ลำดับตอนที่ #2
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : #ฟิคเสี่ยไม่บอกคยอง ≡ 01
01
แต่บอกตอนนี้ไม่รู้จะเร็วไปหรือไม่
ก็ยังไม่รู้ว่าเธอคิดเช่นไร..
ก็ยังไม่รู้ว่าเธอคิดเช่นไร..
เสียงเครื่องยนต์ของรถหรูแบรนด์ดังเคลื่อนมาจอดภายในลานจอดรถของมหา'ลัยชื่อดัง มือใหญ่ของเจ้าของรถหรูเอื้อมขึ้นจากพวงมาลัยมาเสยผมสีบรอนซ์สว่าง จัดการจัดแจงส่งผมและแว่นกันแดดที่วางอยู่บนใบหน้าหล่อของตัวเองให้ดูดีขึ้น เมื่อจัดแจงตัวเองกับกระจกส่องหลังเสร็จเรียบร้อย มือใหญ่จึงเลื่อนไปไปกดเปิดประตูรถและขายาวก็ทำหน้าที่เคลื่อนย้ายกายแกร่งลงมาจากเครื่องยนต์
ขายาวสองข้างก้าวฉับๆไปตามทางด้วยฝีเท้าที่เนิบนาบ กุญแจเหล็กในมือถูกควงเล่นอย่างเพลิดเพลินอารมณ์ และเมื่อมาถึงในสถานที่ที่เป็นกิจวัตรประจำวันของทุกคนที่ต้องเดินผ่านเพื่อเดินไปเข้าตึกของวิชาที่ตนเรียน สายตาคมก็จัดการสแกนหากลุ่มเพื่อนซี้ที่เปลี่ยนที่นั่งไม่เว้นแต่ละวันแทนที่จะนั่งเป็นฝักเป็นฝั่ง
"เฮ้ย ไอ้จงอิน" เสียงใหญ่ของเพื่อนตัวสูงดังขึ้นเมื่อสังเกตเห็นเพื่อนซี้ของตนกำลังยืนสอดส่องหากลุ่มของตนอยู่
"ไงมานั่งหลังสุดวะเนี่ย" เมื่อเคลื่อนย้ายตัวเองมาถึงโต๊ะไม้ยาว ก็จัดการหย่อนก้นลงกับที่นั่งทันทีพร้อมกับตั้งคำถามใส่เพื่อนๆในกลุ่ม
"เปลี่ยนบรรยากาศมั้งวะครับ" แบคฮยอนที่ละออกมาจากหน้าจอโทรศัพท์ในมือเอ่ยตอบคำถาม
"เปลี่ยนทำไมวะ เดี๋ยวก็มองไม่เห็นพอดี..." จงอินขมวดคิ้วมุ่นเมื่อนึกถึงจุดประสงค์ของเขาที่ต้องมานั่งที่นี่ตั้งแต่เช้าแทนที่จะเดินขึ้นตึกไปนั่งตากห้องแอร์เย็นฉ่ำ และที่สำคัญวันนี้เขามีเรียนคาบบ่าย..
