คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : :Two, One or Three ; Part 6
|| Two, One or three || part 6
Paring : Kim Jongin, Oh Suho, Oh Sehun
♥ 2 1 3 ♥
“ผมไปนะครับ ปาป๊า~” เซฮุนบอกคุณพ่อที่นั่งจิบกาแฟอยู่ในครัว วันนี้คุณพ่อไปทำงานสายได้เพราะไม่ต้องเข้าประชุม เซฮุนที่ทานข้าวเสร็จเรียบร้อยแบบไม่ต้องเร่งรีบให้ทันพี่ชายเหมือนทุกวัน วันนี้เลยค่อยๆ ทาน นั่งคุยเล่นกับคุณพ่อสักพักก่อนจะตัวออกไปโรงเรียนก่อนที่จะสาย
“ให้ป๊าไปส่งมั้ย เซฮุน”
“ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวป๊าไปทำงานสาย ผมไปเองดีกว่า” เซฮุนตอบปฏิเสธคุณพ่อที่จะอาสาไปส่ง แต่โรงเรียนกับบริษัทของคุณพ่ออยู่คนละทางจนแบบที่ว่าต้องอ้อมไกล เซฮุนเลยเลือกที่จะไปเองดีกว่า
เซฮุนเดินตามทางที่เดินอยู่ทุกวัน เพียงแต่หลายวันมานี่เดินคนเดียวไม่มีพี่ชายเดินข้างๆ เหมือนทุกวัน ใบหน้าหวานหันซ้ายหันขวามองดูทิวทัศน์ที่นานๆ จะได้หยุดมองทีเพราะว่าซูโฮมักจะรีบเดินจนตัวเองต้องรีบสาวเท้าตามเพื่อให้ทันเดินเคียงข้างกับซูโฮ ระยะทางจากบ้านมาโรงเรียนก็ไม่ได้ไกลเท่าไหร่ เซฮุนยิ้มทักทายร้านรวงที่เคยมาซื้อของบ่อยๆ พอเป็นมารยาท แต่พอเรียวขาเริ่มเข้าใกล้โรงเรียนถึงกับหยุดชะงัก ดวงตาเรียวหรี่มองเพื่อปรับโฟกัสภาพตรงหน้าให้ชัดขึ้น
สิ่งที่เห็นอยู่ลิบๆ คือ คนตัวเล็กหน้าติดไปทางหวานมากกว่าหล่อ เพียงแต่ภายใต้ความน่ารักกลับเป็นความเท่เสียมากกว่า ลู่หานยืนพิงกำแพงของโรงเรียนด้วยท่าทางเท่ๆ ท่ามกลางสาวๆ ที่ยืนกรี๊ด บ้างถ่ายรูป บ้างยืนชี้ให้เพื่อนดู แต่ดูแล้วเหมือนว่าลู่หานจะรำคาญเด็กผู้หญิงพวกนี้เกินทน แล้วเซฮุนก็รู้ด้วยว่าทำไมลู่หานถึงยังยืนรออยู่ตรงนั้น!
ก็รอเซฮุนเนี่ยสิ… คำพูดของลู่หานในโรงอาหารวันนั้น เซฮุนแทบไม่อยากจะเชื่อว่าคนๆ นี้จะทำจริงๆ เพราะนับจากที่มีเรื่องวันนั้น สายตาของเขาแทบจะเห็นลู่หานไปทุกๆ ที่ ที่เขาไปตลอด แม้แต่ตอนเข้าห้องน้ำ นี่เผลอคิดไปว่าถ้าลู่หานรู้ว่าบ้านเขาอยู่ไหนคงตามถึงบ้านแน่ ไม่เข้าใจว่าเรื่องไม่พาไปกินข้าวที่โรงอาหารถึงกับต้องจองเวรจองกรรมล้างแค้นกันขนาดนี้เลยหรือไง แต่ด้วยความเป็นคนที่ไม่ชอบสู้ใคร หรือง่ายๆ คือเป็นคนชอบอยู่เฉยๆ ผิดกับซูโฮ ที่เซฮุนเชื่อว่าถ้าเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นกับพี่ชายตัวเอง ป่านนี้คงต่อยหน้าสวยๆ ของลู่หานไปสักหมัดแล้ว ไม่ก็อาจจะด่าแบบไม่ไว้หน้าไปเลยก็ได้
“เฮ้ย!!” เสียงตะโกนของลู่หานทำให้สาวๆ บริเวณนั้นถึงวงแตก แยกกระจายกันไปคนละทาง นึกว่าหนุ่มหน้าหวานที่ยืนจ้องกันอยู่เกิดโมโหขึ้นมา แต่ความจริงแล้วลู่หานเรียกคนที่กำลังจะเดินหลบเขาต่างหาก
เซฮุนก้มตัวลงต่ำพร้อมยกกระเป๋าขึ้นบังหน้าเอาไว้ แล้วอาศัยจังหวะที่คนเดินเข้าโรงเรียนเยอะๆ เป็นกำบังให้ตัวเองเดินผ่านไปอีกชั้นหนึ่งแล้ว คิดว่าจะรอดแล้วเชียว.. เซฮุนสบถออกมาในลำคอ ก่อนจะรีบปั้นหน้าให้เป็นปกติ ยกกระเป๋าลงพร้อมหันไปทางลู่หานที่กำลังย่างสามขุมเข้ามาใกล้
“อ้าว ลู่หาน อรุณสวัสดิ์” ปั้นเสียงทักทายให้เป็นธรรมชาติที่สุด ยิ้มกว้างโชว์ฟันขาวอย่างไม่เต็มใจนัก
“อรุณสวัสดิ์เหรอห๊ะ นี่นายบอกว่าอรุณสวัสดิ์เหรอ เดินหลบฉันทำไม!” นิ้วเล็กของลู่หานถูกยกขึ้นชี้หน้าเซฮุนพร้อมตะโกนเสียงดังก้องจนเริ่มเป็นจุดสนใจของคนในโรงเรียน ยิ่งเวลานี้คนมาโรงเรียนก็ยิ่งเยอะ กลุ่มเกาหลีมุงก็เยอะ..
