คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : ๒ ยามเช้ากับเหล่าตะพด...
๒
ยามเช้ากับเหล่าตะพด...
------------------------------------
“กับข้าวเสร็จแล้วจ้า~”
“เย้~~~!!!”
เสียงร้องด้วยความดีใจดังขึ้น เมื่อกรรณิกา อำพัน ปานตะวัน และสุวานช่วยกันยกกับข้าวและข้าวสวยหวงสุกร้อนๆ มาวางที่โต๊ะอาหาร
“ทำน่าทานเหมือนเดิมนะจ๊ะแม่กรรณ” ลุงแดงยิ้ม
“ขอบคุณที่ชมนะลุงแดง” กรรณิกายิ้ม “เอาล่ะ ทานกันได้แล้ว พวกตะพดก็มาทานด้วยนะ เดี๋ยวจะไม่มีแรงกัน”
“จ้าาาา~~!!!”
ทุกคนนั่งตรงตำแหน่งประจำของตนแล้วลงมือรับประทานอาหารเช้ากันอย่างมีความสุขเหมือนทุกๆ ที
นี่ก็เกือบอาทิตย์แล้วหลังจากที่ท่านพ่อและท่านแม่ของพวกเธอเดินทางไปค้าขายยังเมืองนอก ส่วนพวกเธอก็อยู่ร่วมกับเหล่าตะพดหน้าตาดี (???) เหล่านี้ ในตอนแรกอาจจะยังไม่ค่อยลงรอยกันเท่าไรนัก (โดยเฉพาะกับนิตกาลและสีนิล เพราะทุกคนไม่ชินกับเสียงปลุก Ding~! และการพูดยืดยาวของทั้งคู่) แต่พออยู่ๆ เจ้าพวกนี้ก็น่ารักดีเหมือนกัน
“กรรณ เจ้าได้ข่าวแล้วใช่ไหม?” ปัณณ์ถามหลังจากกลืนอาหารในปากหมดแล้ว
“ว่า?”
“พี่เจ้ากับน้องเจ้าใกล้จะกลับจากต่างประเทศแล้วล่ะ” พิมพ์พูดขึ้นมาด้วยรอยยิ้มกว้าง
“จริงรึ ถ้างั้นก็ดีสินะ” กรรณิกายิ้มบาง “ข้าก็คิดถึงพวกเขาเช่นกัน”
“น่าอิจฉาจังนะเจ้าคะ” ปองใจถอนหายใจ “ท่านพี่ปวิธยังเรียนอยู่เมืองนอกอยู่เลย มิมีวี่แววว่าจะกลับมาเสียที...”
“มิเห็นจะต้องทำหน้ากังวลเยี่ยงนั้นเลยปองใจ” ปานตะวันยิ้มกว้างขณะที่วางช้อนลง “ท่านพี่ก็ส่งจดหมายกลับมาเป็นระยะๆ แค่นี้ก็ดีแล้วไม่ใช่เหรอ”
“นั่นสินะเจ้าคะ...” คนผมน้ำตาลอ่อนยิ้มจางๆ
“พวกท่านี่ดีจังนะ...” พิมพ์มองด้วยสายตาเสียดาย “ท่านพี่ข้าไปทำงานยังเมืองนอก นานๆ ถึงจะส่งจดหมายมาทักทายบ้าง ข้าเองก็มิมีพี่น้องคนอื่นแล้วด้วย พวกท่านพี่น้องเยอะกว่าข้าเสียอีก”
“มิต้องเศร้าไปหรอกขอรับ” สีนิลกล่าวขึ้นมา “รอบข้างท่านก็ยังมีทั้งท่านกรรณิกา ท่านปัณณ์ ท่านเปรมหทัย ท่านปานตะวัน ท่านปองใจ และยังมีพวกข้า มิมีเหตุจำเป็นอันใดที่ท่านต้องเศร้าไปหรอกขอรับ จะว่ากันตามจริงแล้ว การที่ท่านอยู่ด้วยตัวคนเดียวจะสามารถทำให้ท่าน อุ๊ก!”
