คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : ๔
๔
มโนพัศกำลังคุยกับพี่ดลหรือดลนภาที่กำลังนั่งทำงานอยู่กับหน้าจอคอมพิวเตอร์เครื่องใหญ่
“แกไม่ไปเรียนไง” คำถามแรกที่ดลนภาถามมักจะเป็นแบบนี้ทุกครั้งไป
“อยากให้ไปก็จะไป” ชายหนุ่มแกล้งทำเป็นจะเดินกลับ
“โอ๋ๆๆๆ” ดลนภาละสายตาออกจากหน้าจอ “ยังๆ”
แต่เมื่อประตูห้องพักครูเปิดออกอาจารย์คนหนึ่งที่ใส่ชุดกีฬาเหมือนกับว่ากำลังจะออกวิ่งได้ทุกเมื่อ ทุกที่ ทุกเวลา อาจารย์ที่หน้าตาแสนจะธรรมดาแต่การศึกษาดีจบจากมหาวิทยาลับชื่อดังที่มีสีประจำคือสีชมพู เขาชื่ออาจารย์อิสรพงษ์
“พี่พงษ์หวัดดีจ้า” เด็กชายยกมือไหว้แล้วมองหน้าพี่สาวคนสวย “ข้านึกได้พี่ดลว่าเรียนต่อไปวิชาอะไร ไปก่อนนะ”
“เออๆ ทิ้งข้าเลยนะ”
ยิ้มให้ทีหนึ่งก่อนแล้วเดินออกมาจากห้อง เมื่อตอนเดินมาเขาเจอกับอดีตคนรักเก่าที่เลิกรากันไปเมื่อหลายเดือนก่อน เขาเป็นรุ่นน้องคนหนึ่งของโรงเรียนเก่า ตอนที่เข้ามาทักและเราทั้งสองก็เริ่มคุยกันก่อนกีฬาสีของโรงเรียน แต่ทั้งสองก็ลงเอยด้วยการเลิกรากันเพราะคำโกหก
“เมื่อกี้เจอเบสวะ” ชายหนุ่มบอกกับบุญสิตา “มองเขากับอาจารย์วิน คงจะคิดว่าเป็นแฟนละมั้ง วันๆหนึ่งไม่เห็นจะมาชั้นนี้เลยไม่รู้มั้งว่าเป็นอาจารย์ใหม่”
“มันอาจจะมองหรือเปล่าว่าทำไมเขาใส่แว่นดำ” บุญสิตาสาวน้อยเหมือนตุ่นมองโลกในแง่ดีบอก เธอมักจะเป็นที่ปรึกษาที่ดีเสมอ เหมือนกับว่าเธอนั้นเป็นสองสาวดีเจแห่งคลับฟรายเดย์อย่างนั้น “มันก็เลยมองมา แล้วมันยิ้มให้หรือเปล่าละ”
“ไม่เลย เขาหลบหน้ามัน” มโมพัศส่ายหัวไปมาแล้วตอบค่อย “ก็บอกกันก่อนคบแล้วว่าไม่ชอบคนโกหกมีอะไรก็บอกกันตรงๆ จะมีคนใหม่ก็ไม่ว่าแต่อย่ามาหลอกกันแบบนี้”
“เออๆ อย่าไปคิดมาเลย อาจารย์มาแล้วไปข้างล่างกัน” บุญสิตาเดินไปหยิบรองเท้าแล้วพาชายหนุ่มเดินลงไปข้างล้าง
อาจารย์สอนวิชาพละศึกษานั้นเป็นหญิงสาวอายุประมาณสี่สิบปีแต่ก็สอนได้เมามันส์มากกว่าอาจารย์ท่านอื่นๆ วันนี้เป็นวันเปิดวันแรกอาจารย์เลยให้นักเรียนเตรียมตัวสำหรับการจะทำในเทอมนี้คือการเต้นแอร์โรบิกนั้นเอง
“ตัดเพลงมาให้เรียบร้อย” อาจารย์บอก “เอาใส่แฟลชไดซ์มาหรือแผ่นซีดีก็ได้”
