คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : Episode 1
Yui Part:
และแล้ว....ฉันก็มาอยู่ในห้องโถงกับพวกเขาจนได้
“เอาล่ะ...ทุกคนครับ ออกมาต้อนรับแขกหน่อย” เรย์จิซัง (คนใส่แว่นน่ะ) กล่าวเสียงเรียบแต่ดังให้พี่น้องคนอื่นๆ (คิดว่านะ) ออกมาต้อนรับฉัน
“….” เงียบ...
แผลบ...
“ว้าย!” ฉันกระเด้งตัวออกทันทีที่มีสัมผัสอันไม่คุ้นเคยมากดหนักที่ใบหู ฉันรีบกุมตรงใบหูตัวเองทันทีอย่างตกใจ
“ว้าวๆ~ สาวน้อยน่ารักคนนั้นสินะ” เขาคำนับฉันอย่างสุภาพต่างจากการกระทำที่ไร้มารยาทของเขาเมื่อกี้ “เนอะ บิทช์จัง”
“อึก...!” ฉันกลืนน้ำลายลงคอ นี่เขาพูดแบบนั้นกับแขกงั้นเหรอ? ไร้มารยาทที่สุด...
หน้าตาก็ดีอยู่หรอก...ใบหน้าขาวซีด ดวงตาสีเขียวมรกตเหมือนอายาโตะคุงแต่ดูมีนัยแปลกๆ ผมสีน้ำตาลแดงทรงสวย และ...หมวก?
“ผมชื่อ ‘ไรโตะ’ ครับบิทช์จัง” เขาดูเหมือนจะเห็นสีหน้าสงสัยของฉัน เขาก็เลยตอบให้พลางยิ้มกระหยิ่ม
“หรือจะเรียกว่า ‘ที่รัก’ ก็ได้น้า~”
“หนวกหูน่ะ! น่ารำคาญ!!”
“นั่นสิครับ เท็ดดี้น่ะเกลียดการรบกวนที่สุดเลย” เสียงของเด็กผู้ชายเอ่ยขึ้นอย่างหงุดหงิดดังขึ้นทำให้ฉันหันไปมอง...
น่ะ...น่ารัก! มีอยู่สองคน คนหนึ่ง ผมสีเทาควันบุหรี่ ดวงตาสีแดงดั่งเลือด ที่กำลังขมวดคิ้วอยู่....
ส่วนอีกคน หน้าตาออกแนวแบ๊วๆ ผมสีม่วง ตัวเล็กบอบบาง แต่ขอบตาคล้ำ กำลังอุ้มตุ๊กตาหมีอยู่...
“เหลืออีกคนสินะครับ...” เรย์จิซังขมวดคิ้วเล็กน้อย ก่อนจะ... “โผล่ออกมารับแขกหน่อยสิ ชู”
“เฮอะ...”
เสียงดังขึ้นข้างๆตัวฉันเลยก้มไปมอง... “ว้าย!!”
โซฟาที่มันเคยว่างเปล่า กลับปรากฎร่างของเด็กหนุ่มตัวสูงชะลูด หน้าตาคล้ายคลึงกับฝรั่งขึ้นมา...แถมกำลังฟังเพลงอยู่อีกด้วย
“มีอะไรก็รีบๆว่ามาเหอะน่า” อายาโตะคุงพูดแทรกขึ้นมา ก่อนจะนั่งบนเก้าอี้นวมสีแดงอย่างรื่นรมย์จนฉันนึกหมั่นไส้
“ครับ ช่วยกรุณาแนะนำตัวด้วย” เรย์จิหันมาสั่งฉันเสียงเย็น ฉันเลยพยักหน้า แล้วเริ่มแนะนำตัว...
“สวัสดีค่ะ ฉัน ‘โคโมริ ยุย’ คุณพ่อของฉันมีธุระก็เลยฝากฉันไว้...” ฉันพูดเสียงเบาลงเล็กน้อย “ฝากตัวด้วยค่ะ…”
แปะ...แปะ...