“ขอบใจนะนิตกาล” ปัณณ์พูดกลั้วหัวเราะ เมื่อนิตกาลตัดสินใจหยุดวิธีพูดจาน้ำไหลไฟดับของสีนิลด้วยการตักข้าวในชามของสีนิลแล้วจับยัดเข้าปากทันที
“เอ้าอี้อันไอ๊อาอะอ้าดอิงๆ เอดไออึงอ้องอำแอบอี๊อับอ้าไอ้องออ” ถึงจะมีข้าวเต็มปาก แต่หนุ่มผิวเข้มก็ยังอุตส่าห์พูดต่อด้วยน้ำเสียงอู้อี้ พิมพ์เลยแถมกับข้าวไปอีกช้อน คราวนี้สีนิลเลยยอมสงบปากจนได้
“รีบกินกันเถอะจ้ะ เดี๋ยวข้าวจะชืดนะจ๊ะ” ลุงแดงยิ้มกว้าง ทุกคนจึงเริ่มรับประทานอาหารกันต่อ
...............................................................................
“อ้า~อิ่มท้องเสียจริง” ปัณณ์ว่าพลางบิดขี้เกียจเบาๆ ก่อนจะหยิบหนังสือพิมพ์รายวันขึ้นมาอ่านอย่างผ่อนคลาย ข้างๆ มีนิตกาลที่กำลังนอนกลิ้งบนพื้นเรือนสะอาดๆ อย่างสบายอารมณ์
“นอนกลิ้งแบบนั้นมิเมื่อยรึนิตกาล?” เด็กสาวหันมาถามคนผมทองด้วยน้ำเสียงขบขัน “ถ้าง่วงก็นอนบนเตียงข้าก็ได้นะ”
“ไม่ขอรับ master พื้นเย็นๆ สบายๆ อีกอย่าง กระผมมิบังอาจขึ้นไปนอนบนเตียงของ master หรอกขอรับ” นิตกาลว่าด้วยรอยยิ้ม
“อืม...ก็แล้วแต่เจ้า...” เธอว่าพลางพลิกหนังสือพิมพ์อีกหน้าขึ้นดู แล้วสะดุดตากับหัวข้อข่าวหนึ่ง
‘ร้านผลไม้เปิดใหม่แถว xxx ขายดีเป็นเทน้ำเทท่า ผลไม้ทั้งไทยและต่างชาติมากมาย สดอร่อยน่ารับประทาน!’
“ผลไม้งั้นรึ...” ร่างเล็กพึมพำก่อนจะยิ้มกว้าง
‘เห็นนิตกาลเปรยๆ ไว้ว่าอยากทานแอปเปิ้ลนี่นา มาเมืองไทยเลยมิค่อยได้ทานนัก ดีล่ะ งั้นออกไปซื้อมาฝากเสียหน่อยดีกว่า’
เมื่อตัดสินใจได้แล้ว นางจึงลุกขึ้นแล้วเดินไปหยิบอัฐสำหรับใช้จ่ายซื้อของ...
“Master จะไปไหนขอรับ~?” ตะพดหนุ่มที่นอนกลิ้งอยู่เงยหน้าขึ้นมองเจ้านายของตนที่ทำท่าราวกับจะออกไปข้างนอก “ให้กระผมไปด้วยมั้ยขอรับ?”
“มิเป็นไรหรอก ข้าไปเพียงครู่เดียวเท่านั้น จะไปหาของใหม่ๆ มาน่ะ” ปัณณ์รีบปฏิเสธ เพราะอยากจะให้ทำให้นิตกาลประหลาดใจ “เดี๋ยวข้าจะกลับมานะ”
ท่าทางลุกลี้ลุกลนเหมือนรีบๆ ทำให้นิตกาลอดสงสัยไม่ได้ แต่ก็รอจนนายของตนลงจากเรือนไป มือหนาคว้าหนังสือพิมพ์ขึ้นมาถือไว้แล้วไล่อ่านหน้าที่ปัณณ์อ่านค้างไว้
‘แปลกจริง หลังจากที่อ่านหน้านี้ Master ก็ลุกลี้ลนรีบออกไปข้างนอก แถมยังนำอัฐไปด้วย...เอะ!!! O_O’
สายตาของนิตกาลมาสะดุดกับหัวข้อข่าวหนึ่ง
‘ร้านนาฬิกาเปิดใหม่ อยู่แถวถนน xxx ราคากันเอง นาฬิกาสวย มีรูปแบบมากมายหลากหลายให้เลือกซื้อ’
หัวข้อข่าวทำให้นิตกาลหน้าซีดเผือด หงอน (?) ถึงกับตก มือปล่อยหนังสือพิมพ์ร่วงลงไปกับพื้น
‘นะ นี่ master จะซื้อนาฬิกาเรือนใหม่มาแทนที่กระผมเหรอขอรับ! นะ นี่เพิ่งผ่านมาแค่ไม่กี่วันเองนะขอรับ! ทะ ทำไม กระผมไม่ดีตรงไหน ระ หรือว่า master จะรู้เรื่องที่กระผมแอบเอานาฬิกาเรือนอื่นของท่านไปถ่วงลงคลอง!?’
