ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [FIC EXO] Two, one or Three {Jongin,Sehun}

    ลำดับตอนที่ #9 : :Two, One or Three ; Part 8

    • อัปเดตล่าสุด 21 ม.ค. 57


    || Two, One or three || part 8

    Paring : Kim Jongin, Oh Suho, Oh Sehun



     

    2 1 3


     







    ซูโฮนั่งอยู่บนโซฟานุ่ม โดยที่ข้างๆ ถูกจับจองด้วยคนที่อาศัยอยู่ร่วมกันมาได้อาทิตย์กว่าแล้ว ใบหน้าหวานก้มหงุดหลบสายตาจากคนตัวสูงที่ยืนกอดอกพร้อมส่งสายตากดดันที่มองต่ำลงมา มือบางขยับขยุกขยิกกันที่หน้าตัก ริมฝีปากเม้มแน่น ข้อเท้าที่ยังถูกพันรอบด้วยผ้าก๊อตสีน้ำตาลซึ่งเป็นฝีมือของจงอินที่ตอนนี้นั่งอยู่ข้างกัน

     

    รุ่งเช้าหลังจากคืนนั้นที่ซูโฮกับจงอินได้มีบทสนทนาร่วมกันทำให้ทั้งสองคนสามารถสงบศึกกันได้ ท่ามกลางความประหลาดใจของคนในทีมที่มักจะเห็นว่าไม่ว่าสองคนนี้จะอยู่ใกล้หรือไกลกันก็ต้องหาเรื่องจิกกัดกันได้อยู่ตลอดเวลา มันเริ่มจากเมื่อเช้าที่จงอินพยุงกายบางให้เข้ามาห้องทานอาหารที่ลูกทีมนับสิบกว่าคนกำลังนั่งเรียงรายกันอยู่ มินฮยอกเป็นคนแรกที่อุทานออกมาเลยทำให้คนอื่นหันตามกันมาหมด เพราะภาพที่แปลกตา

     

    ...ใช่แล้ว มันเป็นไปไม่ได้เลยที่คนชอบแกล้งซูโฮอย่างจงอินจะช่วยเหลือซูโฮด้วยการพามาที่ห้องทานอาหารนี้ แต่พอทุกคนเหลือบไปเห็นข้อเท้าขาวที่ได้รับการบาดเจ็บอยู่ก็เข้าใจแล้วไม่เอ่ยเสียงแซวอะไรอีก...แต่แล้วเสียงที่ดังเหนือหัวของซูโฮหลังจากที่เจ้าตัวหย่อนกายลงนั่งกับพื้นเสื่อก็ดังขึ้น ไม่ต้องเดาเลยว่าเสียงเย็นๆ นั่นจะเป็นของใครนอกจากโค้ชประจำทีมอย่างอี้ฟาน

     

    หลังจากรับประทานอาหารเรียบร้อยแล้ว ทั้งซูโฮและจงอินถูกเรียกตัวเข้ามาพบในห้อง...

     

    พี่ไม่รู้จะทำยังไงกับนายดีเนี่ย โอซูโฮ... ทำไมนายถึงได้ดื้อแบบนี้หลังจากที่อี้ฟานได้ฟังเรื่องทั้งหมดจากปากคนตรงหน้า ก็แทบอยากจะจับเด็กตรงหน้ามาฟาดสักทีสองที

     

    นิสัยของซูโฮเป็นแบบนี้มาตั้งแต่เข้าทีม ชอบทำอะไรเกินกำลังตัวเอง เป็นอะไรแล้วชอบไม่บอก...นี่แหละ มันน่านัก เป็นถึงกัปตันทีมแต่ไม่รู้จักดูแลตัวเอง

     

    ผมขอโทษครับ พี่อี้ฟานซูโฮพูด แต่หากสายตายังไม่ยอมสบกับคนด้านบนง่ายๆ

     

    ....รู้ตัวว่าผิด แล้วมันก็เป็นอย่างที่จงอินคาดการณ์เอาไว้จริงๆ ด้วย ว่าเขาต้องโดนอี้ฟานดุแน่ๆ

     

