ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [FIC EXO] Two, one or Three {Jongin,Sehun}

    ลำดับตอนที่ #6 : :Two, One or Three ; Part 5

    • อัปเดตล่าสุด 21 ม.ค. 57


     

    || Two, One or three || part 5

    Paring : Kim Jongin, Oh Suho, Oh Sehun




    2 1 3


     




     

    การซ้อมของทีมยังคงแข็งขันต่อไปเรื่อยๆ ยิ่งซูโฮที่เป็นกัปตันทีมแล้วก็ต้องคอยคุมทั้งลูกทีมให้อยู่ในระเบียบ รวมทั้งตัวเองที่ต้องฝึกมากกว่าคนอื่น  เพื่อเป็นตัวอย่างให้กับทีมรวมถึงเป็นความหวังของโค้ชอย่างอี้ฟานที่ดูท่าจะ คาดหวังในตัวซูโฮเสียเหลือเกิน

     

    ช่วงเช้ายังคงทำกิจกรรมแบบเดิม คือการวิ่งเกือบสิบกิโลได้ วิ่งเหยาะๆ พอเรียกเหงื่อและเป็นการวอร์มร่างกายก่อนจะเข้าไปฝึกในโรงยิม ซูโฮวิ่งนำหน้าในขณะที่คนอื่นๆ ก็วิ่งตาม พอวิ่งได้สักพักก็เริ่มจะออกแรงน้อยลงบาง ให้ลูกทีมคนอื่นนำบ้างเพื่อที่ตัวเองจะได้คุมอยู่ด้านหลังด้วย ซูโฮอมยิ้มในความตั้งใจของลูกทีม เพราะการแข่งที่จะถึงนี้ถือว่าสำคัญเลยทีเดียว ถ้าหากชนะจนสามารถเป็นทีมสุดท้ายที่จะแข่งขันก็จะได้เข้ารอบชิงชนะเลิศ แล้วก็จะได้เป็นแชมป์ถึงสมัยที่สาม ซึ่งจะเป็นชื่อเสียงให้โรงเรียนอีกด้วย แล้วยังสามารถเป็นใบเบิกทางให้กับการเข้ามหาวิทยาลัยอีกต่างหาก ซึ่งปีนี้ก็เป็นปีสุดท้ายของมัธยมสำหรับซูโฮแล้วด้วย ก็เลยตั้งใจจะเล่นให้เต็มที่สุด

     

    ระหว่างที่คิดอะไรเพลินๆ ซูโฮก็ลอบมองวิวข้างทางไปด้วย ภูเขาชุ่มชื่นไปด้วยต้นไม้ มองไปด้านล่างก็เห็นเกลียวคลื่นกับผืนทราย จำได้รางๆ ว่าตอนเด็กๆ สมัยที่คุณแม่ยังอยู่ก็มักจะพักผ่อนกันที่ทะเลแบบนี้ เซฮุนชอบทะเลมาก ซึ่งนั่นก็หมายความว่าซูโฮก็ชอบมากเหมือนกัน แต่ก็อย่างว่าตั้งแต่โตมาก็ยังไม่มีโอกาสได้มากอีก ซูโฮก็เลยตั้งใจว่าจะพาเซฮุนมาด้วยในครั้งหน้า 

     

    อ๊ะ..”จู่ๆ ซูโฮก็หยุดวิ่ง เลยทำให้คนที่วิ่งตามเกือบจะล้มทับกัน ยังดีที่สามารถหลบได้ทันก่อน ซูโฮก้มหัวขอโทษก่อนจะหลบไปด้านข้าง

     

    จู่ๆ ก็รู้สึกเจ็บที่ข้อเท้า ซูโฮเอาแขนข้างนึกยันขอบของสะพานไว้แล้วยกเท้าข้างที่เจ็บขึ้นเพื่อหยุดพักไว้ก่อน

     

    หยุดทำไมอะครับ พี่ซูโฮมินฮยอกที่วิ่งตามหลังมาหยุดยืนตรงหน้าซูโฮ โดยที่เท้ายังคงวิ่งอยู่กับพื้น ซูโฮยิ้มก่อนจะส่ายหน้าออกมาเพื่อไม่ให้อีกฝ่ายเป็นห่วง