นิตกาลลุกพรวด ตัดสินว่าตายเป็นตาย!
ยังไงเขาก็ต้องเปลี่ยนใจ Master ให้ได้!
..................................................................
“ท่านเจ้า อยู่ไหมขอรับ?” สีนิลเคาะประตูห้องของพิมพ์เบาๆ
หลังจากรับประทานอาหารเสร็จ สีนิลก็เห็นว่าต้นมะยงชิดหน้าบ้านกำลังออกผลสุกได้ที่หน้ารับประทาน จึงตัดสินใจไปเก็บมามอบให้แก่เจ้านายสักผลสองผล จัดการปอกเปลือกแล้วหั่นเป็นชิ้นๆ พอคำน่าทาน ก่อนจะมาเคาะประตูเรียกแม่พิมพ์หน้าห้อง
ก๊อกๆ
“...”
แต่ไร้เสียงของพิมพ์ตอบกลับมา
“ท่านเจ้า...” สีนิลเคาะประตูแรงขึ้น แต่ก็ยังไม่มีคนตอบกลับ ไม่มีแม้แต่เสียงเท้าเดินในห้อง ชายหนุ่มจึงตัดสินถือวิสาสะเปิดประตูเข้าไปอย่างระมัดระวัง
ภายในห้องขนาดกลาง เตียงนอนถูกเก็บไว้เรียบร้อย พื้นห้องสะอาดไร้สิ่งของตกหล่นเลอะเทอะ (เพราะสีนิลตามเก็บให้แล้ว) แต่กลับปราศจากเงาของเจ้าของห้อง...
“ท่านเจ้าหายไปไหนกัน...” สีนิลวางจานมะยงชิดลงข้างเตียง แล้วเปิดหน้าต่างออก ภายนอกสงบร่มรื่น ไร้ซึ่งวี่แววของพิมพ์...
...นั่นทำให้สีนิลเริ่มเครียดขึ้นมา...
“ท่านเจ้าหายไปไหนนะ...” สีนิลพึมพำก่อนจะเดินออกไปข้างนอก
ชอบทำให้ห่วงเสียจริง...
............................................................................
“อำพัน ช่วยไปเตรียมรถให้ข้าหน่อยสิ” กรรณิกาว่าหลังจานล้างจานเสร็จเรียบร้อยแล้ว
“เอ๋ ท่านเจ้าจะออกข้างนอกเหรอขอรับ” อำพันถามด้วยน้ำเสียงร่าเริงยิ่งนัก
“ใช่ ข้าจะออกไปจ่ายตลาด หากับข้าวกับปลาเสียหน่อย” กรรณิกากล่าวด้วยรอยยิ้มละมุนละไม ฝ่ายเปรมหทัยที่ได้ยินเขาก็ถึงหูผึ่ง รีบลุกขึ้นแล้วโบกไม้โบกมือทันที
“ข้าไปด้วยๆๆๆๆ”
“แม่เปรมจะไปด้วยรึ?” กรรณิกากระพริบตาปริบๆ ขณะที่มองเด็กสาวตัวสูงที่วิ่งมาหาด้วยท่าทีร่าเริง “ปรกติเจ้ามิค่อยชอบจ่ายตลาดนี่?”
