ตอนที่ 6 : He’ll find you

VI : He’ll find you
การประลองเวทไตรภาคีรอบสุดท้ายถูกจัดขึ้นที่สนามควิชดิชในช่วงเย็นของวันที่ 24 เดือนมิถุนายน โดยตัวแทนต้องเข้าไปในเขาวงกตทำภารกิจตามหาถ้วยอัคนีที่ถูกซ่อนเอาไว้ เพื่อจะหาผู้ชนะคนสุดท้ายที่เจอถ้วยเร็วที่สุด
อีวานเจลีนไม่ได้ไปดูการแข่งขันแม้จะอยากไปมากแค่ไหน เธอจำเป็นต้องทำตามคำสั่งของสเนปที่สั่งให้เธอฝึกฝนตนเองให้มากที่สุด จึงปฏิเสธคำชวนของแอสโทเรียที่ชวนให้ออกไปดูการประลองด้วยกัน และเลือกอ่านหนังสือในห้องนั่งเล่นรวมของสลิธีรินแทน
มีคนอยู่ที่นี่ไม่มากเหมือนที่เคยเป็น เพราะทุกคนต่างก็ออกไปชมการประลองรอบสุดท้ายกันจนแทบเกลี้ยงหอ เหลือเพียงกลุ่มเล็กๆไม่ถึงสิบคนเท่านั้น
“ตอนนี้โบซ์บาตงกับเดิร์มสแตรงก์ออกจากการแข่งขันไปแล้ว!” เด็กหนุ่มคนหนึ่งพูดกับเพื่อนของตนจากหน้าเตาผิง แต่มันก็ดังพอที่จะทำให้ทุกคนที่อยู่ในห้องได้ยิน (และเหมือนว่าเขาจะจงใจทำเสียด้วย)
อีวานเจลีนไม่แน่ใจว่าเขาอยู่ชั้นปีไหนหรือชื่ออะไร แต่จำได้ว่าเมื่อสองวันก่อนมีนักเรียนคนหนึ่งถูกลงโทษโดยการกักบริเวณให้อยู่แต่ในหอนอน มีความเป็นไปได้สูงว่าจะเป็นคนเดียวกัน
เห็นได้ชัดว่าฝ่ายนั้นต้องอยู่ที่นี่เพราะจำใจ ต่างจากอีวานเจลีนและคนอื่นๆที่เลือกไม่ไปดูการประลองในรอบสุดท้าย และเพราะไม่สามารถไปไหนได้ ทำให้เจ้าตัวต้องพยายามหาทุกวิถีทางที่จะทำให้รู้ความเป็นไปนอกหอนอนให้ได้มากที่สุด -- ไม่ว่าจะใช้วิธีอะไร เขาก็สามารถทำได้ดีเสียด้วย
เมื่อไม่มีความคืบหน้าใดเล็ดรอดออกมาจากปากของเขาอีก เด็กหญิงจึงก้มหน้าอ่านหนังสือต่อไป เขาเงียบไปนานพอสมควร อีวานเจลีนเดาว่าคงไม่มีเรื่องให้ต้องลุ้นอีกแล้ว ในเมื่อเหลือผู้เข้าแข่งขันจากฮอกวอตซ์ถึงสองคน ผู้ชนะจะเป็นใครผลก็คงไม่ต่างกันนัก
อีกสักพักคงได้ยินเสียงพลุไฟจุดเฉลิมฉลองแก่ผู้ชนะดังไปทั่วโรงเรียนแน่
เธอคิดว่าทุกอย่างคงจบลงด้วยดี
ใช่ ต้องดีสิ
แต่ทำไมกลับมีเสี้ยวความรู้สึกบางอย่างในใจ ที่กระซิบออกมาเบาๆ บอกเธอว่าเรื่องต่างๆ คงไม่ลงเอยง่ายดายแบบนั้น
ซึ่งมันก็ถูกเสียด้วย
“มีคนตาย... มีคนตายด้วย!” เด็กหนุ่มคนนั้นตะโกนออกมาเสียงดัง ทำให้คนอื่นที่อยู่ในห้องหันไปมองเป็นทางเดียว
“ใคร!” นักเรียนชายอีกคนตะโกนถามข้ามห้องไป “พอตเตอร์หรือดิกกอรี่”
“พอตเตอร์...” อีกฝ่ายตอบ ดวงตาเพ่งมองลงไปบนแผ่นกระดาษที่มีตัวอักษรซึมออกมาเองเขม็ง – ทำให้คนอื่นรู้ได้ทันทีว่าเขาหาข่าวเหล่านั้นมาได้อย่างไร
“แฮร์รี่ พอตเตอร์หรือ!”