"เอ้าไอ้นี่ มึงดูแดดสิครับนี่ถ้าไม่รู้ว่ากูเกิดที่โซลนะกูนึกว่ากูอยู่เมืองไทย" ชานยอลที่นั่งร้อนตับแตกและกำลังเลิกแขนเสื้อขึ้นบอกกับจงอินที่รู้สึกว่ามันไม่รู้จักเจียมตัว
"แต่เพื่อคนคนนั้นกูก็ต้องยอมนะเว้ย"
"มึงยอมแต่เพื่อนมึงมันไม่ยอมนะสิครับ"
"ทนหน่อยไม่ได้หรอวะ จะได้เห็นชัดๆ"
"งั้นเดี๋ยวกูสั่งซื้อกล้องส่องทางไกลให้มึงละกัน"
"กวนตีนละมึงเดี๋ยวคนเขาก็คิดว่ากูบ้า"
"แล้วนี่มึงไม่บ้าหรอวะ นี่ไม่บอกว่ามึงชื่อจงอินกูนึกว่าเด็กดมกาว"
"มึงเคยแดกนมพร่องมันเนยมั้ยวะ"
"ไม่ครับกูไม่เคยแดกครับ" ชานยอลส่ายหน้ารัวเร็วเมื่อเห็นถึงรังสีอำมหิตที่โผล่พ้นมาจากรอบตัวของจงอิน ส่วนจงอินก็ได้แต่ส่งสายตาขวางๆไปให้เพื่อนซี้ที่นั่งอยู่ตรงข้ามและคั่นด้วยแบคฮยอนที่นั่งจิ้มเล่นโทรศัพท์เหล่สาวไปทั่ว
สายตาคมละสายตาจากการมองเพื่อนซี้มามองผู้คนมากมายที่เดินขวักไขว่กันตามทางของใครของมัน หากแต่ก็มีหญิงสาวคนหนึ่งที่ตั้งใจเดินเฉียดมาทางกลุ่มโต๊ะเขาทั้งที่มันตั้งอยู่ในสุด หญิงสาวสวยส่งยิ้มเย้ายวนมาให้จงอินที่นั่งอยู่ตรงหน้า และจงอินเพียงได้แค่ส่งยิ้มกลับไปตามมารยาทแต่อาจส่งไปไม่ถึงสายตาที่เมื่อก่อนคงจะหยาดเยิ้มไม่ต่างจากหญิงสาว
เมื่อเห็นว่าตัวเหยื่อไม่เล่นด้วยแถมยังทำเมินเฉย ร่างอรชรก็ทำได้แค่เดินฟิดฟัดจากไปทิ้งไว้ให้แค่ความเสียดายของชานยอล ที่มองหญิงสาวตาเป็นมัน
"ออกจะสวยไมไม่ควงวะ"
"มึงก็รู้" จงอินละสายตาจากผู้คนหันไปตอบชานยอล แววตาคมที่มีความจริงใจอยู่เต็มล้นถูกส่งไปให้เพื่อนชายซึ่งชานยอลก็เข้าใจเป็นอย่างดี
"เอ้อ กูลืมไปมึงไม่ใช่เหมือนเมื่อก่อน"
"ถ้ามึงเจอเหมือนกูมึงจะรู้สึกเอง"
"เออๆ รอให้กูเจอก่อน"
"เฮ้ยๆ พวกมึงๆมาแล้ว มาแล้ว" แบคฮยอนที่นั่งหน้าอยู่หน้าสุดเอ่ยขึ้นเสียงดังเมื่อละสายตาจากหน้าจอเพื่อตั้งใจจะหยิบหาน้ำมาดื่มแต่แล้วก็สังเกตเห็นร่างเล็กที่เดินมากับอีกคนที่เขาเดาว่าน่าจะเป็นเพื่อนกัน
จงอินหันขวับมามองทันทีจนคนเป็นเพื่อนก็อดกลัวว่าเพื่อนของตนจะคอเคล็ดไม่ได้ ชานยอลได้แต่เบ้ปากและหันไปมองบ้าง ถึงจะได้เจอกันทุกวันตั้งแต่ที่เพื่อนเขาลากมานั่งตั้งหลักตรงนี้เมื่อสืบพบว่าร่างเล็กจะเดินผ่านมาทางนี้ทุกวันแต่ยังไงก็ยังไม่เห็นถึงความน่ารักน่าชังของเจ้าตัวที่จงอินชอบเพ้อบ่อยๆ
และเมื่อใบหน้าหล่อเหลาแต่ทะมึนทึนของชานยอลหันไปมอง ดวงตากลมโตที่เหมือนจะโตกว่าคนปกติทั่วไปแล้วต้องเบิกโพลงขึ้น ริมฝีปากเผลออ้าออกอย่างไม่ตั้งใจจนเกือบหมดหล่อ หากแต่ใช่ว่าสิ่งเหล่านั้นชานยอลจะไปใส่ใจ เพราะเมื่อเห็นคนที่เดินเคียงข้างคยองซูของไอ้จงอินแล้วเขาก็สามารถฟันธงได้เลยว่า คนตัวเล็กคนนั้นคือ เมียของเขาในอนาคต
"นางฟ้าของกู..."
