คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : บทที่ 1 ปริทาด้า
ซาโตริรู้สึกตัวลืมตาตื่นขึ้นมาพบว่าตัวเองนอนอยู่ในโรงพยาบาล พร้อมความเจ็บปวดที่ถาโถมเข้ามาสู่ร่างกาย
‘ผมตายแล้วใช่ไหมนี่คงเป็นสวรรค์สินะ แต่สวรรค์มันมีสายระโยงระย้า แถมความเจ็บปวดนี่อีก มันไม่เหมือนสวรรค์เลย’
“ลูกแม่ ลูกแม่ฟื้นแล้ว”‘แม่นั่นเอง แสดงว่าเรายังไม่ตายงั้นสิ’
“ลูกเป็นยังไงบ้างจ๊ะ” ผู้เป็นมารดาน้ำตาไหลพราก ซาโตริมองหาร่างของพ่อแต่ไม่เห็นแม้เงา‘พ่อไม่มาเหมือนเคยสินะก็ติดงานขนาดนั้นนี่นา’
“ก็เจ็บปางตายแหละครับ”
“ดีแล้วล่ะที่ไม่เป็นอะไร”
หากถามว่าเขามาทำอะไรตรงนี้ล่ะก็ต้องย้อนกลับไปเมื่อสองอาทิตย์ก่อน
สองอาทิตย์ก่อน ในห้องเรียน
ตุบ ปึก ตุบ ปึก
“อัก โอ๊ย” ซาโตริชายร่างท้วมโดนรุมสะกำโดยคนหมู่มาก เนื่องมาจากเขาไปฟ้องอาจารย์ว่าพวกนี้สูบบุหรี่ในห้องน้ำ บริเวณนั้นมีคนอยู่ด้วยแต่ไม่มีใครคิดจะเข้าไปช่วยเพราะไม่อยากมีชะตากรรมเดียวกับซาโตริ ทว่ามีร่างของนักเรียนชายคนนึงวิ่งออกไปนอกห้องคงจะไปทำอะไรสักอย่าง เน็กสั่งให้ลูกน้องตามร่างนั้นไป
“พอก่อน”เสียงเรียบนี่เป็นของเน็กชายผู้เป็นหัวโจกเขายกมือห้ามลูกน้อง ก่อนจะพูดต่อว่า“มันไม่ยากเลยนะแค่แกพูดว่าขอโทษครับผมจะไม่ไปฟ้องอาจารย์อีกแล้วแค่นี้เรื่องก็จบ” ซาโตริไม่มีทางที่จะขอโทษคนเหล่านี้หรอก ต่อให้ตายเขาก็ไม้มีทางขอโทษ
“ฉันไม่ขอโทษพวกแกเด็ดขาด” เน็กพยักหน้าให้ลูกน้องเป็นสัญญาณให้กระทืบต่อ
ตุบ ปึก ตุบ ปึก
“คิดจะขอโทษฉันเมื่อไหร่บอกด้วยละกัน”เน็กคว้าเก้าอี้ที่อยู่ใกล้มือมานั่ง ‘ฉันไม่ขอโทษแกเด็ดขาดเพราะฉันสัญญากับปู่เอาไว้แล้วว่าจะไม่ขอโทษคนที่ทำผิด ต่อให้ต้องตายก็ยอม’ ซาโตรินึกถึงวันที่มาเรียนที่นี่เป็นวันแรกเขาสอบเข้าด้วยคะแนนสูงสุด 4.00 ปู่ของซาโตริหรือผ.อ.ของโรงเรียนสปิริตไฮส์ จึงแต่งตั้งให้เขาเป็นประธานนักเรียนตั้งแต่อยู่ ม.1 จนตอนนี้ซาโตริอยู่ ม. 4 แต่ก็ยังคงดำรงตำแหน่งของประธานนักเรียนไว้และคำมั่นสัญญาที่เขามีให้กับปู่ด้วยเช่นกัน
“หลานรู้มั้ยว่าทำไมปู่ถึงเลือกหลานเป็นประธานนักเรียน”ผ.อ.โรงเรียนผู้มีศักดิ์เป็นปู่เอ่ยถามหลานเสียงจริงจัง
