ตอนที่ 2 : The Sorting Hat

II : Sorting Hat
รถไฟด่วนฮอกวอตซ์ออกเดินทางในเวลา 11 นาฬิกาของวันที่ 1 กันยายนเหมือนที่เคยเป็นทุกปี ใช้เวลาเดินทางโดยประมาณไม่เกิน 5 ชั่วโมงจึงถึงจุดหมายที่สถานีฮอกส์มี้ด แต่ปีนี้รถไฟล่าช้ากว่าปกติเล็กน้อย เนื่องจากติดปัญหาจากภารกิจของกระทรวงเวทมนตร์ที่ไม่มีใครคาดมาก่อน
ผู้คุมวิญญาณ
พวกมันหยุดรถไฟไว้ชั่วขณะหนึ่ง เพื่อมาตรวจหานักโทษคดีอุกฉกรรจ์ที่หลบหนีออกมานาม ซีเรียส แบล็ก และจากไปอย่างรวดเร็วด้วยฝีมือของอาจารย์วิชาป้องกันตัวจากศาสตร์มืดคนใหม่ที่บังเอิญนั่งรถไฟมาด้วย เด็กๆทุกคนขวัญเสีย บางคนร้องไห้โฮ และเกือบทุกคนเปลี่ยนจากความตื่นเต้นของวันเปิดเทอมใหม่เป็นซึมกะทือไปจนถึงที่หมาย
พวกที่แสดงออกชัดเจนที่สุดคือนักเรียนปีหนึ่งที่พึ่งเดินทางมาที่ฮอกวอตซ์เป็นครั้งแรก อีวานเจลีนก็เป็นหนึ่งในนั้น ถึงแม้จะไม่ได้ร้องไห้เช่นคนอื่นๆ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าที่เป็นอยู่ตอนนี้คือการแสดงออกในสภาพปกติ เธอไม่เคยเจอผู้คุมวิญญาณมาก่อน และไม่คิดอยากเจออีกแล้วด้วย
มีข่าวแว่วๆ มาว่ามีนักเรียนชั้นปี 3 หนึ่งคนถึงกับเป็นลมหมดสติไปเมื่อเจอกับผู้คุมวิญญาณที่มาตรวจค้นตู้โดยสารของเขา และชื่อของเขา ก็ทำให้เกิดเสียงซุบซิบกันอย่างประหลาดใจชั่วขณะหนึ่ง
‘แฮร์รี่ พอตเตอร์’
เด็กชายผู้รอดชีวิตที่สามารถทำให้จ้าวแห่งศาสตร์มืดหายไปจากโลกเวทมนตร์นานนับสิบปี (และหลายคนหวังเหลือเกินว่าเขาจะไม่กลับมาอีก) แฮร์รี่ พอตเตอร์สังกัดที่บ้านกริฟฟินดอร์ หลายคนค่อนข้างแปลกใจ (ยกเว้นนักเรียนบ้านสลิธีริน) ที่เด็กในบ้านที่มีชื่อเสียงเรื่องความกล้าหาญกลับกลัวผู้คุมวิญญาณจนเป็นลมไปอย่างนั้น บางทีข่าวอาจจะมีอะไรผิดพลาด
ดวงตาสีดำสนิทของอีวานเจลีนจ้องมองร่างที่ไม่ต่างอะไรกับซากศพที่แช่อยู่ในน้ำซึ่งกำลัง ‘เลื้อย’ วนเวียนอยู่ทุกประตูทางเข้าไม่กระพริบ ตั้งแต่รถไฟเข้าเทียบที่สถานีฮอกส์มี้ดจนกระทั่งเดินแยกไปขึ้นเรือบดเพื่อเข้าไปในโรงเรียนตามเส้นทางของปี 1 และเพราะมัวแต่จ้องมากเกินไป เธอจึงเกือบที่จะพลัดตกลงไปในน้ำขณะที่กำลังก้าวขึ้นเรือ แต่โชคดีที่ชายร่างใหญ่ขนรุงรังคว้าแขนไว้ได้ทัน
