ตอนที่ 60 : Before the Dark I: Meet again
Before the Dark I: Meet again
7 พฤษภาคม 1971
มันคือวันที่ชีวิตของเธอต้องพลิกผัน ชีวิตเป็นสุขที่อยู่กันตามประสาพ่อแม่ลูกจบลง เนื่องจากการปรากฏตัวของคน ๆ หนึ่ง ที่แม้กระทั่งตอนนี้ เธอก็ยังเกลียดเขาอยู่เช่นเคย
หลังจากโวลเดอมอร์ฆ่าพ่อกับแม่ของเธอในวันนั้น อีเล็กตราก็ใช้ชีวิตที่ไม่ต่างอะไรเลยกับลูกบลัดเจอร์ในสนามควิชดิช ที่ไม่ว่าจะลอยไปหาใคร ก็มักจะถูกตีกลับไปหาคนอื่นอยู่เรื่อย ๆ
เธอพึ่งอายุเจ็ดขวบตอนเกิดเรื่อง ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้ที่จะให้เธอใช้ชีวิตเองโดยไม่มีคนดูแลอย่างเหมาะสม แม้ว่าพ่อกับแม่จะทิ้งมรดกที่ทั้งชาติก็ไม่มีทางใช้หมดเอาไว้ให้ เธอก็ไม่สามารถจะอยู่คนเดียวได้ แต่ก็หาคนที่อาสาจะอุปการะเธอได้ยากยิ่งกว่างมเข็มในมหาสมุทร เพราะพวกแบล็กแต่ละคนครอบครัวค่อนข้างเห็นแก่ตัว และบางส่วนก็หวาดกลัวเกินกว่าจะรับเด็กที่พ่อกับแม่ของเธอโดนจ้าวแห่งศาสตร์มืดสังหารมาอยู่ด้วยกันได้
แต่หลังจากการประชุมใหญ่ของคนในตระกูล พวกเขาก็ได้ข้อสรุปว่าหลังจากนี้ เธอจะต้องไปอาศัยอยู่กับซิกนัส แบล็ก เขามีศักดิ์เป็นลุง เพราะเป็นพี่ชายฝาแฝดของพ่อของเธอ ในตอนนั้นเขามีลูกสาวอยู่แล้วสามคน นั่นคือเบลลาทริกซ์ อันโดรเมดา และนาร์ซิสซา
ชีวิตที่บ้านหลังนี้ค่อนข้างแย่สำหรับเธอ แม้ว่าซิกนัสจะดูแลเธอเหมือนลูกสาวคนที่สี่ แต่ดรูเอลล่าที่เป็นภรรยาของเขานั้นไม่ใช่ ตั้งแต่มีมติให้เธอมาอยู่กับพวกเขา หล่อนก็อยากค้านใจจะขาด ด้วยกลัวว่าจ้าวแห่งศาสตร์มืดจะตามมาฆ่าล้างตระกูลตนเองด้วยเหมือนกัน แต่ก็ไม่สามารถแก้มติของผู้อาวุโสได้ ทำให้หล่อนไม่เคยมาสนใจใยดีในตัวของอีเล็กตราเลยแม้แต่ครั้งเดียว
ส่วนเรื่องราวระหว่างสามสาวพี่น้องก็ใช่ว่าจะดีนัก...
เบลลาทริกซ์เกลียดเธอ หล่อนที่เรียนจบจากฮอกวอตส์มาได้สามปีกว่า ใช้ชีวิตอยู่ในบ้านเหมือนคนว่างงาน วัน ๆ ก็เอาแต่มาพูดกระทบเรื่องที่เธอเป็นลูกของคนทรยศที่โดนจอมมารตามฆ่าจนไม่มีที่อยู่ ยิ่งนานวัน ก็ยิ่งหนักข้อขึ้นเรื่อย ๆ ดังนั้นความรู้สึกที่เธอมีต่อพี่สาวคนโตคนนี้ ก็เลยเป็นการเกลียดขี้หน้าหล่อนเข้าไส้
อันโดรเมดาน้องสาวคนรองดูเหมือนจะดีขึ้นมาหน่อย หล่อนพึ่งเรียนจบจากโรงเรียนมาเพียงไม่กี่เดือนจึงยังอยู่บ้านเฉย ๆ เช่นเดียวกับพี่สาว แต่ก็มักจะมาหาเธอบ่อย ๆ เล่นกับเธอเหมือนกับเป็นน้องสาวคนเล็กของตัวเอง ดังนั้นความรู้สึกที่มีให้หล่อน จึงค่อนข้างจะดีตามไปด้วย ทว่าน่าเสียดายที่ได้มีเวลาอยู่ด้วยกันแค่ปีเดียว ก่อนเจ้าหล่อนจะหนีออกจากบ้าน แล้วไปแต่งงานกับเลือดสีโลนคนหนึ่ง... จนโดนระเบิดออกจากผนังสาแหรกตระกูล
ส่วนนาร์ซิสซาคนสุดท้อง ที่ในขณะนั้นกำลังเรียนอยู่ที่ฮอกวอตส์ จึงไม่ค่อยได้เห็นหน้าบ่อยนัก หล่อนเป็นคนเงียบ ๆ ที่มักจะทำเพียงเชิดหน้ามองคนอื่นอย่างถือตัว แต่ดีอย่างหนึ่งก็คือนาร์ซิสซาไม่ค่อยมายุ่งวุ่นวายกับเธอ ไม่ว่าจะเป็นในทางดีหรือทางร้ายก็ไม่เคยยุ่ง ดังนั้นความรู้สึกเฉยชาจึงเป็นสิ่งเดียวที่มีให้ต่อกัน
