ตอนที่ 5 : Prepare yourself
V : Prepare yourself
ดวงตาสีดำสนิททอดมองไปเบื้องหน้า จับจ้องที่ต้นไม้ใบหญ้าที่มีละอองน้ำและเกล็ดหิมะปกคลุมเป็นหย่อมๆ อีวานเจลีนกระชับเสื้อคลุมกันหนาวที่สวมอยู่ให้แนบกับตัวมากขึ้น มือขาวซีดถูกันไปมาเพื่อเพิ่มความอบอุ่นให้แก่ร่างกาย ฤดูหนาวกำลังจะผ่านพ้นไปแล้ว แต่อุณหภูมิกลับอุ่นขึ้นเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ทำให้ภาพของนักเรียนที่ยังสวมโค้ทตัวหนายังเป็นสิ่งที่ยังเห็นกันได้อยู่
เธอเดินผ่านส่วนหย่อมเล็กๆ ซึ่งเชื่อมเข้าไปยังระเบียงทางเดินคนเดียว อากาศเย็นพอสมควรสำหรับฤดูหนาวในปีนี้ และเธอไม่ค่อยชอบเท่าไรนัก
นักเรียนชายตัวใหญ่กลุ่มหนึ่งเดินผ่านเธอไปราวกับมองไม่เห็น ทั้งหมดสวมชุดเสื้อผ้าที่แตกต่างจากชุด นักเรียนของฮอกวอตซ์อย่างสิ้นเชิง เสื้อคลุมกันหนาวตัวหนาที่ทำจากขนเฟอร์นั้นดูจะทำให้ตัวดูใหญ่กว่าความเป็นจริงเกือบสองเท่า พวกเขาดูไม่ทุกไม่ร้อนกับสภาพอากาศแบบนี้สักเท่าไร มิหนำซ้ำยังเหมือนจะเคยชินกับความหนาวเหน็บที่ทารุณโหดร้ายกว่าที่นี่เสียด้วยซ้ำ— นักเรียนจากเดิร์มสแตรงก์
สักพักก็เป็นกลุ่มคนหน้าตาดีในชุดคลุมผ้าไหมสีฟ้าอ่อน ที่สวมเสื้อกันหนาว ผ้าพันคอ หมวกไหมพรม และถุงมือจนตัวหนาขึ้นอย่างเห็นได้ชัด – นักเรียนของโบซ์บาตง
ทั้งสองโรงเรียนต่างทักทายกันอย่างสุภาพด้วยภาษาอังกฤษสำเนียงเปร่งหู และไม่แม้แต่จะรู้สึกถึงการมีตัวตนของเธอด้วยซ้ำ
ดวงตาสีดำสนิทหยุดมองกลุ่มคนเหล่านั้นจนกระทั่งหายลับไป ก่อนจะเริ่มเดิมต่อ เพื่อไปที่ห้องเรียนวิชาปรุงยาซึ่งอยู่ในคุกใต้ดินตามแผนเดิมที่วางเอาไว้
อีวานเจลีนเป็นนักเรียนชั้นปีที่สองได้ราวๆ สี่เดือนแล้ว และในปีนี้ ที่ฮอกวอตซ์มีกิจกรรมพิเศษที่ไม่ได้ถูกจัดขึ้นหลายปีแล้วอีกด้วย
การประลองเวทไตรภาคี
ทำให้อธิบายอะไรๆได้ง่ายขึ้นเยอะ ว่าทำไมถึงมีนักเรียนจากต่างถิ่นเดินปะปนอยู่ในฮอกวอตซ์อย่างเคยชินเช่นนี้
สามโรงเรียนเวทย์หมดที่ยิ่งใหญ่ในยุโรป -- ฮอกวอตซ์ โบซ์บาตง และเดิร์มสแตรงก์ -- หมายมาดจะหาหนทางกระชับมิตรระหว่างกัน จนเกิดเป็น... การแข่งขันที่สุดแสนอันตรายนี้ขึ้นมา
นี่เป็นการจัดงานประลองเวทย์ครั้งแรกในรอบหลายปี และมีอะไรหลายอย่างที่ปรับปรุงขึ้นจากเมื่อก่อนมาก
ทางผู้จัดงานทุกฝ่าย -- ทั้งกองความร่วมมือด้านเวทมนตร์ระหว่างประเทศ และกองควบคุมดูแลเกมและกีฬา รวมทั้งสามโรงเรียนเวทมนตร์ที่ผลัดกันเป็นเจ้าภาพในแต่ละปี -- พยายามลดอัตราการเสียชีวิตของผู้เข้าแข่งขันลงอย่างเต็มที่ โดยการคิดค้นภารกิจกิจที่ไม่อันตรายมากเท่าเมื่อก่อน และจำกัดอายุผู้มีสิทธิ์สมัครโดยห้ามต่ำกว่าสิบเจ็ดปี
ทุกคนเฝ้าหวัง ว่าทุกอย่างจะอยู่ในความควบคุม
