คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : :Two, One or Three ; Part 3
|| Two, One or three ||
Paring : Kim Jongin, Oh Suho, Oh Sehun
♥ 2 1 3 ♥
ภายในโรงยิมกว้าง วันนี้โรงยิมถูกปิดเงียบไม่มีสาวๆ หรือคนดู มานั่งกรี๊ดตามแสตนด์สูง เพราะจะได้ไม่เป็นการรบกวนการซ้อม เสียงรองเท้านับสิบคู่เสียดสีกับพื้นขัดมันปนกับเสียงฟุ่บในเวลาที่ลูกบา สถูกโยนลงห่วงที่มีตาข่ายห้อยลงมา คนหน้าหวานที่มีตำแหน่งเป็นกัปตันทีมคอยยืนดูการเล่นของลูกทีม เพราะช่วงเวลาของการแข่งขันระดับจังหวัดเริ่มใกล้เข้ามาทุกที ข้างๆ กันก็โค้ชประจำทีมยืนอยู่ด้วย
“พี่อี้ฟานว่าใครเหมาะกับลงเป็นตัวจริงครับ” ซูโฮหันไปถามรุ่นพี่ตัวสูงที่จบจากโรงเรียนไปแล้ว และมาทำตำแหน่งโค้ชให้กับทีมบาสของโรงเรียน
คนตัวสูงทำหน้าครุ่นคิดก่อนจะมองตรงไปที่สนามด้านหน้า ซึ่งตอนนี้เขาให้แบ่งทีมกันเองเพื่อให้แข่งกันเอง ดูๆ แล้วก็มีฝีมือดีทุกคน
“ที่แน่ๆ ก็ต้องมีเรา ...ปาร์คชานยอล แล้วก็คิมจงอิน ส่วนที่เหลือก็ต้องขอดูการเล่นอีกที”
ซู โฮพยักหน้าก่อนจะอมยิ้มออกมาเมื่อตัวเองหนึ่งในที่ถูกเลือก ...ก็แน่นอนล่ะ เป็นกัปตันไม่ถูกเลือกก็คงจะแปลกน่าดู ดวงตาเรียวจ้องมองไปที่สนามเพื่อมาหาคนน่าสนใจในทีมของตนเอง ก่อนที่คิ้วสวยจะเลิกขึ้นอย่างสงสัย
... คิมจงอินไปไหน ไม่มีคิมจงอินอยู่ในสนาม?
โดดซ้อมอีกแล้ว! มันน่าโมโหตรงเนี้ยแหละ ถึงจะเล่นเก่งขนาดไหน ยังไง ก็ไม่ควรจะโดดซ้อมแบบนี้นะ! ซึ่ง ในฐานะกัปตันทีมที่ต้องคอยดูแลลูกทีมให้อยู่ในความประพฤติ การดูแลคิมจงอินให้มาซ้อมนี่คงเป็นสิ่งที่ยากที่สุด ธรรมดาก็ไม่อยากจะเจรจาด้วยอยู่แล้ว เพราะสีหน้ากวนเบื้องล่างที่ชอบมองมาทางซูโฮตลอด เห็นแล้วก็หงุดหงิด... คนหน้าหวานส่ายหน้าออกมาอย่างเอือมระอา ก่อนจะเดินไปหยิบโทรศัพท์ตัวเองที่อยู่บนม้านั่ง เพื่อกดโทรออกหาคนหาคนที่ตนบ่นเมื่อครู่
♥ 2 1 3 ♥
ด้าน จงอินที่ออกมาหลบมุมเดิมที่ชอบมาตั้งแต่หลายอาทิตย์ก่อน เงาร่มไม้จากต้นไม้ใหญ่พลิ้วไหวเบาๆ เหมาะแก่งีบหลับเป็นที่สุด พร้อมเสียงเปียโนจากห้องใกล้ๆ ที่คอยกล่อมนี่อีกด้วย ...ราวกับอยู่บนสวรรค์ยังไงอย่างนั้น เปลือกตาหนาปิดลงเสียงเพลงนั้น คาดว่าคงจะเผลอหลับไปจริงๆ ถ้าไม่มีเสียงโทรศัพท์แผดขึ้นมาเสียก่อน จงอินนึกเกลียดเพลงวงร็อคที่ชอบฟังจนถึงกับเอามาตั้งเป็นริงโทนก็วันนี้ เนี่ยล่ะ