ฉันหันไปมองทางต้นเสียง ก็พบว่าไรโตะคุงกำลังปรบมือและยิ้มให้อยู่ “น่าสนุกแฮะมีคนไม่รู้ว่าตัวเองถูกมัดมือชกอยู่ด้วยแหละ”
“มัดมือชกอะไรกันคะ?” ฉันขมวดคิ้วไม่พอใจ บ้านนี้มันอะไรกันนะ
“ก็หมายถึงว่า...คุณน่ะ ‘โง่’ มากเลยน่ะสิครับ” ชายผมม่วงกล่าวอย่างดูถูก
“เอ๋? หมายความว่ายังไงกันคะ” ฉันยังไม่เข้าใจ...ต้องการจะสื่ออะไรกันแน่!
“ฉันจะบอกอะไรให้นะ ยัยชิชินาชิ…”อายาโตะคุงแสยะยิ้มพลาง ดึงฉันเข้าไปใกล้จนชิด...เขามาใกล้ฉันขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่น่ะ!?? “เธอน่ะ...โดนหลอกซะแล้วล่ะ”
ตึง!
... ฉันหน้าชาไปสักพัก แต่ฉันก็รีบค้านทันที ถึงแม้จะมีบางสิ่งกำลังเยาะเย้ยอยู่ว่า ‘ใช่’!
“คุณคงเข้าใจผิด ฉันไม่ได้ถูกใครหลอกค่ะ!” ฉันตอบไปอย่างมั่นใจก่อนจะผลักอายาโตะคุงออก
“ถึงฉันจะไม่รู้ว่าทำไมถึงฝากฉันไว้กับพวกคุณแต่ว่า....” ฉันกัดฟันตะโกนออกไป “ฉันมั่นใจว่าพ่อของฉันมีธุระ! ไม่ได้ทิ้งหรือหลอกฉันทั้งนั้นแหละค่ะ!!”
“……”
พวกเขาเงียบไป ใบหน้าของทุกคนเรียบตึงราวกับไม่มีความรู้สึก แต่ทว่า...
“…หึ”
แต่ละคนกลับเริ่มกระตุกยิ้ม แต่บางคนก็กลั้นไว้ไม่ไหวหลุดหัวเราะพรืดใหญ่ออกมา
“ฮ่าๆๆๆๆ!!!!”
“หัวเราะอะไรกันคะ!?” ฉันโต้ไปอย่างเอียงอาย มีอะไรน่าขำงั้นเหรอ?
“ผมว่า คุณควรรู้สถานะของตัวเองบ้างนะครับ”เรย์จิยิ้มบางออกมาอย่างกลั้นไว้ไม่ได้
“นั่นน่ะสินะครับ น่าสมเพชจริงๆ…” เด็กชายผมสีดอกลาเวนเดอร์ หัวเราะในลำคอ
“หึๆ....” อายาโตะคุงแสยะยิ้ม พลางมองมาทางฉันด้วยความสนใจ ก่อนจะเอามือมากำผมบางส่วนของฉันอย่างเบามือ
“อ๊ะ”
“ฉันจะบอกอะไรดีๆให้ฟัง” เขายิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ก่อนจะค่อยๆใช้นิ้วหนาคลึงเส้นผมอ่อนนุ่มของฉันอย่างเบามือ... “เธอน่ะไม่ได้มีฐานะอะไรต่างไปกับ ‘สัตว์’ นักหรอก…”
กึก!
“โอ๊ย!”
มือหนากระชาก ทึ้งผมของฉันจนเผลอเอนตัวตามแรงโน้มถ่วงและคงเพราะความเจ็บ ทำให้ฉันรีบกุมผมส่วนที่โดนกระชากไว้และแงะมือของเขาที่จับผมฉันไว้อย่างเหนียวแน่นออก
“ปล่อยนะคะ!”
“เธอน่ะไม่มีสิทธิ์มาออกคำสั่งกับพวกฉัน...ไม่มีสิทธิ์มาทำตัวอวดดีหรือจองหองกับพวกฉัน!”อายาโตะประกาศเจตนาของตัวเองดังลั่น ก่อนที่เขาจะสะบัดผมของฉันให้ล้มลงไปที่พื้น!
