ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The Romantic Drop [Yaoi]

    ลำดับตอนที่ #5 : [ The Romantic Drop ] Act.4 - ปลายเส้นทางคู่ขนาน

    • อัปเดตล่าสุด 18 พ.ค. 51


    [ The Romantic Drop ] Act.4 -  ปลายเส้นทางคู่ขนาน



    สรวลเส เริงระบำ โลดแล่น...โลกของพวกเจ้าช่างงดงามนัก

     

     

    มีบ้างไหม...วินาทีที่รู้สึกหมองเศร้าจนไม่อยากขยับกาย...

     

     

    มือหยาบกร้านเอื้อมออกไปเบื้องหน้าอย่างนิ่งงัน นัยน์ตาคู่เฉยชามองดูผีเสื้อปีกบอบบางสีดำขลับที่เกาะลงบนปลายนิ้ว รายล้อมด้วยผีเสื้อสีเดียวกันที่บินวนอยู่รอบๆ ศีรษะที่วางอยู่บนพื้นดินทับยอดหญ้าได้กลิ่นชื้นๆ ก่อนที่เงาของร่างหนึ่งจะพาดลงมาจากด้านบน มือของผู้มาเยือนเอื้อมลงมาขยี้ผีเสื้อปีกดำบนปลายนิ้วเขาจนเหลือเพียงผุยผง ฝูงผีเสื้อสีดำกระจายออกเป็นวงบินหนีไป

     

     

    ไง ซาร์เซส

     

     

    ชายหนุ่มเงยขึ้นมองใบหน้าคุ้นตาที่ก้มลงมาใกล้ โซลปัดมือลงกับชายเสื้อ แล้วกระโดดลงมานั่งข้างๆเขา ซาร์เซสค่อยๆยันตัวขึ้นจากพื้นด้วยความไม่พอใจ

     

     

    อะไรของเจ้ากันน้า...มาคลุกอยู่ในสวนได้ทั้งวันน่าเบื่อจะตาย โซลหันไปดึงดอกกุหลาบที่อยู่ใกล้ๆมือขึ้นมาจ่อลงที่ปลายจมูกพลางทำหน้าสะอิดสะเอียน ก่อนจะชะงักเล็กน้อย เมื่อโดนหนามของดอกกุหลาบตำเข้าที่ปลายนิ้ว ชายหนุ่มโยนดอกกุหลาบสีแดงเข้มในมือทิ้งไป

     

     

    แปลกแฮะ หนามเล็กๆแบบนี้เจ็บเหมือนกันนะ เขาว่ากันว่า เจ้าหญิงที่โดนดอกกุหลาบทิ่มจะหลับใหลไปตลอดกาล... โซลยกปลายนิ้วขึ้นแตะริมฝีปาก เลียหยดเลือดเบาๆ ก่อนจะปรายนัยน์ตามองคนข้างๆที่ยังนั่งเงียบ ...เจ้าเชื่อรึเปล่า

     

     

    ไม่ ซาร์เซสพึมพำออกมาด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา โซลแสยะรอยยิ้มออกมาทันที มือขาวคว้าคอเสื้อสีดำเข้มของคนข้างๆไว้แล้วดึงเข้ามาใกล้ ใบหน้าอ่อนเยาว์เลื่อนขึ้นที่ริมหูแล้วกระซิบเสียงแผ่ว

     

     

    ใช่แล้ว...เพราะจุดจบที่แท้จริงของเจ้าหญิงในเทพนิยายน่ะ คือความตายอย่างทุกข์ทรมานต่างหาก

     

     

    งี่เง่า... ซาร์เซสสบถใส่เบาๆ นัยน์ตาสีแดงเข้มเบือนหนี โซลหัวเราะเสียงดังแล้วผลักร่างสูงให้เอนลงนอนกับพื้นแล้วทิ้งตัวโน้มลงคร่อม ปลายนิ้วเรียวแตะโหนกแก้มสูงแล้วเลื่อนไปสัมผัสสันจมูกคมเข้มเบาๆ

     

     

