ตอนที่ 13 : The princess and the dragon

All secrets are deep
All secrets become dark
That's in the nature of secrets
-- Cory Doctorow --
XII: The princess and the dragon
“เธอสองคนคิดว่าพวกเขากำลังคบกันหรือเปล่า” เฮอร์ไมโอนี่โพล่งขึ้นมาอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย กลางวงรับประทานอาหารเย็นของเธอกับเพื่อนสนิททั้งสอง แฮร์รี่ถึงกับหยุดชะงัก รอนซึ่งถือไก่ทอดเตรียมจะกินก็ค้างมือไว้เช่นกัน พวกเขาหันขวับมามองเฮอร์ไมโอนี่เป็นตาเดียว
“ใคร” รอนถาม
เฮอร์ไมโอนี่พยักพเยิดไปอีกทางหนึ่งของห้องโถง รอนและแฮร์รี่ซึ่งนั่งตรงข้ามกับเธอจึงหันไปยังทิศทางนั้นพร้อมกัน แต่ยังไม่ทันจะได้เห็นอะไรด้วยซ้ำ ก็เกิดเสียงร้องของพวกเขาทั้งสองขึ้น --
“โอ๊ย!” แฮร์รี่พูดพลางคลำหลังศีรษะป้อยๆ ส่วนรอนก็หันมามองเพื่อนสาวของเขาอย่างเอาเรื่อง “ตีพวกฉันทำไมเนี่ย!”
“อย่าหันไปพร้อมกันอย่างนั้นสิ” เฮอร์ไมโอนี่กระซิบ “เดี๋ยวก็รู้ตัวกันพอดี -- ค่อยๆ หันไปช้าๆ ทำเหมือนเราไม่ได้กำลังมองเขาอยู่”
รอนพ่นลมหายใจออกมาจากจมูกอย่างหงุดหงิด แต่ก็ค่อยๆหันไปมองยังตำแหน่งเมื่อครู่ตามที่เฮอร์ไมโอนี่ว่า สักพักเจ้าตัวก็หันหน้ากลับมา พยักพเยิดไปทางแฮร์รี่ ทำให้เขารู้ตัวว่าถึงตาของตนเองเสียที
ตาสีเขียวสดใสมองไปยังทิศทางที่ต้องการในตอนแรก พยายามทำตัวให้เป็นปกติที่สุดเท่าที่จะสามารถทำได้ และเขาก็เห็น ห่างออกไปยังปลายสุดของห้องโถงใหญ่ -- แม้จะมีนักเรียนหลายคนที่อยู่ในรัศมีสายตา แต่เขาก็รู้ว่าคนที่เฮอร์ไมโอนี่ถามว่า ‘กำลังคบกัน’ หรือเปล่านั้นเป็นใคร
อีวานเจลีนกับเดรโก มัลฟอย
พวกเขากำลังนั่งทานอาหารข้างกันสองคนอย่างเงียบเชียบ ไม่มีเงาของสองบอดี้การ์ดยักษ์ใหญ่ไร้สมองอย่างแครบบ์และกอด์ยอยู่ใกล้ๆ หรือแม้กระทั่งแพนซี่ พาร์กินสันที่มักจะทำตัวเหมือนเป็น ‘แฟนสาว’ ของเดรโกมาตลอดหลายปีก็ไม่อยู่เช่นกัน
พวกเขาแทบไม่คุยอะไรกันเลย ทำแค่เพียงตักอาหารเข้าปากและงึมงำตอบรับบทสนทนาของกันและกันเท่านั้น -- อันที่จริงเดรโกหยุดรับประทานส่วนของตนไปแล้ว แม้ว่าจะกินไปไม่ถึงครึ่งจานก็ตาม
ใกล้ๆกับบริเวณที่พวกเขานั่ง มีสายตาของนักเรียนชายจากบ้านอื่นอีกหลายสิบชีวิตมองมาที่อีวานเจลีนเป็นประกาย บางคนทำท่าเหมือนจะอยากเข้ามาพูดกับเธอ บ้างก็หน้าแดงขึ้นมาอย่างไม่มีสาเหตุเพียงแค่มองเธอเท่านั้น
หลังจากที่ใช้ชีวิตราวกับไร้ตัวตนในฮอกวอตซ์ถึงสามปี แต่ตอนนี้ การทำเพียงแค่เดินผ่านแล้วทำให้ใครต่อใครต้องเหลียวหลังมามองอย่างเขินอายกลับเป็นสิ่งที่เธอสามารถทำได้อย่างไม่ยากเย็นนัก
แฮร์รี่นึกแปลกใจ ที่เวลาปิดเทอมเพียงไม่กี่เดือนจะนำความเปลี่ยนแปลงมาสู่เด็กผู้หญิงตัวเล็กที่เขาเคยเห็นได้มากขนาดนี้ เธอเติบโตเป็นสาววัยแรกรุ่นหน้าตาหมดจด ที่ดูสวยเกินกว่าที่คนปกติจะกล้าเอื้อมถึงไปเสียแล้ว
ผู้ชายเกินครึ่งโรงเรียนอยากทำความรู้จักกับเธอมากขึ้น แต่นึกไม่ถึงว่าคนที่มาได้ไกลที่สุดจะเป็นเดรโก มัลฟอย คู่ปรับคู่แค้นประจำฮอกวอตซ์ของแฮร์รี่เสียอย่างนั้น