“โอ๊ย!!!” ฉันร้องด้วยสีหน้าไม่สู้ดี รู้สึกเจ็บแปล๊บที่ผมและหัวเข่า...
...นี่ถึงขั้นเป็นแผลเลยหรือเนี่ย...
ฉันคิดอย่างเจ็บใจ ทั้งๆที่ฉันเป็นแขกแท้ๆ...
...คนใจร้ายพวกนี้น่ะ อยู่ไปก็คงมีแต่เจ็บตัว...
..........................................................
Writer Part:
เด็กสาวประคองตัวเองให้ยืนขึ้นประจันหน้ากับมารร้ายต่อ แต่ทว่าเธอกลับชะงักกับสายตาแวววับของหนุ่มทั้งหกคน...
แต่ละคนเผลอปากออกราวกับอย่างจะงับอะไรบางอย่าง ฟันเขี้ยวสีขาวสะท้อนกับแสงไฟจากโคมระย้าจนดูน่ากลัว นัยต์ตาของพวกเขาเป็นประกายเหมือนกระหายบางสิ่ง และดูเหมือนสิ่งที่เขาอยากจะกลืนกิน....มันอยู่ข้างหน้าเขาแล้ว
...เลือดที่ใหลออกมาจากเข่าขาวสีแดงสดราวกับแยมสตอเบอรี่แสนหวาน พวกเขาจ้องมองสิ่งนั้น...
“วะ...วะ...” เธอพูดเสียงสั่นระริก พอคิดดูดีๆแล้ว บ้านนี้...มันแปลกๆ หรือว่า....
“แวมไพร์!”
“หายโง่สักทีนะ” หนุ่มผมเทาพูดขึ้น “เธอน่ะ...ไม่ใช่มาในฐานะแขก”
“ไม่ได้มาในฐานะเพื่อนร่วมอาศัย” ไรโตะพูดขึ้นพร้อมรอยยิ้มบางแฝงเยาะเย้ยบนใบหน้า
“แต่ว่า...มาในฐานะ ‘เหยื่อ’ ไงล่ะ” อายาโตะต่อจนจบ ก่อนจะเดินท่าทางคุกคามจนเด็กสาวกระเถิบตัวหนี
“อยะ...อย่าเข้ามานะ!” เธอปั้นเสียงให้ดูเข้มแข็ง และพยายามสะกดความหวาดกลัวไว้ มือบางรีบคุ้ยกระเป๋าตัวเองหาตัวช่วยทันที
..ไหน...ไหน...มันอยู่ไหน...
เหงื่อเม็ดโป้งใหลย้อยลงมา เธอต้องรีบแล้ว!
“หานี่อยู่รึเปล่า?”
อายาโตะย่อตัวลงให้ขนาดตัวเท่ากับเด็กสาวที่กำลังหาของไม่รู้เรื่องราว พลางชูของสีเงินขึ้น ยั่วเด็กสาวให้สนใจ...
กริ๊ก...
“อ๊ะ! นั่นมันสร้อยของฉันนะ!!” เธอรีบพุ่งตัวไปคว้ามันไว้ทันที ก่อนจะทำปากขมุบขมิบมีใจความว่า ‘โล่งอกไปที’
“หึ.....” เด็กหนุ่มแสยะยิ้มตอบนิดๆเหมือนหลอกคนสำเร็จ สมองของเด็กสาวเริ่มแล่น...
“แต่เอ๊ะ...พวกคุณไม่กลัวไม้กางเขนเหรอคะ?!!” ยุยยื่นสร้อยสีเงินใส่หน้าแวมไพร์หนุ่มทันที ในใจหวังให้เขากลัวแล้วปล่อยเธอไปแต่ว่า...