     

    ไม่มีไร ไปต่อกัน!” ซู โฮออกแรงวิ่งต่อโดยที่ยังรู้สึกเจ็บที่ข้อเท้า  และดูเหมือนว่าคนตัวบางจะรู้ตัวดีว่าเพราะอะไรถึงได้มีอาการปวดแปลบๆ ที่ข้อเท้าแบบนี้ สงสัยจะเป็นเพราะเขาโหมซ้อมหนักไปหน่อย ขนาดที่ว่าคนอื่นเข้านอนกันหมดแล้ว เจ้าตัวยังอยู่ที่โรงยิมเพื่อฝึกซ้อมต่อเพียงคนเดียว และมันคงจะเป็นที่เผลอล้มตอนที่กำลังจะโยนลูกลงห่วงแน่ๆ

     

    แต่ว่า.. ซู โฮคิดว่าเพื่อนร่วมห้องอย่างจงอินจะไม่รู้หรือไงนะ อยู่ห้องเดียวเสียงคนเข้าห้องออกห้องก็ต้องรู้อยู่แล้ว เพียงแต่ไม่พูดเท่านั้นเอง จงอินที่วิ่งตามหลังส่ายหน้าออกมาอย่างเอือมๆ ก่อนจะเลิกสนใจคนตรงหน้าที่วิ่งนำตนเองอยู่

     


     

     

    2 1 3

     

     

     

     

     

    เสียงเปิดประตูห้องในกลางดึก ปลุกให้คนที่นอนอยู่บนเตียงเปิดเปลือกตาขึ้นมา จงอินส่งเสียงในลำคอทั้งที่ยังแทบจะลืมตาไม่ขึ้น แต่แล้วพอปรือตาได้ ภาพที่ควรจะเห็นว่าจะมีอีกคนนอนอยู่บนเตียงข้างๆ กันกลับว่างเปล่า คนที่นอนอยู่บนเตียงยอมลุกขึ้นมาในที่สุด ใบหน้าคมสะบัดไปมาเพื่อกำจัดความง่วงที่คล้ายจะผลักให้เขานอนราบลงกับเตียง นอนนุ่มต่อ

     

    จงอินคว้าเสื้อแจ็คเก็ตติดมือสวมทับกับเสื้อกล้ามขาวไปด้วย เพราะอากาศตอนกลางคืนที่เริ่มเย็น คงจะไม่ดีถ้าปล่อยให้ตัวเองเป็นหวัดในเวลาแบบนี้ คนตัวสูงนึกไปถึงคนที่นอนร่วมห้องกันมาได้อาทิตย์กว่าแล้ว รายนั้นคงจะเป็นคนหัวดื้อน่าดู จากที่วันนั้นเห็นว่าข้อเท้าของซูโฮจะเคลื่อนไหวแปลกๆ นิดหน่อย วันนี้จงอินเลยขอแอบตามไปดูหน่อยแล้วกันว่าจะซ้อมอะไรนักหนา..

     

    ลมเย็นในยามค่ำคืนพัดผ่านผิวกายทำให้จงอินต้องกระชับเสื้อคลุมให้ติดผิวเนื้อ มากขึ้น ไม่เข้าใจซูโฮออกมาได้ยังไงในอากาศชวนให้ซุกตัวอยู่ในผ้าห่มแบบนี้ ขยันเหรอ? หรือว่าอะไร..  เรียวขาก้าวเข้าใกล้โรงยิมสำหรับฝึกซ้อมมากขึ้น น่าแปลกที่บรรยากาศรอบข้างเงียบออกขนาดนี้ ควรจะได้ยินเสียงลูกบาสกระทบกับพื้น หรือไม่ก็เสียงรองเท้าที่เสียดสีกับพื้นขัดเงา แต่ที่จงอินได้ยินมีแค่ใบไม้พลิ้วไหวกับลมเท่านั้น

     