“เพราะผมได้คะแนนมากสุดมั้งครับหรือว่าเพราะว่าผมเป็นหลานคุณปู่”ปู่ส่ายหน้าพลาง มือหนาลูบหัวเด็กน้อย
“ไม่ไช่ ที่ปู่เลือกหลานเป็นประธานนักเรียนก็เพราะว่าปู่ต้องการคนที่สามารถไว้ใจได้คนที่จะไม่ยอมก้มหัวให้ไอ้พวกคนเลว ไม่รับสินบนจากพวกมันและคนคนนั้นก็คือหลาน สัญญากับปู่ได้มั้ยว่าต่อให้ต้องตกอยู่ในสถานการณ์ที่เลวร้ายมากแค่ไหนก็จะไม่ยอมก้มหัวให้คนเหล่านี้เด็ดขาด “สายตามุ่งมั่นส่งผ่านไปยังซาโตริ เขาตอบทันทีโดยไม่ลังเล
“ครับผมสัญญา”เด็กน้อยรับคำ
“สัญญาแห่งลูกผู้ชาย”
“ครับสัญญาแห่งลูกผู้ชาย”
กลับมาที่เหตุการณ์กระทืบซาโตริ
“แกมันทนทานยาดจริงๆนะ แค่ขอโทษทุกอย่างก็จบแล้ว” เน็กพูดเสียงเจือปนหัวเราะ ‘นี่เราเป็นกระสอบทรายให้มันกระทืบนานเท่าไหร่แล้วเนี่ย มันชาไปหมด ไม่รู้สึกอะไรเลยเห็นแต่เลือดที่ไหลออกมาจากกาย ตอนนี้เราคงฟกช้ำหมดทั้งตัวแล้วมั้ง อา...ตายแน่เดี๋ยวอีกสักพักคงมียมทูตมารับวิญญาณเรา หึ หึ ผมขอโทษนะครับคุณปู่’ เน็กเห็นว่าซาโตริหมดสติไปแล้วแต่กระนั้นเขาก็ยังไม่สั่งให้ลูกน้องหยุด แถมยังบอกให้กระทืบจนกว่ามันจะฟื้น(ช่างเลวได้ใจริงๆ) ‘เราจะทำยังไงดีนะ’ นี่เป็นความคิดของสาวน้อยร่างบางหลังห้อง เธอมีชื่อว่า ยุสึกิ ริมิ ‘ต้องทำอะไรสักอย่างไม่อย่างนั้นซาโตริต้องตายแน่เลย’ ขณะที่ริมิกังวลอยู่นั้นก็.....
“เฮ้ย พวกแกหยุดจะทำอะไรหลานฉันฮะ” เสียงทุ้มอันทรงอำนาจตวาดลั่น
“ท่าน ผ.อ.” เสียงนักเรียนเรียกผู้มาเยือนอย่างพร้อมเพียง พร้อมกับร่างของคนสี่คนหนึ่งในนั้นเป็นร่างของนักเรียนชายที่วิ่งออกไปตอนที่เห็นซาโตริโดนกระทืบเขามีชื่อว่า ดาร์ก
“เฮ้ย หนีเร็ว” เน็กตะโกน เหล่ากลุ่มเด็กนัก(เลง)เรียนต่างวิ่งหนีกันคนละทิศคนละทาง บ้างก็หนีทางหน้าต่างบ้างก็วิ่งออกทางหลังห้อง
“จับพวกมันให้ได้” ปู่ของซาโตริสั่งครูที่ตามมาด้วยสามคน ก่อนจะกดมือถือโทรออกปลายสายคือโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง
เมื่อได้สติร่างท้วมพยายามลืมตาแต่ทำไมเปลือกตาถึงได้หนักอย่างนี้ร่างกายมีแต่ความเจ็บปวด ซาโตริมองร่างของคนที่เข้ามาช่วยให้เขาพ้นจากชะตากรรมอันโหดร้ายนี่ แต่สิ่งที่สายตาของซาโตริมองเห็นเป็นเพียงภาพเบลอๆ ของคนตรงหน้าเท่านั้นเอง
.....แล้วทุกอย่างก็มืดสนิท.....
ซาโตรินึกถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ เขาพักฟื้นอยู่โรงพยาบาลได้สองอาทิตย์ก็สามารถกลับไปเรียนต่อได้ แม้บาดแผลจะยังไม่หายสนิทแต่ด้วยหน้าที่ของประธานนักเรียนมันค้ำหัวอยู่จึงต้องมา ตลอดเวลาที่อยู่โรงพยาบาลซาโตริอยากให้พ่อมาเยี่ยมเขาบ้างแต่เปล่าเลยมีเพียงแม่ที่เจียดเวลามาเยี่ยมเขาทั้งๆที่งานยุ่งจนแทบไม่ได้กินข้าว
“แม่อยากให้ลูกย้ายโรงเรียนซะ” ซาโตรินึกถึงวันที่หายแล้วกลับมาบ้าน แม่ของเขาก็เปิดประเด็นเรื่องย้ายโรงเรียนทันที
“ไม่ครับ ผมไม่ย้าย”
“เพราะอะไร ปกติซาโตริไม่เคยดื้อกับแม่เลย”
“ผมสัญญากับคุณปู่ไว้แล้วครับ”
“สัญญาอะไรกัน บอกแม่ได้ไหม”แม่ของซาโตริเสียงสั่นเธอทนไม่ได้ที่จะต้องให้ซาโตริไปโรงเรียนสปิริตไฮส์ หากไปแล้วจะเกิดอะไรขึ้นกับลูกของเธอล่ะ เธอคงขาดใจตายแน่ถ้าซาโตริเป็นอะไรขึ้นมา
“สัญญาแห่งลูกผู้ชายครับ ผมบอกแม่ไม่ได้ครับ ผมขอโทษ”
“เหมือนกันเลย ดวงตาคู่นั้น ฮึก นิสัยดื้อรั้นแบบนั้น ฮึก เหมือนปู่ของลูกไม่มีผิด ฮือ”ซาโตริเดินขึ้นห้องนอน ทิ้งให้แม่ร้องไห้ต่อการตัดสินใจของเขา ‘ขอโทษนะครับแม่ ผมไม่อยากจะเดินหนีไอ้เลวพวกนั้นอีกแล้ว’
กลับมาที่เวลาปัจจุบัน ตอนนี้ซาโตริอยู่ในห้องประธานนักเรียน ภายในห้อง กว้างขวางมีกระจกบานใหญ่ที่สามารถมองเห็นทั่วโรงเรียนสปิริตไฮส์ ก๊อก ก๊อก
ชาร์จเนื้อเรื่อง ซาโตริ
“เข้ามาครับ” ร่างสูงเปิดประตูเข้ามาเผยให้เห็นความหล่อที่มากกว่าตัวผมหลายเท่า(อิจฉาล่ะสิ)
“มีอะไรให้ผมช่วยไหม”ผมถามชายตรงหน้า
“นายมาเรียนทำไม ไม่กลัวไอ้เน็กมาแก้แค้นรึไง” เฮอะ คนอย่างผมเคยกลัวที่ไหน
“ถ้ากลัวจะนั่งอยู่ตรงนี้ไหมล่ะ”
“นายอย่ามาพูดดีหน่อยเลยถ้าวันนั้นฉันไม่วิ่งไปหาปู่นาย ป่านนี้นายตายไปแล้ว” อ๋อคนนี้นี่เองที่วิ่งแจ้นไปแจ้งปู่ผมยุ่งไม่เข้าเรื่อง
“นายชื่ออะไร”
“ดาร์ก”
“เอาล่ะดาร์ก ต้องการจะมาบอกผมแค่นี้ใช่ไหม ถ้ามาด้วยเรื่องแค่นี้ก็ออกไปซะ” ผมยกมือชี้ไปทางประตู
“ฉันก็แค่มาเตือนนายเท่านั้นแหละ” ดาร์กบอกอย่างฉุนเฉียวก่อนจะเดินออกไป เฮ้อ ได้พักซักที
“ท่านประธานคะ” ดาร์กเดินออกไปไม่ถึงสองวิ หญิงสาวผมสีส้มอ่อน สูงพอๆกับผม นัยน์ตาสีม่วงอร่าม ก็เดินเข้ามายืนแทนที่
“ไม่มีมารยาทเลยนะครับ ทำไมไม่เคาะประตูก่อน” ผมตำหนิ
“ข....ขอโทษค่ะ” สาวผมส้มเดินเข้ามาใกล้ผมเรื่อยๆ เธอห่างจากผมแค่โต๊ะกั้น
“ต้องการอะไรครับ”ผมถาม
“ฉันยุสึกิริมิค่ะ ประธานมีแฟนรึยังคะ” จะมาสารภาพรักหรอ
“ยังไม่มี ถามทำไม”
“มาเป็นเพื่อนกับริมิได้ไหมคะ”เพื่อน?ยัยนี่ไม่มีเพื่อนรึไง
