ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Five soul mistress limit สาวน้อยพลังวิญญาณกับรักต้องห้ามตอนหอคอยซาบิน่า

    ลำดับตอนที่ #1 : บทที่ 1 ปริทาด้า

    • อัปเดตล่าสุด 15 ก.ค. 56


     

    ซาโตริรู้สึกตัวลืมตาตื่นขึ้นมาพบว่าตัวเองนอนอยู่ในโรงพยาบาล พร้อมความเจ็บปวดที่ถาโถมเข้ามาสู่ร่างกาย

    ผมตายแล้วใช่ไหมนี่คงเป็นสวรรค์สินะ แต่สวรรค์มันมีสายระโยงระย้า แถมความเจ็บปวดนี่อีก มันไม่เหมือนสวรรค์เลย

    “ลูกแม่ ลูกแม่ฟื้นแล้ว”แม่นั่นเอง แสดงว่าเรายังไม่ตายงั้นสิ

    “ลูกเป็นยังไงบ้างจ๊ะ” ผู้เป็นมารดาน้ำตาไหลพราก ซาโตริมองหาร่างของพ่อแต่ไม่เห็นแม้เงาพ่อไม่มาเหมือนเคยสินะก็ติดงานขนาดนั้นนี่นา

    “ก็เจ็บปางตายแหละครับ”

    “ดีแล้วล่ะที่ไม่เป็นอะไร”

    หากถามว่าเขามาทำอะไรตรงนี้ล่ะก็ต้องย้อนกลับไปเมื่อสองอาทิตย์ก่อน

     

    สองอาทิตย์ก่อน ในห้องเรียน

    ตุบ ปึก ตุบ ปึก

    “อัก โอ๊ย” ซาโตริชายร่างท้วมโดนรุมสะกำโดยคนหมู่มาก เนื่องมาจากเขาไปฟ้องอาจารย์ว่าพวกนี้สูบบุหรี่ในห้องน้ำ บริเวณนั้นมีคนอยู่ด้วยแต่ไม่มีใครคิดจะเข้าไปช่วยเพราะไม่อยากมีชะตากรรมเดียวกับซาโตริ ทว่ามีร่างของนักเรียนชายคนนึงวิ่งออกไปนอกห้องคงจะไปทำอะไรสักอย่าง เน็กสั่งให้ลูกน้องตามร่างนั้นไป

    “พอก่อน”เสียงเรียบนี่เป็นของเน็กชายผู้เป็นหัวโจกเขายกมือห้ามลูกน้อง ก่อนจะพูดต่อว่า“มันไม่ยากเลยนะแค่แกพูดว่าขอโทษครับผมจะไม่ไปฟ้องอาจารย์อีกแล้วแค่นี้เรื่องก็จบ  ซาโตริไม่มีทางที่จะขอโทษคนเหล่านี้หรอก ต่อให้ตายเขาก็ไม้มีทางขอโทษ

    “ฉันไม่ขอโทษพวกแกเด็ดขาด” เน็กพยักหน้าให้ลูกน้องเป็นสัญญาณให้กระทืบต่อ

    ตุบ ปึก ตุบ ปึก

    “คิดจะขอโทษฉันเมื่อไหร่บอกด้วยละกัน”เน็กคว้าเก้าอี้ที่อยู่ใกล้มือมานั่ง ฉันไม่ขอโทษแกเด็ดขาดเพราะฉันสัญญากับปู่เอาไว้แล้วว่าจะไม่ขอโทษคนที่ทำผิด ต่อให้ต้องตายก็ยอมซาโตรินึกถึงวันที่มาเรียนที่นี่เป็นวันแรกเขาสอบเข้าด้วยคะแนนสูงสุด 4.00 ปู่ของซาโตริหรือผ.อ.ของโรงเรียนสปิริตไฮส์ จึงแต่งตั้งให้เขาเป็นประธานนักเรียนตั้งแต่อยู่ ม.1 จนตอนนี้ซาโตริอยู่ ม. 4 แต่ก็ยังคงดำรงตำแหน่งของประธานนักเรียนไว้และคำมั่นสัญญาที่เขามีให้กับปู่ด้วยเช่นกัน

    “หลานรู้มั้ยว่าทำไมปู่ถึงเลือกหลานเป็นประธานนักเรียน”ผ.อ.โรงเรียนผู้มีศักดิ์เป็นปู่เอ่ยถามหลานเสียงจริงจัง

    “เพราะผมได้คะแนนมากสุดมั้งครับหรือว่าเพราะว่าผมเป็นหลานคุณปู่”ปู่ส่ายหน้าพลาง มือหนาลูบหัวเด็กน้อย

