ตอนที่ 25 : I'm begging you

XXII : I’m begging you
อีเล็กตราผลุนผลันออกไปจากห้อง กึ่งเดินกึ่งลากอีวานเลีนผู้เป็นบุตรสาวไปพร้อม ๆ กัน เธอเดินตรงดิ่งไปยังห้องโถงที่ร่างกลวงเปล่าของโวลเดอมอร์ถูกทิ้งเอาไว้ โดยมีแฮร์รี่ รอนและเฮอร์ไมโอนี่ตามมาติด ๆ
ในห้องโถงนั้นมีคนมารอพวกเขาอยู่ก่อนแล้ว แฮร์รี่ไม่แปลกใจนัก – คงจะเห็นว่าพวกเขาหายตัวไป ครอบครัววีสลีย์และสมาชิกภาคีคนอื่น ๆ ที่พอจะรู้สึกตัวจึงรีบออกตามหา นำโดยนนายและนางวีสลีย์ที่ยังคงหอบน้อย ๆ รวมถึงคิงส์ลีย์ ศาสตราจารย์มักกอนนากัลและศาสตราจารย์สลักฮอร์นที่ตามมาสมทบอย่างร้อนรน แต่ละคนถือไม้กายสิทธิ์พร้อมรบเต็มที่
“เกิดอะไรขึ้น” นางวีสลีย์พูดขึ้นคนแรก มือข้างหนึ่งพยายามดันจินนี่ลูกสาวคนเล็กที่รั้นตามมาด้วยให้หลบอยู่ด้านหลังของตน อีกข้างก็ชี้ไม้กายสิทธิ์หาตัวศัตรูขณะที่ดวงตายังคงเหลือบไปมองศพของโวลเดอมอร์อย่างไม่ไว้ใจอยู่เป็นระยะ “มีควัน! มีคนมา...ใครบินมา... เขายังไม่ตายหรือ! แล้วที่นอนอยู่นี่ใคร!”
“เดี๋ยวมอลลี่”นายวีสลีย์ร้องห้าม ดวงตาสีฟ้าอ่อนของเขาเพ่งมองตรงไปยังหญิงสาวปริศนาในชุดสีดำที่เดินใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ “ มอลลี่... นั่นเธอใช่...”
นางวีสลีย์มองตามสามี ก่อนจะเบิกตากว้าง
“เมอร์ลิน!” เธออุทานเสียงดังลั่น “นั่น... นั่นใช่... อีเล็กตรานี่ อีเล็กตรา อาเธอร์! นั่นอีเล็กตรา!”
นางวีสลีย์รีบวิ่งไปหาอีเล็กตราในทันที แฮร์รี่สัมผัสได้ว่าพวกเขารู้จักมักคุ้นกันเป็นอย่างดีเมื่อครั้งอดีต ซึ่งยืนยันคำพูดของดัมเบิลดอร์เรื่องที่แม่ของอีวานเจลีนนั้นเคยเป็นถึงหนึ่งในสมาชิกของภาคีได้อย่างดีเยี่ยม
“โอ… อีเล็กตรา เธอหายไปไหนมา... ดูเธอสิ เมอร์ลินเป็นพยาน ทุกคนดูเธอสิ!” นางวีสลีย์เรียกคนอื่น ๆ มาสมทบอย่างกระตือรือร้น ก่อนกระโดดกอดอีกฝ่ายอย่างแรงจนเซถลาไปทั้งคู่ “เรานึกว่าเธอตายไปแล้ว... เธอหายไปนานมาก... เธอกลับมาแล้ว ”
“...อืม...” แต่การตอบรับช่างตรงกันข้าม ในขณะที่นางวีสลีย์ดีอกดีใจอย่างไม่อาจจะปิดบัง อีเล็กตรากลับทำเพียงตอบรับด้วยท่าทีเรียบเฉยเท่านั้น เธอผละออกมา แล้วมอง ‘เพื่อนเก่า’ ทั้งหลายนิ่งเงียบ
