ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [FIC EXO] Two, one or Three {Jongin,Sehun}

    ลำดับตอนที่ #10 : :Two, One or Three ; Part 9

    • อัปเดตล่าสุด 8 มี.ค. 57


    || Two, One or three || part 9

    Paring : Kim Jongin, Oh Suho, Oh Sehun



    .




    .



    .



    .


    2 1 3



    แล้วจะไปกันยังไงเนี่ย ให้ป๊าไปส่งดีมั้ย

     

    ฮยอนมินมองลูกชายทั้งสองด้วยความเป็นห่วง เขาเพิ่งทราบเรื่องก็ตอนเช้าของวันนี้เพราะเสาร์อาทิตย์ที่ผ่านมาต้องไปทำงานต่างจังหวัด พอเห็นลูกชายคนโตขาเจ็บถึงกับทำอะไรไม่ถูก รีบเข้ามาดูอาการแถมจะรีบพาไปโรงพยาบาลอีกต่างหาก และวันนี้เป็นวันจันทร์ จากเดิมทีลูกชายจะพากันเดินไปโรงเรียนเพราะเขาไม่อยากให้ลูกชายปั่นจักรยานแล้วร่วงหล่นลงมาอีก แต่ถ้าจะให้ไปส่งก็อ้อมกับบริษัทน่าดูแล้ววันนี้เขาก็มีนัดสำคัญกับลูกค้ารายใหญ่เสียด้วย

     

    จักรยานที่ไม่ถูกนำมาใช้เป็นเดือน ตอนนี้มีฝุ่นเกาะและกำลังถูกไม้ขนไก่ในมือเซฮุนกำลังปัดทำความสะอาดอยู่

     

    ไม่ต้องหรอก ป๊า เดี๋ยวป๊าไปทำงานสาย ผมขี่จักรยานได้ให้พี่ซูโฮซ้อนท้ายไง

     

    ซูโฮที่นั่งอยู่ตรงเก้าอี้หน้าบ้าน โดยที่ข้อเท้ายังถูกพันด้วยผ้าก็อตสีน้ำตาลมองน้องชายที่กำลังปัดฝุ่นให้จักรยานอยู่อย่างไม่ไว้ใจ เซฮุนไม่ใช่คนขี่จักรยานเก่ง หรือเรียกว่าขี่ไม่แข็ง ทุกทีเขาจะเป็นคนปั่นแล้วเซฮุนเป็นคนซ้อน เผลอคิดไปว่าถ้าเกิดล้มขึ้นมาอีกรอบจะทำยังไงล่ะเนี่ย อยากจะพูดออกไปแต่ว่าพอเห็นสีหน้าเป็นห่วงบวกกับความตั้งใจที่จะให้เขาเป็นซ้อนของน้องชายแล้วมันก็ไม่กล้าขัด

     

    จะไหวเหรอ.... ให้ป๊าไปส่งดีกว่า

     

    ไม่เอาน่าป๊า ผมขี่ได้สบายมากเซฮุนยังคงปฏิเสธท่าเดียว ท่ามกลางความลำบากใจของคนเป็นพ่อ ห่วงทั้งคู่...

     

    พี่ซูโฮ ไปกัน เดี๋ยวสายนะเซฮุนที่ขึ้นคร่อมจักรยานเรียบร้อยแล้ว ตบเข้าที่เบาะหลัง ร้องเรียกพี่ชายซูโฮด้วยสีหน้ายิ้มแย้มผิดกับซูโฮที่ตอนนี้รู้สึกจะลำบากใจเหลือเกินแต่ก็ยังทำต้องยิ้มหวานกลับให้น้องชาย

     

    สองพี่น้องขับออกไปได้ไกลแล้ว โดยมีสายตาของคุณพ่อห่วงลูกมองตามไม่ห่าง..

     

    ขอให้ปลอดภัยเถ๊อะ...เพี้ยง!” คนเป็นพ่อมองตามจนจักรยานเลี้ยวผ่านหัวมุมไปแล้ว ถึงได้ยอมขึ้นรถไปทำงาน

     

    ...

     

    เซฮุน ระวังขวานะ

     

    เฮ้ยๆๆ ซ้ายๆๆ

     

    ดูข้างหน้าด้วยสิ อย่าดูแต่ข้างๆ

     

    เสียงของซูโฮดังขึ้นมาตลอดทาง จนคนที่ทำหน้าที่ปั่นอยู่ต้องยู่หน้า ....เขาก็มองอยู่นี่ไงเล่า

     

    ตัวจักรยานที่เบี้ยวซ้ายทีขวาที ตามสไตล์ของคนที่ยังขับจักรยานไม่แข็งแถมยังมีคนซ้อนท้ายแบบนี้ จะให้คนที่นั่งเกาะหลังอยู่สบายใจได้ไง กลัวน้องจะล้มจะตายอยู่แล้วเนี่ย หัวใจของซูโฮแทบจะตกไปอยู่ที่ตาตุ่มทุกครั้งเวลาที่เซฮุนเบรกจักรยานจนใบหน้าของเขาแนบชิดกับแผ่นหลังของน้องชาย

     

    พี่ซูโฮพูดมากจังเลย ไม่ไว้ใจผมรึไงเสียงหวานพูดขึ้นโดยที่ท้ายประโยคน้ำเสียงกดต่ำลงคล้ายจะน้อยใจที่พี่ชายดูจะไม่เชื่อใจกันเอาซะเลย

     

    ก็ดูนายปั่นดิ พี่กลัวว่ารถจะชนเข้าต่างหาก

     

    นั่งเฉยๆ สิครับ เดี๋ยวก็ถึงโรงเรียนแล้วเนี่ยเซฮุนเพยิดหน้าไปทางประตูโรงเรียนที่อยู่ไม่ไกล เพียงรอสัญญาณไฟแดงเปลี่ยนเป็นไฟเขียวก็จะเข้าสู่เขตโรงเรียนสักที

     

    ซูโฮถอนหายใจออกมาอย่าโล่งใจเมื่อเห็นป้ายโรงเรียนอยู่ไม่ไกลอย่างที่เซฮุนว่า ใจที่เต้นระทึกมาตั้งแต่ออกจากบ้านตอนนี้ได้เวลาที่มันสงบลงสักที

     

    ความจริงพี่ไม่น่ามาโรงเรียนเลย

     