มือ หนาควักโทรศัพท์ที่อยู่ในกระเป๋ากางเกงขึ้นดู ก่อนจะจิ๊ปากอย่างรำคาญเมื่อเห็นว่าหน้าจอแสดงว่าใครโทรเข้ามา บุคคลที่มีใบหน้าเหมือนกับคนในห้องที่กำลังบรรเลงเสียงเปียโนอยู่ และดูเหมือนเจ้าตัวจะตั้งใจเปิดหน้าต่างให้ลมพัดเข้าไปแบบนั้น ทั้งทีความจริงจะปิดไปก็ได้ ถ้าไม่ได้คิดเข้าข้างตัวเอง จงอินก็คิดไปว่าคนในห้องตั้งใจจะเล่นให้เขาฟังแล้วกันนะ
เพราะ ช่วงหลายวันที่ผ่านมาก่อนที่จะเข้าซ้อมบาสกับทีมในทุกเย็น ก็มักจะมาบริเวณนี้บ่อยครั้ง บางวันก็บางวันก็ไม่เจอ สาเหตุที่ชอบมาก็เพราะว่าเสียงเปียโนไพเพราะนี่ก็อย่างหนึ่ง เพราะคนเล่นก็อย่างหนึ่ง... แต่ไม่ได้หมายความอยากจะจีบอะไรเทือกนั้น แค่รู้สึกว่าโอเซฮุน คุยง่ายดีก็เท่านั้น หรือเรียกว่าอยู่ด้วยแล้วสบายใจ บางครั้งจงอินก็นึกสงสัยว่าหน้าตาก็เหมือนกับแฝดพี่ แต่นิสัยนี่ต่างกันลิบลับ จากที่ได้รู้จักมาหลายอาทิตย์นี่ คนเป็นน้องจะดูเรียบร้อยกว่าเยอะ ส่วนซูโฮน่ะเหรอ... เหอะ ขี้บ่น ขี้โวยวาย น่ารำคาญ เหมือนอย่างตอนนี้ ที่สายมันตัดไปสองสามรอบได้แล้ว จนนี่เป็นรอบที่ห้าที่เบอร์เดิมโทรมาซ้ำๆ จนจงอินทนรำคาญไม่ไหว กดรับในที่สุด ยังไม่ทันจะฮัลโหล เสียงปลายสายก็โวยวายออกมาก่อน ดีที่จงอินรู้ทันรีบเอาโทรศัพท์ออกห่างจากหูให้ได้มากที่สุด ก่อนที่หูของตัวเองจะหนวกขึ้นมาให้ได้สักวัน
‘อยู่ไหนของนายห๊ะคิมจงอิน!!!โดดซ้อมอีกแล้วนะ!!!’ เสียงหวานเหมือนกับเซฮุน แต่ติดที่ซูโฮชอบตะโกน จงอินเลยเรียกมันว่าเสียงนรกซะมากกว่า
“จะเสียงดังทำไมเนี่ย รู้แล้วน่า! กำลังจะไป แค่นี้นะ” ตัด สายอย่างรำคาญก่อนจะกดปิดเครื่องเพื่อไม่ให้ใครโทรมาตามอีก มือหนาเก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋าดังเดิม ก่อนจะเดินไปใกล้กับหน้าต่าง เพื่อมองดูคนที่กำลังดีดเปียโนด้วยสีหน้าที่บ่งบอกว่ามีความสุข
จง อินเผลอจ้องหน้าใบหน้าหวานอีกครั้ง จนอีกฝ่ายรู้ตัวถึงได้หยุดเล่น แล้วเดินมาที่ริมหน้าต่าง สะกิดคนที่กำลังทำหน้าเคลิ้มแล้วก็นึกหัวเราะเพราะไม่คิดว่าคนตรงหน้านี่จะ มีมุมแบบนี้ด้วย จงอินเท้าแขนกับหน้าต่าง เปลือกตาปิดลง จนไม่รู้ว่าหลับจริงหรือแกล้งกลับกันแน่ มือขาวสะกิดเบาๆ ที่ท่อนแขนเรียกให้จงอินสะดุ้งขึ้นมาทันที
“ฮ่าๆๆ หลับเหรอ” เซฮุนหัวเราะก่อนเอ่ยแซว จงอินที่พักนี้รู้สึกเหมือนจะเห็นหน้าบ่อย เพราะเห็นว่าชอบจะมาแอบฟังตนเองซ้อมเปียโนอยู่ในทุกเย็นๆ