แต่จนแล้วจนรอดก็ยังเกิดเรื่องผิดพลาด เป็นความผิดปกติที่ขึ้นกับถ้วยอัคนีซึ่งทุกคนไม่คาดคิดมาก่อน เมื่อมันพ่นชื่อตัวแทนคนที่สี่ออกมาท่ามกลางสายตาตกตะลึงของทุกคนที่อยู่ในห้องโถง – แฮร์รี่ พอตเตอร์ เด็กอายุเพียงสิบสี่ปีที่ไม่มีแม้แต่สิทธิ์ที่จะก้าวเข้าไปใกล้ถ้วยนั่นเลย
และทุกอย่างจบลง ด้วยการต้องจับพลัดจับผลูเข้าร่วมการแข่งขันท่ามกลางเสียงดูถูกดูแคลนจากนักเรียนโรงเรียนตัวเองเกือบทั้งหมด อีวานเจลีนเดาว่าเขาต้องเครียดพอสมควรที่ต้องเป็นตัวแทนอีกคนของฮอกวอตซ์ภายใต้ความกดดันเช่นนั้น แต่เพราะเป็นคนที่ทำคะแนนได้ดีที่สุดในภารกิจแรก เรื่องต่างๆจึงเริ่มคลี่คลายลง
เด็กหญิงเดินมาจนถึงห้องเรียนที่อยู่ในคุกใต้ดินในที่สุด มีนักเรียนบางส่วนนั่งประปราย (กริฟฟินดอร์มาถึงห้องเรียนมากกว่าสลิธีริน) พวกเขานำหม้อต้มยาและส่วนประกอบของยาที่จะได้เรียนในวันนี้ขึ้นวางบนโต๊ะ เธอเดินเข้าไปหาที่นั่งซึ่งอยู่ตรงมุมห้องด้านหลัง จากนั้นจึงเริ่มเตรียมวัตถุดิบปรุงยาเหมือนคนอื่น
เมื่อใกล้จะถึงเวลาเรียน นักเรียนทุกคนก็นั่งกันตามโต๊ะอย่างพร้อมเพรียง ไม่มีใครกล้าเสี่ยงมาเรียนสายในวิชาปรุงยานี้ แม้แต่นักเรียนบ้านสลิธีรินเองก็ตามที
“ตาปลาปักเป้าฉันหาย” แอสโทเรียพูดขึ้นทันทีที่นั่งลงข้างอีวานเจลีนด้วยสีหน้าเครียดเขม็ง “ขวดโหลฉันนอนล้มอยู่ที่ปลายเตียง เปิดทิ้งไว้ เดาว่าสัตว์เลี้ยงของใครสักคนคงกินตาปลาฉันไปแล้ว” สีหน้าของเธอเปลี่ยนไปเป็นขยะแขยงขึ้น เมื่อพูดถึงตรงนี้ เธอหยิบโหลที่ควรจะมีตาปลาออกมาจากกระเป๋า มองมันอย่างสิ้นหวัง “ถ้าไม่มีฉันตายแน่ เธอพอจะมีแบ่งไหม”
“มีสิ--นี่ไง” อีวานเจลีนเทตาปลาปักเป้าของตนแบ่งใส่โหลแก้วที่ว่างเปล่าของแอสโทเรีย จนเริ่มมีจำนวนเท่ากันทั้งสองขวด “แต่ยาของเราคงต้องทำแบบไม่ผิดพลาดเลยล่ะ”
“ฉันลองไปอ่านเกี่ยวกับน้ำยาพองตัวมาแล้ว” แอสโทเรียบอกอย่างร่าเริง เมื่อยังไม่เห็นวี่แววของอาจารย์ที่ควรจะมาถึงห้องเรียนได้แล้วอย่างสเนป “เป็นยาที่ปรุงได้ไม่ยากเท่าไร สมองเท่าโทรลล์แบบยัยเซลวินยังทำได้เลย แต่ประสิทธิภาพจะดีแค่ไหนก็--”
“มิสกรีนกราส” เสียงหนึ่งดังขึ้นจากด้านหลัง ไม่ต้องหันไปมองก็รู้ได้ทันทีว่าเป็นใคร “ถ้าว่างมากขนาดจะคุยเล่นสนุกกันกับเพื่อนแทนที่จะเตรียมตัวให้พร้อมกับการเรียน ฉันหวังว่าพอท้ายคาบ น้ำยาของเธอทั้งสองคนจะเป็นน้ำยาที่แสดงประสิทธิภาพได้ดีที่สุดนะ”
หักสลิธีริน 10 คะแนน
เป็นเสียงที่เด็กนักเรียนบ้านกริฟฟินดอร์อยากได้ยินต่อจากนั้นเป็นอย่างยิ่ง แต่ก็ต้องผิดหวังตามเคย สเนปไม่เคยหักคะแนนนักเรียนบ้านตัวเอง แม้ว่าจะทำตัวแย่และงี่เง่าแค่ไหน
“หักกริฟฟินดอร์ห้าคะแนน” บ้านที่ถูกพาดพิงมองหน้ากันไปมาอย่างสงสัย “โทษฐานไม่ตักเตือนเพื่อนให้ทำตัวเหมาะสม”
‘อะไรวะ!’
