ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Five soul mistress limit สาวน้อยพลังวิญญาณกับรักต้องห้ามตอนหอคอยซาบิน่า

    ลำดับตอนที่ #2 : บทที่ 2ความเศร้าของสาวสวย

    • อัปเดตล่าสุด 17 ก.ค. 56


     

                    “ผมเอง ซาโตริลูกแม่ไง” ซาโตริตอบพลางยืนหลบในมุมมืด

                    “ไปทำลับๆล่อๆอะไรตรงนั้นล่ะลูก เข้ามาในบ้านสิ”  แม่ของซาโตริถามอย่างห่วงใย

    “แม่อย่าตกใจนะถ้าเห็นผม....เปลี่ยนไป” ซาโตริพูดออกมาอย่างยากลำบาก ภายในใจของเขานั้นวุ่นวายไปหมด

    “แม่จะกลัวลูกตัวเองทำไม รีบเข้าบ้านสักทีเถอะข้างนอกนี่มันหนาว” ซาโตริเดินออกจากมุมมืดแล้วไปหาแม่อย่างกล้าๆกลัวๆเขายืนอยู่ตรงหน้าแม่ แต่แม่ของเขาไม่ตกใจแม้แต่นิดเดียวเมื่อได้เห็นสภาพลูกชายที่เปลี่ยนไป

    “ทำไมใส่ชุดนักเรียนชาย”แม่ซาโตริถาม

    “ก็ผมเป็นนักเรียนชายนี่ฮะ”

    “ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆ” ผู้เป็นมารดาระเบิดเสียงหัวเราะ สร้างความฉงนแก่ซาโตริมิใช่น้อย

    “ลูกขึ้นไปนอนเถอะแม่มีงานต้องทำอีกเยอะ” แม่บอกซาโตริอย่างอารมณ์ดีพลางดึงลูกเข้ามา พวกคนใช้ไม่มีใครตกใจหรือแม้แต่ถามซาโตริว่าทำไมกลายเป็นผู้หญิงอย่างกับว่าเขาเป็นผู้หญิงมาตั้งแต่เกิด

    แสดงว่าจะต้องมีอะไรเปลี่ยนอีกแน่ๆ แต่จะเป็นอะไรเท่านั้นเองซาโตริเข้ามาในห้องปุ๊บ

    “เป็นไปได้ยังไงนี่มันเหลือเชื่อมากๆเลย” ซาโตริไม่อยากเชื่อในสิ่งที่ได้เห็น แต่ห้องของเขาที่เคยเต็มไปด้วยโปสเตอร์การ์ตูนบัดนี้กลับมีแต่ตุ๊กตาทั้งเล็กใหญ่อยู่บนหัวเตียง ห้องที่เป็นสีฟ้าถูกเปลี่ยนเป็นสีชมพูน่ารัก ซาโตริสอดส่องสำรวจห้องตัวเองแบบทุกซอกทุกมุม พบว่าหนังสือการ์ตูนของเขาหายไป(รวมหนังสือโป๊ด้วย) เสื้อผ้าก็เป็นของผู้หญิงหมดไม่มีเสื้อผ้าของผู้ชายเลยแม้แต่นิดเดียวอย่างกับว่าซาโตริในร่างผู้ชายไม่เคยมีตัวตน ด้วยความเหนื่อยล้าชายหนุ่มในร่างหญิงสาวทันทีที่อาบน้ำเสร็จก็เข้านอนและหลับไปในที่สุด

    แสงอาทิตย์ส่องแสงยามเช้าแยงตาของหญิงสาวนัยน์ตาสีทับทิม และยังมีอีกร่างนึงที่นั่งคร่อมเขาอยู่ไม่รู้ว่าเข้ามาเมื่อไหร่

    “ซาริจ๋า สวัสดียามเช้าจ้า” เช้าวันใหม่มาถึงพร้อมกับร่างบางของริมินั่งคร่อมซาโตริที่นอนอยู่บนเตียง

    “........” ซาโตริลืมตาอย่างสลืมสลือก่อนจะตาโตเท่าไข่ห่านและผลักริมิออกไปจากตัว

    “ริมิเข้ามาในห้องของผมได้ยังไง” ซาโตริดึงผ้านวมมาคลุมตัวเองพร้อมกับหน้าแดงบางๆ ก็เขาโป๊นิ

    “ไม่เห็นจะยากเลยแค่บอกว่าเป็นเพื่อนกับซาโตริเท่านั้นเอง คุณป้าก็กุรีกุจอพาริมิมาห้องของซาริจัง”

    “ออกไปก่อนได้ไหม แล้วอย่าเรียกผมว่าซาริจังด้วยผมอาย” ไม่พูดเปล่าหน้าเขายังคงแดงอยู่อย่างนั้น

    “ผู้หญิงเหมือนกันจะอายอะไรอีกล่ะ” พูดจบริมิกระชากผ้าห่มของซาโตริออก เผยให้เห็นร่างของผู้หญิงที่หุ่นดีเอามากๆ แต่โป๊นะ ซาโตริใช้มือข้างซ้ายปิดหน้าอก ส่วนข้างที่เหลือปิดท่อนร่าง

    “รีบไปอาบน้ำได้แล้ว ออกมาเดี๋ยวริมิจะช่วยแต่งตัวให้” ริมิมองแบบโหดๆแต่น่ารักด้วยเช่นกัน ซาโตริรีบตรงเข้าห้องน้ำทันที ผ่านไปสิบห้านาที ซาโตริก็โผล่หัวออกมา พร้อมผ้าเช็ดตัวสีชมพูลายหมีแพนด้า(น่ารักอะ) ริมิไม่รอช้าจัดการแต่งตัวซาโตริด้วยชุดนักเรียนหญิงตาม สไตล์ของตนเอง จะต่างกันก็ตรงทรงผมกับถุงเท้ายาวที่ใส่ขึ้นมาถึงโคนขาของซาโตริ(แน่ใจว่าถึงเท้า)

    เมื่อจัดแต่งทรงผมแต่งตัวเรียบร้อยสองสาวก็อยู่ระหว่างเดินทางไปโรงเรียนสปิริตไฮส์ ซาโตริพึ่งรู้วันนี้เองว่ากระโปรงมันใส่แล้วหวิวๆและเย็นขาเอามากๆเหมือนกระโปรงมันจะเปิดทุกครั้งที่โดนลมพัดมาอย่างนั้นแหละ

    “ริมิเคยเป็นผู้ชายหรือว่าเป็นผู้หญิงมาตั้งแต่แรกแล้ว” ซาโตริสงสัยกลัวว่าริมิจะเคยเป็นผู้ชายแบบเขา