“เปล่าซะหน่อย จะมาบอกว่าเดี๋ยวจะไปซ้อมแล้ว” จง อินรีบแก้ตัว มือยกขึ้นเกาหัวแก้เก้อ จงอินยังไม่เข้าใจตัวเองเท่าไหร่ว่าทำไมแค่จะไปที่อื่นแล้วต้องมาบอกเซฮุน ด้วยหรือไง ทั้งที่จะเดินออกไปเลยก็ได้ไม่เห็นต้องมาบอกอีกคน
“อื้ม ไปเหอะ เชื่อดิป่านนี้พี่ซูโฮคงจะโมโหแย่แล้ว” เซ ฮุนนึกไปถึงหน้าของพี่ชายที่กำลังเดือดๆ เพราะคนที่โดดซ้อมตรงหน้านี่ ซูโฮชอบมาบ่นเรื่องจงอินให้เขาฟังเสมอ ไม่น่าเชื่อว่าพออยู่กับพี่ซูโฮ จงอินจะเป็นคนที่กวนๆ แต่พออยู่กับเซฮุน เซฮุนรู้สึกว่าคนๆ นี้ไม่เหมือนกับที่พี่ซูโฮเล่าให้ฟังเลยสักนิด
.. หรือว่าจะเป็นคนที่มีหลายบุคลิกเนี่ย
“โอเค ไว้เจอกันพรุ่งนี้ เซฮุน”
เซ ฮุนยิ้มให้จงอิน ก่อนที่ตัวเองจะกลับมานั่งประจำที่ต่อ พลันในหัวก็นึกไปถึงคนที่เพิ่งเดินออกไปเมื่อครู่ วันที่เจอจงอินวันแรกบังคงจำได้ จากนั้นวันถัดมาก็ไม่ได้คิดอะไร ง่ายๆ ว่าเกือบลืมไปแล้วว่าตัวเองเคยเจอจงอินมาก่อนหน้านี้ จนกระทั่งวันที่จงอินมาทักทายอีกครั้ง วันนั้นเขาปิดหน้าต่างไว้เพื่อไม่ให้มีเสียงรบกวน แต่เสียงก้อนหินเล็กที่กระทบกับหน้าต่างหลายต่อหลายครั้ง ทำให้คนหน้าหวานยู่หน้าอย่างรำคาญ แล้วไปเปิดหน้าต่างในที่สุดเพื่อดูว่าใครเป็นรบกวน แล้วมันก็เป็นจงอินที่ยืนหน้างงๆ พร้อมก้อนหินในมือที่ทำท่าจะขว้างมาอีกรอบถ้าเขาไม่มาเปิดเสียก่อน
พอเซฮุนถามว่าอะไร จงอินก็ตอบหน้าซื่อกลับมาว่า ‘เปิดหน้าต่างหน่อย ได้ยินเพลงไม่ชัด’ เซ ฮุนก็เลยต้องเปิดหน้าต่างไว้ทุกครั้งที่มาซ้อม ....ก็ดีใจหรอกนะ ที่มีคนมาฟังทุกวัน แต่แบบนี้ก็เท่ากับพี่ซูโฮต้องอารมณ์เสียทุกวันเลยน่ะสิ ..แน่นอนว่าเซฮุนไม่ได้บอกเรื่องนี้กับใครทั้งนั้น และก็คิดว่าจงอินก็คงไม่ได้บอกใครเหมือกัน เพราะถ้าขืนบอกตัวเขาแน่ล่ะที่จะโดนพี่ซูโฮดุ ก็เลยปล่อยเลยตามเลย.. มีคนมาคุยด้วย ไม่เหงาดี
♥ 2 1 3 ♥
“คิมจงอิน!วิ่งรอบสนามสิบรอบ”
ทัน ที่ซูโฮเห็นคนที่เขาเพิ่งตวาดใส่โทรศัพท์เข้ามาภายในโรงยิม เสียงหวานก็ตวาดตั้งแต่จงอินยังเดินไม่ถึงตัว จงอินส่ายหน้าเอือมๆ เมื่อเจอแฝดผู้พี่บ่นเข้าให้ นึกอยากจะกลับไปฟังเสียงเปียโนเพราะๆ ของเซฮุน แต่ก็ยอมทำตามที่ซูโฮสั่ง ขายาววิ่งเหยาะๆ รอบโรงยิมจนครบตามคำสั่ง แล้วมาหยุดตรงหน้ากัปตันทีมหน้าหวานที่ยืดกอดอกพร้อมจ้องตนเองเขม็งอยู่
“ทำไมมาช้า” เสียงหวานถามนิ่ง พร้อมมองจงอินที่ใบหน้าชื้นเหงื่อเล็กน้อย ให้เดาว่าถ้าสาวๆ มาเห็นคงกรี๊ดดดดดดด..สลบ