     เซฮุนพูดขึ้นหลังจากที่ตนเองลงจักรยานเรียบร้อยแล้ว ล็อคล้อให้เรียบร้อยก่อนจะเดินมาหาพี่ชายที่นั่งรออยู่ใต้ต้นไม้ ส่วนมากแล้วนักเรียนที่นี่จะชอบจักรยานกันมาซะส่วนใหญ่ ลานจอดจักรยานจึงจะแน่นทุกครั้ง ถ้าหากมาช้าก็หมดสิทธิ์ที่จะหาที่จอดจักรยานได้

     

    พี่ไม่อยากให้เซฮุนมาคนเดียวนี่ อีกอย่างพี่ก็ไม่ได้มาตั้งสองอาทิตย์แล้วด้วย..สองอาทิตย์ที่ไปหมกตัวอยู่ที่เชจู

     

    งั้นผมไปส่งพี่ที่ห้องนะเซฮุนใช้สายตาบังคับให้พี่ชายต้องทำตามที่ตนเองบอก ถึงแม้ว่าซูโฮจะบอกว่าไม่ ยังไงเขาก็ต้องไปส่งถึงห้องอยู่แล้ว

     

    ไปส่งที่ชมรมได้ปะ ...คือพี่อยากไปหาพี่อี้ฟานแค่เพียงพูดว่าชมรม สายตาดุของน้องชายก็หันขวับมาทันที ซูโฮเลยรีบยกชื่ออี้ฟานมาอ้าง

     

    ก็ได้แต่พี่ห้ามจับลูกบาสนะ

     

    เซฮุนมาส่งซูโฮถึงชมรมตามที่ได้ตกลงกันไว้ ประตูโรงยิมที่เปิดอ้าไว้อยู่แล้วเผยให้เห็นสมาชิกในทีมที่กำลังขะมักเขม้นซ้อมกันอยู่ภายใน เสียงของรองเท้าที่เสียดสีกับพื้นกับเสียงลูกบาสที่โยนลงห่วงทำให้ซูโฮรู้สึกคันไม้คันมืออยากจะลงสนามบ้าง

     

    อ้าว พี่ซูโฮ เป็นไงบ้างครับสมาชิกเด็กสุดในทีมที่เหลือบเห็นกัปตันของทีมยืนอยู่หน้าประตูรีบหยุดการเล่นก่อนจะวิ่งมาหาทันตามด้วยสมาชิกคนอื่นๆ ที่ทยอยกันตามมา

     

    งั้นผมไปก่อนนะ พี่ซูโฮเซฮุนที่สิ้นสุดหน้าที่ของตนเองกระซิบบอกพี่ชายก่อนจะส่งยิ้มให้สมาชิกในทีมของพี่ชายแล้วขอตัวเดินออกมา โดยไม่ลืมกำชับว่าฝากดูแลพี่ชายของตนเองด้วย

     

    เด็กหนุ่มเดินออกมาตามระเบียงเหมือนเช่นทุกครั้ง สายตากวาดมองไปรอบ ยิ้มทักทายคนที่รู้จักบ้างสลับกับก้มมองปลายเท้าของตนเองจนเหลือบไปมองเห็นเงาของใครบางคนที่คล้ายว่าตั้งใจจะมาหยุดอยู่ตรงหน้า เด็กหนุ่มเงยหน้าขึ้นมองบุคคลนั้นก่อนจะต้องรีบหลบสายตาแล้วเบี่ยงตัวเองออกมาเพื่อจะเดินไปอีกทาง แต่อีกฝ่ายแกล้งโดยการเขยิบตัวเองมาขวางทางไว้ เซฮุนเขยิบมาทางซ้ายก็เขยิบตาม มาทางขวาก็เขยิบตาม จนในที่สุดคนหน้าหวานก็ต้องยอมเงยหน้าขึ้น คิ้วสวยขมวดยุ่งก่อนจะมองคนตรงหน้าแล้วยกมือขึ้นกอดอก

     

    จะแกล้งเราอีกนานปะ

     

    เด็กหนุ่มในชุดกีฬาทื่ขวางทางเซฮุนหัวเราะขึ้นก่อนจะแกล้งทำท่าทางเดียวกันกับเซฮุน

     

    ก็ผ่านไปสิจงอินยักคิ้วหลิ่วตาใส่เซฮุน ก่อนจะเอียงสายตาไปยังทางเดินอีกฝั่ง

     

    ก็ผ่านไปสิ....พูดง่ายจัง ก็เมื่อกี๊ใครล่ะที่มาขวางทางอยู่ได้ เซฮุนรีบเดินหลบออกมา และในจังหวะที่กำลังจะเดินผ่านอีกฝ่าย ต้นแขนบางก็ถูกกุมรอบโดยมือของเด็กหนุ่มผิวเข้ม เซฮุนสะดุ้งก่อนจะหยุดเดินในทันที ระยะห่างที่ถดถอยจนเหลือเพียงนิดเดียวเป็นผลให้หัวใจของเด็กหนุ่มเต้นรัว ผิวเนื้อสัมผัสกันผ่านเนื้อผ้าบริเวณช่วงไหล่ ริมฝีปากบางเม้มแน่นไม่กล้าหันไปมองคนด้านข้าง เลยได้แต่ยืนนิ่งอยู่แบบนั้นจนรู้สึกถึงเสียงกระซิบเบาๆ ที่ข้างหู

     

    วันนี้ไปหาได้มั้ย

     

    คำถามที่ทำให้เซฮุนต้องพยักหน้าลงอย่างช่วยไม่ได้..

     

    ใบหน้าหวานก้มลงช้าๆ ก่อนจะรีบขืนตัวเองออกมาจากการจับกุม แล้วรีบเดินจ้ำอ้าวผ่านคนตัวสูงไปอย่างรวดเร็ว ไม่คิดจะหันกลับไปมองคนด้านหลังอีก แก้มขาวที่แดงซ่านไปถึงใบหูแถมยังรู้สึกร้อนผ่าวขึ้นมาราวกับว่าตนเองกำลังทอดไข่เจียวอยู่หน้ากระทะ

     

    ความรู้สึกที่เซฮุนก็รู้อยู่ในใจว่ามันคืออะไรกำลังก่อตัวขึ้นมาช้าๆ ...