    อี้ฟานถอนหายใจแรงก่อนจะสั่นศีรษะออกมา การแข่งจะเริ่มในอาทิตย์หน้า ระหว่างนี้พี่ขอสั่งห้ามนายงดกิจกรรมทุกชนิด อยู่เฉยๆ จนกว่าจะถึงเวลานั้น ถ้าข้อเท้านายหายทัน นายจะได้รับอนุญาตให้ลงแข่งตามเดิม แต่ถ้าไม่ล่ะก็...พี่จะหาคนอื่นมาแทน

     

    ประโยคท้ายช่างมันเหมือนมีดคมที่กรีดแทงเข้ามาที่เนื้อของซูโฮจังๆ ... อี้ฟานรู้ดีว่าเด็กคนนี้ต้องเสียใจมากแน่ แต่จะให้ทำยังไง ในเมื่อข้อเท้าไม่สามารถขยับได้ตามเดิมก็จะเป็นตัวถ่วงของทีมเอาเปล่าๆ

     

    ครับ พี่อี้ฟานรับคำเงียบๆ พร้อมมือเรียวที่กุมกันแน่นมากกว่าเดิม ถ้าหากมีใครจะสังเกตก็คงจะเห็นว่าน้ำตากลิ้งลงมากระทบกับหลังมือที่วางซ้อนทับกันอยู่ เพียงแต่ไร้เสียงสะอื้น

     

    ฝากนายดูแลด้วย จงอิน...เย็นนี้เราจะกลับโซลกันแล้วตามกำหนดการที่ได้วางแผนไว้ พวกเขาทั้งหมดจะกลับโซลกันในเย็นนี้ หลังจากนั้นเป็นเวลาหนึ่งอาทิตย์ก่อนแข่งขันก็จะทำการฝึกซ้อมที่โรงเรียนตามเดิม

     

    อี้ฟานเดินออกไปจากแล้ว เหลือเพียงคนสองคนที่นั่งอยู่ที่โซฟา ซูโฮยังคงไม่เงยหน้าขึ้นมา เดือดร้อนจงอินที่ทำอะไรไม่ถูก ไม่น่าเชื่อคนที่ขี้โวยวายเป็นที่หนึ่งอย่างซูโฮจะร้องไห้เป็นด้วย ไหล่บางสั่นน้อยๆ จงอินคล้ายจะเอื้อมมือสัมผัสแต่สุดท้ายก็ต้องชักมือตนเองกลับเพราะความกล้าที่มีไม่มากพอ ..ตัดสินใจนั่งเงียบๆ แทนจะดีกว่า

     

    จงอินรู้สึกว่าตนเองผิดแปลกไป... ถ้าเป็นก่อนหน้านี้ เขาคงจะสมน้ำหน้ากัปตันทีมหน้าหวานคนนี้ไปแล้วแน่ๆ แต่ว่าตอนนี้จงอินรู้สึกอยากจะดึงกายบางที่สั่นสะท้านมาไว้ในอ้อมแขนเสียเหลือเกิน.... เพราะใบหน้าหวานเคล้าน้ำตารึเปล่าที่ทำให้รู้สึกหลงใหล หรือเพราะอีกฝ่ายที่มีใบหน้าเหมือนกับคนที่เขาแอบปลื้มอยู่ในใจหรือเปล่า

     

    ....หรืออาจจะเป็นเพราะว่าตอนนี้ซูโฮน่ารักเกินไปกันแน่

     

    จงอินสะบัดศีรษะอย่างแรงเพื่อไล่ความคิดประหลาดภายในหัว ก่อนจะเอามือโขกหัวตัวเองไปทีนึง.. ไม่ล่ะ ไม่มีทาง อย่างคิมจงอินเนี่ยนะ จะชอบคนที่ขี้โวยวาย ขี้วีน ขี้เหวี่ยงเช่นคนข้างๆ ได้

     

    เขาคงจะเพราะแค่หวั่นไหวเพราะซูโฮมีใบหน้าที่คล้ายกับเซฮุนแค่นั้นแหละ ...ไม่มีอย่างอื่นจริงๆ

     

     

    2 1 3
     

     