อีวานเจลีนลุกขึ้นยืน เดรโกเห็นดังนั้นจึงลุกตามเธออย่างรวดเร็ว พวกเขาออกจากห้องโถง และหายไปพร้อมๆกัน
แฮร์รี่หันกลับมาหารอนกับเฮอร์ไม่โอนี่อีกครั้ง
“เธอหมายความว่า -- ” เขาลากเสียง “ – มัลฟอยกับอีวานเจลีนงั้นหรือ”
“ก็แล้วจะใครล่ะ” เฮอร์ไมโอนี่ตอบ “พักหลังๆฉันเห็นพวกเขาไปไหนมาไหนด้วยกันแค่สองคนบ่อยๆนะ หรือพวกเธอไม่เคยเห็นเลย”
“ใครจะไปว่างสังเกตอะไรได้ขนาดนั้นกันล่ะ” รอนตอบ และถูกเฮอร์ไมโอนี่ฟาดด้วยหนังสือใส่กลางหลังเต็มแรง “อะไรล่ะ!” เขาเอ็ด
“อีวานเจลีนดูไม่เหมือนคนที่จะไปคบกับผู้ชายอย่างมัลฟอยหรอกนะ” แฮร์รี่แย้งไป ไม่สนใจรอนที่คลำแผ่นหลังของตัวเองพลางมองเพื่อนสาวของเขาอย่างขุ่นเคือง “ตอนนี้ใครๆ ก็อยากจะคุยกับเธอ และฉันมั่นใจว่ายังมีตัวเลือกที่ดีกว่า ‘เดรโก มัลฟอย’ อีกหลายคนให้เธอเลือกด้วยซ้ำ เธอก็รู้นี่ว่าหลังจากพ่อของเขาถูกจับเข้าอัซคาบันเมื่อปีที่แล้ว คนอื่นๆมองครอบครัวเขายังไง”
“ฉันก็แค่ถามดู” เฮอร์ไมโอนี่พูด “แต่อันที่จริงก็คิดเหมือนเธอนั่นละ”
“แต่บางทีอะไรก็อาจจะเกิดขึ้นได้” รอนพูดขึ้นมาบ้าง
“ฉันก็ยังลังเล” เฮอร์ไมโอนี่เริ่มไขว้เขว “เอาจริงๆนะ ฉันก็ไม่ได้ว่างขนาดไปตามแอบดูใครต่อใครได้หรอก” เธอประชดรอน “แต่ก็พอจะเห็นว่าหลายเดือนตั้งแต่เปิดเทอมมาเนี่ย พวกเขาสองคนไปไหนมาไหนกันแบบนี้บ่อยจริงๆ – อาจจะคบกันหรือไม่ก็คงไม่คบ -- แต่ฉันเอียงไปทางไม่คบมากกว่านะ”
“หมายความว่าไง” รอนกันแฮร์รี่ถามพร้อมกัน
“เดรโกเลือดบริสุทธิ์ อีวานเจลีนเป็นลูกของศาสตราจารย์สเนป... และฉันก็ไม่เห็นมีนามสกุลนี้ในรายนาม 28 ตระกูลศักดิ์สิทธิ์ของโลกพ่อมด เธอคงไม่ใช่พวกเลือดบริสุทธิ์ งั้นก็คงจะเลือดผสมแน่ และจากที่รู้จักเดรโกมาหลายปี เราก็เห็นว่าเขารักใคร่ชอบพอพวกมักเกิ้ลบอร์นกับพวกเลือดผสมพอดูเลยนี่นะ แม้ว่าพ่อของเขากับศาตราจารย์สเนปจะสนิทกันแค่ไหน... แต่จะให้ถึงขั้นนี้ก็คงจะยากพอดูละ”
“แล้วพวกเขาจะไปไหนมาไหนด้วยกันทำไม”
“ไม่รู้สิ” เฮอร์ไมโอนี่พึมพำ “บางทีอาจจะสร้างตำนานรักเลือดผสมเข้าตระกูลมัลฟอยก็ได้ พ่อของเดรโกอยู่ในอัซคาบัน ชื่อเสียงครอบครัวก็ป่นปี้ไม่มีชิ้นดีขนาดนี้ เขาอาจจะอยากทำอะไรบ้าๆอย่างการมีแฟนเป็นคนจากตระกูลอื่นที่ไม่ใช่ตระกูลเลือดบริสุทธิ์ก็ได้ เธอก็เห็นนี่ ว่าเรื่องวุ่นวายต่างๆที่เกิดขึ้นเดี๋ยวนี้ ความรู้สึกของเราก็โยงไปหาเดรโกได้หมด ทั้งเรื่องเคธี่ เรื่องของเธอด้วยรอน เดรโกทำอะไรที่เราไม่คิดว่าเขาจะสามารถทำตลอดปีนี้ นี่ก็อาจจะเป็นหนึ่งในเรื่องประหลาดที่เขาทำก็ได้”
แฮร์รี่กับรอนมองหน้ากัน พลางขมวดคิ้ว ก่อนจะหันไปยังทางเข้าออกของห้องโถงใหญ่ ซึ่งตอนนี้ไร้เงาของคนสองคนซึ่งอยู่ในบทสนทนาของพวกเขาไปเสียแล้ว
คบกันอย่างนั้นหรือ
อีวานเจลีนกับเดรโกเนี่ยนะ
นี่มันแย่
แย่มาก
ชายหนุ่มผมสีบลอนด์จางคิดกับตนเอง ขณะกำลังเดินตามหลังเด็กผู้หญิงที่อายุน้อยกว่าเขาถึงสองปีตรงหน้า ซึ่งเดี๋ยวนี้เธอมักจะทำตัวเกาะติดกับเขาจนแทบสลัดไม่ออก