“เธอไปอยู่ที่ไหนมา พวกเราตามหาเธอ... นานเหลือเกิน”
อีเล็กตรายิ้มบาง มันเป็นยิ้มที่ดูเศร้าราวกับว่าเธอกำลังจะร้องไห้มากกว่าจะยิ้มเสียอีก แต่อย่างไรก็ตาม ไม่มีน้ำตาหยดใดไหลออกมา หลังจากนั้นเธอจึงตอบคำถามของมอลลี่ด้วยความเงียบงัน
มอลลี่และคนอื่น ๆ รู้ได้โดยทันทีว่าเธอไม่ต้องการจะพูดถึง ไม่ว่าช่วงเวลาที่เธอหายไปเป็นสิบปีนั้นจะเกิดเรื่องราวอะไรก็ตาม ถ้าอีเล็กตราไม่ต้องการจะบอก ก็เป็นสิทธิ์ของเธอที่ไม่อาจบังคับ และถึงแม้ว่าจะบังคับได้ พวกเขาก็คงไม่ทำอยู่ดี
“ฉันจะกลับแล้วล่ะ เราคงจะได้เจอกันอีกนะ”
อีเล็กตรากล่าวลา แฮร์รี่แปลกใจกับท่าทีที่เปลี่ยนแปลงไปอีกครั้งของเธอ ที่ดูอ่อนโยนขึ้นราวกับเป็นคนละคนกับคนทีเห็นเมื่อครู่
พวกเขาเคยเห็นเธอตะโกนและฉีกทึ้งร่างกายตัวเองอย่างคนเสียสติที่โรงพยาบาล เห็นการวางมาดและการออกคำสั่งราวกับเป็นนางพญา แต่ในยามที่อยู่กับสมาชิกภาคี หรืออาจจะกับทุกคนที่อาจเคยเป็นเหมือนครอบครัวของเธอเมื่อครั้งอดีตนั้นก็แสนอ่อนโยนและอบอุ่น สุดท้ายก็การแสดงออกที่เธอแสดงให้กับอีวานเจลีนผู้เป็นบุตรสาวที่แสนเย็นชาและบีบบังคับ
และกับโวลเดอมอร์นั้นก็ดูจะเลวร้ายที่สุด...
มันมีแต่ความเกลียดชัง เกลียดได้มากเท่าที่ชีวิตของคน ๆ หนึ่งจะสามารถเกลียดใครได้ และสาเหตุของท่าที่เหล่านั้น ก็เป็นเรื่องราวที่อีเล็กตราไม่อยากจะพูดถึง
ดวงตาสีเทาอ่อนปรายมองร่างขาวซีดนั้นชั่วครู่ ก่อนจะถอยห่างออกมา
“มาเถอะ” เธอหันไปเรียกบุตรสาว “ฉันจะพาเธอออกไปจากที่บ้า ๆ นี่สักที”
อีวานเจลีนเดินมาหาอย่างว่าง่าย และเมื่อเธอเดินผ่านร่างไร้วิญญาณของโวลเดอมอร์ ตาสีแดงสดมองไปที่ร่างนั้นสลับกับใบหน้าของมารดา
“แล้ว...”
“ไม่ใช่เรื่องของเรา...” อีเล็กตราตัดบท
เมื่อได้ยินคำตอบจากมารดา อีวานเจลีนก็ถึงกับหยุดชะงัก อีเล็กตราสังเกตเห็นท่าทีที่เปลี่ยนไปอย่างกะทันหันของบุตรสาว รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาทันที แต่ก่อนที่เธอจะได้แสดงปฏิกิริยาโต้ตอบใด ๆ กับท่าทีเหล่านั้น ก็มีเสียงแหลมเล็กที่เสียดแทงแก้วหูดังขึ้นมาขัดเสียก่อน
“เจ้านาย!”