    มือหนาผลักบานประตูเข้าไป ไฟทุกดวงเปิดสว่างจ้า แน่นอนว่าคนที่มาเปิดต้องซูโฮ ดวงตาคมหันซ้ายแลขวาก็ไม่พบคนที่ควรจะฝึกซ้อมอยู่ในโรงยิม

     

    ไปไหนของเขาวะจงอินบ่นอุบอิบออกมา ก่อนจะพาตัวเองเดินไปยังประตูด้านข้างที่เป็นทางเดินห้องล็อคเกอร์

     

    แสงไฟริบหรี่ที่เดาว่าซูโฮเป็นคนเปิดไว้ส่องทางเพื่อให้ตัวเองเดินไปได้สะดวก ก่อนที่จะสะดุดล้มอะไรเข้าให้ จงอินเงี่ยหูพลางได้ยินเสียงของคนกำลังบ่นพึมพำอะไรอยู่คนเดียว.... หรือว่ามันไม่ใช่ซูโฮรึเปล่าวะ... แว่บนึงจู่ๆ จงอินก็คิดถึงเรื่องน่ากลัวขึ้นมาจนได้ เดิมทีเป็นคนไม่ถูกกับสิ่งที่มองไม่เห็นอยู่แล้ว หนังผีนี่อย่าได้พูดถึงเลย ไม่เคยแม้แต่จะเหลียวตามองด้วยซ้ำ แต่ตอนนี้หัวใจกลับเต้นระทึกราวกับเป็นคนเล่นหนังผีเรื่องใดเรื่องนึงอยู่ซะ เอง

     

    ฝีเท้าพยายามก้าวให้เงียบให้ได้ที่สุด แสงไฟที่เล็ดลอดออกมาจากบานประตูห้องพักนักกีฬาที่เปิดแง้มไว้อยู่ ทำให้จงอินรู้สึกระทึกขวัญมากกว่าเดิม ก็ถ้าเป็นผีก็จะเตรียมวิ่งอย่างไม่คิดชีวิต ไม่สนแล้วว่าตอนนี้คนที่ตัวเองตั้งใจจะมาหาอยู่ที่ไหน กลืนน้ำลายลงคอก่อนจะใจกล้าผลักบานประตูที่แง้มไว้อยู่อย่างเต็มแรง

     

    เฮ้ย!/เฮ้ย!”

     

    เสียงของคนด้านในและคนด้านนอกดังขึ้นพร้อมกัน คนด้านในกำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้ตัวยาวโดยที่ร่างกายช่วงบนปราศจากเสื้อผ้า ส่วนคนที่เถล่อถล่าเปิดประตูเข้ามาแบบไม่บอกกล่าวกำลังยืนอึ้ง...

     

    ไม่รู้ว่าอึ้งเพราะไม่ใช่ผี หรือว่าเพราะคนตรงหน้าไม่ได้เสื้อผ้ากันแน่

     

    นายมาทำอะไรที่นี่..ซู โฮลุกขึ้นยืนถามคนที่กำลังยืนอยู่หน้าประตู แต่เพราะแรงลุกขึ้นกะทันหันทำให้รู้สึกเจ็บที่ข้อเท้าขึ้นเฉียบพลัน ใบหน้าวานเหยเกพร้อมร้องออกมาด้วยความเจ็บ ก่อนที่จะค่อยๆ หย่อนกายบางลงนั่งกับเก้าอี้ดังเดิม เดือดร้อนคนที่มาใหม่ต้องรีบเข้ามาช่วยพยุง

     

    ฉันควรจะถามนายมากกว่า เวลานี้นายควรจะอยู่บนที่นอนนะ จงอินนั่งลงข้างๆ ซูโฮ พร้อมเว้นระยะห่างไว้ในขณะที่ซูโฮเอื้อมมือไปหยิบเสื้อขึ้นมาสวมทับร่างกาย ตัวเองไว้ นอกจากจะไม่ตอบคำถามจงอินแล้ว ใบหน้าหวานยังทำเมินใส่อีกต่างหาก

     

    นี่ คนเขาถามก็ช่วยหันมาพูดด้วยหน่อย

     

    ซู โฮหันไปหาจงอินก่อนจะชักสีหน้าไม่พอใจออกมา ก่อนจะขึ้นเสียงใส่อีกคนอย่างอารมณ์เสีย ทั้งโมโหที่ดันมาเจอคนที่ไม่ชอบหน้า แล้วก็โมโหที่จงอินทำท่าเหมือนจะรู้ว่าเขากำลังทำอะไรอยู่นี่อีกด้วย

     

    แล้วมันเรื่องอะไรของนายล่ะ!!”

