คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : :Two, One or Three ; Part 1
|| Two, One or three || Part 1
Paring : Kim Jongin, Oh Suho, Oh Sehun
.
.
.
♥ 2 1 3 ♥
สิบสองปีถัดมา..
"พี่ซูโฮ... พี่ซูโฮ ตื่นได้แล้วนะ" เสียงหวานร้องเรียกปลุกคนบนเตียงนอนชั้นสองพร้อมมือเรียวที่เอื้อมไปสะกิดพี่ชายฝาแฝดของตนเองให้ลุกขึ้นเสียที
ถึงหน้าตาจะเหมือนกันจนแยกไม่ออก แต่มันก็ต้องมีสักมุมล่ะที่แตกต่างซูโฮตื่นสาย ค่อนข้างขี้เกียจ ผิดกับเซฮุนที่โตขึ้นมาเรียบร้อยเหมือนคุณแม่ตื่นเช้า ชอบทำอาหาร รักความสะอาด เพราะฉะนั้นการอยู่ร่วมกันในห้องเดียวหน้าที่การทำความสะอาดจึงตกเป็นของเซฮุนอย่างไม่ต้องสงสัย
ซูโฮชอบเล่นบาส เล่นเก่งด้วย เป็นถือนักกีฬาของทีมบาสเก็ตบอลโรงเรียน
ส่วนเซฮุนจะชอบทำอะไรเบาๆ แบบที่ไม่ต้องออกแรงมากอย่างเล่นดนตรีเซฮุนชอบเล่นเปียโน และก็เป็นสิ่งเดียวที่เซฮุนสามารถเล่นได้ดี
น่าแปลกที่ซูโฮขี้เกียจแต่เรียนเก่ง แต่เซฮุนค่อนจะอ่อนด้านการเรียน เวลาสอบซูโฮก็ต้องช่วยติวอยู่ทุกครั้ง
แต่รสนิยมบางอย่างของทั้งสองคนก็เหมือนกัน เช่น.. เพลงที่ฟังเสื้อผ้าที่ชอบใส่คุณแม่เลยจัดตู้เสื้อผ้าขนาดใหญ่ใส่รวมเสื้อผ้าทั้งหมดเอาไว้ในตู้เดียวเพื่อเป็นการประหยัดเนื้อที่ เพราะว่ายิ่งโตของก็ยิ่งเยอะ
"อืมม.." เสียงที่คล้ายกันครางอื้อในลำคอ ก่อนจะพลิกตัวไปอีกทางเพื่อหลบสัมผัสน่ารำคาญในยามเช้า
"พี่ซูโฮ ผมแต่งตัวเสร็จแล้วนะ นี่จะแปดโมงอยู่แล้ว ตื่นสักทีสิ.. พี่ก็"
คนตัวบางอยู่ในชุดนักเรียนเรียบร้อยก่อนเขย่าตัวซูโฮแรงๆจนคนขี้เซาลุกออกจากเตียงในที่สุดเซฮุนเดินไปที่ตู้เสื้อผ้าก่อนจะคว้าชุดนักเรียนแบบเดียวกันนำมาพาดไว้กับพนักเก้าอี้
"พี่ห้ามนอนต่อนะ ผมจะลงไปเตรียมอาหารเช้าให้"กำกับพี่ชายไว้เป็นหมั่นเป็นเหมาะเพราะกลัวซูโฮจะเอนหลังลงไปนอนต่อก่อนที่กายบางจะหายออกไปจากห้องเหลือเพียงคนที่เกือบจะลืมตาไม่ขึ้นอยู่บนเตียง
เซฮุนก้าวลงบันไดมายังชั้นล่างของบ้าน บนโต๊ะทานข้าวมีคุณพ่อนั่งจิบกาแฟพร้อมอ่านหนังสือพิมพ์อยู่เป็นประจำทุกเช้า เซฮุนตรงเข้าไปหอมแก้มคุณพ่อพร้อมเอ่ยอรุณสวัสดิ์ ทำเอาคนเป็นพ่อรีบวางกาแก้วกาแฟลงเพราะกลัวมันจะหกใส่ลูกชาย ก่อนจะหันมาลูบกลุ่มผมนุ่มของเซฮุนเบาๆ
“อรุณสวัสดิ์ แล้วพี่เราล่ะ ยังไม่ตื่นอีกรึไง” เสียงทุ้มดูน่าเกรงขามสำหรับคนอื่น แต่กับครอบครัวแล้วเป็นเสียงที่ใจดีสุดๆ ไปเลยต่างหาก มือหยาบแต่ยังคงความนุ่มหยิกแก้วลูกชายเบาๆ แล้วถามถึงลูกชายคนโตที่ตื่นสายเป็นเรื่องปกติ
“ตื่นแล้วครับ ตอนนี้น่าจะอาบน้ำแล้ว” เสียงหวานว่า ก่อนจะเดินไปยังส่วนของห้องรับแขก มือเรียวหยิบกรอบรูปไม้ที่บรรจุรูปของคุณแม่คนสวยเอาไว้ภายใน ก่อนจะยิ้มบางออกมา
“อรุณสวัสดิ์ครับ หม่าม๊า”
คุณแม่จากครอบครัวไปตั้งแต่ซูโฮกับเซฮุนอายุได้ครบสิบปี ด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์ ถือเป็นเรื่องที่สะเทือนใจที่สุดสำหรับสองพี่น้อง คนเป็นพ่อเลยต้องทำเลี้ยงลูกแฝดทั้งสองคนเองกับมือ ด้วยความที่รักภรรยามาก ทั้งบ้านก็จะมีแต่รูปหญิงสาวประดับตกแต่งไว้ทั่วบ้าน ซึ่งก็เป็นที่น่าพอใจสำหรับลูกทั้งสองเหมือนกัน … เพราะไม่ว่าจะหันไปทางไหนก็เหมือนจะเจอคุณแม่อยู่เคียงข้างตลอดเวลา