เป็นเสียงของมรดกอีกชิ้นหนึ่งที่ซีเรียสทิ้งไว้ให้กับแฮร์รี่
ครีเชอร์วิ่งกระหืดกระหอบตรงมายังจุดที่ทุกคนยืนอยู่ ล็อกเก็ตสลิธีรินปลอมอันเป็นของต่างหน้านายน้อยเรกูลัสที่รักยิ่งของมันสั่นไหวไปมาตามจังหวะการวิ่ง และหูขนาดใหญ่เหมือนค้างคาวนั้นก็ขยับขึ้นลงจนเหมือนโดนใครมาเขย่าตัว ดวงตากลมใสขนาดเท่าลูกเทนนิสของมันเป็นประกายรื้นน้ำ ปากก็ตะโกนร้องเรียกคำว่า ‘เจ้านาย’ ซ้ำไปมา
หลังจากที่เขาได้มอบล็อกเกตนั่นให้มันแล้ว แฮร์รี่คิดว่าบางทีเจ้าเอล์ฟน้อยตัวนี้คงเริ่มจะมองเห็นเขาเป็นเจ้านายของมันมากขึ้น จนถึงกับต้องวิ่งมากอดเมื่อจบสงครามขนาดนี้
“ครีเ...”
แต่ร่างเล็กจิ๋วนั่นกลับวิ่งผ่านเขาไปราวกับมองไม่เห็น อันที่จริง... เรียกว่าไม่อยู่ในสายตาดูจะเหมาะสมกว่า
“คุณหนู!” มันตะโกน ก่อนจะวิ่งไปเกาะขาอีเล็กตราที่ทำหน้าขยะแขยงเต็มทน “คุณหนูกลับมารับครีเชอร์ไปอยู่ด้วยใช่ไหมครับ คุณหนูกลับมาแล้ว กลับมารับครีเชอร์แล้ว ครีเชอร์พร้อมรับใช้ตระกูลแบล็กที่สูงส่งเสมอ! ครีเชอร์พร้อมรับใ...”
คำเยินยอต่อตระกูลแบล็กที่สูงส่งคงพรั่งพรูออกจากปากของมันเรื่อย ๆ จนกระทั่งแทนที่ด้วยเสียง ‘แอ๊ก’ และเปลี่ยนเป็นเงียบกริบ เมื่อหญิงสาวที่เอล์ฟชรากอดขาเอาไว้ด้วยความรักใคร่สลัดมันออกได้ในที่สุด ก่อนจะถีบมันจนกระเด็นไปกระแทกพื้นอีกหนึ่งที ตอบแทนความภักดีอย่างออกนอกหน้านั้นด้วยความหงุดหงิดเต็มประดา (หางคิ้วของเฮอร์ไมโอนี่ถึงกับกระตุก เมื่อเห็นภาพเอล์ฟชราที่โดนกระทำทารุณต่อหน้าต่อตา)
อิเล็กตราหันหลังกลับ เธอคว้ามือของอีวานเจลีน ไม่สนใจสิ่งมีชีวิตตัวจ้อยที่ดวงตาเต็มรื้นไปด้วยความปลื้มปิติที่ได้รับรอยเท้าของผู้ที่อยากให้เป็นนายประทับไว้กลางลำตัวเลยสักนิด
แต่เด็กสาวกลับชักมือออก ไม่ยอมขยับไปไหน...
“อะไร” ผู้เป็นแม่ถามอย่างหงุดหงิด
“ศพของ...”
“บอกไปแล้วไงว่า ‘ไม่ใช่เรื่องของเรา’”
อีวานเจลีนหยุดเคลื่อนไหวอีกครั้ง
อีเล็กตรามองบุตรสาวของตน คิ้วขมวดเข้าหากันอย่างไม่สบอารมณ์ เธอดูหงุดหงิดเอามาก ๆ ที่มีคนไม่ทำตามคำสั่งของเธอ
“ถ้าหวังว่าจะให้ฉันจัดการเรื่องของมันละก็... คิดใหม่ได้เลย ไม่มีทาง”
“จะทิ้งเขาไว้อย่างนี้หรือคะ... ทิ้งเขาไว้เหมือนของไร้ค่าอย่างนี้” เธอพยายามอีกครั้ง
“ทำตัวเองทั้งนั้น”แต่คำตอบที่ได้รับกลับมายังคงโหดร้ายเช่นเดิม
อีวานเจลีนเดินห่างออกมา วกกลับไปนั่งข้างร่างของโวลเดอมอร์อีกครั้ง มือเล็กกอบกุมมือซีดขาวที่ไม่อาจสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นของชีวิตไว้แน่น น้ำตาหยดเล็กเอ่อคลอที่ขอบตา ก่อนจะไหลออกมาเปื้อนสองข้างแก้มในที่สุด
“มานี่เดี๋ยวนี้” อีเล็กตรามองการกระทำนั้นอย่าหงุดหงิด ความโกรธกำลังก่อตัวขึ้นในใจอย่างช้า ๆ “ฉันบอกไปแล้วว่าคนอย่างมันไม่มีค่าพอกับน้ำตาของใคร หยุดเดี๋ยวนี้!”