"แม่ของลูกกูในอนาคต..."
"เพ้ออะไรของพวกมึงวะ" แบคฮยอนพูดดักเพื่อนทั้งสองจนฝันสลายพร้อมกับส่ายหน้าเบาๆ และจัดการเบิร์ดกระโหลกไปคนละหนึ่งที
"ทำเชี่ยไรของมึงวะไอ้หมา" ชานยอลพูดขณะที่มือกำลังคำหัวป้อยๆตรงที่แบคฮยอนพึ่งจัดการตบหัวไปหมาดๆ ความเจ็บแสบจากแรงตบทำให้ชานยอลต้องซีดปากอย่างเจ็บปวด
"เอ้า ก็เห็นพวกมึงมองกันน้ำลายจะสดออกจากปากอยู่แล้ว ดีนะที่กูพูดดักก่อนไม่งั้นภาพพจน์มึงหมดหล่อแน่ๆ" แบคฮยอนพูดจิ๊จ๊ะและควานหาโทรศัพท์มากดเล่นทันทีโดยไม่สนใจเพื่อนพ้องที่กำลังสอดส่องมองหาคนที่ทำให้ตัวเองเพ้อไปถึงหลายนาที
"บิดามารดามึงดาย" ชานยอลพูดเบาๆพอให้แค่ได้ยินตัวคนเดียวเพราะถ้าหากคนที่นั่งจิ้มเล่นโทรศัพท์ได้ยินมีหวังภาพพจน์เขาล่มสลายจริงๆแน่
ขายาวสองข้างก้าวฉับๆไปตามทางด้วยฝีเท้าที่เนิบนาบ กุญแจเหล็กในมือถูกควงเล่นอย่างเพลิดเพลินอารมณ์ และเมื่อมาถึงในสถานที่ที่เป็นกิจวัตรประจำวันของทุกคนที่ต้องเดินผ่านเพื่อเดินไปเข้าตึกของวิชาที่ตนเรียน สายตาคมก็จัดการสแกนหากลุ่มเพื่อนซี้ที่เปลี่ยนที่นั่งไม่เว้นแต่ละวันแทนที่จะนั่งเป็นฝักเป็นฝั่ง
"เฮ้ย ไอ้จงอิน" เสียงใหญ่ของเพื่อนตัวสูงดังขึ้นเมื่อสังเกตเห็นเพื่อนซี้ของตนกำลังยืนสอดส่องหากลุ่มของตนอยู่
"ไงมานั่งหลังสุดวะเนี่ย" เมื่อเคลื่อนย้ายตัวเองมาถึงโต๊ะไม้ยาว ก็จัดการหย่อนก้นลงกับที่นั่งทันทีพร้อมกับตั้งคำถามใส่เพื่อนๆในกลุ่ม
"เปลี่ยนบรรยากาศมั้งวะครับ" แบคฮยอนที่ละออกมาจากหน้าจอโทรศัพท์ในมือเอ่ยตอบคำถาม
"เปลี่ยนทำไมวะ เดี๋ยวก็มองไม่เห็นพอดี..." จงอินขมวดคิ้วมุ่นเมื่อนึกถึงจุดประสงค์ของเขาที่ต้องมานั่งที่นี่ตั้งแต่เช้าแทนที่จะเดินขึ้นตึกไปนั่งตากห้องแอร์เย็นฉ่ำ และที่สำคัญวันนี้เขามีเรียนคาบบ่าย..
