวแล้วเหมือนกัน
คนชวนเดินออกไปแล้ว
ยาหยีถอนหายใจครั้งที่เท่าไรแล้วก่อนจะค่อยๆพิงพนักเก้าอี้
ปล่อยตัวเองจมดิ่งไปกับความคิดตัวเองต่อ
เมื่อไหร่จะลืมได้
เรื่องที่ควรจำทำไมไม่จำ
เรื่องที่ควรลืมกลับฝังใจ
ยาหยีหยิบโทรศัพท์มากดดูข้อความอีกครั้ง
ข้อความจากเด็กหนุ่มคนที่เจอที่รถไฟฟ้า
คนที่เจอที่บ้านของตัวเอง
คนที่มาช่วยเขาจากเหตุการณ์แย่ๆ
คนที่ร้องไห้ให้เขาเห็น
และคนที่.......ยาหยียกมือขึ้นลูบแก้มตัวเองเบาๆ
กับริมฝีปากตัวเอง
...................................................................................................................................................................
17.16 น.@ สยามสแควร์
ดีที่บริษัทของยาหยีอยุ่ไม่ไกลนักแค่ลัดเลาะตามซอยก็ออกมาโผล่ย่านนี้ได้ แต่ก็เสียเวลาวนหาที่จอด
รถอยู่พอสมควร
"ตกลงนี่รู้ยังว่าจะทานที่ไหน" ยาหยีเริ่มรู้สึกถึงความหิวแล้วที่กำลังเริ่มก่อกวน
"โน่นไง" แบงค์พันชี้ไปที่ร้านอาหารปากซอยฝั่งตรงข้ามข้างหน้านั่น
ร้านนี้ประมาณสามคูหาแต่ตกแต่งด้วยโทนสีเชียวอ่อนที่แต่งสไตล์ไทยผสมยุโรป และตกแต่งด้วยต้นไม้หลาก
หลายพันธ์ทั้งไม้ดอกไม้เลื้อยราวกับโอเอซิสกลางป่าคอนกรีตดูสดชื่นและดูเก๋ไปในคราเดียวกัน
"ร้านสวยนะเนี่ยดูสบายๆดี"
"ร้านพี่แป๋วไง พี่รหัสผมไงครับ"
ทันทีที่แบงค์พันพูดจบภาพรุ่นน้องที่ไว้ผมม้าเต่อก็ผุดขึ้นมาทันที
"แล้วนี้จองยังละท่าคนจะเยอะ"
"เรียบร้อยแล้วครับ"
แบงค์พันเปิดประตูร้านพร้อมกับเสียงพนักงานที่ถามมา
"ไม่ทราบว่าจองไว้หรือยังคะ" แบงค์พันพยักหน้าพร้อมกับบอกชื่อไป
พนักงานจึงพาเขาเดินไปที่โต๊ะริมกระจกทางเดินที่ด้านนอกเป็นระแนงไม้ที่แขวนกล้วยไม้และแพงพวยที่กำลังบานสะพรั่ง พร้อมกับละอองน้ำพ่นฝอยออกมาคล้ายน้ำตก
ทำให้ผ่อนคลายขึ้นเยอะเลยกับบรรยากาศสดชื่นแบบนี้
ยาหยีกำลังเพลินก่อนจะถูกแบงค์พันสะกิดให้รับเมนู
"ลายเซนต์เค้าเลยนะเนี่ยแป๋ว" ยาหยีพูดถึงรุ่นน้องพร้อมกับหันมองไปมาทั่วร้านราวกับเด็กได้ของเล่นใหม่และกำลังเห่อ
"สั่งก่อนเถอะพี่ หิวไม่ใช่เหรอครับ" เสียงเตือนของรุ่นน้องทำเอารุ่นพี่หันมาสนใจเมนูโดยที่แบงค์พันคอยแอบลอบมองเป็นระยะ
ยาหยีหันไปมองรอบๆหลังจากสั่งเมนูเรียบร้อยแล้วร่างสูงโย่งที่อยู่ตรงระแนงไม้ข้างกระจกในชุดนักเรียนนั่นกับเด็กคอนแวนต์ที่ยืนคู่กัน แฝงความคุ้นเคยเอาไว้จนเจ้าตัวต้องเผลอหลุดปากออกมา
"แบงค์สิบเหรอ"
ไม่น่าจะใช่.....และก็ภาวนาอย่าให้ใช่เลย
ไม่อยากเจอตอนนี้
กรรมคงไม่ติดจรวดเร็วอะไรปานนั้น
ไม่น่าจะ.................คิดได้เพียงแค่นั้น
เมื่อประตูร้านเปิดออก เด็กสาวที่เดินนำเข้ามาก่อนพร้อมกับร่างที่เข้ามานั่นทำให้ยาหยีแทบอยากจะมุดโต๊ะหายไปเสียจากตรงนี้ให้รู้แล้วรู้รอด
เด็กหนุ่มผู้เดินตามหลังแฟนสาวพร้อมกับหันไปมองรอบๆร้านแล้วสายตาเขาก็ไปหยุดโฟกัสที่ร่างเล็กที่กำลังจ้องกลับมาที่เขาอยู่เช่นเดียวกัน
แบงค์พันเหลือบมองยาหยีพร้อมกับหันไปมองตามสายตาของรุ่นพี่
"ไอ้แบงค์สิบ" พร้อมกับกวักมือเรียกน้องชายตัวเอง
"พลอยไปนั่งก่อนนะเราเจอพี่ขอไปคุยแปปนะ" เด็กสาวพยักหน้าพร้อมกับหันไปมองที่คนยกมือไหวๆอยู่