“ม..ม ไม่ได้หลบ ก็เราไม่เห็นนี่ว่านายยืนอยู่ตรงนั้น” ตลอดชีวิตไม่เคยโกหกเฉพาะหน้ามาก่อน คิดสดเลยนะประโยคที่พูดออกไปเมื่อครู่
“โอเค ไม่หลบก็ไม่หลบ งั้นๆ ไหนนายก็เห็นฉันแล้ว ไปกินข้าวเป็นเพื่อนหน่อยแล้วกัน” ไม่รู้ว่าประโยคลู่หานเชื่อในคำโกหกของเซฮุนหรือว่าพูดตัดบท กายเล็กแต่ดูแข็งแรงเอื้อมมือจับแขนของเซฮุนให้เดินมาด้วยกัน ซึ่งดูยังไงก็เป็นว่าลู่หานฉุดเซฮุน บีบบังคับให้มาด้วยกันต่างหาก
“เอ่อ คือเรากินแล้วอะ นายไปคนเดียวแล้วกัน เดี๋ยวเราจะขึ้นห้อง” ตั้งใจจะบอกปฏิเสธ แต่พอเจอหน้าลู่หานที่หันกลับมา ก็แทบจะหลบสายตาไม่ทัน เสียดายหน้าตาน่ารักๆ พอทำหน้าโหดทีนี่ความน่ารักลดลงจนเหลือระดับศูนย์
“ฉันบอกให้ไปก็ไป”
สุดท้ายเซฮุนก็ต้องยอมทำตามคำสั่งของลู่หานจนได้..
เซฮุนนั่งมองคนฝั่งตรงข้ามที่ตักข้าวเข้าปากอย่างไม่สบอารมณ์นัก คิ้วสวยขมวดยุ่ง มือบางถูกยกขึ้นเท้ากับคางเรียว ลอบถายใจเบาๆ
....อย่างกับเด็ก ใบหน้าน่ารักของลู่หานเดิมทีก็เป็นที่สนใจของคนทั้งโรงเรียนอยู่แล้ว ได้ยินมาว่าหลังจากที่เข้าเรียนวันแรก สาวๆ ก็ติดตรึม ดูเหมือนว่าเจ้าตัวจะเล่นด้วยแค่ไม่กี่คนเท่านั้น อยู่ห้องD แต่เห็นว่าเรียนเก่งพอตัว คงจะเป็นเพราะนิสัยกับพฤติกรรมเลยทำให้ไปอยู่ห้องแบบนั้นได้ แล้วเซฮุนก็รู้ถึงอีกข่าวนึงของลู่หานที่เขาลือกันให้แซ่ดว่า คนน่ารักคนนี้เป็นถึงลูกเจ้าพ่อใหญ่คนนึงที่ประเทศจีน มีเรื่องชกต่อยนอกโรงเรียนบ่อยครั้ง บางคนก็บอกว่าคนๆ นี้เป็นอันธพาล แต่เท่าที่เซฮุนดูๆ แล้ว ก็ไม่เห็นจะเข้ากันเลยสักนิด.... ถึงหน้าตาที่แสนจะน่ารักจะใช้เป็นอาวุธขู่สู้ใครไม่ได้ แต่เรื่องแรงพละกำลังของคนตัวเล็กคนนี้ก็ถือว่าดีอย่าบอกใครเชียว...
“มองอะไร” ลู่หานละสายตาจากหนังสือการ์ตูนในมือที่เอามาอ่านระหว่างทานข้าว มือเล็กที่กำลังถือช้อนและจะนำเอาเข้าปากเป็นคำต่อไปหยุดลง เมื่อรู้สึกถึงสายตาของคนที่ตนเองขู่บังคับให้มานั่งด้วยจ้องมาได้สักพักแล้ว
ดวงตาเรียวเล็กกลอกไปมาเมื่อได้ยินคำพูดของคนตรงข้าม ...มองอะไรงั้นเหรอ ถามมาได้นะ เซฮุนนึกอยากจะว่าคนตรงหน้านี่ให้สักที มีที่ไหนบังคับให้มานั่งเป็นเพื่อนแบบเนี้ย! เพื่อนตัวเองไม่มีหรือไง คิดว่าเขาว่างนักเหรอ ต้องมานั่งเฝ้าคนกินข้าวแบบเนี้ยห๊ะ!!! …..แต่ว่ามันไม่ใช่นิสัยตัวเองเลยแม้แต่น้อย เลยได้แต่สั่นหัวไปมาแทนการบอกปฏิเสธ
“ก็เห็นอยู่มอง มีอะไร พูดมา” ..เอาแต่ใจเป็นที่หนึ่ง อยากได้อะไรต้องได้ ลองได้ยินลู่หานพูดแบบนี้ ก็มีแต่เซฮุนเท่านั้นที่ต้องยอมเปิดปากพูด
“กินเสร็จรึยัง เรามีธุระต่อนะ” แต่หากเซฮุนเลือกที่จะเลี่ยงตอบคำถามของลู่หาน เปลี่ยนเป็นคำถาม ถามกลับคนตรงหน้าแทน ข้าวในจานที่พร่องไปเกือบครึ่งแล้วทำเอาเซฮุนนึกดีใจที่จะได้เวลาส่วนตัวคืนมาสักที เซฮุนก้มลงมองนาฬิกาที่สวมอยู่ที่ข้อมือขาว... เหลือเวลาอีกครึ่งชั่วโมง คงพอมีเวลาไปทำจิตใจให้สบายๆ ที่ห้องเปียโนสักนิดก็ยังดี
“ไปไหน” แน่ะ.. ยังจะถามต่ออีก
“เรื่องของเรา” ตอบแบบรำคาญก่อนคว้ากระเป๋าสะพายตัวขึ้นพาดบ่า ไม่สนใจแล้วว่าลู่หานจะกินเสร็จหรือยังไม่เสร็จ อยากจะอกไปจากตรงนี้สักที ก่อนที่ความอดทนจะหมดลง..