    งี่เง่างั้นเหรอ...ข้าว่ามันออกจะน่าซาบซึ้ง ความตายอย่างทุกข์ทรมานที่แสนจะสวยงามน่ะ อารมณ์ไม่ดีอะไรเหรอ พูดจาไม่เข้าหูเลยนะ ซาร์เซส มือบางไล้เลิกชายเสื้อขึ้นสัมผัสผิวเนื้ออุ่นและมัดกล้ามสมส่วน ซาร์เซสจับจ้องรอยยิ้มกริ่มนั้นด้วยแววตาเฉยชาอย่างที่เคย

     

     

    อารมณ์ไม่ดีจริงๆด้วยซินะ เรื่องอัลฟาเรลเหรอไง พอเจ้านั่นไม่อยู่ถึงกับหมดอาลัยตายอยากเลยเหรอ

     

     

    ถ้อยคำนั้นมีผลกระทบต่อฝ่ายตรงข้ามอย่างเฉียบพลัน ซาร์เซสคว้าข้อมือเล็กไว้แน่นิ่ง นัยน์ตาสีแดงสองคู่สบกัน คู่หนึ่งสั่นระริกหวั่นไหว แต่อีกครู่กลับกระหยิ่มยิ้มย่องอย่างยั่วเย้า...มันเป็นจุดอ่อนที่จี้โดนกี่ทีก็ยังเจ็บไม่เคยหาย โซลที่รู้เรื่องนี้ดีกว่าใครไม่เคยปล่อยโอกาสให้พลาดพลั้ง

     

     

    ความรักต้องห้ามของเจ้าชายกับองค์รักษ์มันน่าเศร้าจังเลยนะ แต่ความรักระหว่างแวมไพร์กับปีศาจจากนรกท่าทางจะน่าเศร้ากว่าโซลโน้มใบหน้าลงต่ำ แล้วลูบสันกรามคมเข้มเป็นเชิงปลอบโยน ร่างเล็กขยับเข่ากดลงตรงหน้าท้องสมส่วนของคนข้างล่างแล้วกระซิบเสียงแผ่ว

     

     

    เพราะยังไงเจ้าก็ไม่ได้รักข้า จะจินตนาการถึงหน้าเจ้านั่นข้าก็ไม่ใส่ใจอะไรหรอก ซาร์เซส โซลโน้มใบหน้าลงประทับจูบรุนแรง เสียงครางในลำคอดังขึ้นอย่างพอใจเมื่อฝ่ายตรงข้ามตอบสนองกลับมา...ไม่ว่าจะเป็นเพราะหลับตาลงแล้วนึกถึงใบหน้าของคนอื่น หรือเป็นเพราะริมฝีปากที่กำลังแนบแน่นกันอยู่นี้เป็นของเขา

     

     

    เรื่องนั้นหาได้มีความสำคัญไม่...

     

     

    จะเป็นใครที่ไหน แค่ทำรู้สึกพอใจ มันก็ไม่จำเป็นต้องคิดอะไรอีกแล้ว ความรัก...มันไร้สาระ เขาเคยเห็นมาแล้วกับความโง่เง่าที่ซาร์เซสต้องเผชิญ และตัวเขาเองไม่คิดจะตกหลุมพรางนั้น

     

     

    อือ... โซลเบือนใบหน้าหันไปด้านข้าง เมื่อปลายจมูกโด่งสันไล่ลมหายใจร้อนสู่ซอกคอขาว มือเล็กปลดกางเกงออก ก่อนจะเลื่อนมือฝ่ายตรงข้ามลงมาสัมผัสท่อนเนื้อของตัวเองเบาๆ นัยน์ตาสีแดงเข้มหรี่ลง ความร้อนที่รุมสุมทั้งร่างกายจนมึนงงพูดอะไรไม่ออก แต่ก็ยังฝืนแสยะรอยยิ้ม

     

     

    คิดว่าข้าเป็นอัลฟาเรลอยู่รึเปล่า ซาร์เซส โซลไล่นิ้วลงตามแผ่นอกกว้าง แล้วเลื่อนลงปลดตะขอกางเกงตัวยาวของคนข้างล่างออก ร่างเล็กแนบลำตัวลงจนแก่นกายเร่าร้อนทั้งสองแนบชิดกัน โซลส่งเสียงครางในลำคอแล้วขยับสะโพกเบาๆ