    “จ้ะริมิเป็นผู้หญิงมาตั้งแต่แรกแล้ว” ฟู่ ค่อยโล่งอก

    “ริมิขอพรอะไร จากปริทาด้า”

    “ริมิขอให้เนื้อคู่ของริมิมาปกป้องริมิ”ซาโตริมองริมิอย่างฉงน

    “เพราะอะไร”

    “ก็ริมิโดนแกล้งนี่นา ดังนั้นริมิเลยอยากได้ใครสักคนมาคอยปกป้องริมิเสมอคนที่สามารถช่วยริมิได้ตลอดเวลา และตอนนั้นริมิก็ปิ๊งไอเดียขึ้นมาทันทีว่าคนที่เป็นเนื้อคู่ของริมิไงที่จะปกป้องริมิได้ทุกเวลาจ้ะ”สาวผมแดงสีหน้าหม่นหมองทันที

    “ริมิโชคร้ายจังที่ได้ผมเป็นเนื้อคู่” ริมิตีแขนซาโตริเบาๆก่อนจะเอามือจุ๊ปาก

    “ไม่ได้นะ ซาริจะแทนตัวเองว่าผมไม่ได้แล้วนะ และก็เรื่องเนื้อคู่ไม่ใช่โชคร้ายหรอกแต่เป็นพรหมลิขิตต่างหากริมิเชื่ออย่างนั้นจ้ะ” ซาโตริพยักหน้า ก่อนจะถามต่อ

    “แท่งโซลิมิท เติมยังไง” นี่เป็นข้อสงสัยที่ซาโตริต้องการคำตอบมากที่สุดในตอนนี้

    “ไม่รู้สิจ๊ะ ขึ้นอยู่กับว่าเราใช้ไปมากแค่ไหน สมมุติว่าซาโตริใช้จนหมดกว่าแท่งโซลลิมิทจะเต็มก็ใช้เวลาสองชั่งโมงจ้ะ”

    “ฉันจะกลับเป็นผู้ชายได้รึเปล่า” นี่ก็อีกคำถามนึงที่ซาโตริต้องการคำตอบเพราะเขาอยากกลับเป็นผู้ชายจนตัวสั่น ริมิทำท่าครุ่นคิด ใช้เวลาคิดอยู่นานแต่คำตอบที่ได้รับทำให้เขาอยากจะตบกบาลแม่เนื้อคู่จริงๆ

    “ไม่รู้จ้ะ” ซาโตริผิดหวังไปชั่วขณะก่อนจะมีอารมณ์อื่นเข้ามาแทนที่เพราะเหตุการณ์ที่หน้าประตูโรงเรียน

    “นากาเนะ!!! นากาเนะ!!!” เสียงนักเรียนชายร่วมร้อยที่หน้าประตูโรงเรียนต่างตะโกนเรียกชื่อสาวผมแกละอย่างพร้อมเพียง สร้างความหมั่นไส้แก่ซาโตริมิใช่น้อยน่าสั่งไล่ออกให้หมด(แค่ประธานนะซาโตริ)ซาโตริแหวกพวกนักเรียนชายซึ่งตัวโตกว่าเขาเข้าไป กว่าจะเข้ามาได้ก็แทบแย่ คนตรงหน้าคือผู้หญิงในชุดนักเรียนม.ปลายของโรงเรียนสปิริตไฮส์ เธอมีความสวยที่เรียกได้ว่าดุจเทพธิดาบวกดวงตาสีแดง ผมทรงแกละสีส้ม ดูงดงามจริงๆ

    “นั่นใคร”ซาโตริหันไปถามชายข้างๆ

    “ประธานไม่รู้จักเหรอครับ” ซาโตริส่ายหน้า ขวับๆ

    “นั่นคือ คุณนากาเนะ ที่เป็นนักร้องนำของวง Heaven cry (เสียงเพรียกจากสวรรค์)นะครับเห็นว่าเมื่อหนึ่งอาทิตย์ก่อนยังขี้เหร่อยู่เลยแต่ไม่รู้ทำอีท่าไหนอยู่ดีๆเธอก็สวยขึ้นมาเฉยๆ แถมเธอจะย้ายมาเรียนที่โรงเรียนเราด้วยนะครับ” 

    อยู่ดีๆก็สวยสงสัยเดินผ่านยันฮีแหงๆ และอีกอย่างมันไร้สาระสิ้นดี นักร้องอะไรกันก็แค่พวกที่เปล่งเสียงเป็นจังหวะและทำนองได้ไพเราะเท่านั้นเองไม่ใช่รึไงผมร้องดีกว่าตั้งเยอะ(อิจฉาเขาล่ะสิซาโตริ)ถ้ามีพวกนี้ในโรงเรียนวันๆไม่ต้องทำอะไรกันพอดีคงเดินขอลายเซ็นกันเป็นว่าเล่นแน่ เห็นทีต้องออกกฎไม่ให้เล่นดนตรีและห้ามขอลายเซ็นในโรงเรียนแล้วมั้งอย่างนี้

    “นากาเนะมีแฟนรึยังครับ” ผู้ชายร่างกายบึกบึนเท่ากอลินล่าตะโกนถามนากาเนะอย่างบ้าคลั่ง นักร้องสาวเม้มปากอย่างเบื่อหน่ายก่อนจะไล่สายตามองหาอะไรสักอย่างแล้วสายตาคู่นั้นก็มาหยุดอยู่ที่ซาโตริกับริมิ เธอปรี่เข้าหาสองสาวทันที               “ช่วยฉันหน่อยนะ” นากาเนะกระซิบข้างๆหูซาโตริ       

    “คนนี้คือแฟนของฉันเองค่ะ” นากาเนะจับมือของซาโตริแล้วชูขึ้น คำตอบของนากาเนะทำให้แฟนคลับต่างหน้าเหวอไปตามๆกัน ก่อนจะกลั้วเสียงหัวเราะตามมา

    “คุณนากาเนะล้อเล่นใช่ไหมครับ”

    “ฉันพูดจริงค่ะ”สายตาของสาวเจ้าบ่งบอกได้อย่างชัดเจนว่าไม่ได้ล้อเล่น และในเวลาเดียวกันก็มีสายตาอาฆาตแค้นส่งไปให้ซาโตริไม่ใช่น้อย

     