“ผมไม่อยากมีเพื่อนเป็นผู้หญิง” กริ๊งงง เสียงออดเข้าเรียน โอยจะนอนพักสักหน่อยก็ไม่ได้ ผมลุกพรวดเดินหนีมาทันทีจุดหมายคือห้องเรียนเดินจากตึกประธานต้องใช้เวลาประมาณห้าถึงสิบนาที
“ขอโทษครับที่มาสาย” ผมขอโทษอาจารย์เนื่องจากสายไปห้านาที
“ไม่เป็นไรจ้ะเข้ามาเลย” ผมพยักหน้า
ที่นั่งซึ่งยังเหลือว่างอยู่มีเพียงแถวริมหน้าต่าง
“ไปเข้าห้องน้ำนานจังนะจ๊ะ ริมิจัง”
“ริมิไปถ่ายหนักมาค่ะ”
อาจารย์เอ่ยกับสาวผมสีส้ม ตาสีม่วง...เอ๊ะหรือว่า ยัยนั่น ผมมองดูดีๆอีกทีใช่เลย ยัยนั่นจริงๆด้วย ดั๊นเรียนห้องเดียวกันอีก เธอเดินมานั่งข้างๆผม
“เป็นเพื่อนกับริมินะ”ยังไม่จบนะยัยริมิ
“......”ผมทำเป็นไม่สนใจเธอ
“หลังเลิกเรียนซาโตริมาเจอริมิที่ห้องประธานนักเรียนหญิงไม่เกินสี่โมงสัญญานะ ห้ามเบี้ยวห้ามสายเข้าใจแล้วนะ”
เธอพูดเองเออคนเดียวก่อนจะทิ้งให้ผมนั่งเป็นไอ้เอ๋อ ว่าแต่มันมีห้องประธานนักเรียนหญิงด้วยเหรอ
ในเวลาพักเที่ยงผมเดินไปโรงอาหารอย่างเนิบๆ คนเยอะเป็นบ้าแต่ผมก็สามารถซื้อข้าวกระเพาไข่ดาวได้เพราะใช้สิทธิ์รัดคิวของประธานนักเรียน(เลวจริงๆ) สายตาผมไล่หาที่นั่งซึ่งว่างอยู่ที่นึงไม่เชิงว่าว่างหรอกเพราะมีผู้หญิงนั่งอยู่ก่อนแล้วด้วยสีหน้าบึ้งตึง เธอคือยัยริมิ ทั้งๆที่นั่งได้ตั้งสิบคน แต่ทำไมเธอนั่งคนเดียวล่ะ เธอไม่มีเพื่อนจริงๆเหรอ ผมตรงไปนั่งตรงข้าม เธอมองหน้าผมแบบแปลกๆ
“ซาโตริคุงมานั่งนี่ทำไมใครอนุญาติ” อ้าว ยัยนี่ ผมจะนั่งต้องขออนุญาตเธอก่อนรึไง
“ผมจะนั่งนี่ เธอมีปัญหาเหรอ” สาวตรงหน้าผม ลุกอย่างรวดเร็วพร้อมกันนั้นจานข้าวของเธอก็ลอยมาโปะหัวผม “ใช่ริมิมีปัญหา”เธอเดินเชิดออกไป มิน่าล่ะถึงไม่มีใครคบก็นิสัยอย่างนี้แหละนะ ดีนะที่ผมไม่อยากเป็นเพื่อนเธอ
“ประธานไม่เป็นอะไรนะคะ” นักเรียนหญิงคนหนึ่งถามผม แต่ผมโดนจนชินแล้วล่ะอีแบบนี้ โดนเน็กมันแกล้งบ่อย
“ผมไม่เป็นไร”ผมลุกไปห้องน้ำเพื่อล้างหัวตัวเอง แย่ชะมัดหัวผมส่งกลิ่นเหม็นอย่างแรงฝากไว้ก่อนเถอะยัยบ้าผมไม่ยอมเป็นเพื่อนกับเธอแน่ ออกมาหน้าห้องน้ำ ริมิยืนดักรออยู่
“จะมาขอโทษเหรอ” ผมเอ่ย
“อืม ริมิขอโทษนะ เมื่อกี้ไม่ได้ตั้งใจ”ทำหน้าเศร้าได้ไม่เนียนเลยนะเธอ ผมเดินผ่านเธอไปโดยไม่สนคำขอโทษแม้แต่นิดเดียว
ชาร์จเนื้อเรื่อง ริมิ
ฉัน ยุสึกิ ริมิ ค่ะ เป็นนางเอกของนิยายเรื่องนี้นะคะ ฉันมีพลังพิเศษเหมือนกันน้า นั่นคือการมองเห็นด้ายแดงหรือเรียกได้อีกอย่างนึงว่าเส้นเนื้อคู่ของคนแต่ละคนค่ะ และเส้นเนื้อคู่ของฉันคือซาโตริ เมื่อไหร่เขาจะมาสักทีนะนัดไว้ตอนสี่โมงเย็น แต่นี่ปาเข้าไปห้าโมงแล้วแต่ซาโตริก็ยังไม่มา นั่งรอจนปวดสะโพกแล้วนะ