    ซูโฮกลับมาถึงบ้านแล้วโดยมีจงอินมาส่ง ระหว่างทางที่นั่งรถมาถึงที่นี่ ไม่มีใครปริปากพูดอะไรสักคน ซูโฮก็ซึมไปถนัดตา ไร้เสียงหวานที่คอยโหวกเหวก จงอินซึ่งปกติก็ค่อนข้างเงียบอยู่แล้วถ้าไม่มีใครพูดด้วยก่อน

     

    ..อึดอัดเป็นบ้า จงอินคิด

     

    เดี๋ยวจอดข้างหน้าครับซูโฮบอกโชเฟอร์ให้จอดที่หน้าบ้านของตนเองก่อนจะควักกระเป๋าตังค์ออกมาแล้วจ่ายค่าโดยสารทั้งหมด

     

    นายไม่ต้องลงไปส่งฉันนะพูดกับจงอินโดยไม่หันมามองหน้า ..จงอินโดนอี้ฟานบังคับให้มาส่งซูโฮถึงที่บ้าน แถมยังกำชับอีกว่าพยายามให้อยู่ในสายตา อย่าให้ซูโฮเผลอแตะลูกบาสเด็ดขาด

     

    ส่วนที่จงอินคิดก็คือ ก็ทำได้แค่ตอนอยู่ด้วยกัน พอเขาไป ซูโฮอาจจะแตะลูกบาสก็ได้ ใครจะไปรู้....

     

    มีใครอยู่บ้านรึเปล่าจงอินถามขึ้น แต่คำตอบที่ได้รับเป็นส่ายหน้าเบาๆ

     

    จงอินส่งเสียงในลำคอก่อนจะรีบพาตัวเองลงจากรถทันที ก่อนที่ซูโฮจะเปิดประตูอีกฝั่งลง จงอินก็อ้อมมาดักไว้ก่อนแล้วเป็นฝ่ายดึงประตูเปิดเสียงเอง

     

    ไม่ได้ จนกว่าที่บ้านนายจะมีใครกลับมา ฉันต้องอยู่เป็นเพื่อนนายตามคำสั่งของพี่อี้ฟานพูดด้วยน้ำเสียงโมโห

     

    นายจะฝ่าฝืนคำสั่งของพี่อี้ฟานก็ได้ ฉันสัญญาว่าฉันจะไม่เอาไปฟ้องพี่อี้ฟานซูโฮก้าวลงจากรถอย่างทุลักทุเลเพราะเป้ใบใหญ่ที่สะพายอยู่บนไหล่ซ้าย อีกทั้งยังความเจ็บที่ข้อเท้าอีก มือขาวเกาะขอบประตูรถแน่นเพื่อดึงตัวเองขึ้นมา

     

    จงอินมองภาพนั้นก่อนจะถอนหายใจแรงออกมา แล้วรีบคว้ากระเป๋าของซูโฮมาสะพายไว้เอง ใช้แขนข้างหนึ่งโอบรอบไหล่บางเพื่อพยุงอีกฝ่ายให้ลุกขึ้นจากเบาะรถได้ในที่สุด

     

    แค่นายจะยืนยังยืนไม่ไหว ถ้าเกิดนายหกล้มในบ้านขึ้นมา ใครจะรับผิดชอบ

     

    ฉันรับผิดชอบตัวเองได้ ปล่อย!” พูดเสียงดังพร้อมมองไปยังแขนของจงอินที่พาดอยู่ตรงช่วงเอวของตนเอง

     

    กุญแจบ้านอยู่ไหนไม่ฟังคำพูดของซูโฮแถมยังเมินกันดื้อๆ จงอินถามหากุญแจบ้านเพื่อที่จะได้พาเจ้าตัวแสบนี่เข้าไปในบ้านเสียที อยู่ท่านี้นานๆ ก็เริ่มจะเมื่อย

     

    ฉันบอกให้ปล่อยไง

     

    เลิกทำตัวมีปัญหาสักที กุญแจบ้านอยู่ไหน...เปลี่ยนจากเอวบางที่จับไว้เมื่อครู่เป็นการเชยคางมนให้สบตา ใบหน้ายังคงความดื้อรั้นอยู่ดี มือเรียวยกขึ้นปัดมือที่จับใบหน้าตัวเองอยู่ให้พ้นออก ก่อนจะล้วงกุญแจบ้านที่อยู่ในกระเป๋ากางเกงออกมา แล้วยัดใส่มือหนาอย่างรวดเร็ว

     

    ..