    “เฮ้ย อะไรของเธอฮะจู่ๆทำไมถึงพูดอย่างนั้นออกไป” ซาโตริถามนากาเนะอย่างฉุนเฉียวพลางจ้องเขม็ง ตอนนี้ทั้งสามคนอยู่ในห้องประธานนักเรียนหญิงซึ่งก่อนหน้านี้กว่าจะฝ่าวงล้อมของนักเรียนชายมาได้ก็แทบแย่ซาโตริซึ่งเป็นประธานนั่งอยู่บนเก้าอี้ส่วนริมิที่เป็นรองประธานยืนอยู่ข้างๆ ตรงหน้าของทั้งสองคนคือนักร้องสาวที่พึ่งโกหกหน้าด้านมาหมาดๆ

    “อย่าใจจืดใจดำนักสิ ลูกผู้หญิงเหมือนกันก็ต้องช่วยกันใช่ไหมล่ะ” คำพูดยียวนของนากาเนะ วอนโดนฝ่ามือของซาโตริแต่ดีนะที่ริมิมารั้งเอาไว้ทัน

    “และอีกอย่างเธอน่าจะรู้จักฉันเหมือนกันใช่ไหม คนอย่างฉันโดนนักข่าวตามถามด้วยคำถามเดิมอยู่ร่ำไปจนเบื่อแล้ว”

    “ไม่ ฉันไม่รู้จักเธอ แต่การที่เธอโกหกมันไม่ดี” หน้านากาเนะเหวอสุดขีด มีคนที่ไม่รู้จักเธอด้วยรึเป็นไปไม่ได้แน่ๆ    

    “ฉันริขุคาวะ           นากาเนะทีนี้พวกเธอก็รู้จักฉันแล้วนะแล้วพวกเธอชื่ออะไร” นากาเนะแนะนำตัวเองก่อนจะถามซาโตริ

    “ฉันยามาชิตะ    ซาโตริ ส่วนคนนี้” เอ่ยพลางผายมือไปยังริมิ

    “ยุสึกิ   ริมิจ้ะ ยินดีที่ได้รู้จักนะ”

    “แล้วเรื่องห้องเรียน....” ซาโตริพูดยังไม่ทันจบดีนากาเนะก็สวนกลับมาก่อน

    “ฉันเอาห้องเดียวกับเธอ ใครๆจะได้ไม่สงสัยว่าฉันเป็นแฟนกับเธอจริงหรือเปล่า” ซาโตริไม่อยากให้ยัยนี่อยู่ด้วยจริงๆ ถ้าทำได้อยากถีบส่งนากาเนะออกนอกโรงเรียนซะ แต่ขืนทำอย่างนั้นมีหวังโดนรุมตบจากแฟนคลับของนากาเนะเป็นแน่

    “ก็ได้ แต่จากประวัตินี่เธอย้ายโรงเรียนมานี่นาแถมไม่บอกอีกว่าทำไม พอจะบอกได้ไหม”

    “บ..บอกไม่ได้” นากาเนะกระอักกระอ่วนใจในการตอบ

    “ช่างเหอะ ไม่อยากบอกก็ไม่เป็นไร ไปห้องเรียนกันเถอะนี่มันจะสายแล้ว”สามสาวเดินไปห้องเรียนประจำอย่างเนิบๆซาโตริกับริมิหยอกกันไปตลอดทาง มีเพียงนากาเนะที่เดินตีหน้าเศร้า ท่าทีของเธอไม่พ้นสายตาของพระ(นาง)เอกของเราไปได้หรอก เขามองนากาเนะตลอดตั้งแต่ห้องประธานนักเรียนแล้ว

    คิดแล้วเชียวว่าผู้หญิงคนนี้ต้องมีอะไรบางอย่างปิดบังเป็นแน่ ต้องรู้ให้ได้ว่ามันคือเรื่องอะไร  และทำไม่ถึงเล่าไม่ได้มันลำบากใจขนาดนั้นเชียวหรือ

    “นักเรียนไปกินข้าวกันได้แล้วค่ะ”  สิ้นเสียงอาจารย์เหล่านักเรียนสามสิบกว่าคนต่างวิ่งออกจากห้องอย่างเร่งรีบ ซาโตริ และริมิด้วยเช่นกัน เนื่องจากขืนไปโรงอาหารช้าอาจต้องเข้าแถวต่อคิวซื้อข้าวมหาโหด ดังนั้นสองสาวจึงวิ่งไปโรงอาหารอย่างรวดเร็ว แต่โชคชะตาก็ช่างเข้าใจเล่นตลกจริงๆ

    “คนเยอะเป็นบ้า ทำไมพระเจ้าใจร้ายขนาดนี้ ข้าวเช้าผมเอ๊ยฉันก็ยังไม่ได้กินอุดส่าวิ่งลงมาแทบตายแต่ต้องมาสิ้นใจตายเพราะแถวคนซื้อข้าวที่ยาวจนน่าตกใจ” ซาโตริมองแถวเข้าคิวซื้อข้าวที่ยาวเหยียดจนสามารถนอนรอได้ แล้วตัดเพ้อต่อชะตากรรมของตัวเอง

    “แย่จัง อย่างนี้พวกเราต้องนั่งรออีกนานเลย วันนี้คงไม่ได้กินข้าวแล้วล่ะจ้ะ” ริมิก็ปลงไม่แพ้กัน

    “ว่าแต่วันนี้ยังไม่เห็นเน็กเลยนะ ไปสูบบุหรี่ที่ไหนล่ะนั่น” ซาโตริตั้งคำถามได้ถูกประเด็นมากเพราะริมิก็คิดจะถามซาโตริเรื่องนี้เหมือนกัน

    “ถามริมิ แล้วริมิจะหาคำตอบจากไหนล่ะจ๊ะ”แต่ริมิตอบได้กวนมาก ดีนะที่ชั่วโมงนี้ซาโตริไม่มีอารมณ์จะโกรธเพราะเขาหิวจนตาลาย

    “มันลาออกไปแล้ว” ดาร์กพูดขึ้นมาแก้ข้อข้องใจของซาโตริได้มากทีเดียว

    “ได้ไงฉันไม่เห็นรู้เรื่อง”

    “ก็หลังจากเหตุการณ์ที่นายเปลี่ยนเป็นผู้หญิงไอ้เน็กก็ถูกสั่งออกทันที เมื่อเช้าฉันยังเห็นมันเดินคอตกออกนอกโรงเรียนอยู่เลย”

    “ช่างเหอะไอ้เน็กมันออกไปได้ก็ดีแล้วโรงเรียนนี้จะได้มีแต่คนดีๆ  อีกอย่างฉันหิวข้าวจะแย่อยู่แล้วอ่ะ”