เรือบดหลายสิบลำลอยไปตามแม่น้ำ จนผ่านม่านต้นไอวี่ที่พรางตาไว้ เข้าไปในอุโมงค์ซึ่งมุ่งตรงไปในปราสาท
นักเรียนปีหนึ่งเริ่มทยอยลงจากเรือ และเดินขึ้นบันไดหินมุ่งตรงไปที่ประตูทางเข้าห้องโถงใหญ่ของปราสาท ทุกคนตื่นเต้น ไม่เว้นแม้แต่อีวานเจลีน เธอไม่ได้แสดงออกมามากนักเมื่อเทียบกับคนอื่นๆเช่นเคย แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่ามีความรู้สึกบางอย่างซ่อนลึกอยู่ในใจ
เธอตื่นเต้นเรื่องการคัดสรรบ้านที่ฮอกวอตซ์ที่กำลังจะมีขึ้นในอีกไม่กี่นาทีนี้ มันเป็นเรื่องที่สำคัญมากสำหรับเธอและใครอีกหลายคน
อีวานเจลีนหันกลับไปมองยังโต๊ะตัวยาวที่มีรุ่นพี่จากแต่ละบ้านกำลังนั่งเรียงรายกันอย่างเป็นระเบียบ มีที่ว่างที่ปล่อยไว้สำหรับนักเรียนใหม่บ้านละเกือบยี่สิบที่นั่งตรงหัวโต๊ะ (หรืออาจมากกว่า) ใจเต้นตึกตักจนแทบจะระเบิดออกมานอกอก เธอหันกลับไปยังโต๊ะของเหล่าอาจารย์ที่วางเรียงอยู่ด้านหน้า มองหาชายจมูกตะขอในชุดสีดำซึ่งน่าจะนั่งอยู่ที่ไหนสักแห่ง—นั่นไง
หน้าเรียบตึงบ่งบอกถึงอาการไม่สบอารมณ์ได้อย่างชัดเจน แต่นั่นก็เป็นใบหน้าปกติที่เห็นเป็นประจำเมื่อครั้งอยู่ที่บ้าน เธอยกมือขึ้นเล็กน้อย โบกเบาๆ ให้เขา
และเช่นเคย การกระทำนั้นถูกมองข้ามไปอีกครั้ง
“เมื่อฉันขานชื่อใครออกมา ให้คนๆนั้นมานั่งที่เก้าอี้นี่และสวมหมวกใบนี้” ศาสตราจารย์ตัวเล็กจ้อยพูดด้วยเสียงแหลมสูง เขาดูคล้ายก็อบลินมากกว่าจะเป็นคน “เอาล่ะ คนแรก อดัม, เกเบรียส”
เด็กชายหน้ากลมมนเดินอย่างกล้าๆ กลัวๆ ไปนั่งที่เก้าอี้ เขาสวมหมวกประหลาดลงบนหัว นักเรียนทุกคนในห้องโถงเกือบจะกลั้นหายใจ และแล้ว...
“ฮัฟเฟิลพัฟ!” หมวกเก่าตะโกนเสียงดัง พร้อมกับเสียงปรบมือผิวปากยินดีจากนักเรียนบ้านฮัฟเฟิลพัฟที่นั่งอยู่ทางขวามือ
“--เรเวนคลอ!--”
“—กริฟฟินดอร์!—กริฟฟินดอร์!—สลิธีริน!—ฮัฟเฟิลพัฟ!—”
หมวกเก่ายังคงตะโกนชื่อบ้านไปเรื่อยๆ จนกระทั่งจำนวนของนักเรียนชั้นปี 1 ที่ยังยืนรายล้อมตัวมันเริ่มลดจำนวนลงอย่างเห็นได้ชัด อีวานเจลีนแทบจะไม่รู้ตัวเลยว่าตอนนี้มีใครได้ไปอยู่ที่บ้านหลังไหนแล้ว เธอตื่นเต้นมากจนไม่อาจสนใจเรื่องของคนอื่นได้
ในบ้านทั้งสี่นี้ จะมีเพียงหลังเดียวเท่านั้นที่เธอจะต้องได้ไปอยู่ และจะมีอีกเพียงหลังหนึ่งเท่านั้นที่เธอจะอยู่ไม่ได้
มันสำคัญกับเธอมาก...