“แล้วจะเปิดยังไงเจ๊” คชสานเพื่อนตัวอ้วนของเพื่อนๆร้องถามท่าทางที่เหมือนแม่สีเรือนนั้นทำให้หลายๆคนมักเรียกเพื่อนคนนี้ด้วยสรรพนามที่ต่างจากผู้ชายคนอื่น
“ฉันมีเครื่องเล่น” อาจารย์พรทิพย์บอกกลับมาด้วยท่วงท่าจริตออกท่าทาง “เอามาเล่นได้หมด”
“โอเคจ๊ะ” คชสานตอบตกลงแล้วเป็นอันเข้าใจ
หมดคาบเรียนแล้วทุกคนเดินกลับขึ้นห้องเรียนแล้วแต่กลุ่มของเขานั้นเดินรั้งท้ายเพื่อจะไปดื่มน้ำที่โรงอาหาร
“มานี้สิมิว” ปัญฑิตาเรียกมาจากแท็งก์น้ำ “มีอะไรจะบอก”
“อะไรเป้” มโนพัศเดินไปหาเพื่อนสาวหน้าเหมือนหมี ข้างๆเธอนั้นเป็นธนวรรธที่กำลังเธอน้ำลงถังอยู่โดยมีบุญสิตารอกดน้ำอยู่ข้างๆ
“เขามองอีกแล้วรู้หรือเปล่า” หญิงสาวบอกด้วยสีหน้าจริงจัง “แล้วคราวนี้เขายิ้มให้ด้วยละ”
“จริงๆเขาเห็น” ธนวรรธบอกคณะที่กำลังเอาขวดน้ำใบใหญ่วางลงกับพื้น “แล้วก็ยังอธิบายเรื่องที่มิวไม่เข้าใจอีกด้วยไม่เห็นหรอ”
“เพราะเขาเป็นอาจารย์ไงละ” มโนพัศบอกปัดเพราะไม่อยากจะเข้าข้างตัวเองมากนัก “อาจารย์ทุกคนเวลาที่เด็กไม่เข้าใจก็ต้องอธิบาย”
“แล้วเรื่องที่เขาเดินตามหลังมิวละ” บุญสิตาถามกลับ “เขามีดูเหมือนจะอายๆแล้วก็ยิ้มๆด้วยนะ”
“หรอ” มโนพัศส่งเสียงเนือยๆ
“หรือเพราะยังลืมเบสไม่ได้” ปัญฑิตาถามตรงๆ “จริงหรือเปล่า”
“มันไม่เกี่ยวกับเบส” ชายหนุ่มตอบ “ก็บอกไปแล้วว่าไม่ชอบคนโกหก พวกแกก็รู้ และถึงจะไม่มีเบสฉันก็ไม่มีทางจะชอบเขาหรอก”
“จริงหรอ” เสียงของใครคนหนึ่งดังขึ้นข้างหลังเขา
“จริงสิ” มโนพัศหันกลับไปตอบทันทีแต่ก็ต้องหัวใจหดเล็กลงด้วยความที่รู้ว่าคนตรงหน้านั้นเป็นใคร อาจารย์วายุ
“อาจารย์มาทำอะไรที่นี้คะ” ปัญฑิตาถามอย่างรวดเร็ว
“จะไปเอาของที่มหาลัยนะ” คณะที่พูดสายตาของเขาไม่ได้จับจ้องอยู่ที่ปัญฑิตาเลยแม้แต่น้อย กลับมองมาที่มโนพัศที่กำลังยืนหน้าซีดอยู่
“กลับกันเถอะ” ชายหนุ่มบอกแล้วรีบเดินออกไปจากที่นั้น เพื่อนทั้งสามของเขารีบเดินตามมาติดๆโดยเงียบกริบ
ทำไมในหัวใจของเขานั้นมันรู้สึกแบบนี้ ทำไมได้ยินน้ำเสียงนั้นที่บ่งบอกความเสียใจมากเท่าไหร่ยิ่งทำให้หัวใจองเขานั้นยิ่งชา นี้มันจะเป็นไปได้ยังไงกันในเมื่อเขาทั้งสองคนนั้นไม่ได้แม้แต่จะคุยกันเกินสามประโยคเลยด้วยซ้ำไปในวันนี้
“มิว” เสียงใครคนหนึ่งตะโกนเรียน เขามีดวงตาเล็กพอดูโหนกแก้มสูงเล็กน้อยริมฝีปากบางเฉียบ เหล็กดัดฟันสีแดงติดอยู่ หุ่นของเขานั้นดีมากเหมือนกับนักเรียนเตรียมทหาร