เซฮุนวกกลับเข้ามาในส่วนห้องครัว เปิดตู้เย็นเพื่อเตรียมอาหารเช้า โชคดีที่เป็นคนชอบทำอาหารอยู่แล้ว ตอนเด็กๆ ก็มักช่วยคุณแม่ทำบ่อยๆ เรื่องอาหารการกินเลยไม่ใช่เรื่องลำบากสำหรับสามคนพ่อลูก มือเรียวหยิบไข่สองใบ สำหรับตัวเองและพี่ชาย ส่วนคนเป็นพ่อชอบบอกว่า แค่กาแฟกับขนมปังก็พอแล้ว เพราะคุณพ่อต้องรีบออกไปทำงาน.. โอ ฮยอนมิน ประกอบธุรกิจบริษัทส่งออกสินค้าไปยังต่างประเทศ ดำรงตำแหน่งประธาน เพราะงั้นการไปทำงานสายคงไม่เรื่องดีเสียเท่าไหร่
ไข่ดาวจานแรกสุกจนเกือบจะเป็นไข่เจียว จานแรกพร้อมแฮมสองแผ่น ขนมปังปิ้งทาแยม ถูกจัดวางในจานใบใหญ่.. จานนี้ของพี่ชาย ส่วนอีกจาก ไข่ดาวที่ไม่สุกเรียกว่าถ้าเอาส้อมไปจิ้มมันก็คงแตกโพละออกมา จานนี้ของตัวเขาเอง
เสียงตึงตังดังมาจากชั้นบน เสียงปิดประตูดังปัง พร้อมเสียงฝีเท้าที่ลงบันไดอย่างเร่งรีบ จะเป็นใครไม่ได้นอกจาก ซูโฮ… เด็กหนุ่มกายบางพอกับเซฮุน ใบหน้าเหมือนกันจนแทบแยกไม่ออกว่าใครเป็นใคร หากไม่สนิทจริง ซูโฮเอ่ยทักทายคนเป็นพ่อ ก่อนจะรีบนั่งลงตรงหน้าจานอาหารเช้าที่เป็นของตนเองทันที
“พี่ซูโฮ กินช้าๆ สิ” เซฮุนบอกพี่ชายที่รีบตักไข่ดาวกับแฮมเข้าปากพร้อมๆ กัน ตามด้วนมสดที่ดื่มลงคออย่างรวดเร็ว ผิดกับคนตนเองที่ค่อยๆ หันเป็นชิ้นเล็กๆ แล้วค่อยเอาเข้าปาก
“เดี๋ยวก็สำลักหรอก เจ้าลูกคนนี้นี่” ฮยอนมินเลยหันไปปรามลูกชายบ้าง เพราะเดี๋ยวสำลักติดคอขึ้นมาได้เป็นเรื่องอีกแน่ “พ่อไปทำงานแล้วนะ ลูกๆ ก็รีบไปเรียนล่ะ เดี๋ยวจะสาย” ชายใกล้วัยเกษียณลุกขึ้นพลางลูบหัวลูกชายทั้งสอง ก่อนจะคว้ากุญแจรถออกไปจากตัวบ้าน เซฮุนโบกมือลาคนเป็นพ่อก่อนจะส่งกระเป๋าทำงานให้รับไปถือไว้
เซฮุนหันมาจัดการกับมื้อเช้าตนเองต่อ ก่อนที่ดวงตาเรียวจะเบิกกว้างเมื่อจานฝั่งตรงข้ามซึ่งเป็นของพี่ชาย หมดเกลี้ยงลงแล้วรวมถึงแก้วนมสดข้างๆ กันด้วย
“กินช้าอยู่นั่นแหละ เดี๋ยวไม่รอเลย” ดุคนเป็นน้อง ก่อนที่ตัวเองจะยกจานและแก้วมาวางไว้ในอ่างล้างจาน
“ฮึ้ยย พี่รอผมด้วยนะ แป๊ปเดียว จะเสร็จแล้ว” โดนขู่ว่าจะไม่ยอมเดินไปโรงเรียนพร้อมกัน มือเรียวเลยรีบตักอาหารตรงหน้าให้หมด แล้วรีบคว้าแก้วนมข้างๆ กันดื่มรวดเดียว หยิบทิชชู่เช็ดปากก่อนจะรีบเดินตามซูโฮที่ออกไปรออยู่นอกบ้าน
ซูโฮกับเซฮุนเดินออกมาจากบ้าน ถนนเส้นทางที่คุ้นเคย ซูโฮเดินนำหน้าในขณะที่เซฮุนก็พยายามก้าวฝีเท้าให้ทันคนเป็นพี่ ไม่เข้าใจเหมือนกัน ว่ารูปร่างก็เหมือนกันแทบทุกส่วน แต่ทำไมซูโฮถึงเดินเร็วกว่า
“พี่ซูโฮ อย่าเดินเร็วดิ” เซฮุนตะโกนไล่หลังมา ทำให้คนที่เดินนำหน้าอยู่หยุดเดิน ก่อนจะหันหลังกลับมามองน้องชายที่เดินห่างกันเกือบสองเมตรได้
“นายเดินช้าไปต่างหาก เอ้า..”พอเซฮุนเดินเข้ามาใกล้ มือขาวเลยยื่นให้อีกฝ่ายจับไว้ ก่อนมือของเด็กหนุ่มจะกุมกันไว้ เพื่อไม่ให้ต้องมีใครเดินนำหรือเดินตามอีก
“ทำไมพี่ไม่ปั่นจักรยานแล้วอะ เดินแบบนี้เมื่อยจะตายไป” เซฮุนถามถึงจักรยานที่พี่ชายมักจะเป็นคนปั่นแล้วเขาจะเป็นคนซ้อนท้าย ที่ไม่เห็นว่าซูโฮจะเอาออกมาปั่นหลายวันแล้ว