    “ไม่ไช่ ที่ปู่เลือกหลานเป็นประธานนักเรียนก็เพราะว่าปู่ต้องการคนที่สามารถไว้ใจได้คนที่จะไม่ยอมก้มหัวให้ไอ้พวกคนเลว ไม่รับสินบนจากพวกมันและคนคนนั้นก็คือหลาน สัญญากับปู่ได้มั้ยว่าต่อให้ต้องตกอยู่ในสถานการณ์ที่เลวร้ายมากแค่ไหนก็จะไม่ยอมก้มหัวให้คนเหล่านี้เด็ดขาด “สายตามุ่งมั่นส่งผ่านไปยังซาโตริ เขาตอบทันทีโดยไม่ลังเล

    “ครับผมสัญญา”เด็กน้อยรับคำ

    “สัญญาแห่งลูกผู้ชาย”

    “ครับสัญญาแห่งลูกผู้ชาย”

    กลับมาที่เหตุการณ์กระทืบซาโตริ

    “แกมันทนทานยาดจริงๆนะ แค่ขอโทษทุกอย่างก็จบแล้ว” เน็กพูดเสียงเจือปนหัวเราะ นี่เราเป็นกระสอบทรายให้มันกระทืบนานเท่าไหร่แล้วเนี่ย มันชาไปหมด ไม่รู้สึกอะไรเลยเห็นแต่เลือดที่ไหลออกมาจากกาย ตอนนี้เราคงฟกช้ำหมดทั้งตัวแล้วมั้ง อา...ตายแน่เดี๋ยวอีกสักพักคงมียมทูตมารับวิญญาณเรา หึ หึ ผมขอโทษนะครับคุณปู่ เน็กเห็นว่าซาโตริหมดสติไปแล้วแต่กระนั้นเขาก็ยังไม่สั่งให้ลูกน้องหยุด แถมยังบอกให้กระทืบจนกว่ามันจะฟื้น(ช่างเลวได้ใจริงๆ)  ‘เราจะทำยังไงดีนะนี่เป็นความคิดของสาวน้อยร่างบางหลังห้อง เธอมีชื่อว่า ยุสึกิ   ริมิ  ต้องทำอะไรสักอย่างไม่อย่างนั้นซาโตริต้องตายแน่เลย ขณะที่ริมิกังวลอยู่นั้นก็.....

    “เฮ้ย พวกแกหยุดจะทำอะไรหลานฉันฮะ” เสียงทุ้มอันทรงอำนาจตวาดลั่น

    “ท่าน ผ.อ.” เสียงนักเรียนเรียกผู้มาเยือนอย่างพร้อมเพียง พร้อมกับร่างของคนสี่คนหนึ่งในนั้นเป็นร่างของนักเรียนชายที่วิ่งออกไปตอนที่เห็นซาโตริโดนกระทืบเขามีชื่อว่า ดาร์ก

    “เฮ้ย หนีเร็ว” เน็กตะโกน เหล่ากลุ่มเด็กนัก(เลง)เรียนต่างวิ่งหนีกันคนละทิศคนละทาง บ้างก็หนีทางหน้าต่างบ้างก็วิ่งออกทางหลังห้อง

    “จับพวกมันให้ได้” ปู่ของซาโตริสั่งครูที่ตามมาด้วยสามคน ก่อนจะกดมือถือโทรออกปลายสายคือโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง

                    เมื่อได้สติร่างท้วมพยายามลืมตาแต่ทำไมเปลือกตาถึงได้หนักอย่างนี้ร่างกายมีแต่ความเจ็บปวด ซาโตริมองร่างของคนที่เข้ามาช่วยให้เขาพ้นจากชะตากรรมอันโหดร้ายนี่ แต่สิ่งที่สายตาของซาโตริมองเห็นเป็นเพียงภาพเบลอๆ ของคนตรงหน้าเท่านั้นเอง

    .....แล้วทุกอย่างก็มืดสนิท.....

     

    ซาโตรินึกถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ เขาพักฟื้นอยู่โรงพยาบาลได้สองอาทิตย์ก็สามารถกลับไปเรียนต่อได้ แม้บาดแผลจะยังไม่หายสนิทแต่ด้วยหน้าที่ของประธานนักเรียนมันค้ำหัวอยู่จึงต้องมา ตลอดเวลาที่อยู่โรงพยาบาลซาโตริอยากให้พ่อมาเยี่ยมเขาบ้างแต่เปล่าเลยมีเพียงแม่ที่เจียดเวลามาเยี่ยมเขาทั้งๆที่งานยุ่งจนแทบไม่ได้กินข้าว

    “แม่อยากให้ลูกย้ายโรงเรียนซะ” ซาโตรินึกถึงวันที่หายแล้วกลับมาบ้าน แม่ของเขาก็เปิดประเด็นเรื่องย้ายโรงเรียนทันที