“ไปงีบหลับมา” คน ถูกถาม ก็ตอบนิ่งๆ เช่นเดียวกัน พลางยักคิ้วใส่คนตรงหน้าอย่างชอบใจที่เห็นใบหน้าหวานหงุดหงิดขึ้นมา แก้มขาวขึ้นเป็นริ้วแดงยามที่โมโหอะไรมากๆ หรือพยายามกลั้นอารมณ์ไว้ไม่ให้ระเบิดออกมา มือขาวกำกันแน่น ก่อนที่ปลายเท้าจะเขยิบเข้ามาหาคนที่กล้าทำหยิ่งกับตัวเองได้ขนาดนี้
...ชีวิตนี้ของโอซูโฮ บอกได้เลยว่ายังไม่เคยเจอใครที่น่าปวดหัวได้เท่าคิมจงอินมาก่อน
มือ ขาวกำคอเสื้ออีกฝ่ายให้รั้งเข้ามาใกล้ ท่ามกลางสายของสมาชิมที่เหลือที่หยุดกิจกรรมตัวเองไว้ เตรียมห้ามทัพหากสองคนนี้จะเปิดลานมวยแทนจะเล่นบาส
“อย่าคิดว่านายเก่งแล้วจะไม่ซ้อมก็ได้นะ ตราบใดที่นายไม่เป็นทีมแบบนี้ อย่าหวังเลยว่านายจะได้เป็นตัวจริง!” ปล่อย คอเสื้ออีกฝ่ายหลังพูดจบ จงอินจ้องมองดวงตาสวยของอีกฝ่ายก่อนจะยกยิ้มออกมา ไม่ทันที่ซูโฮจะกล่าวว่าอะไรต่อ อี้ฟานโค้ชประจำทีมก็เดินเข้ามาพอดี อี้ฟานลอบถามเหตุการณ์เมื่อครู่จากสมาชิกที่อยู่แถวนั้นก่อนจะพยักหน้าออกมา
“โอเคๆ ไหนๆ จงอินก็มาแล้ว เล่นเป็นทีมแล้วกันนะซูโฮกับจงอินแยกกันนะ” ตัด ปัญหาก่อนที่คนหน้าหวานจะวีนแตกออกมาอีกรอบด้วยการเริ่มทำการซ้อมต่อ อี้ฟานจัดแบ่งทีมโดยบังคับให้จงอินกับซูโฮอยู่กันคนละทีมเพื่อจะได้ไม่เป็น การแย่งกันเล่นภายในทีม เพราะดูแล้วจงอินจะต้องหาเรื่องมาแกล้งซูโฮอย่างแน่นอน ให้แข่งกันคนละทีมแบบนี้จะได้วัดฝีมือกันง่ายๆ ด้วย..
“อะไรอะ พี่อี้ฟาน พี่ดุมันมั่งดิ!นี่มันมาสายเกินโควต้าที่กำหนดไว้แล้วนะ!” ซู โฮโวยออกมา พลางพยักเพยิดหน้าไปทางจงอินที่แกล้งทำเป็นไม่รู้เรื่อง ซูโฮเลยหันไปหอความช่วยเหลือจากอี้ฟานแทน ให้โค้ชเข้มๆ อย่างพี่อี้ฟานดุซะบ้าง มันจะได้จำ!
ลอง ดูว่าถ้าเป็นคนอื่นในทีมคงโดนไล่ออกจากทีมไปแล้ว แต่พอดีนี่เป็นคิมจงอิน... คนที่โค้ชเป็นคนคัดตัวมาเองกับมือ เล่นเส้นเล่นสาย เหอะ!
อี้ ฟานหันมามองซูโฮที่ตอนนี้คงกำลังโมโหได้ที่ คิ้วสวยขมวดยุ่งอย่างไม่ชอบใจ ริมฝีปากเบะคว่ำลง ..จริงๆ แล้วไม่ว่าจะซูโฮหรือเซฮุนจะโมโหก็เถอะนะ ยังไงมันก็เหมือนลูกแมวขู่ทั้งคู่ คนตัวสูงพยักหน้ายอมทำตามใจรุ่นน้องก่อนที่จะโมโหไปมากกว่านี้
“จงอิน ต่อไปนี้อย่ามาสายอีก นี่ใกล้จะแข่งแล้ว เข้าใจมั้ย” อี้ฟานหันไปบอกจงอินพร้อมกับตบไหล่หนาไปทีสองที เรียกสายตาไม่พอใจให้ซูโฮที่ยืนมองเป็นอย่างมาก ..
