ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The Romantic Drop [Yaoi]

    ลำดับตอนที่ #4 : [ The Romantic Drop ] Act.3 - โลหิตกรีดกราย - III

    • อัปเดตล่าสุด 18 พ.ค. 51



    เอทวาลพ่นควันกลิ่นฉุนๆออกจากปากเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะโยนมวนบุหรี่ลงกับท้องทะเลด้านล่าง ปล่อยให้คลื่นน้ำพัดพามันลอยหายไป นัยน์ตาสีเขียวมองตามมันอย่างเลื่อนลอย...กับสิ่งที่ไม่อาจไขว่คว้ากลับมาได้แม้จะพยายามมากมายสักแค่ไหน...เขาควรจะทำอย่างไร

     

     

    มองแต่วันพรุ่งนี้ โดยไม่หวนย้อนกลับไปอดีตอีก หากมันเป็นสิ่งที่ทำให้ชีวิตต้องทุกข์ทน ก็ไม่ควรจะเก็บมันไว้...แลกกับการลืมเลือนเรื่องราวเหล่านั้นไปตลอดกาล

     

     

    เอทวาลเบือนใบหน้าหันหนีจากท้องฟ้าสีคราม ได้ยินเสียงตะโกนโหวกเหวกจากเหล่าลูกเรือและคนงานที่กระจายตัวกันอยู่ทั่วใต้ท้องเรือ ใหน้าคมเข้มหันมองบานประตูไม้ซึ่งกางกั้นเขากับเจ้าชายแวมไพร์ตัวเล็กๆนั้นไว้ มือข้างหนึ่งเอื้อมออกไปสัมผัสบานประตูแล้วตัดสินใจละมือออก

     

     

    โจรสลัดหนุ่มหมุนตัวกลับจากหน้าประตู เดินตามพื้นที่ปูด้วยไม้ขัดมันเลาะตามกราบเรือไปจนไปถึงส่วนกลาง นัยน์ตาสีเขียวเข้มขมวดมุ่นมองฝ่าเปลวแดดรุนแรง ก่อนจะโหนตัวปีนขึ้นเหยียบตาข่างข้างเสากระโดงเรืออย่างคล่องแคล่ว

     

     

    ใช้เวลาพักเดียวร่างสูงก็ขึ้นมาเหยียบยืนอยู่บนรังกายอดเสากระโดง เรเวน ลูกเรือคนสนิทที่กำลังแนบนัยน์ลงกับกล้องส่องทางไกลไม่แม้แต่จะเบือนใบหน้ามองกัปตันหนุ่ม แต่กลับเอ่ยขึ้นด้วยสัญชาตญาณ

     

     

    ไปทำอะไรมา ข้าได้กลิ่นเลือดที่ไม่ใช่ของท่านคนเดียวนะ

     

     

    ยุ่ง เอทวาลตอบกลับสั้นๆ ก่อนจะคว้ากล้องส่องทางไกลในมือของเรเวนมาจ่อลงกับนัยน์ตาข้างที่ไม่ได้คาดผืนผ้าปิด เอทวาลละลูกตาออก แล้วขมวดคิ้วมองออกไปไกลสุดสายตา เห็นเพียงผืนฟ้าสีครามและเปลวแดดรุนแรง ลูกชายข้าไปไหนแล้วละเนี่ย

     

     

    ก็มันมีพ่อแบบท่านนี่นะ เลยบินหนีไปหาพ่อใหม่แล้วล่ะมั้งเรเวนส่งเสียงหัวเราะ ก่อนจะคว้ากล้องส่องทางไกลมาแนบนัยน์ตา เอทวาลขมวดคิ้วยุ่ง สองมือวางลงกับขอบกั้นแล้วตะโกนสุดเสียงใส่ผืนทะเลเวิ้งว้าง

     

     

    ลูเนดิ ! อยู่ไหนลูก !”

     

     

    เรเวนถึงกับกระตุกรอยยิ้มอย่างขบขัน แต่แล้วนัยน์ตาสีเข้มที่แนบอยู่กับลำกล้องตัวยาวก็สะดุดสายตากับนกขนาดใหญ่ที่บินอยู่ไกลลิบเห็นเป็นเพียงเงาสีดำ พักหนึ่งนกตัวใหญ่นั้นก็บินเข้ามาในระยะสายตาธรรมดามองเห็น เรเวนลดกล้องลงแล้วหันมองใบหน้าโจรสลัดหนุ่มที่ยืนยิ้มเจื่อนอย่างเครียดๆ

     

     