สลัดหรือ... เหอะ อย่าว่าแต่ทำเลย แค่คิดว่าจะทำก็รู้สึกเหมือนจะต้องโดนลงโทษแล้ว
ใครจะไปกล้าทำอย่างนั้นกับลูกสาวคนเดียวของจอมมาร และยิ่งกับเขาที่มีโทษทัณฑ์ติดตัวเรื่องความล้มเหลวของพ่อด้วยยิ่งแล้วใหญ่
เธอกับเขาอยู่ด้วยกันบ่อยขึ้นเรื่อยๆจนคนอื่นในปราสาทเริ่มคิดว่ากำลังคบกัน ซึ่งมันก็ดีแล้วที่พวกสมองนิ่มนั่นคิดได้แค่นี้ เพราะถ้าคิดเป็นอย่างอื่นจนสามารถโยงเข้าหาตัวจอมมารได้ล่ะก็เป็นเรื่องใหญ่แน่ -- เขาไม่อยากจะนึกเลยว่าจอมมารจะสรรหาวิธีอะไรมาเพื่อลงโทษเขาและครอบครัวอีกถ้าเกิดเรื่องแบบนั้นเข้า
บ้าเอ๊ย
เดรโกบ่นในใจอีกครั้ง เขาไม่แน่ใจว่าในหนึ่งชั่วโมงมานี้ เขาบ่นกับตัวเองมาแล้วกี่ครั้ง เขารู้สึกแย่ กลืนไม่เข้าคายไม่ออกกับทุกๆ การกระทำที่ได้ทำอยู่ในปัจจุบันนี้จนแทบไม่เป็นตัวของตัวเองแล้ว
ทำไมทุกคนต้องคิดว่าเขาคือหนุ่มแสนโชคดีที่ได้คบกับผู้หญิงที่สวยที่สุดในโรงเรียน เพราะเวลาที่เธอมาหาเขา ไม่เคยมีเลยสักครั้งที่เจ้าหล่อนจะนำความสบายกายและสบายใจมาให้ มีแต่เรื่องที่ต้องกลับไปนอนคิดให้ปวดหัว จนแทบจะเป็นบ้าตายอยู่แล้ว
ถ้าเจ้าพวกนั้นได้รู้ว่าแท้จริงแล้วสาวสวยที่มันฝันหวานถึงทุกวันเป็นคนยังไง...
“เดรโก...” อีวานเจลีนเอ่ยเนิบนาบ เธอหยุดเดินและหันหน้ามาหาเด็กหนุ่มร่างสูงที่อยู่ใกล้ๆ “ไม่รู้ว่าคิดไปเองหรือเปล่า... แต่ฉันคิดว่าคุณกำลัง...รู้สึกไม่ดีที่ต้องอยู่กับฉันใช่ไหม”
เดรโกชะงักฝีเท้า ตาสีเทาของเขาเสมองไปทางอื่นก่อนจะตอบเธอไปด้วยเสียงที่พยายามจะควบคุมไม่ให้สั่น
“เธอคงจะคิดไปเอง”
คนถูกถามตอบกลับไปอย่างสุภาพ – เขาไม่เคยเป็นคนสุภาพขนาดนี้มาก่อน ไม่เลย ไม่ว่าจะกับใคร... แต่กับเธอคนนี้.... ที่น่าเกรงขามเกินกว่าจะต่อต้าน พอๆกับพ่อของเธอเอง คงไม่มีใครกล้า ยกเว้นจะอยากหาทางฆ่าตัวตายเท่านั้น
“จริงหรือ” อีวานเจลีนแสร้งทำตาโต ทำให้เดรโกเห็นตาสีดำสนิทที่ดูเข้ากันกับใบหน้าของเธอได้อย่างชัดเจนขึ้น -- ตาคู่นั้น... ที่เขารู้ดีว่าไม่ใช่สีตาที่แท้จริงของเธอ “คุณนี่ช่าง... โกหกกันได้นะ”
เส้นขนที่หลังคอของเขาลุกชันขึ้นเองราวกับว่ากำลังยืนอยู่ท่ามกลางพายุน้ำแข็ง เดรโกพยายามไม่สบตาเธอ เป็นการกระทำเดียวที่คิดว่าสามารถช่วยให้เขาหลุดพ้นจากสถานการณ์นี้ไปได้
มือเล็กเอื้อมมาสัมผัสที่ข้างแก้มของคนที่ตัวสูงกว่า อีวานเจลีนยิ้ม พลางเบี่ยงศีรษะของเขาให้หันมาทางตน
เดรโกไม่ยอมมองตาเธอ เขาขัดขืน แม้จะรู้ว่านั่นเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำมากแค่ไหน
เธอกำลังพยายามพินิจใจ
“มองฉัน” อีวานเจลีนสั่งเรียบๆ
แม้ว่าตนจะไม่ต้องการทำตามคำสั่งของอีกฝ่ายมากเพียงใด แต่เขาก็รู้... ว่าการถูกพินิจใจก็ดีกว่าถูกคำสาปกรีดแทงเป็นไหนๆ
ตาสีเทาอ่อนยอมมองกลับมาในที่สุด สบเข้ากับตาสีดำสวยที่อยู่ตรงหน้าของตนอย่างเชื่องช้าราวกับกำลังพยายามประวิงเวลาให้นานที่สุด
“อืม...” อีวานเจลีนพึมพำ “ไม่ได้โกหก...”