“ถามว่าไปไหน”
...นี่กะจะให้ตอบให้ได้เลยหรือไง เซฮุนหันไปมองแววตาคาดคั้นของลู่หาน ดวงตากลมโตจ้องมาอย่างบังคับว่าถ้าไม่ตอบมีเรื่องแน่ๆ และคนรักความสงบอย่างเซฮุนคงจะไม่ยอมให้เรื่องมันเกิดขึ้นแน่นอน... แต่คิดกลับกันว่า ถ้าบอกว่าจะไปให้ห้องชมรม มีหวังว่าคนๆ นี้จะต้องตามไปรบกวนแน่ๆ ที่นั่นมันคือโอเอซิสของเซฮุนเลยนะ ที่ว่าเป็นที่เดียวในโรงเรียนที่เขาชอบมากที่สุด
“จะกลับห้องแล้ว เรายังทำการบ้านไม่เสร็จ” ที่คิดได้ตอนนี้คือการโกหก.. ถึงแม้ว่าจะทำไม่เก่ง แต่อย่างน้อยมันก็อาจจะช่วยได้ จริงๆ แล้วมันเป็นความจริงส่วนหนึ่ง การบ้านยังไม่เสร็จก็จริงแต่ว่ามันส่งช่วงบ่ายต่างหาก เพราะงั้นตอนเที่ยงค่อยให้คยองซูสอนก็ได้ เพราะว่าพี่ซูโฮไม่อยู่ก็เลยทำผิดๆ ถูกๆ เลยตัดสินใจว่าค่อยให้คยองซูช่วยดูให้
“เอาขึ้นมาทำตรงนี้” สิ้นคำสั่งของลู่หาน เซฮุนถึงกับกรีดร้องภายในใจที่ใกล้จะระเบิดเต็มทน คนตัวบางกำสายกระเป๋าสะพายแน่นเพื่อระงับอารมณ์ไว้
..ยุบหนอ พองหนอ โอเซฮุน
“อา~~ จริงด้วยสินะ ทำตรงนี้ก็ได้นี่น่า เหลือเวลาอีกตั้งเยอะนี่เนาะ~” แกล้งทำเสียงร่าเริง ก่อนจะหันใบหน้าหวานเปื้อนรอยยิ้มมาทางลู่หาน ....เป็นยิ้มทีไร้ความจริงใจที่สุดตั้งแต่ที่เซฮุนเกิดมา
เซฮุนเปิดกระเป๋าออกมาก่อนจะหยิบสมุดการบ้านวิชาคณิตศาสตร์ที่ถือว่าเป็นวิชาที่เซฮุนเกลียดที่สุด จริงๆ แล้วก็ไม่ชอบมันซะทุกวิชา ..ความตั้งใจที่จะให้คยองซูสอนให้ตอนพักกลางวันเลยหายไปซะหมด เพราะหลีกหนีลู่หานไม่ได้สักที ไม่รู้ว่าชาติที่แล้วไปทำเวรทำกรรมอะไรกับคนๆ นี้รึเปล่า
แค่เปิดโจทย์ข้อแรกมาเซฮุนมึนตึ้บแล้ว... เลขอะไรยกกำลังเต็มไปหมด ยกอยู่ได้ไม่เมื่อยรึไง? มือข้างที่จับปากกาเริ่มลอกโจทย์ลงไปในสมุด ก่อนจะถึงขั้นวิธีทำ ในหัวพยายามนึกถึงที่ซูโฮเคยสอน แต่คนทำไม่เป็นก็คือทำไมเป็น.. ก็โจทย์ที่พี่ซูโฮสอนมันไม่เหมือนโจทย์ตอนนี้ เอาจริงๆ ถึงวิธีทำจะเหมือนกัน แต่แค่เปลี่ยนตัวเลขเซฮุนก็งงแล้ว ละนี่ยังมีเศษส่วน แสควร์รูท.. อะไรอีกมากมายที่ปนกันไปหมด นึกสงสัยว่าแก้โจทย์พวกนี้ไปแล้วได้อะไร ..เคยลองถามพี่ซูโฮ ก็ได้รับคำตอบแบบกวนๆ มาว่า ‘ก็ได้คำตอบไปส่งอาจารย์ไง’ ...
“ทำไม่ได้เหรอ” เสียงของลู่หานถามขึ้นหลังจากที่ลอบสังเกตคนตรงข้ามที่เปิดหน้าเดิมพร้อมโจทย์ข้อเดิมมาเป็นเวลานานแล้ว ชะโงกหน้าไปดูแล้วก็พบว่าตัวเลขที่ปรากฏอยู่บนหน้ากระดาษมันแปลกๆ
“บ้าเหรอ ตรงนี้นายต้องเอาแสควร์รูทออกมาก่อนสิ” ลู่หานพอจะรู้แล้วว่าตัวเลขแปลกๆ พวกนั้นมันมาได้ไง เซฮุนเล่นเอาทั้งหมดมารวมกันโดยไม่หาค่ายกกำลังหรือแม้แต่จะเอาแสควร์รูทออกก่อน ทำแบบนั้นมันก็ผิดน่ะสิ
เซฮุนเงยหน้ามองลู่หานอย่างอึ้งๆ ทีแรกไม่เชื่อว่าที่เขาลือกันว่าลู่หานเรียนเก่งจะเป็นเรื่องโม้ แต่เห็นว่าจะเป็นเรื่องจริงซะแล้วหลังจากที่ได้เจอกับตัวเองในตอนนี้ ลู่หานอธิบายวิธีทำต่างๆ ให้เซฮุนจนครบการบ้านทุกข้อ ซึ่งเซฮุนคิดไปคิดมาแล้ว ลู่หานก็อธิบายได้ดีพอๆ กับซูโฮเลย.. เพียงแต่ดุไปหน่อยเท่านั้น
“แค่นี้ไม่เข้าใจรึไง?” เสียงเล็กพูดตำหนิหลังจากอธิบายข้อสุดท้ายเสร็จ กว่าจะพูดแต่ละข้อให้เซฮุนเข้าใจ ทั้งๆ ที่มันทำแบบเดียวกันทุกข้อ แต่คนๆ นี้เล่นถามทุกข้อ จนเกือบจะได้โวยออกไปอยู่แล้วว่าทำไมไม่เข้าใจสักที พอเงยหน้าขึ้นมาเห็นใบหน้าหวานปนความสงสัยพร้อมขึ้นเควสชั่นมาร์คที่คล้ายจะลอยอยู่เต็มหัวแบบนั้น เลยทำให้ลู่หานต้องพยายามอธิบายให้ช้าที่สุด ถึงแม้ว่าจะพูดแบบเดิมก็ตาม..
“ใครจะไปเก่งแบบนายล่ะ” เซฮุนพูดประชดประชัน เบะปากออกเล็กน้อยไม่ชอบใจที่อีกฝ่ายพูดเหมือนจะดูถูก ขอถอนคำพูดเมื่อกี๊ที่ชม.. มือเรียวเก็บเครื่องเขียนลงในกล่องดินสอแล้วโยนลงไปในกระเป๋า ยกนาฬิกาขึ้นดูก่อนดวงตาเรียวจะต้องเบิกกว้างขึ้นอย่างตกใจ.... เก้าโมงกว่าแล้ว!! เลยเวลาโฮมรูมมาสิบนาทีกว่าได้ คิดขึ้นมาได้ว่าถ้าเข้าไม่ทันอาจจะโดดเช็คสาย..