“ก็ที่นายร่วงจากเบาะวันนั้น พ่อก็เลยไม่ให้ปั่นแล้ว” ซูโฮหันไปบอกน้องชาย พร้อมกับพูดถึงวันที่เซฮุนหล่นปุลงจากเบาะซ้อนท้าย ได้แผลที่ข้อศอกฝากไว้เป็นความทรงจำอีกต่างหาก
“อ้าว แล้วพ่อรู้ได้ไง พี่บอกพ่อเหรอ” อุตส่าห์ตั้งใจเก็บเรื่องที่ตัวเองล้มไว้เป็นความลับไม่ให้พ่อรู้ เพราะว่าถ้าพ่อรู้ขึ้นมาล่ะก็ คนที่จะโดนว่าไม่ใช่เซฮุนหรอก แต่จะเป็นซูโฮต่างหาก ข้อหาไม่ยอมดูแลน้อง เซฮุนเลยบอกว่าไม่ต้องบอกพ่อ แล้วไหงพ่อรู้ขึ้นมาได้ล่ะเนี่ย
“เปล่าหรอก สงสัยตอนที่พ่อไปเติมลมจักรยานให้ แฮนด์มันเบี้ยวๆ มั้ง” ไม่ใช่แค่วันนั้นที่เซฮุนหล่นจากเบาะหลัง แต่มันล้มไปทั้งคันต่างหาก คนเป็นพ่อเลยจับได้
“แล้วพ่อว่าพี่ซูโฮมั้ย” มือเรียวยกขึ้นกระตุกแขนเสื้อพี่ชายเบาๆ พร้อมส่งสีหน้ากังวลมายังซูโฮ
.. ก็วันนั้นมันความผิดเซฮุนเองต่างหาก ที่เกาะเอวพี่ชายไม่แน่น ตอนเบรกกะทันหันเพราะรถที่สวนมา เลยทำให้กายบางกระแทกกับพื้นคอนกรีต
“ก็นิดหน่อยอะ”
“ผมขอโทษนะ พี่โดนว่าอีกแล้ว”เซฮุนหน้าจ๋อยไปสนิท เมื่อรู้ว่าพี่ชายโดนว่าเพราะตัวเองอีกแล้ว
แทบจะทุกครั้งที่ไม่ว่าเซฮุนจะทำอะไรผิดก็ตาม คนโดนว่ามักจะเป็นซูโฮเสมอ คนบางครั้งอยากจะให้พ่อมาดุเขาชะมัด
ซูโฮหันมาหาน้องชายที่เบะปากออก มือเรียวยกขึ้นลูบกลุ่มผมสีน้ำตาลเข้มของน้องชาย ที่คิดว่าคนส่วนใหญ่จะแยกออกก็ตรงสีผมเนี่ยแหละ สีผมของซูโฮจะเป็นสีบลอนด์ซึ่งจะดูโดดเด่นมาก แล้วก็จะรู้กันว่า คนผมบลอนด์คือซูโฮ ส่วนผมน้ำตาลคือเซฮุน
“เอาน่า ช่างมันเถอะ” กระชับมือที่กุมกันไว้ให้แน่นขึ้น ก่อนจะรีบก้าวเดินออกไปเพราะเข็มนาฬิกาเริ่มชี้เข้าใกล้เลขเก้าขึ้นทุกที
..
บรรยากาศในโรงเรียนมัธยมมีหลายรูปแบบ เล่นกีฬาในยามเข้าให้ได้เหงื่ออ่อนๆ จับกลุ่มกันอ่านการ์ตูน ติวหนังสือ หรืออาจจะรีบปั่นการบ้านที่ต้องส่งภายในคาบเช้าอยู่ในห้องเรียน
ทันทีพี่น้องฝาแฝดถึงโรงเรียน ลูกบาสกลมก็ลอยลิ่วมาตรงหน้า จนเกือบจะโดนหัวเซฮุนอยู่แล้ว ถ้าซูโฮไม่รีบจับลูกกลมนั่งไว้ด้วยเพียงมือเดียวเสียก่อน เสียงร้องทักทายดังมาจากสนามบาส เรียกให้ซูโฮต้องปล่อยมือเรียวออกจากน้องชาย ก่อนจะโยนลูกกลมๆ นั้นเข้าห่วงด้วยเพียงมือเดียว เสียงโห่แซวก็ดังตามมาอีกระลอกก่อนที่เจ้าตัวที่เป็นคนโยนจะรีบวิ่งเข้าสนามโดยไม่ลืมหันมาบอกลาน้องชาย
“งั้นพี่ไปนะ เซฮุน ตั้งใจเรียนล่ะ”
น่าเสียดายที่ซูโฮกับเซฮุนเรียนกันคนละห้องเรียน ซูโฮอยู่ห้องเอถือเป็นห้องที่รวมเด็กมันสมองเกรดสูงไว้ด้วยกัน ไม่เพียงแค่เรื่องการเรียนเท่านั้น การกีฬาก็เป็นเลิศ เรียกได้ว่าเป็นห้องรวมเด็กหัวกะทิเลยก็ว่าได้ ส่วนเซฮุนอยู่ห้องซี ห้องรองสุดท้ายของสายชั้นเรียน รวมเด็กที่มีสมองปานกลางถึงเกือบจะแย่ไว้ เพื่อง่ายต่อการสอนสำหรับอาจารย์ ส่วนห้องดีคงไม่ต้องบอก ว่านั่นคงเป็นห้องบ๊วยของโคตรบ๊วย สมองว่าแย่แล้ว นิสัยก็แย่ไปด้วย ทีแรกเซฮุนจะได้อยู่ห้องดีด้วยซ้ำไป แต่คุณพ่อไม่ยอมท่าเดียวที่จะให้ลูกชายคนโปรดไปอยู่รวมกับเด็กพวกนั้น โชคดีที่พ่อเป็นคนมีชื่อเสียง จ่ายเงินเพิ่มนิดหน่อยก็สามารถให้ลูกชายยกระดับได้ตัวเองได้ ส่วนห้องบี..เป็นห้องเด็กมีความสามารถพิเศษ เรื่องเรียนอาจจะไม่ดีเท่าไหร่ แต่ความสามารถก็ต้องยกให้ห้องนี้เชียวล่ะ..