ไม่มีเด็กกริฟฟินดอร์สักคนที่กล้าโต้เถียง จึงทำได้แค่สบถไม่เป็นภาษาในใจเท่านั้น เพราะไม่ว่าอย่างไร ความยุติธรรมก็ไม่เคยเกิดขึ้นในชั้นเรียนนี้ และจะไม่มีทางเกิดขึ้นแน่หากสเนปยังเป็นคนที่สอนวิชาปรุงยาในฮอกวอตซ์อยู่
สเนปเริ่มคาบเรียนภายหลังจากขานชื่อนักเรียนทุกคนเสร็จ เขาบรรยายสรรพคุณรวมถึงวิธีการปรุงยาอย่างคร่าวๆ ให้นักเรียนฟังอยู่ราวสิบห้านาที จากนั้นจึงเริ่มปล่อยให้แต่ละคนจัดการทำน้ำยาพองตัวของตนเองขึ้นมาจากหนังสือ ให้ตรวจสอบตอนท้ายคาบ เขาเดินวนเวียนดูนักเรียนของตนสักพัก – นักเรียนบ้านกริฟฟินดอร์ไม่กล้าขยับตัวเมื่อเขาเดินไปใกล้ -- จากนั้นจึงเดินกลับไปนั่งยังโต๊ะประจำตัวในที่สุด
แอสโทเรียปรุงยาของตนอย่างตั้งใจมากกว่าครั้งไหนๆ เธอต้องพยายามทำให้ยาของตัวเองมีประสิทธิภาพดีที่สุดในห้อง เพื่อไม่ให้โดนต่อว่าอีกครั้ง ผิดกับอีวานเจลีนที่ทำทุกอย่างไปด้วยความเรียบเฉยเหมือนปกติ...
เพราะถึงอย่างไร ทุกสิ่งทุกอย่างที่เธอทำก็ไม่มีทางดูดีในสายตาเขาอยู่แล้ว
อีวานเจลีนละสายตาจากหม้อต้มที่เริ่มจะใสเกินกว่าที่ควรจะเป็นไปยังชายผิวขาวซีดในชุดสีดำ และสังเกตเห็นว่าใบหน้าของเขาเครียดเขม็งมากกว่าปกติอย่างเห็นได้ชัด เขาไม่ได้สนใจนักเรียนเหมือนที่มักจะทำ แต่กลับเหม่อลอยอยู่ในห้วงความคิด และมีหลายครั้งที่เจ้าตัวเผลอเอื้อมมือไปลูบที่ท้องแขนข้างซ้ายของตนเบาๆ พร้อมกับขบเม้มริมฝีปากแน่น
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอจับความผิดปกติได้ – นับตั้งแต่คาบเรียบแรกหลังจบงานเลี้ยงเต้นรำพิเศษในวันคริสต์มาส หลังจากการแข่งภารกิจที่หนึ่งเสร็จเรียบร้อย – มันก็เกิดบ่อยขึ้นเรื่อยๆ พอๆ กับจำนวนครั้งที่อาจารย์ใหญ่คาร์คารอฟของสถาบันเดิร์มสแตรงก์บุกมาหาเขาระหว่างสอน หรืออาจเป็นการโดนกักบริเวณที่ห้องปรุงยาหลังเลิกเรียนของเธอที่เพิ่มขึ้น
ดูจากรูปการ เดาว่าวันนี้เธอคงโดนกักบริเวณอีกแน่
“น้ำยานี่ใสและจืดจางพอๆกับความรู้ที่มีในสมองอันน้อยนิดของเธอเลยนะ” หลังเหลือเวลาเพียงหนึ่งชั่วโมง สเนปก็เริ่มการวิจารณ์ผลงานการปรุงยาของนักเรียนคนแรกจากบ้านกริฟฟินดอร์ทันที คนที่ถูกวิจารณ์ส่งเสียงดังฮึในลำคออย่างไม่พอใจ แต่ก็ไม่กล้าตอบโต้อะไรมากกว่านั้น “อย่าว่าแต่เอาไปขายเลย ต่อให้ให้ฟรีก็คงไม่มีคนเอา”