     

     

    อืม... ซาร์เซสตอบรับออกมาด้วยสติเลื่อนลอย ใบหน้าคมเข้มกดจูบลงกับแผ่นอกขาวเนียนไล้ปลายลิ้นเลียยอดอกสีอ่อน ส่วนล่างขยับสัมผัสเสียดสีกันจนรู้สึกร้อนวูบไปทั่งร่าง แขนข้างหนึ่งยกขึ้นโอบแผ่นหลังคนข้างบนไว้แล้วกดลงมาให้แนบชิดจนแทบจะกลืนกิน

     

     

    อื้อ... โซลกรีดเสียงแผ่วเบา มือเล็กจิกเล็บลงกับแขนเสื้อสีเข้ม ท่อนเนื้อขาวปลดปล่อยของเหลวสีขาวขุ่นออกจากส่วนปลายช้ำเลือด โซลยกตัวขึ้นแล้วหอบหายใจเสียงแผ่ว มือยังคงรูดท่อนเนื้อตัวเองเบาแล้วถอนหายใจออกมาด้วยอารมณ์หลายๆอย่างปะปนกัน

     

     

    จะอะไรก็ช่าง...แค่พอใจก็ไม่มีปัญหาอะไรแล้ว

     

     

    นัยน์ตาสีเข้มกดลงมองใบหน้าของคนข้างล่างที่แสนจะเย็นชา...บางครั้งเขาก็รู้สึกอิจฉาซาร์เซส ที่มักจะกักเก็บทุกอย่างไว้ได้มิดชิดจนคล้ายกับจะไม่มีความรู้สึก ลืมเลือนไปแล้วกับตัวตนของตนเอง...

     

     

    โซลเลื่อนตัวลงแล้วกดใบหน้าลงกับท่อนเนื้อแข็งขึงที่เปรอะเปื้อนไปด้วยคราบขาว ริมฝีปากบางรูดขึ้นลงเร็วๆ อย่างไม่ใส่ใจนัก เมื่อถึงจุดที่พอเหมาะชายหนุ่มจึงละใบหน้าออก แล้วขยับรอยยิ้มน้อยๆ ใช้ปลายนิ้วดันท่อนเนื้อนั้นเข้าใส่ช่องทางด้านหลังของตัวเองอย่างเชื่องช้า

     

     

    อ...อา... โซลส่งเสียงครางออกมาพร้อมกับปลดปล่อยลมหายใจ ความเจ็บปวดแบบเดิมเข้าถาโถมใส่รู้สึกปวดแสบไปทั้งร่างกายคล้ายถูกผ่าแยกเป็นสองส่วน ซาร์เซสเงยหน้าขึ้นสบตาเขาอย่างไม่รู้สึกแปลกใจอะไร ความเฉยชาที่ทำให้เลือดมันพลุ่งพล่านอย่างขุ่นเคือง โซลโน้มตัวลง ไล่เลียเม็ดเหงื่อบนแผ่นอกกว้างเบาๆ

     

     

    ขยับหน่อยซิ...ไม่อยากเล่นคนเดียวแล้วโซลเสียดใบหน้าลงกับลำคอขาวฝังเขี้ยวลงขบกัดผิวเนื้อแผ่วเบา มือสองข้างโอบด้านหลังลำคอร่างสูงแล้วดึงให้ลุกขึ้นนั่ง โซลทิ้งสะโพกลงเบาๆอย่างยั่วเย้า มือข้างหนึ่งเอื้อลงมาแตะที่ลำคอก่อนจะกดจูบดูดดื่ม เรียวลิ้นพัวพันเปรอะเปื้อนหยดน้ำที่รินไหลลงตามลำคอ

     

     