♥ 2 1 3 ♥
เซฮุนพาตัวเองขึ้นบันไดเพื่อไปยังห้องเรียน .. ปี 3-C เป็นห้องเรียนของเซฮุน ซึ่งทั้งชั้นเรียนจะเป็นของเด็กปีสองทั้งหมด มือขาวเลื่อนเปิดประตู พาตัวเองเข้าไปในห้อง ท่ามกลางเสียงทักทายของเพื่อนๆ เด็กหนุ่มยิ้มรับก่อนจะนำกระเป๋าไปวางตรงที่นั่งของตนเอง ซึ่งข้างๆ ก็มีเพื่อนซี้ตัวเองนั่งอยู่ก่อนแล้ว
“อรุณสวัสดิ์ คยองซู” เพื่อนตัวเล็กที่มีดวงตากลมโตเป็นเสน่ห์ เป็นเพื่อนสนิทเพียงคนเดียวของเซฮุนคยองซูยิ้มทักทายเพื่อนก่อนจะเริ่มชวนเพื่อนเม้าท์กับเรื่องที่ตนเองไปบังเอิญได้ยินมาวันนี้
“นี่ รู้หรือเปล่า วันนี้เราผ่านห้องพักครู ได้ยินว่าจะมีนักเรียนใหม่มาด้วยล่ะ”
“เอ๋ ไม่รู้อะ แล้วเขาจะมาอยู่ห้องเราเหรอ” คิ้วได้รูปเลิกขึ้นถาม พลางหยิบหนังสือ กล่องดินสอ สำหรับที่ต้องเรียนในคาบแรกออกมาวางบนโต๊ะ
“เปล่าอะ เห็นว่าอยู่ห้องบี”
“อ้าว แล้วมันน่าสนใจยังไงล่ะ” เซฮุนหัวเราะก่อนจะหันไปถามเพื่อนของตนเอง ... คยองซูเป็นคนที่ชอบมองผู้คน(หน้าตาดี)อยู่เสมอ เพราะฉะนั้นเซฮุนก็เลยคิดว่าคนที่คยองซูเห็นมาต้องหน้าตาดีจัดแน่ๆ
“นี่ เอาหูมาใกล้ๆ สิ” เซฮุนทำตามที่เพื่อนบอก โดยการเขยิบตัวเองเข้าไปใกล้ๆ ต้นคอขาวถูกรั้งด้วยมือเล็กของเพื่อน ก่อนที่คยองซูจะกระซิบลงไป
“มีเข้ามาใหม่สองคน เห็นว่าจะได้เข้าทีมบาสของโรงเรียนด้วยนะ”
“อ๋อ เป็นนักบาสนี่เอง”
“ใช่แล้ว เพราะงั้น.. ให้ซูโฮ ..พี่นายลองไปสืบมาสิ ว่าเป็นยังไง”
“หืม?พี่ซูโฮคงไม่สนใจหรอกมั้ง” ใบหน้าหวานสะบัดไปมา เมื่อนึกไปถึงนิสัยไม่ค่อยสนใจใครของพี่ชายตนเอง
“ไม่จริงน่า พี่นายต้องรู้สิ ว่าจะมีสมาชิกใหม่เข้ามาในทีม เป็นถึงกัปตันเลยนะ” คยองซูทำสีหน้าไม่เชื่อ ก่อนจะเว้าวอนให้พี่ชายฝาแฝดของเพื่อนไปสืบเรื่องของเด็กใหม่ที่เข้ามาเรียนระหว่างเทอมแบบนี้ ..สงสัยจะเล่นบาสเก่งน่าดู ถึงได้ย้ายเข้ามาง่ายๆ
“ไม่รู้เหมือนกันนะ พี่ซูโฮไม่เห็นบอกอะไรเลย งั้นเอาไว้เราจะถามให้นะ” จบทสนทนาไว้เพียงเท่านั้น เพราะอาจารย์ที่ทำการสอนในคาบเช้าได้ก้าวเข้ามาในห้องเรียนเรียบร้อยแล้ว
♥ 2 1 3 ♥
หลังเลิกเรียน เซฮุนลงมารอพี่ชายตนเองที่โรงยิมเหมือนทุกเย็น ภายในโรงยิมก็เหมือนสนามบาสในร่วม คนตัวบางเลือกที่นั่งบนแสตนด์สูง ก่อนจะมองไปยังพื้นด้านล่างที่ซูโฮกำลังวอร์มร่างกายโดยมีสมาชิกที่เหลือกำลังทำแบบเดียวกันอยู่ บางทีเซฮุนก็นึกอยากจะลงไปเล่นด้วย แค่เคยลงไปเล่นด้วยครั้งนึงเจอลูกบาสโหม่งหัวเข้าให้ ซูโฮเลยไม่เคยให้มาใกล้สนามอีกเลย เจ้าตัวเลยต้องมานั่งห่างๆ อยู่แบบนี้
ระหว่างนั่งรอพี่ชายเฉยๆ เบื่อๆ อยู่แบบนี้ เซฮุนเลยคั่นเวลาด้วยการหยิบการบ้านออกมาทำ ถึงแม้ว่าจะทำไม่ค่อนได้ก็เถอะ ไม่เป็นไร..ไว้เดี๋ยวให้ซูโฮตรวจอีกที
..