    มาแบบนั้นโกรธอยู่แหงๆเลย เรเวนพึมพำเสียงแผ่ว ยังไม่ทันขาดคำดี เจ้านกอินทรีตัวใหญ่สีน้ำตาลไหม้ก็กรีดเสียงร้องกังวาลบินโฉบลงมาใส่ร่างสูงทั้งสองที่ยืนอยู่ในเป้าสายตา เจ้านกใหญ่ บินถลาเลยไปข้างหลังแล้วโฉบกลับมาอีก เอทวาลยกแขนข้างหนึ่งขึ้นเป็นเชิงเรียก

     

     

    ลูเนดิ...ลูกรัก เย็นไว้กรงเล็บแหลมคมจึกลงกับผิวเนื้อบริเวณต้นแขน เจ้าอินทรีสีน้ำตาลไหม้ส่งเสียงร้องราวกับจะต่อว่า ปีกใหญ่โตผงาดสะบัดพรึบพรั่บ เอทวาลจ่อนิ้วชี้ลงกับริมฝีปากตัวเองแล้วส่งเสียงรอดไรฟันเพื่อบอกให้มันเงียบ

     

     

    นัยน์ตาสีดำคมปลาบมองหน้าผู้เป็นนายอย่างขุ่นเคือง ประสาทรับกลิ่นที่รับรู้ได้ถึงกลิ่นแปลกปลอมของคนอื่นติดอยู่บนร่างกายสูงใหญ่นั้น จงอยปากแหลมจิกลงกับไหล่กว้างอย่างรุนแรง จะเอทวาลจ้องยกแขนออกห่าง

     

     

    เฮ้ๆ ! ลูเนดิ อย่าโกรธเลยนะ พอแล้ว!” ชายหนุ่มยกแขนข้างหนึ่งขึ้นกันใบหน้าตัวเองจากจงอยปากแหลมๆ ผ่านไปครู่ เจ้านกอินทรีตัวใหญ่ก็สงบลง มันโผตัวลงไปเกาะที่ราวกั้นด้านหน้า เอทวาลยื่นมือออกไปลูบขนแข็งๆสีน้ำตาลไหม้อย่างเอ็นดู

     

     

    แบบนั้นเรียกหวงหรือหึงกันนะ กัปตัน เรเวนกระตุกรอยยิ้มบางๆ วางกล้องส่องทางไกลลงกับขาตั้ง ก่อนจะล้วงมือลงหยิบบุหรี่ขึ้นจุดสูบ แล้วก้มหน้าลงมองผ่านเลนส์กล้องอีกครั้ง โอ๊ะ...ท่าเรือหรือไงนั่น

     

     

    ไหน เอทวาลผลักร่างสูงออก แล้วก้มลงจับจ้องผ่านเลนส์กล้องที่ตั้งเยื้องหันไปทางขวา ชายหนุ่มตีสีหน้าครุ่นคิด ไม่ต้องรอให้เอ่ยถามแต่อย่างใด เรเวนก็เอ่ยขึ้นอย่างรู้หน้าที่

     

     

    เดอิสโมครับกัปตัน ปรกติเวลาเราล่องเรือเข้าอูรานอสมักจะไม่ค่อยสังเกตเห็น สงสัยลมทิศตะวันตกจะแรงไปเสียหน่อยนะ เลยเบี่ยงมาไกลถึงนี่ แต่ก็ไม่ได้ถือว่าออกนอกทิศทางหรอก

     

     

    เหรอ...งั้นก็...โอ๊ย! ล...ลูเนดิ เอทวาลปัดป่ายมือกันปีกใหญ่ที่สะบัดตีใส่ใบหน้าอย่างโกรธเคือง เจ้าอินทรีสีน้ำตาลส่งเสียงตะโกนร้องเพราะถูกละเลยความสนใจ ลูเนดิ ลูกรัก มานี่มา...อย่าโกรธเลยนะ เอทวาลยื่นมือออกไปลูกเส้นขนแข็งๆอย่างแผ่วเบา ก่อนจะปลดแผ่นหนังที่มัดติดกับขาคู่แข็งแรงของลูเนดิขึ้นมาเปิดออก

     

     

    จะทำอะไรอีกน่ะ เอทวาลพักนี้ใช้งานลูกชายหนักไปแล้วนะ บินจากนอร์เมกัสเอาสาสน์ของท่านเคาน์เตสมาส่งให้ถึงนี่ก็สุดทนแล้ว เรเวนล้วงมือลงหยิบปากกาขนนกส่งให้คนข้างๆ แล้วหันมองดูโจรสลัดหนุ่มที่ก้มหน้าลงเขียนข้อความลงบนแผ่นหนัง