“พอดีว่าลุงแดงแกเปรยๆ ว่าอยากกินข้าวเหนียวมะม่วงน่ะจ้ะ ฉันเลยอยากขอไปด้วยเสียหน่อย นะๆๆ” เปรมหทัยว่าพลางเกาะแขนกรรณิกา “น้าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ”
“ก็ได้ๆ ไปเตรียมตัวไป อีกประเดี๋ยวเราจะออกไปข้างนอกกัน” หญิงสาวร่างร่างเล็กพยักหน้าเบาๆ อย่างระอาใจกับนิสัยซนๆ ที่ขัดกับความสวยและอ่อนหวานอันเป็นสิ่งที่ผู้หญิงพึงมีของเปรมหทัยยิ่งนัก
“ได้ งั้นข้าจะชวนลุงแดงไปด้วยนะจ๊ะ จะได้ให้ลุงแกเลือกของที่ชอบได้ถูก”
“จ้าๆ”
...............................................................................
หลังจากรับประทานอาหารเสร็จ ปานตะวันก็แยกตัวมานั่งในห้องของตนกับสุวานสองคน ร่างเล็กนั่งหวีผมสีดำของตนเองอย่างช้าๆ โดนมีสุวานนั่งจ้องตาแป๋ว
“เจ้าจ้องข้าทำไมรึสุวาน?” ปานตะวันถามพลางวางหวีสางผมลงเบาๆ
“เปล่าขอรับ” ฝ่ายหลังสั่นศีรษะเบาๆ “ข้าแค่คิดว่า นายเจ้าช่างสมเป็นกุลสตรีที่ผู้คนหมายปองจริงๆ น่ะขอรับ”
“เอะ ไม่ขนาดนั้นหรอกนะ” ปานตะวันยิ้มเอียงอาย
“จริงสิขอรับ นายเจ้าน่ะทั้งสวยตั้งแต่รูปกายและจิตใจ ทั้งอ่อนหวาน อ่อนโยน จิตใจดี กริยามารยาทก็งามหาที่ติมิได้ การบ้านการเรือนก็เก่ง ฝีมืออาหารของท่านก็ขึ้นชื่อลือชา ไม่ว่าจะเป็นของคาวหรือหวานด้วย” สุวานกล่าวด้วยนัยน์ตาเป็นประกาย ก่อนจะหมองลง “หนุ่มๆ ล้วนหมายปอง แวะวนมาจีบไม่ขาดสายไม่แพ้ท่านกรรณิกา ท่านกร หรือแม้แต่ท่านวิลา เพราะฉะนั้น...เมื่อใดที่นายเจ้าออกเรือนไป...ข้าคงเหงาเป็นแน่...”
“สุวาน...ข้า...”
ก๊อกๆ
เสียงเคาะประตูดังขึ้นก่อนที่ปานตะวันจะได้กล่าวอะไร เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นมาก่อน
“ข้าเปิดเองฮะนายเจ้า”
“อา...”
สุวานลุกขึ้นแล้วเปิดประตูออกไป พบกับข้ารับใช้หญิงคนหนึ่งยืนอยู่
“มีอะไรเหรอ?”
“เมื่อกี๊เจ้าพระยาไกรวีฝากจดหมายนี่มาให้ท่านหญิงปานตะวันเจ้าค่ะ” ข้ารับใช้กล่าวด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลแล้วยื่นซองจดหมายให้แก่ชายหนุ่มคนนั้น สุวานรับจดหมายแล้วยื่นให้แก่นายหญิงของตน
“มีอะไรรึ?”
“เจ้าพระยาไกรวีฝากมาให้นายเจ้าขอรับ” สุวานส่งจดหมายให้เจ้านายด้วยท่าทีไม่สบายใจ
เหตุผลเดียวที่คนหนุ่มแน่นและมีการงานดีอย่างนั้นจะส่งจดหมายมาให้ปานตะวัน...ก็คงจะไม่พ้นเกี้ยวพาราสีเป็นแน่...
ปานตะวันเปิดจดหมายออก สักพักนางก็พึมพำขึ้นมา “ช่างเป็นผู้ชายที่ตรงไปตรงมาเสียจริง...”