    “ท่าทางพวกเธอจะยังไม่ได้ซื้อข้าวนะ” นากาเนะผ่านมาได้ยินพอดีและในมือถือจานข้าวเหมือนโดนเยาะเลย

    “มันเกี่ยวอะไรกับเธอ” ซาโตริเริ่มโมโหหิว

    “เปล่าฉันแค่คิดว่าจะช่วยซื้อข้าวให้เธอดีมั้ย”

    “ขอบใจ แต่ฉันไม่อยากเป็นหนี้บุณคุณใคร” ตอบเช่นนั้นแต่ท้องของเขากลับประท้วง โครกคราก นากาเนะนึกหมั่นไส้จึงปาจานข้าวใส่ซาโตริหมายจะให้โดนหน้า แต่ซาโตริหลบได้อย่างฉิวเฉียด ความซวยตกเป็นของริมิที่ยืนอยู่เฉยๆแทน

    “เฮือก”นากาเนะตกใจใน ยิ้มหวาน(แบบสุดจะบรรยาย)ของริมิช่างน่ากลัวยิ่งนัก ริมิคว้าจานข้าวของใครก็ไม่รู้(เป็นของนักเรียนแถวนั้น)มาปาใส่นากาเนะซึ่งดาร์กห้ามไม่ทัน จานข้าวใบนั้นโดนหน้านักร้องสาวเต็มๆ

    “เธอเป็นใครมาทำร้ายคุณนากาเนะของพวกเรา คนที่กล้าทำร้ายคุณนากาเนะของพวกเรา ต้องโดนกลับไปหลายเท่าตัว” กลุ่มนักเรียนชายที่เห็นเหตุการณ์ลุกพรวดจากที่นั่งแล้วหนึ่งในนั้นกล่าวเป็นเดือดเป็นดาลแทนนากาเนะ

    “นากาเนะของพวกนายต่างหากที่ทำร้ายท่านประธาน” หนึ่งในกลุ่มนักเรียนหญิงที่เกลียดนากาเนะเถียงแทนซาโตริ นักเรียนชายหน้าเสียไปนิดก่อนจะพูดต่อ

    “เหอะ เธอเป็นพวกเลสเบี้ยนล่ะสิท่า” นักเรียนหญิงคนดังกล่าว ตาเขียวปั๊ด

    “ฉันเป็นเลสเบี้ยนแล้วไง มันหนักหัวใคร พวกนายต่างหากตัวโตซะเปล่า ตามติดผู้หญิงคนนั้นแจเหมือนเป็นคนรับใช้ ไอ้พวกสุนัขรับใช้ ฉันเห็นแล้วอายแทนจริงๆ นากาเนะแกก็เหมือนกัน โปรยเสนห์ใส่ผู้ชายเขาไปทั่วแม้แต่แฟนของฉัน แค่แกเดินผ่านเขาก็บอกเลิกทันที” นักเรียนหญิงใส่เป็นชุด

    “เอ่อ....” นากาเนะทำท่าจะพูดอะไรสักอย่างแต่ก็ไม่ทัน แม่สาวนักเรียนปากตลาดก็ส่งคำด่าระรอกสองมา

    “ไม่ใช่แค่แฟนของฉันเท่านั้นหรอกที่หลงแกหัวปักหัวปำ แฟนของเพื่อนฉันก็ต่างบอกเลิกเร็วปานสายฟ้าแลบแล้วไปคอยรับใช้แกซะหมด ไปตายซะ อีชั่ว อีเลว” ชุดคำด่าระรอกสองมีทั้งคำด่ากับสายตาอาฆาตแค้นส่งไปยังนากาเนะ แต่เธอกลับไม่สะทกสะท้านแม้แต่นิดเดียวอย่างกับว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่โดนแบบนี้

    “ก่อนจะว่านากาเนะของพวกฉัน ลองถามประธานของพวกเธอก่อนเถอะว่ามาคบกับคุณนากาเนะทำไม” งานเข้าแล้ว งานเข้าแล้ว ซาโตริรู้ตัวในทันทีว่างานเข้าแล้ว นักเรียนหญิงต่างมองมาที่เขาด้วยสายตาคาดคั้น

    “ไม่ใช่แฟนหรอกค่ะ” นากาเนะตอบแทน ก่อนจะแอบตีหน้าเศร้าอีกแล้วสินะ ฉันต้องย้ายโรงเรียนอีกแล้ว ไม่อยากย้ายเลย อุดส่าได้เพื่อนแล้วแท้ๆ ไม่สิ ริมิกับซาโตริไม่ใช่เพื่อนซะหน่อยก็แค่คนที่กำลังจะเกลียดฉันในอีกไม่ช้า  ฮ่าๆๆๆๆๆ แต่อย่างน้อยที่นี่ก็คงไม่มีเรื่องร้ายแรงเหมือนที่อื่นหรอกไม่สิอาจจะรุนแรงกว่าที่อื่นก็ได้นากาเนะนึกถึงอดีตอันเจ็บปวดอดีตที่เธอเฝ้าลืมมันทุกคืนก่อนนอน มันคอยตามหลอกหลอนเธอเสมอไม่ว่าเธอจะทำอะไรก็ตาม  ในดวงตาคู่นั้นฉายแววความเศร้าออกมาอย่างชัดเจนไม่มีใครเห็นนอกจากซาโตริที่คอยสังเกตุท่าทีของนากาเนะตลอด เขาจะต้องรู้ให้ได้ว่าทำไมนากาเนะถึงได้มีสายตาแบบนั้น

    เผละ จานข้าวลอยมาโปะอยู่บนหัวนักเรียนหญิงที่ด่านากาเนะ หลังจากนั้นจานข้าวก็บินว่อนทั่วโรงอาหาร เป็นสงครามจานข้าวระหว่างฝั่งของนักเรียนชายที่คลั่งในตัวนากาเนะ กับฝั่งของนักเรียนหญิงที่ศรัทธาในตัวสาวผมแดงซาโตริกับริมิต่างหลบจานข้าวกันอลหม่านพลางเขยิบไปใกล้นากาเนะเรื่อยๆนักร้องสาวเห็นซาโตริเดินเข้ามาใกล้พลางหลบหมัดของนักเรียนชายอย่างคล่องแคล่วไม่มีใครต่อยโดนเธอสักคนอย่างกับว่าซาโตริรู้ว่าหมัดเหล่านั้นมันจะมาจากทางไหนบ้าง ซาโตริมาถึงตัวนากาเนะได้อย่างง่ายดาย  ก่อนจะยื่นมือมาจับแขนนากาเนะ หลับตาปี๋เธอตัวสั่นพลางคิดไปต่างๆนาๆ