อีเล็กตราอยู่ที่นั่นสามปี จนกระทั่งอายุได้สิบขวบ ก็ได้ย้ายไปอยู่กับวอลเบอร์ก้าผู้มีศักดิ์เป็นป้าที่กริมโมลเพลสร่วมกับโอไรออนผู้เป็นสามี กับลูกชายสองคนของพวกเขา นั่นคือซีเรียส และเรกูลัส ซึ่งกำลังเรียนชั้นปีที่สี่และสามตามลำดับ
วอลเบอร์กาเป็นคนที่มีแนวคิดเรื่องเลือดบริสุทธิ์แบบสุดโต่ง มากขนาดที่ยอมแม้กระทั่งแต่งงานกับญาติของตัวเอง เพื่อให้ลูกที่เกิดมามีความเป็นเลือดบริสุทธิ์ขนานแท้ เนื่องจากมีตระกูลแบล็กแค่ตระกูลเดียวเท่านั้นที่หล่อนมองว่ามีสายเลือดที่ไม่เคยแปดเปื้อน
อีเล็กตราไม่ได้มองว่าสิ่งที่หล่อนทำเป็นเรื่องประหลาดนัก อันที่จริงเธอค่อนข้างจะชินเสียด้วยซ้ำ เพราะพ่อกับแม่ของเธอก็เป็นลูกพี่ลูกน้องที่สายเลือดค่อนข้างชิด เพียงแต่สกุลเดิมของแม่เป็นลองบัตท่อมไม่ใช่แบล็กเหมือนกันเท่านั้น
แต่ดูเหมือนว่าลูกชายคนโตที่เกิดจากความคิดสุดโต่งนี้จะไม่ค่อยลงรอยกับแม่ของเขานัก ซีเรียสเป็นแบล็กหัวขบถที่สุดที่เธอเคยเจอมา เขามีนิสัยชอบแกล้งคนอื่นเหมือนคนในตระกูลก็จริง แต่กลับมีแนวคิดเรื่องเป็นเพื่อนกับพวกลูกผสม หรือไม่ก็เลือดสีโคลน จนกระทั่งความไม่ลงรอยนั้นทำให้พวกเขาทะเลาะกันยกใหญ่ จนหนีออกจากบ้านตอนอายุสิบหกปี
ส่วนเรกูลัสนั้นค่อนข้างจะเป็นเด็กดีของพ่อกับแม่ ดีที่ว่าก็คือเขาตอบรับทุกความเชื่อและแนวคิดเกี่ยวกับความบริสุทธิ์ของเลือด ตามที่วอลเบอร์กากับโอไรออนคาดหวัง และเขายังทำให้พ่อกับแม่ภูมิใจกันอย่างมาก ที่เข้าไปเป็นผู้เสพความตายได้ตั้งแต่อายุยังน้อย...
แต่น่าเสียดายที่เขาหายสาบสูญไปตอนอายุแค่สิบแปดปี
วอลเบอร์กาตามหาเขาจนแทบพลิกแผ่นดิน แต่ก็หาไม่เจอ หนำซ้ำยังต้องมาเสียสามีในปีเดียวกันไปอีก ทำให้หล่อนคลั่งจนเป็นคนเสียสติ
เพราะอย่างนั้นเธอเลยต้องย้ายบ้านอีกครั้งตอนอายุสิบห้าปี เพื่อไปอยู่... กับซีเรียส
เป็นบ้านที่อยู่แล้วสบายใจที่สุด แม้ผู้ปกครองใหม่กับเธอจะอายุห่างกันแค่สี่ปี แต่เขาก็ดูแลเธอได้ดี และอยู่กันแบบสุขสบาย -- จากเงินมรดกของลุงอัลฟาดที่แบ่งทองให้ซีเรียสกับเธอคนละครึ่ง -- ซีเรียสชอบพาไปสนุกกับโลกภายนอกที่มีมากกว่าเรื่องความบริสุทธิ์ของสายเลือด ช่วยให้เธอได้เห็นมุมมองใหม่ ๆ เกี่ยวกับโลก และที่สำคัญ... เขายังเป็นคนแนะนำให้เธอเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของภาคีนกฟีนิกส์หลังจากเรียนจบอีกด้วย
เหตุการณ์นี้ทำให้เธอโดนระเบิดออกจากผนังทันที โดยฝีมือของเบลลาทริกซ์เองเลยล่ะ...
แต่ก็ไม่เป็นไรหรอก ถ้านี่จะเป็นอีกหนทางที่จะทำให้เธอต่อต้านโวลเดอมอร์ได้ ก็ถือว่าคุ้มกว่ากันเยอะ
หลายเดือนที่ช่วยงานสนับสนุนภาคี เธอจัดการผู้เสพความตายไปได้หลายคน ถ้าโชคดีหน่อยอาจหาทางฆ่าตัวหัวหน้าได้เลยก็ได้ แม้ว่าจะพยายามมาหลายเดือนแล้วก็เถอะ
“ซีเรียส” อีเล็กตราเรียกญาติของตน “มีเรื่องอยากถาม”
อีกฝ่ายที่โดนถามหันมาครู่หนึ่ง แต่เท้าที่เดินเร็ว ๆ อยู่นั้นก็ไม่ได้ชะลอลงไปเลย “ว่า?”