เดรโกหายใจคล่องขึ้นกว่าเดิมมาก ในขณะที่กำลังรวบรวมสมาธิทั้งหมดสกัดการรุกล้ำจิตใจของอีกฝ่ายอย่างเต็มกำลัง
“บางที... ถ้าคุณไม่ได้กำลังโกหก... ก็แสดงว่าคุณสกัดใจเก่งมาก ฉันจะพยายามคิดว่าเป็นอย่างแรกนะ” อีวานเจลีนพูดขึ้นพลางอมยิ้มมุมปาก “งั้นฉันเปลี่ยนเรื่องดีกว่าไหม”
“ได้...” เดรโกตอบสั้นๆ เด็กสาวละฝ่ามือออกจากใบหน้าของเขา ก่อนจะเริ่มเดินต่ออีกครั้ง
“เอาเป็นเรื่อง...” เธอลากเสียง “เรื่องภารกิจสำคัญของคุณดีไหม”
คนถูกถามชะงักไป ก่อนจะเสมองไปอีกทางหนึ่ง แต่ไม่สามารถซ่อนความเหนื่อยล้าและสับสนที่ซ่อนอยู่ในดวงตาลงไปได้
“ฉันบอกเรื่องนี้กับเธอไม่ได้... มันเป็นความลับ... เธอก็รู้”
อีวานเจลีนหรี่ตามองอีกฝ่ายอย่างหงุดหงิด
“ ‘ท่าน’ ไม่เคยมีความลับกับฉัน”
“แต่เรื่องนี้ท่านไม่ต้องการให้มีคนรู้” ชายหนุ่มเดินเข้ามาหาก่อนจะก้มหน้าลงไปกระซิบที่ข้างหู “ยิ่งรู้น้อยยิ่งดี เดี๋ยวนี้ตาแก่ดัมเบิลดอร์ยิ่งจับตาดูเธอเป็นพิเศษ จอมมารไม่อยากเสี่ยงเกินความจำเป็น ถ้าเกิดเจ้าพวกนั้นเอาเธอไปเค้นความลับ... ทุกอย่างที่พยายามทำกันมาจะพังหมด -- ท่านให้เธอรู้ทุกเรื่อง รู้ทุกภารกิจของทุกคน แต่รายละเอียดของภารกิจนี้ จอมมารไม่อนุญาตให้ฉันบอกเธอ ฉันบอกเธอได้แค่ว่า... แผนนี่กำลังจะสำเร็จแล้ว อีกไม่นานนักหรอก”
เด็กสาวจ้องเข้าไปในดวงตาสีเทาของเขาอีกครั้ง พยายามเจาะลึกเข้าไปในความคิดของอีกฝ่ายเหมือนที่ทำเมื่อครู่ แต่ไม่สามารถรู้สึกถึงอะไรได้อย่างที่ต้องการ แม้ว่าจะพยายามมากแค่ไหน
เก่งจนต้องขอชื่นชม
“ครั้งนี้แกกำลังสกัดใจ และใช่... ฉันรู้ว่าแกพยายามปิดบังความลับจากฉัน” อีวานเจลีนเอ่ยลอดไรฟัน ตาของเธอเปลี่ยนเป็นสีแดงสด มองเดรโกอย่างกินเลือดกินเนื้อ พายุแห่งความขุ่นเคืองกำลังก่อตัวขึ้นในใจของเธออย่างรวดเร็ว
นี่คือตัวจริงของเธอที่คนอื่นในฮอกวอตซ์ไม่เคยได้เห็น
และมีเพียงแค่เขาเท่านั้น ที่จะเป็นผู้รองรับแรงโทสะและความหายนะที่เกิดขึ้น เดรโกยืนตัวแข็ง เพื่อรอรับอะไรก็ตามที่กำลังตามมาในอีกไม่ช้า -- สิ่งที่เขารู้ว่าไม่ใช่เรื่องดี
แต่เสี้ยววินาทีจากนั้นเดรโกก็ต้องประหลาดใจ เมื่อใบหน้าที่บูดบึ้งด้วยความโกรธเคืองนั้นผ่อนคลายลงจนเกือบเป็นปกติ ริมฝีปากของเธอยกยิ้มออกมาหลังจากนั้น ทุกอย่างเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วราวกับพลิกหน้ากระดาษ มันเร็วมากจนเขาตั้งตัวไม่ถูก ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าควรจะแสดงปฏิกิริยาโต้ตอบอย่างไร
“ถ้าอย่างนั้นขอบคุณสำหรับอาหารวันนี้ค่ะ”เธอพูดพร้อมกับยิ้มอ่อนโยน แต่ทำให้คนฟังสะดุ้งขึ้นเบาๆ จากนั้นจึงหันรีหันขวาง ตัดสินใจไม่ถูกว่าจะทำอย่างไรต่อไป
เขาเลือกที่จะหาสาเหตุของความเปลี่ยนแปลงนั้นก่อน ตาสีเทาอ่อนจึงกวาดมองรอบตัวในทันที และแล้วเขาก็พบสาเหตุของพฤติกรรมที่ต่างไปของเธอในที่สุด