"เอ้าไอ้นี่ มึงดูแดดสิครับนี่ถ้าไม่รู้ว่ากูเกิดที่โซลนะกูนึกว่ากูอยู่เมืองไทย" ชานยอลที่นั่งร้อนตับแตกและกำลังเลิกแขนเสื้อขึ้นบอกกับจงอินที่รู้สึกว่ามันไม่รู้จักเจียมตัว
"แต่เพื่อคนคนนั้นกูก็ต้องยอมนะเว้ย"
"มึงยอมแต่เพื่อนมึงมันไม่ยอมนะสิครับ"
"ทนหน่อยไม่ได้หรอวะ จะได้เห็นชัดๆ"
"งั้นเดี๋ยวกูสั่งซื้อกล้องส่องทางไกลให้มึงละกัน"
"กวนตีนละมึงเดี๋ยวคนเขาก็คิดว่ากูบ้า"
"แล้วนี่มึงไม่บ้าหรอวะ นี่ไม่บอกว่ามึงชื่อจงอินกูนึกว่าเด็กดมกาว"
"มึงเคยแดกนมพร่องมันเนยมั้ยวะ"
"ไม่ครับกูไม่เคยแดกครับ" ชานยอลส่ายหน้ารัวเร็วเมื่อเห็นถึงรังสีอำมหิตที่โผล่พ้นมาจากรอบตัวของจงอิน ส่วนจงอินก็ได้แต่ส่งสายตาขวางๆไปให้เพื่อนซี้ที่นั่งอยู่ตรงข้ามและคั่นด้วยแบคฮยอนที่นั่งจิ้มเล่นโทรศัพท์เหล่สาวไปทั่ว
สายตาคมละสายตาจากการมองเพื่อนซี้มามองผู้คนมากมายที่เดินขวักไขว่กันตามทางของใครของมัน หากแต่ก็มีหญิงสาวคนหนึ่งที่ตั้งใจเดินเฉียดมาทางกลุ่มโต๊ะเขาทั้งที่มันตั้งอยู่ในสุด หญิงสาวสวยส่งยิ้มเย้ายวนมาให้จงอินที่นั่งอยู่ตรงหน้า และจงอินเพียงได้แค่ส่งยิ้มกลับไปตามมารยาทแต่อาจส่งไปไม่ถึงสายตาที่เมื่อก่อนคงจะหยาดเยิ้มไม่ต่างจากหญิงสาว
เมื่อเห็นว่าตัวเหยื่อไม่เล่นด้วยแถมยังทำเมินเฉย ร่างอรชรก็ทำได้แค่เดินฟิดฟัดจากไปทิ้งไว้ให้แค่ความเสียดายของชานยอล ที่มองหญิงสาวตาเป็นมัน
"ออกจะสวยไมไม่ควงวะ"
"มึงก็รู้" จงอินละสายตาจากผู้คนหันไปตอบชานยอล แววตาคมที่มีความจริงใจอยู่เต็มล้นถูกส่งไปให้เพื่อนชายซึ่งชานยอลก็เข้าใจเป็นอย่างดี
"เอ้อ กูลืมไปมึงไม่ใช่เหมือนเมื่อก่อน"
"ถ้ามึงเจอเหมือนกูมึงจะรู้สึกเอง"
"เออๆ รอให้กูเจอก่อน"
"เฮ้ยๆ พวกมึงๆมาแล้ว มาแล้ว" แบคฮยอนที่นั่งหน้าอยู่หน้าสุดเอ่ยขึ้นเสียงดังเมื่อละสายตาจากหน้าจอเพื่อตั้งใจจะหยิบหาน้ำมาดื่มแต่แล้วก็สังเกตเห็นร่างเล็กที่เดินมากับอีกคนที่เขาเดาว่าน่าจะเป็นเพื่อนกัน
จงอินหันขวับมามองทันทีจนคนเป็นเพื่อนก็อดกลัวว่าเพื่อนของตนจะคอเคล็ดไม่ได้ ชานยอลได้แต่เบ้ปากและหันไปมองบ้าง ถึงจะได้เจอกันทุกวันตั้งแต่ที่เพื่อนเขาลากมานั่งตั้งหลักตรงนี้เมื่อสืบพบว่าร่างเล็กจะเดินผ่านมาทางนี้ทุกวันแต่ยังไงก็ยังไม่เห็นถึงความน่ารักน่าชังของเจ้าตัวที่จงอินชอบเพ้อบ่อยๆ
และเมื่อใบหน้าหล่อเหลาแต่ทะมึนทึนของชานยอลหันไปมอง ดวงตากลมโตที่เหมือนจะโตกว่าคนปกติทั่วไปแล้วต้องเบิกโพลงขึ้น ริมฝีปากเผลออ้าออกอย่างไม่ตั้งใจจนเกือบหมดหล่อ หากแต่ใช่ว่าสิ่งเหล่านั้นชานยอลจะไปใส่ใจ เพราะเมื่อเห็นคนที่เดินเคียงข้างคยองซูของไอ้จงอินแล้วเขาก็สามารถฟันธงได้เลยว่า คนตัวเล็กคนนั้นคือ เมียของเขาในอนาคต
"นางฟ้าของกู..."