พี่อี้ฟาน.. ให้ดุมันนะ ไม่ได้ให้เอ็นดูมันแบบนั้น!
“ครับ” จง อินรับคำของอี้ฟานพลางยิ้มให้ก่อนจะเอ่ยขอโทษพี่อี้ฟาน ผิดกับซูโฮที่ยืนหน้ามุ่ยไม่พอใจ เขาพูดปาวๆ บ่นจนหิวข้าว คิมจงอินยังไม่สนใจแถมยังกวนเบื้องล่างใส่ แล้วพอพี่อี้ฟานพูดแค่นั้นทำไมถึงได้เชื่อฟังกันง่ายๆ แล้วพอลับหลังอี้ฟาน จงอินยังมาทำหน้าทำตาใส่อีก
“พี่อี้ฟาน!ทำไมพี่พูดแค่นั้นเองอะ!” อดไม่ได้ที่จะวีนออกมาอีกรอบ อี้ฟานเลยหันมาทำตาดุใส่ซูโฮแทน
“พูดมากน่าซูโฮ อย่างอแงนะ ไปๆ ไปซ้อมได้แล้ว” อี้ฟานไม่ได้สนใจซูโฮที่กำลังจะงอแง กลับเดินไปแบ่งสมาชิกออกเป็นสองทีมต่อ จงอินถึงได้หันมาทำหน้าเยาะเย้ยใส่เขาอีกจนได้
“สมน้ำหน้า”
ซูโฮอยากจะเข้าไปต่อยหน้าคมๆ ให้หงายไปสักที แต่ก็ทำได้ขบกรามไว้ หายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะก้มลงเก็บลูกบาสที่อยู่ใกล้ปลายเท้าที่สุดเขวี้ยงใส่จงอินไปเต็มแรง ก่อนจะรีบลงมาประจำทีมที่อี้ฟานจัดไว้ให้แล้ว
การแข่งขันเป็นไปตามที่อี้ฟานคิดไว้ ถึงจะจัดให้ซูโฮกับจงอินอยู่คนละทีมยังไงก็ตาม จงอินก็ยังหาเรื่องแกล้งซูโฮได้ตลอดเวลา แต่ก็ไม่ได้แกล้งแบบน่าเกลียดจนผิดกติกาหรือว่ายังไง เพียงแต่ไม่มีใครยอมแพ้ใครต่างหาก จงอินก็เก่งอยู่แล้ว แขนที่มีกล้ามเนื้อ ทำให้แรงส่งมีมาก สามารถชู๊ตให้ลูกลงห่วงในระยะได้สบาย ในขณะที่ซูโฮก็ตัวเบา บอบบาง แขนเรียวเล็ก ว่องไว นั่นก็ดีไปอีกแบบ อี้ฟานนึกขำเด็กสองคนนี้ที่ชอบเขม่นใส่กันไม่ได้หยุดสักวัน สงสัยต้องไปลำบากกันแล้วล่ะ จะได้มีน้ำใจใส่กันบ้าง เกลียดขี้หน้ากันแบบนี้ มีหวังตอนเล่นทีมเดียวได้ล่มกันพอดี
ในทุกปีของการแข่งขันก็จะมีการเก็บตัวนักกีฬาอยู่แล้ว เพื่อเป็นการซ้อมหนัก อีกทั้งโรงเรียนนี้ก็ให้ความสำคัญกับทีมบาสมาก ค่าเลี้ยงดูก็เยอะตามไปด้วย
“อาทิตย์หน้าเราจะไปเก็บตัวที่เชจู เตรียมตัวให้พร้อม เราจะคัดเลือกตัวจริงที่จะแข่งกันในปีนี้ที่นั่น”