“เรื่องเมื่อวานนี้ไง”
“อ้อ” เขาทำเหมือนนึกได้ “แฟร๊งค์กับอลิซ ว่าไงล่ะ”
“ได้ข่าวว่าพวกเขาเจอมันเลยงั้นหรือ”
“น่าจะเจอ” ซีเรียสหยุดที่หน้าบ้านหลังเล็กหลังหนึ่ง เขาพูดรหัสออกมาเบา ๆ ก่อนที่ประตูจะเปิดออก จากนั้นจึงเดินหายเข้าไปด้านในพร้อมกับอีเล็กตรา แล้วหันมาตอบคำถามที่คุยค้างไว้ “เกือบหนีไม่รอด โชคดีที่ทั้งคู่มีสติ หลบมาได้โดยไม่บาดเจ็บแถมยังพาเนวิลล์หนีมาทันด้วย”
“แล้วมันล่ะ” อีเล็กตราถามซ้ำ “พวกเขาได้ข้อมูลอะไรเกี่ยวกับมันไหม”
“การติดต่อเรื่องข้อมูลของเราก็ยังไม่ยืนยันว่าพวกเขาเจอเจ้านั่นจริงหรือเปล่า” เขาตอบ “แต่ถ้าเจอจริง ๆ นี่จะถือว่าเป็นครั้งแรกในรอบหลายเดือนที่เขาออกลงมือด้วยตัวเอง แล้วก็ยังพวกลิ่วล้อที่ออกป่วนกันจนวุ่นวายมากกว่าเดิมอีก มันต้องมีอะไรแน่ เพราะงั้นดัมเบิลดอร์เลยเรียกมาประชุมนี่ไง”
อีเล็กตราถอนหายใจเล็ก ๆ แต่ก็เดินตามซีเรียสเข้าไปในห้องประชุม -- อันที่จริงก็เป็นห้องหนังสือที่ถูกจัดให้ว่าง แล้ววางโต๊ะกลมตัวใหญ่ไว้กลางห้องเท่านั้น -- ตอนนี้ยังมีคนมาไม่มากเท่าไร และแต่ละคนก็เอาแต่นั่งกันอยู่ตามมุมต่าง ๆ เพื่อรอดัมเบิลดอร์ที่ยังมาไม่ถึงกันอยู่
“หลานอา” คนที่พึ่งมาถึงพุ่งถลาเข้าไปหาสามีภรรยาลองบัตท่อมที่นั่งข้างกันที่โซฟา อลิซเห็นดังนั้นจึงส่งลูกชายไปให้อีเล็กตราได้อุ้มบ้าง “แหม ฉันอยากหลับได้สนิทโดยไม่ต้องคิดอะไรเหมือนเนวิลล์บ้างจังเลย”
“หวังว่ามูดดี้จะไม่ว่าเราที่พาเนวิลล์มาด้วยนะ” แฟร๊งค์สอดส่ายสายตา หามือปราบมารจอมบ่นที่บ่นได้ทุกเรื่อง “เมื่อวานนี้มันวุ่นวายมากเลย เรารีบหาที่อยู่ใหม่กันแล้ว แต่หาไม่ทัน คงจะได้มาอยู่ที่นี่กันสักพัก”
“แล้วเป็นไงบ้าง” อีเล็กตราถาม พลางส่งเด็กทารกในห่อผ้าคืนให้ผู้เป็นแม่ “พวกเธอเจอมันจริง ๆ หรือเปล่า”
แต่แล้วคนถามก็ต้องผิดหวัง เมื่อทั้งคู่ต่างก็ส่ายหน้าพร้อมกัน
“ไม่ใช่” แฟร๊งเป็นคนตอบคำถาม “พวกเราเจอโรโดลฟัสกับน้องชายของเขา แล้วรู้ไหม ยังมีญาติคนโปรดของเธอกับซีเรียสด้วยนะ เบลลาทริกซ์ไง แถมยังขนพวกลิ่วล้อที่ไม่รู้จักชื่อมาอีกเพียบ ชุลมุนกันมาก แต่เราก็หนีมาได้ล่ะ มันแปลกมาก... แต่ไม่รู้ว่าฉันคิดไปเองหรือเปล่า... ว่าพวกมัน--”
แฟร๊งค์ชะงักไป เมื่อเขาเหลือบไปเห็นดัมเบิลดอร์ที่เดินมาพร้อมกับแม้ดอาย แล้วก็เจมส์และลิลี่ พอตเตอร์ที่ตามมาติด ๆ
“--คนที่เหลือค่อยกระจายข่าวให้รู้ทีหลัง” ดัมเบิลดอร์รีบพูดทันทีที่มาถึง “เราจะเริ่มประชุมกันเลย” ไม่ต้องให้บอกซ้ำ ทุกคนรู้หน้าที่และตำแหน่งของตัวเอง จึงพากันรีบกระจายตัวจนนั่งรอบโต๊ะกลมตัวนั้น “เอาล่ะ แฟร๊ง อลิซ พวกเธอโดนโจมตีมาเมื่อคืน เราอยากฟังข้อมูลจากพวกเธอก่อน”
“เมื่อคืนนี้มันบุกกันมาเกือบสิบคน” อลิซรีบรายงานทันที “ระบุตัวได้แค่ โรโดลฟัส ราบาสแตน แล้วก็เบลลาทริกซ์ นอกนั้นเป็นพวกระดับล่างที่ไม่ได้รับใช้ใกล้ชิดค่ะ”
“มันโจมตียังไง” แม้ดอายถามเพิ่มเติมบ้าง “ดูรูปแบบแล้ว มันมีเป้าหมายอะไร”
“นี่คือส่วนที่แปลก” เนื่องจากมีเวลาไม่มาก แฟร๊งค์จึงรีบพาเข้าเรื่อง “พวกมันโจมตีเรา เอาลิ่วล้อมาทำให้เกิดการสับสน แยกเราออกจากกัน แต่คนที่โดนคาถาที่ถึงตายได้ มีแค่ผมคนเดียว” มันคือความแปลกประหลาดที่ทำให้ดัมเบิลดอร์ถึงกับเลิกคิ้ว “อลิซแทบไม่โดนคาถาที่ทำให้ตายได้เลย ส่วนมากจะเป็นพวกทำให้สลบ หรือขยับไม่ได้ และคนที่เอาแต่โจมตีเธอก็มีแต่สามคนนั้นด้วย”
“ข้อมูลคล้ายกับที่อาเธอร์รายงานมา” ดัมเบิลดอร์ทวนสิ่งที่ได้รู้จากนายและนางวีสลีย์ “มันเป็นรายงานสืบสวนคนหายของในกระทรวง พวกเขาสืบกันมาสักพัก และพบว่าระยะนี้ผู้เสพความตายปรากฏตัวถี่ขึ้นมาก เลือกฆ่าเฉพาะพวกที่ไม่มีสายเลือดบริสุทธิ์ --”