“ใช่....” เขาตอบปัด ยังไม่ละสายตาไปจากกระดาษในมือ“ไม่ๆ... เดี๋ยวนะ เดี๋ยว... ไม่ใช่สิ... พอตเตอร์รอด เขาชนะ... ดิกกอรี่ต่างหากที่ตาย! ”
เกิดความเงียบอันไร้ที่มาขึ้นในทันที ทุกคนต่างมองหน้ากันโดยไม่รู้ตัว จนกระทั่งเสียงประตูห้องนั่งเล่นที่เปิดเบาๆ ดังขึ้น เรียกความสนใจของอีวานเจลีนรวมทั้งนักเรียนคนอื่นให้ต้องหันไปมอง ด้วยหวังว่าผู้มาใหม่จะเป็นใครคนหนึ่งที่อยู่ในเหตุการณ์ ซึ่งอาจได้ยินได้เห็นอะไรที่จะช่วยให้คลายความสงสัยเกี่ยวกับข่าวเมื่อครู่ลงได้
แต่ทุกคนก็ต้องแปลกใจ ดวงตาหลายคู่กระพริบถี่ จ้องมองชายร่างผอมสูงที่เดินไปหาอีวานเจลีนซึ่งนั่งเดียวดายอยู่ตรงมุมห้อง ชุดคลุมสีดำสะบัดตามความเคลื่อนไหว เป็นอาจารย์ประจำบ้านของพวกเขานั่นเอง
สเนปจ้องมองเธอด้วยแววตาที่ยากจะคาดเดาความรู้สึก
“มากับฉัน” เขาพูดเสียงเบา “เดี๋ยวนี้”
แม้ว่าจะไม่เข้าใจว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น แต่เด็กหญิงก็ลุกตามไปอย่างว่าง่าย สเนปไม่พูดอะไรหลังจากนั้นอีก ทำให้อีวานเจลีนต้องเก็บความสงสัยไว้ในใจ และเดินไปอย่างเงียบเชียบเท่านั้น
ทั้งคู่เดินมาถึงห้องพยาบาลในที่สุด มีหลายคนอยู่ที่นั่นก่อนหน้าพวกเธอแล้ว ทั้งแฮร์รี่ ที่กำลังนอนพักฟื้นอยู่บนเตียงกับรอยแผลถลอกปอกเปิกทั่วตัว โดยมีเพื่อนๆ และคนรู้จักของเขาเฝ้าอยู่ไม่ห่าง พร้อมด้วยสุนัขสีดำตัวใหญ่ซึ่งดูเชื่องผิดวิสัยตัวหนึ่งนอนหมอบอยู่ใกล้ๆ รวมถึงคณาจารย์อีกหลายคนที่ผุดลุกผุดนั่งอย่างกังวลใจ
ทุกๆคนมีสีหน้าเคร่งเครียดเมื่อต้องเป็นผู้อยู่ในเหตุการณ์ ‘การแลกเปลี่ยนทัศนวิสัย’ ที่ไม่ค่อยตรงกัน ระหว่างศาสตราจารย์ดัมเบิลดอร์ผู้เป็นอาจารย์ใหญ่ กับรัฐมนตรีกระทรวงเวทมนตร์ คอร์นีเลียส ฟัดจ์
“รอตรงนี้” สเนปพูดเสียงเย็น ก่อนจะเดินเข้าไปสมทบกับคนอื่นๆ เฝ้ามองการโต้เถียงที่ดูจะทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ นั้นอย่างสงบนิ่ง
ฟัจด์ไม่มีท่าทีว่าต้องการจะรับฟังอะไรก็ตามที่คู่สนทนาของตนพูดอยู่เลย เขาคัดค้านหัวชนฝาต่อทุกสิ่งที่ออกมาจากปากของดัมเบิลดอร์
“คนเดียวที่ผมจะทำงานเป็นปฏิปักษ์ด้วย คือลอร์ดโวลเดอมอร์... ” ดัมเบิลดอร์พูด อีวานเจลีนและอีกหลายคนในห้องสะดุ้งโหยงเพียงแค่ได้ยินชื่อนั้น “หากคุณต่อต้านเขา คอร์นีเลียส เราก็ยังอยู่ข้างเดียวกัน”
“เขากลับมาไม่ได้หรอก ดัมเบิลดอร์ เขาไม่มีทางกลับมา...”