มีกลุ่มของเด็กนักเรียนบ้านฮีฟเฟิลพัฟเดินมาใกล้ และพวกนั้นกำลังชำเลืองมองเขาและเธอด้วยสายตาสอดรู้สอดเห็นที่ปิดแทบไม่มิด
“มองอะไร มีปัญหาหรือไง” เดรโกตวาดใส่จนกลุ่มนักเรียนเหล่านั้นลนลานวิ่งหนีไป เขารู้ ว่าเขาดูน่ากลัวและไม่น่าเข้าใกล้มากขึ้นสำหรับใครหลายคน เมื่อข่าวเรื่องที่เขาเป็นลูกชายของผู้เสพความตายที่รับใช้จ้าวแห่งศาสตร์มืดกระจายไปทั่วโรงเรียนเมื่อเกือบหนึ่งปีก่อน
“ตายจริง... ใกล้ได้เวลาเข้าหอแล้วสิ “ เธอมองนาฬิกาตั้งพื้นเรือนยักษ์ที่อยู่ใกล้ๆ “หวังว่าจะได้คุยกันแบบนี้บ่อยๆ นะ”
อีวานเจลีนยิ้มให้ ก่อนขยับเข้าไปใกล้ แล้วกระซิบบางอย่างใส่หู ก่อนที่จะหันหลังแล้วเดินจากไปอย่างสบายใจ
บางอย่างที่ทำให้เดรโกแทบจะหยุดหายใจ
มันสะท้อนอยู่ในหู ราวกับเธอกำลังพูดย้ำให้ฟังซ้ำแล้วซ้ำเล่า
“ท่านพ่อของฉัน... ต้องรู้เรื่องนี้แน่”
น่าโมโห
อีวานเจลีนคิดกับตัวเองขณะเดินห่างจากคู่สนทนาของตนออกไปเรื่อยๆ เธอปล่อยให้เดรโกยืนตัวแข็งด้วยสีหน้าเครียดเขม็งอยู่คนเดียวต่อไปโดยไม่คิดจะสนใจ และนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอเคยทำเช่นนั้นกับเขาเสียด้วย
เธอรู้ว่าเขากลัว เธอรู้ว่าเขาเครียด เธอรู้ว่าเขากังวลกับการภารกิจของตัวเองมาเกือบปีแล้ว มันแสดงออกอย่างชัดเจน ใครก็สังเกตได้ว่าผู้ชายคนนี้มีอะไรบางอย่างอยู่ในใจ โดยไม่ต้องอาศัยความพยายามเลยสักนิด
ไร้ประโยชน์สิ้นดี
เธอสบถในใจอีกครั้ง เมื่อความพยายามที่จะพินิจใจเดรโกล้มเหลวไม่เป็นท่าอีกแล้ว
เดาว่าถ้าเขาไม่ยอมบอกเองเสียอย่าง ก็คงไม่มีวิธีไหนเลยที่จะทำให้รู้ได้ว่าผู้ชายคนนั้นต้องการจะทำอะไร เขาสกัดใจเก่งพอๆ กับเธอที่พินิจใจได้อย่างยอดเยี่ยม แม้จะเป็นความสามารถที่น่าหงุดหงิด แต่ก็อดชื่นชมไม่ได้จริงๆ
และเพราะความเก่งกาจนี้เองที่ทำให้เธออ่านเขาไม่ออก
เธอรู้ว่าเขามีภารกิจสำคัญอยู่สองอย่างที่ได้รับมอบหมายจากพ่อของเธอโดยตรง อย่างแรกคือการทำอย่างไรก็ได้ให้ศาสตราจารย์ดัมเบิลดอร์หายไปจากโลกนี้โดยเร็วที่สุด และอย่างที่สอง คือหาทางให้พวกผู้เสพความตายสามารถเข้ามาในตัวปราสาทได้
แต่ที่เธอยังไม่รู้ คือ เขาจะทำอย่างไรเท่านั้น
หลายเดือนมานี้เขาพยายามเป็นอย่างมากที่จะทำภารกิจแรกให้สำเร็จ ดูได้จากจำนวนคนที่โดนลูกหลงจนเกือบตายซึ่งเพิ่มขึ้นทุกที แต่คนระดับเดรโกไม่มีทางจะทำอะไรพ่อมดที่เก่งกาจขนาดนั้นได้ถ้าไม่มีตัวช่วย ดังนั้นทางเดียวที่จะฆ่าดัมเบิลดอร์ได้คือเปิดทางให้ผู้เสพความตายมาอยู่ในปราสาทให้มากที่สุดเท่านั้น เขาต้องหาทางทำอะไรสักอย่างเพื่อนำกำลังเสริมจากภายนอกเข้ามาแน่ๆ
แต่จะทำอย่างไรล่ะ