“ก็ไม่ต่างกันกับที่พวกมันเคยทำนี่” ซีเรียสโพล่ง ก่อนจะห่อไหล่ลงเพราะโดนอีเล็กตราที่นั่งข้างกันฟาดเรียกสติอย่างแรง
“ใช่ ส่วนนั้นไม่ต่าง เลือดผสมหรือมักเกิ้ลบอร์นโดนจับตายเหมือนเดิม” ดัมเบิลดอร์รีบเสริม “แต่ที่ต่างก็คือ พวกมันพยายามจะจับเป็นพวกเลือดบริสุทธิ์ โดยเฉพาะคนที่เป็นผู้หญิง เราสืบดู... พบว่าพวกเธอหายตัวกันไปหลายคนแล้วในช่วงนี้”
เมื่อประกอบกัน ก็ดูเหมือนว่าสิ่งที่ได้รู้นั้นเป็นข้อมูลที่สำคัญ ที่พอจะทำให้รู้แผนการของฝ่ายตรงข้ามได้มากยิ่งขึ้น
“แสดงว่าเป้าหมายหลักคือการจับตัวผู้หญิงเลือดบริสุทธิ์สินะ” เจมส์สรุป “งั้นก็ง่ายเลยศาสตราจารย์ พวกเธอมีกันน้อยแสนน้อย ถ้าตัดคนที่ไปเข้าไปร่วมกับโวลเดอมอร์แล้วก็ยิ่งน้อยลงไปอีก”
“ใช่” ดัมเบิลดอร์เห็นด้วย “เพราะอย่างนั้นฉันจะรีบส่งพวกเธอทุกคนไป เพื่อแจ้งเตือนเป้าหมายเหล่านั้นให้รีบซ่อนตัว อย่างน้อยก็ยังสามารถขัดขวางให้พวกมันทำตามแผนได้ไม่สะดวกนัก” เขารีบสั่งการโดยเร็ว “ไป เจมส์ ลิลี่ พวกเธอรีบไปเตือนพวกที่อยู่ทางเหนือ ส่วนฉันกับแม้ดอายจะส่งข่าวไปตะวันตกกับตะวันออก คิงส์ลี่กับเอลฟายอัสลงใต้ ส่วนเธออีเล็กตรากับซีเรียส พวกเธอรีบไปเตือนอันโดรเมดากับเท็ด แล้วรีบพากันไปหาที่อยู่ใหม่ทันที”
ทุกคนรีบลุกไปตามคำสั่งที่ได้รับ พวกเขาต่างรู้ดีว่าการเดินตามคำแนะนำของดัมเบิลดอร์นั้นเป็นวิธีการที่ดีที่สุด และรีบไปทำงานของตนในทันที
อีเล็กตราก็รีบไปเช่นกัน บ้านของอันโดรเมดากับเท็ดอยู่ใกล้ข่ายผงฟลูลับที่เคยทำเอาไว้ จึงเลือกที่จะเดินทางโดยใช้วิธีนี้น่าจะเหมาะสม ไปโผล่ที่บ้านที่อยู่ใกล้เคียงกับบ้านของพวกท็องส์ จากนั้นก็เดินเท้าผ่านไปหาอีกสองคน แล้วค่อยหายตัวไปด้วยกันน่าจะดีกว่า
คิดได้ดังนั้นจึงรีบเดินไปที่เตาผิง เธอเดินทะลุเข้าไป เกิดไฟลุกท่วมขึ้นมาแล้วไปโผล่ที่เตาผิงอีกที่หนึ่ง ซีเรียสเดินตามมา จากนั้นจึงรีบเดินออกไปนอกบ้านหลังใหม่ที่พึ่งมาถึงทันที คลุมโค๊ทที่สวมมาให้กระชับกับตัว ก่อนจะเดินฝ่าหิมะที่ตกปรอยด้านนอกไปอย่างรวดเร็ว
หากเดินไปได้สักระยะเดียวก็ต้องหยุดชะงัก เมื่อจู่ ๆ สัญชาตญาณบางอย่างของเธอและซีเรียสก็ร้องเตือนเสียดังลั่น... ว่าในตอนนี้... มีใครบางคนแอบตามมาอยู่
“ออกมา” ซีเรียสกำไม้กายสิทธิ์เอาไว้แน่น ชี้ไปที่ต้นไม้ต้นใหญ่ที่ดูว่างเปล่า หากไม่กี่วินาทีหลังจากนั้น ก็มีร่างผอมโปร่งของผู้หญิงคนหนึ่งเดินออกมา
“เบลลา” อีเล็กตราไม่อยากเชื่อสายตา เพราะไม่ได้เจอหน้าลูกพี่ลูกน้องคนนี้มานานหลายปี นับตั้งแต่ได้ข่าวว่าอีกฝ่ายแต่งงานกับเลือดบริสุทธิ์จากตระกูลเลสแตรงจ์ ก็เงียบหายไปหมดทั้งหล่อนทั้งสามี
“ไง” อีกฝ่ายทักทายเสมือนเป็นญาติสนิทรักใคร่ “ซีเรียส เอลลี่”
ทั้งสองที่ถูกเอ่ยชื่อเงียบกริบ ไม่ยอมสนทนาต่อกันมากไปกว่านี้ เพราะรู้ดีว่าหากได้เจอสมุนรับใช้ที่อยู่ในระดับใกล้ชิดอย่างเบลลาทริกซ์แล้วล่ะก็... หมายความว่าเรื่องที่เกิดต่อจากนี้ต้องนองเลือดน่าดู
“แหม ๆ ปิดปากไม่ยอมคุยด้วยเสียอย่างนั้นนะ” เบลลาทริกซ์เริ่มเดินเข้ามาหา อีเล็กตรามองมือที่ถือไม้กายสิทธิ์ของอีกฝ่ายเอาไว้แทบไม่กระพริบตา “ไอ้เราล่ะก็คิดถึงอยู่เชียว”
“คิดถึงบ้าบออะไรล่ะ” ซีเรียสไม่ไว้ใจอย่างที่สุด เขาตั้งรับ ถือไม้กายสิทธิ์ไว้มั่น พร้อมโจมตีได้ตลอดเวลา “คนอย่างเธอคงคิดแต่เรื่องจะฆ่าพวกฉันมากกว่าล่ะสิ”
เบลลาทริกซ์หัวเราะเบา ๆ เท้าก็ยังก้าวมาข้างหน้าต่อไป “ฉันว่าพวกแกคิดถูกนะ--”
“--อะวาดา เคดาฟ-รา!”
เสียงคำสาปพิฆาตดังขึ้น หากไม่ใช่จากเบลลาทริกซ์ที่ยืนอยู่ต่อหน้าพวกเขา แต่ว่า... มันมาจากโรโดลฟัสที่ยืนอยู่ด้านหลัง!