     

    อ้าว! ก็ฉันตื่นมาแล้วไม่เห็นนายก็สงสัยดิ แล้วถ้าพี่อี้ฟานมาตรวจดูห้องแล้วนายไม่อยู่งี้ คนที่ซวยมันก็เป็นฉัน เข้าใจมั้ย!!” ก่อน หน้านี้อี้ฟานได้ออกกฎของการอยู่ร่วมกันว่า หลังสี่ทุ่มเป็นต้นไปห้ามไม่ให้ออกจากห้อง เพื่อเป็นการกันไม่ให้สมาชิกทีมหนีออกไปเที่ยวแล้วนำเรื่องเดือดร้อนมาให้ โค้ชประจำทีมได้ปวดหัว

     

    เห๊อะ! วางใจได้ ยังไงพี่อี้ฟานก็ไม่ว่าอยู่แล้วถึง อี้ฟานจะไม่รู้ว่าซูโฮแอบออกมาซ้อมหลังสี่ทุ่มแทบทุกคืน แต่ซูโฮก็มั่นใจว่าถึงพี่อี้ฟานจะรู้ก็คงไม่เป็นไร เพราะว่าตัวเองก็สนิทกับพี่อี้ฟานพอสมควร อีกอย่างเขาออกมาซ้อมไม่ได้ออกไปเที่ยวนอกสถานที่สักหน่อย

     

    นายจะซ้อมอะไรหนักหนาห๊ะ? แค่ทุกวันก็เหนื่อยจะแย่อยู่แล้ว นี่ยังออกมาตอนดึกๆ อีก แล้วตอนเช้าก็ยังตอนตื่นเช้าอีกเนี่ยนะ ทำไปเพื่ออะไรเนี่ย!”

     

    อย่ามาพูดมากใส่ฉันนะ! กลับไปนอนไปซู โฮโบกมือไล่คนข้างๆ อย่างรำคาญ กายบางลุกขึ้นยืนพร้อมกับจงอินที่เริ่มโมโหกับความดื้อของคนตรงหน้า มือหนาตรงเข้าจับข้อมือบางแน่น เรียกให้คิ้วสวยขมวดยุ่งอย่างไม่พอใจ

     

    ปล่อย!” ซูโฮพยายามดึงข้อมือตัวเองกลับมา แต่หากแรงกอีกฝ่ายมีมากกว่า แรงบีบที่ข้อมือคล้ายกลับคีมเหล็กที่สะบัดยังไงก็ไม่หลุด

     

    แผ่นหลังของซูโฮถูกเหวี่ยงแรงจนกระเด็นไปกระแทกกับตู้ล็อคเกอร์เหล็ก เสียงหวานร้องออกมาเพราะความเจ็บ ตามด้วยมือหน้าที่ฟาดลงกับตู้เหล็กอีกฝั่งจนกายบางสะดุ้ง ใบหน้าคมจ้องลึกลงมาที่ดวงตาเรียวที่ดูตื่นตระหนกกับการกระทำของจงอิน

     

    อย่ามาทำเป็นเก่งนะ คิดว่าฉันไม่รู้รึไง ข้อเท้านายน่ะ..จงอินเหลือบตามองไปข้างล่าง ข้อเท้าข้างขวาที่เป็นเหตุทำให้ซูโฮเคลื่อนไหวไม่ค่อยสะดวก ถูกหุ้มไว้ด้วยรองเท้าผ้าใบแบรนด์ดัง

     

    อย่ามายุ่งได้มั้ย!” ซูโฮยกมือขึ้นหมายจะผลักตัวจงอินให้ห่างออก แต่หากว่าอีกฝ่ายรู้ทันเลยจัดการกดไหล่บางไว้ไม่ให้ขยับหนี