     

    2 1 3


     

     

     

    เซฮุน ช้าจัง

     

    แฝดพี่เงยหน้าขึ้นจากการกดเล่นโทรศัพท์ ท้องฟ้าเริ่มมืดลงขึ้นทุกที เขากำลังรอน้องชายที่ตกลงกันไว้ว่าเซฮุนจะเดินมารับที่นี่ แต่เลยเวลาเลิกเรียนมาได้ครึ่งชั่วโมงแล้วเขายังไม่เห็นเซฮุนเลย ในใจเริ่มนึกเป็นห่วงว่าคนเป็นน้องจะเป็นอะไรรึเปล่า ทุกทีไม่เคยผิดเวลา

     

    เด็กหนุ่มมองซ้ายมองขวาเพื่อหาคนที่หน้าเหมือนกับตนเองเพื่อว่ากำลังจะเดินมา แต่ยังไม่พบใคร มือเรียวตัดสินใจพิมพ์ข้อความหาน้องชายทันที

     

    อยู่ไหน

     

    ผมอยู่ที่ชมรม พอดีอาจารย์เขาเรียกคุยน่ะครับ พี่ซูโฮรอแป๊ปนึงนะ

     

    ซูโฮได้รับข้อความตอบกลับมาแทบจะทันที สายตาเรียวไล่อ่านข้อความนั้นก่อนจะเก็บโทรศัพท์ลงที่เดิม

     

    ไปหาเซฮุนที่นู่นเลยดีกว่า นิดเดียวเอง น่าจะเดินไปได้ซูโฮมองสภาพตัวเองก่อนจะตัดสินใจเดินไปห้องชมรมดนตรีที่อยู่ไม่ไกลจากจุดที่ตนเองยืนอยู่สักเท่าไหร่

     

    นั่งเฉยๆ มันน่าเบื่อนี่ อีกอย่างเห็นลูกกลมๆ ก็ยิ่งรู้สึกหงุดหงิด อยากจะเข้าไปเล่นด้วยแต่ถ้าทำมีหวังเดี้ยงไปทั้งขาแน่ๆ

     

    .


     

    .

     

     

    มาจริงๆ ด้วย

     

    เซฮุนเปิดหน้าต่างออกก่อนจะพบคนเดิมที่ยืนพิงกำแพงอยู่

     

    คิดว่าฉันจะโกหกรึไง?” อีกฝ่ายตอบกลับมาด้วยท่าทีกวนๆ ก่อนจะยกแขนขึ้นเท้ากับขอบหน้าต่าง

     

    ก็งั้นมั้ง..เซฮุนยักไหล่ มองคนตรงหน้าที่ส่งยิ้มทะเล้นมาให้

     

    เล่นเปียโนให้ฟังหน่อยสิจงอินเพยิดหน้าไปยังเปียโนสีดำที่ตั้งอยู่ในห้อง การได้ฟังเสียงเปียโนเพราะๆ ก่อนไปซ้อมมันก็เป็นเหตุผลหนึ่งที่เขามาที่นี่ ไม่ใช่แค่เพราะอยากจะเห็นหน้าเซฮุนอย่างเดียวสักหน่อย

     

    ไม่เอาล่ะ เดี๋ยวเราต้องไปรับพี่ซูโฮแล้วเด็กหนุ่มส่ายหน้า พลางนึกถึงคนที่ตนส่งข้อความไปบอกเมื่อครู่ ที่จริงวันนี้เขาไม่มีธุระที่ชมรมอย่างที่บอกกับซูโฮ

     

    แค่นิดเดียว ไม่ได้เหรอ

     

    ไม่เอา จงอินไปซ้อมได้แล้วนะ เดี๋ยวก็โดนดุหรอกเซฮุนยกมือกอดอก ใช้สายตาบังคับอีกฝ่ายให้ทำตามที่พูด แต่กลับโดนหัวเราะเลยทำให้เซฮุนนิ่วหน้าก่อนจะต่อว่าอีกฝ่าย

     

    หัวเราะอะไร!”

     

    ก็ตลกอะดิ นี่ดุเหรอ? นึกว่าจะน่ากลัว แต่อย่างกับลูกแมวจงอินแทบกลั้นขำไม่อยู่ หัวเราะใส่อีกฝ่ายเสียงดัง

     

    จงอินนิสัยไม่ดีอะ!”

     

    เห็นอีกฝ่ายทำท่าจะงอนขึ้นมาจริงๆ เลยรีบโบกมือเป็นพัลวันเป็นเชิงว่าไม่แกล้งแล้ว จงอินยกยิ้มให้อีกฝ่ายก่อนจะเอ่ยขอโทษ เหลือบมองนาฬิกา แล้วมันก็เป็นจริงอย่างที่เซฮุนพูด เขาควรจะไปซ้อมได้แล้ว ไม่งั้นเขาโดนโค้ชอย่างอี้ฟานว่าเอาแน่ๆ เพราะว่าซูโฮโดนบังคับไม่ให้ไปทีชมรม อี้ฟานเลยต้องทำหน้าที่แทนเกือบทั้งหมด

     

    นี่ วันแข่งนายจะไปรึเปล่า

     

    ไม่รู้ดิ ถ้าพี่ซูโฮไปก็จะไปด้วย

     

    เป็นเด็กติดพี่รึไง

     

    อะไรๆ ก็พี่ซูโฮ ...

     

    เซฮุนทำท่าจะเลื่อนบานกระจกปิดใส่คนที่อยู่ด้านนอกด้วยความโมโห ตกลงนี่จะมาแกล้งกันเล่นใช่มั้ย ไม่ขำด้วยแล้วนะ!

     

    เฮ้ย อย่าเพิ่งดิ ไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้นสักหน่อย

     

    แล้วอะไรล่ะ?”

     

    มาดูฉัน...ไม่ได้เหรอจงอินว่าพลางช้อนสายตามองขึ้นด้านบน เขาแค่อยากเห็นใบหน้าของใครบางคนในระหว่างที่อยู่ในสนามต่างหาก แบบว่า...เป็นกำลังใจให้อะไรแบบนั้น

     

    ให้ตายเถอะ...คิมจงอินผู้ไม่เคยขอร้องใคร กำลังขอให้ใครบางคนไปดูเขาแข่งบาสรึไง

     

    ขอเหตุผลสักข้อสิว่าทำไมเราต้องไปดูจงอินด้วย

     

    ก็....เอ่อ.....จงอินกลอกตาขึ้นด้านบน จะให้บอกเหรอว่าอยากเห็นหน้านายตลอดการแข่งขัน มันจะไม่ดูเลี่ยนเกินไปหน่อยรึไง

     

    ยิ่งดวงตาคู่สวยที่จ้องมองมา ยิ่งทำให้เด็กหนุ่มรู้สึกทำอะไรไม่ถูก

     

    เออ ช่างเหอะ เซฮุนไม่อยากไปก็ไม่เป็นไร ฉันก็แค่ลองถามดูสุดท้ายก็เป็นซะแบบนี้...งัดนิสัยเดิมออกมาใช้อีกแล้วนะ คิมจงอิน