“ใช่ครับ” หนุ่มแว่นตอบเสียงเรียบ ไร้ท่าหวาดกลัวของในมือเด็กสาว
“...” ส่วนชูที่นอนอยู่บนโซฟาก็เหลือบหางตามามองเพียงแวบเดียว ก่อนจะผลุบตาลงหลับต่อราวกับเป็นเรื่องไร้สาระมาก
“ไร้เดียงสาจังน้า~ บิทช์จัง” ไรโตะยิ้มบางๆ ก่อนจะดันปีกหมวกให้เข้าที่
“คนอย่างผมไม่กลัวของแบบนั้นหรอกครับ..เอ...นี่โง่หรือว่าแกล้งโง่ครับ?” เด็กหนุ่มผมสีม่วงพูดจาจิกกัดเธอตามประสาเด็กกวน “เนอะ...เท็ดดี้”
ชายหนุ่มผมเทาเองก็เพียงพยักหน้าติดรำคาญเป็นเชิงว่า ‘เออ’
“ไม่...ไม่จริงน่า” เธอพึมพำไม่เชื่อ ความรู้สึกที่เหยื่อเจอนักล่าที่แข็งแกร่งกว่า และต่อกรไม่ได้ ได้แต่ยอมรับชะตากรรมของตัวเอง...จู่ๆเธอเข้าใจความรู้สึกนั้นขึ้นมาอย่างจับใจ
“งั้น..เธอก็รีบๆมาเป็นของๆฉันซักทีสิ...” อายาโตะพูดเสียงต่ำ นั่นทำให้ดึงสติของเธอกลับมา....
...วิ่ง!!!!
เธอผลักเด็กหนุ่มผมสีแดงออก ฝีเท้าเล็กออกตัววิ่งสุดแรงเกิดผ่านไปที่หน้าประตู....
แกร็ก! ตึง!! ตึง!!!
ประตูบานใหญ่กลับเปิดไม่ออกเหมือนคราวที่แล้ว ทั้งๆที่ไม่ได้ล็อกไว้... เธอลองดึงมันสุดแรง สอง-สามครั้ง...
“เปิด...เปิดสิ!”
“จะหนีไปไหนเหรอ?”
“กรี๊ด!” ยุยรีบหันหลังเข้ากำแพง แล้วจ้องตาแวมไพร์หนุ่มอย่างหวาดกลัว “ขอร้องล่ะนะ...ปล่อยฉันไปเถอะ!”
“เธอนี่ขาวดีนะ...” อายาโตะแสยะยิ้มร่า เขาไม่ได้สนใจคำอ้อนวอนของเด็กสาวเลยสักนิด ก่อนจะใช้แขนแกร่งขังเด็กสาวไว้กับประตู
“...ปล่อยฉัน!”
“เธอรู้อะไรมั้ย...เธอน่ะ ‘น่ากิน’มาก.....” อายาโตะพูดเสียงต่ำอีกครั้ง ดวงตาจับจ้องไปที่ต้นคอขาวราวกับจะกลืนกิน “กลิ่น ‘เลือด’นี่หอมเชียวล่ะ...”
“ไม่เอานะ!” เธอดิ้นขัดขืน ความจริงตรงหน้า...เธอไม่อยากยอมรับ!
“หยุดโวยวายสักที! ฉันไม่ได้ต้องการเธอสักหน่อย…ร้องอยู่ได้!!!”
เฮือก...!
“...ว..ว่าไงนะ?” เด็กสาวทำหน้าเหมือนไม่เชื่อหูตัวเอง ถ้างั้นเขามาตามเธอทำไม??
“เข้าใจยากเกินไปรึไง?” ชายหนุ่มเลิกคิ้วอย่างหงุดหงิด
“ก็อายาโตะคุงทำให้ฉันเข้าใจผิดเองนี่นา...” เธอบ่น “แล้วสรุป หมายความว่ายังไงล่ะ?”
ความจริงถึงแม้จะเพิ่งเจอกันครั้งแรก แต่เธอก็อดหวังอะไรบางอย่างไม่ได้....
...หวังว่าเขาจะ ‘ช่วย’เธอ...
ดวงตากลมโตสีทับทิมมองเขาด้วยท่าทีที่โอนอ่อน ทำเอาเขาเริ่มสับสนและงุ่นง่าน ...
แต่ แวมไพร์ก็คือแวมไพร์ อาหารชั้นเลิศของพวกเขาก็คือ ‘เลือดของผู้หญิง’ กับอีแค่มนุษย์คนเดียว คนนี้เขาแทบจะไม่ต้องใช้สมองตัดสินใจ ว่าจะเลือกทางไหน...