เสนปเดินตรงไปหาฟัดจ์ในที เขาม้วนชายแขนเสื้อด้านซ้ายของตนขึ้น และยื่นท้องแขนให้ฟัดจ์ดูอย่างรวดเร็ว -- อีวานเจลีนเข้าใจในที่สุด ว่าเพราะเหตุใดถึงมีความกังวลที่ปรากฏชัดในดวงตาของสเนปตลอดหลายเดือนที่ผ่านมานี้
ดวงตาสีดำสนิทจ้องเขม็งไปยังร่องรอยสีดำเกรียมอันน่าหวั่นเกรงนั้น มันเด่นหราอยู่บนท้องแขนด้านซ้ายที่ขาวซีดของเขา เธอเห็นปฏิกิริยาแห่งความรังเกียจเดียดฉันท์ -- และหวาดกลัว -- จากคอร์นีเลียส ฟัดจ์ ผู้เป็นรัฐมนตรีกระทรวงเวทมนตร์อย่างชัดเจน รวมถึงคนอื่นๆ ที่ยังคงอยู่ในห้องพยาบาลอีกด้วย
มันดูราวกับเป็นรอยสักอัปลักษณ์ที่ฝังติดแน่นอยู่บนผิวหนัง หัวกะโหลกและตัวงูที่คล้ายจะขยับไหวไปมาบนแขนนั้นเกี่ยวกระหวัดกันจนเป็นสัญลักษณ์ที่ทุกคนต่างหวาดกลัวที่จะได้เห็น
ตรามาร
“...ตลอดทั้งปีที่ผ่านมา ตรานี้ปรากฏชัดขึ้นเรื่อยๆ ที่แขนของคาร์คารอฟก็เหมือนกัน ท่านคิดว่าคาร์คารอฟหนีไปคืนนี้เพราะอะไรหรือ เราสองคนรู้สึกถึงตรามารที่ร้อนจัดขึ้นมา เรารู้ว่าเขากลับมาแล้ว...”
ฟัดจ์ถอยห่างออกจากสเนปไปหลายก้าว ตัวสั่นอย่างควบคุมไม่ได้ แม้ว่าจะพยายามปิดบังอาการเหล่านั้นมากเพียงใดก็ไม่สามารถซ่อนมันได้ เขาไม่สนใจที่จะรับฟังอะไรก็ตามที่สเนปพูด แต่ตรงดิ่งมากระซิบกระซาบกับดัมเบิลดอร์อย่างหัวเสีย ก่อนจะเอาทองถุงใหญ่ซึ่งเป็นรางวัลของผู้ชนะการประลองวางไว้ที่ข้างเตียงของแฮร์รี่ แล้วเดินจากไปอย่างรวดเร็ว
ดัมเบิลดอร์ดูจะหงุดหงิดกับท่าทีของฟัดจ์ อีวานเจลีนสังเกตได้ว่ามันปรากฏชัดเจนในดวงตาสีฟ้าคู่นั้นมากเพียงใด ชายชรารีบสั่งการภารกิจเร่งด่วนให้คนอื่นๆที่เหลือในทันที รออะไรไม่ได้อีกแล้ว จากนั้นจึงกวาดตาไปรอบห้อง และหยุดลงที่อีวานเจลีนครู่หนึ่ง มองเธออย่างครุ่นคิด ก่อนจะหันกลับไปและเริ่มพูดบางอย่างขึ้นมา
“ทีนี้ ถึงเวลาที่สมาชิกของเราสองคนจะยอมรับกันและกันในสภาพที่แท้จริง ซีเรียส... โปรดคืนสภาพด้วย”
สุนัขสีดำตัวใหญ่เงยหน้ามองดัมเบิลดอร์ครู่หนึ่ง แล้วในฉับพลันทันใด มันก็เปลี่ยนร่างเป็นผู้ชายร่างผอมสูงในสภาพทรุดโทรมสุดๆ ยืนอยู่ท่ามกลางวงล้อมของคนที่ยังเหลือในห้องตอนนี้