“ติ๊ดดดดดดด”ฉันดูหน้าจอมือถือมันโชว์เบอร์ไม่รู้จัก ด้วยความอยากรู้ฉันจึงกดรับสาย
“เอ่อ...ใครคะ”
(ว่าไงริมิ) เอ๊ะเสียงผู้ชายนี่นาริมิไม่เคยให้เบอร์ผู้ชายคนไหนมาก่อนเลยนะ
“คุณคือใครคะ”
(ผมไงคนที่เธออยากเป็นเพื่อนด้วย)
“ซาโตริไม่เห็นมาหาริมิเลย เราตกลงกันแล้วนะ”ซาโตริมีเบอร์ริมิได้ไงกัน
(เธอพูดเองเออเองน่ะสิ)
“แล้วซาโตริจะมาไหม”ริมิตอบอย่างใจเย็น
(ไปหาเธอน่ะนะ ไม่มีทางซะล่ะ... ติ๊ด) ตานั่นวางสายไปแล้ว นายอย่าคิดเลยว่าพรุ่งนี้จะรอด เงื้อมือริมิไปได้ พรุ่งนี้นายต้องตาย
ในเช้าของวันถัดมา ริมิมานั่งอ่านหนังสือรอนายซาโตริในห้องเรียน และคิดแผนจัดการไปด้วย ริมิมีแผนว่าจะใช้สันหนังสือไปขู่นายนั่นให้มาเป็นเพื่อนกันซะ
“โฮะๆๆๆๆ” คนในห้องเรียนต่างมองริมิเหมือนคนบ้า
“อ๊ะ ริมิทำอะไรไปเนี่ยทุกคนอย่าสนใจเลยนะจ๊ะ” พูดแก้เก้อ
“ฮ้าว อะไรกันนี่วันนี้” เสียงนี้ซาโตริชัวร์ๆ เขาเดินมานั่งข้างๆริมิ นายไม่รู้สึกถึงสายตาอาฆาตเลยรึไงยะ
“อ้าวนี่เธอ มาตั้งแต่เมื่อไหร่”แม้แต่ฉันที่นั่งหัวโด่อยู่ตรงนี้ ตานี่ยังไม่แลมอง
“มาตั้งนานแล้วล่ะ ดูซาโตริไม่กลัวริมิเลยนะ”
“กลัวทำไมล่ะ”จบคำพูดของเขาริมิก็จัดการใช้สันหนังสือเพล่งกบาลเขาทันที ซาโตริกุมหัวตัวเองและร้องโอดโอย
“ทำอะไรของเธอเนี่ย” นายอย่ามาแอ๊บไม่รู้นะยะ
“เมื่อวานซาโตริไม่มาหาริมิทั้งที่สัญญากับริมิแล้วด้วย”
“ริมิคิดเองเออเองไม่ใช่เหรอ” ฉันคิดเองเออเองที่ไหนเล่า เห็นนายไม่ตอบก็นึกว่านายไม่ปฏิเสธ ถ้าไม่อยากมาก็พูดมาตรงๆเหอะ(เข้าข้างตัวเองสุดฤทธิ์นะเธอ)
“นายไม่อยากมาหาริมิใช่ไหมล่ะ”
“ แน่นอน ผมไม่อยากไปเพราะริมิ นิสัยอย่างนี้ไง เมื่อวานตอนกลางวันก็ทีนึงแล้วผมอยู่มาสี่ปียังไม่เคยเจอคนแบบริมิเลย ผมเกลียดริมิ” ฉันพยายามกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหล และวิ่งหนีออกจากห้องเรียนไปยังดาดฟ้าของตึก ผู้ชายคนนั้นไม่ใช่เนื้อคู่ของฉันแน่ๆ ทำไมเส้นด้ายสีแดงจะต้องไปผูกอยู่ที่นิ้วก้อยเขาด้วยนะ
ชาร์จเนื้อเรื่อง ซาโตริ
เฮอะ วิ่งหนีไปไหนล่ะนั่น ช่างเหอะเดี๋ยวพอเริ่มเรียนก็มาเองแหละ ตอนนี้ผ่านไปจนถึงพักเที่ยงแล้วแต่ริมิก็ยังไม่มาไปทำอะไรอยู่ที่ไหนนะ น่าเป็นห่วงจริงๆผมพูดแรงไปรึเปล่า(โคตรแรง) เอาแบบนี้ดีกว่าถ้าเลิกเรียนแล้วริมิยังไม่มาผมจะไปตามหาเธอ
“ทุกคนกลับบ้านได้พรุ่งนี้อย่าลืมเอาการบ้านมาส่งด้วยนะ” เลิกเรียนแล้วแต่ยังไม่เห็นริมิเลยหายไปไหนนะหรือว่าจะไปฆ่าตัวตาย เฮ้ยไร้สาระ
“ซาโตริ นายจะไปไหน” ดาร์ก...