ซีเรียสกระชากแขนอีเล็กตราพุ่งหลบไปอีกทาง ลำแสงสีเขียวลอยผ่านศีรษะของเขาไปแบบเส้นยาแดงผ่าแปด เมื่อตั้งสติได้ ทั้งคู่จึงหันหลังชนกัน เพื่อต่อสู้และตั้งรับไปพร้อมกันได้
“เอาพวกลิ่วล้อมาเยอะเลยนี่นา!” ซีเรียสตะโกนหา พลางหัวเราะเยาะเย้ย แล้วเสกคาถาโจมตีใส่โรโดลฟัส “ยังอ่อนเหมือนเดิมนะเบลลา ทั้งเธอทั้งสามี”
เบลลาทริกซ์ไม่สนใจเสียงเยาะเย้ยนั้น เธอทำเพียงร่ายคำสาปใส่อีเล็กตราอยู่ท่าเดียว ส่วนซีเรียสต่อสู้กับโรโลฟัสที่อยู่ด้านหลัง ซึ่งมาพร้อมกับผู้เสพความตายระดับล่างที่ไม่คุ้นหน้าอีกสามคน แต่แม้ว่าจะมีจำนวนที่มากกว่า ก็ยังสู้ลักษณะการร่ายเวทย์แบบนักสู้ข้างถนนที่จับทางยากได้ของซีเรียสไม่ได้
ซีเรียสสู้กับคนสามคนที่สาดคาถาใส่เขาไม่ยั้ง ส่วนเบลลาทริกซ์ก็ยังคงรัวคำสาปใส่ญาติอีกคนของเขา ก่อนที่จะโจมตีด้วยคาถาไร้เสียงอีกครั้ง!
ริ้วสายเปลวไฟสีม่วงพุ่งตรงมาหาอีเล็กตรา เธอผลักซีเรียส ก่อนจะพุ่งตัวหลบไปอีกทางหนึ่ง แต่เปลวไฟนั้นยังคงพุ่งมาเฉียดที่ต้นแขนข้างซ้าย สร้างบาดแผลรุนแรงให้กับเธอ แต่ก็ยังกัดฟันอดทนสวนกลับไปหาเบลลาทริกซ์ได้หนึ่งคาถา
หากชั่วขณะนั้นเองคือเวลาที่สองสามีภรรยาเลสแตรงจ์รอคอย...
นั่นคือในที่สุด พวกเขาก็แยกซีเรียสกับอีเล็กตราออกจากกันได้!
ทั้งคู่หันไปโจมตีเป้าหมายที่แท้จริงของพวกเขา อีเล็กตราถอยร่นไปอีกทางหนึ่ง ค่อนข้างทุลักทุเล แต่ก็ยังสามารถปัดป้องทุกคาถาได้
มันเป็นเหมือนที่ดัมเบิลดอร์พูด ว่าเป้าหมายของการโจมตีครั้งนี้คืออีเล็กตราอย่างไม่ต้องสงสัย ซีเรียสรู้ว่าเขาทำพลาด เขาต้องการจะไปช่วยเธอ แต่ลิ่วล้อสามคนที่โรโดลฟัสนำมาด้วยก็กำลังรัวคำสาปใส่เขา แม้จะไม่มีใครทำอะไรเขาได้ แต่ก็ต้องใช้เวลาพอสมควรถึงจะจัดการพวกมันจนหมด
“เพ็ตตริฟิคัส โททาลัส!”
เขาร่ายคาถาใส่พวกมันทั้งสามคน จัดการทั้งหมดจนหมอบราบ หากไม่มีแม้แต่เวลาเฉลิมฉลองชัยชนะ เสียงเป๊าะที่ทำให้ใจหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่มก็ดังขึ้นเบื้องหลัง
ชายหนุ่มรีบหันมาในทันที แต่สิ่งที่พบในตอนนี้กลับเหลือเพียงความว่างเปล่า
มันได้ตัวเธอไปแล้ว...

เธอรู้สึกเหมือนร่างกายเป็นอัมพาต ขยับไม่ได้ ไร้เรี่ยวแรง แต่ก็ยังคงมีสติและมองเห็นรวมทั้งได้ยินทุกสิ่งรอบตัว มันเป็นคำสาปที่เธอไม่รู้จัก
ศาสตร์มืด...
เธอกำลังลอยไป
เบลลาทริกซ์กับโรโดลฟัสเดินอยู่ใกล้ ๆ เธอ พวกเขามีบาดแผลถลอกจากการต่อสู้เมื่อครู่อยู่บ้าง แต่โดยรวมก็ยังถือว่าอยู่ในสภาพดีอยู่
“ฉันอยากฆ่ามันเสียตั้งแต่ตอนนั้น” ผู้เป็นภรรยาบ่นกับสามี “ไอ้เจ้าซีเรียส ฉันเกลียดมัน คุณไม่น่าให้ฉันปล่อยมันไปเลย”
“จอมมารสั่งแค่ให้จับตัวเป้าหมาย จับเสร็จแล้วรีบมา อย่ามัวเล่นกับเหยื่อ” โรโดลฟัสอธิบายเรียบ ๆ “ท่านนัดมารวมตัววันนี้ด้วย มัวแต่จะฆ่าตายให้หมดเดี๋ยวก็พลาดเหมือนเมื่อวาน ยังดีที่วันนี้วันนี้จับมาได้หนึ่งคน ไม่อย่างนั้นล่ะก็...”