    “ไม่ครับ ผมไม่ย้าย”

    “เพราะอะไร ปกติซาโตริไม่เคยดื้อกับแม่เลย”

    “ผมสัญญากับคุณปู่ไว้แล้วครับ”

    “สัญญาอะไรกัน บอกแม่ได้ไหม”แม่ของซาโตริเสียงสั่นเธอทนไม่ได้ที่จะต้องให้ซาโตริไปโรงเรียนสปิริตไฮส์ หากไปแล้วจะเกิดอะไรขึ้นกับลูกของเธอล่ะ เธอคงขาดใจตายแน่ถ้าซาโตริเป็นอะไรขึ้นมา

    “สัญญาแห่งลูกผู้ชายครับ ผมบอกแม่ไม่ได้ครับ ผมขอโทษ”

    “เหมือนกันเลย ดวงตาคู่นั้น ฮึก นิสัยดื้อรั้นแบบนั้น ฮึก เหมือนปู่ของลูกไม่มีผิด ฮือ”ซาโตริเดินขึ้นห้องนอน ทิ้งให้แม่ร้องไห้ต่อการตัดสินใจของเขาขอโทษนะครับแม่ ผมไม่อยากจะเดินหนีไอ้เลวพวกนั้นอีกแล้ว

    กลับมาที่เวลาปัจจุบัน ตอนนี้ซาโตริอยู่ในห้องประธานนักเรียน ภายในห้อง กว้างขวางมีกระจกบานใหญ่ที่สามารถมองเห็นทั่วโรงเรียนสปิริตไฮส์  ก๊อก ก๊อก

    ชาร์จเนื้อเรื่อง ซาโตริ

    “เข้ามาครับ” ร่างสูงเปิดประตูเข้ามาเผยให้เห็นความหล่อที่มากกว่าตัวผมหลายเท่า(อิจฉาล่ะสิ)

    “มีอะไรให้ผมช่วยไหม”ผมถามชายตรงหน้า

    “นายมาเรียนทำไม ไม่กลัวไอ้เน็กมาแก้แค้นรึไง” เฮอะ คนอย่างผมเคยกลัวที่ไหน

    “ถ้ากลัวจะนั่งอยู่ตรงนี้ไหมล่ะ”

    “นายอย่ามาพูดดีหน่อยเลยถ้าวันนั้นฉันไม่วิ่งไปหาปู่นาย ป่านนี้นายตายไปแล้ว” อ๋อคนนี้นี่เองที่วิ่งแจ้นไปแจ้งปู่ผมยุ่งไม่เข้าเรื่อง     

    “นายชื่ออะไร”

    “ดาร์ก”

    “เอาล่ะดาร์ก ต้องการจะมาบอกผมแค่นี้ใช่ไหม ถ้ามาด้วยเรื่องแค่นี้ก็ออกไปซะ” ผมยกมือชี้ไปทางประตู

    “ฉันก็แค่มาเตือนนายเท่านั้นแหละ” ดาร์กบอกอย่างฉุนเฉียวก่อนจะเดินออกไป เฮ้อ ได้พักซักที

    “ท่านประธานคะ” ดาร์กเดินออกไปไม่ถึงสองวิ หญิงสาวผมสีส้มอ่อน สูงพอๆกับผม นัยน์ตาสีม่วงอร่าม ก็เดินเข้ามายืนแทนที่

    “ไม่มีมารยาทเลยนะครับ ทำไมไม่เคาะประตูก่อน” ผมตำหนิ

    “ข....ขอโทษค่ะ” สาวผมส้มเดินเข้ามาใกล้ผมเรื่อยๆ เธอห่างจากผมแค่โต๊ะกั้น 

    “ต้องการอะไรครับ”ผมถาม

    “ฉันยุสึกิริมิค่ะ ประธานมีแฟนรึยังคะ” จะมาสารภาพรักหรอ

    “ยังไม่มี ถามทำไม”

    “มาเป็นเพื่อนกับริมิได้ไหมคะ”เพื่อน?ยัยนี่ไม่มีเพื่อนรึไง

    “ผมไม่อยากมีเพื่อนเป็นผู้หญิง” กริ๊งงง เสียงออดเข้าเรียน โอยจะนอนพักสักหน่อยก็ไม่ได้ ผมลุกพรวดเดินหนีมาทันทีจุดหมายคือห้องเรียนเดินจากตึกประธานต้องใช้เวลาประมาณห้าถึงสิบนาที

    “ขอโทษครับที่มาสาย” ผมขอโทษอาจารย์เนื่องจากสายไปห้านาที

                    “ไม่เป็นไรจ้ะเข้ามาเลย” ผมพยักหน้า 

    ที่นั่งซึ่งยังเหลือว่างอยู่มีเพียงแถวริมหน้าต่าง

                    “ไปเข้าห้องน้ำนานจังนะจ๊ะ ริมิจัง”