     

    พี่ซูโฮ.. พี่กลับมาแล้วเหรอเสียงของเซฮุนที่งัวเงียลงมาจากทางบันได คนสองคนที่เพิ่งก้าวเข้ามาในตัวบ้านหันไปมองเด็กหนุ่มที่อยู่ในชุดนักเรียนยับๆ พร้อมผมที่ชี้ฟู บอกให้รู้ว่าเพิ่งตื่นจากที่นอน

     

    เซฮุนก้าวลงบันไดทั้งที่เปลือกตายังปรือๆ อยู่ มือข้างหนึ่งเกาะราวบันไดไว้กันตัวเองที่จะเผลอลื่นลงไป อีกข้างยกขึ้นขยี้ตาเบาๆ

     

    เซฮุน...ว่าแล้วว่าต้องหลับอยู่ซูโฮเดาไม่ผิดเลย เวลาหลังเลิกเรียนแบบนี้ สิ่งที่เซฮุนชอบทำที่สุดก็คือการนอน

     

    ดูเหมือนว่าเซฮุนยังจะไม่สังเกตคนอีกคนที่ติดมากับซูโฮด้วย เปลือกตาบางกระพริบถี่ๆ อีกครั้งเมื่อลงมาถึงชั้นล่างอย่างปลอดภัย ก่อนจะที่เปลือกตาหนักอึ้งจะเปิดเต็มๆ ทันทีที่เห็นว่าใครอีกคนยืนอยู่กับซูโฮด้วย

     

    อ่อ จริงสิ เนี่ยจงอินที่เคยเล่าให้ฟังซูโฮเห็นน้องชายทำหน้ามึนๆ เลยจัดการแนะนำให้รู้จักโดยที่ไม่รู้ว่าทั้งสองคนนี้รู้จักกันมาก่อนแล้ว

     

    ค..ครับ สวัสดี

     

    จงอินผงกหัวน้อยๆ ...ทำเป็นไม่รู้จักกัน ซึ่งทั้งสองคนก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมต้องทำอย่างนั้น เซฮุนผละสายตาจากจงอินไปแล้วก่อนจะหันกลับมาทางพี่ชายตัวเองอีกครั้ง

     

    ขาพี่ไปทำอะไรมา

     

    อ..อ๋อ หกล้มนิดหน่อยแต่ไม่เป็นอะไรมาก...จริงๆ แล้วเป็นมากต่างหาก แถมยังไม่กล้าบอกความจริงอีกต่างหาก

     

    คู่แฝดนี้มีที่เหมือนกันอีกอย่างก็คือ ชอบบอกว่าไม่เป็นอะไรแต่จริงๆ แล้วเป็น เซฮุนขมวดคิ้วยุ่งก่อนจะส่งสายตาคาดโทษมายังพี่ชายตัวเอง

     

    พี่เนี่ย ไม่ระวังเลย ใกล้จะแข่งแล้วนะเซฮุนเดินมารับกระเป๋าสะพายจากจงอินที่เป็นถือไว้อยู่ แล้วนำไปวางที่โต๊ะรับแขก ตามด้วยจงอินที่พยุงซูโฮเข้ามาก่อนจะให้นั่งลงตรงโซฟานุ่ม

     

    ทานอะไรกันมารึยังครับ หิวมั้ยเซฮุนเหลือบมองนาฬิกา เข็มสั้นชี้ที่เลขหกพอดี เป็นเวลาหัวค่ำแล้ว สมควรว่าอาหารเย็นควรจะตกถึงท้องได้แล้ว

     

    อื้ม หิวแล้วล่ะ ขอของโปรดนะ อยู่นู่นไม่ได้กินอะไรดีๆ เลยพูดเสียงอ้อนๆ ก่อนจะหยิบรีโมทขึ้นมาเปิดทีวีทำลายความเงียบ ระหว่างที่น้องชายกำลังจะไปทำอาหารเย็น

     