     

    นึกอยากจะสั่งสอนให้กับความดื้อของกัปตันทีมที่แสนจะทำเป็นเก่งคนนี้เหลือเกิน ลองดูว่าถ้าเป็นคนอื่นเขาคงจะเสยหมัดเข้าให้แล้ว

     

    เลิกฝืนตัวเองสักที ก่อนที่ข้อเท้านายจะเป็นมากกว่านี้ กลับไปนั่งซะ อย่าให้ฉันต้องพูดเป็นครั้งที่สอง พูดน้ำเสียงนิ่งแต่แฝงไปด้วยความน่ากลัว จงอินผละออกจากซูโฮเพื่อให้อีกฝ่ายทำตามที่บอก คนตัวบางอิดออดทำตามอย่างไม่เต็มใจนัก ที่ยอมทำตามเพราะโดนขู่หรือเพราะช่วงต้นประโยคจับใจความได้นิดๆ ว่าคนตรงหน้านี่พูดเหมือนเป็นห่วงกันแน่

     

    จงอินเดินไปที่เก็บกล่องปฐมพยาบาลที่วางอยู่ใกล้กับโต๊ะกระจก ก่อนจะเดินไปใกล้กับคนที่นั่งยู่หน้าอยู่ จงอินวางกล่องสีขาวไว้ข้างๆ กายบาง เปิดหยิบผ้าก็อตสีน้ำตาลอ่อนออกมาแล้วคุกเข่าลงตรงหน้าของซูโฮ ยกข้อเท้าข้างนึงขึ้นมาท่ามกลามความตกใจของซูโฮที่รีบชักหนี

     

    จะทำอะไร

     

    อยู่นิ่งๆ เป็นมั้ยจงอินดุคนที่นั่งอยู่เหนือหัวตัวเอง ก่อนจะยกข้อเท้าข้างขวาขึ้นวางบนตักตัวเองอีกครั้ง มือหนาค่อยๆ ถอดรองเท้าผ้าใบออกพร้อมกับถุงเท้าที่ปกปิดข้อเท้าขาวอยู่

     

    ข้อเท้าบวมอย่างเห็นได้ชัด จงอินเงยหน้ามองซูโฮครู่นึงเมื่อเห็นว่าริมฝีบางเม้มแน่นคล้ายกลั้นความเจ็บ ก่อนจะส่ายหัวออกมา มือหนาหยิบเจลบรรเทาความปวดขึ้นมาบีบใส่มือและป้ายลงที่ข้อเท้าขาวออกแรงบีบ นวดเบาๆ

     

    นายนี่เป็นกัปตันได้ยังไงกันนะ แค่นี้ไม่รู้จักวิธีดูแลตัวเองรึไง ข้อเท้าบวมขนาดนี้ยังคิดจะซ้อมต่ออีกรึไงบ่นยืดยาวออกมาพร้อมบีบนวดไปด้วย

     

    เป็นกัปตันซะเปล่า... เรื่องแค่นี้แทนที่จะรู้ตัวเองว่าควรจะหยุดก่อนที่มันจะเป็นมากกว่านี้ นี่อะไร? กลับ ยังฝืนซ้อมให้ตัวเองเป็นมากกว่าเดิมหรือยังไง ดีไม่ดีกล้ามเนื้ออาจจะฉีกได้ถ้ายังดื้อดึงซ้อมต่อ เพราะแค่เขาแตะมันเบาๆ เสียงหวานก็ร้องเพราะเจ็บออกมาแล้ว ...คิดแล้วจงอินก็นึกโมโห มือหนาเอื้อมหยิบผ้าก็อตสีน้ำตาลพันข้อเท้าขาวไว้เพื่อจะได้ไม่ต้องไปใช้งาน อะไรกับมันมาก

     

    ถ้าขืนนายยังจะซ้อมต่อโดยไม่ดูว่าร่างกายนายจะรับไหวรึเปล่า รับรองว่าไม่ใช่แค่งานนี้ที่นายจะไม่ได้ลงแข่งแต่มันเป็นทุกๆ งาน เข้าใจที่ฉันพูดมั้ย