              “ริมิไปถ่ายหนักมาค่ะ”

                    อาจารย์เอ่ยกับสาวผมสีส้ม ตาสีม่วง...เอ๊ะหรือว่า ยัยนั่น ผมมองดูดีๆอีกทีใช่เลย ยัยนั่นจริงๆด้วย ดั๊นเรียนห้องเดียวกันอีก  เธอเดินมานั่งข้างๆผม

                    “เป็นเพื่อนกับริมินะ”ยังไม่จบนะยัยริมิ

                    “......”ผมทำเป็นไม่สนใจเธอ

                    “หลังเลิกเรียนซาโตริมาเจอริมิที่ห้องประธานนักเรียนหญิงไม่เกินสี่โมงสัญญานะ ห้ามเบี้ยวห้ามสายเข้าใจแล้วนะ”

    เธอพูดเองเออคนเดียวก่อนจะทิ้งให้ผมนั่งเป็นไอ้เอ๋อ ว่าแต่มันมีห้องประธานนักเรียนหญิงด้วยเหรอ

    ในเวลาพักเที่ยงผมเดินไปโรงอาหารอย่างเนิบๆ คนเยอะเป็นบ้าแต่ผมก็สามารถซื้อข้าวกระเพาไข่ดาวได้เพราะใช้สิทธิ์รัดคิวของประธานนักเรียน(เลวจริงๆ) สายตาผมไล่หาที่นั่งซึ่งว่างอยู่ที่นึงไม่เชิงว่าว่างหรอกเพราะมีผู้หญิงนั่งอยู่ก่อนแล้วด้วยสีหน้าบึ้งตึง เธอคือยัยริมิ ทั้งๆที่นั่งได้ตั้งสิบคน แต่ทำไมเธอนั่งคนเดียวล่ะ เธอไม่มีเพื่อนจริงๆเหรอ ผมตรงไปนั่งตรงข้าม เธอมองหน้าผมแบบแปลกๆ

                    “ซาโตริคุงมานั่งนี่ทำไมใครอนุญาติ” อ้าว ยัยนี่ ผมจะนั่งต้องขออนุญาตเธอก่อนรึไง

              “ผมจะนั่งนี่ เธอมีปัญหาเหรอ” สาวตรงหน้าผม ลุกอย่างรวดเร็วพร้อมกันนั้นจานข้าวของเธอก็ลอยมาโปะหัวผม  “ใช่ริมิมีปัญหา”เธอเดินเชิดออกไป มิน่าล่ะถึงไม่มีใครคบก็นิสัยอย่างนี้แหละนะ ดีนะที่ผมไม่อยากเป็นเพื่อนเธอ

                    “ประธานไม่เป็นอะไรนะคะ” นักเรียนหญิงคนหนึ่งถามผม แต่ผมโดนจนชินแล้วล่ะอีแบบนี้ โดนเน็กมันแกล้งบ่อย

                    “ผมไม่เป็นไร”ผมลุกไปห้องน้ำเพื่อล้างหัวตัวเอง แย่ชะมัดหัวผมส่งกลิ่นเหม็นอย่างแรงฝากไว้ก่อนเถอะยัยบ้าผมไม่ยอมเป็นเพื่อนกับเธอแน่ ออกมาหน้าห้องน้ำ ริมิยืนดักรออยู่

    “จะมาขอโทษเหรอ” ผมเอ่ย

    “อืม ริมิขอโทษนะ เมื่อกี้ไม่ได้ตั้งใจ”ทำหน้าเศร้าได้ไม่เนียนเลยนะเธอ ผมเดินผ่านเธอไปโดยไม่สนคำขอโทษแม้แต่นิดเดียว

    ชาร์จเนื้อเรื่อง ริมิ

                    ฉัน ยุสึกิ   ริมิ ค่ะ เป็นนางเอกของนิยายเรื่องนี้นะคะ ฉันมีพลังพิเศษเหมือนกันน้า นั่นคือการมองเห็นด้ายแดงหรือเรียกได้อีกอย่างนึงว่าเส้นเนื้อคู่ของคนแต่ละคนค่ะ และเส้นเนื้อคู่ของฉันคือซาโตริ เมื่อไหร่เขาจะมาสักทีนะนัดไว้ตอนสี่โมงเย็น แต่นี่ปาเข้าไปห้าโมงแล้วแต่ซาโตริก็ยังไม่มา นั่งรอจนปวดสะโพกแล้วนะ

    “ติ๊ดดดดดดด”ฉันดูหน้าจอมือถือมันโชว์เบอร์ไม่รู้จัก ด้วยความอยากรู้ฉันจึงกดรับสาย

                    “เอ่อ...ใครคะ”