ตอนนี้รอบปราสาทคงมีคาถาเป็นร้อยๆชนิดร่ายคลุมเอาไว้ ร่วมกับการป้องกันอีกเป็นพันอย่างที่อาจมีมาตั้งแต่เริ่มก่อตั้งฮอกวอตซ์ด้วยซ้ำ คงไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะพาคนนอกเข้ามาที่นี่ได้
แต่การที่เดรโกบอกเธอเมื่อครู่ว่าแผนการของเขา ‘กำลังจะสำเร็จแล้ว’ นั้น เป็นเครื่องยืนยันได้อย่างดี ว่าจะต้องมีเรื่องแย่บางอย่างเกิดขึ้นในเร็วๆนี้
แล้วจะต้องทำอย่างไรถึงจะรู้ได้ล่ะ
อีวานเจลีนได้แต่ถามตนเองด้วยคำถามเดิมซ้ำแล้วซ้ำเล่า เธอเดินกระแทกเท้าปึงปันลงไปยังชั้นใต้ดินของปราสาทด้วยความหงุดหงิดที่เพิ่มพูนมากขึ้นทุกที
เธอโมโหง่าย และเริ่มทำตัวแย่ขึ้นเรื่อยๆ แม้แต่ตัวเธอเองยังสังเกตได้ถึงความเปลี่ยนแปลงนี้ และพวกผู้เสพความตายคนอื่นๆที่พอจะรู้ว่าเธอเป็นใครก็มักจะได้เห็นด้านที่แย่ๆพวกนั้นมากขึ้น จนตอนนี้เริ่มไม่แน่ใจเสียแล้ว ว่าการแสดงออกเหล่านั้นคือการเล่นละครเป็นทายาทผู้โหดเหี้ยมของจอมมารอย่างที่เคยคิดในตอนแรก หรือบางที...
มันอาจเป็นตัวตนที่แท้จริงของเธอ
“บ้าเอ๊ย ” การเก็บทุกอย่างไว้ในใจ ไม่สามารถคลายอารมณ์ฉุนเฉียวที่เป็นอยู่ได้อีกแล้ว “บ้า -- ”
“ดูเธอหงุดหงิดนะ”
เสียงของใครคนหนึ่งดังแทรกขึ้นจากด้านหลัง ถ้าไม่ได้เสียงนี้ดึงสติกลับมา เธอคงจะนึกคำสบถอีกร้อยแปดอย่างออกมาได้เรื่อยๆ แน่ อีวานเจลีนหันไปมอง และอย่างที่คิดเอาไว้ เจ้าของน้ำเสียงแสนเย็นชาที่เป็นเอกลักษณ์นั้นไม่ใช่ใครที่ไหน...
“เซเวอร์รัส”
เขาเลิกคิ้ว ก่อนจะทำสีหน้าระอาเมื่อสังเกตบางสิ่งที่ฉายชัดอยู่บนใบหน้าอ่อนเยาว์ของคู่สนทนา แล้วจึงพูดคำๆหนึ่งออกมา
“เลินเล่อ”
แม้จะยังไม่เข้าใจว่าอีกฝ่ายต้องการจะสื่อสารอะไร แต่เด็กสาวก็รีบหันไปมองหุ่นสวมเกราะเงาวับที่ตั้งอยู่ใกล้ๆ ในทันที ภาพที่สะท้อนกลับมานั้นบิดเบี้ยวไปตามรูปร่างของหุ่นตัวนั้น แต่มีสิ่งหนึ่งที่ชัดเจนจนไม่ว่าจะมองอย่างไรก็ไม่อาจปกปิดความผิดปกตินั้นลงไปได้
ตาสีแดงสด...
เด็กสาวรีบยกไม้กายสิทธิ์ และเสกคำร่ายที่ทำมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วนขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ตาของเธอจึงเปลี่ยนกลับมาเป็นสีดำสนิทเช่นที่เคยเป็นอีกครั้ง
“ฉันพึ่งคุยกับเดรโกมา” อีวานเจลีนอธิบายสาเหตุ “ต้องเล่นไม้แข็ง”
“แล้วได้เรื่องอะไรไหม”
“ไม่มากกว่าคุณ” เธอตอบด้วยน้ำเสียงที่แสดงออกถึงความไม่พอใจ “เขาไม่ยอมบอก”
สเนปไม่พูดอะไรต่อ อีวานเจลีนจึงทำได้เพียงแค่ยืนนิ่ง เมื่อจู่ๆก็เกิดความเงียบงันอันไร้ที่มาเข้าแทรกกลางระหว่างเธอและเขา เด็กสาวมองชายร่างสูงโปร่งตรงหน้าด้วยความสงสัย ก่อนจะต่อบทสนทนาที่แสนกระอักกระอ่วนนี้ด้วยการถามคำถามแทน
“แล้วคุณล่ะ ลมอะไรหอบมาถึงที่นี่ได้”
ในขณะที่ถามคำถามนั้นออกไป เธอก็นึกแปลกใจและรู้สึกขัดแย้งในตัวเองอย่างประหลาด
ลมอะไรหอบมาถึงที่นี่งั้นหรือ...