“เฮ้ย เก้าโมงแล้วนะ ไปเข้าห้องเรียนเร็ว!” พูดเสียงร้อนรนก่อนจะรีบดึงตัวอีกคนที่นั่งอยู่ด้วยกันให้ลุกขึ้นด้วย แต่ลู่หานกลับส่ายหน้าออกมา เรียกคิ้วสวยให้ขมวดยุ่ง
“นายไปก่อนเหอะ เดี๋ยวฉันค่อยเข้า” ลู่หานบอกกับเซฮุนแบบนั้นก่อนเลี่ยงเดินออกมาอีกทาง เซฮุนมองคนที่เดินออกไปอย่างงงๆ .. จะไปไหน เวลานี้มันควรจะอยู่ในห้องเรียนได้แล้ว แต่ตอนนี้ยังไม่ใช่เรื่องที่น่าห่วงสักเท่าไหร่ ใช่แล้ว..ตอนนี้โอเซฮุนควรจะห่วงตัวเองที่เผลอๆ จะโดนเช็คว่าโดดคาบโฮมรูม
คิดได้อย่างนั้นก็รีบโกยเท้าวิ่งให้เข้าห้องเรียนได้เร็วกว่านี้สักหนึ่งนาทีก็ดี...
♥ 2 1 3 ♥
“เซฮูนนนน ~~ การบ้านเสร็จยัง” คยองซูถามเพื่อนซี้ที่นั่งข้างตัวเองหลังจากทานอาหารกลางวันเสร็จ
หลังจากที่เซฮุนรีบวิ่งขึ้นบันไดเข้าห้องเรียนได้ทันเวลาพอดีแบบคาบเส้น โดยอาจารย์มองหน้านิดหน่อย ยิ้มหวานเข้าให้ก็โชคดีไปที่อาจารย์ยังคงใจดีไม่ตัดคะแนนเพราะว่าเป็นเด็กดีมาตลอด แล้วก็ถือว่าโชคดีที่การบ้านที่ต้องส่งในช่วงบ่ายเสร็จทั้งหมดด้วยการช่วยของลู่หาน
ชีวิตการเรียนของเด็กห้องC ส่วนใหญ่ก็มีทั้งเก่งในระดับปานกลางจนไปถึงค่อนข้างแย่ ส่วนเซฮุนก็อยู่ในระดับเกือบแย่... คยองซูถือว่าพอใช้ได้ อย่างน้อยก็พอสอนเซฮุนได้ก็แล้วกัน.. ส่วนใหญ่เรื่องการบ้านของวันนี้ก็จะเป็นสุมหัวกันทำหรือช่วยกันลอกซะมากกว่า อย่างเช่นตอนนี้..พักเที่ยงปุ๊ป วิชาช่วงบ่ายคือคณิตศาสตร์ เชื่อว่าการบ้านที่ต้องส่งยังไม่มีใครทำ ...
“อ่อ เสร็จแล้วๆ” คำตอบของเซฮุนส่งผลให้คยองซูที่เป็นหนุ่มน้อยตาโตน่ารักอยู่แล้วเบิกกว้างเข้าไปอีก ...ไม่น่าเชื่อว่าคนอย่างเซฮุนจะทำการบ้านเสร็จ
มือเรียวหยิบการบ้านในกระเป๋าขึ้นมาให้คยองซู เด็กหนุ่มตัวเล็กรับไปอย่างงงๆ ไล่เปิดสมุดหน้าที่เป็นการบ้านดู ก่อนจะนำเอามาเทียบกับของตัวเอง ...และไม่น่าเชื่อว่าทำถูกทั้งหมด
“ให้ใครสอนอะ พี่ซูโฮไม่อยู่นี่?” ถามเพื่อนออกไปติดเสียมารยาทนิดๆ แต่เซฮุนไม่ได้ว่าอะไรเพราะว่าเป็นความจริงว่าให้ทำคนเดียวเขาก็ทำไม่ได้อยู่แล้ว
“เอ่อ ล..ลู่หานน่ะ”
“ลู่หาน? คนนั้นน่ะเหรอ ที่ทักเซฮุนวันนั้น” คยองซูนั่งลงข้างๆ เพื่อนดังเดิม ก่อนจะเลิกคิ้วถาม เซฮุนพยักหน้าลงเบาๆ แต่คยองซูกลับมีสีหน้าที่ไม่ค่อยพอใจสักเท่าไหร่ จนเซฮุนสงสัย
“ทำไมเหรอ?”
“นายไม่เคยได้ยินข่าวลือของลู่หานรึไงล่ะ” คยองซูทำตาโตอย่างไม่เชื่อว่าเพื่อนสนิทตัวเองจะเป็นคนไม่ทันคนได้ขนาดนี้ ..บางก็ทีก็ซื่อจนน่าตกใจ ไม่น่าพี่ซูโฮถึงได้ออกอาการเป็นห่วงอยู่ได้ตลอดเวลา เป็นฝาแฝดที่ไม่เหมือนกันอะไรขนาดนี้นะ..
“ข่าวลือเรื่องอะไรล่ะ? ก็ได้ยินมาตั้งเยอะนะ เรื่องต่อยคนเหรอ? เรื่องเรียนเก่ง? แล้วมีเรื่องอะไรอีก” เซฮุนยกนิ้วขึ้นมานับ บรรดาเรื่องข่าวลือทั้งหลายของคนที่ชื่อลู่หาน ได้ยินมาเยอะจนไม่รู้ว่าอันไหนคือเรื่องจริงหรือไม่จริง แต่เมื่อเช้าเซฮุนได้พิสูจน์แล้วว่าเรื่องเรียนเก่งนี่เป็นเรื่องจริง ส่วนเรื่องอื่นนี่ก็ไม่รู้เหมือนกันเพราะว่ายังไม่เคยเห็นกับตา
“มันก็อะไรประมาณนั้นแหละ ทางที่ดี..เราว่านะ เซฮุนอย่าไปยุ่งกับเขามากเลย เราว่ามันดูอันตรายยังไม่รู้”
“ใครว่าเราอยากยุ่งกันล่ะ เราหนีจะตายไป ลู่หานนั่นแหละตามเราตลอด” เซฮุนส่ายหน้ารัว รีบแก้คำพูดของเพื่อน เขาไม่ได้อยากจะยุ่งกับลู่หานเลยสักนิด มีแต่ลู่หานที่ชอบมากวนอยู่เรื่อย ...แต่เอาจริงๆ ลู่หานก็ไม่ได้มีอะไรเลวร้ายเท่าไหร่ จากที่ได้คุยๆ กันมา ถึงจะดูชอบบังคับขู่กันก็เถอะ มันดูเหมือนว่าจะแกล้งกันเสียมากกว่า
“ก็นั่นแหละ พยายามห่างๆ ไว้นะ” มือเล็กของคยองซูเอื้อมตบไหล่เพื่อนเบาๆ ก่อนจะหยิบสมุดการบ้านของเซฮุนพร้อมของตัวเองเดินไปส่งที่ห้องพักครู
อันตรายเหรอ..? คนหน้าตาน่ารักอย่างลู่หานจะเป็นใครกันแน่ ถ้าตัดเรื่องชอบบังคับ ชอบเสียงดังใส่เซฮุน ก็อาจจะเป็นคนดีคนนึงเลยก็ได้นะ ....แต่ก็ไม่รู้ เพราะไม่เคยถามอะไรที่เกี่ยวกับคนตัวเล็กนั่นเลยสักนิด หรือไม่ก็ต้องบอกว่าไม่คิดจะเข้าไปยุ่งต่างหาก..