    “ตามฉันมา” ว่าแล้วก็ฉุดกระชากลากนากาเนะ ถึงเธอจะขัดขืนบ้างแต่ซาโตริของเราก็ใช้แรงทั้งหมดที่มี พาเธอออกจากเหตุการณ์สุดน่าปวดหัวนี่ได้สำเร็จก่อนจะมุ่งหน้าไปห้องของประธานนักเรียน  ซาโตริจัดการล็อคห้องเรียบร้อย นากาเนะคิดว่าจะโดนซาโตริกับริมิตบ แต่ที่ไหนได้กลายเป็นว่าสามสาวมานั่งจับเข่าคุยกันซะอย่างนั้น

    “เธอพาฉันมาที่นี่ทำไม หรือว่าจะตบฉันแล้วฆ่าฉันหมกห้องนี้ไม่เอานะ” มองโลกในแง่ร้ายไปแล้วนากาเนะ

    “ถ้าฉันจะตบเธอหรือฆ่าเธอ ก็ทำไปตั้งแต่อยู่โรงอาหารแล้ว ว่าแต่ทำไมต้องทำหน้าเศร้าอย่างนั้นด้วย เล่าให้พวกฉันฟังได้ไหม” ซาโตริตอบแล้วถามปัญหาที่ตะขิดตะขวงใจทันที

    “ใช่แล้วล่ะ ริมิกำลังจะถามพอดี ซาริจังนิสัยไม่ดีแย่งคำถามของริมิทำไม” ริมิมองซาโตริงอนๆก่อนจะมองนากาเนะด้วยสายตาใคร่รู้

    ฉันจะไว้ใจสามารถเล่าเรื่องของฉันกับซาโตริและริมิได้ไหมนะ หากสองคนนี้รู้แล้วจะเป็นเพื่อนกับฉันรึเปล่า ไม่แน่หรอกบางที... ฉันอาจจะไว้ใจสองคนนี้ได้  ไม่สิต้องไว้ใจได้แน่ๆก็ในเมื่อนี่เป็นครั้งแรกนี่นาที่มีผู้หญิงไม่เกลียดฉันไม่คิดจะฆ่าฉันแต่ฉันจะเริ่มจากตรงไหนดี        

    “.........”  เงียบ

    นากาเนะ เธอคิดว่าฉันกับริมิเป็นเพื่อนเธอรึเปล่า” ซาโตริถาม เธอพยักหน้าหงึกหงัก

    “งั้นเธอก็เล่าให้พวกฉันฟังสิ” ซาโตริอยากให้นากาเนะเห็นว่าเขาจริงใจแค่ไหน จึงมองเข้าไปยังนัยน์ตาของนักร้องสาว  มันได้ผลท่าทีของนากาเนะเปลี่ยนไปน้ำใสๆเอ่อล้นสองเบ้าตาพร้อมกับเรื่องราวมากมายที่ออกจากปากเธอไม่หยุด เล่าไปน้ำตาก็ไหลไป ซาโตริและริมิต่างนั่งนิ่งฟังชะตาชีวิตอันอาภัพของสาวตรงหน้า

    เรื่องมันมีอยู่ว่า......

     

    เมื่อหนึ่งเดือนก่อน

    ก่อนวันงานโรงเรียนหนึ่งวัน ในเวลาเย็นนักเรียนต่างยุ่งอยู่กับการจัดสถานที่หรืออุปกรณ์ต่างๆเพราะอยากให้งานของตัวเองออกมาดี แต่ยังมีนักเรียนอยู่คนหนึ่งรูปร่างลักษณะของเธอๆไม่ใช่คนที่สวยนักตัวดำ ผิวแตกกร้านฟันเหยิน ดั้งหัก ตาโปน จะกล่าวว่าเป็นสาวอัปลักษณ์ก็ไม่ปาน  มีเพียงน้ำเสียงเท่าน้ำที่ฟังแล้วไพเราะเสนาะหูอย่างน้อยพระเจ้าก็ไม่ใจร้ายเกินไป

    “โอยเมื่อไหร่เท็นจะมาสักทีนะรอจนเบื่อแล้ว” หญิงสาวพูดอย่างเซ็งๆ คงจะรอนานมากแล้วล่ะสิท่า

    “จะรอทำไมยะ อย่างเท็นคงไม่มาตามที่เธอขอหรอก”

    “อย่าพูดอย่างนั้นสิจีจี้ ฉันกับเท็นเป็นเพื่อนกันนะ” สาวอัปลักษณ์เอ่ยจีจี้เบ้ปากอย่างหน่ายเพื่ยน

    “แค่เขาขอลอกการบ้านเธอไม่ได้หมายว่าเธอจะได้เป็นเพื่อนเท็นสักหน่อยนะ นากาเนะ”   นากาเนะมองออกไปนอกหน้าต่าง สายตาของเธอไปหยุดอยู่ที่เท็นเขากำลังวิ่งเข้าตึกเรียนด้วยหน้าร้อนรน

    “นั่นไงเขามาแล้ว” นากาเนะเด้งตัวดีใจข้างๆเพื่อนสาว

    “เหรอ ฉันไปล่ะ ต้องรีบกลับไปอ่านหนังสือเตรียมสอบ”ว่าแล้วก็หยิบกระเป๋าเดินดุ่ยๆออกจากห้องไปทันที

    “อะไรกัน กว่าจะสอบก็อีกตั้งสองอาทิตย์นี่นา” นากาเนะพึมพำ

    “รอนานมั้ย” เท็นเดินเข้ามาพอดีเป็นจังหวะเดียวกับที่จีจี้เดินออกไปได้สักห้าวินาที

    “ฉันพึ่งมาเหมือนกัน”

    “ดีจัง ว่าแต่เธอเรียกฉันมาทำไม” เท็นเดินเข้าใกล้พลางปาดเหงื่อบริเวณหน้าผาก ชายตรงหน้าสูงกว่าตัวเธอมาก หากไม่เงยหน้าคงเห็นแต่หน้าอกของเท็น แถมความหล่อเหลือร้ายนั่นอีกยิ่งดูเซ็กซี่เมื่อมีเหลื่อใหลหน่อยๆ เขามีแฟนคลับมากมายนากาเนะก็เป็นหนึ่งในนั้นเธอชอบเท็นมานานแล้ว ไม่มีโอกาสได้บอกชอบสักที จนกระทั่งอีกสองอาทิตย์ข้างหน้าเป็นวันที่เธอจะย้ายไปโรงเรียนสปิริตไฮส์ และนี่เป็นโอกาสของที่เธอจะต้องบอกเท็นสักทีก่อนจะไม่มีโอกาสได้พูดความในใจของตัวเอง