ทันทีที่อีเล็กตราพูดจบ สรรพเสียงรอบตัวของเธอก็เงียบสนิทไปอย่างไม่มีสาเหตุ อีวานเจลีนไม่ได้ตอบกลับอะไร และคนอื่น ๆ ที่ยืนอยู่รอบห้องทำได้เพียงเฝ้ามองเหตุการณ์อยู่ห่าง ๆ เท่านั้น
“เขาทำให้ตัวเองเป็นแบบนี้” เสียงของอีวานเจลีนทำลายความเงียบนั้น เธอไม่ได้มองหน้าใคร ราวกับว่ากำลังพูดอยู่กับตัวเองโดยไม่สนใจว่าใครจะมาได้ยินหรือไม่ ดวงตาสีแดงสดคู่นั้นดูช่างเย็นชาและไร้แววของชีวิต “เขาทั้งโหดร้าย บ้าคลั่ง เห็นแก่ตัว แต่ไม่ว่ายังไง เขาก็เป็นพ่อของหนู”
“พ่องั้นหรือ อย่างมันน่ะหรือพ่อ จำได้ไหมว่ามันคิดจะฆ่าแกให้ตายมากี่ครั้ง กี่ครั้งแล้วล่ะที่มันเกือบทำสำเร็จ ตอนนั้น... ถ้าไม่มีฉันอยู่ด้วยแกจะได้มีโอกาสมาพูดจาน่าสมเพชแบบนี้อยู่ไหม คนอย่างนี้น่ะหรือที่สมควรจะได้เป็นพ่อใคร แค่ให้มันเป็นคนปกติก็ถือว่ามากเกินไปแล้ว”
ตาสีแดงสดเหลือบขึ้นสบกับมารดา เธอหยุดร้องไห้ไปแล้ว แต่นั่นก็ไม่อาจปฏิเสธความรู้สึกแหลกสลายที่อยู่ภายในจิตใจได้
“ทั้งชีวิตหนูไม่เคยขออะไรใครเลย ไม่เคยเลยสักครั้ง แต่ครั้งนี้ ได้โปรด ขอแค่หนูได้ทำหน้าที่ลูกเพียงครั้งสุดท้าย ครั้งเดียวเท่านั้น ท่านแม่ไม่จำเป็นต้องยุงเกี่ยวอะไรกับท่านพ่ออย่างที่ตั้งใจไว้ก็ได้ ขอแค่เพียงปล่อยให้หนูจัดการเรื่องของเขา... ได้โปรด”
อีเล็กตรากำหมัดแน่น เธอสะบัดหน้าหนี ไม่ต้องการจะถูกต้องมองด้วยตาสีแดงเลือดนั้นอีกแม้แต่วินาทีเดียว หญิงสาวเริ่มเดินกลับไปกลับมาหลายครั้งราวกับเป็นหนูติดจั่น กำหมัดแน่นจนเล็บจิกเข้าไปภายในผิวเนื้อ
“บ้าเอ้ย! ”
เธอตะโกนออกมาเสียงดังลั่น ใบหน้าแสดงออกเพียงความหงุดหงิด ก่อนจะส่ายศีรษะอย่างแรง แล้วผ่อนลมหายใจ สูดอากาศเข้าไปในปอดลึก ๆ หนึ่งครั้งราวกับกำลังพยายามควบคุมอารมณ์และสติไม่ให้ระเบิดไปก่อน
“ฉันขอยืมไอ้หนูสกปรกตัวนี้ไปสักวันสองวันได้ไหม” อีเล็กตราหันขวับมาถามแฮร์รี่ แต่อย่างไรก็ดี นั่นไม่ใช่คำถามที่ต้องการคำตอบ เพราะยังไม่ทันที่แฮร์รี่จะได้ตอบตกลง เธอก็หันไปสั่งงานครีเชอร์โดยที่ยังไม่ได้รับคำอนุญาตจากเจ้านายตัวจริงของมันเสียแล้ว “เอาศพนี่ไปไว้ที่บ้านของฉัน พาเธอ...” อีเล็กตราหยุดคิดชั่วครู่ ก่อนจะรีบแก้ “...ลูกสาวของฉันไปด้วย แล้วทำความสะอาดบ้านให้พออยู่ได้สักห้องสองห้อง เสร็จแล้วจะไปไหนก็ไป”