    เล่นด้วยกันหน่อยซิ ซาร์เซส ตายด้านแล้วเหรอไงโซลหรี่ปรือนัยน์ตาลงน้อยๆ ลมหายใจร้อนพวยพุ่งออกจากปากด้วยความปรารถนาจากแก่นกายที่รุกล้ำเข้ามา ซาร์เซสทำหน้าคล้ายจะเหนื่อยหน่ายแต่ก็ดันศีรษะฝ่ายตรงข้ามเข้ามาซบที่หัวไหล่แล้วเป็นฝ่ายกระแทกท่อนเนื้อตัวเองเข้าสู่ช่องทางที่บีบรัด

     

     

    อ๊า...! ซ... เอ่ยได้ไม่ถึงครึ่งคำก็โดนมือคู่ใหญ่กดใบหน้าลงติดกับไหล่กว้างเพื่อไม่ให้ออกเสียง เสียงผิวเนื้อกระทบกันดังตามจังหวะที่ท่อนเนื้อกระแทกเข้ามาใส่จนสุด ร่างเล็กบิดกายเร่าด้วยความซ่านที่แล่นขึ้นสู่สมอง ได้ยินเสียงครางต่ำๆของซาร์เซสที่บ่งบอกว่าอีกฝ่ายก็รู้สึกดีไม่แพ้กัน

     

     

    ร่างกายที่ร้อนขึ้น...ร้อนขึ้น มันร่ำร้องหาในสิ่งที่กำลังทำอยู่ให้รุนแรงและลึกซึ้งมากกว่าเดิม ซาร์เซสที่ดูเหมือนจะรับรู้ความเป็นไปนั้นได้ดี ชายหนุ่มชะงักน้อยๆแล้วโถมร่างลงทาบทับให้โซลลงไปนอนราบกับพื้น โซลกรีดเสียงด้วยความเจ็บปวดแต่แล้วก็โดนประทับจูบปิดปาก

     

     

    อื้อ! อ...อืม... โซลจิกเล็บลงกับไหล่กว้างแล้วกดจูบแน่นแลกเรียวลิ้นกันอย่างโหยหาดูดกลืนหยดน้ำที่เอ่อล้นลงมา ฮ่ะ...ซาร์เซส... โซลละใบหน้าออกแล้วสูดลมหายใจลึก มือเล็กโอบรัดร่างสูงที่กระแทกย้ำเข้ามาอย่างรู้จุด ร่างกายที่บิดไปมาสั่นสะท้าน โซลแนบใบหน้าลงแล้วถอนหายใจหนักๆ ของเหลวขุ่นพวยพุ่งออกจากแก่นกายเป็นครั้งที่สอง

     

     

    ซาร์เซสดึงของตัวเองออกจากช่องทางด้านหลังทันที โซลกรีดเสียงคราง ท่อนเนื้อเสียดกับผิวหนังจนรู้สึกคล้ายจะฉีกขาดออก ซาร์เซสหันไปด้านหลัง แล้วใช้มือจัดการกับของตัวเองต่อเพียงชั่วครู่ ก่อนจะปลดปล่อยความปรารถนาออกมา

     

     

    ซาร์เซส โซลเรียกเสียงขุ่นอย่างโกรธเคืองแล้วตวัดปลายเท้าถีบใส่แผ่นหลังกว้างเต็มแรง จนร่างสูงหน้าคะมำ จะปล่อยมันข้างในก็ไม่ได้ว่าสักหน่อยนี่โซลตัดตัวลุกขึ้นแล้วคว้ามือใหญ่ขึ้นมา นัยน์ตาสองคู่จับจ้องกันนิ่งงันราวกับจะรอดูเชิง

     

     

    โซลเหยียดรอยยิ้มแล้วไล่ลิ้นเลียปลายนิ้วที่เปรอะเปื้อนของเหลวขุ่นเบาๆ ไล่ลงมาตามร่องนิ้ว ซาร์เซสเบือนใบหน้าออก แต่ก็ปล่อยให้ฝ่ายตรงข้ามทำอะไรตามใจชอบ

     

     

    มันเป็นแบบนี้มาแต่ไหนแต่ไรแล้ว...ราวกับทางขนานที่ไม่มีวันบรรจบกันได้

     

     