“ไปหาผู้หญิงที่มาตีหัวผมเมื่อเช้า”
“อ๋อ เมื่อเช้าฉันก็เห็น แต่นายว่าเขาแรงไปเปล่า”
“ผมก็เลยจะไปขอโทษเธอนี่ไง”
“งั้นฉันช่วยหาแล้วกัน”ดาร์กเสนอตัว
“ขอบใจ” นี่เป็นครั้งแรก ที่ผมบอกขอบคุณคนอื่นที่ไม่ใช่พ่อ แม่ คุณปู่ นายควรดีใจนะดาร์ก
“ฉันจะไปดูที่โรงอาหาร”
“ผมไปด้วย” พวกเราสองคนเดินไปโรงอาหารด้วยกัน หวังว่าจะเจอริมิ ทว่า ดันเจอไอ้เน็กซะได้ แถมอยู่กันเป็นขโยงเลย พวกผมพยายามจะเดินหลบๆแต่ก็ไม่พ้นสายตาไอ้เน็ก
“จับมันให้ได้” เน็กออกคำสั่ง ไอ้พวกลูกน้องที่นั่งกินข้าวอยู่ก็ร่อนจานข้าวมา จานข้าวนะโว้ยไม่ใช่จานร่อนไม่กลัวบาปบ้างรึไง ผมกับดาร์กวิ่งหนีแต่ไม่ว่าจะหนีไปทางไหนลูกน้องของเน็กก็ล้อมไว้หมด มีทางเดียวคือดาดฟ้าของโรงเรียน ตัดสินใจได้แล้วผมก็ลากดาร์กขึ้นมาด้วยพลางคิดหาวิธีหนีเอาตัวรอดไปพลาง เมื่อขึ้นมาถึงดาดฟ้า คนที่ผมตามหา เธออยู่บนนี้ แต่เธอแปลกออกไปตรงที่ปลายนิ้วทุกนิ้วจะมีด้ายแดงพันไว้อยู่ และตรงหน้าของเธอคือปีศาจลักษณะคล้ายแมลงตาเธอโตเมื่อเห็นผม
“นายขึ้นมาทำอะไรบนนี้หนีไปซะ”ริมิตะโกนให้ผมหนี แต่ผมไม่หนีไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม เจ้าปีศาจมันใช้ขาพลุ่งมายังร่างของผมที่ยืนนิ่ง ผมต้องหลบสิทำไมขามันก้าวไม่ออกเลย
“ฉึก อ๊าาาาาาาาาาาา” ริมิใช้ตัวเองเป็นเกาะกำบัง เธอช่วยผมไว้ ทำไมกันทั้งๆที่ผมด่าเธอขนาดนั้น เสียงของริมิที่กรีดร้องด้วยความเจ็บนี่อีกทำให้ผมโมโหและรู้สึกเจ็บจี๊ดที่หัวใจได้ขนาดนี้เลยเหรอแถมน้ำใสๆที่เอ่อล้นเบ้าตานี่ล่ะผมรู้สึกยังไงกันแน่ เน็กวิ่งขึ้นมาพร้อมลูกน้องอีกสิบห้าคน
“นั่นมันตัวอะไร”เน็กถามผม แต่ผมไม่มีกะจิตกะใจจะตอบ ที่รู้ก็คือบรรดาลูกน้องของเน็กต่างวิ่งหนีตายกันไปหมดแล้ว
ตายแน่ ตายแน่ ข้างหลังก็ไอ้เน็กนักเลงหัวไม้ประจำโรเรียน ข้างหน้าเป็นปีศาจที่เพิ่งฆ่าเพื่อนผมตายไปหมาดๆ(ไม่เชิงว่าเป็นเพื่อน) เธอเป็นเพื่อนหญิงคนแรกของผม ปีศาจมันพลุ่งขามาทางนี้แล้ว หลบไม่ทันแน่ ผมหลับตาปี๋ กึกไม่เห็นเจ็บเลย ผมน่าจะโดนมันเสียบแล้วนี่นา ค่อยๆลืมตาขึ้นช้าๆ สิ่งที่อยู่ตรงหน้าผมทำให้ผมต้องถอยกรูด
ขาแหลมเล็กของไอ้ปีศาจอยู่ห่างจากผมแค่สองมิน รอบๆตัวไม่มีสิ่งใดเคลื่อนไหว มันเกิดอะไรขึ้น
“อยากช่วยริมิมั้ยหนุ่มน้อย” เสียงไม่ทุ้มเกินไม่สูงเกินดังมาจากข้างหลัง ผมจึงหันไปมอง เห็นร่างของปีศาจตัวเล็กๆสีดำ ลักษณะคล้ายจิ้งจอก
“ก..แกเป็นปีศาจ”