พอทำการซ้อมระหว่างทีมเสร็จ อี้ฟานจึงเรียกทั้งหมดมารวมตัว พร้อมกับบอกจุดประสงค์ที่ตั้งใจไว้ในวันนี้ การไปเก็บตัวก็ทำให้สมาชิกแต่ละคนเครียด เพราะกว่าจะเข้ามาอยู่ในทีมบาสเก็ตบอลของโรงเรียนว่ายากแล้ว การจะได้เป็นตัวจริงยิ่งยากกว่า ก็แน่ล่ะ ไม่ค่อยมีใครอยากเป็นตัวสำรองหรือไม่ได้ลงแข่งเท่าไหร่หรอก …สมาชิกทั้งหมดขานรับเสียงดังก่อนจะแยกย้ายไปอาบน้ำที่ห้องน้ำนักกีฬาด้านหลัง
“พี่ซูโฮ พี่ว่าผมจะมีโอกาสได้เล่นตัวจริงบ้างมั้ยอะ”รุ่น น้องปีหนึ่ง ถามคนที่โตที่สุดในทีม ไม่ได้หมายถึงเรื่องอายุ แต่หมายถึงตำแหน่ง ซูโฮที่กำลังถอดเสื้อทีมออกจากศีรษะหันมองรุ่นน้องที่ถือว่าสนิทในระดับ หนึ่งก่อนจะยิ้มให้
“พยายามเข้านะ พี่ว่านายทำได้ มินฮยอก” เด็กหนุ่มหน้าตาน่ารัก ตัวก็เล็ก ความจริงเล่นเก่งน่าดูแต่เสียดายไม่ค่อยมีความมั่นในใจตัวเอง เลยได้เล่นบทตัวสำรองอยู่บ่อยครั้ง
“ผมว่าปีนี้ ผมก็แห้วเหมือนเดิม” มินฮยอกแอบเหล่สายตาไปยังสมาชิกใหม่สองคนที่กำลังวุ่นวายกับล็อคเกอร์ของตัวเอง
ซูโฮส่ายหน้าออกมาก่อนจะเดินไปลูบผมนุ่มของมินฮยอกพลางโยกไปมา
“มั่นใจในตัวหน่อยสิ นายน่ะมาซ้อมทุกวัน ไม่เหมือนใครบางคน ไม่แน่นายอาจจะได้ก็ได้นะ” ประโยคตั้งใจพูดแขวะอีกคนที่ยืนหันหลังอยู่
มิ นฮยอกอ้าปากค้างก่อนจะรีบหันไปยังคนที่โดนซูโฮแขวะ ก่อนจะพบว่าใบหน้าคมหันมามองตรงนี้ชั่วครู่นึงก่อนที่เจ้าตัวจะเดินเข้าห้อง อาบน้ำไป
ซู โฮยิ้มมุมปากออกมาก่อนเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นเสื้อยืดเนื้อบาง โยนเสื้อทีมใส่ตะกร้า แล้วคว้ากระเป๋าใบเก่งของตัวเอง บอกลาเพื่อนร่วมทีมก่อนเดินออกจากห้อง
“อ้าว พี่ไม่อาบน้ำเหรอ”
“ไม่ล่ะ เดี๋ยวไปอาบที่บ้านก็ได้ เซฮุนรออยู่”
ใครๆ ในทีมก็รู้กันว่า ซูโฮหวงน้องชายฝาแฝดตัวเองแค่ไหน วันไหนน้องไม่เข้าชมรมก็ให้น้องมานั่งรอที่แสตนด์ เพื่อจะได้อยู่ในสายตาตลอด แล้ววันไหนที่น้องเข้าชมรมก็จะไปรับถึงห้อง จริงๆ แล้วฝาแฝดคู่นี้ดังในโรงเรียนจะตายไป ก็หน้าตาน่ารักทั้งคู่ก็เลยเป็นจุดสนใจ แต่ไม่รู้ทำไมว่าสองคนนี้ถึงไม่มีแฟนกันสักที บางคนก็เลยนึกสงสัยว่าพี่น้องคู่นี้นี่มีความลับอยู่รึเปล่า..