     

     

    ใช้เวลาแค่ไหนถ้าข้าจะสั่งให้เทียบท่าเดอิสโม เอทวาลเอ่ยถามโดยไม่เงยหน้าขึ้นมามอง เรเวนเลิกคิ้วขึ้นน้อยแล้วหรี่นัยน์ตามองคาดคะแนนทิศทางลมอย่างชำนาญ

     

     

    สักสี่ชั่วโมงได้มั้ง อย่าบอกนะว่าจะสั่ง

     

     

    ก็ประมาณนั้น เอทวาลตอบปัดๆไม่สนใจแม้ว่าลูกเรือคนสนิทจะทำหน้านิ่วคิ้วขมวด ชายหนุ่มม้วนแผ่นหนังลงกับขาของลูเนดิ แล้วตบเบาๆที่แผ่นหลังของมัน เอาไปให้ไอ้หนูที่ชื่อโซล หรือซาร์เซส อย่าให้ท่านเคาน์เตสเห็นล่ะ เข้าใจนะ

     

     

    เจ้านกอินทรีกรีดนัยน์ตาคมกริบมองใบหน้าของชายหนุ่มเล็กน้อย แล้วผงาดปีกกระพือขึ้นสู่ท้องฟ้า พักเดียวก็บินหายลับไปจากสายตา เอทวาลถอนหายใจเสียงหนัก แล้วลดปลายเท้าเหยียบลงบนตาข่ายที่ขึงอยู่ด้านขางเสากระโดงเรือเพื่อปีนลงจากหอสังเกตการณ์

     

     

    เดี๋ยว กัปตัน เรเวน ทิ้งตัวลงนั่งกับพื้นแล้วก้มหน้าลงมองร่างสูงที่หยุดชะงักค้าง นัยน์ตาสีเขียวเงยหน้าขึ้นมามองสบราวกับจะตั้งคำถาม ทำไมไม่รีบไปที่อูรานอสตามคำสั่งของท่านเคาน์เตสล่ะ เด็กคนนั้นพาติดตัวไปไหนมาไหนไม่ใช่ความคิดที่ดีเท่าไหร่เลยนะ

     

     

    เอทวาลกระตุกรอยยิ้มกริ่ม แล้วหลิ่วนัยน์ตาลงอย่างเจ้าเล่ห์ น่านน้ำแห่งอูรานอสสำหรับเจ้าหนูนั่นน่ะ มีแต่ทางเข้าที่ไร้ทางออก จะช้าเร็วก็ต้องตาย ข้าแค่อยากจะยืดเวลาไว้สักนิดเท่านั้นเอง

     

     

    เรเวนถอนหายใจเฮือก ก้มมองตามร่างสูงโปร่งที่ไต่ลงไปเหยียบยืนบนพื้นแล้วสั่งการให้คนงานใต้ท้องเรือเบนฝีพายเข้าหาฝั่ง ความกลัวมันไหลแล่นเข้ามาในจิตใต้สำนึก...เอทวาลไม่ใช่คนที่ตัดสินใจอะไรชุ่ยๆอย่างไร้เหตุผล แต่เป็นคนยึดติดกับตัวเองจนไม่ฟังคำคนอื่น

     

     

    สิ่งที่น่ากลัวยิ่งกว่า คือการกระทำ...ที่จะนำมาก่อนความยั้งคิดเสมอ กลิ่นเลือดแปลกประหลาดที่ยังติดอยู่แทบปลายจมูก...สิ่งที่เอทวาลทำอยู่คืออะไร ยืดเวลาตายของคนอื่น  หรือยืดเวลาอันแสนเจ็บปวดของตัวเอง

     

     

    แสงสว่างแห่งปัจจุบันกาล...ปลดเปลื้องพันธะในอดีต จดจ่ออยู่กับลมหายในปัจจุบัน ลืมเลือนเรื่องราวที่เจ็บช้ำ

     

     

    น่าเสียดาย...ที่ความตายพรากพาทุกสิ่งนั้นไป

     

     

    ปลดผ้าใบลงด้วย เราจะขึ้นฝั่งในฐานะเรือขนส่งสินค้า ไม่ใช่อสูรเพลิง เอทวาลชี้ขึ้นไปยังผ้าใบสีดำสนิทรูปหัวกระโหลกท่ามกลางเปลวเพลิงสีส้มเข้มที่ลุกโชน คนงานที่ตะโกนรับคำแล้วรีบปีนขึ้นไปทำตามคำสั่งทันที นัยน์ตาสีเขียวเงยขึ้นมองผ้าใบผืนใหม่อยู่ครู่ อย่างไม่ชอบใจนัก