“มัน!” สเนปส่งสายตาชิงชังราวกับจะกินเลือดกินเนื้อไปให้ ผิดกับนางวีสลีย์ที่กรีดร้องและกระโดดถอยหลังด้วยความตกใจ
อีวานเจลีนรู้ว่าชายคนนี้เป็นใคร ใบหน้าของเขาเคยปรากฏอยู่บนหนังสือพิมพ์ทุกฉบับเมื่อหนึ่งปีที่แล้ว
ซีเรียส แบล็ก
“เขามาที่นี่ตามคำเชิญของฉัน” ดัมเบิลดอร์พูดพลางมองทั้งคู่สลับกันไปมา “เซเวอร์รัส ฉันไว้ใจเธอ และฉันก็ไว้วางใจเธอทั้งสองคน ถึงเวลาที่เธอทั้งสองคนจะต้องเก็บวางเรื่องในอดีตไว้ก่อน และไว้ใจกันและกัน”
ทั้งคู่ยังคงมองฝ่ายตรงข้ามด้วยแววตาที่มีแต่ความชิงชัง
“ในระหว่างนี้ ฉันจะพอใจ” ดัมเบิลดอร์เริ่มจะหมดความอดทนเข้าไปทุกที เมื่อมองท่าทีที่ซีเรียสและสเนปมีต่อกัน “แค่อย่าได้แสดงความเป็นปฏิปักษ์ต่อกันออกมาอย่างเปิดเผย เธอสองคนจงจับมือกัน บัดนี้พวกเธออยู่ข้างเดียวกันแล้ว เวลาเหลือน้อย และหากเราสองสามคนที่รู้ความจริงไม่สามัคคีกัน ก็ไม่เหลือความหวังใดอีกแล้วสำหรับเราแม้แต่คนเดียว”
แค่เสี้ยววินาทีเท่านั้นที่พวกเขาจับมือ จากนั้นจึงผละออกจากกันราวกับต้องของร้อน สายตาอาฆาตแค้นที่มีให้กันทั้งสองคู่นั้นช่างเด่นชัดเหลือเกิน และคงจะยังไม่จางหายไปในเร็ววันนี้แน่ ดัมเบิลดอร์ถอนหายใจ แต่ไม่มีเวลาจะมากังวลกับเรื่องนี้อีกแล้ว จึงรีบสั่งการให้ซีเรียสทำงานที่เขาจะต้องทำ ซีเรียสรับคำอย่างกระตือรือร้น เขาร่ำราแฮร์รี่ แล้วแปลงร่างเป็นสุนัขตัวยักษ์ดังเดิม ก่อนจะวิ่งไปที่ประตูและหายลับไป
“เซเวอร์รัส เธอรู้ว่าฉันต้องขอให้เธอทำอะไร ถ้าเธอพร้อม... ถ้าเธอยินดี...”
แม้จะดูซีดเผือดกว่าปกติ แต่เขาก็ตอบรับไปอย่างรวดเร็ว
“ยินดีครับ”
“ถ้าเช่นนั้น ขอให้โชคดี”
สเนปหายไปจากห้องพยาบาล เช่นเดียวกับซีเรียส
ดัมเบิลดอร์นิ่งเงียบไปหลายนาที ก่อนที่เขาจะเดินมาหาอีวานเจลีนซึ่งยืนรับฟังทุกอย่างเงียบๆที่มุมห้อง เขามองเธออย่างอ่อนโยน แต่แฝงไว้ด้วยแววแห่งความรู้สึกผิดที่ยากจะปิดบัง
“ส่วนเธอ มิสสเนป กรุณามากับฉันด้วย...”