"แม่ของลูกกูในอนาคต..."
"เพ้ออะไรของพวกมึงวะ" แบคฮยอนพูดดักเพื่อนทั้งสองจนฝันสลายพร้อมกับส่ายหน้าเบาๆ และจัดการเบิร์ดกระโหลกไปคนละหนึ่งที
"ทำเชี่ยไรของมึงวะไอ้หมา" ชานยอลพูดขณะที่มือกำลังคำหัวป้อยๆตรงที่แบคฮยอนพึ่งจัดการตบหัวไปหมาดๆ ความเจ็บแสบจากแรงตบทำให้ชานยอลต้องซีดปากอย่างเจ็บปวด
"เอ้า ก็เห็นพวกมึงมองกันน้ำลายจะสดออกจากปากอยู่แล้ว ดีนะที่กูพูดดักก่อนไม่งั้นภาพพจน์มึงหมดหล่อแน่ๆ" แบคฮยอนพูดจิ๊จ๊ะและควานหาโทรศัพท์มากดเล่นทันทีโดยไม่สนใจเพื่อนพ้องที่กำลังสอดส่องมองหาคนที่ทำให้ตัวเองเพ้อไปถึงหลายนาที
"บิดามารดามึงดาย" ชานยอลพูดเบาๆพอให้แค่ได้ยินตัวคนเดียวเพราะถ้าหากคนที่นั่งจิ้มเล่นโทรศัพท์ได้ยินมีหวังภาพพจน์เขาล่มสลายจริงๆแน่
"ต้องขอโทษด้วยนะ ที่ต้องให้จงแดมาส่งอย่างนี้" เสียงหวานบอกขอโทษขอโพยคนข้างกายด้วยน้ำเสียงที่แสดงถึงความซาบซึ้งในน้ำใจของรุ่นน้องที่เห็นหน้าตาคราเล็กกันมาตั้งแต่เริ่มฝึกก้าวเดิน
"ไม่เป็นไรครับพี่คยองซู" ส่วนคนเป็นน้องที่ถูกขอโทษมายกใหญ่ก็ได้เอ่ยคำนี้ไปพร้อมกับฉีกยิ้มสดใสไปให้เพื่อรุ่นพี่ข้างกายสบายใจ
"นี่ถ้าไม่มีจงแด มินโฮคงเอาพี่ตาย" คยองซูพูดพร้อมกับนึกไปถึงหน้าแฟนหนุ่ม
"พูดถึงพี่มินโฮ ตอนนี้เขาไปไหนหรอครับปกติป่านี้ต้องมาเดินข้างพี่แทนผมละเนี่ย"
"เห็นบอกว่าต้องรีบมาทำรายงานอ่ะ" คยองซูพูดตามที่แฟนหนุ่มที่พึ่งต่อสายมาคุยเมื่อเช้า
"งั้นหรือครับ วันก่อนเขาก็พูดอย่างนี้"
"พี่ว่าเขาคงยุ่งๆนั่นแหละ" เสียงหวานพูดแก้ตัวให้มินโฮ แฟนหนุ่มสุดฮ็อตจากคณะมนุษย์ศาสตร์ คราแรกที่ชายหนุ่มรุ่นพี่ได้เห็นคยองซูก็ตกหลุมรักทันทีพร้อมรีบวิ่งไปซื้อดอกไม้มาจีบยกใหญ่จนคยองซูต้องอายหน้าแดงไปสองสามวัน หากแต่นั่นคืออดีตหลังจากที่ตกลงคบกันมาได้ประมาณสามเดือนเศษๆธาตุแท้ของแฟนหนุ่มก็เริ่มเผยฤทธิ์