จริงสิ.. จะว่าไปยังไม่ได้ขอบคุณลู่หานเรื่องการบ้านนี่เลย ... จู่ๆ เซฮุนก็นึกขึ้นมาได้ เมื่อเช้าก็รีบๆ เลยลืมไปซะสนิท ไม่เป็นไร เดี๋ยวยังไงก็ต้องเจอกันอีกอยู่แล้ว ไว้ค่อยพูดตอนนั้นแล้วกัน ..
♥ 2 1 3 ♥
เวลารู้สึกหงุดหงิด ไม่สบายใจหรือเครียดจนอยากจะร้องไห้ สิ่งที่ทำให้เซฮุนรู้สึกดีขึ้นมามีไม่กี่อย่าง.. หนึ่งคือพี่ซูโฮ สองคือรูปถ่ายของคุณแม่ที่มักพกติดกระเป๋าไว้ และอย่างที่สามคือเปียโน ...แต่ในเวลานี้ไม่ได้มีอะไรมารบกวนจิตใจของเด็กหนุ่ม.. นิ้วเรียวที่กำลังเล่นเพลงเพราะออกมาจากเปียโนอยู่ตอนนี้มาจากจิตใจที่กำลังปล่อยให้เป็นธรรมชาติทั้งหมด ตอนเด็กๆ คุณแม่จะสอนให้เซฮุนเล่นเปียโน ก็เลยเป็นเหตุให้เจ้าตัวชอบมากจนถึงทุกวันนี้ นอกจากจะได้ทำในสิ่งที่ชอบแล้วก็ยังเหมือนกับว่าคุณแม่อยู่ข้างๆ ตลอดเวลาอีกต่างหาก
..เหมือนอย่างตอนนี้ ที่เซฮุนอมยิ้มบางๆ ยามที่นิ้วเรียวได้สัมผัสกับคีย์ กดเบาๆ ก็เกิดเสียงขึ้นมา เปลือกตาบางปิดลงพร้อมนิ้วมือที่วางประจำตำแหน่ง กดเล่นเพลงที่คุณแม่สอนให้เป็นเพลงแรก จำโน้ตได้แม่นตั้งแต่เด็กๆ ซึ่งเพลงนี้ก็เพลงที่ชอบเล่นกับซูโฮด้วย เพียงแต่พอโตแล้วซูโฮก็หันไปเอาดีด้านบาสเก็ตบอลซะหมด ตอนนี้เลยหลงๆ ลืมๆ
“อ้าว ยังไม่กลับเหรอ เซฮุน” อาจารย์ประจำชมรมเปิดประตูเข้ามาทักทาย เพราะได้ยินเสียงเปียโนดังอยู่ เวลานี้คนที่มาเล่นก็มีอยู่คนเดียว ลูกศิษย์สุดรักที่ขยันมาได้ทุกวี่ทุกวัน ทั้งๆ ที่คนอื่นแทบจะลาออกจากชมรมไปอยู่แล้ว อาจารย์อยากจะไปขอให้ผู้อำนวยการเห็นใจชมรมดนตรีคลาสสิกเล็กๆ นี้เหลือเกิน มีเด็กๆ เก่งอย่างเซฮุนอยู่ทั้งคน ถ้าเอาไปแข่งที่ไหน รางวัลคงอยู่ไม่ไกลแน่ๆ
“เดี๋ยวจะกลับครับ อาจารย์” เด็กหนุ่มหันไปตามเสียงเรียกก่อนจะส่งยิ้มให้อาจารย์ประจำชมรมที่มักจะแวะเวียนกันมาหาอยู่บ่อยครั้ง แล้วก็ยังสอนเพลงใหม่ๆ ให้เซฮุนเล่นอีกด้วย
“รีบกลับล่ะ เย็นแล้วนะ”
ช่วงเวลาเย็นของโรงเรียน มักจะเป็นช่วงเวลาที่ไม่ค่อยน่าอยู่เสียเท่าไหร่ ตามที่ได้ยินเรื่องเล่าๆ ต่างกันมา เช่น วิญญาณในห้องวิทย์ หรือในห้องดนตรีที่เซฮุนอยู่ตอนนี้ บางทีก็เป็นต้นไม้ใหญ่ที่ได้ยินว่ามีคนนั่งอยู่บนนั้น ....คิดแล้วก็ขนลุกซู่ขึ้นมา ทุกทีก็กลับพร้อมซูโฮ แต่พอมานึกได้ว่าตัวเองไม่ควรจะอยู่เย็นแบบนี้ในเวลาที่ซูโฮยังไม่กลับจากซ้อม ความกลัวมันเริ่มจะตีกันขึ้นมา
... จริงๆ ก็ไม่ได้น่ากลัวอะไร แต่ถ้าให้เลือกก็ขออย่าเจอคงจะดีกว่า
สิ้นเสียงอาจารย์พร้อมกับประตูที่ปิดลง เด็กหนุ่มยังนั่งอยู่หน้าเปียโนก็รีบเก็บข้าวของใส่กระเป๋าเตรียมกลับบ้าน เมื่อนึกถึงเรื่องลึกลับที่คยองซูชอบเล่าให้ฟัง
เซฮุนเดินออกจากโรงเรียน ขนาดที่ว่าข้างในโรงเรียนก็เงียบแล้วเพราะไม่มีนักกีฬาออกมาซ้อมตามลานกว้างหรือลู่วิ่งเหมือนทุกเย็น ด้านนอกโรงเรียนก็ยังเงียบเพราะไม่ใช่เวลาที่นักเรียนกลับบ้าน เรียวขารีบก้าวเร็วเพื่อจะรีบไปถึงบ้าน ไม่เคยอยู่เย็นขนาดนี้พียงคนเดียวนอกจากจะรอซูโฮซ้อมบาสเสร็จ