     

    คำพูดน้อยใจที่พูดออกมาทำให้เซฮุนแอบอมยิ้มอยู่คนเดียว ไม่น่าเชื่อว่าคนแบบคิมจงอินจะเขินเป็นกับเขาด้วย

     

    ขอคิดดูก่อนแล้วกันนะ

     

    ไม่ปล่อยให้อีกฝ่ายได้ถามอะไรอีก มือเรียวรีบเลื่อนหน้าต่างปิดทันที ก่อนจะดึงม่านมาปิดทับอีกชั้นด้วย แกล้งเราดีนัก ขอแกล้งคืนบ้าง เรื่องให้ไปดูแข่งอะไรนั่น ยังไงพี่ซูโฮก็ต้องไปอยู่แล้ว และเขาก็ต้องไปอยู่ดี หน้าจงอินตอนเขินมันก็น่ารักดีเหมือนกัน คนนิ่งๆ แบบนั้นก็มีมุมแบบนี้เหมือนกันนะ

     

    เสียงเปิดประตูทำให้เด็กหนุ่มสะดุ้งก่อนจะหันไปหาต้นเสียง ใบหน้าหวานที่ยิ้มอยู่เมื่อครู่หุบลงทันทีเมื่อเห็นว่าใครเป็นคนเปิดประตูมา

     

    คุยกับใครอยู่น่ะ เซฮุน

     

    พี่ซูโฮ พี่เดินมาทำไมครับ ทำไมไม่นั่งรอผมล่ะเซฮุนรีบเดินไปประคองตัวพี่ชายให้นั่งลงกับเก้าอี้

     

    ก็นั่งรอเฉยๆ มันเบื่อนี่ ว่าแต่คุยกับใครอยู่เหรอ พี่ได้ยินเสียงเหมือนคนคุยกัน อาจารย์ก็กลับไปแล้วนี่

     

    อ๋อ พวกเด็กประถมน่ะครับ กลับบ้านกันดีกว่า เดี๋ยวจะค่ำเสียก่อนเซฮุนไม่ค่อยชอบโกหกเท่าไหร่ แต่ถ้าบอกว่าคุยกับจงอินอยู่พี่ชายเขาต้องโมโหแน่ๆ เด็กหนุ่มรีบชักชวนให้พี่ชายกลับบ้านก่อนที่จะพี่จะสงสัยอะไรมากกว่านี้

     

    .

     

    .

     

    .

     

    เป็นเรื่องโชคดีที่น่าเหลือเชื่อ ขาของซูโฮหายเป็นปกติดีก่อนหน้าวันแข่ง เด็กหนุ่มแทบจะกรีดร้องให้บ้านแตกเมื่อตอนที่ตนเองลองเอาขาแตะพื้นแล้วไม่รู้เจ็บ ซูโฮยิ้มกว้างรีบวิ่งไปบอกเซฮุนเป็นคนแรกพร้อมยังวิ่งขึ้นลงบันไดให้ดูถึงสามรอบทำเอาคนเป็นน้องหัวใจหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่มนึกว่าพี่เสียสติไปแล้ว เนื่องจากใกล้วันแข่งขัน ซูโฮวิ่งเข้ากอดเซฮุนพร้อมพาหมุนไปรอบบ้านจนเวียนหัวกันไปหมด เด็กหนุ่มรีบโทรไปบอกพี่อี้ฟานโค้ชประจำทีมแล้วยังผลุนผลันออกจากบ้านอย่างรวดเร็วเพื่อจะรีบไปซ้อมกับทีมในการแข่งขันที่จะถึงในมะรืนนี้

     

    และเพียงชั่วข้ามคืนการซ้อมที่เป็นไปอย่างหนักแต่ยังต้องคำนึงถึงความพอดีก็ผ่านพ้นไป

     

    โรงยิมของต่างโรงเรียนที่ถูกใช้เป็นสถานที่แข่งขันในวันนี้ ภายนอกเต็มไปด้วยของที่ระลึกสำหรับทีมบาสที่เข้ามาร่วมแข่ง เห็นแบบนี้ทีมบาสก็มีแฟนคลับกลุ่มเล็กๆ เหมือนกันนะ พวงกุญแจที่ถูกออกแบบเป็นรูปการ์ตูนดูน่ารัก ขนาดที่ว่าเดินผ่านมาเห็นเองยังอยากจะซื้อเก็บไว้ นักข่าวจากสถานีโทรทัศน์ต่างๆ กำลังแย่งกันเก็บภาพบรรยากาศเพื่อเอาไปลงที่สำนักของตนเอง แล้วยังจ่อไมค์สัมภาษณ์กับโค้ชทีมอีกด้วย

     

    ภายในห้องพักสำหรับนักกีฬา ซูโฮกำลังก้มสวมรองเท้าผ้าใบพลางฮัมเพลงด้วยความอารมณ์ดี ..จะไม่ให้สุขใจได้ไงล่ะ ก็ในเมื่อความต้องการของตนเองเป็นผลสำเร็จ จากที่ซึมเศร้ามาทั้งอาทิตย์วันนี้คงจะเป็นวันที่ดีที่สุดของซูโฮ สมาชิกในทีมเห็นแบบนั้นก็มีกำลังใจ มีกัปตันทีมหน้าหวานลงเล่นด้วย โอกาสที่จะชนะก็มีมากขึ้น

     

    ยิ้มจนปากจะถึงหูแล้วนะ พี่ซูโฮเซฮุนที่นั่งอยู่ข้างๆ ซูโฮ แกล้งแซวพี่ชาย เขาถูกบังคับให้มานั่งในห้องนี้ด้วยตามคำสั่งของซูโฮ เนื่องจากคยองซูเพื่อนของเซฮุนยังไงไม่มา เรื่องอะไรที่คนเป็นพี่จะปล่อยให้น้องอยู่คนเดียวล่ะ

     

    ก็มันดีใจจนหุบยิ้มไม่ได้อะซูโฮเงยหน้าขึ้นมาหลังจากผูกเชือกรองเท้าเสร็จ สองมือจับเข้าที่แก้มตนเองพร้อมบีบเข้าไปจนริมฝีปากเรียวเหมือนเป็นโดนัทอันเล็ก

     

    ครับๆ รู้แล้วครับ แต่ยังไงพี่ก็ดูแลตัวเองด้วยนะ อย่าฝืนตัวเองแล้วก็ถ้าไม่ไหวพี่ก็ต้องเปลี่ยนตัว รู้ไหมครับ?”