    “เอ่อ....ค..ค..ค..คือ...ฉ..ฉัน...ช..” นากาเนะพูดตะกุกตะกักแก้มแดงระเรื่อ

    “หือ อะไรนะไม่ได้ยิน”เท็นเอียงคอเข้าใกล้สาวอัปลักษณ์เขารังเกียจเธออยู่ไม่น้อย แต่ขืนไม่ทำดีด้วยมีหวังอดลอกการบ้านเป็นแน่ เท็นแค่กีฬาดีการเรียนแย่

    “ฉันชอบ เท็นมานานแล้ว คบกับฉันได้มั้ย!!!นากาเนะโพล่งออกมาเท็นเด้งตัวถอยกรูดชิดประตู แสดงสีหน้า ท่าทีรังเกียจอย่างเห็นได้ชัด ถ้าทำได้เขาอยากจะเดินหนีไปจากตรงนี้แต่ทำไม่ได้ แต่เขาก็ไม่อยากมีแฟนขี้เหร่ด้วยเช่นกันดังนั้น....

    “ขอบคุณในความรู้สึกของเธอ แต่ฉันมีแฟนอยู่แล้ว”  นากาเนะเศร้าขึ้นมาในทันที พยายามกลั้นเขื่อนน้ำตาไม่ให้แตกก่อนจะถามเสียงสั่น

    “ใครเป็นแฟนเท็นเหรอ บอกฉันได้ไหม” เท็นทำหน้าลำบากใจ  ในตอนนั้นเอง ร่างบางเดินเข้ามาพอดี

    “คนนี้เป็นแฟนฉันเอง” เท็นคว้าผู้หญิงคนนั้นมากอดพลางหอมแก้มดังฟอด

    “ไม่จริง ไม่จริงต้องไม่ใช่เธอ!!!” นากาเนะ ตะโกน เขื่อนน้ำตาที่พยายามกลั้นไว้ก็แตกลงอย่างง่ายดาย เธอกำลังหลอกตัวเอง ทั้งๆที่ผู้หญิงตรงหน้าคือคนที่รู้จักเป็นอย่างดี ผู้หญิงที่โดนกอดไม่ขัดขืนหรือแม้แต่จะแสดงอาการใดๆ

    “มันคือความจริงผู้หญิงคนนี้คือแฟนฉันเธอชื่อ....” เท็นกล่าวแค่นั้น เพราะไม่รู้ชื่อเขาจึงกระซิบถาม

    “เธอชื่อจีจี้”  มันคือสิ่งที่นากาเนะไม่รู้ จีจี้ก็ชอบเท็นไม่แพ้นากาเนะ เพื่อนสาวยิ้มเยาะเธอ

    “แต่...”

    “เธอคิดว่าเท็นชอบเธอรึไง ยัยอัปลักษณ์” แปล๊บ มันแล่นเข้ามาในใจเธอทันทีความรู้สึกนี้ โดนด่าคำนี้มาก็มากแต่ทำไมมันเจ็บ เมื่อคำนั้นมาจากเพื่อนสนิท นากาเนะรับไม่ได้กับสิ่งที่เกิดขึ้นจึงตัดสินใจวิ่งออกมา สองมือเช็ดน้ำตาไปพลางวิ่งไปพลาง

     

    ไม่จริงก็เขามักคุยกับฉันเสมอ มาลอกการบ้านของฉันเสมอ หรือว่าที่เท็นเข้ามาทำดีด้วยเขาต้องการหลอกใช้ฉันเท่านั้น ฉันคงโง่สินะที่ยอมให้เขาหลอกมาโดยตลอด ฮึก ฮือออออออออออออออ

    “ลูกออกมาเถอะ เป็นอะไรบอกพ่อบอกแม่ได้นะ อย่าเก็บไว้คนเดียวมันไม่ดีนะจ๊ะ”

    “ให้หนูได้อยู่คนเดียวเถอะค่ะ ฮึก ฮือออออออออออออออออออออออ” นากาเนะกลับมาถึงบ้านนั่งร้องไห้ในห้องนอนมาได้สองชั่วโมงกว่าแล้วแต่น้ำตาของเธอยังคงไม่เหือดแห้ง ตลอดทางเธอร้องไห้ไม่หยุดหากน้ำตาของเธอจะไหลเป็นเลือดได้คงไหลเป็นเลือดแล้วแน่

    “ด..ได้จ้ะ” แม่ของเธอปล่อยให้นากาเนะอยู่คนเดียวตามคำขอ

    “ฮือออออออออออออออออออออออ” 

    “อยากสวยขึ้นมั้ยล่ะ”  เสียงไม่สูงเกินไปไม่ต่ำไปเดาไม่ออกว่าเป็นของผู้หญิงหรือของผู้ชาย ดังขึ้นจากมุมมืด

    “เสียงใครน่ะ แกเป็นใคร ฮึก”  เอ่ยอย่างกล้าๆกลัวๆ

    “ปริทาด้านั่นคือชื่อของฉันและฉันทำให้สิ่งที่เธอปารถนา เป็นจริงได้นะ”

    “พ..พูดจริงๆนะ”

    “ฉันจะหลอกเธอทำไม อธิฐานสิ” จะขออะไรดีนะ ขอให้จีจี้มันตายซะไม่ได้สิจีจี้เพื่อนของเรานะ หรือขอให้เท็นมารักเราดี แต่อย่างนั้นมันดูไม่มีเหตุมีผลเลยแถมเท็นจะอายที่มีแฟนขี้เหร่อย่างเราอีก อืม ถ้าอย่างนั้น...