ยาหยีแทบกลั้นหายใจเมื่อร่างสูงที่เดินปรี่จงใจนั่งลงข้างๆเขาพร้อมกับแอบเอาเข่าชนที่ขา
"พี่พันมาทานที่นี่เหมือนกันเหรอครับ"
"อืม นี่พี่หยีคนที่เล่าให้ฟังไง" แบงค์สิบหันไปมองพร้อมกับตอบพี่ชาย
"คุณหยีผมรู้จักเขามาแล้วพี่ รู้จักดีด้วยใช่ไหมครับ" น้ำเสียงจงใจเน้นช้าชัดทำเอายาหยีแทบอยากจะปาแก้วน้ำใส่หน้าตากวนประสาท
น่านัก
"กวนตีน" ยาหยีคิดในใจ
"อ้าวจริงเหรอพี่หยีไม่เห็นบอกเลยว่ารู้จักน้องชายผมด้วย"
"น้องชาย"
ตายกันเลยคราวนี้
นั่นไง......ไปไม่ถูกและยาหยีเอ้ย
"ก็ไม่รู้ว่าเป็นพี่น้องกันนิ ที่รู้จักก็เพราะแบงค์สิบเป็นเพื่อนของคนที่มาจีบขวัญไง"
เลี่ยงไปแบบนี้พร้อมกับเหลือบไปมองคนที่กำลังคุมเกมนี้อยู่ ผู้คุมเกมยกริมฝีปากบางขึ้นเชิงเหยาะ
"มั้งครับคุณหยี"
"มากับแฟนเหรอสวยไม่เบาเลยนะ" ผู้พี่เอ่ยออกมาเมื่อหันไปมองเด็กสาวที่มาด้วยของน้องชาย
"งั้นไม่กวนดีกว่า่ผมจะให้พี่ได้ดูแลคนพิเศษของพี่ไปละกัน" น้ำเสียงมันตัดพ้อแปลกๆ
"อืมนายก็ไปดูคนพิเศษของนายเถอะคนพิเศษของพี่พี่ดูแลเอง"
ยาหยีอยากคว่ำโต๊ะแล้วหายไปจากตรงนั้นทันที
เหมือนบรรยากาศเริ่มจะประทุอ่อนๆหางตาของแบงค์สิบที่เหลือบมองมาเหมือนจะสะท้องแววน้อยใจอยู่ชั่วครู่
แต่ก็
ทันให้ยาหยีสังเกตเห็นทัน
หมดกันมื้อนี้
ว่าจะให้อร่อยซะหน่อย
...........................................................................................................................................
"เห็นไหมเนสดีนะที่ปรางค์สั่งเพิ่มไม่งั้นไม่พอแจกแน่ๆ" หญิงสาวในชุดทะมัดทะแมงกับกางเกงยีนส์ขาดสีดำทรงเดฟเน้นเรียวขาเปิดกล่องการด์เชิญงานแต่งพร้อมกับบ่น
"หาไรกินก่อนไหมหิวแล้วนะปรางค์" ชายหนุ่มหันมามองก่อนจะหยุดเดิน
เพราะตั้งแต่ออกมากว่าหกชั่วโมงแล้วที่ต้องมานั่งรอในรถที่ติดสุดๆและร้านการด์ที่กว่าจะพิมพ์เสร็จ
"อ้้อ งั้นแถวนี้ร้านยายแป๋วไง แถวนี้เองไปเลยไม่ไกล"
หญิงสาวปิดกล่องพร้อมกับเดินคล้องแขนชายหนุ่มไปยังจุดหมาย
"อย่าโมโหหิวสิ" หญิงสาวยิ้มพรายพร้อมกับผลักประตูเข้าไป
"จองไว้ไหมคะ" พนักงานหน้าร้านถามเมื่อเห็นผู้เข้ามาใหม่
"ไม่ได้จองคะ เต็มเหรอคะ" หล่อนมองไปรอบๆก่อนจะไปหยุดที่โต๊ะน้องสาวตัวเอง
"ยายพลอยนี่เนส" หล่อนยิ้มพรายก่อนหันไปบอกพนักงาน
"ไม่ได้จองแต่มีโต๊ะน้องแล้วคะขอเก้าอี้กับจานเพิ่มสองที่นะคะ" หล่อนพูดพร้อมกับเดินตรงไปที่โต๊ะน้องตัวเอง
"พลอยโต๊ะเต็มขอพี่กับพี่เนสนั่งด้วยนะ" เสียงคุ้นหูทำเอาพลอยเงยหน้าขึ้นมอง
"พี่ปรางค์สวัสดีคะ พี่เนสสวัสดีคะ ได้เลยคะ" ปรางค์รับไหว้พร้อมกับเนสที่หันไปมองคนนั่งร่วมโต๊ะของน้องสาว
"แบงค์นี่พี่เรากับคู่หมั้น พี่ปรางค์กับเนส"
แคร้ง เสียงช้อนของแบงค์สิบหลุดมือกระทบกับจานพร้อมกับค่อยๆเงยหน้าขึ้นมองไปที่พลอย
เหมาะเจาะไปหมดงานเข้าแล้วนายแบงค์สิบ เอ๋ย.....................................................................................................................................................................................................................
"เนสกับปรางค์นี่" เสียงอุทานออกมาจากปากของยาหยีทำเอาแบงค์พันต้องหันไปมองยังสองคนนั้นเช่นกัน
ความคิดเห็น