“สเนป, อีวานเจลีน” เด็กปีหนึ่งที่ยังไม่ได้รับการคัดสรรเริ่มเหลือน้อยลงทุกที ในที่สุดชื่อของเธอก็ดังขึ้น อีวานเจลีนแปลกใจที่เมื่อชื่อของเธอประกาศออกมา ทั้งห้องก็เงียบกริบกันไปหมด จากนั้นไม่นานจึงตามมาด้วยเสียงซุบซิบหลายเสียงที่เริ่มจะดังขึ้นเรื่อยๆ
“สเนปเหรอ เธอนามสกุลสเนปใช่ไหม? ฉันไม่ได้หูฝาดนะ”
“เขามีลูกด้วย แปลกใจจริง” ... “จมูกเธอก็ปกตินะ” ... “อย่ามาบ้านเราเชียว”... อีวานเจลีนได้ยินมันอย่างชัดเจน จากนักเรียนที่นั่งอยู่ในโต๊ะตัวยาวทางซ้ายสุด—โต๊ะของนักเรียนกริฟฟินดอร์— เสียงซุบซิบโดยส่วนมากมีแต่ในแง่ลบ เดาว่าอาจารย์ที่มีนามสกุลเดียวกันกับเธอคนนี้ ดูท่าจะไม่ใช่อาจารย์ที่เป็นที่นิยมชมชอบในหมู่นักเรียนมากเท่าไรนัก
“...” หมวกเงียบสนิท ไม่มีแม้เสียงงึมงำอย่างครุ่นคิดเหมือนคนอื่นๆ มันวางอยู่ ครอบศีรษะของเธอ และเงียบเท่านั้น
“ช่างซับซ้อนเหลือเกินสาวน้อย” มันพูดขึ้นในที่สุด แต่เป็นการกระซิบที่ได้ยินแค่เธอเท่านั้น “เธอเก็บหลายเรื่องไว้กับตัว...ช่างลึกลับ...ต้องการอะไรกันแน่ล่ะหืมม์”
หมวกคัดสรรครุ่นคิด และเงียบเสียงลง
ผ่านไปราวห้านาทีแล้ว เจ้าหมวกก็ยังคงไม่ส่งเสียงใดๆ ออกมาอีก ทุกคนเริ่มจะซุบซิบ ว่าบางทีเธออาจจะไม่มีความสามารถหรือบุคลิกที่เด่นเป็นเอกลักษณ์จนทำให้คัดสรรได้ง่ายขนาดนั้น ไม่ซื่อสัตย์มุมานะเหมือนฮัฟเฟิลพัฟ ไม่ฉลาดหลักแหลมเหมือนเรเวนคลอ ไม่กล้าหาญเหมือนกริฟฟินดอร์ และไม่ทะเยอทะทานเหมือนสลิธีริน บางทีเธออาจจะ...