นักเรียนบ้านสลิธีรินหัวเราะคิกคัก เว้นแอสโทเรียและอีวานเจลีนเท่านั้น
เขาเดินมาหานักเรียนคนอื่นๆ ที่เหลือ
“แย่ -- ไม่ได้เรื่อง -- ตอนทำยังมีสติดีอยู่หรือเปล่า -- ก็พอได้ -- ถือว่าผ่าน -- เท่านี้พอแล้วล่ะ”
ไม่มีน้ำยาของกริฟฟินดอร์คนใดที่ได้รับคำชม เช่นเดียวกับไม่มีน้ำยาของนักเรียนในบ้านสลิธีรินสักคนที่โดนวิพากษ์วิจารณ์อย่างแสบสัน— ยกเว้นก็แต่เด็กหญิงที่มีนามสกุลเหมือนอาจารย์ประจำวิชาเพียงคนเดียวเท่านั้น
“แล้วนี้ล่ะ มันดูไม่เหมือนน้ำยาพองตัวที่ฉันเคยเห็นเลย ฉันคิดว่าหนังสือก็มีบอกสิ่งที่จำเป็นอยู่ทุกอย่างแล้วนะ แล้วทำไมยาของเธอถึงได้เป็นแบบนี้อีก” เขามองผลงานของอีวานเจลีน จมูกใหญ่เหมือนตะขอนั้นเชิดขึ้นราวกับคนที่กำลังหงุดหงิด ซึ่งเธอก็ทำแค่เพียงก้มหน้ารับฟังคำวิจารณ์ของเขาอย่างสงบเงียบ ไม่แก้ตัวหรือตอบโต้อะไรใดๆทั้งสิ้น
และแล้วเขาก็จบคาบเรียนด้วยสิ่งที่อีวานเจลีนคาดมาตลอดว่าจะต้องได้ยิน
“กักบริเวณหนึ่งสัปดาห์กับฉัน... เริ่มเย็นนี้”
อีกแล้วสิ
อีวานเจลีนรีบนำกระเป๋าและอุปกรณ์ปรุงยาของตนไปเก็บที่หอนอน ก่อนจะไปทานมือเย็นกับแอสโทเรียที่ห้องโถงรวม และขอตัวออกมาก่อนทั้งๆที่อีกฝ่ายยังกินไม่เรียบร้อย เธอตรงไปที่คุกใต้ดินตามเวลาที่ถูกนัดไว้ และหายเข้าไปในห้องนั้นอย่างรวดเร็ว
สเนปยืนรออยู่ในห้องนานแล้ว บางทีอาจจะไม่ได้ออกไปไหนเลยตั้งแต่คาบของเธอซึ่งเป็นคาบสุดท้ายของวันก็ได้ ใบหน้าของเขาไม่ได้บูดบึ้ง—เวลามองเธอ—เหมือนปกติ แต่กลับเปลี่ยนเป็นขมวดนิ้วมุ่นเข้าหากันอย่างน่าประหลาดเท่านั้น
“มันชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ” เขาพูด น้ำเสียงแสดงออกถึงความกังวลใจ มือขวากำแน่นที่ท่อนแขนซ้าย “และเธอยังไม่พร้อม”
“อะไรที่ชัดเจนคะ...”
“นั่นมันเรื่องของฉัน” เขาพูด พลางบีบแขนของตนแรงกว่าเก่า “ส่วนเรื่องของเธอ -- สิ่งที่ต้องทำตอนนี้คือการฝึกฝนตัวเองอย่างหนัก ท่าน อาจจะต้องใช้เธอเร็วกว่าที่คิด”
อีวานเจลีนเงียบไป ดวงตาสีดำสนิทมองมาที่เขา ก่อนจะถามไปเสียงแผ่วเบาราวกับเสียงลมที่พัดอย่างอ่อนล้า
“เขา...กำลังจะ...”