     

     

    อสูรเพลิงเป็นชื่อกลุ่มโจรสลัดที่ทางการหมายหัวไว้ด้วยค่าตัวที่สูงลิบ จนนักล่าทั้งหลายกระหายจะพบเจอตัวเป็นๆ หากแต่คนที่ได้พบนั้น...ไม่สามารถรอดชีวิตกลับไปได้แม้แต่รายเดียว

     

     

    ร่างสูงเงยหน้าขึ้นมองยอดเสากระโดงเรือที่คนงานทิ้งผืนผ้าใบอีกผืนลงขึง แรงลมที่โบกพัดผ้าผืนใหญ่ปลิวสยายจนลูกเรือหนุ่มต้องรีบดึงเชือกเส้นใหญ่ยึดไว้ไม่ให้ตัวเองปลิวไปตาม เอทวาลเบือนใบหน้ากลับก่อนจะสาวเท้าไปที่ห้องใหญ่ท้ายเรือ

     

     

    ชายหนุ่มผลักประตูเปิดเข้าไปไม่แม้แต่จะชะงักมองร่างเล็กๆที่นั่งอยู่บนพื้นให้เสียเวลา เอทวาลสาวเท้ายาวๆก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งบนเตียง

     

     

    อัลฟาเรลเบือนใบหน้าหันมามองนิดหนึ่ง แล้วใช้ชายผ้าคลุมสีดำเช็ดรอยเลือดที่ด้ามดาบออกอย่างตั้งใจ มองจากตรงนี้ เขาเห็นได้เพียงแผ่นหลังเปลือยเปล่าขาวเนียนเปื้อนเลือด และฝ่าเท้าสองข้างที่ขาวซีด ใบหน้าอ่อนเยาว์ก้มลงใต้เส้นผมสีอ่อนคล้ายจะปิดซ่อนอะไรหลายๆอย่าง ครู่หนึ่งน้ำเสียงแผ่วเบาก็ดังรอดริมฝีปากบางแดงช้ำ

     

     

    ข้า...เคยแต่เช็ดเลือดของคนอื่นออกจากดาบตัวเอง ไม่เคยเช็ดเลือดตัวเองออกจากดาบตัวเองสักครั้งอัลฟาเรลวางดาบเล่มเดิมลงข้างตัว มือบางสองข้างกำแน่นวางอยู่บนตักเปลือยเปล่า

     

     

    เอทวาลกระตุกรอยยิ้มยั่วเย้า แล้วเป็นยังไง...ไอ้ความรู้สึกเวลาเช็ดเลือดตัวเองออกจากดาบตัวเองน่ะ นัยน์ตาสีเขียวเข้มจับจ้องแผ่นหลังที่เต็มไปด้วยรอยบาดแผลลึก เลือดสีแดงเข้มตัดกับผิวขาวละเอียดบอบบาง มองดูแล้ว อยากจะเอื้อมมือออกไปสัมผัสเบาๆ

     

     

    ใบหน้าหวานที่หันกลับมาด้านข้าง เรียวจมูกโด่งสันแดงระเรื่อ ริมฝีปากบางแสยะออกจนเห็นเขี้ยวแล้วพ่นคำสบถด้วยน้ำเสียงรอดไรฟัน

     

     

    ข้าจะฆ่าเจ้าแน่ๆ ไอ้สัตว์นรก

     

     

    เอทวาลหัวเราะลงคำคออย่างไม่ใส่ใจจะตีความหมายในคำพูดนั้น ร่างสูงลดตัวลงนั่งกับพื้น ยื่นมือออกไปแตะที่แผ่นหลังบอบบางเบาๆ นัยน์ตาสีแดงเข้มตวัดกลับมามองทันที ร่างเล็กถลาตัวออกไป แต่ไม่ทัน เพราะมือใหญ่คว้าข้อแขนของเขาไว้แล้วเหวี่ยงลงกับพื้น

     

     

    อัลฟาเรลกัดริมฝีปากแน่นสะกดกลั้นเสียงกรีดร้องด้วยความเจ็บจากแรงกระแทก หยาดน้ำตาที่ควรจะแห้งเหือดไปแล้วกลับเอ่อล้นขึ้นมาอีกครั้งอย่างไม่อาจหยุดยั้ง นัยน์ตาคู่แข็งกร้าวไหวระริก ริมฝีปากที่คลายออกแล้วขยับเสียงพูดแผ่วเบาสั่นเครือ

     

     