     

    เสียงหวานพูดออกแนวจะบ่นพี่ชายตนเองเสียมากกว่า จนคนในทีมหัวเราะกับเด็กฝาแฝดทั้งสองคนที่เหมือนจะพลัดกันบ่นใส่กัน ส่วนมากมักจะเห็นเป็นซูโฮที่บ่นเซฮุน แต่ตอนนี้กลับกันกลายเป็นว่าเซฮุนมาบ่นให้ซูโฮฟังเสียได้ ซึ่งคนที่ได้ชื่อเป็นพี่ก็ได้แต่นั่งหน้ายู่พร้อมพยักหน้าส่งๆ ไปอย่างนั้น

     

    เข้าใจที่ผมพูดรึเปล่าครับ?”

     

    ผมเข้าใจแล้วครับ พี่เซฮุนแกล้งเลียนแบบน้องชายด้วยใช้สรรพนามพี่ แล้วแทนตัวเองว่าผมกับน้อง ก่อนจะดึงตัวน้องเข้ามากอดแน่นๆ สักที เพื่อเรียกกำลังใจกับตนเอง

     

    งื้อออ ปล่อยนะครับเซฮุนพยายามขืนตนเองออกมา อายสายตาเพื่อนๆ ในทีมที่กำลังจ้องมองอยู่

     

    ให้ตายเหอะ...เขาโตแล้วนะ ถึงพี่ซูโฮจะเป็นพี่ชาย แต่มากอดกันในที่แบบนี้มันก็เขินอยู่ดี

     

    หอมแก้มหน่อยดิไม่ว่าเพียงลมปาก แต่แก้มที่พองลมออกมาและนิ้วที่ชี้อยู่ที่แก้มตนเองก็ตามมาด้วย

     

    เอาอีกแล้ว...... จะปฏิเสธ เซฮุนก็ไม่กล้า กลัวพี่ชายเสียใจ ไม่ใช่เขาไม่อยากทำนะ แต่มันเขินสายตาของคนอื่นนี่น่า! ไม่มาเป็นโอเซฮุนไม่เข้าใจหรอกว่าเวลาที่พี่ชายบอกให้ทำอะไรแบบนี้ต่อหน้าคนอื่นที่ยืนอมยิ้มอยู่มันเป็นยังไง

     

    กำลังใจไง นะนะนะ

     

    คราวก่อนก็กำลังใจ คราวนี้ก็กำลังใจ... ถ้าเป็นที่บ้านล่ะก็เขาจะหอมแก้มพี่ซูโฮสิบทีเลย แต่นี่มันที่อื่นนะ เขาเขิน! ไม่เข้าใจรึไง

     

    พี่ซูโฮก็บอกให้เพื่อนพี่หลับตาก่อนสิครับ...พูดเสียงเบาให้ได้ยินกันสองคน

     

    เฮ้ย!! พวกนายน่ะ ออกไปวอร์มร่างกายข้างนอกไป!!” และแล้วคนหน้าหวานก็ใช้อำนาจกัปตันทีมตะโกนสั่งสมาชิกให้กรูกันออกไปข้างนอก เสียงดังเข้าหน่อยพวกนั้นก็วิ่งหนีหายกันไปหมดแล้ว

     

    อ่ะ..ไม่มีใครอยู่แล้ว หอมได้ยัง

     

    นี่ก็ลงทุนเกินไปแล้ว ...ผมขอโทษนะครับ พี่ชายของผมเอาแต่ใจ เซฮุนพูดในใจคนเดียวก่อนจะหันไปมองคนอื่นที่กำลังวิ่งออกจากห้องจนไม่เหลือใครอยู่จริงๆ

     

    บ้าจังเลย พี่ซูโฮเซฮุนก้มหน้า บ่นพึมพำ แต่ในเมื่อทั้งห้องไม่มีใครอยู่นอกจากพวกเขา คิดเหรอว่าซูโฮจะไม่ได้ยิน

     

    ก็ได้ ไม่หอมแล้วก็ได้จู่ๆ คนเป็นพี่ก็ตัดบทซะอย่างนั้น แถมยังทำท่าทางน้อยใจด้วยการกระแทกเสียง แล้วยังลดแขนจากไหล่บางของน้องชายแล้วเขยิบตัวออกห่าง เรียกให้เซฮุนหันไปมองอย่างงุนงง

     

    พี่อย่างอนสิครับเซฮุนเขยิบกายตนเองเข้าไปหา แต่คนเป็นพี่ยกมือขึ้นกอดอกแล้วสะบัดหน้าไปอีกทาง

     

    โดนงอนเฉยเลย..

     

    เด็กหนุ่มถอนหายใจแรงพลางเบะปาก เขาไม่ชอบให้พี่ซูโฮงอนเขาเลย ง้ออยากเป็นที่สุด... บางที่ถ้าเซฮุนง้อมากๆ แล้วไม่ยอมหายสักที เซฮุนก็จะงอนกลับจนสุดท้ายซูโฮต้องเป็นฝ่ายตามง้อเอง

     

    พี่ซูโฮอะ..เซฮุนก้มหน้าหงุด จ้องมองฝ่ามือของตนเองที่กุมกันอยู่ที่หน้าตัก ไม่รู้จะง้อยังไง..

     

    ความเงียบเกิดขึ้นในห้อง โดยที่คนเป็นพี่ทำฟอร์มงอนไปอย่างนั้นแหละ ไม่ได้งอนจริงเสียหน่อย.. ดวงตาคู่สวยแอบลอบมองน้องชายที่นั่งคอตกแล้วนึกอยากแกล้ง เถิบกายเข้าไปใกล้ด้วยเสียงที่เงียบที่สุด ก่อนจะใช้ปลายนิ้วสะกิดเข้าที่ต้นแขนบางของน้องชาย

     

    เด็กน้อยผู้ซึ่งถูกหลอกเงยหน้าขึ้นมา ก่อนที่คนเป็นพี่ชายจะ....

     

    จุ๊บ....

     

    แตะริมฝีปากตนเองเข้ากับริมฝีปากชมพูของน้องชายเบาๆ แล้วรีบผละออกมา

     

    งื้อออออออออออออออออ พี่ซูโฮ!!!!!!!” ใบหน้าหวานของเซฮุนแดงก่ำ สองมือยกขึ้นปิดหน้าตนเอง รู้สึกว่าหน้ามันร้อนราวกับควันขึ้นอยู่

     

    ช่วยไม่ได้ ให้หอมดีๆ ไม่ยอมหอมซูโฮทำหน้าตาไม่รู้ไม่ชี้ก่อนจะหัวเราะกับท่าทางของเซฮุน

     

    เขินจนหน้าแดงอย่างกับลูกมะเขือเทศ..