“ว่าไงเบส” มโนพัศทักกลับบ้าง “ไม่มีเรียนหรือไงลงมาเดินแถวนี้”
“ก็มาหามิวนั้นแหละ ไปที่ห้องแล้วไม่เจอ” ภูเบศมองตาเขา “นึกว่าไปดูกับอาจารย์ดลนภา”
“เพิ่งขึ้นมานะ” มโนพัสพยายามจะเอามือที่โดนจับออกจากพันธนาการ “เดี๋ยวไปเรียนก่อนนะ แล้วเจอกัน”
“เดี๋ยวก่อน” ภูเบศรั้งเอาไว้
“ไปบอกอาจารย์ว่าเข้าสายหน่อย” มโนพัศบอกเพื่อนทั้งสาม “เดี๋ยวตามไป”
“คุยกันดีๆนะ” บุญสิตาบอกก่อนจะเดินจากไป
“ทำไมเบสโทรไปแล้วไม่รับ” ภูเบศเริ่มเปิดฉากถาม
“อ่านหนังสืออยู่นะ” คนถูกถามตอบกลับมา
“หนังสืออะไร”
“แฮร์รี่ พอตเตอร์” มโนพัศตอบ
“เบสจำได้ว่ามิวอ่านมาสี่รอบแล้ว” ภูเบสย้ำกับเขา “ทั้งหมดเจ็ดเล่ม”
“ก็อยากอ่านอีก” มโนพัศตอบกลับ นึกในใจว่าอยากให้ใครสักคนเดินมาห้ามเหตุการณ์ครั้งนี้ให้ที แต่นี้จะมีใครมาช่วยละ
“นักเรียนทำอะไรกันนะ” เสียงของใครคนหนึ่งดังขึ้น “ทำไมไม่ไปเข้าเรียน”
“ไปเถอะ” มโนพัศบอกกับภูเบศ “แล้วค่อยคุยกันทีหลัง”
“คืนนี้เบสจะโทรไป” คนตาเล็กตอบ “เบสอยากบอกว่าขอโทษที่ทำไปทุกอย่าง เบสรู้แล้วว่าใครที่ดีที่สุดสำหรับเบส เบสไม่อยากเสียงคนคนนั้นไปอีกแล้ว เบสยังเหมือนเดิมทุกอย่าง แค่อยากให้มิวอภัยกับเด็กคนนี้ที่ทำผิดไปแล้ว รับโทรศัพท์เบสด้วยนะคับ”
“อืมๆ” พยักหน้าตอบรับไป เพราะสายตาไม่เคยโกหกใครครั้งนี้เป็นความจริงที่ว่าเขานั้นคงจะต้องกลับมาลองคิดใหม่เรื่องของภูเบศ
มโนพัศเดินกลับมาทางเดิมพร้อมกับภูเบศที่เดินจับมอเขาเอาไว้แน่นก่อนจะลาจากกันตรงหน้าห้องของเขา แต่ใครคนนั้นที่ห้ามเขาทั้งสองคนเอาไว้นั้นเป็นเพื่อนของอาจารย์วายุ แล้วทำไมเขาต้องมากังวลเรื่องของอาจารย์วายุด้วยละ
อาจารย์ภาษาไทยสอนเรื่องการอ่านจับใจความต่อให้จบด้วยวิธีการที่รวดเร็ว ยังเป็นเรื่องดีที่มโนพัศนั้นสนใจเรื่องของภาไทยเป็นเอย่างดีเลยเข้าใจได้ง่ายมากขึ้นกว่าเดิม
ในใจของเขาตอนนี้ยังคงวนเวียนแต่เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อสักครู่นี้ มันทำให้หัวใจของเขาที่ขาดการดูแลกลับมามีความหวังอีกครั้งแต่แล้วภาพหน้าของใครคนนั้นก็เข้ามาในหัวของเขาทั้งที่ยังไม้ได้คิดถึงเขาเลยแม้แต่น้อย
ความคิดเห็น