ดวงตาสีฟ้าใสมองเธออีกครั้ง และนิ่งเงียบไปสักพัก จากนั้นจึงละสายตาไปจากอีวานเจลีนในที่สุด
“ฉันต้องลงไปข้างล่าง” เขาพูดกับแฮร์รี่ “ฉันต้องไปพบสามีภรรยาดิกกอรี่นะ แฮร์รี่... ดื่มยาที่เหลือให้หมด ฉันจะมาพบพวกเธอทุกคนทีหลัง...ไปกันเถอะมิสสเนป”
อีวานเจลีนเดินออกมาจากห้องพยาบาลพร้อมกับดัมเบิลดอร์ ทั้งคู่ไม่พูดอะไรกัน ไม่มีแม้สักคำ มีเพียงความเงียบที่ส่งผ่านออกมาเท่านั้นที่เป็นตัวสื่อสารทุกอย่าง จนกระทั่งเดินมาถึงทางแยกที่เชื่อมลงไปสู่ส่วนล่างของปราสาท จึงได้ยินเสียงของชายชราอีกครั้ง
“อยากที่บอกไปนะ ว่าฉันต้องไปเรื่องของคุณดิกกอรี่ก่อน” เขาพูดด้วยน้ำเสียงอบอุ่น “เธอไปรอฉันที่ห้องอาจารย์ใหญ่นะ แล้วฉันจะตามไป... ช่วงนี้ฉันชอบกินลูกอมกรด”
อีวานเจลีนพยักหน้ารับในขณะที่ดัมเบิลดอร์ผละไปอีกทางหนึ่ง เธอมองตามแผ่นหลังนั้นจนกระทั่งเขาหายลับไป จากนั้นจึงเดินไปที่ห้องของอาจารย์ใหญ่ตามคำสั่งทันที
สองขาก้าวเดินไปเบื้องหน้าอย่างไร้เรี่ยวแรงผิดปกติ ดวงตาสีดำสนิททั้งคู่สั่นระริก บางอย่างทำให้อีวานเจลีนรู้สึกไม่สบายกายและใจอย่างหนัก แย่มากจนอยากร้องตะโกนออกมา หัวใจของเด็กหญิงนั้นเต้นแรงอยู่ภายในอกอย่างบ้าคลั่ง ขมับปวดเกร็งใกล้ระเบิด ท้องไส้บิดเกลียวเสียจนอยากอาเจียน ช่างเป็นการเดินทางที่เต็มไปด้วยความเครียดเขม็งที่สุดที่เคยเกิดขึ้นกับตนเอง ผิดกับท่าทีภายนอกอันสงบนิ่งที่แสดงออกมาราวฟ้ากับเหว
เธอกำลังกลัว... กังวล...และหวาดหวั่น มันชัดเจนจนไม่สามารถหลอกตัวเองได้ เมื่อภายในหัวเอาแต่คิดเกี่ยวกับกับสิ่งที่คาดว่า จะต้องเกิดขึ้นในเร็วๆนี้ แม้ว่าจะยังไม่แน่ใจเท่าใดนัก แต่ก็รู้ว่านั่นไม่ใช่สิ่งง่ายต่อการปฏิบัติแน่
เธอรู้... ว่าในอนาคต จะต้องได้ทำอะไร
เธอรู้... ว่าหน้าที่ ของเธอคืออะไร
เธอรู้... ว่าเธอเกิดมา เพราะอะไร
เพราะรู้ทุกสิ่งทุกอย่าง ทำให้สิ่งที่คาดเดาว่าจะเกิดขึ้นต่อจากนี้จึงเป็นสิ่งที่น่าหวาดหวั่นเกินไปสำหรับเด็กหญิงอายุเพียงสิบสองปี
“ลูกอมกรด” อีวานเจลีนพูดเสียงเบา รูปปั้นหินขนาดใหญ่มีชีวิตขึ้นมาทันที มันมองเธอก่อนขยับหลบไปด้านข้าง กำแพงด้านหลังแยกออกจากกันแล้วจึงปรากฏเป็นบันไดเวียนหินที่เคลื่อนไหวได้ อีวานเจลีนก้าวไปบนบันได และเปิดประตูเข้าห้องที่ไม่ได้ล็อกไว้ของดัมเบิลดอร์ทันที