ครีเชอร์วิ่งมาหาอิเล็กตราอย่างกระตือรือร้น ฉีกยิ้มกว้างจนเหมือนกับมีคนเอากระดาษรูปครึ่งวงกลมมาแปะไว้บนใบหน้า มันดีใจเป็นที่สุดที่สายเลือดตระกูลแบล็กที่เหลือเพียงไม่กี่คนบนโลกนี้ได้ออกคำสั่งกับมันอีกครั้ง
“ขอรับคุณหนู ได้เสมอขอรับ”
มันรีบตอบรับ แล้วจึงหันหลังเดินไปหาอีวานเจลีนในทันที แม้จะยังหวาดกลัวร่างไร้วิญญาณของโวลเดอมอร์อยู่มาก แต่ความกลัวเหล่านั้นก็ไม่อาจหยุดยั้งการทำตามคำสั่งของคนในตระกูลแบล็กที่มันเฝ้าฝันหามานานแสนนานได้
“คุณหนูขอรับ”
มันเอ่ยเรียกอีวานเจลีนอย่างมีมารยาท ลบภาพการแสดงท่าทีแบบดูหมิ่นดูแคลนในอดีตเมื่อครั้งที่เธอได้ไปเยือนกริมโมเพลสโดยมีสถานะเป็นเพียงแม่มดเลือดผสมไปเสียสนิท ตอนนั้นเธอเป็นที่รู้จักในฐานะบุตรสาวของศาสตราจารย์สเนป ผู้ซึ่งไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับสายเลือดศักดิ์สิทธิ์ใด ๆ ในโลกเวทมนต์แม้แต่ตระกูลเดียว
แต่ตอนนี้ แค่เพียงอีเล็กตราบอกว่าอีวานเจลีนเป็นลูกของเธอ มารยาทของมันก็ดีขึ้นอย่างน่าใจหาย
“แตะมือครีเชอร์ไว้ แล้วครีเชอร์จะพาคุณหนูกลับบ้าน พร้อมกับ... เอ่อ...” มันหลีกเลี่ยงที่จะไม่พูดถึงโวลเดอมอร์
แต่เด็กสาวยังคงนั่งนิ่ง เธอจ้องมองผู้เป็นแม่อย่างไม่เชื่อหูตัวเองอยู่อย่างนั้น ใช่ เธอแปลกใจมาก แม้ว่าเธอจะเป็นฝ่ายขอร้องให้อิเล็กตรายอมให้เธอจัดการเรื่องศพของผู้เป็นพ่อ แต่ก็ไม่คาดว่าสิ่งที่ขอนั้นจะได้รับการอนุญาต และไม่คิดเลยด้วยซ้ำ ว่าอิเล็กตราจะยอมให้มากถึงขนาดนี้
“อย่ามัวแต่มอง รีบ ๆ เข้า ก่อนที่ฉันจะเปลี่ยนใจ” อิเล็กตราเอ่ยเร่ง ก่อนสะบัดตัวหันหลังไม่ยอมสบตากับอีกฝ่าย