“สลิธีริน!!” หมวกตะโกนชื่อบ้านออกมาได้ในที่สุด และมีเสียงปรบมืออย่างดีอกดีใจดังลั่นจากนักเรียนโต๊ะเดียวเท่านั้น นั่นคือสลีธีริน
อีวานเจลีนถอนหายใจอย่างโล่งอกที่หมวกคัดสรรสามารถเลือกบ้านให้ได้สักที ก่อนจะวางหมวกลงที่เก้าอี้และวิ่งไปยังโต๊ะนั่งของบ้านที่จะสังกัดไปอีกเจ็ดปี เธอไม่ได้มีท่าทีดีใจหรือเสียใจอย่างชัดเจนที่ได้อยู่สลิธีริน เหมือนการแสดงออกที่คลุมเครืออื่นๆ ของเธอ
การคัดสรรเสร็จสิ้นลงไปแล้ว ทุกๆ คนมีบ้านที่จะสังกัดกันหมด ซึ่งก็เป็นเวลาที่ท้องเริ่มจะประท้วงกันถึงขีดสุดพอดี มีคนเดินเข้ามาในห้องโถงอีกเพิ่มอีกสามคน หนึ่งในนั้นเป็นอาจารย์หญิงสูงวัยที่เดินอย่างกระฉับกระเฉงและอีกสองคนเป็นนักเรียนหญิงผมหยิกฟู เธอมีฟันหน้าที่ค่อนข้างใหญ่กว่าปกติ กับนักเรียนชายผมยุ่งไม่เป็นทรงสวมแว่นตากลม พวกเขารีบนั่งประจำที่ของตนก่อนที่ศาตราจารย์ดัมเบิลดอร์ซึ่งเป็นอาจารย์ใหญ่จะกล่าวอะไรบางอย่างเพื่อเปิดงานเลี้ยง
ดวงตาสีดำสนิทเหลือบไปเห็นรอยแผลเป็นรูปสายฟ้าตรงหน้าผากของเด็กชายที่มาใหม่ในเสี้ยววินาที—เขาต้องใช่แฮร์รี่ พอตเตอร์คนดังแน่นอน
แฮร์รี่เดินเข้ามาพร้อมกับเฮอร์ไมโอนี่ โดยมีศาสตราจารย์มักกอนากัลนำอยู่ด้านหน้า ทั้งคู่รีบเข้าไปนั่งยังที่ว่างซึ่งรอนจองเอาไว้ในทันที ไม่อยากเป็นเป้าสายตาของใครนัก เมื่อแฮร์รี่เริ่มจะสังเกตว่ามีนักเรียนหันมามองเขามากขึ้นเรื่อยๆ พร้อมกับเริ่มส่งเสียงล้อเลียน – โดยส่วนใหญ่เป็นพวกสลิธีริน -- เดาว่าข่าวเรื่องการเป็นลมบนรถไฟของเขาจะรู้กันไปทั้งโรงเรียนแล้ว
“การคัดสรรเป็นไงบ้าง”
แฮร์รี่ถามทันทีที่นั่งลงบนเก้าอี้ พยายามไม่สนใจมัลฟอยกับลูกสมุนตัวใหญ่สองคนที่ทำท่าเหมือนคนเป็นลมใส่เขา
“นายต้องไม่เชื่อแน่” รอนรีบพูด “มีเด็กผู้หญิงที่มีนามสกุลเดียวกับสเนปเข้าเรียนปีหนึ่ง เธอได้อยู่บ้านสลิธีริน ฉันว่าเธออาจจะเป็นลูกเป็นหลานของเขาละมั้ง—นั่นไง คนนั้นน่ะ ที่ผมยาวๆ นั่งหันหน้าให้เรา ตรงนั้น ที่หัวโต๊ะ ชื่ออีวานน่า... เอพเวอลีน... อะไรสักอย่างนี่แหละ”
แฮร์รี่กับเฮอร์ไมโอนี่มองตามรอนไป นึกอยากรู้เสียจริงๆว่าคนที่มีนามสกุลเดียวกันกับสเนปจะหน้าตาเป็นยังไง แฮร์รี่เดาเอาว่าเธอคงจะมีจมูกใหญ่เป็นตะขอกับผมมันเยิ้มเป็นเมือกผ่ากลางหน้า และผอมแห้งซีดเซียวราวคนป่วยเหมือนเขาแน่ๆ
แต่ก็คาดผิดไป...