ห้องพักอาจารย์ใหญ่เป็นห้องที่สวยงามกว้างขวาง และเต็มไปด้วยพลังอำนาจที่แปลกประหลาดเป็นอย่างยิ่ง อาจเพราะรูปเหมือนของอาจารย์ใหญ่คนก่อนๆของโรงเรียนที่มองแขกผู้มาเยือนอย่างสนอกสนใจ รวมทั้งนกฟีนิกส์สีแดงเพลิงหนึ่งตัวที่เกาะอยู่บนคานทองคำตัวนั้นด้วยก็เป็นได้
“อาจารย์ใหญ่คงเห็นว่าเวลาของเธอใกล้จะมาถึงแล้ว” เสียงเยียบเย็นดังขึ้นจากมุมๆหนึ่ง อีวานเจลีหันไปมอง— สเนปนั่นเอง เขาก็มารอดัมเบิลดอร์เหมือนกับเธอ
เธอไม่ได้ตอบอะไรกลับไป ตอนนี้ใบหน้าอ่อนเยาว์นั้นดูซีดเผือดจนเกือบจะเปลี่ยนเป็นไร้สีเลือด เช่นเดียวกับสเนป และอีวานเจลีนตอบไม่ได้ด้วยซ้ำ ว่าระหว่างเขาและเธอ ใครคนใดที่กำลังกังวลใจมากกว่ากัน
ต่างคนต่างเงียบ ไม่มีใครพูดอะไรต่อจากนั้นอีก จนกระทั่งดัมเบิลดอร์เปิดประตูเข้ามาในห้อง เขามีท่าทางเคร่งขรึมเป็นอย่างมาก พ่อมดชราเดินอ้อมโต๊ะใหญ่ไปนั่งยังเก้าอี้ของตน มือกุมขมับ ก่อนจะเริ่มเปิดปากพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่แฝงไว้ด้วยความกังวล
“สงครามเริ่มแล้ว” เขามองมาที่สเนปทั้งสองอย่างหวั่นใจ “ฉันไม่เคยอยากให้พวกเธอทำสิ่งที่พวกเธอต้องทำ เลย แต่เดาว่ามันคงถึงเวลาแล้ว”
“ผมจะกลับไปทันทีครับ” สเนปพูดขึ้น
“ฉันต้องขอโทษเธอจริงๆนะเซเวอร์รัส ที่ต้องขอร้องให้เธอต้องทำเรื่องที่เสี่ยงอันตรายขนาดนั้น” ดวงตาสีฟ้ามองเขานานพอสมควร ก่อนหันไปมองอานเจลีนที่ยืนอยู่ข้างกัน “และเธอด้วยสาวน้อย”
อีวานเจลีนไม่ตอบอะไร เธอทำเพียงแค่มองดัมเบิลดอร์เท่านั้น
“ที่ฉันเรียกเธอมาในวันนี้ เพราะอย่างที่เรารู้กัน... ว่าอีกไม่กี่นาทีต่อจากนี้ เซเวอร์รัสต้องกลับไปหาโวลเดอมอร์” เขาพูดชื่อที่ทำให้เด็กหญิงต้องกัดริมฝีปาก “และฉันเสียใจ ที่ต้องบอกว่าเซเวอร์รัสจำเป็นต้องรายงานเรื่องของเธอให้โวลเดอมอร์รู้... เขาจำเป็น ต้องทำ เพราะถ้าไม่ ฉันคิดว่านี่อาจจะเป็นครั้งสุดท้ายที่เซเวอร์รัสได้คุยกับเราแบบยังมีลมหายใจ
“แต่โปรดวางใจ” ดัมเบิลดอร์เสริม “ว่าเธอจะยังไม่ได้พบกับโวลเดอมอร์ในเร็ววันนี้-- แต่ฉันมั่นใจเหลือเกิน ว่าในสักวันหนึ่งเขา จะต้องเรียกหาเธอแน่...”