ตั้งแต่เริ่มควงสาวๆไปทั่วมหาลัยไปจนถึงแอบมีความสัมพันธุ์ที่ลึกซึ้งกัน บางครั้งก็ออกไปเที่ยวดึกๆและกับมาพร้อมสภาพที่เละเทะไม่น่ามอง จนคยองซูก็เริ่มไม่แน่ใจและเริ่มละอายใจ หากแต่ก็ยังคงหลอกตัวเองไปวันๆ ปั้นน้ำสร้างเหตุผลขึ้นมาปลอบใจตัวเองเพื่อหวังว่าวันนึงมินโฮที่เขาเคยรู้จักจะกลับมาเหมือนเดิม
หากแต่สันดานก็ยังคงเป็นสันดาน...
"พี่คยองซูครับเป็นอะไรรึปล่าว ดูไม่สบายใจเลย"
"ไม่เป็นไรพี่สบายดี นี่ใกล้จะถึงตึกเรียนแล้วล่ะ" คยองซูเมื่อรู้ตัวว่าถูกทักก็แกล้งปั้นหน้ายิ้มเพื่อให้รุ่นน้องสบายใจ แล้วพยายามเปลี่ยนเรื่องใหม่
"งั้นหรือครับ มหา'ลัยพี่นี้สะดวกเนอะ ผมอยากมาเรียนที่นี้จัง" จงแดปั้นหน้าเศร้าแต่ก็แค่เสี้ยววินาทีเดียวและก็กลับมายิ้มสดใสเหมือนเดิม ใครจะไปรู้ว่าฉากหลังของเขานั่นช่างหน้าเศร้า คยองซูที่เห็นน้องพยายามปั้นรอยยิ้มที่ดูเหมือนจะส่งไปไม่ถึงสายตา ก็ยกมือขึ้นลูบหลังๆคล้ายให้กำลังใจ
"ไม่เป็นไรน่าจงแด มหา'ลัยนี่สอบชิงทุนได้อยู่น่า แถมยังเลือกเรียนได้ด้วยว่าจะอยู่คณะไหน ไม่ต้องเป็นห่วงหรอก"
"ครับ ผมจะพยายาม" จงแดปั้นหน้ายิ้มตอบ พวกเขาทั้งสองกำลังตกอยู่ภายในหลุมแห่งความกังวลและมืดมัว หากแต่ความหวังคือแสงส่องทางที่จะทำให้ทั้งสองก้าวเดินต่อไปโดยไม่ลังเล
"ถึงแล้วล่ะ ไปก่อนนะ" เมื่อถึงตึกเรียนคยองซูก็กล่าวลาจงแดและฉีกยิ้มไปให้ ส่วนจงแดก็ทำได้เพียงยิ้มบางๆไปให้พร้อมกับโบกมือไล่หลัง
♬ ฮัน กอลึม ฮัน กอลึม นอล ตาลา กอลอ ♬
เสียงริงโทนคุ้นหูของโทรศัพท์เครื่องบางที่ซุกอยู่กับกระเป๋ากางเกงแผดเสียงดังขึ้น รายชื่อเด่นหราที่ปรากฏอยู่บนหน้าจอโทรศัพท์พอจะทำให้จงแดยิ้มออก
"ฮัลโหลครับคุณลุง"
["ว่าไงลูก อยู่ที่ไหนล่ะลุงไม่หนูอยู่ในห้องเลย"]
"ผมมาส่งพี่คยองซูน่ะครับ"
["งั้นก็แสดงว่าหนูก็อยู่ที่มหา'ลัยน่ะสิ"]
"ครับ"
["ลูกจะรีบกลับหรือปล่าว"]