เธอไม่เคยพูดกับเขาอย่างไร้ความเคารพนับถือขนาดนี้มาก่อนเลย แต่ถึงแม้จะรู้สึกประหลาดใจกับการแสดงออกลักษณะนี้ของตน เธอคิดว่าเหมาะสมที่สุดแล้ว ที่จะใช้คำๆ นี้กับเขา
หลายเดือนมานี้เธอสังเกตได้ว่าเขาทำตัวแปลกจากเดิมไปมาก ใช่ เขายังคงเย็นชาและปากร้ายเหมือนเดิม แต่ระยะหลังมานี้เธอไม่ค่อยเห็นเขาแสดงพฤติกรรมแบบนั้นสักเท่าไร... อันที่จริงน่าจะบอกว่าไม่เห็นเขาแสดงพฤติกรรมอะไรเลยน่าจะเหมาะสมกว่า
ตั้งแต่เปิดเทอมจนถึงตอนนี้ ถ้าไม่นับคาบเรียนวิชาป้องกันตัวจากศาสตร์มืด หรือการขานชื่อเพื่อนับจำนวนนักเรียนรอบเย็นกับอาจารย์ประจำบ้าน เธอก็แทบจะไม่ได้คุยกับเขาอย่างเป็นกิจจะลักษณะเลยสักครั้ง
เขาหลบหน้าเธอ และบ่อยครั้งก็จะทำเป็นเมินหรือเดินผ่านไปราวกับมองไม่เห็น
อีวานเจลีนรู้สึกหงุดหงิดขึ้นอีกนิด เมื่อนึกถึงเรื่องนี้
“อาจารย์ใหญ่ ท่านอยากพบเธอ มีเรื่องที่ท่านต้องคุยกับเธอโดยด่วนที่สุด”
เด็กสาวยิ้ม แต่เป็นรอยยิ้มที่แสดงออกอย่างเต็มเปี่ยมถึงความไม่พอใจ
“ถ้าเขาไม่สั่งคุณคงไม่พูดกับฉันสินะ” มันคือการตัดพ้ออย่างปะชดประชัน ที่เธอตั้งใจแสดงออกให้ชัดเจนที่สุด “ฉันรู้สึกไปเองหรือเปล่าว่าหลายเดือนมานี้ คุณหลบหน้าฉัน”
สเนปมองมานิ่งขรึม ราวกับไม่สะทกสะท้านกับท่าทีของอีวานเจลีนเลยแม่แต่น้อย
“ไม่มีอะไรทำหรือไง ทำไมถึงต้องมาจุ้นจ้านกับเรื่องของฉัน”
น่าแปลกที่คำพูดของเขาที่ตอบกลับมานั้น กลับทำให้อีวานเจลีนรู้สึกดีและรู้สึกแย่ไปพร้อมๆกัน
เธอรู้สึกดี... ที่เขากลับมาพูดกับเธออย่างร้ายกาจเหมือนที่ทำเมื่อก่อน ไม่ใช่การหลบหน้าหรือหมางเมินจนแทบจะกลายเป็นคนแปลกหน้าเช่นนั้น
แต่ก็รู้สึกแย่... เมื่อลองนึกดูแล้วก็พบว่า ตั้งแต่วันแรกที่ได้พบกันจนมาถึงวันนี้ เขาแทบไม่เคยพูดกับเธอดีๆเลยสักครั้ง
“...ฉันคิดว่าคุณรู้นะ... ว่าเพราะอะไร...”
ราวกับเวลาถูกหยุดเอาไว้
เกิดความเงียบงันขึ้นมาอีกแล้ว
เธอมองเขา นิ่งสนิท เช่นเดียวกับท่าทีของสเนปที่แสดงออกมา
“ไปหาอาจารย์ใหญ่” เขาสั่งอย่างรวบรัดตัดตอน เสียงที่เปล่งออกมานั้นเรียบเฉยแต่ติดจะหงุดหงิดในท่อนท้าย ก่อนจะหันหลังกลับ และเดินจากไป ไม่พูดอะไรกับเธออีก
อีวานเจลีนทำได้เพียงมองเขาจนกระทั่งหายลับไปทั้งตัว เธอเงยหน้าขึ้นมองเพดานปราสาทพักใหญ่ สูดหายใจเข้าปอดลึกๆ หลายครั้ง ส่ายศีรษะไล่เรื่องที่กำลังกวนใจออกไปให้พ้น ก่อนจะหมุนตัวแล้วเดินไปที่ห้องทำงานของอาจารย์ใหญ่ต่อไป
สังเกตว่าโดดเรื่องมาอีกแล้ว ตอนนี้เป็นช่วงเล่ม 6 ค่ะ ค่อนๆไปทางท้ายเล่มแล้ว
ต้องรีบมาอัพก่อนจะหายไปกับภารกิจในโลกความเป็นจริงค่ะ ซึ่งคิดว่าถ้ารอตอนนั้นน่าจะนานเกินไป ดังนั้นก็เอามาลงให้ส่วนหนึ่งก่อนแล้วกันค่ะ
อ่านให้สนุกค่า
(16/03/60)
กลับมาแล้วววววววว
อยากบอกว่าที่หายไป ไม่ได้ไปไหน เคลียร์กองงานกับไปเข้าค่ายผู้กำกับลูกเสือมาค่ะ ฮ่าๆ มีความแม่เสือสาว มีความเข้าแถวตากแดด มีความไม่ได้นอน (เราเรียนครูคณิตนะเออ อิอิ )
ที่ลงว่า (??/100) คือไม่แน่ใจว่าตอนนี้คือกี่เปอร์เซ็นต์ เพราะยังแต่ตอนนี้ไม่จบค่ะ
ปกติเราจะเป็นพวกที่ชอบแต่งนิยายเผื่อเอาไว้หลายๆตอน เพื่อที่จะได้ตรวจทานให้เรียบร้อยและเป็นวิธีการหนึ่งที่ทำให้เกิดความผิดพลาดน้อยที่สุดค่ะ ด้วยเพราะความบ้าบอส่วนบุคคล ที่ไม่ชอบกลับไปรีไรต์จ้า (ตอนที่เอาตอนแรกมาลง ถ้าบอกว่าแต่งตอนที่ 10 ไว้เรียบร้อยแล้วจะเชื่อไหม ฮ่า)
แล้วทำไมตอนนี้เอ็งถึงยังแต่งไม่เสร็จ!!!!