     

    พี่ขโมยจูบผมอีกแล้วนะ!”

     

    รอบที่ห้าเห็นจะได้ที่ซูโฮชอบแกล้งเซฮุนด้วยการจุ๊บเบาๆ ที่ริมฝีปาก จูบแรกของเซฮุนก็เป็นของซูโฮ แต่แค่จูบเบาๆ ที่กลีบปากนุ่มนั่นเฉยๆ นะ.. เรื่องอะไรจะยอมยกให้คนอื่นล่ะ หวงจะตายไป! น้องชายของเขาน่าทะนุถนอมเป็นที่สุด ไม่ยอมให้ใครมาทำเปื้อนหรอก

     

    แบร่ ไม่สนใจหรอก~” ซูโฮหันไปยักคิ้วใส่เซฮุน ก่อนจะลุกขึ้นยืนเต็มความสูงแล้วดึงมือน้องให้ลุกขึ้นตามมาด้วย

     

    เดี๋ยวก็โกรธเลยนี่เซฮุนว่าพร้อมทำหน้าตาจะโกรธพี่ชายจริงๆ แต่ซูโฮกลับรู้อยู่แล้วว่าเซฮุนไม่มีทางโกรธเขาด้วยเรื่องแบบนี้หรอก ฝ่ามือยกขึ้นขยี้หัวน้องชายเบาๆ ก่อนจะก้มลงจรดริมฝีปากตนเองกับหน้าผากเนียนอีกครั้ง

     

    เป็นกำลังใจให้พี่ด้วยนะเสียงหวานที่คล้ายกันกระซิบที่ข้างหูของเซฮุน

     

    สองมือที่กุมกันแน่นอยู่ที่ช่วงเอวราวกับจะส่งความอบอุ่นให้แก่กันผ่านมือคู่นั้น เซฮุนพยักหน้าลงก่อนจะส่งยิ้มให้ แล้วสวมกอดพี่ชายด้วยสองแขนของตนเอง

     

    ผมจะดูพี่อยู่ตลอดเลย

     

    เซฮุนจะไม่ปล่อยให้พี่ชายละสายตาไปจากตนเองแน่นอน..

     

    เด็กหนุ่มปล่อยให้พี่ชายไปซ้อมกับทีมแล้ว กายบางเดินออกมาจากห้องพักนักกีฬาเพื่อเดินไปคยองซูที่ได้นัดกันไว้ ระยะทางจากหลังโรงยิมมาถึงด้านหน้าไม่ได้เป็นระยะทางที่ไกลนัก เด็กหนุ่มยกแขนกอดตัวเองเพื่อป้องกันลมหนาวที่พัดมา นี่ขนาดว่าเขาใส่เสื้อหนาแล้วยังรู้สึกหนาว แล้วพวกเขาไม่หนาวกันรึไงนะ ใส่แค่เสื้อกล้ามตัวใหญ่เพียงตัวเดียวแล้วยังออกมาวิ่งท้าลมกันอีก

     

    ระหว่างที่กำลังคิดอะไรเพลินๆ แขนแกร่งของใครบางคนได้คว้าเอวบางเข้าไปกอด ไม่ทันที่เด็กหนุ่มจะส่งเสียงร้องเพราะความตกใจ ทั้งตัวก็ถูกลากให้หลบเข้ามาที่ด้านหลังของต้นไม้ใหญ่ ริมฝีปากถูกปิดกั้นด้วยมือหนา ดวงตาคู่สวยจ้องมองไปที่คนที่พาตนเองมาที่นี่ ก่อนจะจับมือของอีกฝ่ายให้ออกห่าง

     

    เขาเห็นแล้วว่าคนที่ทำแบบนี้คือใคร... ทำเอาเสียตกใจจนเกือบจะร้องให้คนช่วย เด็กหนุ่มช้อนตาขึ้นมองอีกฝ่ายด้วยความไม่พอใจเล็กน้อย

     

    เห็นหน้าฉันแล้ว ทำไมต้องทำหน้าแบบนี้ด้วยจงอินถามขึ้นพลางจ้องกลับไปยังดวงตาเรียว

     

    วันหลังอย่าทำแบบนี้สิ เราตกใจนะ

     

    โผล่มาไม่ให้ซุ่มให้เสียง นึกว่าโจร

     

    ก็อยากคุยกันสองคน..เด็กหนุ่มผิวแทนพูดก่อนจะเขยิบปลายเท้าเข้าใกล้อีกฝ่ายจนแผ่นหลังแนบชิดกับต้นไม้ใหญ่

     

    หัวใจของเด็กหนุ่มเต้นรัวแรงเมื่อใบหน้าคมเขยิบเข้าใกล้ตามมาด้วย ใบหน้าหวานเอียงหลบ เรียวลิ้นเล็กแลบริมฝีปากด้วยความเขิน หารู้ไม่ว่านั่นเป็นการกระตุ้นให้เสียงของของอีกฝ่ายเต้นรัวแรงเช่นเดียวกัน

     

    ใครสั่งสอนใครสอนกันว่าเวลาเขินให้ทำแบบนี้..

     

    ใกล้ไปแล้วนะ เขยิบออกไปหน่อยเซฮุนพูดเสียงเบา มือบางยกขึ้นดันแผ่นอกของอีกฝ่ายเพื่อให้มีระยะห่าง

     

    ไม่แม้แต่จะสนใจคำสั่งของเซฮุน ริมฝีปากยกยิ้มขึ้นมุมปาก เขยิบใบหน้าเข้าใกล้จนได้กลิ่นหอมอ่อนๆ ที่เอกลักษณ์ของกายบาง เสียงทุ้มกระซิบแผ่วเบาข้างๆ ใบหูที่แดงจัด

     

    นี่...

     

    “….เซฮุนพยายามเขยิบใบหน้าให้ออกห่างคนขี้แกล้ง เด็กหนุ่มรู้สึกตัวเองหอบหายใจหนัก เนื้อตัวสั่นไปหมดยามที่คนๆ นี้เข้ามาใกล้มากขึ้นทุกที

     

    ขออะไรอย่างได้ไหม

     

    อะไร...ช่วยออกหน้าออกไปก่อนจะดีกว่า เซฮุนคิดในใจ

     

    ถ้าฉันชนะ.... ไม่สิ ถ้าเราชนะ นายจะไปเดทกับฉันได้ไหม

     

    คำชวนจากปากของเด็กหนุ่มผิวแทน เรียกให้ใบหน้าหวานเงยขึ้นอย่างงุนงง คิ้วสวยเลิกขึ้น...เมื่อครู่คิมจงอินบอกว่าอะไรนะ  เดทอย่างนั้นเหรอ?