    “ขอให้ฉันสวยที่สุด ใครมองก็หลงใครมองก็ชอบจนงัวหัวไม่ขึ้น” ด้วยความรู้สึกชั่ววูบทำให้เธอขอไปโดยไม่คิดให้ดีว่าสิ่งที่ขอจะเกิดผลร้ายแรงขนาดไหน  แสงสีเหลืองส่องสว่างวาบมาจากตัวนากาเนะ มันเจ็บปวดแต่ความเจ็บนี้ไม่เท่ากับที่จีจี้ด่าเธอสักเท่าไหร่ เทียบกันแล้วมันธรรมดาไปเลย สาวผมแกละค่อยๆเอนกายลงนอนบนเตียงหนานุ่มอย่างช้าๆ ก่อนจะหลับไป ในมือของเธอกำแท่งโซลิมิทเอาไว้พรที่ขอเริ่มส่งผลร่างของหญิงสาวค่อยๆเปลี่ยนไปเรื่อยๆ จนกลายเป็นคนละคนไม่เหลือเคร้าโครงของยัยอัปลักษณ์ นากาเนะ กลายเป็นคนใหม่ในที่สวยไฉไลกว่าเดิม

    “มิสเทสอีกคนนึงถึอกำเนิดแล้ว” ปริทาด้าทิ้งท้ายไว้แค่นั้น แล้วก็หายไปอย่างเงียบๆ

     

    ในเช้าถัดมา ที่โรงเรียนซึ่งเต็มไปด้วยบูธกิจกรรมต่างๆเพราะวันนี้เป็นวันงานโรงเรียน ร่างบางของหญิงสาวเดินเข้าโรงเรียนอย่างมาดมั่น

    “นี่เธอผู้หญิงคนนั้นสวยเหมือนดาราเลยเนาะ” นักเรียนหญิงพูดกับเพื่อนนักเรียนหญิงด้วยกัน

    “นั่นสินะ สวยจริงๆ”สาวที่ถูกกล่าวถึงยิ้มรับคำชมเหล่านั้นไม่หุบ  จุดหมายของเธอคือ ห้องเรียน  ตลอดทางทั้งหญิงชายต่างต้องเหลียวมองเธออย่างแปลกใจตามด้วยคำถามว่า “ในโรงเรียนเรามีผู้หญิงคนนี้ด้วยเหรอ ทำไมไม่เคยเห็น”หญิงสาวเดินมาถึงห้องเจอเท็นนั่งอยู่กับจีจี้

    “เท็น...” หญิงสาวเจ้าของเสียงใสเรียกเบาๆ

    “ใครวะ.....” เท็นหันมาตามเสียงเรียกก็ต้องตะลึงในทันที เบื้องหน้าคือนากาเนะในเวอร์ชั่นใหม่ ผมแกละสีเหลืองออกส้ม ยาวยันน่อง  หน้าโค้งได้รูป ผิวขาว  แตกต่างจากตอนแรกลิบลับ

    “เธอชืออะไร” เท็นดันจีจี้ออกห่างตัว พลางลุกไปหานากาเนะ

    “ฉันเอง นากาเนะ” เท็นกับจีจี้ที่ได้ยินตาแทบจะถลน ออกจากเบ้า ไม่มีใครเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน

    “จริงเหรอ” เท็นยังไม่เชื่อ

                    “แน่นอน”

                    “คบกับฉันนะ” เท็นออกปากบอกแขนเป็นฟอโดยไม่สนจีจี้ที่นั่งหน้าเหวออยู่ข้างหลังเขา  นากาเนะพยักหน้าหงึกๆ

              กลับมาที่เวลาปัจจุบัน

    “หลังจากนั้นฉันกับเท็นก็เดินทัวร์งานโรงเรียนด้วยกันสองคนและคู่รักที่ฉันเดินผ่านจะต้องบอกเลิกกันทุกคู่ไปไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไม แต่ทุกอย่างในตอนนั้นมันสวยงามและเต็มไปด้วยความสุขที่โบยบินรอบๆตัวฉันอยากให้ความสุขนี้มันคงอยู่ต่อไปจริงๆ ทว่าความสุขของฉันมันไม่ยาวนานเท่าไหร่เพราะทุกอย่างที่เหมือนจะไปได้สวย กลับกลายเป็นโศกนาฏกรรม  เป็นสงครามระหว่างนักเรียนชายนำโดยเท็น กับ นักเรียนหญิงนำโดยจีจี้  ฉันจำได้ดีว่าหลังจากนั้นเกิดอะไรขึ้นบ้างในเวลาเย็นของวันนั้น นักเรียนชายหญิงต่างตรงเข้าห้ำหั่นกันไม่มีการแบ่งแยกชายหญิง ลองคิดดูนะผู้ชายต่อยผู้หญิงได้หน้าตาเฉยโดยไม่แสดงความรู้สึกลังเลใจ ฉันก็โดนเหมือนกัน โดนรุมตบ จากเพื่อนรัก จากคนที่ฉันไว้ใจ มันทรมานนะ จบเหตุการณ์นั้นฉันรักษาตัวสองอาทิตย์ก่อนจะมาสอบแล้วก็ย้ายมาเรียนนี่โดยเร็วที่สุดมันก็มีเท่านี้แหละ ฉันคงจะผิดมากเลยสินะ ผิดที่ฉันอยากมีความรักดีๆสักครั้ง ผิดที่ฉันอยากมีเพื่อนดีๆสักคน”

    “ฮึก ฮึก” ริมินั่งร้องไห้ตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้แต่ที่รู้คือเสียงของคุณเธอสร้างความรำคาญให้ซาโตริไม่น้อยทีเดียว

    “พวกเรานี่ไงเพื่อนของเธอ”

    “เพื่อนกันจริงใช่ไหม ฉันสามารถพูดเล่นหัวกับพวกเธอได้ใช่ไหม” ซาโตริพยักหน้านากาเนะทำท่าจะร้องอีกร้อง รอบ แต่ต้องชะงักเพราะ....

    “พลังของเธอคืออะไร”

    “พลัง?? พลังอะไรเหรอ??”คิ้วของนากาเนะขมวดกันเป็นปม

                    “ก็เธอเป็นมิสเทสเหมือนกับพวกเราก็ต้องมีพลังบางอย่างสิ อย่างฉันมีพลังหยุดเวลา ส่วนริมิมองเห็นเส้นเนื้อคู่ แล้วพลังของเธอก็น่าจะเป็น.....” ตึง!!! ตึง!!!เสียงประตูถูกพังเข้ามา ทำให้คนในห้องต้องหันไปมองตามเสียง ร่างของสาวในชุดเมดสีน้ำเงินผมสีชมพูยาวตาสีครามดูแล้วน่ารักไม่เบา เดินเข้ามาในห้องก่อนจะคุกเข่าต่อหน้าสามสาว

                    “พลังของท่าน นากาเนะคือ เสียงทำนองเจ้าค่ะ” ผู้มาใหม่ตอบแทนนากาเนะ และสร้างความฉงนในใจของสามสาวเช่นกัน

                    “เธอเป็นใคร” ซาโตริยิงคำถาม

                    “อิฉัน เองเจ้าค่ะ ปริทาด้า” พูดเสียงเรียบ

                    “เฮ้ย!!!” ซาโตริ นากาเนะ ริมิ(หยุดร้องไห้แล้วเหรอเธอ) อุทานพร้อมกัน

              “สงสัยอะไรกันเจ้าคะ อย่ามองอย่างนั้นสิ อิฉันก็เขินเป็นนะเจ้าคะ” ว่าแล้วหน้าภูตสาวก็แดงบางๆ