    อ่า... มันก็ได้อยู่นะครับ แต่คือตั้งแต่พี่ไม่อยู่นี่ ผมไม่ได้ซื้ออะไรเข้าตู้เย็นเลยเซฮุนเดินไปเปิดตู้เย็น พร้อมสำรวจทุกชั้นว่ามีอะไรที่พอจะเอามาทำเป็นมื้อเย็นได้บ้าง แต่ก็เจอเพียงหัวผักกาดแหว่งๆ ไข่ไม่กี่ฟองพร้อมกับหมูบดที่เหลือเพียงนิดหน่อย

     

    อย่าบอกนะว่าตอนที่พี่ไม่อยู่ นายกินแต่บะหมี่สำเร็จรูป

     

    ก็ประมาณนั้นมั้งครับ ...เอางี้ เดี๋ยวผมจะออกไปซื้อ แป๊ปเดียวรีบตัดบทเพียงแค่นั้นก่อนที่จะโดนพี่ชายดุเรื่องทานของไม่มีประโยชน์

     

    เดี๋ยวๆ พี่ไปด้วยคนเป็นพี่รีบบอก โดยลืมที่จะมองดูสังขารตัวเอง

     

    พี่จะไปได้ไงล่ะ ขาเจ็บอยู่นะ เดี๋ยวผมไปคนเดียวได้

     

    ไม่ได้นะ นายจะไปคนเดียวได้ไง มันเย็นแล้วนะไม่เด็ดขาด..ซูโฮไม่ยอมให้เซฮุนออกไปนอกบ้านดึกๆ คนเดียวแน่ๆ

     

    ให้จงอินไปเป็นเพื่อนนะหันซ้ายหันขวาก่อนจะหันไปเห็นทางเลือกสุดท้ายที่เหลืออยู่ อย่างน้อยมันก็เป็นคนที่ไว้ใจได้คนนึงล่ะนะ

     

    แล้วพี่ก็อยู่คนเดียว?”

     

    พี่ไม่เป็นอะไรหรอกน่า จะนั่งดูทีวีอย่างนี้แหละ ไม่ลุกไปไหนด้วย

     

    สุดท้ายเซฮุนก็ยอมออกมากับจงอินตามที่ซูโฮกำชับไว้...

     

     

    2 1 3

     

     

    เอ่อ/เอ่อเซฮุนกับจงอินพูดพร้อมกัน แถมยังหันหน้ามาหากันพอดีอีกด้วย เซฮุนเป็นฝ่ายหลบหน้าไปก่อน ริมฝีปากเม้มแน่น แก้มขาวขึ้นสีแดงระเรื่อเมื่อนึกถึงคำพูดจงอินในวันก่อนหน้าที่จะไม่ได้เห็นกับเกือบสองอาทิตย์

     

    นายพูดก่อนสิ...จงอินบอกกับจงอินโดยที่ตัวเองยังคงก้มลงปลายเท้าตัวเองที่เดินอยู่บนพื้นคอนกรีต

     

    ทำไมเราต้องทำเป็นไม่รู้จักกันด้วยล่ะ

     

    คำถามที่จงอินถามเป็นคำถามเดียวกับที่เซฮุนตั้งใจจะถามเหมือนกัน.. ใบหน้าหวานส่ายไปมา ลิ้นเล็กแลบเลียริมฝีปากก่อนจะเม้มลงแน่นตามเดิม

     

    จงอินเอามือล้วงเข้าในกระเป๋ากางเกงก่อนจะก้มลงมองคนที่ตัวเล็กกว่า..ใบหน้าของเซฮุนที่ไม่ได้เห็นสองอาทิตย์ทำให้รู้สึกคิดถึงแปลกๆ คิดถึงใบหน้าที่ดูจะไร้เดียงสาตลอดเวลา เอียงอายเวลาพูดอะไรให้คนๆ นี้เขิน

     

    ก็...ไม่รู้ดิ

     

    อืม ฉันก็เหมือนกัน

     

    ได้ยินคำตอบที่เหมือนกันทำให้เซฮุนหันไปหาจงอิน พอดีกับที่จงอินมองมาที่เซฮุนอยู่ก่อนแล้ว เสียงหัวเราะดังขึ้นหลังจากนั้น เซฮุนยกมือขึ้นปิดปากแล้วหันไปหัวเราะในอีกทาง

     

    พี่นายน่ะ..หัวดื้อน่าดูเลย

     