มือขาวล้วงเข้าไปในกระเป๋าสะพายที่อยู่บนไหล่ข้างขวาคว้าไอพอดคลาสสิคขึ้นมา เสียบหูฟังทั้งสองข้าง นิ้วมือเลื่อนไปที่ปุ่มเพลย์ เปิดเพลงฟังจะได้ไม่รู้สึกว่าเดินอยู่คนเดียว ขณะที่กำลังก้มหน้าก้มตาเลือกเพลงอยู่ไม่ได้มองทางข้างหน้า อีกทั้งเพลงที่เปิดเสียงดังจนเกือบสุดทำให้ไม่ได้ยินเสียงข้างนอก เสียงที่ดังก้องในหูคือเสียงเปียโนที่เจ้าตัวชอบฟังและเรียกได้ว่าเป็นสิ่งที่โปรดปรานอีกอย่างหนึ่งเลยก็ว่าได้ ใบหน้าหวานอมยิ้มเมื่อได้ทำสิ่งที่ชอบ นัยน์ตาสวยก้มลงมองชื่อเพลงพร้อมก้าวเดินไปเรื่อยๆ ไม่ได้เหลียวซ้ายแลขวา หรือมองไปด้านหลังว่ากำลังมีเหตุการณ์อะไรขึ้นอยู่
ด้านหลังของเซฮุนกลุ่มวัยรุ่นนับสิบกำลังวิ่งไล่อะไรบางอย่างอยู่ ในมือเต็มไปด้วยท่อนไม้หรือท่อนเหล็กที่ไม่รู้ว่าไปหามาจากมาไหน และถ้าให้เดาก็ยังคงเป็นนักเรียนอยู่ เสียงรองเท้าที่วิ่งไล่มาข้างหน้ายังไม่ทำให้คนที่กำลังเดินฮัมเพลงอยู่รู้สึกตัว
“เฮ้ย!! มันอยู่ไหนวะ” เสียงชายคนหนึ่งตะโกนขึ้นเสียงดังพร้อมกับฝีเท้าที่ยังไม่หยุดวิ่ง
“กูว่ามันยังไปไม่ได้ไกล ลองแยกกันหาดิวะ” หนึ่งในนั้นตะโกนกลับมาพร้อมเสนอทางเลือกให้แยกย้ายกันหาคนที่กำลังตามหาอยู่
กลุ่มคนแยกออกไปเป็นคนละทางเพื่อทำตามที่บอก ก่อนที่หนึ่งในนั้นจะเหลือบเห็นกายบางที่เดินอยู่ข้างหน้าไม่ใกล้ไม่ไกลนัก ริมฝีปากยกยิ้มขึ้นเมื่อคิดอะไรดีๆ ได้
“มึง นั่นชุดนักเรียนเดียวกับมันเลยว่ะ” ไม่ปล่อยให้ได้เดินไปไกลกว่านี้ ชายคนนั้นรีบย่างก้าวเดินเข้ามาหาเซฮุนที่ยังคงเดินก้มหน้าอยู่ มือหนาจับเข้าที่ไหล่บางส่งผลให้กายบางสะดุ้งสุดตัวก่อนจะหันไปด้านหลังทันที ดวงตาเรียวเบิกกว้างด้วยความตกใจก่อนที่มือขาวจะถอดหูฟังออกข้างหนึ่งเพื่อหยุดคุยกับคนแปลกหน้าที่เข้ามาทัก
... แต่ดูแล้วไม่ค่อยน่าไว้ใจเสียเท่าไหร่
“อยู่โรงเรียนนี้?” ชายคนนั้นก้มมองตราโรงเรียนที่ปักติดอยู่กับสูทที่เซฮุนสวมทับอยู่ ก่อนที่ใบหน้าหวานจะพยักหน้าลงเบาๆ ไหล่บางพยายามสะบัดมือหนาให้หลุดออกจากกายตัวเอง แต่หากถูกดึงไว้แน่น
ริมฝีบางเม้มแน่น ก่อนจะใช้สายตามองคนที่ตัวสูงกว่าตัวเอง ...เหมือนพวกนักเลงยังไงไม่รู้
“ทำไมเหรอครับ” ทำใจกล้าถามออกไป มือกระชับกระเป๋าสะพายบนไหล่แน่น ก่อนจะช้อนสายตาขึ้นมอง
“รู้จักคนชื่อลู่หานมั้ย” ถามห้วนๆ เพราะต้องการได้รับคำตอบอย่างทันที มือหนาเปลี่ยนมากุมรอบข้อมือบางแน่น คล้ายกับการขู่ว่าห้ามโกหก
เพียงแค่ได้ยินชื่อที่ออกมาจากปากคนตรงหน้า คิ้วสวยขมวดยุ่ง พลางนึกไปถึงคนที่สอนการบ้านตัวเองเมื่อเช้า แล้วก็เผลอนึกถึงเรื่องที่เคยได้ยินต่อๆ กันมา ว่าลู่หานเป็นนักเลง ...แต่จะใช่ลู่หานคนเดียวกันเหรอ คนชื่อลู่หานอาจจะมีหลายคนก็ได้ แต่จะว่าไปเขายังไม่เห็นลู่หานเลยตั้งแต่เมื่อเช้านี้ แล้วในเวลานี้ควรจะตอบว่ารู้จักหรือไม่รู้จักดีล่ะ.. ถ้าสมมติว่าเป็นลู่หานคนเดียวกัน ลู่หานก็อาจจะซวยก็ได้
“ว่าไงล่ะ รู้จักมั้ย! เงียบทำไม” เสียงตวาดของคนตัวสูงดังขึ้นอีกครั้ง เลยทำให้ใบหน้าหวานส่ายหน้าออกมา พร้อมบิดข้อมือตัวเองให้ออกจากการจับข้อมือหนาได้ในที่สุด
อันตรายแน่ ..ทั้งบอกกับไม่บอกก็มีค่าเท่ากัน เซฮุนรู้สึกอย่างนั้น ดวงตาเรียวลอบมองไปด้านหลังของชายหนุ่ม ก่อนจะพบว่ามีอีกเป็นสิบคนที่ยืนเรียงรายกันอยู่ตรงนั้น ...ทำไมเรื่องมันต้องมาเกิดในวันที่เขาต้องกลับบ้านคนเดียวด้วย รู้สึกกลัวขึ้นมา.. พี่ซูโฮก็ไม่อยู่ อีกทั้งบริเวณนี้ยังเป็นบริเวณที่ไม่ค่อยมีคนเดินผ่านเสียเท่าไหร่ เซฮุนตัดสินใจหมุนตัวกลับหลังก่อนจะออกแรงวิ่งให้เร็วที่สุด
“เฮ้ย กูว่าไอนั่นมันต้องรู้จักมันแน่ ตามมันไปดิวะ!!”