    เราไม่มีอะไรที่เหมือนกันสักอย่างเลยนะ...โซล แม้แต่มุมมองของโลก เรายังมองมันในมุมที่ต่างกันสุดขั้ว ราวฟ้ากับเหว ถ้าเปรียบเทียบแบบนั้นจริง เจ้าคงสูงส่งอยู่บนฟ้า และข้าจะต่อยต่ำอยู่เพียงดิน

     

     

    คิดว่าอัลฟาเรลทำได้เหมือนอย่างข้าเหรอ ซาร์เซส โซลแนบใบหน้าลงกับมือชื้นๆ รอยยิ้มเหยียดที่เขาเกลียดนักหนาปรากฏขึ้นบนริมฝีปากบางที่เคยจูบกับเขาเมื่อครู่ ซาร์เซสรู้สึกเจ็บแปลบในอกอย่างไร้สาเหตุ และที่ไร้เหตุผลยิ่งกว่านั้นคือเขาเริ่มจะรู้สึกเกลียดคนตรงหน้ามากขึ้นทุกที

     

     

    อย่ามาพูดแบบนั้นอีก ซาร์เซสสวมเสื้อผ้าตัวเองให้เข้าที่ ก่อนจะขยับตัวขึ้นยืน โซลยืนขึ้นตามแล้วเอียงใบหน้ามองดูคนตัวสูงกว่าด้วยความโกรธเคือง

     

     

    เดี๋ยวนี้ถึงกับออกคำสั่งกับข้างั้นเหรอ

     

     

    ซาร์เซสเบือนใบหน้ากลับไปมองคนข้างๆ บนแก้มขาวซีดยังคงเปรอะเปื้อนของเหลวขุ่นๆ นัยน์ตาเรียวขนตายาวดำเป็นประกายเอาแต่ใจอย่างที่คุ้นเคยดี เส้นผมสีน้ำตาลเข้มชุ่มเหงื่อยาวปรกนัยน์ตา...อะไรที่ทำให้เขาเกลียดใบหน้าอันแสนทรงเสน่ห์แบบนั้นได้นะ...?

     

     

    กิริยาหยิ่งผยองแบบนั้น...ช่างเหมือนกันกับอัลฟาเรลไม่มีผิด

     

     

    เกรงว่าสิ่งที่รู้สึกอยู่จะไม่ใช่ความเกลียด...แต่เป็นการพยายามหลีกหนี

     

     

    ยิ่งพยายามก็เหมือนยิ่งหมดหวังเข้าไปทุกที...ทุกที เขากำลังต้องการอะไร โซลกำลังต้องการอะไร คำตอบในคำถามเดียวกันนั้นอาจจะเป็นดั่งหนทางอันยาวไกลไร้จุดสิ้นสุด เหมือนสองสิ่งที่ต้องเคียงคู่แต่ไม่อาจพบเจอกันได้

     

     

    อยู่ใกล้แต่ไม่อาจไขว่คว้า...มันไม่น่าเศร้ากว่าความรักต่างชนชั้นอย่างนั้นหรือ ?

     

     

    โซล ซาร์เซสส่งเสียงออกไปอย่างแผ่วเบาคล้ายจะลืมตัว มือใหญ่คว้าคนตรงหน้าเข้ามาใกล้ แล้วปาดปลายนิ้วเช็ดคราบของเหลวบนแก้มออกเบาๆ ทุกวันที่เป็นไปนั้น เพราะเจ้าเป็นเจ้า ไม่ใช่คนอื่น

     

     

    จบสิ้นถ้อยคำนั้นทุกสิ่งทุกอย่างคล้ายจะหยุดชะงัก โซลเลิกคิ้วขึ้นแล้วถอยตัวออกไป

     

     

    อะไรของเจ้า ความสามารถในการสื่อสารต่ำลงนะ ข้าฟังแล้วตีความไม่ออก โซลเงยขึ้นมองท้องฟ้า เมื่อรู้สึกถึงเงาที่ไหววูบผ่านไป ก่อนจะเห็นอินทรีตัวใหญ่ที่บินโฉบกลับมา นัยน์ตาสีแดงเข้มเบิกกว้าง ซาร์เซส...นกตัวนั้นมัน...