อีวานเจลีนกำมือของโวลเดอมอร์ไว้ แล้วส่งเสียงขู่ฟู่ฟ่อไม่เป็นภาษา เสียงกระซิบเย็นเยียบที่ได้ยินเมื่อใดก็ทำให้คนทั่วไปหนาวสะท้าน แฮร์รี่ไม่สามารถจะเข้าใจได้อีกแล้วว่าอีกฝ่ายพูดอะไรออกมา แต่งูจงอางสีดำตัวยักษ์ที่เลื้อยข้ามห้องมาหาเธออย่างเชื่องช้าและสงบเสงี่ยมนั่นพอจะทำให้คาดการณ์บางอย่างได้ เขาเดาว่าเธอคงจะเรียกมันไปหา แล้วก็ใช่จริง ๆ เสียด้วย
ร่างกายเป็นมันลื่นของงูยักษ์เกี่ยวกระหวัดพันอยู่ที่แขนของเจ้านายของมัน ก่อนจะชูคอแผ่แม่เบี้ยอยู่บนบ่า แลบลิ้นสองแฉกพลางจ้องมองทุกคนที่อยู่ในห้องตาไม่กระพริบ
เมื่อทุกอย่างพร้อมแล้วอีวานเจลีนเอื้อมมือมาหาครีเชอร์ มือน้อยที่ซีดเซียวและเหี่ยวย่นของเอลฟ์ชราสั่นเบา ๆ เมื่อการทำเช่นนั้นทำให้หน้าของมันเฉียดกับสัตว์เลี้ยงที่แสนน่ากลัวที่เกาะอยู่บนบ่าของเธอจนเหมือนกำลังจะชนกัน
เสียง ‘เป๊าะ’ เสมือนมีบางสิ่งวิ่งผ่านอากาศดังขึ้นมา ฝุ่นควันกระจายจนคลุ้งห้องโถง ก่อนจะเหลือเพียงความว่างเปล่าราวกับไม่เคยมีใครนั่งอยู่ตรงนั้นมาก่อน ครีเชอร์พาอีวานเจลีนหายไปพร้อมกับร่างไร้วิญญาณของโวลเดอมอร์เสียแล้ว
“อีเล็กตรา” มอลลี่เอ่ยออกมาเบา ๆ
เจ้าของชื่อหันมาตามเสียงเรียก ก่อนจะยิ้มบาง แล้วตอบรับเสียงแผ่ว “หืม”
“เธอจะทำอะไรต่อไป” นางวีสลีย์ถามด้วยความห่วงใย มันไม่ใช่การพบและจากกันแบบปกติที่พวกเธอคุ้นเคย ครั้งนี้มีแต่ความกระอักกระอ่วนและเจือไปด้วยความเศร้าสร้อย
“ไม่รู้สิ”
“เรื่องต่อจากนี้... มันจะยากสำหรับพวกเธอมาก... เธอกับลูกของเธอ -- ”
“--ฉันรู้” อีเล็กตราแทรก เธอยิ้มก่อนจะเดินไปหาอีกฝ่าย “ฉันรู้ว่าอะไรจะตามมา แต่ฉันจะไม่เป็นอะไรหรอก ไม่ต้องห่วง”
มอลลี่ยังคงไม่สบายใจ สิ่งที่จะเกิดขึ้นกับอีเล็กตราและอีวานเจลีนต่อจากนี้จะไม่ใช่สิ่งดี ๆ ที่ควรจะเกิดกับใคร จริงอยู่ที่เมื่อปราบจ้าวแห่งศาสตร์มืดไปแล้ว ความเศร้าสร้อยและทุกข์ระทมที่อบอวลอยู่ในบรรยากาศได้ถูกคลี่คลายลงไป และทุกคนที่ร่วมต่อสู้เคียงข้างกันในสงครามจะได้พบกับความสุข
ผู้ชนะจะมีแต่เรื่องดี ๆ เข้ามาในชีวิต ทั้งคำสรรเสริญเยินยอ เกียรติยศ ชื่อเสียง หรือแม้กระทั่งเงินทอง
แต่สำหรับฝ่ายที่แพ้ล่ะ?