    (ว่าไงริมิ) เอ๊ะเสียงผู้ชายนี่นาริมิไม่เคยให้เบอร์ผู้ชายคนไหนมาก่อนเลยนะ

    “คุณคือใครคะ”

    (ผมไงคนที่เธออยากเป็นเพื่อนด้วย)

    “ซาโตริไม่เห็นมาหาริมิเลย เราตกลงกันแล้วนะ”ซาโตริมีเบอร์ริมิได้ไงกัน

    (เธอพูดเองเออเองน่ะสิ)

    “แล้วซาโตริจะมาไหม”ริมิตอบอย่างใจเย็น

    (ไปหาเธอน่ะนะ ไม่มีทางซะล่ะ... ติ๊ด) ตานั่นวางสายไปแล้ว นายอย่าคิดเลยว่าพรุ่งนี้จะรอด เงื้อมือริมิไปได้ พรุ่งนี้นายต้องตาย

    ในเช้าของวันถัดมา ริมิมานั่งอ่านหนังสือรอนายซาโตริในห้องเรียน และคิดแผนจัดการไปด้วย ริมิมีแผนว่าจะใช้สันหนังสือไปขู่นายนั่นให้มาเป็นเพื่อนกันซะ

    “โฮะๆๆๆๆ” คนในห้องเรียนต่างมองริมิเหมือนคนบ้า

    “อ๊ะ ริมิทำอะไรไปเนี่ยทุกคนอย่าสนใจเลยนะจ๊ะ” พูดแก้เก้อ

    “ฮ้าว อะไรกันนี่วันนี้” เสียงนี้ซาโตริชัวร์ๆ เขาเดินมานั่งข้างๆริมิ นายไม่รู้สึกถึงสายตาอาฆาตเลยรึไงยะ

    “อ้าวนี่เธอ มาตั้งแต่เมื่อไหร่”แม้แต่ฉันที่นั่งหัวโด่อยู่ตรงนี้ ตานี่ยังไม่แลมอง

    “มาตั้งนานแล้วล่ะ ดูซาโตริไม่กลัวริมิเลยนะ”

    “กลัวทำไมล่ะ”จบคำพูดของเขาริมิก็จัดการใช้สันหนังสือเพล่งกบาลเขาทันที ซาโตริกุมหัวตัวเองและร้องโอดโอย

    “ทำอะไรของเธอเนี่ย” นายอย่ามาแอ๊บไม่รู้นะยะ

    “เมื่อวานซาโตริไม่มาหาริมิทั้งที่สัญญากับริมิแล้วด้วย”

    “ริมิคิดเองเออเองไม่ใช่เหรอ” ฉันคิดเองเออเองที่ไหนเล่า เห็นนายไม่ตอบก็นึกว่านายไม่ปฏิเสธ ถ้าไม่อยากมาก็พูดมาตรงๆเหอะ(เข้าข้างตัวเองสุดฤทธิ์นะเธอ)

    “นายไม่อยากมาหาริมิใช่ไหมล่ะ”

    “ แน่นอน ผมไม่อยากไปเพราะริมิ นิสัยอย่างนี้ไง เมื่อวานตอนกลางวันก็ทีนึงแล้วผมอยู่มาสี่ปียังไม่เคยเจอคนแบบริมิเลย ผมเกลียดริมิ” ฉันพยายามกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหล และวิ่งหนีออกจากห้องเรียนไปยังดาดฟ้าของตึก ผู้ชายคนนั้นไม่ใช่เนื้อคู่ของฉันแน่ๆ ทำไมเส้นด้ายสีแดงจะต้องไปผูกอยู่ที่นิ้วก้อยเขาด้วยนะ

     

    ชาร์จเนื้อเรื่อง ซาโตริ

    เฮอะ  วิ่งหนีไปไหนล่ะนั่น ช่างเหอะเดี๋ยวพอเริ่มเรียนก็มาเองแหละ ตอนนี้ผ่านไปจนถึงพักเที่ยงแล้วแต่ริมิก็ยังไม่มาไปทำอะไรอยู่ที่ไหนนะ น่าเป็นห่วงจริงๆผมพูดแรงไปรึเปล่า(โคตรแรง) เอาแบบนี้ดีกว่าถ้าเลิกเรียนแล้วริมิยังไม่มาผมจะไปตามหาเธอ

    “ทุกคนกลับบ้านได้พรุ่งนี้อย่าลืมเอาการบ้านมาส่งด้วยนะ” เลิกเรียนแล้วแต่ยังไม่เห็นริมิเลยหายไปไหนนะหรือว่าจะไปฆ่าตัวตาย เฮ้ยไร้สาระ

    “ซาโตริ นายจะไปไหน”  ดาร์ก...