“คนนั้นจริงๆหรือรอน...แน่ใจนะ เอ้อ... แน่ใจนะว่าฉันกำลังมองตามที่นายชี้ไปอยู่ ” แฮร์รี่ถามอีกครั้ง รอนพยักหน้า
แฮร์รี่กระพริบตาปริบๆอย่างไม่ค่อยจะเชื่อสายตา และคิดว่าความเป็นไปได้ที่เธอจะเป็นลูกของสเนปนั้นมีน้อยจนเกือบจะติดลบ
จมูกใหญ่กับผมเป็นมันเยิ้มน่ะหรือ... ไม่ใช่แน่ๆ อันที่จริงแล้วเด็กผู้หญิงคนนั้นค่อนข้างจะหน้าตาดีทีเดียว แม้จะอายุเพียงแค่สิบเอ็ดปีก็ตาม พนันล้านเกลเลียนเลยว่ายิ่งโตไปเธอจะยิ่งสวยกว่านี้ ผมดำเงาหยักศกเล็กน้อยถูกถักม้วนเป็นเปียไว้ด้านข้างแบบรีบๆ มันหลุดลุ่ยเล็กน้อย แต่ก็ดูเข้ากันอย่างน่าประหลาด ผิวขาวซีดกว่าคนปกติเหมือนกับจะส่องแสงได้ในความมืดกับดวงตาสีดำสนิทนั่นก็พอจะทำให้เหมือนกันสเนปอยู่หรอก แต่ก็เหมือนอยู่แค่นั้นจริงๆ
ถ้าเป็นลูกของสเนปจริง ก็ถือว่าเป็นโชคของเธอที่ได้ส่วนดีของแม่มามากกว่าส่วนเสียของพ่อก็แล้วกัน โชคดีมากๆเลยด้วย
แฮร์รี่มองเธออย่างลืมตัว (และเสียมารยาท) เด็กหญิงซึ่งกำลังตั้งใจฟังสิ่งที่ศาสตราจารย์ดัมเบิลดอร์พูด จึงไม่ทันสังเกตว่ามีคนจ้องมองอยู่ แต่แล้วเธอก็หันกลับมา และสบเข้ากับตาสีเขียวของเขาอย่างไม่ตั้งใจ จากนั้นจึงรีบเสมองไปทางอื่นอย่างรวดเร็ว ความประหลาดใจเกิดขึ้นกับตัวแฮร์รี่ในทันที
ไม่ใช่เพราะเธอมองเขา และไม่ใช่เพราะอาการลนลานรีบหลบตาที่เกิดขึ้นระหว่างกันหลังจากนั้น หากเป็นเพราะความผิดปกติบางอย่างที่ปรากฏอยู่ในดวงตาของเธอต่างหาก
เขาเห็น แม้เพียงเสี้ยววินาทีเท่านั้น เขาเห็นว่าสีของมันเปลี่ยนเป็นสีแดงเข้ม ทอแสงราวกับเลือดสดๆ ประดับอยู่บนใบหน้า รูม่านตาหดเล็กลงจนเกือบจะกลายเป็นเส้นขีดตรง แฮร์รี่ขยี้ตา คิดว่าคงจะตาฝาด เขามองอีกครั้ง และพบว่ามันเป็นสีดำสนิทเหมือนตอนแรก—
คงคิดไปเอง
แต่ทำไมเขาถึงรู้สึกว่าตนคุ้นเคยกับตาสีแดงคู่นั้นมากเหลือเกิน เหมือนกับว่า...
เขาเคยเห็นมันมาก่อน
ที่ไหนสักแห่ง...


สวัสดีนักอ่านทุกคน และขอขอบคุณที่ติดตามค่า
เย่ๆ ตอนที่สองคลอดสักที
จากตอนนี้ จะเห็นว่า อีวานเจลีนเป็นรุ่นน้องพวกของแฮร์รี่สองปีนะคะ และจะดำเนินเรื่องไปเรื่อยๆตามนี้เลย ซึ่งจะดำเนินเรื่องค่อนข้างเร็ว เพราะถ้าช้าคนแต่งอาจหมดไฟ ฮ่าๆ สู้ๆค่า
เม้นต์เป็นกำลังใจหน่อยเน้อ หรือใครมีคำถามหรืออยากเสนอข้อปรับปรุงตรงไหน เมนต์บอกได้เช่นกันค่ะ พร้อมรับฟังเสมอค่า
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

ชื่อเรื่องก็บอกอยู่นี่นา ไม่ต้องระแคะระคายก็น่าจะรู้ 55555555555
มาตอนนี้เรารู้สึกเหมือนแฮร์รี่จะได้เป็นพระเอก รู้สึกแย่จัง อยากให้เรื่องนี้ไม่มีพระเอกมากกว่า----
บรรยายดีอีกแล้วอ่าาา ชอบจังเลยบรรยายแบบนี้ ติดตามนะคะ!
พึ่งมาอ่าน ติดตามนะคะ สู้ๆคะไรท์
งูหรอ!??