“ไม่สุภาพเลยนะ ฉันชื่อปริทาด้า เป็นภูตที่สิงสถิตโรงเรียนนี้ต่างหาก อยากให้ช่วยไหม”
“แกจะช่วยอะไรฉันได้”
“ฉันช่วยนายได้และกันแต่ก่อนจะช่วย ฉันต้องถามก่อนว่า นายจะรับเรื่องทั้งหมดที่จะเกิดต่อจากนี้ได้ไหม”ผมพยักหน้า
“แม้ว่าเรื่องที่ได้รับจะต้องวนเวียนตามหลอกหลอนนายไปตลอดน่ะเหรอ”ปีศาจตัวเล็กๆเอ่ยเสียงเรียบ อย่ามาทำเป็นห่วงหน่อยเลย
“บอกวิธีมาสักทีเถอะน่า” ตอนนี้ผมยอมได้ทุกอย่างไม่ว่าจะต้องเสียอะไรก็ตาม
“อธิฐานสิ” ริมิ ผมขอโทษ ผมมันโง่จริงๆ ที่เธอต้องการเป็นเพื่อนกับผมเพราะเธอเห็นว่าผมไม่เคยมีเพื่อนที่สามารถพึ่งพาได้สักคน ส่วนเพื่อนร่วมห้องก็แค่เพื่อนคุยเวลาผมมีปัญหาทีไรไม่เคยมีใครช่วยผมสักคนแต่เธอคนนี้ไม่เหมือนกัน ริมิไม่ลังเลที่จะช่วยผมแม้แต่นิดเดียว แล้วก็ตอนนั้นอีกที่เธอเอาจานข้าวมาโปะหัวผม แล้วเธอมาขอโทษ ริมิไม่ได้ตั้งใจเพราะตอนนั้นริมิอารมณ์ไม่ค่อยดี ผมมันซื่อบื้อที่สุด ดังนั้นฟื้นกลับมาริมิผมอยากเป็นเพื่อนกับริมิ
“โอ๊ยยย อ๊ากก” อยู่ดีๆก็เจ็บหน้าอก มันอะไรกัน ผมโดนไอ้ปีศาจร่ายมนต์ใส่รึเปล่าเนี่ย
“โอ๊ยยยยยย” เจ็บเป็นบ้าเลย แต่ถ้านี่สามารถช่วยริมิได้ล่ะก็ผมทนได้ แสงสีฟ้าส่องแสงมาจากตัวผมและก็มีแท่งอะไรสักอย่างยาวพอๆกับไม้บรรทัด โผล่ออกมาก่อนจะหายเข้าไปในตัวผมอีก ความเจ็บปวดหายไปแล้ว
“ตอนนี้นายเป็นโซลมิสเทสเหมือนริมิเรียบร้อย”เหมือนริมิหมายความว่าริมิก็เป็นแบบเดียวกับผมน่ะสิ
“แท่งเมื่อกี๊มันคืออะไร”
“มันคือโซลริมิท เป็นที่เก็บรวบรวมพลังวิญญาณซึ่งมีจำกัดใช้แล้วหมดแต่ก็เติมได้”
“เติมยังไง”
“พลังของนายมันทรงอนุภาพที่สุดดังนั้นใช้ระวังๆ หน่อย และก็นะหลังจากนี้สิ่งที่นายเห็นหรือสัมผัสจะต่างออกไปจากเดิมมากเพราะพลังของนายได้เปลี่ยนทุกอย่างเรียบร้อยแล้วล่ะ” พูดจบเจ้าปีศาจก็หายไป ป่ะโถ่น่าจะบอกกันก่อน ริมิไม่เห็นฟื้นเลยนี่นามันหลอกผมรึเปล่า แต่เดี๋ยวนะตอนนี้ทุกอย่างยังถูกหยุดเวลาไว้อยู่เลยนี่นา ผมน่าจะมีพลังอะไรสักอย่างที่ทำให้เวลาเดินได้ ออกมาสิพลังของผม วิ้ง อยู่ดีๆนาฬิกาพกสีแดงสดก็มาปรากฏในมือไอ้นาฬิกานี่จะช่วยได้เหรอ ผมเปิดมันข้างในไม่มีเข็มนาทีไม่มีเข็มชั่วโมง หรือว่าพลังของผมคือการย้อนเวลาและหยุดเวลาได้ ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงก็ต้องจัดการปีศาจก่อน เอาล่ะเจ้านาฬิกามีดีอะไรโชว์มาเลย วิ้ง นาฬิกาพกกลายเป็นปืนรีวอลเวอร์สีแดงสด ผมจัดการเล็งปืนไปที่มันทันที ยิงติดต่อกันหกนัดรวด ผมเปลี่ยนปืนกลับไปเป็นนาฬิกา