     

    อย่าพูดมากได้ปะ น่ารำคาญจริงๆ เลยใบหน้าหวานสะบัดไปอีกทาง ไม่สนใจอีกคนที่กำลังพันข้อเท้าตัวเองให้อยู่

     

    นายนี่มัน....จง อินไม่รู้จะสรรหาคำว่าอะไรมาดุคนตรงหน้าแล้ว จงอินสบถออกมากับความดื้อด้านเหมือนเด็กของซูโฮ ก่อนจะจัดการพันข้อเท้านี่ให้เสร็จ จะได้กลับไปนอนสักที ...คนเขาอุตส่าห์มีน้ำใจอยากช่วยเหลือ มาเจอคำพูดแบบนี้ก็เซ็งดิ

     

     “นายไม่เข้าใจฉันหรอก..” จู่ๆ เสียงหวานก็พึมพำออกมา แต่ด้วยความที่บรรยากาศก็เงียบเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เลยทำให้จงอินต้องเงยหน้ามองอีกฝ่ายแล้วเลิกคิ้วถาม

     

    ก็พูดมาสิ เผื่อว่าฉันจะเข้าใจ

     

    คิดว่าฉันแอบมาซ้อมทุกคืนแบบนี้ มันไม่มีเหตุผลรึไง...ใช่ มันคงไม่ดีแน่ถ้าฉันที่เป็นถึงกัปตันทีมปล่อยให้ลูกทีมเก่งกว่าตัวเอง" เสียงหวานพูดพลางจ้องลึกไปยังดวงตาคมของอีกฝ่ายที่จ้องมาเหมือนกัน

     

    โดยเฉพาะนาย ...คิมจงอินดวงตาคมสะท้อนจนซูโฮสามารถมองเห็นภาพตัวเองที่อยู่ในดวงตานั้น

     

    จงอินถอนหายใจพลางส่งเสียงในลำคอ ลุกขึ้นนั่งบนเก้าอี้ตัวที่หันหน้าเข้าหากัน

     

    แล้วนายคิดว่าซ้อมทุกคืนแบบนี้มันจะช่วยให้นายเก่งขึ้นรึไง

     

    อย่างน้อย...ก็ให้ได้ฝึกมากกว่าเดิมก็พอใบ หน้าหวานก้มหงุดก่อนจะพูดเสียงพึมพำ จงอินมองภาพตรงหน้า ไหล่บางลู่ลงจนนึกอยากจะเอื้อมมือตบเบาๆ เป็นการให้กำลังใจ แต่แล้วมือหนาก็เก็บกลับที่เดิม ริมฝีปากเม้มแน่นก่อนจะเอ่ยพูดอะไรบางอย่าง

     

    ไม่มีใครเก่งไปกว่าใครหรอก ...นายพูดเองไม่ใช่เหรอ ว่าความเป็นทีมสำคัญที่สุดจงอินยกคำพูดที่คนตัวบางเป็นคนพูดเมื่อหลายวันก่อนขึ้นมาย้ำอีกครั้ง ใบหน้าหวานเงยขึ้นสบตากับจงอินก่อนที่เจ้าตัวจะพยักหน้าลงเบาๆ

     

    อืม มันก็จริง

     

    เลิกฝืนตัวเองแล้วก็หยุดซ้อมสักพัก จนกว่าข้อเท้านายจะหายดีสิ้นคำสั่งที่ดูเหมือนจะเป็นคำบังคับเสียมากกว่า คิ้วสวยของซูโฮเลิกขึ้นพลางส่ายหน้าเป็นพัลวัน

     

    บ้า ไม่ได้นะขืนหยุดซ้อม.. มีหวังพี่อี้ฟานไม่ให้ลงแข่งแน่ๆ นี่มันนัดสำคัญเลยนะ.. ซูโฮไม่อยากพลาด

     