     

     

    ลูเนดิ...ของท่านเอทวาล ซาร์เซสพึมพำเสียงแผ่วพลางเงยหน้าขึ้นมองตามนกอินทรีที่สยายปีกบินวนไปมาอยู่ชั่วครู่ แล้วจึงทิ้งแผ่นหนังลงใส่มือของเขาอย่างแม่นยำ ชายหนุ่มปลดเชือกที่มัดแผ่นหนังไว้ออก แล้วไล่สายตาอ่านตัวอักษรข้างในนั้น

     

     

    บ้าฉิบ ไอ้ตาเดียวนั่นจะทำอะไรอีกล่ะทีนี้ โซลดึงแผ่นหนังออกมาจ่อระดับสายตาตัวเองแล้วอ่านทวนอีกรอบ ซาร์เซสเบือนใบหน้าออกอย่างไม่ใส่ใจ

     

     

    ให้ของที่เขาต้องการไปซะ ยังไงเราก็ไม่มีสิทธิปฏิเสธอยู่แล้ว

     

     

    ก็แน่ซิ งานของเราคือ ฆ่า ไม่ใช่เอาไป ปล่อยถ้าท่านเคาน์เตสรู้ อาจจะตายก็ได้นะ โซลหันมองคนข้างๆด้วยอารมณ์สงบ ก่อนจะกระตุกรอยยิ้มน้อยๆ เมื่อเห็นซาร์เซสไม่ตอบรับอะไร ชีวิตของของเจ้านั่นคงเหมือนเจ้าหญิงกุหลาบ ทั้งเจ็บปวด ทั้งทรมาน และสุดท้ายก็ต้องตายอย่างเดียวดาย

     

     

    ซาร์เซสไม่รอฟังคำพูดนั้นให้จบประโยค ร่างสูงเดินละตัวออกมาโดยไม่หันกลับไปมอง ไม่ได้ยินแม้แต่ฝีเท้า จึงทำให้รู้ว่าโซลยังยืนอยู่ที่เดิมไม่ได้ออกเดินตาม

     

     

    จะเหมือนหรือไม่เหมือนก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่ ในเมื่อตอนนี้ ชีวิตของอัลฟาเรลอยู่ในเงื้อมือของคนอื่นไปแล้ว จะช้าหรือเร็วก็ต้องจบสิ้นอยู่ดี...เป็นเจ้าชายหลังบัลลังก์ที่เกิดมาเพื่อถูกลืมเลือนอย่างถ่องแท้

     

     

    อ่า...แย่ละซิ ฟีอูเม่ของท่านเคาน์เตส...สาสน์จากท่านเคาน์เตสหรือไงนั่น โซลพึมพำเสียงเบา ขณะที่ซาร์เซสที่ออกนำไปก่อนชะงักฝีเท้าหยุดทันที ได้ยินเสียงกรีดร้องของลูเนดิที่ดังก้องผืนฟ้า ชายหนุ่มจำใจเงยหน้าขึ้นมองอินทรีใหญ่สองตัวที่ผงาดปีกตวัดสวนกันไปมา ตัวหนึ่งสีน้ำตาลไหม้ อีกตัวเป็นสีขาวปลอด

     

     

    พร้อมใจกันมาเหลือเกิน โซลส่ายหน้าน้อยๆ แต่ยังไม่ละสายตาไปจากนกอินทรีสองตัว

     

     

    นัยน์ตาสีดำมันขลับของเจ้าตัวขาวจิกลงมองทั้งสองที่ยืนอยู่บนพื้น แล้วโยนสาสน์อีกฉบับลงมาให้ โซลก้มลงไปเก็บก่อนจะเปิดออกอ่านด้วยทีท่าหนักใจ ครู่หนึ่งเขาก็โยนมันทิ้งลงกับพื้นแล้วสาวเท้ายาวๆเข้าไปหาซาร์เซสก่อนจะตบบ่ากว้างเบาๆ

     

     

    ...ได้เวลาสนุกแล้ว 

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×