เกิดความเงียบงันขึ้นระหว่างคนทั้งสอง อีเล็กตราไม่ได้ยินว่าพวกเขาคุยอะไรกันอีกเลย เธอขยับไม่ได้ แต่ลอยค้างอยู่กลางอากาศ ผ่านห้องแล้วห้องเล่าของคฤหาสน์สักหลังลึกเข้าไปเรื่อย ๆ รู้ตัวอีกที ก็ร่วงหล่นลงบนพื้นห้อง เหมือนเชือกที่ขึงร่างไว้ถูกตัดฉับ
อีเล็กตราตะเกียกตะกายลุกขึ้น หากเพียงครู่เดียวที่เป็นอิสระ แขนของเธอก็ลั่นกร๊อบแล้วไขว้ไปด้านหลังตามการโบกสะบัดไม้กายสิทธิ์ของเบลลาทริกซ์ นั่งงอตัวคุกเข่าเงยหน้า เหมือนโดนพันธนาการด้วยเชือกที่มองไม่เห็น ตรึงไว้ให้อยู่กับที่ แม้แต่จะส่งเสียง ก็รู้สึกเหมือนว่าลิ้นยังถูกมัดอยู่เช่นกัน
ดวงตาและศีรษะของเธอยังขยับได้ปกติ ดังนั้นสิ่งเดียวที่เป็นประโยชน์จึงเหลือเพียงแค่เหลือกมองซ้ายขวาเพื่อเก็บข้อมูลเอาไว้ให้ได้มากที่สุดเท่านั้น อย่างน้อย ๆ เธออาจเห็นทางหนีทีไล่ หรือช่องโหว่เอาไว้โต้กลับสักที
มันเป็นห้องรับแขกที่ค่อนข้างมืดสลัว ได้รับแสงจากเตาผิงที่จุดเอาไว้ กับโคมไฟที่ตั้งให้สว่างแบบริบหรี่ที่สุด ทั่วห้องมีผู้เสพความตายหลายคนที่ทั้งยืนทั้งนั่งตามจุดต่าง ๆ ส่วนใหญ่จะเป็นพวกที่ค่อนข้างคุ้นหน้าและรู้จักชื่อ แสดงว่านี่ต้องเป็นการประชุมที่คัดมาเฉพาะพวกสมุนระดับสูงเท่านั้น
หากน่าประหลาดที่รอบตัวของเธอ ก็มีผู้หญิงที่ถูกมัดด้วยคาถาพันธนาการ ที่นั่งเรียงแถวหน้ากระดานเช่นเดียวกันอีกเกือบสิบคน แต่ละคนอยู่ในวัยสาว อายุไม่น่าจะสามสิบห้าปี อีเล็กตรารู้จักพวกเธอครบทุกคน
เป็นแม่มดเลือดบริสุทธิ์กันทั้งหมด... เหมือนที่ดัมเบิลดอร์บอกไว้
ดวงตาสีเทาอ่อนกวาดมองใบหน้าที่เปื้อนคราบน้ำตาเหล่านั้น ไม่มีมอลลี่ ไม่มีอลิซ หรืออันโดรเมดา ซึ่งถือว่าดีแล้วที่สามคนนั้นไม่โดนจับตัวมาเหมือนกัน
“ฉันได้จากตระกูลอับบอต” เสียงผู้เสพความตายคนหนึ่งดังขึ้นคล้ายกำลังโอ้อวด “มันไม่ได้เข้าร่วมกับเราตามที่เจ้านายว่า”
“เหอะ” แย็กซ์ลี่หัวเราะเย้ยกับสิ่งที่ได้ยิน “พวกอับบอตเหมือนหนูสกปรกที่ไม่กล้าทำอะไรเลยสักอย่าง เอาแต่ซ่อนตัวไม่เข้ากับฝ่ายไหนเลยมากกว่า ต้องนี่สิ ต้องแม่คนนี้ น้องสาวหน้าโง่ของฉันที่ไม่ยอมเข้าร่วมกับจอมมาร ท่านต้องพอใจแน่ ๆ”
“หึหึหึ” เบลลาทริกซ์ก็เริ่มเข้าไปสมทบ หล่อนเดินมาหาอีเล็กตรา มือลูบที่ใบหน้าของลูกพี่ลูกน้องของตน ก่อนจะตีที่แก้มเบา ๆ “ต้องแม่นี่สิ แม่คนทรยศต่อเลือดจากตระกูลฉันเอง พวกแกจับมาได้ก็มีแต่ยัยพวกใต้ดินที่ไม่กล้าทำอะไร เอาแต่กลัวหัวหด แต่นังคนนี้นี่สิ มันเป็นสมาชิกของภาคี ทำงานต่อต้านท่านร่วมกับดัมเบิลดอร์ ที่สำคัญ พ่อกับแม่ของมันเคยทำงานให้เจ้านายเรา แต่ดันมาทรยศท่านจนจอมมารต้องลงมือไปฆ่าด้วยตัวเอง ท่านคงจะแค้นมันมาก หึหึหึ”
สายตาทุกคู่หันมามองอีเล็กตราเป็นตาเดียว และคนอื่น ๆ ที่อยู่รอบ ๆ นั้นก็พากันซุบซิบจนเสียงระงม หากเกิดขึ้นแค่ครู่หนึ่งเท่านั้น ก่อนที่ทั้งห้องจะเปลี่ยนเป็นเงียบกริบเหมือนไม่มีคนอยู่ในพริบตา เพียงได้ยินเสียงประตูที่เปิดเข้ามาโดยฝีมือของคน ๆ หนึ่งเท่านั้น
อีเล็กตราหันไปตามเสียงนั้น ก่อนจะพบกับร่างสูงโปร่งในชุดดำ ผิวขาวเหมือนกระดาษกับดวงตาสีแดงเป็นขีดตั้ง เดินเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อย ๆ
โวลเดอมอร์...
“นี่คือทั้งหมดที่หาได้หรือ” เขามองมาที่ผู้หญิงที่นั่งคุกเข่าบนพื้น น้ำเสียงค่อนข้างไม่พอใจ “นึกว่าจะมีมากกว่านี้เสียอีก”
คนอื่น ๆ ในห้องต่างพากันกลั้นหายใจ เพราะกลัวว่าโวลเดอมอร์จะโมโหจนมาลงที่ตน ผิดกับเบลลาทริกซ์ที่เดินไปใกล้ ชวนคุยเสียงหวาน
“นายท่านคะ นี่คือทั้งหมดที่หาได้ในเวลานี้ พวกที่เหลือมันพากันซ่อนตัวหมด จับยากยิ่งกว่าหนูในท่อเสียอีก แต่ถ้าท่านยังไม่พอใจ เราจะไปจับพวกมันมาให้ท่านฆ่าเพิ่มอีกก็ได้ค่ะ”
เมื่อได้ยินคำว่า ‘ฆ่า’ ก็ทำให้โวลเดอมอร์นั้นแสยะที่มุมปาก หากเบลลาทริกซ์กลับนึกว่าเขากำลังยิ้มให้เธอ หน้าจึงแดงเหมือนพึ่งถูกบอกรักเสียอย่างนั้น
“ใครว่าฉันจะเอามาฆ่า”
เบลลาททริกซ์หน้าเจื่อนลงถนัดตา หากในวินาทีถัดมาก็มีความรู้สึกแปลกประหลาดใจเข้ามาแทนที่
ไม่ได้เอามาฆ่าหรือ...?