    “ไปหาผู้หญิงที่มาตีหัวผมเมื่อเช้า”

    “อ๋อ เมื่อเช้าฉันก็เห็น แต่นายว่าเขาแรงไปเปล่า”

    “ผมก็เลยจะไปขอโทษเธอนี่ไง”

    “งั้นฉันช่วยหาแล้วกัน”ดาร์กเสนอตัว

    “ขอบใจ”  นี่เป็นครั้งแรก ที่ผมบอกขอบคุณคนอื่นที่ไม่ใช่พ่อ แม่ คุณปู่ นายควรดีใจนะดาร์ก

    “ฉันจะไปดูที่โรงอาหาร”

    “ผมไปด้วย” พวกเราสองคนเดินไปโรงอาหารด้วยกัน หวังว่าจะเจอริมิ ทว่า ดันเจอไอ้เน็กซะได้ แถมอยู่กันเป็นขโยงเลย พวกผมพยายามจะเดินหลบๆแต่ก็ไม่พ้นสายตาไอ้เน็ก

    “จับมันให้ได้” เน็กออกคำสั่ง ไอ้พวกลูกน้องที่นั่งกินข้าวอยู่ก็ร่อนจานข้าวมา จานข้าวนะโว้ยไม่ใช่จานร่อนไม่กลัวบาปบ้างรึไง ผมกับดาร์กวิ่งหนีแต่ไม่ว่าจะหนีไปทางไหนลูกน้องของเน็กก็ล้อมไว้หมด มีทางเดียวคือดาดฟ้าของโรงเรียน ตัดสินใจได้แล้วผมก็ลากดาร์กขึ้นมาด้วยพลางคิดหาวิธีหนีเอาตัวรอดไปพลาง เมื่อขึ้นมาถึงดาดฟ้า คนที่ผมตามหา เธออยู่บนนี้ แต่เธอแปลกออกไปตรงที่ปลายนิ้วทุกนิ้วจะมีด้ายแดงพันไว้อยู่ และตรงหน้าของเธอคือปีศาจลักษณะคล้ายแมลงตาเธอโตเมื่อเห็นผม

    “นายขึ้นมาทำอะไรบนนี้หนีไปซะ”ริมิตะโกนให้ผมหนี แต่ผมไม่หนีไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม เจ้าปีศาจมันใช้ขาพลุ่งมายังร่างของผมที่ยืนนิ่ง ผมต้องหลบสิทำไมขามันก้าวไม่ออกเลย

    “ฉึก อ๊าาาาาาาาาาาา” ริมิใช้ตัวเองเป็นเกาะกำบัง เธอช่วยผมไว้ ทำไมกันทั้งๆที่ผมด่าเธอขนาดนั้น เสียงของริมิที่กรีดร้องด้วยความเจ็บนี่อีกทำให้ผมโมโหและรู้สึกเจ็บจี๊ดที่หัวใจได้ขนาดนี้เลยเหรอแถมน้ำใสๆที่เอ่อล้นเบ้าตานี่ล่ะผมรู้สึกยังไงกันแน่ เน็กวิ่งขึ้นมาพร้อมลูกน้องอีกสิบห้าคน

    “นั่นมันตัวอะไร”เน็กถามผม แต่ผมไม่มีกะจิตกะใจจะตอบ ที่รู้ก็คือบรรดาลูกน้องของเน็กต่างวิ่งหนีตายกันไปหมดแล้ว

    ตายแน่ ตายแน่ ข้างหลังก็ไอ้เน็กนักเลงหัวไม้ประจำโรเรียน ข้างหน้าเป็นปีศาจที่เพิ่งฆ่าเพื่อนผมตายไปหมาดๆ(ไม่เชิงว่าเป็นเพื่อน) เธอเป็นเพื่อนหญิงคนแรกของผม ปีศาจมันพลุ่งขามาทางนี้แล้ว หลบไม่ทันแน่ ผมหลับตาปี๋ กึกไม่เห็นเจ็บเลย ผมน่าจะโดนมันเสียบแล้วนี่นา ค่อยๆลืมตาขึ้นช้าๆ สิ่งที่อยู่ตรงหน้าผมทำให้ผมต้องถอยกรูด

                     ขาแหลมเล็กของไอ้ปีศาจอยู่ห่างจากผมแค่สองมิน รอบๆตัวไม่มีสิ่งใดเคลื่อนไหว มันเกิดอะไรขึ้น

    “อยากช่วยริมิมั้ยหนุ่มน้อย” เสียงไม่ทุ้มเกินไม่สูงเกินดังมาจากข้างหลัง ผมจึงหันไปมอง เห็นร่างของปีศาจตัวเล็กๆสีดำ ลักษณะคล้ายจิ้งจอก