ผู้เสพความตายที่พ่ายแพ้บางส่วนถูกคนในกระทรวงจับไปขังไว้ในคุกใต้ดินของปราสาท รอคอยการพิพากษาที่จะต้องมาถึงในเร็ววัน พวกที่หนีไปได้ก็คงต้องหนีกันต่อไป อีกไม่นานก็จะมีมือปราบมารคอยไล่ตามและจับตัวมารับกับความผิดที่ก่อเอาไว้
แล้วสำหรับคนที่มีสถานะเป็นถึง “ลูก” และ “แม่ของลูก” อย่างอีวานเจลีนและอีเล็กตราจะมีชะตากรรมอะไรที่รอคอยอยู่กันแน่
“แล้วเธอจะทำอะไรต่อไป” มอลลี่ถามซ้ำ
“ไม่รู้สิ... “ ดวงตาสีเทามองออกไปนอกหน้าต่าง จรดเส้นขอบฟ้า ไม่มีใครรู้ว่าเธอกำลังมองอะไร “กลับบ้านมั้ง”
“อีเล็กตรา” น้ำเสียงของนางวีสลีย์เป็นกังวล
“ฉันรู้อยู่อย่างหนึ่งว่าฉันจะไม่หนี ไม่ว่าจะลำบากแค่ไหนพวกเราจะไม่ไปไหน” อีเล็กตรากุมมืออีกฝ่ายเอาไว้หลวม ๆ “เธอคงจะจำบ้านของฉันได้ นั่นแหละคือที่ของฉันนับจากนี้ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ฉันอยู่ที่นั่นเสมอ”
ร่างโปร่งบางถอยห่างออกมา
“ลาก่อนค่ะศาสตราจารย์” เธอหันไปกล่าวลากับมักกอนนากัล และสลักฮอร์น “คิงส์ลีย์ แล้วก็คุณด้วยนะ อาเธอร์”
ดวงตาสีเทาอ่อนมองทุก ๆ คนที่ยืนอยู่รอบห้อง ก่อนจะหยุดลงที่แฮร์รี่ เธอดึงฮู้ดขึ้นคลุมศีรษะ ร่างกายเริ่มเปลี่ยนสภาพกลายเป็นเหมือนควัน อีเล็กตราลอยขึ้นสูงจากพื้นโดยไม่ต้องมีไม้กวาดหรือไม้กายสิทธิ์ มันคือศาสตร์มืดที่แสนลึกลับ ที่หาใครในโลกที่สามารถใช้มันได้น้อยเหลือเกิน เธอจากไปด้วยวิธีเดียวกันกับตอนแรกที่มาที่นี่ บินไปเหมือนฝุ่นควัน ล่องลอยออกไปยังที่ที่เธอต้องการจะไป
“ลาก่อนแฮร์รี่ พอตเตอร์ เด็กชายผู้พิชิตจ้าวแห่งศาสตร์มืด”
อยากลงให้เยอะกว่านี้ค่ะ แต่ไม่มีเวลาแต่งเท่าไร เพราะงานยุ่งมาก อีกนิดเดียวก็จะสอบนำเสนอวิจัยแล้ว มันยุ่งแล้วก็เครียดมาก ๆ เลยค่ะ
เพราะงั้นในช่วงเปราะบาง ก็เม้นมาซะดีดีเลยนะ อิอิ อากได้กำลังใจจากการอ่านเม้นต์เวอร์มาก
สอบวิจัยเสร็จแล้ว ส่งงานเรียบร้อยแล้ว ตอนนี้ถือว่าจบอย่างไม่เป็นทางการแล้วค่ะ (บรั๊ยยยยย) สถานีต่อไป อ่านหนังสือเตรียมสอบที่จะสอบสิ้นเดือนมกราคมนี้ ฮ่า ๆ เลยอยากเอามาลงให้อ่านก่อนจะต้องหมกมุ่นอยู่กับโลกแห่งความจริงอันเเสนโหดร้าย
ปล. อิเล็กตราดูใจร้ายจัง อีวี่กำลังเสียใจ ไม่ปลอบลูกหน่อยหรอคุณแม่ขา ฮ่าๆ แต่งเองยังรู้สึกว่าครอบครัวอีวี่นี่หาคนที่ปกติได้ยากจริง ๆ เลย