     

    เอ๊ะ?”

     

    ได้รึเปล่าจงอินถามย้ำ แกล้งหยอกคนผิวขาวด้วยการเกลี่ยผมนุ่มไปมา

     

    ขอ.....ยังพูดไม่ทันจบประโยค จู่ๆ ริมฝีปากหนาของอีกฝ่ายก็กดทับลงมาที่ข้างแก้มใสที่ตอนนี้ขึ้นริ้วสีแดงจัดดูน่ารัก

     

    เด็กหนุ่มสะดุ้งก่อนจะยกมือข้างหนึ่งขึ้นกุมแก้มที่โดนหอมไว้ ไม่มีคำพูดจะหลุดออกจากกลีบปากสีชมพู คล้ายว่ามันติดอยู่ที่ลำคอ เด็กหนุ่มทำอะไรไม่ถูกนอกจากจะซ่อนสีหน้าอายของตนเองไว้ พร้อมมืออีกข้างที่ว่างก็พยายามกดเข้าที่ตำแหน่งหัวใจ

     

    ให้มันเต้นเบาลงกว่านี้หน่อยไม่ได้หรือไงนะ

     

    จู่ๆ ก็หอม .... ถึงเนื้อถึงตัวไปแล้วนะ ถ้าพี่ซูโฮรู้ เขาตายแน่ๆ

     

    ถ้านายบอกว่าขอคิดดูก่อน ฉันจะหอมอีกไม่เพียงคำพูด แต่มือหนาที่คลอเคลียอยู่แก้มใสออกแรงหยิกเบาๆ

     

    แต่เมื่อกี๊เรายังไม่ได้พูดเลยนะเซฮุนท้วง ใช่..เมื่อครู่เขายังพูดไม่ทันจบเลยด้วยซ้ำ ไม่ยุติธรรม ฉวยโอกาสกันชัดๆ แบบนี้

     

    ก็มัดจำไว้ก่อน ..ว่าไงล่ะ ได้ไหม? ตอบแค่ได้หรือไม่ได้แค่นั้นพอ แต่ว่าถ้านายตอบว่าไม่...ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันนะว่าฉันควรจะแนบริมฝีปากของฉันไว้ตรงไหนดี...เสียงทุ้มพูดทีเล่นทีจริง สีหน้ากรุ่มกริ่ม ปลายนิ้วเลื่อนต่ำลงก่อนจะหยุดที่กลีบปากบางที่เผยอออกเล็กน้อย

     

    จะนุ่มแค่ไหนกันนะ..

     

    มัดมือชก... แบบนี้มันบังคับกันชัดๆ เซฮุนคิดขึ้นมาในใจ ถ้าจะขู่กันขนาดนี้ล่ะก็ ทำไมไม่บอกมาตั้งแต่แรกเลยล่ะ ว่า ถ้าเราชนะ ฉันขอบังคับให้นายไปเดทกับฉันพูดอ้อมค้อมไปมา พูดให้เขาเขินเล่น แล้วก็มาฉวยโอกาสใส่ แบบนี้ได้กำไรไปเลยน่ะสิ มีแต่เซฮุนคนซื่อเท่านั้นล่ะที่เป็นฝ่ายขาดทุน

     

    แต่ก็นะ.. ช่างมันเถอะ เซฮุนไม่ได้คิดที่จะตอบปฏิเสธนี่ มีคำตอบไว้ในใจอยู่แล้ว เพียงแต่อยากเป็นฝ่ายแกล้งคนๆ นี้ซะบ้าง แต่กลับกลายเป็นว่าเขาเป็นฝ่ายโดนแกล้งเสียเอง

     

    อืม ได้ ถ้าชนะเราจะไปเดทกับจงอิน

     

     

    2 1 3

     

    การแข่งขันไม่เป็นไปตามคาดหมายเท่าไหร่นัก เนื่องจากฝ่ายตรงข้ามทำคะแนนนำไปได้มากกว่าสิบคะแนน นั่นหมายความว่าจะต้องทำให้ลูกลงห่วงอย่างน้อยให้ได้มากกว่าห้าลูกถึงจะตามทัน นาฬิกาดิจิตอลกระพริบเป็นไฟสีแดงบ่งบอกเวลาที่เจ้าลูกกลมสีส้มจะต้องหยุดลงในอีกไม่ช้า เสียงรองเท้าเสียดสีกับพื้นขัดมันผสมกับเสียงร้องเชียร์ที่ดังจากแสตนด์ที่ล้อมรอมทั่วทั้งโรงยิม

     

    เด็กหนุ่มผิวขาวนั่งลุ้นจนตัวโก่ง สองมือกำแน่นอยู่กับเพื่อนสนิทที่นั่งอยู่ข้างกัน หัวใจแทบจะเต้นแรงไปตาจังหวะที่ลูกบาสกระทบกับพื้น ดวงตาคู่สวยไม่ได้ละไปไหนนอกจากคนสองคนที่กำลังวิ่งอยู่ในสนาม เมื่อเจ้าลูกกลมนั้นไปอยู่ที่คนใดคนหนึ่ง สายตาก็จะรีบมองตามไปในทันที

     

    จะหมดเวลาแล้ว รีบๆ โยนลูกเข้าสิคยองซูบ่นพึมพำ ดวงตากลมโตจ้องมองไปตัวเลขสีแดงสลับกับคนในสนามที่กำลังหาจังหวะจะโยนลูกให้ลงห่วง

     

    ชายหนุ่มที่ยืนอยู่ข้างสนามกำลังหัวเสีย ฝ่ามือลูบใบหน้าตนเองที่เคร่งเครียด สางผมตนเองอย่างหงุดหงิด โค้ชประจำทีมอย่างอี้ฟานกำลังอยู่ในอารมณ์ที่ไม่มีใครกล้าจะเข้าไปยุ่งด้วย สายตาคมจ้องมองไปที่สนามพร้อมตะโกนสั่งเด็กภายในทีมด้วยถ้อยคำที่ไม่ค่อยสุภาพนัก แต่หากว่าไม่มีใครโกรธหรือเก็บเอาคำพูดนั้นมาคิดเพราะเข้าใจดีว่าเวลาแบบนี้เป็นใครก็โมโห ใครจะมาใจเย็นกันได้ล่ะ กับคะแนนที่ห่างจากทีมตรงข้ามเกือบสิบคะแนน