    ฆ่าซิ...ถ้าต้องโดนเหยียบย่ำมากไปกว่านี้ ฆ่าข้าให้ตายตอนนี้ดีกว่า ไม่ต้องไปถึงอูรานอสหรอกมือบางที่กำแน่นผ่อนแรงลงแม้ว่ามือใหญ่จะยังคงรัดแน่นจนรู้สึกปวดร้าว นัยน์ตาสีเข้มหลุบลงต่ำ เอทวาลผลักร่างของเด็กหนุ่มออก แล้วคว้าเส้นผมสีทองขึ้นบังคับให้เงยมองสบตา

     

     

    อูรานอสคือดินแดงแห่งสรวงสวรรค์สีดำ น่านน้ำแห่งอูรานอส คือแม่น้ำของสวรรค์ เคาน์เตสมาเอสโตรแม่ของเจ้าอยากให้ข้าทิ้งศพเจ้าไว้ที่นั่น เพื่อหวังให้สายน้ำศักดิ์สิทธิ์พาวิญญาณเจ้าไปสู่ดินแดนสุขาวดี ไม่ต้องกลัวหรอกนะไอ้หนู จะแวมไพร์ มนุษย์ หรือปีศาจ พระผู้เป็นเจ้าก็ไม่เลือกที่รักมักที่ชังทั้งนั้นแหล่ะ

     

     

    จบคำเจ้าชายแวมไพร์ก็สะบัดใบหน้าหันหนีจากคนพูดแล้วตะโกนสุดเสียง

     

     

    ไอ้เรื่องพระเจ้านรกหรือสวรรค์อะไรนั่นข้าไม่สนหรอก จะที่ไหนก็ช่าง ฆ่าข้าซะที! ปีศาจชั่วๆอย่าเจ้า พระเจ้าก็ไม่เอาไว้เหมือนกัน!”

     

     

    เอทวาลตะปบมือปิดริมฝีปากบางแน่น มืออีกข้างคว้าลำคอเล็กหวี่ยงลงกระแทกกับขอบเตียง นัยน์ตาสีแดงเข้มเบิกกว้าง สัมผัสได้ถึงความโกรธเคืองในดวงตาของคนตรงหน้าอย่างเด่นชัด กลิ่นและรสของเลือดไหลรินอยู่ในลำคอที่รู้สึกปวดร้าว

     

     

    ทั้งๆที่ข้าพยายามจะช่วยชีวิตเจ้าแท้ๆยังมีหน้ามาพูดแบบนี้อีกเหรอ เอทวาลก้มใบหน้าลงจับจ้องลึกลงบนใบหน้าอ่อนเยาว์ ก่อนที่เจ้าจะเหลือเพียงวิญญาณที่ถามหาสรวงสวรรค์อย่างสิ้นหวัง ข้าจะทำให้เจ้ารู้จักความสุขซะก่อนดีไหม โจรสลัดหนุ่มแตะปลายคางเรียวมนดันขึ้นเบาๆ แล้วกดริมฝีปากลงจูบอย่างแผ่วเบา

     

     

    ครู่เดียวที่ดูเหมือนความรู้สึกบางอย่างจะแล่นเข้าเกาะกุมจิตใจ เอทวาลละใบหน้าออก แล้วผุดลุกขึ้นจากพื้น นัยน์ตาสีเขียวปรายลงมามองเด็กหนุ่มบนพื้นด้วยอารมณ์ที่แปรเปลี่ยน

     

     

    อีกสี่ชั่วโมงจะขึ้นฝั่ง เตรียมตัวให้พร้อมด้วย ข้าจะไปรอลูกชายที่นั่น เอทวาลเหยียดรอยยิ้มน้อยๆ ก่อนจะผลักบานประตูไม้เปิดแล้วเดินออกจากห้องไป อัลฟาเรลใช้หลังมือปาดเช็ดที่ริมฝีปาก ไล่เลยขึ้นไปถึงน้ำตาบนใบหน้า

     

     

    ร่างเล็กโน้มตัวลงนอนลงบนกองผ้าคลุมสีเข้มชื้นกลิ่นคาวเลือด นัยน์ตากลมโตหลับลงด้วยความเจ็บปวด...หวังเพียงว่าเมื่อลืมตาตื่นขึ้นมา ทุกอย่างจะเป็นเพียงความฝัน กลับเสียที...กลับคืนสู่โลกแห่งความเป็นจริงเสียที

     

     

     ความฝันที่โหดร้ายแบบนี้...อยากจะลืมตาตื่นโดยไม่หลับอีกชั่วนิรันดร์

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×