ผ่านการสอบไปแล้วอีกหนึ่งเปราะ ขอสารภาพเลยว่าว่างนานแล้ว แต่ไม่มีอารมณ์เปิดคอมเลย เป็นโมเม้นต์อยากนอนเล่นโทรศัพท์อย่างเดียวเท่านั้น ขอโทษด้วยค่า อย่าโกรธอย่างอน และตอนนี้คือการนับถอยหลังสู่การจบการศึกษาอย่างเป็นทางการ ทุก ๆ อย่าก็ถือว่าเคลีย์เกือบหมดแล้ว ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด ตอนต่อไปน่าจะมาได้ในเร็ว ๆ นี้ (ถ้าไม่ติสต์+ขี้เกียจ+เป็นประสาท (?) ไปเสียก่อน)
ปล. คาแร็กเตอร์ขุ่นแม่ค่อนข้างจะสับสน นางเหมือนคนใจร้าย เหมือนสาวไบโพลาร์ แต่ก็ยังพอจะทำตามที่ลูกขอได้อยู่นะ อย่าพึ่งโกรธหม่ามี้กันเลยค่ะที่นางดุกับลูกเหลือเกิน บอกได้คำเดียวว่าคนนี้ผ่านมาเยอะจริง ๆ เพราะผ่านมาเยอะเลยทำให้อะไร ๆ มันเยอะตามไปด้วย (ผ่านมาเยอะนี่ไม่ใช่ผ่านโลกนี้มาเยอะน้า ขุ่นแม่ไม่ได้อายุมากขนาดน้าน นางยังสาวยังสวยขนาดเน้)
เม้นต์ เม้นต์ เม้นต์ เม้นต์ เม้นต์ เม้นต์ เม้นต์ เม้นต์ เม้นต์ เม้นต์
เม้นต์ เม้นต์ เม้นต์ เม้นต์ เม้นต์
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

ปล.ไรต์สู้ๆ รีดเป็นกำลังใจให้
#เมื่อไรคุณพระเอกจะโพล่หัวออกมาค่ะ อีวี่ดราม่าตั้งเยอะเเล้วยังไม่ออกมาปลอบอีก เดี่ยวก็ฆ่าทิ้งหรอก
ปล. เรื่องพระเอกนั้น ปล่อยให้โชคชะตานำพามา บางทีโสดก็ดีไปอีกแบบ (ปลอบใจตังเองรับวาเลนไทน์เวอร์)
#สู้ๆค่ะไรท์รอเสมอน้าาาาาาาา
กับคนเเบบนั้น#ประมาณว่ารักตัวเองกะเห็นเเก่ตัวมันมีเส้นบางๆคั้นอยู่ ส่วนปู่ทอมถ้าไม่นับตอนเป็นจอมมารสติเเตกก็ไม่น่าจะใช่คนไร้เหตุผลเเบบที่จะ'ฆ่า'ลูกตัวเอง เเต่เป็นคนประเภทที่มีความมั่นใจในตัวเอวสูงน่าจะพอๆกะขุนเเม่
คนประเภทนี้เวลาทำอะไรก็ไม่ค่อยชอบบอกอะไรกะใครเขาหรก=_= ความรุ้สึกว่าถ้าเป็นชีวิตคู่จริงๆคือจะต้องมีใครสักคนยอมลงมห้เวลาทะเลาะกันอะเเค่คิดก็ยากเเล้ว เเล้วตอนเจอกันคือเเบยสามีภรรยาที่หย่ากับเเบบภรรยาจับได้ว่าสามีเเอบทำอะไรลับหลัง #รออยู่นะคะ
ปล.ไรต์มองภาพการมีชีวิตคู่ที่ถ้าทะเลาะกันแล้วต้องมีคนยอมลงไม่ออกเลย อีเล็กตราหรือปู่ ใครจะยอมอ่อนบ้างน้า
เริ่มสงสัยแล้วสิว่าเรื่องนี้มีพระเอกมั้ยน้อ ตอนแรกว่าจะชิบน้องเดรก
นี่หาทางกลับเข้าฝั่งไม่เจอแล้วเนี่ย
-สอบตกอย่างมีศักดิ์ศรี
ดีกว่าคะแนนดีเพราะทุจริต-
เพี้ยงงง!!! (>{}< )//