เรียวขาพยายามวิ่งให้เร็วที่สุด ถึงแม้ว่าส่วนสูง น้ำหนักอะไรจะเท่ากันกับซูโฮทั้งหมด แต่เพราะเซฮุนไม่ชอบออกกำลังกาย แค่ออกแรงวิ่งครู่เดียวก็เหนื่อยหอบแล้ว ริมฝีปากบางเผยอออกเพื่อรับลมหายใจเข้าทางบาง เสียงหอบหายใจดังออกมาเป็นระยะ ใบหน้าหวานลอบมองด้านหลังก่อนจะต้องเม้มริมฝีปากแน่น เพราะกลุ่มคนด้านหลังยังคงวิ่งตามมาไม่ได้หยุด
นี่มันเรื่องอะไรเนี่ย...? ในหัวของเซฮุนมีคำถามเต็มไปหมด อยู่กับพี่ซูโฮ กลับบ้านเย็นกว่านี้ไม่เคยเจอเรื่อง แต่ทำไมพอเขาอยู่เดียวมันต้องมีเรื่องแบบนี้ด้วย ปลายเท้าของเซฮุนยังคงวิ่งไม่ได้หยุด ลมหายใจเริ่มติดขัดเพราะไม่เคยวิ่งเร็วได้ขนาดนี้ ทางเลี้ยวตรงหัวมุมเป็นทางที่เซฮุนตัดสินใจวิ่งไปทางนั้น แต่หากเลี้ยวไปแล้ว แขนของใครบางคนที่โผล่ช่องแคบที่ซ่อนอยู่ระหว่างมุมตึกรั้งแขนบางให้เข้ามาด้านใน ไม่ทันจะเอ่ยร้องเพราะความตกใจ ริมฝีปากก็ถูกปิดกั้นด้วยฝ่ามือ แผ่นอกบางกระเพื่อมขึ้นลงเพราะความเหนื่อยที่แทบจะจุกอก เสียงที่ตามหลังเซฮุนดังขึ้นอีกระลอก ล้วนเต็มไปด้วยถ้อยคำหยาบคาย จนกระทั่งเงียบลงในที่สุด ดวงตาเรียวลอบมองกลุ่มคนที่วิ่งผ่านช่องที่ถูกดึงเข้ามาแอบจากใครไม่รู้ พอคนพวกนั้นลับตาไปฝ่ามือที่ปิดกั้นกลีบปางบางที่ได้ปล่อยออก
เซฮุนถอนหายใจอย่างโล่งอก เปลือกตาบางปิดลงอย่างเหนื่อยอ่อน ศีรษะเอนพิงกำแพง ก่อนจะทรุดตัวลงนั่ง ไม่ได้สังเกตว่าใครเป็นที่ดึงตัวเองเข้ามา ใบหน้าหวานฟุบลงกับแขนเรียวทั้งสองข้าง ไหล่บางสั่นน้อยๆ เพราะความเหนื่อยกับความกลัวผสมกัน
“เฮ้ย ..โอเคป่าว” น้ำเสียงที่คุ้นเคยเรียกให้เซฮุนเงยหน้าขึ้นมอง ก่อนที่ดวงตาคู่สวยจะต้องเบิกกว้างขึ้นอีกครั้ง
“ล..ลู่หาน”
คนถูกเรียกชื่อพยักหน้าลง ก่อนจะย่อตัวลงให้เท่ากับคนที่นั่งอยู่ มือเล็กเอื้อมจับไหล่ที่สั่นเทาพลางลูบเบาๆ เพื่อให้หายกลัว จากที่ได้ยินเสียงโวยวายของคนพวกนั้น ลู่หานก็รีบพาตัวเองมาหลบในซอกนี้ ไม่ได้คิดว่าพวกมันจะไปถามหาเขาจากคนอื่น หรืออาจจะต้องบอกว่าไม่ได้คิดว่าคนที่พวกมันจะไปถามจะเป็นเซฮุน
ใบหน้าหวาขมวดยุ่ง นัยน์ตาสวยคลอไปด้วยน้ำใสที่ทำท่าว่าจะกลิ้งไหลลงมา แต่หากพยายามเก็บกลั้นไว้จนดวงตาแดงก่ำไปหมด ลู่หานที่เห็นแบบนั้นก็เริ่มทำอะไรไม่ถูก ปลอบใครไม่เป็นด้วย มือยกขึ้นลูบกลุ่มผมสีน้ำตาลนุ่ม สัมผัสแผ่วเบาพร้อมเอ่ยถ้อยคำปลอบ อย่างน้อยก็อย่าให้ร้องไห้.. เพราะเจอคนร้องไห้ทีไร ลู่หานไปต่อไม่เป็นทุกที
“ไม่เป็นไรแล้วนะ”
เซฮุนพยักหน้าเร็วก่อนจะกลืนก้อนสะอื้นลงไป ไม่อยากร้องไห้ต่อหน้าคนที่ไม่สนิทด้วย แล้วก็ไม่อยากแสดงความอ่อนแอให้ใครเห็นถึงแม้ว่าเมื่อครู่จะกลับแทบตายก็เถอะ เกิดมาเพิ่งจะเคยโดนวิ่งไล่ตาม ..ไม่ใช่แค่วิ่งไล่จับเหมือนตอนเด็กๆ
“นายเป็นอะไรกับคนพวกนั้น ทำไมเขาถึงตามหานาย..” เอ่ยถามคนตรงหน้า พลางช้อนตาขึ้นมอง จากที่ชายตัวสูงคนนั้นมาถามเซฮุน ดูแล้วเหมือนจะเป็นเรื่องใหญน่าดู พรรคพวกที่ติดตามมาก็ไม่ใช่น้อยๆ แล้วมาตามหาแค่ผู้ชายคนเดียวเนี่ยนะ.. คงไม่ใช่แค่เรื่องยืมเงินพันวอนแล้วไม่คืนแน่ๆ อีกอย่างข่าวลือที่ได้ยินมา ก็อยากจะถามให้แน่ใจด้วย
“อย่ารู้เลย ไปเหอะ เดี๋ยวจะไปส่งที่บ้าน” ลู่หานส่ายหน้าพร้อมกับฉุดมือเรียวให้ลุกขึ้นยืนมาด้วย ซึ่งเซฮุนก็ยอมลุกขึ้น เอื้อมมือจับมือที่อยู่ตรงหน้าก่อนจะยันตัวขึ้น
“บอกมานะ” เขย่าแขนอีกฝ่ายเป็นการย้ำให้บอกในสิ่งที่ตนเองเพิ่งถามไปเมื่อครู่ ริมฝีปากเบะออกคล้ายเด็กๆ เวลาต้องการอะไรบางอย่าง แต่ยิ่งเห็นใบหน้าหวานง้ำงอ กับแววตาใสซื่อยิ่งทำให้ลู่หานไม่อยากบอก ลู่หานเม้มริมฝีปากแน่นก่อนจะเบนสายตาหลบอีกฝ่าย