    “ก..แกเป็นปีศาจ”

    “ไม่สุภาพเลยนะ ฉันชื่อปริทาด้า เป็นภูตที่สิงสถิตโรงเรียนนี้ต่างหาก อยากให้ช่วยไหม”

    “แกจะช่วยอะไรฉันได้”

    “ฉันช่วยนายได้และกันแต่ก่อนจะช่วย ฉันต้องถามก่อนว่า นายจะรับเรื่องทั้งหมดที่จะเกิดต่อจากนี้ได้ไหม”ผมพยักหน้า

    “แม้ว่าเรื่องที่ได้รับจะต้องวนเวียนตามหลอกหลอนนายไปตลอดน่ะเหรอ”ปีศาจตัวเล็กๆเอ่ยเสียงเรียบ อย่ามาทำเป็นห่วงหน่อยเลย

    “บอกวิธีมาสักทีเถอะน่า” ตอนนี้ผมยอมได้ทุกอย่างไม่ว่าจะต้องเสียอะไรก็ตาม

    “อธิฐานสิ” ริมิ ผมขอโทษ  ผมมันโง่จริงๆ ที่เธอต้องการเป็นเพื่อนกับผมเพราะเธอเห็นว่าผมไม่เคยมีเพื่อนที่สามารถพึ่งพาได้สักคน ส่วนเพื่อนร่วมห้องก็แค่เพื่อนคุยเวลาผมมีปัญหาทีไรไม่เคยมีใครช่วยผมสักคนแต่เธอคนนี้ไม่เหมือนกัน ริมิไม่ลังเลที่จะช่วยผมแม้แต่นิดเดียว แล้วก็ตอนนั้นอีกที่เธอเอาจานข้าวมาโปะหัวผม แล้วเธอมาขอโทษ ริมิไม่ได้ตั้งใจเพราะตอนนั้นริมิอารมณ์ไม่ค่อยดี ผมมันซื่อบื้อที่สุด ดังนั้นฟื้นกลับมาริมิผมอยากเป็นเพื่อนกับริมิ

    “โอ๊ยยย อ๊ากก” อยู่ดีๆก็เจ็บหน้าอก มันอะไรกัน ผมโดนไอ้ปีศาจร่ายมนต์ใส่รึเปล่าเนี่ย

    “โอ๊ยยยยยย” เจ็บเป็นบ้าเลย แต่ถ้านี่สามารถช่วยริมิได้ล่ะก็ผมทนได้ แสงสีฟ้าส่องแสงมาจากตัวผมและก็มีแท่งอะไรสักอย่างยาวพอๆกับไม้บรรทัด โผล่ออกมาก่อนจะหายเข้าไปในตัวผมอีก ความเจ็บปวดหายไปแล้ว

    “ตอนนี้นายเป็นโซลมิสเทสเหมือนริมิเรียบร้อย”เหมือนริมิหมายความว่าริมิก็เป็นแบบเดียวกับผมน่ะสิ

    “แท่งเมื่อกี๊มันคืออะไร”

    “มันคือโซลริมิท เป็นที่เก็บรวบรวมพลังวิญญาณซึ่งมีจำกัดใช้แล้วหมดแต่ก็เติมได้”

    “เติมยังไง”

    “พลังของนายมันทรงอนุภาพที่สุดดังนั้นใช้ระวังๆ หน่อย และก็นะหลังจากนี้สิ่งที่นายเห็นหรือสัมผัสจะต่างออกไปจากเดิมมากเพราะพลังของนายได้เปลี่ยนทุกอย่างเรียบร้อยแล้วล่ะ” พูดจบเจ้าปีศาจก็หายไป ป่ะโถ่น่าจะบอกกันก่อน ริมิไม่เห็นฟื้นเลยนี่นามันหลอกผมรึเปล่า แต่เดี๋ยวนะตอนนี้ทุกอย่างยังถูกหยุดเวลาไว้อยู่เลยนี่นา ผมน่าจะมีพลังอะไรสักอย่างที่ทำให้เวลาเดินได้ ออกมาสิพลังของผม วิ้ง อยู่ดีๆนาฬิกาพกสีแดงสดก็มาปรากฏในมือไอ้นาฬิกานี่จะช่วยได้เหรอ  ผมเปิดมันข้างในไม่มีเข็มนาทีไม่มีเข็มชั่วโมง หรือว่าพลังของผมคือการย้อนเวลาและหยุดเวลาได้ ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงก็ต้องจัดการปีศาจก่อน เอาล่ะเจ้านาฬิกามีดีอะไรโชว์มาเลย วิ้ง นาฬิกาพกกลายเป็นปืนรีวอลเวอร์สีแดงสด ผมจัดการเล็งปืนไปที่มันทันที ยิงติดต่อกันหกนัดรวด ผมเปลี่ยนปืนกลับไปเป็นนาฬิกา