“เขาว่าอย่างไรเหรอนายเจ้า” สุวานเอียงคอถาม
“เขาชวนข้าไปเที่ยวในพระนครน่ะจ้ะ..ครั้นจะปฏิเสธก็เกรงว่าจะเกิดเรื่องใหญ่โตเสียด้วย แต่ตัวข้ามิค่อยอยากไปไหนมาไหนกับบุรุษสองต่อสอง...” ปานตะวันทำท่าทางกลุ้มใจขณะที่วางจดหมายลงบนโต๊ะ “สุวานจ๊ะ ข้าวานเจ้าไปกับข้าจะได้หรือไม่?”
“ได้แน่นอนขอรับนายเจ้า!” ฝ่ายหลังดีใจสุดๆ ที่ได้ติดตามนายเจ้าของตนไป ใบหน้าหล่อยิ้มแย้ม ขณะที่วางแผนในใจ
‘คอยดูนะ ถ้าเจ้านั่นแตะนายเจ้าของข้าล่ะก็ สุวานจะกัดให้เนื้อหลุดเลย >A<!’
..........................................................
“บรรยากาศหน้าเรือนของเรานี่ช่างรมย์รื่นเสียนี่กระไร เจ้าคิดว่าอย่างไร กัณหปักษ์?”
“ท่านว่าอย่างไรก็ว่าตามนั้นขอรับ” กัณหปักษ์ตอบด้วยท่าทีสงบเสงี่ยม ขณะที่มองนายสาวเก็บดอกไม้มาทำมงกุฎดอกไม้ขณะที่ทั้งสองนั่งตากลมบนแคร่ไม้ไผ่
“ฮะๆ เจ้านี่น้า...” ปองใจหัวเราะก่อนจะลุกขึ้นแล้วยกมงกุฎดอกไม้ขึ้นสวมบนศีรษะของตะพดตัวสูงเบาๆ อีกฝ่ายก็ก้มหัวลงให้ท่านเจ้าวัยสาวสวมให้สะดวกๆ “อย่าเอาแต่ทำหน้าขรึมๆ นักสิ กัณหปักษ์”
“ขอรับ...” กัณหปักษ์ยิ้มจางๆ มองใบหน้าของเด็กสาวอย่างนึกเอ็นดู ในคราแรกที่รู้จักกัน ปองใจเป็นเด็กที่ดูเงียบขรึมและไม่ค่อยเข้าใครเท่าไหร่นัก แต่พอคุยกันไปสักพัก กัณหปักษ์ก็รู้ว่าความจริงแล้วปองใจเป็นคนน่าคบมากทีเดียว อีกทั้งยังมีมุมอ่อนหวาน น่ารัก สดใสร่าเริงปนๆ กันไปด้วย ถึงจะชอบไสยศาสตร์ (ซึ่งไม่ได้เข้ากับความสวยใสของเจ้าตัวเลย) แถมชอบหัวเราะแปลกๆ บาทีก็เถอะนะ...
แต่ก็...น่ารักอยู่ดี...
ตึกตักตึกตักตึกตัก
“หือ? นั่นพี่ปานนี่ รีบไปไหนกันล่ะนั่น” ปองใจเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นว่าพี่สาวของตนรีบร้อนวิ่งออกจากบ้านไป
“มิหนำซ้ำยังนำสุวานไปด้วยนะขอรับ” กัณหัปกษ์เสริมเมื่อเห็นสุวานวิ่งตามไปแบบติดๆ
“หรือจะมีหนุ่มชวนไปไหนอีก จริงๆ เลย ข้าเบื่อหน่ายพวกนั้นเสียจริง วันๆ ไม่ทำอะไร เอาแต่จีบสาว” ปองใจบ่นพึมพำ “กัณหปักษ์ ตามไปกัน”
“ทำไมล่ะขอรับ?”
“ถ้าเกิดมันแตะพี่ข้าแม้แต่เพียงปลายก้อย ข้าจักสาปแช่งมันแน่!”
...น่ากลัวสัด...
แล้วทั้งสองก็แอบตามปานตะวันและสุวานไป...
-----------------------------------------------------------------------------
เดี๋ยวจะแบ่งเป็นตอนย่อยๆ นะ ตอนหน้าเป็นตอนของนิตกาลกับปัณณ์ก่อน แล้วค่อยไล่มาทีละคน โอเค๊~
ความคิดเห็น