แสง แดดยามเย็นที่ทอเป็นสีส้มอ่อน แดดส่องเบาๆ ให้พอเป็นแสงสว่าง ใบไม้ปลิวตามแรงลม เพราะอากาศที่กำลังเปลี่ยน ที่เกาหลีก็ได้ชื่อว่าเป็นเขตอากาศหนาวอยู่แล้ว นี่แค่ฤดูใบไม้ผลิยังรู้สึกเย็นๆ คงไม่ต้องพูดถึงฤดูหนาวว่าจะหนาวขนาดไหน ซูโฮเดินตามระเบียงของห้องเรียนมาเรื่อยๆ เพราะเป็นเวลาเย็นเลยทำให้นักเรียนไม่ค่อยมี จะมีก็แต่พวกทำกิจกรรมไม่ก็นักกีฬาอย่างเขาเนี่ยล่ะ ที่อยู่กันเย็นย่ำแบบนี้ เรียวขาหยุดที่ห้องที่มีป้ายห้อยลงมาว่า ชมรมดนตรี มือเรียวเคาะที่ประตูสองสามทีเป็นมารยาทก่อนจะเปิดเข้าไปโดยไม่รอให้คนด้าน ในอนุญาต
“เซฮุน กลับบ้านกัน”
กายบางพาตัวเองเข้าภายในห้อง ก่อนจะต้องเงียบเสียงลง เพราะมองไปยังเปียโนหลังใหญ่ก็พบว่าเซฮุนกำลังฟุบหลับอยู่ ..นี่รอนานขนาดหลับเลยรึไง ซูโฮอมยิ้มก่อนจะเดินเข้าไปน้องชาย ทีแรกตั้งใจจะสะกิดเรียกให้ตื่น แต่คิดไปคิดมาก็อยากแกล้งเซฮุนขึ้นมา ใบหน้าหวานคล้ายกันเอียงหน้า แก้มเนียนซบกับแขนบางเผยให้เห็นเพียงเปลือกตาข้างนึงที่ปิดอยู่ ขนตอนยาวเพิ่มเสน่ห์ให้ดูสวยงามยิ่งขึ้น สันจมูกโด่งที่ได้มาจาคนเป็นพ่อ กลีบปากบางที่เผยอออกเล็กน้อยเพื่อหายใจ
มือเรียวยกขึ้นจับปอยผมสีน้ำตาลอ่อนของเซฮุนขึ้นทัดใบหู แก้มขาใสปรากฏขึ้นต่อสายตา ไม่รอช้าซูโฮรีบก้มลงหอมแก้มน้องชายแรงๆ ไปทีนึง และนั่นก็ทำให้เซฮุนสะดุ้งตื่นขึ้นมาได้
“พี่ซูโฮอะ!” เซฮุนร้องออกมาพลางรีบยกมือขึ้นมากุมแก้มข้างที่พี่ชายหอมไว้ ก้มหน้างุดไม่รู้เพราะเขินอายหรือว่าอะไร
“ตื่นแล้วรึไง”
“ก็พี่ซูโฮเล่นปลุกแบบนี้ จะไม่ตื่นได้ไงเล่า” คน เป็นน้องดูท่าจะงอนที่พี่ชายเล่นพิเรนทร์ แค่ทุกวันนี้ก็โดนแซวจะแย่อยู่แล้ว ทุกคนหาว่าเขาติดพี่ชาย ไม่จริงหรอก พี่ซูโฮต่างหากที่ติดเซฮุน
“ทำไมล่ะ อยากรู้ว่าแก้มเซฮุนจะนุ่มแค่ไหน หอมไม่ได้เหรอ” ซูโฮแกล้งแซวน้องชายก่อนจะรีบเดินตามเซฮุนที่สะบัดก้นเดินหนีออกจาห้องไปเรียบร้อยแล้ว
“พี่ก็หอมแก้มตัวเองสิ แก้มผมช้ำหมด!”
ไม่มีวันไหนสักวัน ที่ไม่ว่าแก้มซ้ายก็แก้มขวาของเซฮุนจะไม่โดนขโมยจากพี่ชาย
“ก็พี่ก็หอมตัวเองอยู่นี่ไง~ อย่าลืมดิ เราหน้าเหมือนกันนะ”
ซูโฮตรงเข้าไปกอดคอน้องชายก่อนจะพาเดินออกมาด้วยกัน แกล้งเซฮุนสนุกจะตายไป ..เวลาซูโฮเห็นหน้าเซฮุนที่เหมือนจะชอบหน้ามุ่ย พองลมแก้มอยู่เรื่อย ก็คิดว่ามันน่ารักชะมัด... นี่ไม่ได้ชมตัวเองนะ ชมเซฮุนต่างหาก
ลองคิดว่าถ้าเป็นตัวเขาทำล่ะก็น่าขนลุกตายเลย ถึงจะหน้าเหมือนกันยังไงก็เหอะ เซฮุนน่ะนะ น่าทะนุถนอมที่สุดในโลก
“พี่อย่ามากอดผมนะ ยังไม่ได้อาบน้ำ เหม็นเหงื่อ!” เซ ฮุนแกล้งพูดไปแบบนั้นแหละ... จริงๆ แล้วหอมต่างหาก ถึงจะชื้นเหงื่อมามากแค่ไหน แต่พอได้กลิ่นทีไรก็รู้สึกว่ามันเป็นกลิ่นเดียวกับตัวเองทุกที
“กล้าบอกว่าพี่เหม็นเหรอห๊ะ โอเซฮุน!มานี่เลย”
เซฮุนสะบัดตัวเองออกจาแขนเรียวของพี่ชายได้ก็รีบวิ่งหนีพร้อมกับเสียงหัวเราะ ที่มักจะได้ยินกันสองคน ซูโฮรีบวิ่งไล่น้องชายก่อนจะคว้าเอวบางมากอดไว้ได้อีกครั้ง ก่อนที่เซฮุนจะยิ้มร่าออกมาเมื่อทั้งตัวถูกกอดไว้ด้วยแขนของซูโฮ จากนั้นถึงได้กันเดินจับมือออกนอกรั้วโรงเรียนไป.. ท่ามกลางสายตาของคนที่แอบยืนมองมาได้สักพักแล้ว..