“เฮ้ ซูโฮ” เสียงอาจารย์ประจำชมเรียกกัปตันทีมอย่างซูโฮให้เดินเข้าไปหา กายบางเดินเข้าไปหาอจารย์อย่างไม่อิดออด พร้อมถามสุภาพว่ามีอะไรให้รับใช้ เลยโดนเขกหัวไปทีนึง
“เดี๋ยวจะมีเด็กใหม่มาสองคน อายุเท่านายนั่นแหละ ปีเดียวกัน อยู่ห้องบี นี่อาจารย์ใหญ่ไปคัดตัวมาจากต่างจังหวัด ยังไงก็ช่วยดูแลด้วยนะ”
“อ๋อ ครับ แล้วไหนอะ” ชะเง้อมองหาบุคคลที่อาจารย์กำลังพูดถึง ไม่ทันไร เด็กสองคนที่อาจารย์ว่าก็เดินออกมาพร้อมชุดประจำทีม คนนึงตัวสูงพร้อมทรงผมดัดหยิกอย่างที่วัยรุ่นเขาชอบทำกัน ใบหน้าดูยิ้มแย้มตลอดเวลาจนเมื่อครู่ซูโฮเผลอคิดไปว่า ..ได้คนเอ๋อเข้ามาในทีมรึเปล่า ส่วนอีกคนมีส่วนสูงพอๆ กับเขา แต่แปลกทีมีผิวสีแทนไม่เหมือนคนเกาหลีหรือบางทีวาง ตัวเขาอาจจะขาวไปก็ได้
“นั่นไง นี่ปาร์คชานยอลกับคิมจงอิน” อาจารย์แนะนำตัวเด็กใหม่ทัง้สองคนเสร็จสรรพก่อนที่ คนที่ชื่อชานยอลจะโค้มหัมลงเล็กน้อยพร้อมยิ้มโชว์ฟันขาวให้ ซูโฮเลยทักทายตอบ ส่วนอีกคนที่ซูโฮรอให้เป็นฝ่ายทักทายก่อน ไม่มีที่ท่าว่าจะทำแบบที่ชานยอลเลยสักนิด อีกทั้งยังมองเขาด้วยสายตานิ่งๆ มองตั้งแต่ตัวหัวจรดเท้าแบบนี้....ซูโฮรับไม่ได้
มือเรียวยกขึ้นเท้าเอวพลางใช้สายตามองอีกฝ่ายบ้าง ก่อนจะต้องอารมณ์ขึ้นเมื่อได้ยินประโยคที่จงอินพูดออกมา
“เนี่ยเหรอ กัปตันทีม หน้าอย่างกับผู้หญิง แขนก็บางซะ ...จะไปสู้อะไรกับเขาได้เนี่ย”
เคยบอกไปรึยัง ...ว่าซูโฮเกลียดการดูถูกที่สุด
มือเรียวเขวี้ยงลูกบาสที่อยู่ในมือใส่คนผิวแทนตรงหน้าเต็มแรง และมั่นใจว่ามันต้องกระแทกแผ่นอกนั่นเต็มแรงแน่ๆ แต่น่าแปลกที่มัน
ผิดคาด มือหนายกขึ้นรับลูกบาสไว้ทั้งสองมือก่อนจะยักคิ้วกวนๆ ส่งให้ซูโฮที่หน้าบึ้งตึงอยู่
“นาย!!มาพูดจาดูถูกฉันแบบนี้ได้ไง!!”
“พูดจริงนี่ โดนคนตัวใหญ่เบียดเข้าคงจะปลิว”
“มันจะมากไปแล้วนะ...”,มือขาวกำเข้ากันแน่น ริมฝีปากอมชมพูเม้มเข้าหากันอย่างระงับความโกรธ โดยที่ข้างกายก็มีอาจารย์รั้งแขนไว้อยู่ ...เอาจริงๆ อาจารย์ก็ไม่คิดว่าเด็กคนนี้มันจะปากเสียขนาดนี้ ส่วนชานยอลที่เลิ่กลั่นทำอะไรไม่ถูกก็ได้แต่หัวเราะกลบเกลื่อนแต่ดูท่าว่าไม่มีใครสนใจเสียเท่าไหร่
“งั้น.. ไหนขอลองดูฝีมือกัปตันทีมของโรงเรียนที่เคยได้แชมป์สองสมัยหน่อยสิ” พูดท้าอย่างไม่กลัว ก่อนจะยกลูกบาสในมือใส่คนตัวบางที่รับไว้ได้ทัน
ดวงตาปะทะเข้าหากัน จนคนรอบข้างรู้สึกว่ามันมีสายไฟฟ้าเปรี๊ยะๆ แลบออกมาด้วย ..ด้านซูโฮ ก็รับคำท้าอย่างไม่กลัว ใบหน้าเรียวพยักขึ้นลง ก่อนแกล้งเดินกระแทกไหล่จงอินเพื่อเดินไปยังกลางสนาม มือขาวส่งลูกบาสให้อาจารย์รับไว้เพื่อทำหน้าที่กรรมการ
เด็กหนุ่มทั้งสองคนยืนประจันหน้ากันอย่างที่ว่าถ้าเป็นปลาทองคงท้องไปแล้ว ดวงตาเรียวจ้องมองคนตรงข้ามด้วยแววตาแข็งกร้าว เพียงแต่จงอินเพียงปรายตามองคนหน้าหวานพร้อมยกยิ้มมุมปาก สีหน้ากวนๆ ยิ่งทำให้เซฮุนรู้สึกโมโห ..หยิ่งนักนะ ทำมาเป็นข่มเขา จะเก่งสักแค่ไหนกันเชียว ..