“ฉันน่ะต้องการ ‘เลือด’ ของเธอ” อายาโตะแสยะยิ้มร้ายกาจอีกครั้ง เธอหน้ากระตุก
“เพราะงั้นเธอยังไปจากฉันไม่ได้ หึ...น่าสมเพชดีเหมือนกันนะ โดนพ่อทิ้งมาเป็นอาหารของแวมไพร์น่ะ เนอะ..?”
“..อะ....อายาโตะคุง!!” เธอตะโกนออกมาอย่างผิดหวัง นี่คือความในใจเขาใช่ไหม?! มาเพื่อเยาะเย้ยความทุกข์ของคนอื่น!
“นาย...นายมันเป็น ‘ปีศาจ’!!!”
“อย่าเอาฉันไปเปรียบเทียบกับปีศาจชั้นต่ำแบบนั้นนะ ยัยชิชินาชิ!!” อายาโตะโต้กลับทันใจนึก มือที่ขังเธออยู่กำหมัดแน่น
...หนอย.....แค่ไม่ดูดเลือดตอนนี้ก็บุญแล้วนะเฟ้ย!!!...
“หยะ...หยาบคายที่สุด!” เธอว่าเขา ใบหน้าแดงระเรื่อเพราะความอาย...
“เพิ่งจะมาอายรึไง?...ยัยผู้หญิงโง่!” เขาปล่อยตัวเธอ ก่อนจะสั่งเสียงเข้ม “ห้ามหนีไปจากที่นี่ เพราะที่นี่ไม่มีทางออก...จำเอาไว้!” อายาโตะประกาศกร้าว ก่อนจะเดินออกมาโดยไม่เหลียวมองมาทางเธออีกเลย....
“ฮึก....” ยุยปาดน้ำตาออก หัวคิดหาวิธีไปจากที่นี่ตลอดเวลาที่เธอเดินตามเขาอย่างจำยอม...
“ฮืออ.....”
“……..”
“ฮึก...อือ....ฮึกๆ” เธอยังคงสะอื้นไม่หยุด จนเด็กหนุ่มเริ่มรำคาญ...
...อะไรนักหนาเนี่ย คนมากมายอยากจะอยู่กับพวกฉัน มีแต่เธอที่ตะเกียกตะกายหนี...
อายาโตะคิดอย่างไม่สบอารมณ์ เหมือนของเล่นชิ้นใหม่ของเขาจะดื้อตั้งแต่ยังไม่ทันใช้งานซะแล้ว...
“หยุดสักทีเหอะ รำคาญ” อายาโตะพูดขบฟัน นึกโมโหที่เจ้าตัวเมินแถมยังสะอื้นต่ออีก!
“ฮึ่ม....ฮึกๆ”
พอเห็นว่าพูดไปก็ไร้ประโยชน์ชายหนุ่มเลยกัดฟันเดินมาเงียบๆ อย่างน้อยๆเสียงนั่นก็เป็นพยานว่าเธอยังไม่หันหลังวิ่งหนีเขาไป...
จนกระทั่งเดินมาถึงห้องโถง ที่มีพี่น้องทั้งห้าคนรออยู่
ยุยรีบเดินไปเก็บข้าวของบนพื้นต่างๆมาไว้ข้างกายให้อุ่นใจ แล้วเงยหน้ามองหนุ่มใส่แว่นที่กำลังจ้องเธออยู่อย่างเย็นชา...
“เอาล่ะขอแนะนำตัวอีกครั้ง นี่คือพี่ชายคนโตของบ้านนี้ ‘ชู’ส่วนผมเป็นพี่คนรองต่อจากชู ชื่อ ‘เรย์จิ’ ” เรย์จิชี้ไปที่เด็กหนุ่มตัวโตที่นอนฟังเพลงอยู่ ก่อนจะชี้แนะต่อ
“ส่วนคนผมแดงนั่นชื่อ ‘อายาโตะ’ คนที่ใส่หมวกชื่อ ‘ไรโตะ’ และคนผมม่วงชื่อ.....”