♥ 2 1 3 ♥
“ซูโฮหรือเซฮุนล่ะ ที่มึงมอง” ชาน ยอลวางมือบนไหล่เพื่อนซี้ตัวเอง พลางมองตามสายตาเพื่อนออกไป คู่แฝดที่พากันเดินหัวเราะคิกคักออกไปเมื่อครู่อยู่ในสายตาเขาทั้งสองคนทั้ง หมดคนนึงคือโอซูโฮที่เขามักจะเห็นหน้าอยู่ทุกวัน เพราะเป็นกัปตันทีม ส่วนโอเซฮุนคนนี้ชานยอลไม่เคยคุยด้วย แต่รู้สึกว่าจงอินจะชอบโดดซ้อมไปหาบ่อยๆ ซึ่งมีวันนึงที่โดนซูโฮให้ไปตามเพื่อนมาซ้อมแล้วดันไปเจอจงอินอยู่แถวๆ ห้องเปียโน แล้วก็แอบสืบมาคร่าวๆ ว่า จงอินชอบมาเต๊าะบ่อยๆ .. พอถามก็บอกว่าไม่ได้จีบ แค่มาคุยด้วย เห็นว่าเลยเปียโนเพราะดี
ร้อยวันพันปีที่เป็นเพื่อนกันมาเนี่ย...บอกเลยชานยอลไม่เคยเห็นเพื่อนคิดจะเข้าไปยุ่งกับดนตรีคลาสสิคพวกนี้เลยสักครั้ง
“มองเชี่ยไรล่ะ กูไม่ได้มองใครทั้งนั้นแหละ” จง อินดึงมือชานยอลออกจากไหล่ตัวเอง ก่อนจะเดินนำหน้าชานยอลมาเพื่อจะไปหาไรกินที่นัดกันไว้ตั้งแต่ซ้อมเสร็จ แต่พอจะออกจากโรงเรียนก็เลยเจอคู่แฝดนี่เข้าให้ แล้วก็ไม่รู้ทำไมว่าต้องมาหลบเหมือนกัน ทั้งที่ชานยอลกำลังจะเดินเข้าไปทักอยู่แล้วเชียว
เพราะ จงอินกับชานยอลย้ายมาจากต่างจังหวัดในฐานะนักกีฬา ทางโรงเรียนเลยจัดหอพักหรูใกล้ๆ กับโรงเรียนไว้ให้ ค่าใช้จ่ายไม่เสียแม้แต่วอนเดียว ค่าเล่าเรียนยังฟรีอีกต่างหาก ...ไม่มีอะไรคุ้มไปกว่านี้แล้วล่ะ ได้ทำในสิ่งที่ชอบแถมยังบริการแสนสะดวกสบายแบบนี้อีก
♥ 2 1 3 ♥
.
.
TBC ...
TALK ♥
หยุดยาวๆ มานั่งอ่านฟิคกันเถอะค่ะ OwO; อิ้อิ้ หรือว่าอยู่ในช่วงสอบกันรึเปล่า ฮ่าๆๆๆ
แรกๆ ยังคงไม่มีอะไร ให้พี่น้องเค้ากุ๊กกิ๊กกันไปก่อนเนาะ เขิน .////.
จริงๆ แล้วเรื่องนี้ตั้งใจให้ดราม่า แต่มันยังไม่ถึงเวลา ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆ ตัวละครยังไม่ครบเลยค่ะ เดี๋ยวมีมาเพิ่มอีกนะ > <
ยังบอกไม่ได้ว่าเรื่องนี้จะมีครบคู่มั้ย เพราะเราเองก็ยังไม่รู้เลยค่ะ อย่าฟาดเรานะคะ 55555
ปรับตัวหนังสือให้แล้วนะคะอิ้อิ้ ขอบคุณที่บอกน้า >__<
(คือมันเดี๋ยวใหญ่ไปเล็กไป เรางงๆ นิดหน่อย T_T)
แล้วก็ขอบคุณคอมเม้นทุกอันเลยค่า อ่านแล้วมันปลื้มใจ TwT
ความคิดเห็น