“ครั้งล่าสุดที่เธอเอาสิ่งที่ฉันสอนไปใช้ประโยชน์ยังทำได้ไม่ดีเท่าที่ควรจะเป็น” เขาตัดบท “เธอตั้งใจมากเกินไป แม้ว่าฉันจะดูไม่ออกว่าเธอโกหกหรือไม่ แต่ก็มองออกว่าเธอกำลังพยายาม ปกปิดอะไรบางอย่าง และเขา ก็พินิจใจได้ดีกว่าฉันมากนัก”
เด็กหญิงมองเขาอย่างรู้สึกผิด และกำลังจะเอ่ยปากขอโทษเหมือนอย่างเคย
“ไม่ต้องพูดให้เสียเวลาหรอก ฉันไม่อยากฟังแล้ว -- ไปนั่งที่เก้าอี้” สเนปตัดบทอีกครั้ง แล้วเลื่อนเก้าอี้นั่งตัวเล็กมาตั้งไว้ด้านหน้า “เราจะเริ่มกันเลย”
เขาหันหลังไปที่โต๊ะประจำตัวของตน ก่อนจะหยิบไม้กายสิทธิ์ที่เก็บไว้ในลิ้นชักออกมาถือไว้ สเนปเดินกลับมาหา ชี้ปลายไม้ตรงมาที่เธอ เด็กหญิงกลั้นหายใจ ความรู้สึกโหวงเหวงในช่องท้องนั้นทำให้เธออยากอาเจียนออกมาให้ได้ ประสาทสัมผัสทั่วทั้งตัวเครียดเกร็ง ก่อนที่จะตามด้วยเสียงเยียบเย็นที่ดังขึ้นตรงหน้า
“เลจิลิเมนส์”
โดดมาปีสองแล้ว เดินเรื่องเร็วจริงๆเลย
มีคำถามอยากรู้ค่ะ
คือเมื่อไม่นานมานี้ลองเอาชื่ออีวานเจลีนไปถามคนในครอบครัว เขาบอกว่าชื่อมันแปลกๆ ยังไงไม่รู้ (เราก็ได้แต่คิดว่าแปลกยังไงนะ ไม่ได้คิดชื่อพิสดาร แต่เอาชื่อภาษาอังกฤษมาเลยนะ)
เลยอยากถามรีดเดอร์ทุกท่านว่า รู้สึกแปลกๆกับชื่อของอีวานเจลีนหรือเปล่าคะ (ถามเฉยๆ ไม่เปลี่ยนหรอก ฮ่าๆ)
แต่ว่า!! ที่เราตั้งชื่อนี้ก็มีเหตุผลอยู่นะ ไม่รู้ว่าฟังได้หรือเปล่า แต่เราชอบเวลาที่มีคนเรียก ชื่ออีวานเจลีนด้วยชื่อเล่นค่ะ ทั้งเอวา อีพ อีวาน อีวี่ แหม่ชอบจริงๆค่ะ!
และในเรื่องนี้ จะมีเพียงคนเดียวที่เรียกอีวานเจลีนด้วยชื่อเล่นด้วยนะ ย้ำ แค่คนเดียว ลองทายกันดูว่าใคร และชื่อเล่นที่ว่านั้นจะเป็นยังไงน้า
ไม่ตอบคำถามก็ได้ แต่อย่าลืมเมนต์เป็นกำลังใจให้หน่อยน้า
อยากได้กำลังใจที่สุด เม้นต์วิจารณ์หรือเสนอแนะอะไรก็ได้น้า
ผลัดกันเนอะ รีดเดอร์มาอ่านนิยายเรา เราอ่านเม้นต์ของรีดเดอร์
เพื่อขวัญและกำลังใจน้า
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

จะพยายามปรับปรุงนะคะ แต่ว่าช่วงหลังๆจะเริ่มดีขึ้นเรื่อยๆน้าาา
แล้วสเนป! นั่นเด็กปีสองนะ ฝึกสกัดใจตั้งแต่ตอนนี้เลยหรอ!? แล้วไอที่บอกว่า ท่าน อาจใช้เธอเร็วกว่านี้ หมายถึงอะไรกัน อีวานเป็นใครกันแน่นะเนี่ย!?
ส่วน Imperio เป็นคาถาสะกดใจ
ใครเอ่ย เดาว่าเป็นงูของโวลดี้ (แต่คงไม่ใช่หรอก)