    หรือจะให้ฉันบอกพี่อี้ฟานว่านายแอบซ้อมตอนดึกทุกคืนจนเจ็บข้อเท้าดีล่ะ จริงอยู่ว่าพี่อี้ฟานจะไม่ว่านายเรื่องที่มาซ้อม แต่ถ้าฝืนทำจนร่างกายได้รับบาดเจ็บแบบนี้ นายโดนพี่อี้ฟานว่าแน่ ...โอซูโฮคราว นี้จงอินไม่ได้ขู่ แต่พูดความจริงล้วนๆ ดูเผินๆ อี้ฟานอาจจะเป็นโค้ชที่ใจดี แต่ใครทำอะไรผิดนี่ก็โดนลงโทษหนักอยู่เหมือนกัน ซึ่งจงอินก็เคยโดนกับตัวมาแล้ว ...ก็ตอนนั้นนั่นล่ะที่ชอบมาสายบ่อยๆ จนอี้ฟานสั่งให้ไปวิ่งรอบสนามยี่สิบรอบท่ามกลางแดดร้อนๆ แล้วยังโดนให้ทำความสะอาดโรงยิมที่กว้างขนาดนั้นเพียงคนเดียวอีก ถึงมันจะดูเป็นการทำโทษที่เบาะๆ สำหรับนักกีฬา แต่วาจาที่เชือดเฉือนกันแบบนี้ก็อย่าได้ยินเลยดีกว่า จงอินโดนด่ามาว่า ทำตัวแบบนี้ ออกจากทีมไปเลยไป

     

    เหอะ ไม่เอา... ห้ามบอกนะเหมือนว่าซูโฮจะรู้ชะตากรรมตัวเองดี ถ้าเรื่องถึงหูอี้ฟาน คงจะโดนดุไม่ใช่น้อยแน่ๆ  

     

    งั้นก็ทำตามที่ฉันบอกยื่น คำขาดจนในที่สุดคนหน้าหวานก็ยอมพยักหน้ารับจนได้ กลีบปากเม้มแน่นอย่างที่ชอบทำเป็นนิสัย จงอินเห็นท่าทางหงอยๆ กลุ่มผมสีบลอนด์ลู่ตกลงข้างแก้ม เห็นแล้วก็นึกไปถึงใครอีกคนที่หน้าเหมือนคนตรงหน้าอย่างไม่มีที่ติ

     

    จากวันที่เผลอชมไปว่าน่ารัก ก็ยังไม่ได้คุยกันอีกเลย... แล้วดูว่าพี่ชายของเขาก็ไม่รู้ด้วยว่าจงอินแอบไปป้วนเปี้ยนกับเซฮุนอยู่บ่อยๆ

     

    กลับห้องไป เดี๋ยวพี่อี้ฟานมาตรวจห้องแล้วจะยุ่งจงอินลุกขึ้นยืนก่อนจะเดินนำออกไปก่อน แต่เสียงร้องของคนที่อยู่ในห้องอีกคนเรียกให้หันกลับไป

     

    เพราะ ว่าขาขยับได้เพียงข้างเดียวเลยทำให้การลุกขึ้นยืนลำบากไปหน่อย กายบางเลยนั่งจุมปุ๊กอยู่ที่เดิม สงสัยเพราะเมื่อครู่คงจะรีบลุกเลยลืมไปว่าร่างกายยังเคลื่อนไหวไม่ได้อย่าง ที่ใจคิด

     

    เอ้าจงอินยื่นมือข้างนึงให้ซูโฮ คนตัวบางมองมือหนาที่อยู่ตรงหน้าอย่างชั่งใจ ก่อนที่จะเอื้อมมือตัวเองจับกับมือนั้น กายบางยันตัวเองให้ลุกขึ้น แต่เพราะไม่ชินเลยทำให้ขาสะดุดกับขาของเก้าอี้ แล้วเหตุการณ์มันก็ช่างเป็นใจ ...แขนแกร่งเอื้อมรับกายบางที่เซมาข้างหน้าไว้ได้ทันก่อนที่ใบหน้าหวานจะลง ไปจูบกับพื้น

     