     

    ซูโฮรับลูกบาสที่ส่งตรงมาก่อนจะตั้งสติเลี้ยงลูกให้ได้อยู่ในมือนานที่สุด เมื่อถึงตำแหน่งที่จะสามารถโยนลูกให้ลงห่วงได้ ไม่ปล่อยให้เสียเวลา มือขาวรีบใช้จังหวะนั้นชู้ตลูกให้ลงในทันที คะแนนเพิ่มขึ้นมาอีกสามคะแนน ตอนนี้ขอเพียงแค่ให้ลูกลงได้อีกสักสามลูกก็จะเสมอกับทีมตรงข้าม

     

    อีกนิดเดียว สู้ๆ นะครับเซฮุนแทบจะสวดอ้อนวอนพระเจ้าตรงนี้อยู่แล้ว

     

    บางทีการแข่งขันมันก็ไม่ได้ใช้ฝีมืออย่างเดียว เรื่องดวงอะไร เรื่องโชคอะไรแบบนี้มันก็จำเป็น

     

    เสียงสัญญาณหมดเวลาดังขึ้นพร้อมกับเสียงสุดท้ายของลูกบาสที่ถูกโยนลงห่วง ดวงตาคู่สวยรีบหันไปมองตัวเลขสีแดง ก่อนจะยิ้มกว้าง ไม่น่าเชื่อว่าเวลาเพียงไม่กี่นาทีจะสามารถพลิกความพ่ายแพ้เป็นชัยชนะได้

     

    เย้!!!!!”

     

    ความดีไม่จบแค่ในสนาม หลังเสร็จสิ้นการแข่งขัน ภายในห้องพักนักกีฬา เด็กๆ ทั้งหลายก็ยังหุบยิ้มกันไม่อยู่ กัปตันทีมหน้าหวานถูกรุมล้อมด้วยเหล่ามาสมาชิกทั้งหลาย ทั้งกอดทั้งรัดด้วยความดีใจ เพราะลูกชู้ตสุดท้ายเป็นเขาเองที่เป็นคนทำให้ได้ชัยชนะมา

     

    ทั้งหมดนี่ต้องขอบคุณพวกนายต่างหากที่ช่วยกันเล่นเพราะว่าเราเล่นกันเป็นทีม ลองถ้าเขาเล่นคนเดียวคงไม่มีทางชนะหรอก

     

    อีกด้านหนึ่งก็มีเด็กหนุ่มคนคนนึงกำลังยิ้มอยู่คนเดียว แต่ไม่ได้ยิ้มไปในเรื่องเดียวกันกับทุกคนในตอนนี้ ในมือจับโทรศัพท์ไว้ก่อนจะพิมพ์ข้อความลงไปอย่างรวดเร็ว

     

    ตามสัญญานะ

     

    ข้อความถูกกดส่งไปแล้ว ตามด้วยเสียงแซวของเพื่อนหน้าทะเล้นที่มายืนซ้อนด้านหลังตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้

     

    แน่ะ... สัญญาอะไรกับใครไว้วะชานยอลที่บังเอิญเห็นเพื่อนยืนยิ้มอยู่คนเดียวเหมือนคนบ้าง นึกสงสัยว่าทำไมไม่ไปร่วมดีใจกับคนอื่นเลยตั้งใจจะเข้าไปทัก พอเหลือบเห็นว่ากำลังพิมพ์ข้อความอยู่ ก็ไม่ได้ตั้งใจที่จะแอบดูหรอกนะ แต่ว่ามันเห็นเองต่างหาก

     

    ยุ่งละ ยุ่งละมึงอะ ไปๆๆ ไปเลยไปจงอินสะดุ้งก่อนใช้ศอกดันเพื่อนให้ถอยห่าง ซ่อนโทรศัพท์ไว้ข้างหลัง

     

    คนอย่างคิมจงอินเขินเป็นด้วยว่ะ เอาเหอะ... ทำอะไรก็ทำ แต่ระวังไว้ละกัน พี่ชายเขาดูท่าจะหวงน้องชานยอลยกมือตบไหล่เพื่อนก่อนจะเพยิดหน้าไปยังอีกคนที่หน้าตาเหมือนกับคนที่เพื่อนกำลังแจกขนมจีบอยู่ตอนนี้

     

    เอ้าๆ ดีใจกันพอรึยังเสียงทุ้มต่ำที่คุ้นหูกันดีดังขึ้น ทุกสายตาหันไปมองโค้ชประจำทีมที่ไม่ได้มีสีหน้าต่างกันสักเท่าไหร่ ก่อนที่ทุกคนจะก้มหัวให้กับโค้ชคนเก่งที่คอยเคี่ยวเข็ญให้มาซ้อมกันอย่างหนัก

     

    อ่ะ มารวมกันหน่อยชายหนุ่มออกคำสั่ง เพียงไม่ถึงวินาที ทั้งหมดก็มายืนเรียงแถวกันตรงหน้าอย่างว่าง่าย

     

    จากนี้ไปจนถึงเดือนหน้าเราจะไม่มีการแข่งขัน นั่นหมายความว่าถึงเวลาพักของพวกนาย แล้วพอเริ่มเดือนหน้าเมื่อไหร่ก็ต้องซ้อมหนักเหมือนอย่างเคย เข้าใจไหม?”

     

    เวลาพักผ่อนหลังการแข่งขันเสร็จ ฟังดูแล้วเหมือนจะมีค่า แต่ความจริงมันเพียงสามอาทิตย์ต่างหาก ในช่วงปลายเดือนพวกเขามีการสอบมิดเทอม เวลาพักที่ว่านั่นก็แทบไม่มีความหมายอะไรเลย เพราะว่าต้องใช้เวลาทั้งหมดทุ่มกับการดูหนังสือเตรียมสอบ แต่ถึงอย่างไรทั้งหมดก็ยังขานเสียงรับคำพูดเข้าโค้ชประจำทีม

     

    2 1 3


     

     

     

    TALK ::

    น่าเบื่อเกินไปรึเปล่า รออีกแปปปปปป...เดียวนะคะ จะได้ถึงกลางๆ เรื่องสักที T^T

    อยากมีแท็คฟิคกับเค้าบ้างค่ะอิ้อิ้ อยากพูดอะไรเกี่ยวกับฟิคเรื่องนี้ ติดแท็ค #fic213 นะคะ > <

    เยิ้ฟ



     

    © Tenpoints!
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×