เสียงนกหวีดดังขึ้นพร้อมกับลูกกลมสีส้มเข้มลอยขึ้นเหนือศีรษะ เซฮุนเป็นฝ่ายแตะลูกได้ก่อน มือเรียวลูกบอลในมืออย่างชำนาญ เสียงลูกบอลกระทบกับพื้นไม้มันเงา พร้อมเสียงรองเท้าที่เสียดสีกับพื้นดังเอี๊ยดอ๊าด ด้วยความที่แข่งกันสองคน แป้นบาสเลยถูกใช้เพียงฝั่งเดียว ระยะทางในการเลี้ยงลูกเลยไม่ลำบากนัก อีกทั้งการเล่นแบบตัวต่อตัว ไม่มีบุคคลอื่นมาคอยบล็อคเลยทำให้การชู๊ตลูกกลมให้ลงกับห่วงเลยง่ายกว่าหลายเท่า
แต่พอมือเรียวทำท่าจะโยนลูกลงห่วง ความไวเพียงพริบตาจากคนอีกคนที่อยู่ภายในสนามเช่นเดียวกัน จงอินกระโดดตัวเพียงเล็กน้อยพร้อมมือหนาที่ปัดลูกบาสที่กำลังจะลงห่วงออก ก่อนที่เจ้าตัวจะเป็นฝ่ายเลี้ยงลูกไว้เอง แล้วไม่ทันที่ซูโฮจะแย่งลูกในมืออีกฝ่ายกลับมาได้ เสียงฟุ่บดังขึ้นเพียงวินาที ลูกกลมๆ ร่วงหล่นลงในห่วง ท่ามกลางสายตาของซูโฮและลูกทีมคนอื่นที่นั่งดูการแข่งขันอยู่ข้างสนาม
“จ..จงอิน สองคะแนน” ขนาดอาจารย์ที่เป็นกรรมการยังคงความอึ้งถึงกับลืมคะแนน ก่อนหน้านั้นก็ไม่ได้เป็นคนมาดูจงอินเล่นบาสในช่วงก่อนที่จะย้ายมาโรงเรียนนี้ นี่เป็นครั้งแรกที่เห็นการเล่นของจงอิน แถมยังเป็นครั้งแรกที่เห็นว่าซูโฮโดนนำแต้มอีกด้วย
จงอินหันมายักคิ้วกวนใส่ซูโฮที่จิ๊ปากไม่พอใจ คิ้วสวยขมวดยุ่งพร้อมดวงตาเรียวที่จ้องเขม็งมายังจงอินอย่างไม่วางตา
“เนี่ยเหรอ กัปตันทีม สงสัยจะต้องเปลี่ยนซะแล้วมั้ง..”จงอินเดินเข้ามาใกล้ซูโฮก่อนจะพูดประโยคให้ได้ยินกันเพียงสองครั้ง โดนดูถูกอีกรอบ ใช่ว่าซูโฮจะทนฟังคำพูดหยามกันได้อีก มือเรียวผลักอกคนตรงหน้าไปเต็มแรงก่อนจะพูดเสียงดัง
“เกมส์ยังไม่จบ อย่ามาพูดมาก!”
เกมส์ที่สองเริ่มต้นขึ้นคราวนี้ซูโฮยังคงเป็นฝ่ายเลี้ยงลูกก่อน คราวนี้ไม่เปิดช่องโหว่ให้จงอินได้แย่งลูกเหมือนช่วงแรกอีก มือเรียวเลี้ยงลูกจนใกล้แป้นบาสก่อนจะโยนลงห่วงอย่างแม่นยำ
“ซูโฮ สองแต้ม!”
การแข่งขันตัวต่อตัวยังคำดำเนินต่อมาเรื่อยๆ จนหมดช่วงเวลาหนึ่ง เสียงนกหวีดถึงได้ดังขึ้นพอดีกับที่เซฮุนชู๊ตลูกสุดท้ายลงห่วงพอดี สิ้นเสียงนกหวีด คนตัวบางก็ทรุดตัวลงนั่ง ความเหนื่อยล้าจากกที่เล่นเต็มแรงเมื่อครู่ทำเอาอยากจะนอนแผ่กลางพื้นมันเงาอยู่แบบนี้ แขนเรียวยันตัวเองไว้เพื่อไม่ให้ทำแบบนั้น ผิดกับจงอินที่ยังคงวิ่งชู๊ตบาสอยู่ ..จนซูโฮนึกสงสัย ว่าไอหมอนี่ไม่เหนื่อยเลยรึไง เขาสิหอบหายใจหนักจะตายอยู่แล้ว ซ้อมปกติในทุกๆ วัน ยังไม่เหนื่อยเท่าเล่นกับมันแค่ครึ่งชั่วโมง
ยอมรับว่าหมอนี่เล่นเก่งจริงๆ ..ถ้ามาอยู่ในทีม แชมป์ปีนี้ก็คงไม่ต้องสงสัยเลยว่าจะตกเป็นของใคร แต่ที่ซูโฮไม่ชอบใจคือนิสัยกวนของจงอินต่างหาก
“สรุปว่า..เสมอกัน”
ซูโฮหันขวับไปทางอาจารย์ที่เพิ่งประกาศคะแนนออกมาเมื่อครู่ ดวงตาเรียวเบิกกว้างพร้อมชักสีหน้าไม่พอใจ ..เสมอกัน เป็นไปได้ไง ซูโฮไม่เคยแพ้ใครเวลาเล่นตัวต่อตัว ไม่เคยเสมอกับใครทั้งนั้น
“ไง คุณกัปตันทีม เมื่อกี๊ออมมือให้เหรอ” คนชอบพูดจากวนประสาทเดินมาเย้ยถึงหน้า พร้อมก้มลงมองคนตัวบางที่นั่งชันเช่าอยู่กับพื้น มือหนาส่งมายื่นให้ตรงหน้าหวังจะฉุดให้อีกฝ่ายลุกอีกขึ้น ซูโฮมองมือชื้นเหงื่อก่อนจะใช้ฝ่ามือของตัวเองสะบัดมือของคนตรงหน้าจนเกิดเสียงดัง
เมื่อครู่...ซูโฮไม่ได้ออมมือเลยแม้แต่น้อย เผลอเล่นเต็มที่ไปก็ตอนที่จงอินโยนลูกลงห่วงไปต่อหน้าต่อตา
“อย่ามาดูถูกกันนะ” ซูโฮลุกขึ้นก่อนจะเดินหนีอีกฝ่ายออกจากสนาม เพื่อนร่วมทีมโยนผ้าขนหนูมาให้ ก่อนที่ซูโฮจะเดินไปที่ถังน้ำดื่ม แล้วยกขวดขึ้นดื่มรวดเดียว
..หงุดหงิดมาก ไม่ชอบขี้หน้าเลยจริงๆ
ท่าทางว่ากัปตันทีมจะโมโหมาก ...นานๆ คนในทีมจะเห็นซูโฮหัวเสียได้ขนาดนี้ แต่ดูจากท่าทางกวนๆ ของไอเด็กใหม่มันก็น่าโมโห หยิ่งยโสโอหัง เพิ่งจะเข้ามาแท้ๆ แต่กล้าไปท้ากัปตีนทีม ถึงแม้ว่าคนในทีมจะเห็นด้วยก็เถอะว่ากัปตันของพวกเขาน่ะ หน้าตาหวานเหมือนผู้หญิงจริงๆ ..แต่เรื่องฝีมือก็ต้องยกให้จริงๆ ซูโฮเล่นเก่งถึงได้ถูกยกให้เป็นกัปตัน
“พวกนายนั่งบื้ออะไรกันอยู่ล่ะ!ไปซ้อมสิ!”