“เวลาจงเดิน” สิ้นเสียงของผมเวลาก็กลับมาเดินอีกครั้ง
“อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกก” เจ้าปีศาจร้องอย่างทรมาน แค่นี้ยังไม่สาสมกับสิ่งที่แกทำกับริมิหรอกร่างของมันค่อยๆสลายไป เป็นเหมือนเท่าธุรี
“สำเร็จ ฆ่ามันได้แล้ว” ผมเด้งตัวดีใจสุดขีด พลางหันไปมองดาร์กกับเน็ก พวกมันทำหน้าเหวอไปตามๆกัน
“หน้าผมมันมีอะไรติดรึไง”
“.....”ถามแล้วไม่ตอบไอ้พวกนี้นิ
“ซาโตริคุงกลายเป็นผู้หญิงนี่จ๊ะ พวกเน็กก็เลยตกกะใจ” เสียงนี้ริมิ เธอฟื้นแล้ว เธอไม่ตาย เย้ แต่เดี๋ยวนะเมื่อกี๊ริมิบอกว่าผมกลายเป็นผู้หญิงเหรอ บ้าไปแล้ว
“ขอกระจกหน่อย”ผมบอกริมิ
“นี่จ้ะกระจก” ริมิส่งกระจกพกพาลายคิตตี้อันเล็กๆให้ผมมาส่องหน้า
“เฮ้ย ป...ป...เป็นอย่างนี้ได้ยังไง”สิ่งที่ผมเห็นในกระจกคือผู้หญิงในชุดนักเรียนชาย หน้าของผมที่กลายเป็นผู้หญิง ช่างสวยเหลือเกิน ผมยาวสีแดง นัยน์ตาสีทับทิม มีหน้าอกหน้าใจด้วย น้องชายผมหายไปแล้วรู้สึกโหวงเหวงอะ
“ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆ” ริมิระเบิดเสียงหัวเราะ มีอะไรน่าขำหรอเธอ ผมเหล่มองไอ้เน็กมันหายไปแล้ว ส่วนดาร์กยังคงนั่งมึน “มันเป็นไปไม่ได้ฉันไม่เชื่อ” ดาร์กไม่เชื่อก็ต้องเชื่ออะนะ
“ดาร์กครับเก็บไว้เป็นความลับระหว่างเราสามคนได้ไหม” ดาร์กพยักหน้า
“แล้วไอ้เน็กล่ะ” ดาร์กถาม
“ช่างมันเหอะ”
ผม ตามด้วย ริมิ และ ดาร์ก แวะเก็บสมุดหนังสือที่ห้องเรียนก่อนจะแยกย้ายกลับบ้าน ดาร์กกลับบ้านโดยพ่อมารับ ส่วนผมกับริมิโบกรถแท็กซี่กลับด้วยกัน ในเวลาต่อมาก็ถึงบ้านของริมิ แต่ก็ใกล้บ้านผมมากด้วยถัดไปสี่หลังเองบังเอิญจริงๆ
“ริมิพวกเราสองคนเป็นเพื่อนกันแล้วนะ”
“จริงเหรอจ๊ะ” ริมิดีใจยิ้มออกนอกหน้า
“ครับ พรุ่งนี้ไปรับผมที่บ้านด้วยนะ”
“จ้า ราตรีสวัสนะจ๊ะ”ริมิโบกมือลาแล้วเดินเข้าบ้าน
“ราตรีสวัสครับ” ผมโบกมือตอบ ก่อนจะเดินไปหยุดอยู่หน้าบ้านของตัวเอง เอาไงดีผมจะเข้าบ้านไปด้วยสภาพนี้ได้ยังไง เวอร์ชั่นหญิงนี่นะ ถ้าแม่เห็นมีหวังหัวใจวายตาย เข้าทางหน้าต่างห้องนอนดีกว่ามั้ง แกร๊ก แอ๊ด เสียงประตูที่ไม่รู้ว่าได้เคยหยอดน้ำมันบ้างหรือป่าวเปิดออก แย่แล้ว ผมจะซ่อนตรงไหนดี
“นั่นใครน่ะ” แม่มาเองเยยเหยอ ฮือ ตายแน่ แม่ผมหัวใจวายตายแน่(แช่งแม่ตัวเองอีก) น่าจะปีนเข้าทางหลังบ้านตั้งแต่แรก เอาวะเป็นไงเป็นกันถ้าอธิบายแม่ต้องเข้าใจชัวร์ สู้เว้ย
ความคิดเห็น