“...ฉันเข้าใจค่ะ...” หลังจากที่ไม่ได้พูดอะไรกับดัมเบิลดอร์มาตลอด ในท้ายที่สุด อีวานเจลีนก็ตอบรับเขาเสียงแผ่วเบา ดวงตาสีดำสนิทนั้นมั่นคงและตั้งมั่น แต่ลึกๆกลับแฝงไปด้วยความหวั่นวิตก “ฉันเข้าใจ...จริงๆ”
“ช่างเป็นเรื่องที่ไม่ควรจะเกิดขึ้นกับคนที่มีอายุน้อยเช่นเธอ” ดัมเบิลดอร์พูดอีกครั้ง ตาสีฟ้าอ่อนนั้นสะท้อนแต่ความรู้สึกผิด “น่าเศร้าเหลือเกินที่ต้องบอกความจริง แต่ถ้าเธอได้รู้มันจะสามารถช่วยให้เธอเตรียมตัวให้พร้อมรับกับทุกอย่างได้ เพราะหลังจากที่เซเวอร์รัสกลับไปหาเขา – เราหลีกเลี่ยงความจริงข้อหนึ่งไม่ได้ นั่นคือ...นอกจากแฮร์รี่ พอตเตอร์แล้วก็คงจะเป็นเธอ...ที่โวลเดอมอร์ต้องการตัวมากที่สุด”
ความรู้สึกที่หนักอึ้งเข้ากอบกุมใจดวงน้อย อีวานเจลีนหวาดกลัวและเป็นกังวล...
ต่อความจริงที่เธอรู้มานานแล้วว่าจะต้องเกิดขึ้นกับตนเอง
(อธิบายเพิ่มเติม ดังที่เห็นไป นี่เป็นเหตุการณ์ตามหนังสือเล่ม 4 ที่แฮร์รี่กำลังอยู่ในช่วงพักฟื้นห้องพยาบาลหลังโวลเดอมอร์กลับมาแล้ว และจับบาร์ตี้ เคร้าช์ จูเนียร์(แมดอายตัวปลอม)เรียบร้อย และกำลังสั่งการให้แต่ละคนไปทำงานของภาคี เช่น ส่งบิลไปบอกข่าวนายวีสลีย์ ส่งซีเรียสไปรวบรวมภาคีคนอื่นและเตือนภัย ให้มักกอนนากัลไปตามแฮกริดกับมาดามมักซีมเพื่อให้หาพันธมิตรชาวยักษ์ และมาดามพรอมฟรีย์ที่ต้องไปดูแลวิ้งกี้(เอล์ฟประจำตระกูลเคร้าช์) ที่พึ่งสูญเสยเจ้านายของตน (แม้ดอายส์ตัวปลอม) จากการโดนจุมพิตผู้คุมวิญญาณตามคำสั่งกระทรวง และสเนปที่ต้องกลับไปหาโวลเดอมอร์ นั่นเองจ้า
หายหน้าไปนานกว่าปกติ คิดถึงกันม้ายยยยย
อยากจะบอกว่าที่มีคนเมนต์ทายกันมา ว่าใครจะเป็นคนที่เรียกอีวานเจลีนด้วยชื่อเล่นนั้น เราอ่านทุกคนค่ะ แต่ห้ามใจไม่ให้เฉลยคำตอบ
แต่!
มีคนทายถูกด้วยนะ
ฮ่าๆ ดีใจฝุดๆเลย
เจอกันตอนหน้าค่า
อย่าลืมเม้นต์เป็นกำลังใจหน่อยเน้อ ได้อ่านเมนต์แล้วมีแรงแต่งค่ะ!
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

#อีบร้านั้นมันคนละเรื่อง
นอกจากตาสีแดงงูของอีวานกับที่น่าจะฟังภาษาพาร์เซลต์ได้แล้ว ก็ไม่มีอะไรโดดเด่นให้โวลดี้ต้องการเลยนี่นา???
เฮ่อ ภาคนี้เป็นภาคที่ค่อนข้างสะเทือนใจ เพราะเซดริกตาย ; - ; )
รู้สึกหน่วงจากเลยค่ะ T _ T)
ไรท์แต่งเอาเรื่องของตัวเองมาผูกกับเรื่องออริได้กลมกลืนมากๆค่ะ ชอบจัง
อีวาเป็นใครน้อ //กลับไปดูเม้นหน้าที่แล้ว
ขอบคุณมากค่า อ่านทุกคนทุกเม้นต์น้า
//ปมอีวานี่น่าสนใจมากกกก อยากรู้ๆๆๆๆๆ