รุ่นน้องรุ่นเดียวกันที่อยู่ในทีมแทบลุกไม่ทันกับแรงเหวี่ยงของซูโฮ สะดุ้งกันเป็นแถบ คว้าลูกบาสได้คนละลูกสองลูกก่อนจะรีบวิ่งลงสนามตามคำสั่งของกัปตันทีมหน้าหวานทันที กลัวว่าจะเหวี่ยงอะไรมากอีก..
“เป็นไง ซูโฮ” เสียงทักทาของอาจารย์พร้อมมือที่แตะเข้าที่ไหล่บาง ทำให้ใบหน้าหันไปทางอาจารย์ก่อนจะพยักหน้าออกมาเล็กน้อย
“ก็เก่งครับ เก่งมากเลย อาจารย์ไปหามาจากไหนเนี่ย” มือขาวยังคงยกผ้าขนหนูที่พาดอยู่ที่ต้นคอขาวซับใบหน้าเบาๆ พลางส่งสายไปตากลับไปมองที่สนาม คิมจงอินกำลังวิ่งชู๊ตบาส ...ขนาดนอกเขตเส้นยังชู๊ตได้แม่นขนาดที่ว่าลูกบาสไม่โดนชอบห่วงเลยสักนิด ถ้าลองให้โยนสักร้อยลูกก็คงเข้าทั้งร้อยลูกอย่างไม่ต้องสงสัย
“คิมจงอินน่ะ ..เด็กต่างจังหวัด วันก่อนที่อาจารย์ใหญ่เขาไปดูแข่งบาสมาแล้วเห็นว่าเล่นดีน่ะ เลยขอตัวมาที่นี่ ส่วนปาร์คชานยอลก็เหมือนกัน มาจากที่เดียวกัน เห็นดูเก้งก้างแบบนั้นก็เก่งน่าดูนะ”
ซูโฮมองตามที่อาจารย์กำลังใช้สายตามองไปยังคนสองคนที่แข่งกันชู๊ตบาสแข่งกันอยู่ โดยที่ไม่ได้ไปซ้อมรวมกันเหมือนคนในทีมคนอื่นๆ
ทักษะการเล่นน่ะดีแล้ว ...แต่นิสัยคงต้องปรับอีกเยอะ
♥ 2 1 3 ♥
“พี่ซูโฮ ข้าวเย็นเสร็จแล้วน้า” เซฮุนตะโกนขึ้นชั้นไปยังชั้นสองของบ้าน หลังจากที่ตนเองจัดการวางกับข้าวบนโต๊ะอาหารเสร็จเรียบร้อย ส่วนใหญ่คุณพ่อจะไม่กลับมาทานข้าวเย็นที่บ้านเพราะมักจะต้องไปพบคู่ค้าอยู่บ่อยๆ มื้อเย็นเลยมีแค่สองพี่น้องเท่านั้น
หลังจากกลับมาบ้านซูโฮก็ตรงขึ้นชั้นสองเพื่ออาบน้ำ ล้างคราบเหงื่อไคลจากการซ้อมบาสติดกันหลายชั่วโมง แล้วถ้าเซฮุนเดาไม่ผิด ป่านนี้พี่ชายคงจะอาบน้ำเสร็จแล้ว และก็นอนกลิ้งบนเตียงจนเผลองีบหลับไปชัวร์ๆ ..
เซฮุนเดินเข้ามาในห้องนอนที่หน้าประตูแปะชื่อไว้ว่า ‘ห้องนอนของซูโฮและเซฮุน’ ซึ่งมันได้ถูกแปะไว้แบบนั้นตั้งแต่จำความได้ แล้วมันก็เป็นอย่างที่คิดไว้ พี่ชายกำลังนอนแผ่อยู่ที่เตียงชั้นล่างซึ่งมันก็เป็นเตียงของเซฮุนนี่แหละ
“พี่ซูโฮ ข้าวเสร็จแล้วนะ ไปกินกัน” มือเรียวเขย่าตัวพี่ชายเบาๆ สภาพเส้นผมที่ยังเปียกชื้นจนเซฮุนนึกห่วงกลัวว่าพี่ชายจะไม่สบาย
โชคดีที่ซูโฮยังหลับไปลึกเท่าไหร่ เรียกเพียงสองสามครั้งก็ยอมลุกขึ้นมาได้ มือยกขึ้นขยี้ตาเบาๆ ก่อนจะหยักหน้าเนืองๆ
“วันนี้มีอะไรกินบ้างอ่า เซฮุนนา~~” ตื่นขึ้นเต็มตาก็อ้อนน้องชายเต็มที่ แขนขาวยกขึ้นโอบรอบเอวน้องชาย ก่อนจะไล่หอมแก้มนอง จนเซฮุนต้องเขยิบตัวหนี
“งื้ออ ผมยังไม่ได้อาบน้ำเลยนะ เพิ่งเข้าครัวด้วย ตัวเหม็นจะตาย” ผิดกับซูโฮที่ตอนนี้ตัวหอมด้วยกลิ่นอ่อนๆ จากแชมพูและแป้งเด็ก
“ไม่เห็นเหม็นเลย กลิ่นเดียวกับพี่ชัดๆ” แกล้งน้องชายต่อด้วยการยกมือบางขึ้นมาซูดดม ..