“นายไม่อยากรู้หรอกน่า ไปๆ กลับบ้าน เย็นขนาดนี้แล้วทำไมนายเพิ่งกลับบ้านล่ะเนี่ย” ลู่หานทำเฉไฉเปลี่ยนเรื่อง ก่อนจะพาทั้งตัวเองและเซฮุนออกมาจากช่องเล็ก
ลู่หานให้เซฮุนเดินนำออกมาก่อนโดยที่ตัวเองก็เดินตามอยู่ข้างหลัง ลู่หานลอบมองข้างหลังเพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีใครตามมาอีก ส่ายศีรษะออกมาอย่างรำคาญ เมื่อนึกไปถึงคนพวกนั้นที่ยังตามหาเรื่องอยู่ไม่เลิก แล้วที่สำคัญถ้าพวกนั้นเกิดจำหน้าเซฮุนได้ขึ้นมา คงจะซวยแน่.. ตลอดทางเซฮุนไม่ถามอะไรขึ้นมาอีก เดินก้าวเท้าเงียบๆ โดยที่ลู่หานก็ไม่รู้จะพูดอะไรในบรรยากาศที่ชวนอึดอัดขนาดนี้
“ทำไมถึงคิดว่าเราไม่อยากรู้ล่ะ” เป็นเซฮุนเองที่ถามขึ้นเพื่อทำลายความเงียบ.. ปลายเท้าหยุดเดินพลางหันมามองคนด้านหลัง
“มันไม่เรื่องที่นายควรรู้ ฉันไม่บอก เข้าใจมั้ย? อย่าถามซ้ำอีก” ลู่หานกลอกตาขึ้นก่อนจะส่งเสียงรำคาญในลำคอ ส่งผลให้เซฮุนหน้าง้ำงอขึ้นมาทันที เรียวขารีบก้าวเดินต่อโดยไม่สนใจคนด้านหลังอีก
“จะถึงรึยัง บ้านนายน่ะ” ลู่หานรีบสาวเท้าเข้ามาเดินข้างๆ คว้าไหล่บางตั้งใจจะให้หยุดเดิน แต่กลับโดนสะบัดออกอย่างแรง
“รีบมากก็ไม่ต้องไปส่ง”
ลู่หานสบถออกมากับประโยคที่เซฮุนเพิ่งพูดจบ คนตัวบางตั้งใจเดินให้เร็วขึ้นเพื่อหลีกหนีตัวลู่หาน ยกมือขึ้นขยี้หัวจนมันไม่เป็นทรงเพราะไม่รู้จะทำอย่างไร ถ้าเป็นคนอื่นลู่หานคงปล่อยให้โดนกระทืบไปแล้ว แต่พอดีนี่ดันเป็นเซฮุน คนซื่อๆ ที่ลู่หานคิดว่าเป็นแบบนั้น แถมยังหลอกง่ายอีกด้วย.... ลู่หานตัดสินใจเดินตามหลังมาเงียบๆ กายบางเลี้ยวซ้ายทีขวาที จนมาหยุดที่หน้าบ้านหลังสีขาวล้อมรั้วด้วยแผ่นไม้สีขาวพร้อมดอกไม้สีอ่อนที่พันอยู่รอบๆ
“ถึงแล้วเหรอ”
“เออ” เซฮุนตอบแบบห้วนๆ อย่างที่ไม่เคยพูดกับใครมาก่อน ถือ่าลู่หานโชคดีมากที่ทำให้เซฮุนพูดแบบนี้ออกมา เพราะทุกทีเซฮุนจะเป็นคนพูดจาน่ารักอยู่เสมอ
กายบางหันมาหาลู่หานอีกครั้ง ใบหน้าหวายยังคงไม่สบอารมณ์หนัก คิ้วสวยขมวดยุ่ง ริมฝีปากเรียวเล็กที่เบะออกอย่างไม่พอใจ แก้มขาวพองลมออกน้อยๆ ใครมาเห็นก็คงบอกว่ามันน่ารักมากกว่าจะน่ากลัว
“คราวหลังก็อย่ากลับบ้านเย็น มันอันตราย”
“มันเพิ่งจะมาอันตรายวันนี้” ก็จริงอย่างที่เซฮุนพูด ทุกทีกลับเย็นกว่านี้ไม่เคยจะมีปัญหา… เซฮุนมองหน้าลู่หานอย่างไม่พอใจเพราะลู่หานไม่ยอมเล่าเรื่องตัวเองให้ฟัง ถึงแม้ว่ามันจะไม่ใช่เรื่องของเซฮุนตามที่ลู่หานบอกก็ตาม จริงๆ แล้วก็ไม่ได้อยากรู้นั่นล่ะ ถามเป็นมารยาทต่างหาก..ไม่เห็นจะต้องมาว่ากันเลย
ดวงตาเรียวมองใบหน้าเล็กของลู่หาน ก่อนที่คิ้วสวยจะคลายลง มือขาวยกขึ้นในระดับเดียวกับหน้าของอีกฝ่าย สัมผัสเบาๆ ที่เหนือคิ้วบริเวณหน้าผาก ส่งผลให้ลู่หานเขยิบหนีมาเล็กน้อย
“เลือดนี่..” ปลายนิ้วสวยแตะเข้าที่ปากแผล ..เมื่อครู่ไม่ได้สังเกต เพิ่งจะมาเห็นก็ตอนที่ได้มองใบหน้าน่ารักของลู่หาน
เซฮุนกำลังจะเอ่ยถามว่าไปโดนอะไรมา แต่ก็ต้องกลืนคำพูดนั้นลงคอ กลัวจะหาว่าไม่ใช่เรื่องของเราอีก ริมฝีบางเม้มแน่นก่อนจะหยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าเสื้อออกมากดเบาๆ ตรงที่เป็นรอยแผล
“เข้ามาในบ้านก่อนสิ” …ถึงเรื่องเมื่อกี๊จะไม่พอใจคนตรงหน้านี่แค่ไหนก็เถอะ โอเซฮุนก็ไม่ใช่คนใจร้ายขนาดที่ว่าเห็นคนเลือดออกแล้วจะปล่อยไปเฉยๆ หรอกนะ
.
♥ 2 1 3 ♥
.
TBC ♥
ลู่หานแบดบอยค่ะ .....นี่เป็นพลอตที่คิดไว้ตั้งแต่เริ่มเรื่องเลย อยากจะเห็นพี่ลู่หานแมนใส่น้องฮุน TT
พี่ลู่จะมีบทบาทอะไรในเรื่องนี้บ้าง ใครปลื้มพี่ลู่หานลุคนี้ ฝากติดตามด้วยนะคะ
อยากกรี๊ดใส่ก็กรี๊ดใส่ได้ในทวิตเลยนะคะ อยากรู้คิดยังไงอิ้อิ้
ความคิดเห็น