“คานาโตะครับ ผมชื่อ...คานาโตะ” คานาโตะยิ้มบางก่อนจะคว้ามือเธออย่างวิสาสะ คิ้วของคนบางคนกระตุกไม่พอใจ
“อ่ะ...เอ๋?”
“มือนิ่มจังเลยนะครับ...เล็บก็สีชมพู....”
“คะ..คานาโตะคุง?” ยุยเรียกชื่อหนุ่มผมม่วงตรงหน้าให้เขาปล่อยมือเธอ แต่ว่า....
จุ๊บ!
คานาโตะแนบริมฝีปากเย็นลงมาบนหลังมือของเธอแล้วผละออกอย่างรวดเร็ว!
และขณะที่เธอยืนอึ้งอยู่นั้นเอง...
“เฮ้ย!” อายาโตะร้องเสียงหลงรีบผลักน้องชายตัวเองออกก่อนจะตวาดด่าทันที “ทำอะไรของแกวะ!?”
“ก็แสดงถึงการให้ ‘เกียรติ’ไงครับ...ผมทำอะไรผิดเหรอ?” เขาพูดหน้าตาเหลอหลา ดวงตาสีม่วงของเด็กหนุ่มทอประกายเหมือนเด็กได้ของเล่น...
“ไม่ต้องมาทำเป็นมีมารยาทเลยนะเฟ้ย!” อายาโตะยังว่าน้องชายตัวเองต่อไป
“เอ...หรือว่าอายาโตะ... หึง แม่สาวน้อยคนนี้กันน้า~” ไรโตะพูดล้อเลียน
“บ้านแกสิ!!!”
“ก็ที่นี่ก็บ้านของเราไม่ใช่รึไงครับ?” คานาโตะพูดด้วยสีหน้าที่ใสซื่ออย่างเสแสร้งจนอายาโตะเริ่มเดือดปุดๆเป็นลาวา...
“หนอย~!!”
“ส่วนน้องชายคนเล็กสุดชื่อ ‘ซูบารุ’ นะครับ เราจะไปเรียนกันตอนหนึ่งทุ่มนะครับ ผมมีงานวิจัยที่ต้องทำต่อให้เสร็จ ดังนั้นผมขอตัว...” เรย์จิอธิบายต่อให้จบ ไม่คิดที่จะห้ามกองทัพของสามพี่น้องแต่อย่างใด แต่กลับเดินขึ้นไปบนชั้นสอง...
“ค่ะ” เธอมองสามพี่น้องที่ฮึ่มฮั่มใส่กันเองอย่างเหนื่อยใจ...
“งั้นฉันไปก่อนละกัน...น่ารำคาญชะมัด!” หนุ่มผมเทาที่เธอจำได้ว่าเขาชื่อซูบารุเดินหนีตามเรย์จิไป..
…แล้ว ห้องฉันล่ะคะ!...
เธอคิด ถึงยังไงก็ตามเขาคงไม่คิดจะให้เหยื่อของตัวเองนอนที่พื้นพรมห้องรับแขกใช่ไหม??
“อายาโตะคุง...”
“อะไร?!” อายาโตะว้ากใส่ เมื่อมีคนมาขัดการสู้รบของเขา ทำให้จังหวะนี้คานาโตะและไรโตะชิ่งหนีไปที่ห้องของตัวเองเรียบร้อยแล้ว
“คือว่า...ห้องของฉันล่ะ?” เธอถามเสียงค่อยก่อนจะกระชับกระเป๋าลากของตัวเอง
“ตามมา!” เขาพาเธอขึ้นชั้นสองอย่างหงุดหงิด แล้วเลือกห้องที่ว่างและใกล้ห้องของเขาที่สุดให้เด็กสาว
“ขอบคุณนะ” เธอเอ่ยเบาๆ ไม่ยอมเงยหน้า
“อืม อย่าลืมนะตอนทุ่มนึงมีเรียน เสื้อนักเรียนอยู่ในตู้”เขากล่าวปัดแล้วเดินหนี เพราะอย่างอารมณ์เสียกับเรื่องเมื่อกี้ไม่หาย
เด็กสาวมองแผ่นหลังที่เดินเข้าห้องไป เธอจึงถอนหายใจอย่างโล่งอกแล้วเอาของไปเก็บไว้ในห้องของตัวเอง...