                    “เธอน่ะเหรอ คือปริทะจัง ริมิไม่เชื่อมันเป็นไปไม่ได้” ริมิยังคงไม่เชื่อ ซาโตริมองแม่เนื้อคู่ของตัวเองอย่างเอือมๆ แล้วคิดว่า ยัยนี่เป็นเนื้อคู่ผมจริงรึนี่

              “ร่างไหนคือร่างจริง” ซาโตริถาม

                    “ร่างนี้แหละเจ้าค่ะ ร่างปีศาจเป็นร่างจำแรง”

                     “แล้วพลังของนากาเนะมันพิเศษยังไง” ซาโตริหันไปถามสาวเมด

                    “พลังของท่านนากาเนะสามารถเปลี่ยนจิตใจคนได้ด้วยเสียงร้องเพลงเจ้าค่ะ” ซาโตริเข้าใจทุกอย่างทันที พลังนี้ก็ร้ายแรงพอๆกับเขาลองคิดดูสิหากเปลี่ยนจิตใจคนให้หันมาฆ่ากันจะเป็นยังไง แค่คิดก็เสียวสันหลังวูบวาบแล้ว

                    “งั้นเธอต้องร้องเพลงแล้วล่ะนากาเนะ”

                    “มิทราบว่าเธอเอาสมองส่วนไหนคิดยัยซาริถั่วเน่า จะร้องเพลงมันต้องมีเสียงดนตรี  แถมที่จะร้องก็ไม่มี แค่ลงไปข้างล่างคงโดนนักเรียนหญิงกระทืบตายแล้วมั้ง แล้วเราจะร้องยังไง” พูดซะสนิทเชียวนะนากาเนะจัง             

                    “ใช้ ห้องกระจายเสียงสิ” ริมิออกความคิดเห็น

                    “อ้านั่นแหละ เป็นความคิดที่ดีมาก ไปกันเถอะ”

    “เดี๋ยว....” ซาโตริวิ่งนำทุกคนออกไปโดยไม่สนเสียงร้องของนากาเนะ จุดหมายคือห้องกระจายเสียง ซึ่งอยู่ไม่ใกลนัก ถึงแม้ระหว่างทางมาเจอเหตุการณ์นักเรียนชายปะทะกับนักเรียนหญิงอย่างไม่แบ่งแยกเหมือนกับเรื่องเล่าของนากาเนะ และอุปสรรคอย่างพวกนักเรียนหญิง หรือนักเรียนชายที่ทำท่าจะเข้ามาหยุดพวกซาโตริแต่ปริทาด้าก็จัดการซัดซะหมอบในหมัดเดียว และแล้วก็มาถึงห้องกระจายเสียง

    หน้าห้องกระจายเสียงนักเรียนหญิงมาออกันเต็มเคาะประตูอย่างกับมีใครตาย ดีนะที่ปริทาด้าดันตู้ไปขวางไว้ไม่งั้นมีหวังโดนรุมตบตายคาห้องแน่ๆ

                    “ร้องเพลงอะไร” นักร้องสาวถามพลางคว้าไมค์มาถือไว้

                    “รักกันไว้เถิด”

                    “ร้องไง” ซาโตริยื่นกระดาษแผ่นนึงให้นากาเนะ

                    “เพลงไทยนี่นา ฉันอ่านไม่ออกจะร้องได้ยังไงยัยซาริถั่วเน่าเธอหัดคิดก่อนจะได้มั้ย เพลงญี่ปุ่นก็ว่าไปอย่างหรือหัวเธอมันตีบตันเพราะความกลัวจนลนทำอะไรไม่ถูกยะ” มาเป็นชุดเลยนะ นากาเนะจัง

                    “ที่แท้เธอเป็นคนแบบนี้ใช่ไหม”

                    “ฉันนิสัยอย่างนี้จะทำไม” โอ้ ซึ้ง

                    “จะทำอะไรก็ทำเถอะจ้ะ เดี๋ยวปริทะจัง ยันไม่อยู่แล้วจะแย่นะจ๊ะ” ริมิกระวนกระวาย 

    “ร้องตามฉันแล้วกัน”

    “ชิ ก็ได้ยะ”

    “รักกันไว้เถิด เราเกิดร่วมแดนไทย

    “จะเกิดภาคไหนก็ไทยด้วยกัน

    “เชื้อสายประเพณีไม่มีกัดกั้น       

    “เกิดใต้ธงไทยนั้นปวงชนทุกคนคือไทย”ซาโตริร้องนำ ร้องได้ไม่ดีเท่าไหร่

     

    “รักกันไว้เถิด เราเกิดร่วมแดนไทย

    “จะเกิดภาคไหนก็ไทยด้วยกัน

    “เชื้อสายประเพณีไม่มีกัดกั้น       

    “เกิดใต้ธงไทยนั้นปวงชนทุกคนคือไทย”นากาเนะร้องตาม ได้อย่างแม่นยำ และไพเราะกว่าถึงฟังเพียงครั้งเดียวก็ตาม

    นักเรียนหญิงที่เคาะประตูอย่างบ้าคลั่งค่อยๆหยุดแล้วเดินจากไปอย่างงุนงง พวกซาโตริเดินออกไปดูการเปลี่ยนแปลงปรากฏว่า นักเรียนชายและนักเรียนหญิงที่ได้ยินเสียงเพลงต่างหันมากอดกัน บอกขอโทษกัน นักเรียนชายที่บอกเลิกนักเรียนหญิงกลับมาขอคืนดีด้วย หลังจากจบเหตุการณ์นั้น ซาโตริก็ออกคำสั่งให้ทำความสะอาดโรงเรียน และวันนี้ไม่ต้องเรียนถ้าทำควาวมสะอาดเสร็จให้กลับบ้านได้เลย 
                    วันนี้เหนื่อยเป็นบ้าเพราะยัยนากาเนะแท้ๆ นำปัญหามาให้ผมตั้งแต่วันแรกที่เจออย่างนี้ไม่ค่อยดีเลยนะ แต่นากาเนะก็ไม่ใช่คนไม่ดีอะไรหรอก เพราะอดีตของเธอด้วยล่ะนะที่ทำให้เธอเป็นอย่างนั้น แต่ที่สำคัญคือปริทาด้ามันเป็นผู้หญิงรึนี่พึ่งจะรู้ก็วันนี้นี่แหละ.....

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2025

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×