หล่อนสงสัย อันที่จริงในตอนแรกที่ไปรับคำสั่งมา โวลเดอมอร์ก็ไม่ได้บอกจุดประสงค์ของเขาให้ฟังตั้งแต่แรก มีคำสั่งมาแค่ว่าให้ไปหาผู้หญิงเลือดบริสุทธิ์ที่ไม่ได้เข้าร่วมฝ่ายเดียวกับเขามาให้มากที่สุด และอายุของคนพวกนั้นต้องไม่เกินสามสิบห้าปี ยิ่งอยู่ในฝ่ายของผู้ต่อต้านด้วยยิ่งดี และที่สำคัญ ต้องจับเป็นและนำตัวมาในสภาพสมบูรณ์ไร้การบาดเจ็บ พร้อมกับต้องเอาไม้กายสิทธิ์ของพวกเธอติดมาด้วย
ในทั้งหมดนี้ เบลลาทริกซ์มั่นใจว่าคนที่หล่อนกับสามีช่วยกันจับมาน่าจะตรงกับที่โวลเดอมอร์ต้องการที่สุด ซึ่งมันจะตามมาด้วยรางวัลชิ้นงาม อาจทำให้เธอเลื่อนขั้นเป็นสมุนมือขวาที่ใกล้ชิดกับเขาที่สุดได้ แต่ตอนนี้ หล่อนเริ่มไม่มั่นใจเสียแล้วว่าสิ่งที่รออยู่จะต้องแลกกับอะไรบ้าง
โวลเดอมอร์เดินไปหาผู้หญิงที่อยู่หัวแถว มองดูเธอที่น้ำตาไหลพรากพลางแสยะยิ้มเยาะ “คลายคำสาป แล้วเอาไม้กายสิทธิ์ให้เธอด้วย”
โรลล์ที่เป็นคนจับมาคลายคาถา และโยนไม้ให้ทันทีที่ได้รับคำสั่ง ผู้หญิงคนนั้นก้มเก็บไม้ด้วยมือที่สั่นเทา ยิ่งต้องเผชิญหน้ากับโวลเดอมอร์ยิ่งทำให้ทำเธอกลัวสุดขีดจนไม่กล้าทำอะไร เธอเอ่ยขอร้องเขาด้วยเสียงที่เบาหวิว อ้อนวอนขอชีวิตอย่างน่าเวทนา “ดะ...ได้...โปร--”
“--อะวาดา เคดาฟ-รา!”
คนที่ยืนมองส่ายหน้าอย่างไม่ค่อยพอใจนัก ก่อนจะก้าวข้ามศพของคนแรกที่ล้มตึงลงที่ปลายเท้าของตนอย่างไม่ใส่ใจ แล้วก็มาสู่คนที่สอง
แย็กซ์ลีโยนไม้กายสิทธิ์ให้น้องสาวแท้ ๆ ที่ตนจับมา แต่คนที่เอาแต่หมอบกราบอ้อนวอนก็ไม่อาจรอดชีวิตด้วยเช่นกัน โวลเดอมอร์เดินมาที่ผู้หญิงคนถัดไป และเป็นอีกครั้งที่มีแสงสีเขียวสว่างขึ้นมาจากปลายไม้กายสิทธิ์ของเขา ทีละคน ๆ จนกระทั่ง...
มาหยุดยืนต่อหน้าอีเล็กตรา
เบลลาทริกซ์คลายคาถา ก่อนจะโยนไม้ของเธอคืนมาให้ อีเล็กตรายังคงนอนหมอบอยู่บนพื้น และนั่นก็ทำให้โวลเดอมอร์ไม่ค่อยพอใจเท่าไร เขากำลังจะร่ายคาถา ขาก็พลางก้าวไปหาผู้หญิงที่นั่งถัดไปอย่างหงุดหงิด หากเสี้ยววินาทีก่อนที่จะได้เปล่งเสียง คนที่ดูเหมือนจะไม่มีพิษภัยกลับสาดคำสาปใส่เขา!