    เดิมทีจงอินก็รู้สึกว่าตัวเองใจเต้นกับเซฮุนอยู่แล้ว ใบหน้าน่ารักของคนๆ นั้น เวลาเล่นเปียโนช่างเป็นเสน่ห์ดึงดูดให้เขาเข้าใกล้เหลือเกิน เรียกได้ว่าหลงรักใบหน้าหวานๆ ของเซฮุนเข้าไปเต็มๆ แต่กลับกัน .. ซูโฮที่เป็นพี่ชายฝาแฝดของเซฮุน ทั้งที่ใบหน้าออกจะเหมือนกันขนาดนี้ น่าแปลกที่จงอินกลับรู้สึกเฉยๆ ..แต่พอได้ใกล้ชิดกันเกินกว่าที่จำเป็น มันก็เหมือนเรื่องประหลาดที่หัวใจของจงอินจะรู้สึกเต้นแรงขึ้นมาได้  เสียงหัวใจเต้นตึกตักจนจงอินเกรงว่าคนที่แนบชิดกับแผ่นอกของตัวเองจะได้ยิน มือหนารีบดันกายบางให้ออกห่างทันที ภาพหลังนั้นที่เห็นคือ แก้มขาวๆ ของซูโฮขึ้นริ้วสีแดงจัด... เหมือนมาก เหมือนกับเซฮุนตอนนั้นไม่มีผิด

     

    ความเงียบเกิดขึ้นชั่วขณะ ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านั้นห้องก็เงียบอยู่แล้ว แต่หลังเหตุการณ์เมื่อครู่มันก็เงียบหนักกว่าเดิม ทั้งสองฝ่ายไม่มีใครพูดอะไรออกมา ..ในขณะเดียวกัน ในหัวของซูโฮก็พลันนึกถึงที่ใบหน้าตัวเองแนบกับอกกว้างเมื่อครู่.. ถ้าหูของเขาไม่เพี้ยน เสียงหัวใจที่เต้นรัวแรงนั่นต้องเป็นของจงอินไม่มีผิดแน่ พอได้ยินเสียงนั้นก็เลยรู้สึกหน้าร้อนขึ้นมา นึกอยากจะด่าคนตรงหน้านี่ว่าจะใจเต้นทำไมกัน..

     

    ข..ขอโทษ เป็นอะไรรึเปล่าซูโฮถามขึ้นมาเพราะเมื่อกี๊ที่ตัวเองล้มมันเลยปะทะกับอกกว้างพอดิบพอดี ความจริงต้องบอกว่าพูดขึ้นเพราะต้องการจะทำลายความเงียบต่างหาก

     

    ไม่ตอบสั้นๆ ก่อนจะส่ายหน้า กระแอมไอทีนึงก่อนจะวาดแขนตัวเองจับประคองเอวบาง โดยที่แขนของซูโฮก็ยกขึ้นพาดไหล่อีกคนทันทีไม่ต้องรออีกให้จงอินสั่ง



    ระหว่างทางที่เดินกลับไปยังห้องพัก ทั้งซูโฮทั้งจงอินต่างเงียบ ไม่มีเสียงทะเลาะกันเหมือนทุกครั้งที่เจอกันต้องได้ฉะกันสักรอบนึงถึงจะยอม คุยกันดีๆ ได้ มีเพียงเสียงใบไม้ที่เสียดสีกันเพราะแรงลม หรือถ้าลองเงี่ยหูฟังอีกสักนิด... ก็อาจจะได้ยินเสียงหัวใจของใครบางคนที่เต้นแรงไม่ได้หยุดตั้งแต่เมื่อสัก ครู่แล้ว..


     



    2 1 3


    .





    .




    TBC


    ;__; ... นี่เป็นตอนที่เลาเขินมากค่า จริงๆ แล้วตอนแต่งไปนี่ยังไม่รู้เลยว่าสุดท้ายจะเป็นยังไง ฮ่าๆๆๆ 
    มันคนละอารมณ์กันเลยของทั้งสองคู่... ขอโทษนะคะ ตอนนี้อาจจะสั้นไปหน่อย แล้วก็เป็นจงอินกับซูโฮทั้งหมดอิ้อิ้
    ตอนหน้ามาจัดเต็มกับฮานฮุนนะคะ ♥
    ขอบคุณทุกคนที่ติดตามค่ะ \(^__^)/



     

    © Tenpoints!
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×