"ผมอยากจะอยู่มหา'ลัยต่อน่ะครับ เดี๋ยวว่าจะกลับพร้อมกับพี่คยองซู วันนี้พี่เค้ามีเรียนคาบเช้าวิชาเดียวครับ คุณลุงอยากได้อะไรมั้ยครับ"
["ไม่ล่ะ งั้นแค่นี้นะลูก ลุงจะทำงานอยู่"]
"ครับ"
เสียงสุดท้ายที่จงแดได้ยินคือเสียงที่ปลายสายตัดสายสนทนา จงแดได้แค่ยิ้มและมองดูโทรศัพท์อย่างซาบซึ้งใจ หากไม่มีคนคนนี้บางทีเขาอาจจะไม่ได้มายืนหัวโด่อยู่ตรงนี้หรอก
..ผู้มีพระคุณคือสิ่งล้ำค่า หาใช่พ่อแม่เราเพียงสิ่งเดียวหรือไม่ หากพ่อแม่ผู้ให้กำเนิดเรานั้นคิดทิ้งขว้าง จงอย่าคิดว่าพวกท่านคือพรประเสริฐ..
จงแดเคลื่อนย้ายตัวเองมาที่โต๊ะไม้ยาวซึ่งอยู่ติดกับทางเข้าออกของหน้าตึก จัดการดึงสายหูฟังราคาแพงที่จัดเก็บไว้อย่างดีด้วยความรักใคร่ สิ่งนี้เป็นสิ่งแรกที่จงแดได้รับตั้งแต่ได้เห็นหน้าผู้มีพระคุณคนนั้น
ผ่านมานับหลายปีแล้วที่จงแดไม่ได้ต้องโดดเดี่ยว ภาพชายวัยกลางที่ก้าวลงมาจากรถคันหรูที่จอดข้างทางเพื่อลงมาอุ้มเขาขึ้นรถเมื่อเห็นเด็กน้อยสั่นสะท้านไปทั้งตัวเนื่องจากความหนาวสั่นจากอุณหภูมิที่ติดลบ เสียงฟ้าร้องคำรามไปทั่วฟ้าสีเทาหม่น มือเล็กทั้งสองกอดชายหนุ่มแน่นเหมือนกลัวว่าร่าวตรงหน้าจะหายไป คำปลอบโยนที่มาพร้อมเสียงฝนที่กระทบกับพื้นถนนซีเมนต์สร้างความอบอุ่นให้เด็กน้อยอย่างประหลาดใจ เด็กน้อยถูกวางลงบนเบาะนุ่มอย่างไม่กลัวเปียก พร้อมกับเสียงเครื่องยนต์ที่ขับเคลื่อนไปยังถนนข้างหน้า นั่นคือสิ่งสุดท้ายจงแดจดจำมันได้และมันก็ยังคงคาตามาตลอดหลายปี...
TBC.
มาอัพแล้วค่ะ มันไม่สั้นไปใช่มั้ย TTOTT พยายามเรียบเรียงคำบรรยายให้ออกมาได้อารมณ์อย่างมากที่สุด ถ้าผิดพลาดตรงไหนติได้นะคะ ตัวละครทุกตวมีเหตุผลของมันค่ะ บางคนอาจไม่ค่อยชอบเท่าไหร่ที่เรื่องราวเป็นอย่างนี้ไม่ถูกใจอย่างนี้ แต่ยังไงก็ต้องยอมรับนะคะ ไม่ต้องกลัวดราม่าค่ะเพราะตัวประกอบคือตัวสร้างสีสัน 555
สุดท้ายฝากติดท้ายด้วยเน้อ #ฟิคเสี่ยไม่บอกคยอง
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น