เพราะความ Hot ปรอทแตกของหนุ่มมังกรของเรา ที่ได้รับเสียงโหวตอย่างล้นหลามให้ได้คู่กับอีวี่ จึงทำให้เราตัดสินใจแต่งตอนนี้มาเพื่อเป็นการเซอร์วิส กล่าวง่ายๆคือเป็นตอนขั้นกับตอนหลักที่แต่งไปแล้ว (เพราะจากตอนที่แล้วก็เหมือนจะมีประเด็นเรื่องอีวี่กับป๋าเนปมาหน่อยๆ )
ตกลงจะเอายังไงกับหนูอีวี่ นี่ก็ยังเป็นเรื่องปวดหัวสำหรับเรามาก เพราะการคู่กับใคร การชอบใคร หรือการรักกับใคร ถือเป็นสิ่งที่เหมือนกัน แต่ก็ต่างกันอยู่นะ เพราะโดยส่วนตัวคิดว่าเราไม่จำเป็นต้องได้ครองคู่กับคนที่เรารักหรือชอบเสมอไปค่ะ (อ่ะงงเด้ งงเด้)
สุดท้ายนี้อยากจะบอกว่า... หน้ากากทุเรียนนี่เป็นอาทิตย์หน้าเลยหรอ!!!! พ่อของฉันต้องรู้เรื่องนี้แน่!!!
ฝันดีค่า
(24/02/60)
ครบ 100 % สำหรับตอนนี้แล้วค่ะ
หายไปนานอีกแล้วค่า ช่วงนี้ร่างแหลกสลาย เลยกลับบ้านแบบไม่ต้องการทำอะไร นอนแผ่โง่ๆ หลายวันมากค่ะ เพราะงั้นเม้นต์เป็นกำลังใจให้กับคนที่อ่อนล้ากับชีวิตคนนี้ด้วยน้า
สเนปสอนวิชาป้องกันตัวจากศาสตร์มืดเหรอ! บางคนอาจจะลืมไป แต่ตอนนี้เรากันอยู่เล่ม 6 กันเนอะ ซึ่งเป็นเล่มที่ดัมเบิลดอร์พาศาสตราจารย์สลักฮอร์นกลับมาสอนวิชาปรุงยา (เพื่อสืบเรื่องฮอร์ครักซ์) ทำให้ป๋าของเราได้ไปสอนวิชาป้องกันตัวจากศาสตร์มืดแทนค่า
ปล. รู้สึกอย่างไรกับอีวี่เวอร์ชันนิสัยไม่ดีกันบ้างคะ ฮ่าๆ
เม้นต์ เม้นต์ เม้นต์ เม้นต์ เม้นต์
เม้นต์ เม้นต์ เม้นต์ เม้นต์ เม้นต์
เม้นต์ เม้นต์ เม้นต์ เม้นต์ เม้นต์
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

ฮ่า แต่นุ้งเดรนี่แรงดีไม่มีตกจริงๆ
ต้องเล่นละครเป็นตัวร้าย แต่ดูเหมือนว่าหน้ากากจะเริ่มกลืนกินตัวจริงซะแล้วสิ..
//น้องแม็กเคน โตไวจัง ยังจำภาพตอนเป็นลูกเบลล่าได้อยู่เลย พอมาตอนนี้ อ้าว โตแล้วหรอ พร้อมๆกับเราที่แก่ลง TT
แมกเคนซี่โตเร็วจริงๆค่ะ ตอนเด็กก็โคตรน่ารักเลย พอตอนโตก็โคตรสวย (แล้วเราล่ะT^T)
ดาร์กลอร์ดกับเอล(?) เหยอ งืมมมมมม
//แต่ก็นะทีมเนปอีฟคร้าาาา
#ทีมหนูเดรกเหนี่ยวแน่นคะ!! ป๋าเนปแก่ไปฟินไม่ลงเหมือนความคิดเห็นที่ 114 เลยคะ โครมมม///โดยทาสป๋าเนปถีบ~~~
หรือตัดเลขไปตัวนึง ให้เหลืออายุห่าง 2 ปีดีนะ อิอิ
#เนปอีฟค่ะ
ทีมเดร$อีวี่ คร้าา????