“ครูซิโอ!” มันเป็นการเอ่ยคำสาปกรีดแทงที่ชัดเจนและมีเป้าหมาย อีเล็กตราพุ่งเป้าไปที่โวลเดอมอร์คนเดียวเท่านั้น
นี่เป็นเวลาที่เธอรอคอยมาเกือบทั้งชีวิต เวลาที่จะได้แก้แค้นคนที่ฆ่าพ่อกับแม่ของเธอ
หากรวดเร็วอย่างน่าเหลือเชื่อ เจ้าของร่างสูงโปร่งนั้นกลับปัดคาถาของเธอไปด้านข้าง ลำแสงลอยไปกระทบกับลูเซียสที่หลบไม่ทัน เขาล้มลงนอนบิดกายที่พื้นห้อง แต่แค่ครู่เดียวเท่านั้นทุกอย่างก็หยุดลง
โวลเดอมอร์ทำเพียงสะบัดไม้กายสิทธิ์สีซีดขาวของเขาเบา ๆ ก็ทำให้ไม้ของเธอหลุดกระเด็นออกจากมือได้ และหลังจากปลายไม้โบกสะบัดอีกครั้ง อีเล็กตราโดนจับตรึงเหมือนเมื่อหนึ่งนาทีก่อนในทันที เธอถูกบังคับให้เงยหน้า แต่ดวงตาสีเทาที่มองมาก็ไม่แสดงความหวาดกลัวเลยแม้แต่นิดเดียว
“...โอ้...” เขาดูพอใจเล็กน้อย ก่อนจะหันไปถามคนที่อยู่ด้านหลัง “คนนี้ใครจับมา”
เบลลาทริกซ์รีบออกหน้า “ดิฉันกับโรโดลฟัสค่ะ เราจับเธอมาได้วันนี้นี่เอง มันเป็นสมาชิกของภาคี เป็นคนของดัมเบิลดอร์ค่ะ”
“อยู่กับดัมเบิลดอร์ด้วยหรือนี่” เขาเหมือนกับจะยิ้มได้ “คนนี้ชื่ออะไรล่ะเบลลา”
“ญาติทรยศของฉันเองค่ะ ดิฉันเป็นคนระเบิดชื่อเธอออกจากผนังกับมือ เธอชื่อว่า... อีเล็--” หล่อนชะงัก... เมื่อสัมผัสได้ถึงอาการไม่ใส่ใจของผู้เป็นนาย โวลเดอมอร์ทำเพียงจ้องมองอีเล็กตราด้วยอาการนิ่งเงียบ และการที่เขาเอาแต่จ้องมองไปที่ดวงตาสีเทาอ่อนนั้นก็ทำให้หล่อนไม่ค่อยสบายใจนัก
“...อืม...” ไม่รู้ว่าคิดไปเองหรือเปล่า ที่คนในห้องต่างก็มองเห็นว่าเจ้านายของพวกเขากำลัง... ยิ้ม? “...ฉันว่า... ฉันจำตาคู่นี้ได้นะ” มือขาวเผือดเอื้อมไปจับที่ใบหน้าของเธอ ก่อนจะพูดบางอย่างที่คนอื่น ๆ ในห้องไม่ค่อยเข้าใจนัก “ดาวดวงหนึ่งในกลุ่มดาวทอรัส... มองเห็นได้แค่เจ็ดดวง... ไมอา ทายจีตี อัลซายออน เซอเลโน สเตอโรเพ เมโรเพ แล้วก็... อีเล็กตรา”
ทั้งห้องต่างกลั้นหายใจพร้อมกัน พวกเขาไม่เคยเข้าใจความต้องการของโวลเดอมอร์ คนคนนี้ไม่เคยไว้ใจใครจนเคยบอกแผนการในใจให้ฟัง และตอนนี้ พวกเขาก็ไม่รู้เลยว่าอีกฝ่ายกำลังจะทำอะไรต่อไป
ทว่าสิ่งเดียวที่เกิดขึ้นจากนั้นคือการหัวเราะในลำคอ เสียงนั้นสะท้อนอยู่ภายในห้องที่ปิดสนิท เมื่อบวกกับซากศพเกลื่อนกลาดบนพื้นห้อง ก็ทำให้แม้แต่ผู้เสพความตายที่ทำเรื่องชั่วร้ายมาตลอดชีวิตยังรู้สึกเสียวสันหลัง
โวลเดอมอร์ย่อตัว นั่งชันเข่า ให้สายตาของเธอกับเขาอยู่ในระดับเดียวกัน ดวงตาสีแดงของเขาจ้องมองเข้าไปภายในดวงตาสีเทาของเธอ มือก็เลื่อนมาเชยคางเอาไว้
“เราเจอกันอีกแล้วนะ... เอล ” เขาพูดพลางส่งรอยยิ้ม แต่มันกลับทำให้คนอื่น ๆ ที่เฝ้าดูอยู่หนาวสะท้านไปทั้งตัว
จากนั้นสิ่งที่แปลกประหลาดที่สุดก็เกิดขึ้น สิ่งแปลกประหลาดที่ไม่มีใครคิดว่าคนอย่างโวลเดอมอร์จะทำได้ มันแปลกมากจนคนที่มองอยู่ต่างพากันคิดว่าพวกเขาตาฝาด
หรือบางที อาจเห็นภาพหลอน?
จ้าวแห่งศาสตร์มืดทำได้ทุกอย่างที่เขาอยากทำ ทั้งสาปแช่ง ทรมาน ไปจนถึงฆ่าคนอย่างโหดเหี้ยม แต่ตอนนี้ เขากลับทำบางสิ่งที่ไม่มีใครคาดคิดมาก่อน... นั่นก็คือ...
จูบ
เขาจูบเธอ จูบอีเล็กตรา สองมือประครองใบหน้าของหญิงสาวเอาไว้ จุมพิตหนักหน่วงแต่ก็อ้อยอิ่ง กว่าจะถอนออกมาจากริมฝีปากของเธอ อีเล็กตราก็หน้าขึ้นสีเข้มเพราะขาดอากาศ หายใจหอบถี่กระชั้น แต่ไม่ว่าอย่างไร ดวงตาคู่นั้นก็ยังมองมาที่เขาด้วยความโกรธแค้นเต็มที่เช่นเดิม
ตาสีแดงสดจ้องมอง ปากก็ยกยิ้มที่ดูแล้วสยดสยอง หากในประโยคสุดท้ายที่เอ่ยออกมา กลับทำให้ความรู้สึกเสียวสันหลังของคนที่ยืนมองต้องเปลี่ยนเป็นตื่นตะลึงอย่างไม่เชื่อหูตนเอง...
“เรากำลังจะสร้างสิ่งที่แสนวิเศษร่วมกัน... ลูกของเธอ... กับ...ฉัน”
++++++++++++++
ค่ะปู่ เอาแต่ใจเหลือเกินค่ะ
ตอนหน้าตอนใหม่นะคะ ฮึบๆ ขอกำลังใจหน่อยน้า
เม้นต์ เม้นต์ เม้นต์ เม้นต์ เม้นต์
เม้นต์ เม้นต์ เม้นต์ เม้นต์ เม้นต์
เม้นต์ เม้นต์ เม้นต์ เม้นต์ เม้นต์
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

690 ความคิดเห็น
-
#650 linlana lily (จากตอนที่ 60)วันที่ 23 ธันวาคม 2562 / 15:34ปู่ใจเย็นๆก่อน555#6500
-
#648 Stellae_Star (จากตอนที่ 60)วันที่ 22 ธันวาคม 2562 / 11:28ปู่คะ! อย่างนี้ก็ได้หรอ?!!#6480