    “เวลาจงเดิน” สิ้นเสียงของผมเวลาก็กลับมาเดินอีกครั้ง

    “อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกก” เจ้าปีศาจร้องอย่างทรมาน แค่นี้ยังไม่สาสมกับสิ่งที่แกทำกับริมิหรอกร่างของมันค่อยๆสลายไป เป็นเหมือนเท่าธุรี

    “สำเร็จ ฆ่ามันได้แล้ว” ผมเด้งตัวดีใจสุดขีด พลางหันไปมองดาร์กกับเน็ก พวกมันทำหน้าเหวอไปตามๆกัน

    “หน้าผมมันมีอะไรติดรึไง”

    “.....”ถามแล้วไม่ตอบไอ้พวกนี้นิ

    “ซาโตริคุงกลายเป็นผู้หญิงนี่จ๊ะ พวกเน็กก็เลยตกกะใจ” เสียงนี้ริมิ เธอฟื้นแล้ว เธอไม่ตาย เย้ แต่เดี๋ยวนะเมื่อกี๊ริมิบอกว่าผมกลายเป็นผู้หญิงเหรอ บ้าไปแล้ว

    “ขอกระจกหน่อย”ผมบอกริมิ

    “นี่จ้ะกระจก” ริมิส่งกระจกพกพาลายคิตตี้อันเล็กๆให้ผมมาส่องหน้า

    “เฮ้ย ป...ป...เป็นอย่างนี้ได้ยังไง”สิ่งที่ผมเห็นในกระจกคือผู้หญิงในชุดนักเรียนชาย หน้าของผมที่กลายเป็นผู้หญิง ช่างสวยเหลือเกิน ผมยาวสีแดง นัยน์ตาสีทับทิม มีหน้าอกหน้าใจด้วย น้องชายผมหายไปแล้วรู้สึกโหวงเหวงอะ

    “ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆ” ริมิระเบิดเสียงหัวเราะ มีอะไรน่าขำหรอเธอ ผมเหล่มองไอ้เน็กมันหายไปแล้ว ส่วนดาร์กยังคงนั่งมึน           “มันเป็นไปไม่ได้ฉันไม่เชื่อ” ดาร์กไม่เชื่อก็ต้องเชื่ออะนะ

    “ดาร์กครับเก็บไว้เป็นความลับระหว่างเราสามคนได้ไหม” ดาร์กพยักหน้า

    “แล้วไอ้เน็กล่ะ” ดาร์กถาม

    “ช่างมันเหอะ”

    ผม ตามด้วย ริมิ และ ดาร์ก แวะเก็บสมุดหนังสือที่ห้องเรียนก่อนจะแยกย้ายกลับบ้าน ดาร์กกลับบ้านโดยพ่อมารับ ส่วนผมกับริมิโบกรถแท็กซี่กลับด้วยกัน  ในเวลาต่อมาก็ถึงบ้านของริมิ แต่ก็ใกล้บ้านผมมากด้วยถัดไปสี่หลังเองบังเอิญจริงๆ

    “ริมิพวกเราสองคนเป็นเพื่อนกันแล้วนะ”

    “จริงเหรอจ๊ะ” ริมิดีใจยิ้มออกนอกหน้า

    “ครับ พรุ่งนี้ไปรับผมที่บ้านด้วยนะ”

    “จ้า ราตรีสวัสนะจ๊ะ”ริมิโบกมือลาแล้วเดินเข้าบ้าน

    “ราตรีสวัสครับ” ผมโบกมือตอบ ก่อนจะเดินไปหยุดอยู่หน้าบ้านของตัวเอง เอาไงดีผมจะเข้าบ้านไปด้วยสภาพนี้ได้ยังไง เวอร์ชั่นหญิงนี่นะ ถ้าแม่เห็นมีหวังหัวใจวายตาย เข้าทางหน้าต่างห้องนอนดีกว่ามั้ง  แกร๊ก แอ๊ด เสียงประตูที่ไม่รู้ว่าได้เคยหยอดน้ำมันบ้างหรือป่าวเปิดออก แย่แล้ว ผมจะซ่อนตรงไหนดี

    “นั่นใครน่ะ” แม่มาเองเยยเหยอ ฮือ ตายแน่ แม่ผมหัวใจวายตายแน่(แช่งแม่ตัวเองอีก) น่าจะปีนเข้าทางหลังบ้านตั้งแต่แรก เอาวะเป็นไงเป็นกันถ้าอธิบายแม่ต้องเข้าใจชัวร์ สู้เว้ย

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×