ห้องกว้างไสตล์ยุโรป เหมือนที่เธอเห็นตามทีวี มีอ่างอาบน้ำ เตียงขนาดใหญ่ และของใช้หรูๆ
...อยู่ที่นี่คงจะรู้สึกสบายอยู่หรอกนะ ถ้าไม่นับว่าฉันอาจจะต้องเป็นธนาคารเลือดให้พวกเขา...
ยุยคิดถึงความเป็นจริง ไม่แปลกที่คนปกติอยากจะสานสัมพันธ์กับตระกูลนี้ เพราะหนึ่งรวยและอาจจะมีความสามารถในหลายด้านจากที่เธอได้ยินมา แต่เขาน่าจะหนีหัวซุกหัวซุนถ้า ‘รู้จัก’ ตัวตนของคุณชายเหล่านี้...
...และฉันจะต้องหนีไปจากที่นี่ให้ได้ ไม่ช้าก็เร็ว...
เธอจะไม่มีวันยอมตกเป็นอาหารของพวกเขา ที่นี่กว้างใหญ่นัก อาจจะมีช่องทางออกจากบ้านนับไม่ถ้วน เท่าที่ดูแล้วเธอยังมีเวลาอีกนานกว่าจะถึงหนึ่งทุ่มที่พวกวายร้ายอาจจะมาตามเธอ
ปฎิบัติการที่หนึ่ง...สำรวจช่องทางของบ้านหลังนี้ให้ได้มากที่สุด!
เธอจะสำรวจอย่างละเอียดถี่ถ้วนซะก่อน...ไม่แน่เวลาวิ่งหนีอาจจะมีโอกาสรอดมากขึ้น
เด็กสาวสวมสร้อยคอเอาไว้ ถึงแม้ว่าพวกอายาโตะจะไม่กลัวมัน แต่เธอก็อุ่นใจที่จะสวมมันไว้ข้างกาย...
ยุยย่องออกจากห้องนอนอย่างระมัดระวัง เธอเดินเข้าออกตามห้องต่างๆที่เปิดประตูทิ้งไว้ หรือ ห้องที่เธอเดาว่าจะไม่มีพวกคุณชายอยู่
“พ่อคะ...ช่วยคุ้มครองหนูด้วย หนูจะไปหาพ่อให้ได้ค่ะ”
และนั่นคือเป้าหมายอันดับหนึ่งของเธอ...ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป
..........................................................
มาต่อที่ Episode 1 ค่ะ แฮะๆ//เหงื่อตก ขอให้สนุกนะคะ เรามีเรื่องจะแจ้งด้วย...
คือว่า ปกติแล้ว ภาคแรกของ diabolik lovers จะไม่มีบ้านมุคามิใช่ไหมคะ?แต่ว่าเราจะเอามาmixกันเลยแบบว่า...
พอยุยเข้ามาในบ้านพวกอายาโตะปุ๊บก็เจอบ้านมุคามิปั๊บ เพราะอะไรน่ะเหรอ ก็เพราะว่าถ้าทั้งบ้านซาคามากิ และบ้านมุคามิ รู้จักยุยแทบจะพร้อมๆกัน ยุยจะไม่สามารถตัดสินรักอายาโตะได้เพราะความสัมพันธ์อันยาวนาน แต่จะตัดสินได้เพราะความ 'ไว้ใจ' ที่มีต่ออายาโตะจนขยับเป็น 'ความรัก' มีคนมารุมจีบพร้อมๆกัน แถมแต่ละคนนิสัยก็แตกต่าง ถ้าจะรักหนึ่งในนั้นก็ต้องเลือกคนที่เราไว้ใจและชอบที่สุด มันน่าจะสนุกกว่าเนอะ 555
ยังไงก็ฝากติดตามกันด้วยนะคะ
ความคิดเห็น