    แอบนินทาพี่ชายของเซฮุนให้เซฮุนฟัง เซฮุนไม่ได้โกรธเคืองที่จงอินกล่าวหาพี่ชายตัวเองแบบนั้น เพราะลึกๆ แล้วเซฮุนเห็นด้วยมากเลยต่างหาก โตมาด้วยกันตั้งสิบแปดปี จะไม่รู้ได้ยังไงว่าพี่ชายตัวเองจะมีนิสัยยังไง และหัวดื้อเนี่ยแหละเป็นนิสัยอย่างหนึ่งเลยของซูโฮ และไม่แน่ว่าอาจจะเป็นกับเซฮุนด้วย

     

    พี่ซูโฮก็เป็นแบบนั้นแหละ..ที่จริงพี่เราไม่ได้หกล้มใช่มั้ยล่ะ?”

     

    นี่นายรู้ด้วยเหรอว่าซูโฮโกหกจงอินตาโตอย่างไม่น่าเชื่อ ก็ตอนที่ซูโฮพูดออกมา ไม่เห็นว่าเซฮุนจะแย้งอะไร ก็เลยเผลอนึกไปว่าการแสดงที่ยอด(แย่)ของซูโฮจะตบสายตาของเซฮุนได้

     

    รู้หมดล่ะน่า เราเป็นฝาแฝดกับพี่ซูโฮนะ

     

    โหย งั้นทฤษฏีที่ว่าคนที่ฝาแฝดกัน จิตใจเขาจะสื่อถึงกันได้ ก็เป็นเรื่องจริงน่ะสิ ทั้งๆ ที่เป็นคนล่ะคนกันเนี่ยนะ

     

    จงอินยกทฤษฏีเกี่ยวกับฝาแฝดข้อหนึ่งขึ้นมาถามเซฮุน ส่วนตัวแล้วจงอินแทบไม่อยากเชื่อเรื่องพวกนี้เท่าไหร่ ถึงจะเป็นแฝดกันแต่ก็ขึ้นชื่อว่าเป็นคนละร่างกันอยู่ดี จะมีที่ไหนที่ใครอีกคนจะมารู้ใจอีกคนได้น่ะ...

     

    อืมม....ก็คงจะประมาณนั้น แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเรารู้ทั้งหมดของพี่ซูโฮนะ มันก็แค่รู้สึกได้..แค่นั้นเอง

     

    นี่...ถามอะไรหน่อยดิจู่ๆ จงอินก็ทำเหมือนจะเปลี่ยนเรื่อง เซฮุนหันไปหาจงอินพร้อมเลิกคิ้วขึ้น

     

    ไม่ได้เจอฉันสิบวัน...คิดถึงฉันมั้ย

     

    คำถามแปลกๆ ที่ออกมาจากปากจงอิน ทำเอาใบหน้าหวานร้อนผ่าว ริ้วสีแดงขึ้นผ่านแก้มขาวนวล ดวงตาเรียวเบิกกว้าง ก่อนจะรีบหลบรอยยิ้มพร้อมสายตาเจ้าเล่ห์ของจงอินไปทางอื่น จู่ๆ มาถามแบบนี้เป็นใครบ้างไม่ตกใจ เซฮุนรู้สึกว่าหัวใจตัวเองเต้นรัวแรงไม่เป็นปกติ เกรงว่าอีกฝ่ายจะได้ยินเข้า

     

    ถ..ถามอะไรของจงอินรีบกลบเกลื่อนด้วยการสาวเท้าให้ก้าวเร็วยิ่งขึ้น อีกเพียงไม่กี่เมตรก็จะถึงซุปเปอร์มาร์เก็ตแล้ว

     

    เอ้า ก็อยากรู้เลยถาม

     

    เซฮุนไม่ตอบคำถามประหลาดของจงอิน เมื่อถึงซุปเปอร์มาร์เก็ต คว้าอะไรได้ก็เอาใส่รถเข็นทั้งหมด ซึ่งดูแล้วมันไม่ได้เกี่ยวกับมื้ออาหารเย็นสักเท่าไหร่ การกระทำแบบนี้เขาเรียกว่า กลบเกลื่อนความเขิน... รถเข็นในมือถูกแย่งออกไปโดยฝีมือของคนที่รีบสาวเท้าตามหลังมา

     