ก็จริงๆ ซูโฮกับเซฮุนก็มีกลิ่นเหมือนกัน แชมพูขวดเดียวกัน สบู่เหมือนกัน จะไม่ให้เหมือนกันได้ไง แต่ซูโฮชอบบอกว่าเซฮุนหอมกว่า
“ฮ่าๆๆๆ อย่าสิครับ จั๊กจี้น่า ไปกินข้าวกันดีกว่า” เซฮุนหยุดมือซูโฮไว้ก่อนจะดึงให้พี่ชายเดินตามตัวเองมา
โต๊ะอาหารถูกวางเต็มไปด้วยของโปรดของซูโฮ แล้วมันก็หมายถึงเป็นของโปรดของเซฮุนด้วยเช่นกัน จากที่ซ้อมเหนื่อยๆ มาตลอดช่วงเย็น ทำให้มือขาวที่ถือตะเกียบหยิบกินอย่างรวดเร็ว ตามด้วยข้าวที่ซูโฮขอเติมไปเป็นถ้วยที่สี่แล้ว นี่ตกลงไม่รู้ว่าหิวมากหรือว่าอาหารอร่อยกันแน่ ..
“วันนี้ซ้อมหนักเหรอครับ” เซฮุนถามขึ้นเพื่อให้พี่ชายตนเองได้หยุดพักหายใจจากการกินบ้าง เดี๋ยวมันจะติดคอไปซะก่อน
ใบหน้าเรียวพยักหน้าลง ก่อนคว้าแก้วน้ำขึ้นดื่มตามเพื่อที่จะเอ่ยปากพูดบ้าง
“ใช่ดิ เออ.. แล้วก็มีคนใหม่เข้ามาด้วยสองคน เหนื่อยจะตาย” ซูโฮนึกไปถึงตอนที่ตัวเองเล่นแข่งกับคิมจงอิน เพราะมันนั่นแหละทำให้เขาต้องเหนื่อยผิดปกติแบบนี้ ทุกทีจะซ้อมแค่พอเอาเหงื่อนิดหน่อยให้หลับสบาย แต่นี่เริ่มรู้สึกปวดแขนขึ้นมานิดๆ แล้วล่ะ
“อ๋อ จริงด้วย เห็นคยองซูบอกผมเหมือนกัน เป็นไงครับ เขาหล่อมั้ย ....เอ่อ อันนี้คยองซูให้ผมมาถามนะ ผมไม่ได้ถามเอง” ประโยค
หลังรีบพูดต่อเพราะสายตาของซูโฮที่จ้องเขม็งมาจนเกือบจะหลบไม่ทัน
“ก็ลองนายถามเองสิ พี่ไม่ให้นายไปนั่งข้างสนามอีกแน่” เห็นแบบนี้ซูโฮหวงน้องน่าดู.. ตะเกียบถูกชี้มาทางใบหน้าหวานของเซฮุน ก่อนที่คนเป็นพี่จะคีบกิมจิเข้าปาก
“โหย พี่ก็... จะกลัวอะไรล่ะครับ ยังไงหน้าตาเราก็เหมือนกัน อีกอย่างนะ.. ผมคงไม่เป็นที่น่าสนใจเท่าไหร่หรอกครับ” ...ถ้ามีคนเขาจะเลือกเข้ามาทำความรู้จักด้วย ก็ต้องเลือกพี่อยู่แล้ว ... ประโยคหลังเซฮุนแอบเติมในใจ เพราะด้วยความที่ตนเองเข้าหาใครไม่เข้าเป็นเสีย
เท่าไหร่ ชอบจะอยู่เงียบๆ เพื่อนน่ะมีคยองซูคนเดียวก็พอ แล้วอีกแล้วอย่างที่ผ่านมาซูโฮก็มักจะเป็นฝ่ายที่มีคนมาจีบตลอดอีกด้วย
“ถึงจะหน้าเหมือนกัน ยังไงนายก็น่าเป็นห่วงอยู่ดี ตามใครไม่เคยทันหรอกนายน่ะ”
ซูโฮเอ่ยดุน้องชาย ที่ตอนนี้ทำหน้าบึ้งพร้อมเบะริมฝีปากออก ซูโฮเลยจัดการเอื้อมมาเขกหัวน้องไปทีนึง ก่อนจะเริ่มกินข้าวต่อ
จริงๆ แล้ว ไม่ใช่ว่าเซฮุนไม่มีคนเข้ามาหาหรอก มี..มีเพียบเลย แต่โดนแฝดพี่จัดการไปซะหมดต่างหาก คิดจะจีบเซฮุนน่ะ ต้องผ่านการประเมินจากซูโฮก่อนโว้ย!
♥ 2 1 3 ♥
.
.
-TBC-
TALK ♥
ฝาแฝดพีู่ซูโฺฮกับน้องเซฮุน~ อย่าลืมน้าาา พี่ซูโฮก็คือน้องฮุนนะคะ เป็นฝาแฝดกันนะ 555
มีตรงไหนที่พิมพ์ผิดหรือพิมพ์สลับชื่อ อ่านแล้วมันแปลกๆ ก็บอกได้เลยนะคะ ตอนแต่งก็พิมพ์ผิดพิมพ์ถูกเหมือนกัน ;_;
เรื่องนี้ตามอ่านได้สองที่นะคะ คือที่นี่กับในบลอคของเราค่า
ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านนะคะ
T^T คือไม่รู้ว่าทำไมในตอนถึงลงโค้ดตกแต่งไม่ได้อ่ะค่ะ มันเลยเป็นแบบดั้งเดิม
ใครรู้บอกทีนะคะ ฮ่าๆๆ เคยเอาลงครั้งนึงแล้วตอนนั้นก็ทำได้อยู่ ตอนนี้ไม่รู้เป็นอะไรทำไม่ได้แล้ว แง๊ T^T
ความคิดเห็น