    ตกลงว่าไง?” จงอินทำเนียนมาเดินข้างๆ เซฮุนที่กำลังเลือกผักสดอยู่ มองจากด้านข้างก็ยิ่งเห็นว่าทั้งแก้มของอีกฝ่ายแดงจนลามมาถึงใบหู

     

    แล้วทำไมเราต้องคิดถึงจงอินด้วยล่ะทำเป็นตอบไม่ใส่ใจ แล้วหันไปเลือกผักสีเขียวตรงหน้าต่อ ทั้งที่ตอนนี้ในใจของเซฮุนแทบจะตีกลองจังหวะร็อคอยู่แล้ว

     

    ก็เผื่อว่าเวลานายเล่นเปียโนแล้วอยากเห็นฉันไปด้วยไงล่ะ” …หลงตัวเองเป็นที่สุด

     

    มือเรียวของเซฮุนชะงักขณะกำลังเลือกหัวผักกาด... ในหัวนึกไปถึงคำพูดของอาจารย์เมื่อวานที่เพิ่งได้รับคำติแทนที่จะเป็นคำชมเหมือนทุกครั้ง อาจารย์บอกกับเซฮุนว่า ช่วงนี้ดูเหมือนจะขาดสมาธิ ดูใส่พลังกับโน้ตดนตรีไม่มากพอ ซึ่งเซฮุนก็นึกไปเองว่าตัวเองคงเหงาเพราะซูโฮไม่อยู่ แต่พอมาวันนี้ประโยคที่จงอินพูดทำให้เซฮุนเหมือนจะคิดได้ว่าแท้จริงแล้วเป็นเพราะอะไร...

     

    โอเคๆ ...สงสัยว่านายจะไม่คิดถึงฉันล่ะมั้งเห็นเซฮุนเงียบไปครู่หนึ่ง ก็เริ่มทำเอาจงอินใจสั่นขึ้นมา ...เป็นเรื่องจริงที่ตอนไปซ้อม ในหัวมันนึกถึงเซฮุนไปหมด นึกถึงเสียงเปียโนเพราะๆ นั่นด้วย

     

    ก็นิดหน่อย...เสียงหวานพึมพำออกมาคล้ายจะพูดคนเดียว แต่จงอินกลับได้ยินพร้อมเงี่ยหูฟังใกล้ๆ

     

    อะไรนะ?”

     

    ก็คงจะ...คิดถึงนิดหน่อยจบคำพูดสั้นๆ เซฮุนไม่อยู่รอให้จงอินถามอะไรอีก หรือไม่อยู่รอให้แก้มขาวเป็นสีแดงจัดมากกว่านี้ด้วย รีบโยนหัวผักกาดที่ถือไว้ในมือมาได้ครู่ใหญ่แล้วลงในรถเข็น ก่อนที่เรียวขาจะรีบก้าวออกมาจากบริเวณนั้นทันที

     

    หากคำตอบที่ออกมาเป็นเสียงเบาๆ ของเซฮุน ทำเอาจงอินยกยิ้มขึ้นมา ก่อนจะส่ายศีรษะออกมากับความน่ารักของคนที่เพิ่งเดินจากไปเมื่อครู่.. ต้องให้บอกรึเปล่า ว่าจงอินก็คิดถึงเหมือนกัน หัวใจมันเต้นรัวตั้งแต่ที่เห็นเซฮุนลงมาจากบันไดที่บ้านแล้ว.. ยิ่งคำขอของซูโฮที่ให้พาเซฮุนไปซื้อของ นี่ก็ทำเอาเขาไม่ปฏิเสธเลยด้วยซ้ำ

     

    สงสัยว่าจงอินจะหลงรักเซฮุนขึ้นมาจริงๆ ..




     

    2 1 3


     

    TBC

    พี่จงอินคนบ้าจริงๆ เลย U_U
    พอดีเข้ามาแก้ไขเนื้อเรื่องให้ดูแล้วอยากอ่านค่ะ อิ้อิ้
    มีโปสเตอร์แล้วด้วย รู้ใช่มั้ยคะคนไหนพี่ซูโฮคนไหนน้องเซฮุน > <

    เจอกันตอนหน้าค่า เยิฟ ♥





     

     

    © Tenpoints!
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×